เปิดแผน 10 เวทีเสื้อแดง ชักธงรบ ทำสงครามป้องรัฐ
updated: 14 พ.ย. 2556 เวลา 17:30:16 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
อุณหภูมิ การเมืองถูกปลุกเข้าสู่จุดเดือด การเดินหมากบนกระดานผิดแค่ครั้งเดียวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย กรณีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทำให้รัฐนาวาลำนี้ถูกต้อนไปสู่มุมอับ
แม้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และองคาพยพเพื่อไทย รวมถึง 4 พรรคร่วมรัฐบาลจะส่งสัญญาณถอยจนเกียร์พัง แต่ไม่สามารถลดอุณหภูมิทางการเมืองได้ นับวันสถานการณ์การเมืองยิ่งเขม็งเกลียวเข้าสู่จุดแตกหัก ขยับไปสู่การขับไล่รัฐบาล
เมื่อกระบวนการ "ถอย" ในระบบยิ่งลักษณ์และพวก ไม่สามารถสู้กับมวลชน "นอกระบบ" ที่สู้ตามท้องถนนของพรรคประชาธิปัตย์ และเครือข่ายได้
แกนนำในรัฐบาลและแกนนำพรรคเพื่อไทยจึงตัดสินใจร่วมกัน ใช้เกม "นอกระบบ" รบระดับมวลชนสู้กับฝ่ายตรงข้าม แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เมื่อ ฝ่ายหนึ่งปลุกกระแสดึงมวลชนหวังขับไล่รัฐบาลแบบสุดซอย ฝ่ายพรรคเพื่อไทยจึงปลุกมวลชนแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขึ้นมาสู้ เพื่อปกป้องรัฐบาลแบบสุดซอยเช่นกัน
หลัง 2 แกนนำเสื้อแดงคนสำคัญ จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถูกเรียกไปเคลียร์ใจนายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า และพบ เยาวภา-สมชาย วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค ขณะที่แกนนำเสื้อแดงระดับรองถกรอยร้าวกับผู้บริหารพรรคที่พรรคเพื่อไทย
ปัญหา-รอย ร้าวระหว่างคนเสื้อแดง นปช. กับพรรค กรณี "ถูกถอด" รายการออกจากผังกลางอากาศในทีวีคนเสื้อแดง ก็ได้รับการสะสางเยียวยาให้กลับมาออกอากาศได้อย่างเดิม ไม่นับ "ดีลพิเศษ" ที่ไม่มีการเปิดเผย จนกลับมาร่วมปกป้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์อีกครั้ง
ไม่แปลก หลังการเคลียร์ใจ จึงมีการชุมนุมของคนเสื้อแดงถึง 10 วันติดต่อกัน ใช้ธีมจัดงานว่า "นปช.เพื่อคนไทยปกป้องประชาธิปไตย" นัยหนึ่งเป็นการแสดงขุมกำลังให้ฝ่ายตรงข้ามได้เห็นว่าคนเสื้อแดงไม่ได้แตก กัน อีกนัยหนึ่งเป็นการประกาศชักธงรบ เพื่อมิให้ "อำมาตย์" ที่คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยนิยามกลุ่ม "นายทุน" ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมมาโค่นล้มรัฐบาลทำสิ่งที่หวังได้สำเร็จ
โดยมีการกำหนดในปฏิทินชัดเจนเมืองทองธานี-ขอนแก่น-เชียงใหม่-อุดรธานี-ชลบุรี ต่อจากนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองเป็นตัวกำหนด
