MMMP

มันสะท้อนว่า ตำรวจไม่ได้ถูกปลูกฝังมาให้เป็นปฎิปักษ์กับประชาชนอยู่แล้วครับ แต่ตำรวจทุกคนรักษากฎหมายและทำตามหน้าที่ ไม่งั้นคงไม่มีภาพแบบนี้ออกมาหรอก แต่ฝ่ายผู้ชุมนุมต่างหากที่ถูกปุกปั่นจากพวกแกนนำให้ก่อความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ถูกแล้วโปก ถ้าไม่มีคำสั่งให้พวกเค้ามา ก่อนผู้ชุมนุม เค้าก็คงอยู่กับลูกเมีย
ไม่โดนใครด่าว่าทำรถติดในกทม เป็นตำรวจเชี้ยๆ
ยิ่งถ้าเค้ารู้ว่า ผู้ชุมนุม มาแบบสงบๆ แล้วดันสั่งให้เค้ามาทำร้ายเนี้ย
ผมว่าเค้าคง อยู่บ้าน หรือจับโจรผู้ร้าย ตามพื้นที่ ที่เค้าสังกัดอยู่แล้วละโปก

แฟนผมเป็นคนไม่สนใจการเมือง
แต่ไม่ชอบความวุ่นวายในบ้านเมือง รถติด เดินทางลำบาก
การที่มีคนออกมาก่อม็อบ ไม่ว่าม็อบใดๆ
แฟนผมบอกว่า จะออกมาทำไม
ออกมาแล้วก็ทำรถติด บ้านเมืองวุ่นวาย
ปชป เป็นรัฐบาล เสื้อแดงก็ออกมา
พท เป็นรัฐบาล สีเหลือง หลากสีก็ออกมา
แล้วเมื่อไรทุกอย่างจะสิ้นสุด

ผมก็ลองอธิบาย ว่ามันเป็นสิทธิตามประชาธิปไตยนะ
แฟนผมก็บอกว่า เพราะสิทธิแบบนี้ มันถึงไม่มีการยุติ
และสนับสนุนตำรวจให้ใช้ความรุนแรงในการจัดการ กับทุกม็อบ
เพราะ มันมีแต่ความเดือดร้อน

และอีกประเด็นนึงที่ แฟนผมพูดคือ ทำไมต้องลากเอาพระบรมฉายาลักษณ์ มาในม็อบ
มันเหมือนเอามาเป็นข้ออ้างในการก่อม็อบ เอาพระองค์ลงมาเกี่ยวกับการเมือง
ตัวผมเข้าใจ ก็อธิบายว่า รัฐบาลปล่อยให้มีการเปิดเวบไซด์ หมิ่น โดยไม่กำจัดทิ้งเยอะมากๆ
เวบที่เป็นแง่ร้ายกับรัฐบาลต่างๆ ไล่ปิดได้โดยไว
แฟนก็ตอบกลับมาอีกว่า มันก็ไม่ควรดึงมาเกี่ยวอยู่ดี มันทำให้พระองค์สบายใจเหรอ ที่ตัวพระองค์เอง
เป็นข้ออ้างในการก่อม็อบ
ผมฟังละอึ้งเลย ว่าการขับไล่รัฐบาลโดยข้ออ้างนี้ มันถูกต้องแล้วเหรอ

แฟนผมบอกว่า เลือกกันมาแล้ว ก็ปล่อยให้คนเลือกมารับสิ่งที่เลือกไป จะพังจะเจ๊ง ก็ปล่อยเค้าไป
ถ้ามันไม่ดี รอบหน้าคนก็จะไม่เลือกเอง
นี้คือความคิดของคนที่ไม่สนใจการเมือง ไม่ได้สนใจข่าวสาร
และผมเชื่อว่าคนจำนวนนี้คือคนที่มีเยอะที่สุดในประเทศไทย

เลือกตั้งรอบที่ผ่านมา แฟนผมเลือก พท เพราะคนอื่นบอกให้เลือก ด้วยคำว่าเค้าเก่ง
เคยถามว่าเก่งเรื่องอะไร คำตอบที่ได้คือ เค้าบอกมา

