ผมเข้าใจลุงแกนะครับ
สมัยก่อนผมก็ไม่ชอบพรรคปชป. เพราะรู้สึกว่าคนในพรรค "มาจากชนชั้นสูง การศึกษาสูงทั้งนั้น"
คนละเรื่องกับชนชั้นผม คือชนชั้นกลางระดับล่างที่หาเช้ากินค่ำ พ่อขับแท็กซี่ แม่รับราชการ
นั่นคือภาพลักษณ์สูงส่งที่ปชป.แก้ไม่ได้
พอมาเจอ "มหาเศรษฐีขี้ฉ้อ" ที่ทั้งชีวิตตัวเองก็ทำตัวศักดินามาตลอด ไม่เก่งอะไร แต่อาศัยใช้ปากหลอกคนอื่นไปวันๆ
มาทำตัว "เข้าถึงรากหญ้าและคนจน" ขึ้นมา ชนชั้นล่างก็หลงคารมเศรษฐีขี้ฉ้อไปได้อย่างง่ายๆ
ปชป.มาได้ใจผมจริงๆคือช่วงล้มประชุมอาเซียน เผาบ้านเผาเมืองครับ
ผมเห็นข้อเปรียบเทียบชัดเจนมากระหว่างนักการเมืองที่ "ปากพร่ำบอกว่าทำเพื่อรากหญ้า ลุยๆ จริงใจ"
กับรัฐบาล "เด็กสองคน" ที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานแก้ไขปัญหาวิกฤตชาติแบบไม่ได้เงยหัว
เห็นกำนันปริญญาอย่างเทพเทือกที่ออกหน้ารับแทนนายก และไม่เคยทิ้งนายกเลย
เห็นคุณกรณ์มุ่งมั่นเอาจริงเอาจังกับหนี้นอกระบบและ "ไมโครไฟแนนซ์"(การปล่อยกู้ให้พ่อค้าแม่ขายตัวเล็กๆ)
แบบที่พรรคเศรษฐีขี้ฉ้อไม่เคยคิดจับ (เพราะมันเสียผลประโยชน์)
ผมเริ่มมองปชป. "มุมมองใหม่"
คนที่เรามองว่าศักดินาสุดๆ กลับกลายเป็นนักสู้ตัวฉกาจ ลงมาคลุกวงใน เจอเรื่องร้ายแรงแต่ละทีก็ไม่เคยหนีหาย ใจสู้โคดๆ
ผมก็เลยไม่ได้มองปชป.ว่าศักดินาอีก
เพียงแต่ภาพลักษณ์เดิมที่คนไม่เข้าใจและยังแก้ไม่ได้ บวกกับเสียงยุงยงปลุกปั่น ทำให้ดูว่าพรรคปชป.ไม่ใช่พรรคของรากหญ้า
อันนี้ฝ่ายมวลชนของพรรคก็ต้องรับหน้าที่แก้ไปครับ