Jump to content


ornonon

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 10 ตุลาคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2557 07:36
-----

#1106858 เยาวเรศ ชินวัตร ใช้วุฒิปลอมสมัครเข้าเรียนต่อที่ มสธ. จริงหรือไม่???

โดย tommyrocker on 16 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 10:49

เรื่องโกงมันฝั่งอยู่ใน DNA ตระกูลนี้ทุกตัว




#1106848 เยาวเรศ ชินวัตร ใช้วุฒิปลอมสมัครเข้าเรียนต่อที่ มสธ. จริงหรือไม่???

โดย DoctorK on 16 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 10:41

คนตระกูลนี้มีใครไม่โกงบ้างไหมเนี่ย

 

โกงทั้งโคตรจริงๆ

 

:o  :unsure:  :wacko:




#1106830 # ด่วน! แก้ประวัติ หนีอัปยศ "เอกนัฏ พร้อมพันธ์" หลังโดนจับได้ว่า...

โดย hinotori on 16 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 10:24

ผมว่าไอ้นี่ต่างหาก ที่ดังไปทั่วโลก  :D 

 

post-20330-0-90054800-1390903443.jpg




#1106798 # ด่วน! แก้ประวัติ หนีอัปยศ "เอกนัฏ พร้อมพันธ์" หลังโดนจับได้ว่า...

โดย PHOENiiX on 16 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 09:55

ระวังเงิบอีกนะ แล้วไประวังเรื่องโดนฟ้องเรื่องข้อมูลเท็จด้วยละ

 

Siriwanna Jill
น้อง ขิง เอกนัฎ พร้อมพันธ์ุ เจอวิชามาร จากพวกสมองมดปัญญาแย้ อิจฉาคนฉลาดปล่อยข่าวว่า วุฒิการศึกษาปลอม เจ้าคะ จบจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
นักข่าวต่างชาติ ฝ่ายตรงกันข้าม โดยนำข้อมูลการศึกษา จากเว็บรัฐสภา ซึ่งลงผิดและแปลผิดมาขยายความ ขนาดเว็บรัฐสภายังมั่ว แสดงว่าแย่ ไร้ความน่าเชื่อถือ !!
น้องขิง จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี -โท พร้อมกัน 3 สาขา วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และบริหารธุรกิจ (เกียรตินิยม) จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ด้วยวัย 22 ปี เป็นอาจารย์ระดับปริญญาโท ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เจ้าตัวยืนยัน ได้มาด้วยตัวเอง ไม่ได้โกง ไม่ได้ซื้อ !! เรียนเก่ง ชนิดลุง Yon ชมไม่ขาดปากกว่า ฉลาดเฉลียว ทั้งการพูดจา และวิธีคิด ภาษาอังกฤษเลิศ เท่าเจ้าของภาษา ได้ทั้งศัพท์ชั้นสูง และวัยรุ่น
ออกซ์ฟอร์ด เป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียงในการสร้างคน ให้เป็นผู้บริหารระดับโลก ลูกศิษย์ ของออกซ์ฟอร์ดเป็น ประธานาธิปดี นายกฯ นักการเมือง ทั่วทุกมุมโลก บุคคลที่มีชื่อเสียง และจบจากสถาบันนี้ เช่น อินทิรา คานธี อองซาน ซูจี หม่อมเสนีย์กับหม่อมครึกฤทธ์ ผู้ว่าฮ่องกง นายกฯ 25 คนของอังกฤษ รวมมากาแร็ต แท็คเชอร์และโทนี แบรล์ และ บิล คลินตัน ........
การเรียน ในระดับปริญญาตรี ที่ออกซ์ฟอร์ด ในแต่ละรายวิชา ระบบการเรียนแบบ tutorial ซึ่งมีสัดส่วนร ะหว่างนักศึกษากับอาจารย์ 3 ต่อ 1 หรือ 2 ต่อ 1 ในบางสายวิชา เป็นระบบการเรียนเสริม lectures/classroom/labs ระบบ tutorial เน้นการเขียน Essays และการอ่านค้นคว้าด้วยตนเอง เพื่ออภิปรายกลุ่มย่อย ระหว่างผู้เรียนกับอาจารย์ ในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งนักศึกษาต้องเขียน Essay เป็นรายสัปดาห์ ตลอดภาคการศึกษา
ระบบการเรียนแบบนี้เน้น การฝึกการเขียน ซึ่งเกิดจากการค้นคว้า หาความรู้ด้วยตัวเองเป็นหลัก บวกกับการเน้นการคิด วิเคราะห์และ แสดงความคิดเห็นของตัวเอง โดยอาจารย์ผู้สอน ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ช่วย ผู้วิจารณ์หรือผู้ประเมิน ไม่ใช่คนป้อนข้อมูล หรือยัดเยียดข้อมูล แม้แต่การเรียนในระดับปริญญาโท ในบางสาขาวิชาที่ออกซ์ฟอร์ด ในระบบ tutorial ซึ่งเสริมเนื้อหาการเรียนจาก lectures/classroom ของแต่ละรายวิชา นักศึกษามีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์แบบตัวต่อตัว สัดส่วน 1 ต่อ 1 ด้วยซ้ำซึ่งดูเหมือนว่าระบบการเรียนแบบนี้ ในระดับปริญญาโท อาจจะมีเพียงแค่ที่นี้เท่านั้น
อยากรู้เรื่องวุฒิการศึกษาของ นางดอกไม้สีทอง อดใจรอ จะเล่าให้ฟัง วันหลังคะ