เป็นการบ้านของ การเลือกตั้งในครั้งต่อไปนะครับ ว่า กลุ่มคนที่ไม่สนใจการเมือง ซึ่งมีจำนวนมากกว่าคนที่สนใจ
จะทำอย่างไรให้เข้าถึงกลุ่มคนเหล่านี้ได้ ไม่ต้องทำให้กลุ่มเหล่านี้หันมาสนใจการเมือง
แต่ต้องทำให้เค้าหันมา เลือกคนดีเข้าสภาให้ได้
เพราะ รอบที่ผ่านมา เราได้คนเผาเมืองมาเป็นรัฐบาล ด้วยกำลังคนกลุ่มนี้
คำว่าโง่ และการดูถูก กลุ่มคนที่เลือก ว่าโดนเค้าหลอก มันไม่ทำให้บ้านเมืองดีขึ้นมาหรอกครับ
สิ่งที่ทำให้บ้านเมืองดีขึ้นมาได้ คือการหาวิธีให้คนที่ไม่รู้และไม่สนใจการเมือง
หันมาส่งเสริมคนดีเข้ามาบริหารบ้านเมือง โดยที่ไม่ต้องไปทำให้เค้าเข้าใจยากๆ และต้องหันมาสนใจแบบจริงๆตะหาก

ลุงเปลวคือคนที่นั่งตรงกลางบนโซฟาใช่ไหมอ่ะ

นั่น ท่านสุวัจน์ ครับ

ประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ นักช่าวบางกอกโพสต์รุ่นเก๋าได้ฤกษ์ร่วมหอกับสาวสวยจากจันทบุรี

สวมแหวนต่อหน้าประธานในพิธี สุวัจน์ -ภรรยา-โรจน์ งามแม้นหรือ เปลว สีเงิน คนใส่แว่นนั่งบนโซฟนะครับ









ภาพจาก https://www.facebook...ertratanawisute

แก้ไขชื่อกระทู้และ ชี้แจงตัวบุคคล ครับ

อย่าลืมประโยชน์อมตะนะครับ เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง

ประโยค ครับ ไม่ใช่ ประโยชน์
ด้วยความเคารพ

แก้ละครับ

“วอยซ์สเปซ” (VOICE SPACE) สถานที่จัดงานอีเว้นท์ฮอลล์เพื่อใช้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ บนถนนวิภาวดีรังสิต

อนาคตทิศทาง Voice TV เตรียมที่จะรุกตลาดคนรุ่นใหม่อย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ชมในช่วงอายุ 18-31 ปี ซึ่งได้วางแผนเพิ่มเนื้อหาและปรับรูปแบบการนำเสนอของสถานีให้ครบรส ทั้งให้ข้อมูลข่าวสาร สาระความรู้ ความบันเทิง และแรงบันดาลใจ เพื่อให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น พร้อมกันนี้ยังได้เปิดอีเว้นท์ฮอลล์ “VOICE SPACE” ให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ (New Space for New Idea) ภายใต้จุดยืน “Hub of The New Generation” ตอกย้ำความเป็นสื่อของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง

แพทองธาร ชินวัตร ผู้อำนวยการบริหารของ VOICE SPACE มากล่าวเปิดเผยถึงที่มาว่าเกิดจากการที่มีความคิดที่จะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เกิดประโยชน์ โดยมองว่าพื้นที่ที่มีอยู่น่าจะเหมาะกับการสร้างเป็นสตูดิโอเพื่อให้เช่าพื้นที่จัดงานต่างๆ โดยเฉพาะเปิดให้เป็นพื้นที่แสดงออกของคนรุ่นใหม่ จึงเกิดเป็นธุรกิจอีเว้นท์ฮอลล์ “ VOICE SPACE” ขึ้น ซึ่งอีเว้นท์ฮอลล์นี้ จะเป็นฮอลล์ที่ครบวงจรใจกลางเมืองที่แตกต่างด้วยการเป็น “The First Live Broadcasting Space” หรือสามารถถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์ได้ด้วยคุณภาพระดับ HD โดยใช้เงินลงทุนกว่า 80 ล้านบาท จุคนทั้งสิ้นได้ประมาณ 1,000 คน บนเนื้อที่ 1,250 ตารางเมตร ทุกฟังก์ชั่นของ VOICE SPACE จัดสร้างให้ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นงานอีเว้นท์ คอนเสิร์ต แฟชั่นโชว์ ละครเวที หรืองานแสดงต่างๆ เพื่อให้เป็นพื้นที่ที่สามารถตอบทุกความต้องการของผู้ที่มาใช้บริการได้ VOICE SPACE จึงเป็นอีเว้นท์ฮอลล์ใจกลางเมืองที่ครบวงจรที่สุดแห่งแรก
http://www.compgamer...หม่-voice-space