แหล่งข่าวจากแกนนำคนเสื้อแดงระบุว่า แนวโน้มเวทีดังกล่าวอาจจัดเกินกว่า 10 วัน หรือจนกว่าการเมืองจะคลี่คลาย โดยจะจัดตามจังหวัดที่เป็นฐานของคนเสื้อแดง เช่น อุบลราชธานี พิษณุโลก นครสวรรค์ หรืออาจย้อนกลับมาจัดที่ กทม.อีกครั้ง หากการเมืองยังรุนแรงอยู่ และอาจใช้สนามราชมังคลากีฬาสถานเป็นที่จัดงาน
กลยุทธ์ ที่พรรคเพื่อไทย+คนเสื้อแดงระดมคนมาร่วมเวทีดังกล่าว กำหนดให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่อยู่ในจังหวัดใกล้เคียงกับสถานที่จัดงาน ระดมคนเข้ามาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ขณะ ส.ส.ในจังหวัดที่อยู่ไกลออกไป แต่ละเขตต้องหาคนประมาณ 3 คันรถบัส หรืออย่างน้อยเขตละ 150 คนมาร่วมชุมนุม ตั้งเป้าแต่ละจุดต้องมีคนมาร่วมไม่ต่ำกว่าระดับ 1 หมื่นคน เพื่อแสดงให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นว่า แม้ใน กทม.จะมีชนชั้นกลาง ปัญญาชน ออกมาขับไล่รัฐบาล แต่คนส่วนใหญ่ในต่างจังหวัดยังคงสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และ "ยิ่งลักษณ์" ต่อไป
"ก่อ แก้ว พิกุลทอง" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง อธิบายการแสดงพลังครั้งนี้ว่า เป็นการแสดงพลังเพื่อให้ฝ่ายที่คิดล้มรัฐบาล เลิกใช้วิธีเดิม ๆ เหมือนที่เคยทำตอนปี 2549 คนเสื้อแดงจึงต้องออกมาปกป้องประชาธิปไตย เพราะเชื่อว่าจะมีฝ่ายที่ออกมาช่วยพรรคประชาธิปัตย์เผด็จศึกพรรคเพื่อไทยและ รัฐบาล แต่ตนพูดไม่ได้ว่าเป็นฝ่ายไหน
ด้าน "วิภูแถลง พัฒนภูมิไท" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงอีกราย ประเมินสถานการณ์ว่า วันนี้การต่อสู้ของคนเสื้อแดงอยู่ในโหมด "สู้รบ" ระหว่างอำนาจเก่า คือ "อำมาตย์" กับ อำนาจใหม่ คือ "พรรคเพื่อไทย" ซึ่งกลุ่ม "อำมาตย์" ใช้พรรคประชาธิปัตย์เป็นเครื่องมือ มีกลไกศาลประชาชนที่ "สุเทพ" ประกาศไว้บนเวทีมาตัดสิน เป็นการ "ขุดบ่อล่อปลา" ให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้ทหารมีความชอบธรรมออกมาแทรกแซงสถานการณ์
"สิ่งที่ห่วงใยที่สุดคือการสร้างความเกลียดชังให้กระแสสูง ในที่สุดสงครามกลางเมืองรออยู่ข้างหน้า เมื่อนั้นแหละไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา"
ขณะ ที่แกนนำแดงอีกราย "วรชัย เหมะ" ส.ส.สมุทรปราการ บอกว่า วันนี้เรายังไม่จัดเวทีถาวร แต่ถ้าปล่อยให้เขาชกข้างเดียวต่อไป เราก็อยู่เฉยไม่ได้ วันข้างหน้าผมอาจเสนอว่าใช้สวนลุมพินีเป็นสถานที่ถาวรในการชุมนุมของคนเสื้อแดง
เมื่อต่างฝ่ายต่างมีมวลชนเป็นของตนเอง
เมื่อต่างฝ่ายต่างปลุกมวลชนขึ้นมาห้ำหั่นกัน
ต้องจับตาดูว่าการเมืองไทยจะถึงจุดคลี่คลาย หรือแตกหักกันอีกคำรบ
ผมรู้แต่ว่า นี่จะเป็นก้าวที่พลาดของคนเสื้อแดงที่ยังเป็นทาสของทักษิณ
เป็นก้าวที่พลาดของ จตุพวย ไอ้เต้น เพราะสิ่งที่พวกมันคิดว่าเป็นสงคราม
ไม่ใช่สงครามของเสื้อเหลือง กับ เสื้อแดง เหมือนในอดีต
แต่มันกำลังทำสงครามกับมวลมหาชนทั้งประเทศ
ที่เสื้อแดงจะเหลือเพียงหยิบมือเดียว เท่านั้น