Jump to content


ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 22 กรกฎาคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2557 01:21
*****

Topics I've Started

คสช.ส่งสัญญาณ! ปลดธงทองแล้ว นำผู้จงรักสถาบันขึ้นดูแลสำนักนายกแทน นักวิชาการแดงที่คุ...

28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 22:23

http://www.manager.c...D=9570000059777 ปลด “ธงทอง” พ้นปลัดสำนักนายกฯ “ม.ล.ปนัดดา” นั่งแทน-สั่ง “วีรพัฒน์” รายงานตัว

 

คสช. สั่ง “ธงทอง จันทรางศุ” พ้นเก้าอี้ปลัดสำนักนายกฯ ให้ “ม.ล.ปนัดดา” รองปลัดมหาดไทย มาปฏิบัติหน้าที่แทนอีกตำแหน่ง พร้อมย้ายเลขาธิการกฤษฎีกาเข้าสำนักนายกฯ ตั้ง “ดิสทัต” รองเลขาฯ รักษาการแทน พร้อมสั่ง “วีรพัฒน์ ปริยวงศ์” รายงานตัวพรุ่งนี้

       
       เมื่อเวลา 20.33 น. ที่ผ่านมา โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 27/2557 ให้ นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกฯ แต่ยังปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และให้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย มาปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอีกหน้าที่หนึ่ง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       
       หลังจากนั้น ได้มีการเผยแพร่คำสั่ง คสช.ที่ 28/2557 ให้นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และให้ นายดิสทัต โหตระกิตย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา รักษาราชการแทน
       
       นอกจากนี้ คสช. ยังมีคำสั่งที่ 29/2557 ให้ นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการด้านกฎหมาย ไปรายงานตัวที่ห้องจามจุรี สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 29 พ.ค. 2557 เวลา 10.00-10.30 น.


เอาใจช่วยกันหน่อยครับพี่น้อง-วัชรพลขึงขัง ปฏิรูปตำรวจ ยึดโยง‘ปชช.’

28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 18:50

http://www.thaipost....ws/280514/90922

 

"วัชรพล" อ้างปฏิรูปตำรวจตามข้อเรียกร้อง ปชช. ยึดโครงสร้างลดอำนาจ "ผบ.ตร." กระจายลงหน่วยปฏิบัติ เล็งแก้ กม.ตั้ง บช.เป็นนิติบุคคล ไม่ฟันธงขึ้นชั้นกระทรวง ปัดลอกพิมพ์เขียว กปปส. ขู่! ลูกน้องใครเกียร์ว่างโดนเด้งแน่ "รองโฆษก สตช." ย้ำยังใช้ชื่อเรียก "ตำรวจ" เหมือนเดิม

 

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วันที่ 27 พ.ค. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจปรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นกระทรวงรักษาความปลอดภัยสาธารณะ และปรับกองบัญชาการเป็นกรมต่างๆ ว่า ข้อเรียกร้องของประชาชนในช่วงที่ผ่านมา นอกจากการปฏิรูปการเมือง การปกครอง ยังเรียกร้องการปฏิรูปตำรวจ อยากเห็นตำรวจกระจายอำนาจ จึงคิดทำอย่างไรถึงจะกระจายอำนาจตามข้อเรียกร้องของประชาชนได้ โดยให้หน่วยงานดูแลพื้นที่มีอำนาจบริหารจัดการได้เบ็ดเสร็จ ซึ่งหากเป็นนิติบุคคลได้จะสามารถตั้งงบประมาณได้ มีงบประมาณ คน เครื่องมือ และการบริหารจัดการเองได้ สามารถกำหนดตัวชี้วัดตามปัจจัยคุกคามในพื้นที่ได้เอง

 

พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ปัจจุบันทุกอย่างรวมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่แนวคิดในอนาคตเมื่อกองบัญชาการ (บช.) ต่างๆ เป็นนิติบุคคล ส่วนบังคับบัญชาของ ตร.ที่เป็นส่วนอำนวยการใหญ่ มี ผบ.ตร.อยู่ จะเป็นเพียงหน่วยสนับสนุนประสานงาน คิดเรื่องยุทธศาสตร์ วางแผนการสนับสนุนงบประมาณในภาพรวม ผบ.ตร.จะถูกลดอำนาจเล็กลง จะไม่ใช้ ผบ.กองกำลัง จะเป็นการกระจายอำนาจให้หน่วยปฏิบัติมีอำนาจเบ็ดเสร็จ
"เป็นแนวทางที่คิดสอดคล้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน หรือพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับกระทรวง ทบวง กรม เป้าหมายคือกระจายอำนาจ ลดลง ไม่ได้ใหญ่โตขึ้น ผบ.ตร.ก็จะเล็กลง ส่วนจะเปลี่ยนชื่อหรือไม่ก็ต้องรอดู เมื่อเรามีแนวทางกระจายอำนาจหน่วยปฏิบัติต่างๆ ให้มีอิสระ ก็ต้องดูว่าจะเป็นรูปแบบใด โครงสร้างจะเป็นเหมือนกระทรวงหรือไม่ อาจไม่ใช่ก็ได้ เพียงแต่กฎหมายจะเขียนชัดว่าให้กองบัญชาการเป็นนิติบุคคล" พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว

 

รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวว่า กฎหมายเดิม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 เขียนไว้ในเรื่องกระจายอำนาจ แต่เขียนว่า ผู้บัญชาการ (ผบช.) เสมือนอธิบดี ผบ.ตร.เสมือนปลัดกระทรวง ทุกวันนี้การกระจายอำนาจจึงยังไม่ชัดเจน เพราะยังเสมือน ดังนั้นการแก้ไขกฎหมาย ปรับโครงสร้างครั้งนี้ จึงทำให้ถึงที่สุดกระจายอำนาจไม่รวมศูนย์อีกต่อไป

 

ถามว่า โครงสร้างใหม่จะเป็นเหมือนกระทรวงที่มีกรมต่างๆ ผบ.ตร.เป็นปลัดกระทรวงหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า โครงสร้างเป็นไปได้หลายแบบ โดยมีโจทย์ว่าทำอย่างไรให้ บช.ต่างๆ เช่น นครบาล ภาค 1 มีอำนาจบริหารคนและงบประมาณได้เอง มีตัวชี้วัดของหน่วยเอง เพราะแต่ละหน่วยปัจจัยคุกคามต่างกัน มองว่าหากเป็นนิติบุคคลบริหารได้เอง ก็จะดูแลประชาชนได้ตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่

 

ซักว่า แนวคิดการปฏิรูปตำรวจเหมือนที่ กปปส. พูดบนเวทีอาจถูกมองว่าเป็นการรับลูกทำเพื่อสนองแนวคิดหรือไม่นั้น รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า จะเป็นแนวคิดของใครก็ตาม ขอแค่สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เช่นเดียวกัน เราอยากเห็นการเมืองการปกครองที่ดี มีคุณธรรม ทุกคนอาสาเข้ามาบริหารปกครองประเทศ ตำรวจก็ต้องเป็นตำรวจของประชาชน นี่ไม่ใช่ความคิดของใคร แต่เป็นความคิดของพี่น้องประชาชน

 

เมื่อถามว่า การปฏิรูปครั้งนี้จะแก้ปัญหาการเมืองล้วงลูกได้หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า การเมืองการปกครองเป็นของคู่กัน นักการเมืองที่เป็นคนดี มีความพร้อมเสียสละเข้ามาเป็นนักการเมืองทำหน้าที่นิติบัญญัติ บริหาร ก็หวังว่าเข้ามาทำอย่างไรให้สังคมรุ่งเรือง ประชาชนมั่นคงกินดูอยู่ดีปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ตำรวจทหารก็เป็นกลไกรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ อยากเห็น ไม่ได้ตอบโจทย์ใครเปลี่ยนเพื่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 เพื่อแข่งกับคนทั้งโลก

 