อย่าลืมประโยคอมตะนะครับ เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง

นักศึกษารามฯ เป็นแสนๆ มีแค่กะติ๊ดเดียว ไม่ถึง 20 คนด้วยซํ้า ยังกล้าเกือกเอา ม.ไปอ้างอีกนะ

เหมือน สนนท.รุ่นที่แล้วเลย
อ้างเป็นตัวแทนนักศีกษายันเต

อ้างง่ายนิครับ ค่าลงทะเบียนก็ถูก ลงแล้วอยู่ได้8ปี
นักศึกษารามแท้ๆ ไม่มีเวลามาสนใจการเมืองหรอกครับ
ทำงานไปเรียนไป ไม่ก็เล่นเกมไปเรียนไป
พวกที่ออกมาแสดงท่าทีนั้นนี้ในราม เกี่ยวกับการเมือง ขอย้ำว่าเป็นแค่พวกจัดตั้ง
พวกที่สนใจการเมือง ก็ไม่พ้นกลุ่มที่เรียน รัฐศาสตร์ เพราะต้องนำไปใช้ในการสอบ
และพวกที่เรียนเท่าที่ผมรู้จักมา ก็ไม่มีใครฝักไฝ่การเมือง หรือเป็นขี้ข้าใคร
ทำไมชอบเอาสถาบันมาอ้าง
ปล. ผมนี้และเรียนราม เพิ่งว่างไปเรียน จบเทอมนี้
ข่าวคราวในราม ผมก็เดินดูไปมา ผมถึงทราบว่า มีป้าย ไม่เอาขี้ข้าทักษิณ ติดเหมือนกัน
แต่ไม่ยักกล้าเอามานำเสนอ เอามาแค่ด้านเดี่ยว

แรลลี่นรกป่วนชาตินะเหรอ
ก็จริงนะ คนกทม กำลังจะลืมไปละว่าเคยมีพวกเผา CTW
ก็ดันออกมาย้ำ สร้างความเดินร้อนคนใช้รถใช้ถนนในกทม ชิบ
ผลที่ได้ก็แค่ยิ่งย้ำว่าคนกทมเจออะไรมาก่อน และต้องมาเจออะไรแบบนี้ไม่จบสิ้น

โห พวกควายแดงนี่ เลียซะ

มีแต่คนเค้าว่า โอบาม่า ประชดแกมด่า

เข้าใจ

ง่าย ๆ โอบาม่า มาเมืองไทยแปป เดียวเค้าพูดสวัสดีครับได้แล้ว

แต่นางโยกจบจากเมกา แต่พูดอังกฤษได้พอ ๆ กับ ที่โอบาม่าฝึกพูดไทยเลย

ถ้าไม่โง่จนฟังว่าเค้าชม คงเป็นควายแดงไม่ได้นะเนีย

อ้าว...ก็ไม่ได้เกิดที่อังกฤษ และก็ไม่ไช่ภาษาพ่อภาษาแม่นี่

คนจีนมาเรียนที่เมืองไทย ภาคอินเตอร์ แค่6เดือนยังพูดไทยได้ ทั้งๆที่ภาษาไทยไม่ใช่ภาษาสากล แถมเรียนด้วยภาษาอังกฤษ
ปูนิ่ม ไปเรียนที่เมกา ทั้งที่ๆ เป็นสถานที่ของภาษาสากล และเรียนด้วยภาษาสากล
กลับอ่านผิด ย้ำว่าอ่านผิด ไม่ใช่แค่พูดผิด พูดผิดยังเข้าใจว่าไม่ใช่ภาษาพ่อแม่
ฝรั่งมันยังพูดผิดเองก็มี แต่อ่านผิดผมยังไม่เคยเจอ
เลิกเถียงเหอะด้วยคำว่าไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่
รับดับคนเป็นนายก จบโทเมกา แต่อ่านผิด มันบอกได้คำเดี่ยวว่า ขายขี้หน้า
พูดผิด ผมยังยอมให้ได้ว่าไม่ใช่ภาษาของเรา ตามเหตุผลข้างต้น

