99 ราตรี

ไปเจอมาเลยเอามาฝากสำหรับนักประชาธิปไตยต้องไปเลือกตั้ง 

แต่ดูแล้วรู้สึกถูกแทงใจดำยังไงไม่รู้วุ้ย 

ความจริงอยากจะตามอ่านเพียงอย่างเดียวไม่ค่อยอยากจะตั้งกระทู้สักเท่าไหร่แต่ก้อดไม่ได้ ขอสักกระทู้ก่อนสิ้นปีเพราะรู้สึกสมาชิกเสรีไทยหลายคนชักเยอะเกินล่ะ 

เข้ามาอ่านวันสองวันนี้มีกระทู้ส่อให้เห็นถึงความรุนแรงเยอะมาก บางคนถึงขั้นบอกจัดตั้งเป็นกองกำลังกันเถอะก้มี เอาเป็นว่าหยุดพักช่วงนี้สงบสติอารมณ์คิดวิเคราะห์ดูบางว่าอะไรที่ควรทำไม่ควรทำ  วันนี้น่าจะมองอะไรหลายอย่างออกกันได้แล้วนะว่าแค่ รองเท้าผ้าใบกับใจถึงๆ มันไม่พอแล้วขืนยังใช้การวิ่งสู้ฟัดแบบเดิมๆก็มีแต่ร่วง ยิ่งจับอาวุธขึ้นสู้ก็ยิ่งเข้าทางฝ่ายตรงข้ามซึ่งรอจุดนี้อยู่ดูตัวอย่างม็อบเสื้อแดงก่อนหน้าได้  ฝ่ายไหนยิ่งรุนแรงยิ่งจบเร็วเพราะมันจะกลายเป็นข้ออ้างให้อีกฝ่ายลงมือจัดการได้เต็มที

ถึงเวลาที่ กปปส. ต้องมาทบทวนการเคลื่อนไหวของตัวเองได้แล้วว่ามาถูกทางไหม ปฏิรูปประเทศผมและเพื่อนอีกหลายคนสนับสนุนกันเต็มที่ว่าถึงเวลาที่ต้องปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่สักทีล่ะ  แต่ตรงจุดนี้ฝ่าย กปปส. แทบไม่ได้พูดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยเอาแต่ด่าระบบทักษินไปวันๆตั้งแต่เริ่มม็อบยันวันนี้  

การพูดปราศัยบนเวทีของแต่ล่ะคนก็ดูจะเอามันส์เข้าว่าหาสาระอะไรไม่ได้มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่พูดแล้วน่าฟังมีสาระให้เห็น ตรงส่วนนี้น่าจะมีการจัดเตรียมรูปแบบการพูดบ้างว่าใครจะพูดอะไรยังไงไม่ใช่อยากจะพูดอะไรก็พูดๆจนกลายเป็นประเด็นให้ฝั่งตรงเอาไปโจมตีได้  

ส่วนเรื่องประเด็นการปิดกรุงเทพ  ผมอยากให้เอาไปทบทวนใหม่ที่สุดขืนทำมันไม่ก่อประโยชน์อะไรมีแต่ฝ่ายม็อบเองที่เสียทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเสื้อเหลืองปิดสนามบินเสื้อแดงปิดราชประสงค์(บางทีอาจหนักว่าด้วยซ้ำ)ที่เราเคยด่าๆกันมาก่อนหน้านี้  ก็ไม่รู้นะว่าเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนพวกแกนนำเสื้อเหลืองหรือเปล่า  วันนี้ที่เราสู้จริงๆไม่ใช่ระบบทักษินแต่เป็นสังคมไทยต่างหากถ้าทำอะไรที่สังคมไม่เห็นคุณจบแน่

สุดท้ายกลุ่มเพื่อนผมในกรุงเทพที่สนับสนุนเริ่มถอยมาทีละคนสองคนขนาดคนที่ไปม็อบครั้งล่าสุดยังไม่เห็นด้วยกับการปิดกรุงเทพ และถ้าขืนยังทำผมก็คงหยุดสนับสนุนหันหลังแล้วเดินออกไปเช่นเดียวกันที่เคยทำกับกลุ่มพันธมิตรกรณีปิดสนามบิน 

มาร่วมพูดคุยประเด็น ปฏิรูปภาคการเมือง กันครับ 

จากที่ได้ตามอ่านประเด็นนี้อีกที่หนึ่งที่ผมตามเรื่องการเมืองก้มีการพูดถึงประเด็นนี้กันอย่างดุเดือดเหมือนกัน กระทู้วิ่งเป็น 10 ๆหน้าได้ 