พล.ต.อ.วัชพลกล่าวถึงการโยกย้ายตำรวจจำนวนมากช่วงนี้ว่า เวลานี้ต้องการความสามัคคี ต้องช่วยกันทำงาน ปัญหาความแตกต่างแก้ไขได้ระดับหนึ่งแล้ว ใครทำหน้าที่เต็มที่ก็ยังสามารถปฏิบัติต่อได้ แต่หากละเลยต้องโยกย้ายสับเปลี่ยนไป

 

"เรื่องที่ พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ รักษาการ ผบช.ภ.5 ออกคำสั่งให้ พล.ต.ต.กริช กิตติลือ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ช่วยราชการฯ ตามคำแนะนำของแม่ทัพภาคที่ 3 ก่อนมีการถอนคำสั่งในเวลาต่อมา เพราะการได้ข้อมูลก็ต้องตรวจสอบ ห้วงนี้ข้อมูลข่าวสารมากมาย จึงจำเป็นต้องตรวจสอบเพื่อความเป็นธรรม หากไม่ชัดเจน ข้อมูลไม่ชัด ก็สร้างความหวั่นไหว ตอนนี้ให้ทำหน้าที่ไป วันนี้ พล.ต.ต.กริชยังทำหน้าที่ผู้การฯ เชียงใหม่อยู่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องแจ้งแม่ทัพภาคที่ 3 เชื่อว่าเข้าใจ" รักษาการ ผบ.ตร.กล่าว

 

พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงเพิ่มเติมถึงแนวคิดการจัดปฏิรูปแนวตำรวจว่า ขอยืนยันผู้บังคับบัญชายังไม่มีแนวคิดเปลี่ยนชื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือจัดตั้งเป็นกระทรวงรักษาความสงบเรียบร้อยภายในตามที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้ โดยยังคงมีตำรวจคอยดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน และใช้ชื่อ "ตำรวจ" ในการปฏิบัติราชการเหมือนเดิม

 

"มีความเป็นไปได้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะสังกัดกระทรวง หรือ หน่วยงานอื่น ซึ่งเดิมสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็เคยสังกัดกระทรวงมหาดไทยมาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเป็นไปไม่ได้" พล.ต.ต.อนุชากล่าว
รองโฆษก สตช.กล่าวว่า แนวคิดการปฏิรูปตำรวจ เป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนที่อยากเห็นการกระจายอำนาจลงไปในพื้นที่ให้มากขึ้น การบังคับบัญชาสั่งการต่างๆ จะเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น แต่องค์กรตำรวจยังคงมีความเป็นเอกภาพเหมือนเดิม เพราะในระดับนโยบาย หรือยุทธศาสตร์หลักๆ ยังคงอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มั่นใจว่าจะไม่ถูกแทรกแซงจากอำนาจหรือการเมืองท้องถิ่นอย่างแน่นอน.


สั่งโยกเข้ากรุ 16 ตำรวจมะเขือเทศอีกระลอก-รรท.ผบ.ตร.ดึง “อำนวย นิ่มมะโน” นั่งรอง ผบช.น.ค...

28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 18:41

http://www.manager.c...D=9570000059417

สั่งโยกเข้ากรุ 16 ตำรวจมะเขือเทศอีกระลอก

 

รักษาการ ผบ.ตร.ลงนามย้ายตำรวจอีกระลอก 16 นายเข้ากรุ ผู้การภาค 3 รวมถึงมะเขือเทศระดับ ผบก.ตามจังหวัดฐานที่มั่นของกลุ่มเสื้่อแดง ทั้งเชียงใหม่ อุดรฯ ขอนแก่น “โอ๋ สืบ 6” นนทบุรี โดนเรียบ
       
       วันนี้ (28 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่ชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำนวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ลงนามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 262/2557 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ โดยคำสั่งย้ายระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) ถึงผู้กำกับการ (ผกก.) 16 นายไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม และมีคำสั่ง 263/2557 ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน 10 ราย โดยระบุเหตุผลเพื่อให้การปฏิบัติราชการของ ตร.และการสนับสนุนภารกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ดังมีรายชื่อต่อไปนี้
       
       - พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา ผบช.ภ.3 ช่วยราชการ ศปก.ตร.ให้ พล.ต.ท.พิสันฑ์ จุลดิลก ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.รักษาราชการแทน (รรท.) ผบช.ภ.3
       
       - พล.ต.ต.กริช กิติลือ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ช่วยราชการ ศปก.ตร.ให้ พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบช.ภ.5 รรท.ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่
       
       - พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ช่วยราชการ ศปก.ตร. ให้ พล.ต.ต.ธเนตร์ พิณเมืองงาม รอง ผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ชลบุรี
       
       - พล.ต.ต.ชอบ คิสาลัง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ช่วยราชการ ศปก.ตร. ให้ พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภ.4 รรท.ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น
       
       - พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำงรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ช่วยราชการ ศปก.ตร. ให้ พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 รรท.ผบก.ภ.จว.นนทบุรี
       
       - พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ช่วยราชการ ศปก.ตร. และให้ พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ รอง ผบช.ภ.1 รรท.ภ.จว.สมุทรปราการ
       
       - พล.ต.ต.บุญลือ กอบบางยาง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ช่วยราชการ ศปก.ตร. ให้ พล.ต.ต.วีระพงษ์ ชื่นภักดี รอง ผบช.ภ.4 รรท.ผบก.ภ.จว.อุดรธานี
       
       - พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สืบสวนสอบสวน บช.น.ช่วยราชการ ศปก.ตร. ให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.สนง.ยุทธศาสตร์ตำรวจ รรท.ผบก.สส.บช.น.
       
       - พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 ช่วยราชการ ศปก.ตร. ให้ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. รรท.ผบก.น.6
       
       - พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1.ช่วยราชการ ศปก.ตร. ให้ พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี รอง ผบช.น. รรท.ผบก.น.1
       
       - พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบก.น.5, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น, พ.ต.อ.กิตติสินธุ์ คงทวีพันธ์ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่, พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี, พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ช่วยราชการ ศปก.ตร.
       
       ทั้งนี้ ให้ ผบช.ถึง ผกก.ทั้ง 16 นายมารายงานตัวที่ ศปก.ตร.ภายในวันที่ 28 พฤษภาคม เวลา 16.00 น. และให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 10 รายตามคำสั้งที่ 263/2557 รักษาราชการแทนนับแต่วันที่ 28 พ.ค. จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
       
       นอกจากนี้มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ รรท.ผบช.ภ.5 มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.กริช กิติลือ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ช่วยราชการ บช.ภ.5 ตามคำแนะนำของแม่ทัพภาคที่ 3 ก่อนมีคำสั่งถอนคำสั่งย้ายในเวลาต่อมา ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ได้แจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ และร่วมพิจารณาก่อนมีคำสั่ง กระทั่ง พล.ต.อ.วัชรพลลงนามคำสั่งย้ายเองในครั้งนี้
       
       ทั้งนี้ สำหรับนายตำรวจที่ถูกโยกย้ายครั้งนี้ล้วนมีสายสัมพันธ์อันดีกับคนสำคัญรัฐบาลก่อนหน้านี้ ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้ดูแลพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง

 

557000006149001.JPEG

557000006149002.JPEG

 

 

http://www.manager.c...D=9570000059700

รรท.ผบ.ตร.ดึง “อำนวย นิ่มมะโน” นั่งรอง ผบช.น.คุมงานสืบสวน-จราจร

 

“จักรทิพย์” เผย “วัชรพล” เซ็นคำสั่งให้ “อำนวย นิ่มมะโน” มาเป็นรอง ผบช.น.คุมงานสืบสวนและงานจราจร
       
       วันนี้ (28 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีขอตัว พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบ.กองบัญชาการศึกษา อดีตรอง ผบช.น.กลับมาช่วยราชการที่ บช.น.ว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร.ได้อนุมัติการขอตัว พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน กลับมาช่วยราชการที่ บชน.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่รอง ผบช.น.เช่นเดิม ซึ่งจะดูแลงานด้านการจราจร และงานด้านการสืบสวนสอบสวน
       