จขกท บ้าไปแล้ว
แนะนำไปพบจิตแพทย์ด่วน



































คนดีๆที่ไหนคุยกับเครื่องถ่ายเอกสาร

ไปล่องเจ้าพระยากันไหม
1หรือ2 ดี

อุบ๊ะ มองเป็นซัพพลายดีมานนี้เอง
แล้วที่เอา สนามฟุตซอลมาเทียบเคียงเนี้ย
ด้านซัพพลายดีมาน
มันก็ตรงตามคอนเซ็นเด่ะ สนามเพื่อไว้ใช้ประชาชนไว้ใช้งานในอนาคตด้วย
สร้างเพื่อ เป็นสนามใหม่ไว้รองรับการแข่งขัน ตามธรรมเนียมที่ ประเทศเจ้าภาพ นิยมทำตามกันมา ที่เห็นหลายๆชาติ
แม้สร้างมาแล้ว ไม่ตรงดีมานของฟีฟ่า ก็ตรงดีมาน ของกทม ตรงดีมาน ของการแข่งขันในอนาคต
ไม่ถังแตกจนสร้างไม่เสร็จ ครึ่งๆกลางๆ คาไว้ และเป็นซัพพลายให้ดีมานมาใช้ได้ต่อไปไม่ได้ปิดตาย
แต่ไอ้โครงการรถคันแรกนี้ ดีมานสูงดีนิ ประชาชนนิยมชมชอบ ความต้องการสูง
ในฐานะซัพพลาย จะปิดการตลาดตรงนี้ทำไมละ โธ่ๆ
ปิดเพราะ ถังแตกนี้เอง ทุ่มงบ ด้านประชาสัมพันธ์สูง จนเงินทุนหมด
ถ้าเป็นหลักการตลาด มันคือการแสดงออกว่าพัง เพราะไม่มีการตลาดที่ไหน
ทุ่มงบจนต้องปิดตัว โครงการ โครงการที่ปิดตัว มีแต่โครงการที่ล้มเหลวเท่านั้น
แถจนหลักการตลาดที่เรียนมาของกุเบี้ยวเลย เวร

เพิ่งรู้ว่า... การที่มีคนเข้าร่วมเยอะเกินคาด... จนงบหมด... มันเป็น ความล้มเหลว สำหรับ คนที่ เรียนการตลาด...
เอาละครับ... ความรู้ใหม่..

อย่าหลงนะครับ
แต่ไอ้โครงการรถคันแรกนี้ ดีมานสูงดีนิ ประชาชนนิยมชมชอบ ความต้องการสูง
ในฐานะซัพพลาย จะปิดการตลาดตรงนี้ทำไมละ

จากที่บอกเองนะครับว่า การตลาดต้องไปคู่กับการเมือง
ผมเลยถามไงครับ ถ้าการตลาดมันดี ดีมานสูง จะปิดทำไมครับ

ไม่ได้บอกเลยนะครับว่าล้มเหลวในภาคดีมาน
แต่ในฐานะซัพพลาย ผมถามว่า ถ้าผลมันดีกับตัวซัพพลาย จะปิดตัวโครงการนี้ทำไมครับ

อย่าลากออกนอกประเด็นอีก

เอออ... ท่านครับ... การตลาดเนี่ย... เค้าทำเพื่ออะไรครับ...
Dtac ทำไมไม่ลดราคา iPhone 50% มัน ล้านเครืองเลย ละครับ... ไม่มี มีจำกัดด้วย วันละ 1000...
ในเมื่อ demand มันเยอะขนาดนั้น.... .

ในฐานะซัพพลาย จะปิดการตลาดตรงนี้ทำไมละ
ถ้าการตลาดมันดี ดีมานสูง จะปิดทำไมครับ

คนเรียนการตลาด ต้อง สอนผมแล้วละ...

แล้วดีแทค มันทำเหรอครับ???
ชักเริ่มปวดตับ ลากออกทะเลไปเรื่อยๆละ
คำถามเกี่ยวกับรัฐบาล ทำไมต้องโยงใยไปสนามฟุตซอล
โยงใยไปดีแทค แต่พอให้โยงไปต่างประเทศ แบบที่ชอบทำให้กระทู้อื่นๆ
กลับไม่มี ตัวอย่างสักประเทศมาเทียบให้ดู เหอ สงสัยจะเจอทางตันเข้าจริงๆแล้วละ

เรียนการตลาด แต่ ไม่รู้ว่า Dtac ทำอะไรกับ iPhone ... ไม่เป็นไร...
http://www.blognone....-จาก-dtac-ลด-50

ถ้าเข้าใจแล้วมา สอนผมใหม่นะครับ....