จนมีข้อสรุปที่ตรงกันว่ายังไงก็ควรการใช้สิทธิ์ไว้ที่ 1 คน 1 สิทธิ์ เช่นเดิม เหตุผลคือถ้าไปกำจัดสิทธิ์คนที่ถูกกำจัดจะถูกละเลยไม่สนใจคนกลุ่มนี้ตายก่อนแน่และการคัดกรองจากคน 40 กว่าล้านคนที่มีสิทธิ์ไม่ใช่เรื่องง่าย 

จึงหันประเด็นไปที่แทนจะกำจัดสิทธิ์ผู้เลือกเราไปคัดกรองคนที่มาเป็นตัวเลือกหรือ สส. จะง่ายกว่า ก็มีข้อเสนอตามนี้ 

1.ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนต้องผ่านการสอบคัดเลือกถ้าไม่ผ่านไม่มีสิทธิ์รับสมัคร ตรงส่วนนี้จะถือว่าเป็นการคัดกรอบคุณภาพผู้สมัคร สส. ไปในตัว พรรคการเมืองไหนไม่อยากถูกตัดสิทธิ์ผู้สมัครก้ต้องคัดคนมาก่อนจะใช้แบบต่างตอบแทนแบบปัจจุบันไม่ได้อีก 

2.ยกเลิก ป้าย ขบวนรถ หาเสียงทั้งหมดเหลือไว้เพียงแค่บัตรแนะนำตัวเท่านั้น ส่วนเวทีปราศัยให้เป็นเวทีกลาง กกต. จัดเวลาให้แต่ละผู้สมัคร/พรรค ไป  ตรงส่วนนี้จะลดความได้เปรียบของพรรคเล็กพรรคใหญ่ทุนหนาไปในตัว 

3.ยกเลิกผู้สมัครต้องสังกัดพรรคการเมืองและรวมทั้งวุฒิการศึกษาเพราะผู้สมัครทุกคนต้องเข้าสอบคัดเลือกกันก่อน จะจบอะไรจากไหนเท่าเทียมกันหมด 

เบื้องต้นเอาแค่นี้ก่อนคิดเห็นอย่างไรมาว่ากันครับ  ความจริงคนที่เสนอความเห็นนี้(ไม่ใช่ผมนะเอาของเขามาอีกที)เขาเคยไปเปรยๆกันคนฝ่ายการเมืองมาบ้างแล้วแต่ได้คำตอบกลับมาว่า ถ้าเอ็งเสนอแบบนี้พวกนักการเมืองได้หากระสุนมาฝังหัวเอ็งแน่ 

ต้องกราบขออภัยสมาชิกทุกท่านด้วยที่กระทู้อาจส่อไปทางพวกล็อกอินแดนตายของขี้ข้าสาวกเสื้อแดงเผาไทยไปซักหน่อย  

ผมก็อยู่กับเวปเสรีไทยมาตั้งแต่บ้านหลังเก่ายันบ้านหลังใหม่ปกติก็แวะเข้ามาอ่านอยู่ทุกวันแต่ไม่ค่อยจะโพสต์อะไรเท่าไหร่(เป็นแบบนี้ทุกเวปบอร์ดที่เล่นล่ะ) แต่ครั้งนี้ขออีกซักกระทู้แล้วกัน 

ก็คงกล่าวถึงม็อป พรบ.สุดซอยนั่นล่ะ เมื่อมาถึงวันนี้ผมว่ามันถึงจุดพีคสุดแล้วแกนนำม็อปอย่างเทพเทือกไม่ควรเล่นเกมแบบยื้อนานไป  คนบางส่วนที่ไม่ได้สนใจการเมืองจริงๆเขาจะพากันกลับไปเบื่อการเมืองอีกซึ่งไม่เป็นผลดีกับฝ่ายนำม็อปอย่าง ปชป.แน่นอน  ควรหาจุดที่หยุดแต่ไม่ใช่จุดจบเพื่อกลับมาลุยกันใหม่เมื่อถึงโอกาสและเวลา  อย่าเปลี่ยนม็อปประชาชนเป็นม็อปการเมือง 

เรื่อง พรบ.สุดซอยมันกลบทุกเรื่องไปหมดเลยโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ สถานการณ์ตอนนี้ดูไม่ดีเอามากๆเลยเผลอๆมารัฐบาลถังแตกจริงๆนี่เงิบกันทั้งแผ่นดินล่ะ