       ทั้งนี้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับย้ายนายตำรวจใน บช.น.อีก แต่หากได้รับข้อมูลใหม่ นโยบายใหม่ก็อาจจะมีการนำมาปรับใช้ในแผยการปฏิบัติงานเพียงเล็กน้อย ส่วนนโยบายเดิมที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.คนก่อนหน้าได้ดำเนินการไว้นั้นก็ยังคงไว้เช่นเดิม


คสช. เตือน “เฟซบุ๊กวาสนา” มีความเห็นสร้างความแตกแยก

28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 18:18

http://www.manager.c...D=9570000059458

 

557000006153201.JPEG

 

ASTVผู้จัดการ – นักข่าวสารทหารเครือโพสต์เผย ถูก คสช.-กองทัพบกเตือนเฟซบุ๊กมีการแสดงความเห็นสร้างความแตกแยก-ขัดแย้ง สุ่มเสี่ยงโดนแบนตามประกาศ คสช. ฉบับ 12, 17 และ 18
       
       เมื่อคืนที่ผ่านมา น.ส.วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารของเครือโพสต์ ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Wassana Nanuam ว่าตนได้รับคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกี่ยวกับความเห็นในเฟซบุ๊ก โดยตนในฐานะเจ้าของเพจที่มีผู้ติดตามประมาณ 93,000 คน ต้องแสดงความรับผิดชอบ มิให้มีการแสดงความเห็นสร้างความแตกแยก
       
       “คำเตือน...จาก คสช. กองทัพบกเตือนเฟสบุ๊ก วาสนา มีการแสดงความเห็นสร้างความแตกแยก แม้วาสนาจะทำหน้าที่ในการรายงานข่าวก็ตาม แต่มีคนมาแสดงความคิดเห็น ก่อให้เกิดความแตกแยก วาสนาต้องรับผิดชอบในฐานะเจ้าของเพจทาง ทบ. จึงขอความร่วมมือวาสนา ไม่ให้บุคคลเข้ามาคอมเมนท์เพราะทำให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งวาสนาชี้แจงว่า ไม่อาจปิดคอมเมนท์ ของเพื่อน ทั้ง 5 พัน ในทางเทคนิคได้ ส่วนผู้ติดตามหลายหมื่นคน ที่เข้ามาคอมเมนท์นั้นได้ปิดคอมเม้นท์ไปแล้ว โดยบุคคลที่เป็นเพื่อนเข้ามาคอมเมนท์จะทะเลาะกันเอง เพราะมีทั้งสองสี
       
       “โดยก่อนหน้านี้ วาสนา ได้ออกประกาศในเฟซ ขอร้องไปแล้ว ไม่ให้ทะเลาะกัน แต่ไม่เป็นผล ดังนั้น วาสนาจึงขอรบกวนเพื่อนๆ ในการงดคอมเมนท์ เพื่อรักษาเพจวาสนานี้ไว้อ่านข่าวทหารดีกว่าค่ะ แต่หากเพื่อนอยากคอมเมนท์ก็ไม่ว่ากัน ค่ะ....ก็ไว้พบกันเมื่อชาติต้องการ แล้วกันนะ”
 น.ส.วาสนาระบุ
       
       อนึ่งวานนี้ (28 พ.ค.) นายสุรชัย ศรีสารคาม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ภายหลังจากได้รับมอบหมายตามประกาศฉบับที่ 26 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการดูแลและสอดส่องการใช้สื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะการปิดเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาปลุกปั่นทำให้เกิดความแตกแยกตามประกาศฉบับที่ 17 ของ คสช. เรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางช่องทางอินเทอร์เน็ต โดยตั้งแต่วันที่ 20-26 พ.ค. 57 ไอซีทีได้ดำเนินการปิดเว็บไซต์ประเภทดังกล่าวไปแล้วประมาณ 219 เว็บไซต์
       