#901325 ศาลโลกตัดสินให้เราไม่ชนะครับ

โดย เช never die on 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 19:03

ผมมองว่าเราชนะในประเด็นหลักก็คือศาลไม่รับพิจารณาแผนที่ 1/200000 ที่เขมรยื่นคำร้องให้ศาลตีความรับรอง

 

เมื่อแผนที่ 1/200000 ไม่ได้ถูกศาลนำมาตัดสินรับรอง ก้หมายความว่าแผนที่ทางทะเลไม่ต้องวาดกันใหม่

 

หมายความสัมปทานปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไม่มีการเปลี่ยนแปลง

 

หมายความว่าไอ้แม้วกำลังจะเป็นหมาหัวเน่าของเขมรเพราะขายชาติไม่สำเร็จ

 

แต่ความผิดที่สำเร็จไปแล้วของไอ้ติ๊งเหล่ที่ไปออกแถลงการณ์ร่วมกับเขมร กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาลไทย




#901300 ศาลโลกตัดสินให้เราไม่ชนะครับ

โดย yakult on 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 18:55

น้ำมันในอ่าวไม่มีผลครับ ศาลบอกตัดสินแค่บริเวณเขาพระวิหาร ไม่มีผลผูกพันธ์ไปถึงส่วนอื่นของพื้นที่ หรือพรมแดน


#901293 ศาลโลกตัดสินให้เราไม่ชนะครับ

โดย mau on 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 18:53

นำข้อมูลมาจาก FB: thaiarmedforce อ่านแล้วน่าจะเ้ข้าใจมากขึ้นนะครับ
 
ทูตวีรชัย
ศาลตัดสินว่าศาลมีอำนาจตีความ ส่วนบริเวณใกล้เคียงปราสาทนั้นศาลจะบรรยายไว้แต่ไม่ได้แนบแผนที่ แต่เป็นพื้นที่เล็ก ๆ รอบปราสาทเท่านั้น ศาลไม่ได้ตัดสินเขตแดน ภูมะเขือไม่ได้เสียไป ไม่เสียพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.
 
บทสรุปชั่วคราวของ TAF
ด้วยมติเอกฉันต์ การขอตีความนั้น ศาลสามารถตีความได้
ด้วยมติเอกฉันต์ คำพิพากษาในปี 2505 กัมพูชามีอธิปไตยในดินแดนของปราสาทพระวิหาร และไทยต้องถอนทหารออกจากเขตดังกล่าว แต่ภูมะเขือและผาใกล้เคียงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของปราสาทพระวิหาร การจะถอนทหารออกไปตรงใด ให้ทั้งสองประเทศกำหนดเอง เพื่อรักษามรดกโลก
 
ทั่งนี้มั่นใจได้ว่า เราจะไม่เสียดินแดนถึง 4.6 ตร.กม.แน่นอน เพราะศาลบอกว่าพื้นที่พิพาทเล็กกว่านั้นมาก แต่เมื่อพิจารณาดูว่าส่วนไหนอยู่ในบริเวณปราสาทและไทยตั้งถอนนั้น ศาลเห็นว่าควรใช้ตำแหน่งของสถานีตำรวจของไทย ซึ่งกว้างกว่าเส้นเขตแดนตามมติครม. 2505
 
ดังนั้นเสียดินแดนเพิ่มจากมติครม. 2505 แน่นอน แต่จะเล็กมาก และไม่เสียถึง 4.6 ตร.กม. แบบที่กัมพูชากล่าวอ้าง ภูมะเขือกับหน้าผาก็ไม่ใช่ของเขมร ส่วนเสียดินแดนเพิ่มนั่นน่ะจะเสียแน่ แต่น่าจะแค่ 0.07 ตร.กม. ที่เหลือต้องไปคุยกันเอง ดังนั้น ภูมะเขือ ผามออีแดง เราอ้างสิทธิได้เต็มที่ แต่สุดท้ายต้องไปเจรจากัน แต่ตอนนี้เราได้เปรียบแล้วครับสำหรับสองพื้นที่นี้
 
แต่มั่นใจได้ว่า ตาเมือนธม ตาควาย หรือพื้นที่ในทะเล ไม่ได้เสียไปแต่อย่างใด เรายังมีอำนาจเต็มที่ที่จะอ้างสิทธิ ไม่ต้องอ้าง 1:200000 ก็ได้



#901284 ศาลโลกตัดสินให้เราไม่ชนะครับ

โดย MOD_01 on 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 18:48

 

โดยส่วนตัว ผมยอมรับ ถ้า

 

1. เสียเพิ่มเพียงขยายแนวรอบประสาทออกมานิดหน่อยตามคำพิพากษา ประมาณไม่เกิน 1 ตร.กม.น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี อยู่ในสังคมโลกแม้ไม่เต็มใจแต่ก็ต้องจำยอมในอำนาจที่เหนือกว่า แม้แต่ ร. 5 ก็จำยอมอย่างเจ็บปวดกว่านี้หลายเท่ามาแล้ว

