เช never die

อาการนี้เรียกว่า "ขรี้หด ตดหาย" ฮัฟ  

อย่างที่ผมเคยพูดถึงในกระทู้เรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งของคนในฃาติไปแล้วครับ...

อันที่จริงกรณีศึกษาเรื่องการดำเนินนโยบายรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัดนี้มีตัวอย่างของสวิสเซอร์แลนด์สมันสงครามโลกครั้งที่ 2.ให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วนะครับ ของสวิสฯนั้นปัจจัยพื้นฐานลำบากกว่าเราในตอนนี้มาก เพราะคนแต่ละภาคพูดกันคนละภาษาเลย แต่ส่วนกลางของสวิสยุคนั้นมีวิสัยทัศน์มองความเจริญเติบโตอย่างฮวบฮาบของพรรคนาซีในประชากรกว่าร้อยล้านคนในตอนเหนือของสวิสฯ มองไปทางทิศใต้ อังกฤษกับฝรั่งเศษก็เตรียมตั้งรับพรรคนาซีด้วยประชากรรวมกันเกือบร้อยล้านคน แล้วสวิสฯ.ทำไง ....

อันดับแรกสร้างความเป็นหนึ่งของคนในชาติด้วยนโยบายการทหาร ประกาศให้ประฃาฃนทุกคนต้องเป็นทหาร จากนั้นก็เข้ารับการฝึกทหารผลัดละสามเดือนหกเดือนก็ว่ากันไป (เดี๋ยวนี้สวิสฯก็ยังใช้กฏหมายนี้อยู่ ประชากร 10 ล้านคน ปืนที่จดทะเบียนยี่สิบล้านกระบอก คาดว่าที่ไม่ได้จดทะเบียนอีกราวๆยี่สิบล้านกระบอก เฉลี่ยคนสวิสทุกคนมีปืนคนละสี่กระบอกทุกคน แต่สถิติอาวญากรรม การเสียชีวิตจากการใช้ปืนต่ำเตี้ยติดดิน เพราะทุกคนใช้ปืนเป็น) ประชาชนทุกคนตั้งแต่เด็กหญิงเด็กชายที่เริ่มคอนปืนเป็นไปเป็นถึงคนชราที่ยังมีแรงคอนปืนไหว ทุกคนต้องไปเข้าคอร์สฝึกยิงปืน นอกจากนั้นทุกคนต้องฝึกเดินทางในตำบลในอำเภอเขตของตัวเองในคืนเดือนมืดโดยปราศจากแสงไฟให้คล่อง ประมาณนี้ ....

และกับอะไรอีกหลายอย่าง ทำให้สวิสฯสามารถประกาศวางตัวเป็นกลางท่ามกลางไฟสงครามโลกครั้งที่ 2.ที่แผดเผามอดไหม้ไปทั่วยุโรป มองเราในอนาคตอีกไม่ใกล ความขัดแย้งระดับโลกในเรื่องการแย่งชิงแหล่งพลังงานทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านเราของเหล่าชาติมหาอำนาจจอมละโมภจากทั่วโลก ถ้าเราไม่เตรียมการรับมือให้ดี ก็มีโอกาศที่การแอบอ้างการส่งออกลัทธิอาณานิคมแอบแฝงในคราบของประชาธิปไตยเลื่อนลอย(ที่มีแค่การเลือกตั้ง)จะชักพาให้แผ่นดินของชนชาติเราลุกไหม้จากไฟสงครามแย่งชิงผลประโยชน์ได้ ต้องมองดูว่ามีอะไรที่เอาของสวิสฯที่เคยทำใว้มาใช้ได้บ้าง เรื่องการรวมหมู่ความคิดด้วยการให้ประชาชนทุกคนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเข้าเป็นเกณฑ์ทหารทุกคน อันนี้ผมเห็นด้วย เพื่อที่เราจะสามารถสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางความคิดในการต่อสู้กับจักรวรรดิทุนนิยมสุดโต่งได้

ทุุกระบบมันต้องพอดีครับ ฟันเฟืองในระบบเศรษฐกิจมันจึงจะหมุนเวียนไปได้ราบรื่นอย่างเป็นปรกติ

การคอร์รัปชั่น มันก็คือการเอาทรายหยอดเข้าไปในฟันเฟืองแทนน้ำมันหล่อลื่นนั่นแหละ

แม้ระบบเศรษฐกิจจะยังหมุนต่อไปได้ แต่มันก็เร่งวันพังของระบบฟันเฟืองทั้งระบบให้เร็ววันขึ้น

แนวนิยมทางเศรษฐกิจ กับลัทธิการเมืองการปกครองมันเป็นคนละเรื่องนะครับ ต้องแยกให้ออก

เรื่องเมกาถอนการฝึกร่วมนี้ ถ้าไทยเล่นเป็นอีกนิด ให้ลุงประยุทธฃ่วยส่งทูตทหารระดับสูงหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลไปเยือนจีน-รัสเซียอย่างเป็นทางการ ออกเป็นข่าวไปทั่วโลก แค่นี้เมกก็ถือเป็นการตอบโต้ทาเงการทูตต่อเมกาในแบบฉบับผู้ดีมีชาติตระกูลมีความเป็นผู้ใหญ่ แบบนี้เมกาจะเถียงไม่ออกมากกว่า

จากรัฐบาลพลัดถิ่น กลายเป็นรัฐบาลพลัดพราก

อยากให้ท่านประยุทธเอากฏหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้ามาประกาศใช้เลย ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบอยู่ในนั้นแล้ว ไม่ทำตอนนี้ก็จะไม่มีโอกาศเหมาะๆแบบนี้อีกแล้ว

ผลประโยฃน์กลางทะเลจีนใต้ก้อนนี้มันกินพื้นที่ลามมาถึงอ่าวไทย ตราบที่ไทยยังดำเนินนะโยบายเป็นกลางอย่างเคร่งครัด จีนก็จะไม่มายุ่งเกี่ยวแทรกแซงผลประโยชน์ของไทยในอ่าวไทย แต่เมื่อไหร่ที่ไทยสูญเสียความเป็นกลาง โดยยอมให้ชาติมหาอำนาจตะวันตกชาติไดเข้ามาตั้งฐานทัพ มันก็คือการที่ไทยคุกคามผลประโยชน์ของจีนในทะเลจีนใต้โดยตรง ถึงตอนนั้นถ้าจีนจะโดดเข้าร่วมวงตะลุมบอนร่วมกับชาติตะวันกฉีกทึ้งผลประโยชน์ของไทยในอ่าวไทย ก็ไม่ต้องไปโทษใครละครับ

ขออย่างเดียว

ถ้าจะจับไอ้พวกนี้จริง
ให้ขังมันนานๆเลย จนกว่าจะปฏิรูปเสร็จก็ได้
เกลียดการปฏิรูปดีนัก
แต่ผมเดาว่าจับแป๊บเดียวก็ปล่อยเหมือน ปี49 ซึ่งไม่มีประโยชน์เลย สันดานมันก็ชั่วเหมือนเดิม


ส่วนพวกเควี่ย บางตัว ทำให้มันหายไปจากแผ่นดินแบบไม่มีใครพบตัวอีกเลย ก็ดีนะ
เพราะสันดานบางคนมันกู่ไม่กลับแล้ว
สิ่งที่ดีที่สุดคือให้โอกาสมันไปเกิดใหม่ในชาติหน้าเท่านั้นแหละครับ