ผมว่าน่าจะเป็นประเด็นที่อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างองค์กรความมั่นคงสององค์กรใหญ่ นั่นคือกองทัพบก ในนามของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเห็นได้จากเพจที่สนับสนุนสองกลุ่มต่างห่ำหันเฉือดเฉือนคารมใส่กันแบบไม่ไว้หน้ากัน อีกทั้งกำลังพล กองเชียร์ ของแต่ละฝ่ายพร้อมใจกันแสดงออกในเชิงสัญญลักษณ์หายๆรูปแบบ ยกตัวอย่าง เช่น เปลี่ยนรูปดิสโปรไฟล์เป็นรูปตราสัญญลักษณ์องค์กร เรื่องของเรื่อง ก็น่าจะมาจากสาเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ในนามหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น ถ้าถามความคิดของผม แม้บางครั้งตัวเองอาจจะสับสนกับจุดยืนทางการเมืองบ้าง แต่โดยภาพรวมผมก้อยังบอกกับคนอื่นได้ว่า ผมไม่เอาฝ่ายไหนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายเลย ไม่ว่าจะเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ กปปส. หรือกระทั่ง นปช. ก็ตามที
การมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.อดุลย์ ผบ.ตร. พ้นจากตำแหน่งหน้าที่นั้น ผมแม้จะไม่ได้อยู่ในแวดวงของตำรวจ ไม่ได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านอดุลย์ หรือ พี่อู๋ แต่ด้วยความที่เคยปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันมา สมัยท่านดูแล ศชต. ผมคิดว่าผมเป็นคนหนึ่งล่ะ ที่รู้จักตัวตนของท่านดีพอสมควร การพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ เป็นธรรมดาที่คนเราจะต้องมีความรู้สึกบ้าง หากพ้นไปดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นก็รู้สึกยินดี มีสุข แต่ถ้าหากพ้นแล้วลงไปอยู่ในที่ที่ต่ำกว่าหรือไม่มีประโยชน์อะไร มันก็ต้องเสียใจไปตามวัฎจักร การบอกว่าไม่เสียใจจึงเป็นเรื่องของมารยาท พี่อู๋ท่านเป็นคนตรงไปตรงมา และรักลูกน้องมากกว่าสิ่งอื่นใด แม้ว่าท่านจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ขององค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ขาวสะอาดมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ท่านก็สามารถกู้หน้า เชิดชูตา สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ประชาชนยอมรับนับถือได้ในระดับหนึ่ง นั้นคือความเป็นมืออาชีพของพี่อู๋ ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้าย การดูแลเรื่องสวัสดิการ อะไรไม่รู้ลูกน้องกูต้องไม่ลำบาก เหล่านี้ ทำให้ นายตำรวจทั้งใหญ่น้อย ให้ความเคารพนับถือ ในตัวพี่อู๋
แต่ทว่า วังวนแห่งอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช่ว่าจะไม่มี พี่อู๋ ในฐานะ ผบ.ตร.ใช่ว่าจะไม่เคย เจออุปสรรคในขั้วอำนาจทางการเมือง เครือข่ายระบอบการเมืองที่เป็นปัญหาของประเทศ เตะถ่วง ตัดขา ให้หลายๆครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการลักไก่ โยกปรับสับย้าย เด็กของนายใหญ่ นายหญิง มาคุมอำนาจ และสร้างเครือข่ายมเป็นดูเป็นตาให้พรรคพวกตน เหล่านี้เป็นประกายสำคัญ และฉนวนที่ต้องทำให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ต้องใช้ยาแรงในการล้างท่อ โดยตัดหัวแล้วทยอยกวาดสิ่งที่เป็นปัญหาหมักหมมออกจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ถ้าถามว่าแล้วทำไมไม่ให้ตำรวจเขาทำกันเองละ ตอบว่า แล้วเมื่อไหร่ ตำรวจเขาจะทำหล่ะ ตำรวจชั้นผู้น้อยทำได้ไหม เคยรู้เรื่องในตึกสำนักงานตำรวจแห่งชาติไหม ว่า ในแต่ละชั้นมีใครก๊กไหน พวกไหนบ้าง แล้วแต่ละชั้นใครเด็กใครบ้าง รู้ไหมครับ แม้แต่ระดับ สบ.10 บางท่านยังไม่อยากจะอยู่สำนักงานเลย ขอไปทำงานตรงส่วนด้านอื่นตั้งเยอะ เพราะไม่อยากต่อกรกับเด็กนาย อีกทั้งไม่มีอำนาจพิเศษให้เพื่อจัดการเบ็ดเสร็จ เหล่านี้คือมอดที่คอยชอนไชเก้าอี้ผบ.ตร.ของพี่อู๋ทั้งนั้น และเมื่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติทำรัฐประหาร มีอำนาจพิเศษอยู่ในมือแล้ว เขาก็ใช้อำนาจที่มี กวาดล้าง ดำเนินการ ในส่วนที่เขาคิดว่าต้องรีบดำเนินการ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหมักหมมให้อักเสบ แม้แต่ในเหล่าทัพเอง ไม่ว่าจะ ทบ.,ทร.,ทอ.,กองบัญชาการกองทัพไทย ก็โดนกวาดกันกราวรูด ดูอย่าง พล.อ.นิพัทธ์ ปลัด.กห.ซิ ขนาดเป็นผู้บังคับบัญชา 3 เหล่าทัพ ยังโดนแบบไม่ไว้หน้าเลย นี่แสดงให้เห็นว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่ได้ชิงชังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เพื่อความอยู่รอดของประเทศ จึงจำเป็นต้องตัดนิ้วตัวเองไปบ้าง แม้จะเจ็บก็ต้องยอม
ผมจึงอยากให้เราทบทวนว่า ควรแล้วหรือที่เราจะมาห่ำหั่นกันเอง ในขณะที่บ้านเมืองกำลังเกิดวิกฤตแบบนี้ สององค์กรหลักควรจะสามัคคีกันไว้ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพื่อเป็นหลักและที่พึ่งของประชาชนได้ อย่าแบ่งเขาแบ่งเราเลย เพราะไม่ว่าจะอะไรสิ่งที่เสียหายนั่นคือ ประเทศไทย และคนไทยทั้งนั้น แม้ว่าท่านอดุลย์ จะถูกปลดจากตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่เกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นผู้นำของท่าน ยังคงจารึกไว้ให้ประชาชน และ ข้าราชการตำรวจทุกนายรับรู้ว่า นี่คือ " ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ดีที่สุด " ตั้งแต่มีกรมตำรวจ จนถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติมา และเชื่อผมเถอะครับ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.,หน.คสช.,และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร. ทั้งสองท่านมาจากเบ้าหลอมเบ้าเดียวกัน นั่นคือพี่น้องรั้วสุภาพบุรุษโรงเรียนเตรียมทหาร ที่ทุกๆนายจักต้องปฏิญาณตนหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ว่า " ข้าพระพุทธเจ้าจักรักษามรดกของพระองค์ท่านไว้ด้วยชีวิต " และมรดกของพระองค์ท่านนั่นก็คือ " ประเทศไทย และประชาชนคนไทย ทั้งปวงนี้แหละครับ "
หยุดแตกแยกแล้วหันมาจับมือกันไว้ เพื่อนำพาประเทศให้พ้นวิกฤตเหล่านี้ด้วยกัน ตำรวจกับทหาร เมื่อถอดเครื่องแบบแล้วก็คือ " คนไทยด้วยกัน " จริงไหมครับ
Cr.พี่พี