 

2. บริเวณที่เหลือของ 4.6 เป็นของไทยทั้งหมด โดยเขมรห้ามอ้างสิทธิ์อีก

 

คิดในแง่ ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ เราเสียเพิ่ม 1 อยู่กับเรา 3.6   ฝ่ายเขมรได้เพิ่มส่วนรอบประสาท แต่พื้นที่ที่เหลือเป็นของไทยตลอดกาลไม่ต้องสู้รบกันอีก คิดอย่างนี้ก็พอรับได้

 

การแย่งชิง ถ้าโลกนี้มีแค่ไทยกับเขมร สู้รบกัน แน่นอนเราไม่เสียเพิ่มแน่ จะเอาเพิ่มก็ยังได้

แต่นี่ไม่ใช่ พื้นที่พิพาทถ้าเราจะได้ฝ่ายเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีจุดจบ มันจบไม่ได้ ความเสียใจที่ต้องเสียเพิ่มนั้นทุกคนมี

แต่ต้องนึกถึงความเป็นจริง เราถูกรังแกเพราะโจรร้ายฝรั่งเศสมาเก่าก่อน ขีดเส้นยึดเอาตามใจชอบ

ศาลโลก 2505 ก็อยู่ภายใต้อิทธิพลฝรั่งเศส เป็นเหตุให้เราแพ้คดีอย่างเจ็บปวดที่สุด

แม้แต่ครั้งนี้ขี้ข้าฝร้งเศสก็มีนายเก่าหนุนหลัง ดีแค่ไหนที่ศาลโลกยุคนี้ไม่กล้าทำทุเรศตัดสินให้ 4.6 เป็นของเขมรทั้งหมด ได้แค่นี้ ผมถึงจำใจยอมรับได้ จะได้จบกันไปเสียที และฟังคร่าวๆ ไอ้แม้วหมดสิทธิ์ยกเขตทางทะเลให้เขมรเพิ่ม

 

ส่วนต้นเหตุให้เสียเพิ่มรอบใหม่ ก็ไม่พ้น ไอ้แม้ว กับไอ้เหล่ เอาใจเขมรฮุนเซนเพื่อประโยชน์ตัวเอง จดใจบัญชีหนังหมาได้เลย ขายชาติเพื่ออำนาจและความร่ำรวยไม่รู้จักพอ

 

มองว่าทั้งไทยและเขมร ไม่มีฝ่ายไหนได้ มีแต่เสียทั้งคู่ ได้ไหมครับ?

 

มองอย่างมีสติ ก็มองได้ครับ เพราะการมองว่าเราไม่ยอมเสียเลย เป็นไปไม่ได้ในสภาพปัจจุบัน

 

แต่ผมเจ็บแค้นมาแต่ยุคเก่าที่ฝรั่งเศส ข่มเหงยึดดินแดนไทยด้วยอำนาจโจรหลายครั้ง

 

การเสียพระวิหารเมื่อปี 2505 ก็เนื่องมาจากฝรั่งเศสขีดเส้นเอาไปดื้อๆ เมื่อขึ้นศาลครั้งแรกก็แทรกแซงช่วยเขมร ผมเจ็บแค้นเศษฝรั่งมากกว่าเขมรเสียอีก




#901255 ศาลโลกตัดสินให้เราไม่ชนะครับ

โดย MOD_01 on 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 18:34

โดยส่วนตัว ผมยอมรับ ถ้า

 

1. เสียเพิ่มเพียงขยายแนวรอบประสาทออกมานิดหน่อยตามคำพิพากษา ประมาณไม่เกิน 1 ตร.กม.น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี อยู่ในสังคมโลกแม้ไม่เต็มใจแต่ก็ต้องจำยอมในอำนาจที่เหนือกว่า แม้แต่ ร. 5 ก็จำยอมอย่างเจ็บปวดกว่านี้หลายเท่ามาแล้ว

 

2. บริเวณที่เหลือของ 4.6 เป็นของไทยทั้งหมด โดยเขมรห้ามอ้างสิทธิ์อีก

 

คิดในแง่ ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ เราเสียเพิ่ม 1 อยู่กับเรา 3.6   ฝ่ายเขมรได้เพิ่มส่วนรอบประสาท แต่พื้นที่ที่เหลือเป็นของไทยตลอดกาลไม่ต้องสู้รบกันอีก คิดอย่างนี้ก็พอรับได้

 

การแย่งชิง ถ้าโลกนี้มีแค่ไทยกับเขมร สู้รบกัน แน่นอนเราไม่เสียเพิ่มแน่ จะเอาเพิ่มก็ยังได้

แต่นี่ไม่ใช่ พื้นที่พิพาทถ้าเราจะได้ฝ่ายเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีจุดจบ มันจบไม่ได้ ความเสียใจที่ต้องเสียเพิ่มนั้นทุกคนมี

แต่ต้องนึกถึงความเป็นจริง เราถูกรังแกเพราะโจรร้ายฝรั่งเศสมาเก่าก่อน ขีดเส้นยึดเอาตามใจชอบ