คำถามคือ ซื้อแล้ว มีสัญญา ผูกพันไหม กี่ปี กี่เดือน ราคารายเดือนเดือนละเท่าไร
ไม่คิดเหรอครับว่า เค้าคำนวนมาแล้วว่า มีกำไร ทำแล้วไม่ ถังแตก ถ้าเค้าจะเลิกทำ เพราะ ได้กลุ่มลูกค้าเพิ่มแล้ว มีกำไรแล้ว ก็ไม่ผิดหลักการตลาด
แต่นโยบาย รถคันแรกนี้ เลิกเพราะอะไร ใช่เพราะ ถังแตก ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ก็ผิดหลักการตลาดอย่างรุนแรง เพราะ ไม่มีกำไร ทำไปก็ขาดทุน แต่ดันทุรังทำ

อุบ๊ะ มองเป็นซัพพลายดีมานนี้เอง
แล้วที่เอา สนามฟุตซอลมาเทียบเคียงเนี้ย
ด้านซัพพลายดีมาน
มันก็ตรงตามคอนเซ็นเด่ะ สนามเพื่อไว้ใช้ประชาชนไว้ใช้งานในอนาคตด้วย
สร้างเพื่อ เป็นสนามใหม่ไว้รองรับการแข่งขัน ตามธรรมเนียมที่ ประเทศเจ้าภาพ นิยมทำตามกันมา ที่เห็นหลายๆชาติ
แม้สร้างมาแล้ว ไม่ตรงดีมานของฟีฟ่า ก็ตรงดีมาน ของกทม ตรงดีมาน ของการแข่งขันในอนาคต
ไม่ถังแตกจนสร้างไม่เสร็จ ครึ่งๆกลางๆ คาไว้ และเป็นซัพพลายให้ดีมานมาใช้ได้ต่อไปไม่ได้ปิดตาย
แต่ไอ้โครงการรถคันแรกนี้ ดีมานสูงดีนิ ประชาชนนิยมชมชอบ ความต้องการสูง
ในฐานะซัพพลาย จะปิดการตลาดตรงนี้ทำไมละ โธ่ๆ
ปิดเพราะ ถังแตกนี้เอง ทุ่มงบ ด้านประชาสัมพันธ์สูง จนเงินทุนหมด
ถ้าเป็นหลักการตลาด มันคือการแสดงออกว่าพัง เพราะไม่มีการตลาดที่ไหน
ทุ่มงบจนต้องปิดตัว โครงการ โครงการที่ปิดตัว มีแต่โครงการที่ล้มเหลวเท่านั้น
แถจนหลักการตลาดที่เรียนมาของกุเบี้ยวเลย เวร

เพิ่งรู้ว่า... การที่มีคนเข้าร่วมเยอะเกินคาด... จนงบหมด... มันเป็น ความล้มเหลว สำหรับ คนที่ เรียนการตลาด...
เอาละครับ... ความรู้ใหม่..

อย่าหลงนะครับ
แต่ไอ้โครงการรถคันแรกนี้ ดีมานสูงดีนิ ประชาชนนิยมชมชอบ ความต้องการสูง
ในฐานะซัพพลาย จะปิดการตลาดตรงนี้ทำไมละ

จากที่บอกเองนะครับว่า การตลาดต้องไปคู่กับการเมือง
ผมเลยถามไงครับ ถ้าการตลาดมันดี ดีมานสูง จะปิดทำไมครับ

ไม่ได้บอกเลยนะครับว่าล้มเหลวในภาคดีมาน
แต่ในฐานะซัพพลาย ผมถามว่า ถ้าผลมันดีกับตัวซัพพลาย จะปิดตัวโครงการนี้ทำไมครับ

อย่าลากออกนอกประเด็นอีก

งานทุกอย่างมีปัญหา... คนที่ไม่เคยทำอะไร... ก็ไม่เคยเจอปัญหาอะไร... เห็นปัญหาแล้วก็ตกใจแต๋วแตก...
ไม่เชื่อลองถาม คุณ หม่อม นะครับ... สนามฟุตซอลมีปัญหาหรือป่าว...

