ที่จริงแล้วผมว่าจะไม่เข้าเวบนี้แล้วเพราะขอให้เวปมาสเตอร์ลบไอดีออกเพราะผมละเมิดกฏ แต่ยังไม่ยอมลบให้ ผมเหมือนคุณ Guest เฉยๆ ที่อยากรู้ข่าวสารบ้านเมืองบ้างทีแรกเห็นชื่อเวปน่าสนใจ คือพอมีเวลาว่างก็เข้ามาเล่นเน็ตตามประสาคนแก่ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าเค้าไปถึงไหนกันแล้ว บ้านเมืองเราเวลานี้ เวปนี้เสรีทางความคิดจริง เป็นประชาธิไตยแบบไทยๆ เป็นที่คนรุ่นเก่าอย่างผมคงต้องยอมรับ ส่วนเป็นเสื้อเหลืองเสื้อแดงผมว่าอย่าไปสนใจ ดูเฉพาะข้อมูลก็พอ เพราะผมเคยถามว่าประชาธิปไตยคืออะไร เพื่อให้คิดในเรื่องเหตุและผล เพราะคิดว่ามีสอนกันทุกโรงเรียน ก็ตอบมาว่าคุณคิดว่าคืออะไรละ ผมจึงขออนุญาตใช้ห้องนี้ ซึ่งเข้ามาแล้วสบายใจกว่าอธิบายคำว่าประชาธิปไตย เผื่อบางคนอาจลืมไปแล้ว
ราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า “ประชาธิปไตย”
ไว้ในหนังสือพจนานุกรมของทางราชการว่า
“แบบการปกครองที่ถือมติปวงชนเป็นใหญ่”
พึงเข้าใจว่าการที่ปวงชนจะมีความเป็นใหญ่ในการแสดงมติได้
ก็จำเป็นที่ชนทุกคนรวมกันเป็นปวงชนนั้นต้องมี
“สิทธิและหน้าที่ของมนุษยชน”
อันเป็นสิทธิ และ หน้าที่ ตามธรรมชาติของทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์
คือ สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคซึ่งมนุษย์จะต้องใช้พร้อมกันกับหน้าที่
มิให้เกิดความเสียหายแก่เพื่อมนุษย์อื่นและหมู่คนอื่นหรือปวงชนเป็นส่วนรวม
หลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย คือ
"การยอมรับนับถือความสำคัญและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคล
ความเสมอภาคและเสรีภาพในการดำเนินชีวิต"
และจากหลักการพื้นฐานดังกล่าว
จึงสามารถประมวลลักษณะสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้ดังนี้
ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
จึงกล่าวได้ว่า ประชาชนเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในรัฐ
ประชาชนทุกคนในรัฐมีความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย
ตลอดจนมีสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน
การดำเนินการของรัฐจำเป็นต้องถือตามมติเสียงข้างมากเป็นตัวตัดสิน
แต่เสียงส่วนน้อยในรัฐจะต้องได้รับการคุ้มครองความเป็นธรรมตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
แต่ประชาธิปไตยของไทยในปััจุบันคือ (ความคิดของผมเพราะชื่อเวปว่าเสรีทางความคิด) เสียงข้างมากชนะ(หรือพวกมากชนะไม่ต้องการเหตูและผลอะไร) ถ้าไม่พอใจอะไรก็ระดมเอาผู้คนจำนวนมากๆ ออกมารวมกันเป็นเงื่อนไข เรียกร้อง อะไรก็แล้วแต่ที่ตัวเองไม่ชอบ (ผมเห็นด้วยอยู่เรื่องเดียวที่คนไทยต้องปกป้องคือสถาบันพระมหากษัตริย์) เพียงเพื่อให้สมความต้องการของพรรคพวกตนเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลและข้อเท็จจริง ตรงกันข้าม กลับใช้วิธีบิดเบือนข้อเท็จจริง ใช้ความเท็จปลุกระดมผู้คนให้เกิดความเกลียดชัง ไล่ล่าฝ่ายตรงข้าม ก่อความไม่สงบในบ้านเมือง ไม่คำถึงถึงสิทธิของคนอื่น โดยเฉพาะที่ผมเกลียดมากๆคือ ไอ้ตู่และไอ้เต้น (ตอนนี้ไม่กล้ากลับบ้านเกิดพวกผมรออยู่) ทั้งที่ระบอบประชาธิปไตยก็ให้เลือกผู้แทนไปเป็นตัวแทนของตนเพื่อทำหน้าที่แล้ว แต่คงลืมไปว่าตอนที่เลือก ส.ส. นั้นไม่ได้เลือกที่ความสามารถ เลือกเพราะความชอบส่วนตัว หล่อ สวย รวย พูดเก่ง ด่าฝ่ายตรงข้ามเก่งถูกใจตัวเอง หรือเลือกเพราะได้เงิน อะไรก็แล้วแต่ ให้เขาเป็นฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลกันเฉพาะในสภาก็พอ ถ้าไม่ชอบใจก็เข้าชื่อกันถอดถอนตามกระบวนการหรือรออย่างมากก็ไม่เกิน 4 ปี อย่าไปตั้งความหวังอะไรมาก ส.ส. บ้านเราเขาเล่นการเมืองเป็นอาชีพ เขาไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ พวกเราเอาเวลาไปทำมาหากินตามความรู้ที่เรียนมายังซะดีกว่า
และขอยกเทศนาธรรมของพระอาจารย์ "พุทธทาสภิกขุ" แสดงธรรมเทศนาไว้ตั้งแต่ปี 2520 แต่ยังทันสมัยอย่างยิ่ง ในเรื่องประชาธิปไตย ความบางตอนว่า
"ประชาธิปไตย อาตมาเห็นว่า เยาวชนของเรา ก็มีความเขวอย่างยิ่งในเรื่องนี้ แม้ว่าเยาวชน หรือหัวหงอกแล้ว ก็ยังมีความเขว ในเรื่องความหมายของคำคำนี้; เขวจนไม่มีประชาธิปไตย ทั้งที่บอกว่าต้องการประชาธิปไตย และพยายามอย่างยิ่งที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตย แต่แล้วมันก็เขว จนไม่มีวิญญาณแห่งประชาธิปไตย; มีแต่ประชาธิปไตยอันธพาล แล้วก็ไม่รู้สึกตัวด้วย
เรา อยากจะให้เยาวชนของเรา มีความเข้าใจอันถูกต้อง ในเรื่องที่เกี่ยวกับประชาธิปไตย คนโดยมากพูดว่า คำว่า "ประชาธิปไตย" นั้น คือ ประชาชนเป็นใหญ่ อาตมาคิดว่ามันเป็นเรื่องบ้า อย่างหลับหูหลับตา ถ้าประชาชนเป็นใหญ่
ที่ ถูกนั้น คำว่า "ประชาธิปไตย" ควรจะจำกัดความลงไปว่า ประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่; ใครจะเป็นใหญ่ เป็นผู้ใช้อำนาจ นั้นไม่สำคัญ ขอแต่ว่า ให้ใช้อำนาจหรือกระทำไปในลักษณะที่ ในที่สุดมีผลเกิดขึ้นว่า ประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่
ถ้า ให้ประชาชนเป็นใหญ่; มันก็จะมีปัญหาว่า ประเทศไหนบ้าง ที่มีประชาชนที่ประกอบไปด้วยธรรมะ? ประชาชนของแต่ละประเทศ ยังไร้ศีลธรรม ยังเห็นแก่ตัวจัด แล้วจะเอามาเป็นใหญ่ได้อย่างไร ; หรือว่าจะให้เลือกผู้แทน เมื่อเลือกตามความต้องการของประชาชนชนิดนั้นแล้ว ; ก็จะได้ผู้แทนอันธพาลเข้ามานั่งเป็นรัฐสภา แล้วก็หลับหูหลับตาเถียงกันไป อย่างไม่มีที่สิ้นสุด คือ ประชาชนเป็นใหญ่ มันก็นำมาซึ่งผลอย่างนี้
เรา จะต้องระบุให้ชัดลงไปว่า ระบอบประชาธิปไตยนั้น คือ ระบอบที่ประชาชนมีประโยชน์อย่างไร, ต้องเอาประโยชน์ของประชาชนนั้นเป็นใหญ่ คือความสงบสุขหรืออะไรก็ตาม แล้วแต่จะเรียก"
waran999
เป็นสมาชิกตั้งแต่ 4 ตุลาคม 2554ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2554 10:03