ศาลโลก 2505 ก็อยู่ภายใต้อิทธิพลฝรั่งเศส เป็นเหตุให้เราแพ้คดีอย่างเจ็บปวดที่สุด

แม้แต่ครั้งนี้ขี้ข้าฝร้งเศสก็มีนายเก่าหนุนหลัง ดีแค่ไหนที่ศาลโลกยุคนี้ไม่กล้าทำทุเรศตัดสินให้ 4.6 เป็นของเขมรทั้งหมด ได้แค่นี้ ผมถึงจำใจยอมรับได้ จะได้จบกันไปเสียที และฟังคร่าวๆ ไอ้แม้วหมดสิทธิ์ยกเขตทางทะเลให้เขมรเพิ่ม

 

ส่วนต้นเหตุให้เสียเพิ่มรอบใหม่ ก็ไม่พ้น ไอ้แม้ว กับไอ้เหล่ เอาใจเขมรฮุนเซนเพื่อประโยชน์ตัวเอง จดใจบัญชีหนังหมาได้เลย ขายชาติเพื่ออำนาจและความร่ำรวยไม่รู้จักพอ




#899973 เห็นข่าวเอ็กซ์แล้ว รำพึงว่าสังคมไทยเป็นอะไรกันไปหมด

โดย Diablo on 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 08:01

ส่วนตัวนี่แม่ผมรู้จักครอบครัวนี้เป็นการส่วนตัวนะครับ แม่เอ็กซ์เคยทำงานที่เดียวกัน(พยาบาล)กับแม่ผมก็เลยรู้จักกันพอสมควร

 

จริงๆตัวเอ็กซ์ค่อนข้างมีปัญหาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วครับ เพราะโดนตามใจมาก(แม่ผมว่างั้นนะ) แล้ววัยเด็กก็อยู่แต่กับวงการยิงปืนจนเสียช่วงวัยรุ่นไปพอสมควร อ่อแล้วถามทำไมเอ็กซ์ถึงดูมีเงิน ที่บ้านเขาโดยพื้นฐานเป็นคนมีฐานะพอสมควรครับ ตัวพ่อเขาคือเคยคลุกคลีกับวงการพวกเป็นบอดี้การ์ดให้กับผู้มีอิทธิพล เอ็กซ์เลยเล่นปืนตั้งแต่เด็กจนติดทีมชาติ แล้วที่ทราบมาคือหมอนิ่มเองเป็นลูกภรรยาน้อย พี่ชายที่ออกมาคือคนละแม่ ส่วนแม่คนที่โดนซัดทอดวจ้างวานฆ่าเห็นว่าเป็นแม่บุญธรรม(ภรรยาหลวง) หมอนิ่มท้องจริงครับ แท้งไปก่อนหน้านี้แล้วก็กลับมาท้องใหม่ปัจจุบันนี้อีก

 

ตบตีภรรยาผิดเต็มๆครับสมควรได้รับโทษ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะเอามาเพื่อการทำให้การจ้างวานฆ่านั้นสมเหตุสมผล คุณฆ่าคนตายยังไงก็ผิดไม่ว่าจะยกเหตุผลอะไรมา(ยกเว้นสุดวิสัยป้องกันตัวเอง) ถ้าเอ็กซ์ซ้อมภรรยาแล้วโดนยิงซึ่งหน้านี่ยังพอเข้าใจนะครับ แต่จ้างวานฆ่าแบบนี้มันไม่ใช่แล้วล่ะครับ เจตนา ไตร่ตรอง วางแผนไว้ก่อนเลยด้วย




#899813 เห็นข่าวเอ็กซ์แล้ว รำพึงว่าสังคมไทยเป็นอะไรกันไปหมด

โดย kim on 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 01:38

1.Xมีเมียน้อย พามาถึงบ้านให้ยอมรับ

2.หมอก็มีชู้มั่ง Xไม่พอใจลงไม้ลงมือตลอด (พ่อXก็ทราบแต่ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เพราะตัวเองก็ลงมือกับเมียตัวเองประจำจนลูกซึมซับความรุนแรงในบ้านจนโต)

3.หมอท้องกับชู้ เลยต้องตัดตอนทิ้งก่อนจะมีปัญหา โดยโกหกกับ X ว่าเป็นลูกX สาเหตุการแท๊งค์มี 2 แนวคือ ****ั่ว X ให้ลงมือหนัก แล้วจากนั้นหมอก็สานต่อทำแท๊งค์โดยอ้างว่าXซ้อมหมอจนแท๊งค หรือ Xซ้อมหนักจนแท๊งค์จริงๆ

4.แม่ยายกับพี่ชายหมอทนไม่ไหวเลยออกมาขู่กับ X ให้เลิกกับหมอไม่งั้นตาย จนมีที่มาของจดหมายถึงสรย้วย

5.Xไม่ยอมเลิกและยังแอบมาหาหมอจึงโดนฆ่าตาย

 

ส่วนเรื่องประเด็นเงินทองในเซพธนาคารนั้นหมอที่เอาไป น่าจะป้องกันไม่ให้ X ถอนเมื่อออกจากคุกแล้วเอาไปอยู่กับเมียน้อย เพราะXเคยพูดก่อนติดคุกแล้วว่าจะทำ

 