มองอีกมุม... มันเป็น โครงการณ์ ที่ ถูกใจประชาชน เกินคาด... และ สะท้อนให้เห็นหลายๆอย่าง...
- ประเทศเราคง รถติดไปอีกนาน.... ไม่ใช่เพราะโครงการณ์นี้ แต่ เป็น เพราะ ค่านิยมการอยากมีรถ และ ขนส่งมวลชนที่ไม่ตอบโจทย์....
- การตลาด กับ การเมือง... ต้องไปด้วยกัน... ขายความดี... ขายอุดมการณ์... มัน out ไปแล้ว...

ทำไมต้องลากฝ่ายตรงข้ามมาเปรียบเทียบตลอดเวลา ไหนชอบใช้ความเป็นอินเตอร์เปรียบเทียบกับประเทศนั้นนี้
ทำไมไม่ลองเอาไปเปรียบเทียบกับต่างประเทศอีกละ
ว่าประชานิยม พาจมไปกี่ประเทศแล้ว
ประเทศที่แจกๆ จนถังแตกมีกี่ประเทศแล้ว
จะเอามาเทียบกับกทม เพื่ออะไรเหรอ ในเมื่อ สนามก็ทำจนเกือบเสร็จแล้ว และก็ใช้งานได้ ไม่ไ่ด้สร้างมาแล้ว เลิกสร้างเพราะถังแตก
แต่นโยบาย รถคันแรกนี้ ทำถังแตกแล้ว แถมไปสูบเงินคลัง ที่ต้องไปกู้มาจ่ายอีก
แล้วก็ต้องปิดตายนโยบายนี้ เพราะมันมีแต่เสียกับเสีย
ทำรถเพิ่มขึ้น
ทำคนเป็นหนี้เพิ่มขึ้น
ทำรถติดมากขึ้น
ทำให้ถังแตกไวขึ้น
คนที่มีแต่ได้กับได้ ก็ไม่พ้นพวกกลุ่มพลังงาน
มีรถก็ต้องใช้พลังงาน แถมออกมาเจอรถติดอีก ใช้พลังงานมากขึ้นอีก
มิน่า ปตท รวยเอารวยเอา

น้ำลดตอผุด โครงการคืนภาษีรถคันแรกยอดใช้สิทธิพุ่งเกินเป้า 5 แสนค้น งบประมาณ 3 หมื่นล้านบาทไม่พอ ขณะที่การเชื่อมโยงข้อมูล กรมบัญชีกลาง-สรรพสามิต-กรมการขนส่งทางบกไม่เรียบร้อย สูญเงิน 100 ล้านบาท ยื้อคืนเงิน 1 แสนบาทล่าช้า “ทนุศักดิ์” สั่งปิดตายโครงการ รับถังแตกไม่มีเงินโปะแล้ว

คณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2554 เดินหน้าโครงการคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรก และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ซึ่งในขณะนั้นเป็น รมช.คลังกำกับดูแลกรมสรรพสามิตก็เร่งเดินหน้าโครงการอย่างเต็มที่ โดยจะคืนเงินภาษีโดยตรงให้แก่ผู้ซื้อที่เป็นเจ้าของรถยนต์ ซึ่งจะเริ่มพิจารณาจากหลักฐานการจองซื้อตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 และสิ้นสุดโครงการ 31 ธันวาคม 2555

เริ่มแรกโครงการเหมือนจะไม่ได้รับการตอบรับจากประชาชนทั่วไปมากนัก แต่ภายหลังเกิดมหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 ทำให้คณะรัฐมนตรีมีมติเพิ่มเติมให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมเข้าร่วมโครงการนี้ได้ด้วยเช่นกันจนทำให้โครงการนี้ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม แม้ว่าห่วงโซ่การผลิตจะได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ โดยเฉพาะผู้ผลิตรายย่อยที่ป้อนชิ้นส่วนให้แก่ค่ายรถยนต์รายใหญ่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแถบจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ส่งผลกระทบต่อระยะเวลาการส่งมอบรถที่เข้าร่วมโครงการ