       ขณะที่ ก่อนหน้านี้ คสช. ได้ออกประกาศ 3 ฉบับ ที่เกี่ยวพันกับการเผยแพร่ข่าวสารและการแสดงความเห็นในสื่อออนไลน์คือประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 12/2557 เรื่อง ขอความร่วมมือจากสื่อสังคมออนไลน์, ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 17/2557 เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต และ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 18/2557 เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
       
       

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 12/2557
       เรื่อง ขอความร่วมมือจากสื่อสังคมออนไลน์

       
       เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือนอันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและสถานการณ์ความขัดแย้งขยายตัวจนส่งผลต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ในการนำความสงบสุขกลับคืนสู่สังคมโดยเร็ว จึงขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสื่อสังคมออนไลน์ ระงับการให้บริการในการส่งข้อความเชิงปลุกระดม ยั่วยุ สร้างความรุนแรง ความไม่น่าเชื่อถือและไม่เคารพกฎหมาย ตลอดจนการต่อต้านการปฏิบัติงานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ หากยังคงมีการดำเนินการอยู่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะระงับการให้บริการโดยทันที รวมทั้งเรียกตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
       
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       
       ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557\
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
       
       

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 17/2557
       เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต

       
       เพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตทุกประเภท ไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือนอันก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความไม่สงบภายในราชอาณาจักร จึงให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกรายดำนินการ ดังต่อไปนี้
       
       1. ติดตาม ตรวจสอบ และระงับยับยั้งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารใดๆ ที่มีการบิดเบือน ยุยงปลุกปั่น อันจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักร หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
       
       2.ให้มารายงานตัว ณ หอประชุมชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 เวลา 10.30 น.
       
       ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
       
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
       
       

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 18/2557
       เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ

       
       เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด จนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงให้ผู้ประกอบกิจการและผู้ให้บริการด้านสื่อมวลชนทุกประเภท ทั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกสถานี ทั้งที่เป็นของราชการและเอกชน สถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เคเบิล โทรทัศน์ระบบดิจิตอล และโทรทัศน์อินเตอร์เน็ตทุกสถานี หนังสือพิมพ์ วารสาร หรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งผู้ให้บริการด้านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท อันรวมถึงการสื่อสารทางสังคมสื่อออนไลน์ งดเว้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะ ดังต่อไปนี้
       
       1.ข้อความอันเป็นเท็จ หรือส่อไปในทางหมิ่นประมาท หรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
       2. ข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมิ่นประมาทบุคคลอื่น
       3. การวิพากษ์ วิจารณ์ การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง
       4. ข้อมูลเสียง ภาพ วีดีทัศน์ ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยราชการต่างๆ
       5. ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร
       6. การชักชวน ซ่องสุม ให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
       7. การขู่จะประทุษร้ายหรือทำร้ายบุคคล อันนำไปสู่ความตื่นตระหนก หวาดกลัวแก่ประชาชน
       
       สื่อดังกล่าวข้างต้นมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามที่ได้รับแจ้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
       
       ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
       
       ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
       หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
       


“แม้ว” ควงสาวตระเวนย่านชินจูกุ

28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 02:37

http://www.manager.c...D=9570000059300

 

ว่อนเน็ต! ภาพ “แม้ว” ควงสาวคราวลูก ตระเวนย่านชินจูกุ ประเทศญี่ปุ่น 
       
       วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “สุริยะใส กตะศิลา” โดยเป็นภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษชายหนีคดี อยู่เคียงข้างกับหญิงสาวนิรนามรายหนึ่ง พร้อมกับข้อความระบุว่า “มีคนไทยไปเที่ยวที่นั่น แอบถ่ายมาครับ! มีกลุ่มคนไทยไปเจอคุณทักษิณอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งแถวย่านชินจูกุ ญี่ปุ่น และผู้หญิงรีบบอกทักษิณว่า คนไทยเยอะ แยกกันเดินดีกว่า”

 

 

ภาพจากเฟซบุ๊ก "สุริยะใส กตะศิลา"
557000006136101.JPEG