นิสัยหมอนิ่มพื้นฐานน่าจะเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย ตัดเป็นตัด แต่ยังหัวอ่อนอยู่จึงถูกหลอกไปผิดทางได้ง่าย ทางบ้านหมอก็รักลูกมาก

ส่วน X ก็พื้นฐานครอบครัวมีการใช้ความรุนแรงกับเพศตรงข้ามจึงโตมากับความรุนแรงตลอด

 

สรุปเรื่องนี้เป็นเรื่องแก้แค้นประชดประชันกันไปกันมาจนถึงสุดท้ายต้องตายกันไปไม่ข้างใดก็ข้างหนึ่ง




#872188 คิดอย่างไร ต่อกรณีศึกษา “สตาร์บัง (STARBUNG)” และ “สตาร์บัค (STARBUCKS)”

โดย ypk on 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:38

เหอะ เหอะ  ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าเรื่องนี้มันเกิดมานานเป็นปีแล้วมั้งครับ

ถ้าจำไม่ผิด เข้าใจว่าเดิมนั้นเขาใช้ โลโก้ ของสตาร์บัค เลย เพียงแต่เปลี่ยน

คำว่า บัค เป็น บัง เท่านั้น คงทำแบบให้มันดู เก๋ ๆ ตลก ๆ มากกว่าที่จะคิดไป

เลียนแบบอะไรจริงจัง

 

ปัญหาที่มันเกิดขึ้นก็เพราะแถวนั้นฝรั่งมันเยอะ ผ่านไปผ่านมาก็อาจเห็นว่า ตลกดี

คงถ่ายรูปไปอวดเพื่อนบ้าง ลงในเฟซบุ๊คบ้าง ทางสตาร์บัคก็เลยแจ้งทางเมืองไทย

ให้ไปบอกบังว่า ให้เอาโลโก้ออก รู้สึกว่าบังก็ตกใจเหมือนกันว่า อะไรวะขายกาแฟ

อยู่ดี ๆ จะซวยซะแล้ว แต่ก็คงเอาโลโก้ สตาร์บัง ดังเดิมออกไปแล้ว ซึ่งมันก็น่าจะจบ

 

แต่ บังแกคงไปทำ สตาร์บัง เป็นของตัวเองขึ้นมาอีกโดยเป็นรูป บัง จริง ๆ คงคิดว่า

คราวนี้ไม่เหมือนแล้ว แต่ทางสตาร์บัค คงไม่ยอม จะให้เอาออกไปเลย บังแกก็คิดว่า

นี่มันเป็นจุดขายกาแฟของแก เอาออกไปแล้วไม่มีอะไรตลกให้ลูกค้าดู กลัวลูกค้าหาย

สตาร์บัค รวยจะตายอยู่แล้ว สตาร์บังขอแค่ขายกาแฟยาไส้ไปวันหนึ่ง ๆ จะอะไรกัน

นักหนาเนี่ยะ

 

ถ้าผมจำไม่ผิด เรื่องมันจะเป็นประมาณนี้แหละครับ แต่ถ้าสงสัยว่า สตาร์บังใยหาญกล้า

ต่อกรกับสตาร์บัค ต้องลองไปหาข่าวเก่า ๆ ของ จ๊ะเอ๋ ทีวีดูครับ




#872107 คิดอย่างไร ต่อกรณีศึกษา “สตาร์บัง (STARBUNG)” และ “สตาร์บัค (STARBUCKS)”

โดย oneclick999 on 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 19:15

ตั้งแต่สมัยเด็กแล้วผมเคยได้ยิน ไม่รู้จริงไหม กรณีเสื้อตราจรเข้ มีคนไปทำเลียนแบบ แต่หันหางไปคนละข้าง ของปลอมโดนฟ้องแต่คดีหลุดเพราะอ้างว่า แบรนด์ของจริงมันจรเข้ตัวผู้ แต่ของเขามันจรเข้ตัวเมีย (จริงป่าวไม่รู้)




#872062 คิดอย่างไร ต่อกรณีศึกษา “สตาร์บัง (STARBUNG)” และ “สตาร์บัค (STARBUCKS)”

โดย tonythebest on 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 18:17

ผนึกซัพพลายเออร์ซุ่มเทสต์สินค้าใหม่ เทสโก้โลตัสลั่นเพิ่มทัพ"เฮาส์แบรนด์"

"เทสโก้ โลตัส" มั่นใจเทรนด์สินค้าเฮาส์ แบรนด์โตต่อเนื่อง เผยผู้บริโภครู้-เข้าใจแหล่งผลิตและคุณภาพสินค้ามากขึ้น เล็งเพิ่มแบรนด์ใหม่เสริมอีก หวังเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า ซุ่มเงียบผนึกซัพพลายเออร์ส่งสินค้า Only @ Tesco Lotus มุ่งเทสต์ตลาดก่อนปูพรมตามช่องทางอื่นๆ

นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอกชัย-ดิสตริบิวชั่น ซิทเทม จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันสินค้ากลุ่มเฮาส์แบรนด์โดยรวมๆ ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าดังกล่าวมากขึ้น ในแง่ของการรับรู้ว่าสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่วางจำหน่ายอยู่นั้นถูกผลิตออกมาจากโรงงานเดียวกันกับสินค้าแบรนด์ดังต่างๆ และมีคุณภาพของสินค้าไม่แตกต่างกัน 