จนกระทั่งล่าสุด นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลังคนใหม่สายตรง เจ๊ ด.เข้ามารับไม้ต่อโครงการรถยนต์คันแรกจากนายบุญทรงก็ได้คาดการณ์ว่า ตามมติ ครม.ที่ขยายเวลารับมอบรถยนต์ และยื่นเอกสารหลักฐานตามมาตรการรถคันแรกออกไป 90 วันหลังรับมอบรถเพื่อชดเชยกับระยะเวลาที่โรงงานผลิตรถยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์หยุดดำเนินการเนื่องจากประสบปัญหาอุทกภัย และเพื่อไม่ให้ประชาชนเสียสิทธิได้รับเงินคืนภาษีเนื่องจากได้รับการส่งมอบรถล่าช้าจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ยอมรับว่าการขยายเวลาดังกล่าวอาจส่งผลให้ยอดซื้อรถคันแรกที่เข้าโครงการพุ่งทะลุเกินกว่า 5 แสนคัน และรัฐต้องคืนภาษีมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท

แน่นอนว่าเส้นทางย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เมื่อเป้าหมายที่วางไว้เบื้องต้นว่าจะมีปริมาณรถเข้าร่วมโครงการเพียง 5 แสนคัน แต่ยังเหลือเวลาอีกกว่า 1 ไตรมาสจะครบกำหนดสิ้นสุดโครงการ และบรรดาผู้ประกอบการต่างเข็นรถที่เข้าข่ายได้รับสิทธิตามโครงการนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การประมาณการยอดรถที่จะเข้าร่วมโครงการพุ่งขึ้นตามไปด้วย งบประมาณที่ตั้งไว้ในเบื้องต้น 3 หมื่นล้านบาทก็ย่อมไม่เพียงพอที่จะใช้คืนเงินตามนโยบายที่รัฐบาลได้หาเสียงไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น ณ วันนี้คือ การคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อรถที่ล่าช้า และมีเสียงบ่นออกมา โดยที่กรมสรรพสามิต กรมบัญชีกลาง และกรมการขนส่งทางบก ยังไม่สามารถเชื่อมระบบเพื่อตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็วเพื่อคืนเงินให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งๆ ที่ตอนเริ่มต้นโครงการ รัฐมนตรีบุญทรงได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่าใช้เงินสำหรับโครงการนี้สูงถึง 100 ล้านบาทในการดำเนินการ โดยไม่เกี่ยวข้องกับเงินที่คืนภาษี 3 หมื่นล้านบาทแต่อย่างใด แต่ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบจึงไม่มีการนำงบ 100 ล้านบาทมาใช้วางระบบเชื่อมต่อ 3 กรมที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การคืนเงินสะดวกและรวดเร็วขึ้น จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่าเงิน 100 ล้านบาทล่องหนไปอยู่ในกระเป๋าใคร

ขณะที่ปัญหาเรื่องการตั้งงบประมาณคืนเงินให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการโดยกรมบัญชีกลางได้จ่ายเงินคืนให้แก่ผู้ได้รับสิทธิไปแล้ว 2 งวด และที่จะจ่ายเพิ่มอีกงวด 5 พฤศจิกายน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 849 ล้านบาท จํานวน 10,987 คัน และกรมบัญชีกลางได้เสนอขอใช้งบกลางในปี 2556 เพิ่ม 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อนํามาใช้ในการคืนเงินในโครงการรถคันแรกเพิ่มเติม จากเดิมที่ตั้งงบประมาณไว้ในปี 2556 จํานวน 7.5 พันล้านบาท แต่ไม่เพียงพอเนื่องจากจํานวนที่ยื่นไว้ และมีสิทธิได้รับเงินรวมทั้งสิ้น 1.8 หมื่นล้านบาท จากจํานวนที่ยื่นเข้าโครงการแล้วทั้งสิ้น 2.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 3.1 แสนคัน

งบกลางปีที่มีอยู่อย่างจำกัด และถูกโครงการประชานิยมต่างๆ ของรัฐบาลรุมทึ้งอาจไม่เพียงพอต่อการจ่ายคืนสำหรับโครงการรถคันแรก หรือทำให้การจ่ายคืนล่าช้าออกไปจากเดิมซ้ำเติมกับปัญหาการตรวจสอบสิทธิที่ยังไม่บูรณาการกันระหว่าง 3 กรมดังที่กล่าวมาดังกล่าว ซึ่ง รมช.คลังก็ยืนยันออกมาเองว่าจะไม่ขยายเวลาออกไปอีกอย่างแน่นอน เพราะใช้เงินงบประมาณในโครงการนี้มากแล้ว หากเพิ่มอีกรัฐบาลจะถังแตกได้

http://www.manager.c...D=9550000135963

อาจมีนโยบาย
ซื้อรถคันแรก แถมข้าวสารมาแทนได้
55555