อย่างไรก็ตามขณะนี้แม้ว่ากำลังซื้อผู้บริโภคโดยรวมๆ อาจจะไม่ดีนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น แต่โดยส่วนตัวก็ไม่ได้มองว่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้สินค้ากลุ่มเฮาส์แบรนด์มีการเติบโตมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงยึดติดกับสินค้าที่มียี่ห้อ แต่ในอนาคตก็เชื่อว่าสินค้ากลุ่มเฮาส์แบรนด์จะเติบโตมากขึ้นในลักษณะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป

สำหรับสินค้าเฮาส์แบรนด์ของเทสโก้ โลตัส ปัจจุบันมีสินค้าประมาณ 2,000 เอสเคยู คิดเป็น 6% ของสินค้าทั้งหมด ประมาณ 30,000 รายการ โดยที่ผ่านมาสินค้าเฮาส์แบรนด์สร้างรายได้ประมาณ 7-10% ของรายได้รวม และในอนาคตบริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนแบรนด์ของสินค้าเฮาส์แบรนด์เพิ่มอีก เพื่อต้องการจะเป็นทางเลือกของ ผู้บริโภค จากปัจจุบันมีแบรนด์เทสโก้ และคุ้มค่า สำหรับสินค้าที่เป็นอุปโภคบริโภค หรือแบรนด์ สกินวิสดอม สำหรับกลุ่มสินค้าสกินแคร์ และ แบรนด์ All About Face สินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง

นายดามพ์ยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเทสโก้ โลตัส ยังมีสินค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นการร่วมกับซัพพลายเออร์ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าต่างๆ ผลิตสินค้าที่เป็นในลักษณะที่เป็น Only @ Tesco Lotus หรือมีวางจำหน่ายเฉพาะตามสาขาของ เทสโก้ โลตัส ที่เป็นรูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น ซึ่งตอนนี้มีอยู่ประมาณ 1,000 รายการ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค 

สินค้าดังกล่าวถือเป็นสินค้าที่ซัพพลายเออร์ผลิตขึ้นมาใหม่เพื่อต้องการที่จะเทสต์ตลาด ดูการตอบรับของผู้บริโภค โดยใช้สาขาของเทสโก้ โลตัส เป็นช่องทางจำหน่าย และสินค้าแต่ละรายการก็จะมีระยะเวลาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับข้อตกลงหรือสัญญา เมื่อสินค้าได้รับการตอบรับดี ซัพพลายเออร์ก็สามารถจะนำสินค้าดังกล่าวออกไปจำหน่ายตามช่องทางอื่นๆ ได้

"เรามองว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และถือเป็นความร่วมมือที่วิน-วินทั้ง 2 ฝ่าย คือซัพพลายเออร์ก็มีโอกาสในการเทสต์สินค้า ดูความต้องการของลูกค้า ขณะเดียวก็ถือเป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟของเทสโก้ ไม่มีวางจำหน่ายที่อื่น ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า" นายดามพ์กล่าว

 

http://www.oknation....nt.php?id=56444

 

 

 

 

 

 

House Brand

สินค้า House Brand

หลายๆคนคงเดินซื้อของในเทสโก้บ่อยๆ (เมื่อก่อนเราเรียกโลตัส เดี๋ยวนี้เทสโต้เต็มๆแล้ว เห็นมั้ย พวกอังกฤษมายึดห้างเราแล้ว) แล้วจะเจอสินค้าตราเทสโก้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหวาน น้ำตาล ยาสระผม ผงซักฟอก ฯลฯ

สินค้าเหล่านี้ทาง Tesco เป็นผู้ผลิตเอง โดยอาจจะใช้การจ้างผลิตจากโรงงานทั่วไปในประเทศ และทำหีบห่อเฉพาะขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับสินค้าอื่นๆในชั้นวางสินค้า

หากจะทำความเข้าใจกับสินค้า House Brand ต้องเข้าใจถึงหลักการของ Hyper Market หรือ Super Center อย่างเทสโก้ หรือบิ๊กซีก่อน ว่าทำไมถึงขายของถูกได้ขนาดนี้

บางคนอาจจะคิดว่า เทสโก้ขายของถูกแล้วไงก็ดีนะ เราจะได้ของถูกๆ แล้วโชว์ห่วยจะตายไป เพราะบริการก็ไม่ดี สมัยนี้ร้านค้าก็ต้องเป็นมินิมาร์ทได้แล้ว ถ้าเป็นโชว์ห่วยก็ช่างมัน หลายๆคนอาจจะคิดแบบนี้

คงไม่ต้องพูดว่ากำไรของเทสโก้นั้นแปลงไปเป็นเงินของใคร เพราะออกนอกประเทศอยู่แล้ว



ทำไมถึงขายได้ถูกกว่า?

สินค้าทุกชนิดนอกจากการผลิตที่มีคุณภาพและการทำโฆษณาให้ผู้บริโภครู้จักแล้ว ช่องทางการจัดจำหน่ายถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าช่องทางการจัดจำหน่ายไม่ดี ขายก็ไม่ออก สภาพคล่องก็ไม่มี ห้างแบบนี้ใช้วิธีต่อรองในการซื้อสินค้ากับผู้ผลิต เพื่อให้ได้ราคาถูกกว่าราคาที่ขายในท้องตลาดทั่วไปโดยอาศัยการซื้อทีละมากๆ และส่วนลดต่างๆ บวกกับค่าธรรมเนียมต่างๆเข้าไป

สมมติว่าเราจะขายสบู่ตราห่าจิกส์ในเทสโก้ ราคาหน้ากล่องก้อนละ 10 บาท เทสโก้สามารถทำให้สบู่ห่าจิกส์ราคาต่ำกว่า 10 บาทได้ ทั้งๆที่เราขายส่งไปราคาก้อนละ 9 บาท เพราะอะไรจะทำให้ดู

ถ้าเราขายสบู่ให้เทสโก้ในราคาก้อนละ 9 บาท จำนวน 1,000 ก้อน เท่ากับ 9,000 บาท

เทสโก้จะคิดราคาค่าธรรมเนียมในการวางสินค้าหรือ Entry Charge แล้วแต่เค้าว่าจะกำหนดเท่าไหร่ สมมติว่า เค้าคิดที่ราคาแรกเข้า 2,000 บาท/ต่อสินค้า 1 ชนิด และค่าจิปาถะอีก เช่น ค่าจัดวางสินค้า ค่าตำแหน่งชั้นวางในระดับสายตา ค่าจัดโปรโมชั่นอีก สมมติว่าสบู่ห่าจิกอยากวางสบู่ในชั้นวางที่อยู่ในระดับสายตา ก็คิดไปอีก 500 บาท สิริรวม 2,500 บาท

ดังนั้นเราจะต้องเสียค่าห่าจิกส์บ้าบอไปให้ร้านค้าแบบนี้เพิ่มอีก 2,500 บาท เมื่อเอามาลบกับมูลค่าของสบู่เราคือ 9,000 บาท ก็จะเหลือ 6,500 บาท (หักลบ ที่จริงแล้วคือการเอา ราคาค่าธรรมเนียมไปบวกๆลบๆ ออกมานั่นเอง)

ดังนั้นตอนนี้เราจะขายสบู่ห่าจิกส์ให้เทสโก้ไปในราคาก้อนละ 6.5 บาท ว๊าย หายไปเกือบ 3 บาท

การคิดค่าธรรมเนียมเหล่านี้จะมีทุกครั้งที่สินค้าเราเข้าไป หมายถึง ถ้าเรามีสบู่ 7 สี เราก็ต้องทำแบบนี้ 7 ครั้ง ไม่ใช่เสีย 2,500 แล้วใช้ได้กับ 7 สี

สบู่เราเหลือแค่ก้อนละ 6.5 บาท แบบนี้เทสโก้เอาไปขายก้อนละ 8 บาทยังได้กำไรอีก





สินค้า House Brand ดีหรือไม่ดี?

จากการไปเดินสำรวจในบางครั้งแพคพบว่าสถานที่ผลิตของสินค้าแบบนี้ก็ที่เดียวกับสินค้าทั่วไป เช่นผงวุ้นของเบสท์ฟู๊ด กับผงวุ้นของ Leader Price ในบิ๊กซี ก็ผลิตที่บริษัทเดียวกัน แต่ทำไมขายได้ถูกกว่าตั้ง 3-4 บาท

คำตอบคือการลดต้นทุนต่างๆ เช่นหีบห่อที่คุณภาพต่ำลง ส่วนประกอบบางชนิดสเป๊คต่ำลง อาจจะใช้น้ำตาลจากโบลิเวีย แทนที่น้ำตาลมิตรผล อะไรแบบนี้

ดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความต้องการของแต่ละคน แต่แพคไม่ใช้เพราะว่า รู้สึกว่ามันไม่ค่อยน่าไว้ใจ เหมือนของด้อยคุณภาพ อย่างโฟมล้างหน้าแบบเนี๊ย ตราเทสโก้โลตัส ใช้แล้วหน้าจะเป็นดอกบัวมั้ย

 

 

http://www.bloggang....roup=1&gblog=48




#872202 ม้า อรนภา ปรี๊ดแตก ทราย เจริญปุระ ดูถูกนาฏศิลป์

โดย ryukendo on 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:08

81d37bb057ac11e2bb5122000a9e2955_7_13820

 

กรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค ว่า ร่างหลักสูตรการศึกษาฉบับใหม่ทางกระทรวงศึกษาธิการจะไม่นำวิชานาฏศิลป์บรรจุในหลักสูตร  แต่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ยืนยันแล้วว่าไม่มีการถอดวิชานาฏศิลป์แน่นอน แค่เป็นการปรับหลักสูตรใหม่เท่านั้น ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวจึงได้ซาลง

แต่ดูเหมือนกรณีนี้จะไม่จบง่ายๆ เพราะหลังจากที่รายการ Diva cafe ซึ่งนำประเด็นวิชานาฏศิลป์มาพูดในรายการเป็นเชิงว่า ศิลปะไทยล้าหลัง และวิชานาฏศิลป์ไม่สมควรเป็นวิชาบังคับ จึงทำให้เกิดกระแสขึ้นมาอีกรอบ โดยเฉพาะพิธีกรทั้งสามคน คือ มนทกานติ รังสิพราหมณกุล พรรณิการ์ วานิช และ อินทิรา เจริญปุระ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ด้านนางแบบชื่อดังอย่าง "ม้า อรนภา กฤษฎี" ได้โพสต์ข้อความเชิงไม่เห็นด้วยและตำหนิลงบนอินสตาแกรมของทราย เจริญปุระ ว่า

"@itr นี่คือพี่ม้าเองค่ะ ฟังหนูพูดในรายการ Diva. หนูคงเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องการเรียนนาฏศิลป์ จึงพูดออกมาอย่างไม่รู้เท่าถึงการ หรือมีคนสั่งให้พูดเพื่อให้เรื่องมันยืดเยื้อออกไปอีก พี่เป็นคนหนึ่งที่จบนาฏศิลป์ชั้นสูงมา เคยใช้ทำมาหากินอยู่ช่วงหนึ่งของชีวิต แล้วก็เลิกลาไป พี่เชื่อว่าการเรียนของพี่มันต่อยอดให้พี่ ทำเรื่องอื่นได้ดีจนถึงทุกวันนี้ ที่หนูเห็นอยู่นั่นแหละ ในขณะที่อายุปาเข้าไป 60 แล้ว ฝรั่งก็ได้ เทรนด์ไหนมาก็ได้ เพราะมีบอดี้ ที่เฟรกซิเบลล์ การเรียนไม่ได้หมายบังคับว่าต้องมารักรำ และมีอาชีพรำ หรือแค่เป็นครู แต่มีไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังไม่โง่ เข้าใจอะไรผิดๆแล้วนำไปตีความ นาฏศิลป์รวมทั้งของไทยและฝรั่ง เรียนให้เข้าใจ โตขึ้นจะได้ไม่โง่ ไม่ได้หมายถึงให้ยึดเป็นอาชีพ และที่สำคัญที่สุด รู้และรักกำพืดอันเป็นรากเหง้าของเราในความเป็นไทย สมัยนี้ไม่ชอบของไทย ชอบของนอก แต่ก็ไม่นอกเท่ากับพี่ แค่เปลือกๆกันทั้งนั้น ทั้งพูดทั้งแสดงออก แต่พี่มีความสำเหนียกของความเป็นไทยเสมอ อยู่ในสายเลือดเลยล่ะ ไม่พอใจกันทำไมไม่ไปอยู่ประเทศอื่น หน้าด้านอยู่ในประเทศไทยที่มีรากเหง้าของตัวเองทำไม ก็เพราะไม่กล้าไง เห็นไหม เปลือกชัดๆ เขียนมายาวคงเข้าใจขึ้นนะคะ แล้วไปบอก เบียร์และแขก ด้วย ซึ่งพี่เสียใจมากเพราะรู้จักดีมากๆ ทั้ง 2 คน มีโอกาสจะจับเข่าพูดให้เข้าใจ จาก คนไทยแท้ๆที่รักความเป็นไทย"

mar.jpg

 

ทางด้าน อ.มาโนช บุญทองเล็ก หัวหน้าและอาจารย์ประจำสาขานาฎศิลป์ไทย ภาควิชานาฎดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ได้แสดงความคิดเห็นในเฟสบุ๊กของรายการ Diva cafe ด้วยว่า

"ผมคือหนึ่งในอาจารย์ที่คุณสรยุทธเชิญถามความเห็น พวกผมมีข้อมูลที่แท้จริงที่บางคนต้องปฏิเสฐว่าเอกสารนี้ใช้ไม่ได้พวกผมถาม ว่าแล้วที่ใช้ได้อยู่ที่ไหน.....ไม่มีคำตอบและที่สำคัญพวกผมเป็นนักวิชาการ ที่รักในวิชาชีพ ไม่เคยใช้วิชาชีพไปในทางที่ผิด และเราไม่จำเป็นที่ต้องไปขอโทษใครเพราะเรามีข้อมูลจริง ถ้าไม่จริงช่องสามเค้าคงไม่ให้เราไปออกหรอกครับ และท้ายที่สุดคุณพิธีกรทั้งสามยังขาดความรู้เป็นอย่างมา กถึงแม้พิธีกรบางคนโคตรเหง้าก็มาจากละครชาตรีแต่บางคนเป็นพวกที่ดังตามกระแส ควรหาข้อมูลนะครับในการนำเสนอรายการ ผมเคยติดตามช่องนี้นะครับแต่ต่อนี้ไปผมคือคนที่อยู่ตรงข้ามกับคุณนะครับ ผมขอให้ความรู้ซักนิดนะครับนาฏศิลป์ไม่ได้หมายถึงละครหรือฟ้อนรำเท่านั้นนะ ครับ ไอ้ที่คุณเอามาออกรายการทั้งหมดนั่นแหละที่เค้าเรียกนาฏศิลป์นาฏศิลป์มีทั้ง รูปแบบอนุรักษ์และสร้างสรรค์นะครับ"

 

bw2ew3kcmaat3f2_1382093766.jpg;r:width=5

 

 

http://news.sanook.c...-ดูถูกนาฏศิลป์/

 

 

 

เมื่อท้องฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ ลิบือรั่วจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน :lol: