nnnn43

ต้องขอโทษ คุณ Tam-mic-ra ด้วยที่เข้ามาตอบช้านะครับ เมื่อคืนก่อนหลังเข้ามาดู
กระทู้ ตอนตี 1 ผมก็ไปตามดูคลิปย้อนหลัง "ผ่าความจริง ปราณบุรี" ยังไม่จบดีก็ง่วง
แล้วเข้านอนไปไม่ได้แวะมาดูกระทู้ เลยไม่รู้ว่ามีการมาตั้งคำถามตอนตี 2 จนทำให้
คุณ Tam-mic-ra บ่นน้อยอกน้อยใจ พอเมื่อวานนี้มีเวลาเข้ามาดูตอนบ่ายก็ปรากฏว่า
เข้าบอร์ดไม่ได้อีก เพิ่งไว้แวะมาดูกระทู้อีกตอนนี้เองครับ

ผมไม่สะดวกค้นข้อมูลเพิ่ม ขออนุญาตเอาข้อมูลเก่าที่เคยตอบในกระทู้คุณ pooyong
ตั้งแต่เดือนสิงหา มาลงให้อ่านไปก่อนนะครับ เกี่ยวกับหนังสือรับรองที่กำลังคุยกัน
สรุปสั้นๆ ก็คือ

"k.อภิสิทธิ์ กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีขณะที่มีการออกหนังสือรับรอง"

ดังนั้นการอ้าง มาตรา 29 (3) ในหนังสือรับรองฉบับนี้จึงไม่ได้อ้างผิดครับ



....

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ตามแถลงของ พล.อ.อ.สุกำพล ระบุว่าข้อความในหนังสือรับรอง
ฉบับนี้ผิดจากความเป็นจริง "ซึ่งตามความจริง นายอภิสิทธิ์จะต้องไม่ได้รับการผ่อนผัน
เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้กำลังศึกษาหรือมีสิทธิขอผ่อนผันตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร
พ.ศ.2497 มาตรา 29(3)" - ข่าวสดออนไลน์ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
http://www.khaosod.c...qYzVPREU0Tnc9PQ

จากการค้นข้อมูลของผมกลายเป็นว่าในปี พ.ศ.2530 k.อภิสิทธิ์ กำลังศึกษาและมีสิทธิ
ขอผ่อนผันครับ เพราะขณะนั้นกำลังศึกษาอยู่ คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง โดยสมัคร
เข้าเรียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 มีรหัสนักศึกษา 26103922 และไทยรัฐลงประวัติเมื่อวันเกิด
3 ส.ค.ที่ผ่านมาว่าเรียนจบปี 2531 http://www.thairath....e/view/pol/5430

ข้อมูลการเรียนที่ ม.รามคำแหง ของ k.อภิสิทธิ์ มาจากข่าวการไปเป็นประธานในพิธีเปิด
สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง และเป็นองค์ปาฐกถาพิเศษ เมื่อปี 2552 ครับ
ซึ่ง k.อภิสิทธิ์ ได้พูดชัดเจนว่าสมัครเข้าเรียนรามฯ ระหว่างกำลังศึกษา ป.ตรี ที่อังกฤษ
โดยใช้เวลาช่วงปิดเทอมที่อังกฤษมาเรียนรามฯควบคู่กันไป และใช้เวลาเรียนอยู่ 4-5 ปี
เอาเนื้อข่าวมาลงให้ดูบางส่วนนะครับ...

---

http://www.manager.c...D=9520000075165

วันนี้ (2 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังหอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง และเป็นองค์ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “การเมืองไทย ไปทางไหนดี?" โดยในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นร่วมกับนายคิม แสงทองสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื่องจากนายอภิสิทธิ์เป็นศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์ ในปี 2526 ทั้งนี้ งานดังกล่าว นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ มาร่วมงานด้วย

สำหรับเนื้อหาของการปาฐกถาพิเศษของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ มีใจความว่า ตนเคยเข้าศึกษาที่ม.รามคำแหง ในช่วงปี 2526 โดยมีรหัสศึกษา 26103922 ซึ่งในระหว่างที่ศึกษาที่นี่ก็ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษด้วย แต่เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอมจึงใช้เวลามาเรียนที่นี่ควบคู่ไปด้วย ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 4-5 ปี ก็สำเร็จการศึกษา ต่อจากนั้นได้มีโอกาสนำความรู้ที่ได้รับกลับมาสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ ทั้งนี้ ต้องยอมรับการศึกษาที่ ม.รามคำแหง ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ตนจึงมุ่งมั่นอยากสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชาชนทุกคนที่มุ่งใฝ่หาความรู้

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ตนสนใจการเมืองจากการเริ่มฟังการอภิปรายในสภาที่ถ่ายทอดผ่านทางวิทยุตั้งแต่ ปี 2518-2519 โดยรู้ทันทีว่าหากใครมาทำงานการเมืองแล้วขาดความรู้ทางกฎหมายนับเป็นยากที่จะทำงานได้ แม้ ส.ส.จะจบการศึกษาด้านใดก็ตาม หากมีความรู้ด้านกฎหมายก็จะทำให้ทำหน้าที่ ส.ส.ได้มีประสิทธิภาพและดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการปฐมนิเทศ ส.ส. คือ ให้ไปศึกษารัฐธรรมนูญ รวมทั้งข้อบังคับการประชุมของสภา เพื่อให้มีความเข้าใจภาครวมการเมืองและวิธีทำงานในรัฐสภา

---

ไทยรัฐก็มีลงข่าว เรื่องการไปเปิดสมาคมศิษย์เก่ารามคำแหง นี้เหมือนกัน
แต่ไม่ลงรายละเอียดเรื่องการเรียนของ k.อภิสิทธิ์ มากนัก อย่างไรก็ตาม-
น่าจะสรุปได้ว่า k.อภิสิทธิ์ กำลังเรียนอยู่ที่ ม.รามฯ ในช่วงนั้นจริงๆ ครับ
http://www.thairath....ntent/pol/16976

คุ้นๆว่า คุณ จี เคยคุยกับ คุณ แต๋ม เรื่องนี้เคลียร์ไปแล้วรอบนึง เรื่องของการผ่อนผัน
ตอนแรกผมก็คุ้นๆอยู่ว่า มาร์กลงเรียนรามไปด้วย ตามที่เคยอ่านข้อมูลของคุณจี
แต่เมื่อคืนขี้เกียจไปค้นดู เพราะยังติดเรื่องข้อกฎหมายที่คุณแต๋มยกมา ก็ยังไม่เคลียร์เรื่องปีที่ออกกฎกระทรวง


เรื่องพวกนี้ น่าจะเคลียร์กันแล้ว ละครับ
สงสัยต้องเก็บกระทู้นี้เข้าห้องสมุด เผื่ออีก ปีหน้าจะมีคนๆเดิม มารื้อฟื้นหาเหตุผลอะไรกันอีก

Ok ครับ ผมดูผิดไปเอง
ทีนี้ แปลกใจว่าทำไมไม่ค่อยมีข่าวมาให้เห็นกัน คือถ้าคุณมาร์ค ชี้แจงบอกว่าเรียนรามอยู่ ก็คืออยู่ในระหว่างการศึกษา และทำเรื่องผ่อนผันกับสัสดีไว้ ก็น่าจะง่ายต่อคนติดตามได้ดีเลยครับ

ผมเห็นด้วยกับคุณ Tam-mic-ra ว่า k.อภิสิทธิ์ น่าจะชี้แจงอะไรต่างๆ
ให้ชัดเจนมีประสิทธิภาพมากกว่าที่ผ่านๆมา และไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่อง
ที่ถูกกล่าวหาว่าหนีทหาร แต่รวมถึงเรื่องอื่นๆ ตัวอย่างเช่นกรณี 9x ศพ
(ใส่ x เพราะมีการพยายามนับจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ)

ล่าสุดก็ยังมีประเด็นถูก พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวหาออกสื่อในทำนองว่า
ลาหยุด 200กว่าวัน แต่ทำงานจริงแค่ 30กว่าวันใน 1 ปี ซึ่งในความจริง
เป็นการเล่นกลตัวเลขคล้ายกับกรณี 9x ศพ ผ่านมาจนป่านนี้ผมก็ไ่ม่เห็น
มีการชี้แจงจาก k.อภิสิทธิ์ ปล่อยให้นำไปโพสโจมตีัโดยทั่วไป

สำหรับประเด็นถูกกล่าวหา ลาราชการ 200กว่าวันฯ ถ้าผมพอมีเวลา
เรียบเรียงข้่อมูล ก็คิดว่าจะนำมาตั้งกระทู้ให้อ่านกันครับ

http://www.matichon....594133&grpid=10

ในปี 2551 คณะกรรมการกฤษฎีกา วินิจฉัยปัญหานี้ ก่อนชี้ว่า "การปลดข้าราชการทหารออกจากประจำการ จะต้องเป็นข้าราชการทหารที่ประจำการอยู่ หากพ้นจากราชการแล้วก็ไม่อาจปลดออกจากประจำการได้โดยสภาพ

ดังนั้นในกรณีที่กระทรวงกลาโหมพิจารณาเห็นว่า สามารถดำเนินการปลด พลเอก นิพนธ์ ออกจากประจำการได้ ก็จะต้องมีคำสั่งปลดออกจากประจำการ โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันสุดท้ายของการรับราชการ

ส่วนเรื่องการถอดยศทหารนั้นเป็นเรื่องที่กระทรวงกลาโหมสามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 ประกอบกับข้อ 2 แห่งระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ. 2507 แม้ พลเอกนิพนธ์ฯ จะพ้นราชการไปแล้ว"

แต่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเห็นว่า ในทางปฏิบัติยังไม่ได้ข้อยุติ

เพราะยังมีปัญหาว่า จะปลดพลเอก นิพนธ์ฯ ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วออกจากราชการย้อนหลังได้หรือไม่ ด้วยกฎหมายใด

อีกทั้งการปลดนายทหารชั้นนายพลออกจากประจำการและถอดออกจากนยศทหาร การดำเนินการต้องนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ และจะเป็นการมิบังควรหากต่อมามีการอุทธรณ์ต่อกรณีดังกล่าว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพิจารณาให้เป็นไปด้วยความถูกต้องและรอบคอบ

ว่าแล้ว เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จึงส่งเรื่องกลับมาหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2553 โดยตั้งคำถาม 2 ประการ ดังนี้

1. "...ในกรณีที่กระทรวงกลาโหม พิจารณาเห็นว่า สามารถดำเนินการปลดพลเอก นิพนธ์ฯ ออกจากประจำการได้ ก็จะต้องมีคำสั่งปลดออกจากประจำการโดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันสุดท้ายของการรับราชการ..." นั้น กระทรวงกลาโหมต้องใช้ดุลพินิจเองว่า หากเป็นความผิดที่อยู่ในเกณฑ์ปลดออกจากราชการ ต้องปลด พลเอก นิพนธ์ฯ ออกจากราชการและให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันสุดท้ายของการรับราชการ แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจกระทรวงกลาโหมไว้ใช่หรือไม่

2. "...ส่วนเรื่องการถอดยศทหารนั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงกลาโหมสามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 ประกอบกับข้อ 2 แห่งระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 แม้ พลเอก นิพนธ์ฯ จะพ้นราชการไปแล้ว" นั้น กระทรวงกลาโหมสามารถดำเนินการถอด พลเอก นิพนธ์ฯ ออกจากยศทหารได้โดยไม่ต้องรอผลทางคดีอาญา ใช่หรือไม่

เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ จัดให้มีการประชุมร่วมกันของกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 และคณะที่ 2 เพื่อพิจารณาปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว

ปัญหานี้ ได้มีการเรียก ผู้แทนกระทรวงกลาโหม (สำนักงานปลัดกระทรวง) และผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด

คณะกรรมการฯ ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่า กระทรวงกลาโหมไม่เคยสั่งพักราชการ พลเอก นิพนธ์ฯ ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ พ.ศ. 2528 และยังไม่ได้ดำเนินการทางวินัยแก่ พลเอก นิพนธ์ฯ ตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เสนอความเห็นไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกรัฐมนตรีสั่งการตามที่เห็นสมควร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้ปลัดกระทรวงกลาโหมดำเนินการทางวินตัยแก่ พลเอกนิพนธ์ฯ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด

ล่าสุดปลายกันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการกฤษฎีกา มีคำวินิจฉัยดังนี้

ประเด็นที่หนึ่ง เห็นว่าความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ครั้งแรก มิได้มีความหมายดังที่กระทรวงกลาโหมเข้าใจ

จริง ๆแล้ว ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น กระทรวงกลาโหมไม่มีอำนาจที่จะปลด พลเอกนิพนธ์ฯออกจากประจำการภายหลังจากที่ พลเอกนิพนธ์ฯได้ออกจากประจำการไปแล้ว

ตามคำถามของกระทรวงกลาโหมในเรื่องดังกล่าว กระทรวงกลาโหม ถามเพียงว่าจะปลด พลเอกนิพนธ์ฯออกจากประจำการภายหลังจากที่ พลเอกนิพนธ์ฯได้ออกจากประจำกการไปแล้ว

แต่ตามคำถามของกระทรวงกลาโหมในเรื่องดังกล่าว กระทรวงกลาโหมถามเพียงว่าจะปลด พลเอกนิพนธ์ฯออกจากประจำการย้อนหลังไปถึงวันสุดท้ายของการรับราชการได้หรือไม่

ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นในประเด็นนี้ว่า ถ้ากระทรวงกลาโหมเห็นว่าตนมีอำนาจที่จะปลดออกจากประจำการได้ ก็ต้องปลดออกโดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันสุดท้ายของการรับราชการ

ทั้งนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา 2 ชุด ยังคงมีความเห็นเดิม โดยยืนยันว่า กระทรวงกลาโหมไม่มีอำนาจที่จะปลดพลเอกนิพนธ์ฯออกจากประจำการภายหลังจากที่พลเอกนิพนธ์ฯออกจากประจำการไปแล้วได้ เนื่องจากมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อจะดำเนินคดีอาญา ดำเนินการทางวินัย หรือขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไปได้

แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งหรือพ้นจากราชการเพราะเหตุใด ๆ นอกจากถึงแก่ความตาย มิใช่เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจผู้บังคับบัญชาที่จะดำเนินการทางวินัยแก่ผู้ถูกกล่าวหาต่อไปได้ การจะดำเนินการทางวินัยตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เพียงใดและอย่างใด ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่ใช้กับข้าราชการที่จะถูกดำเนินการทางวินัย

ส่วนมาตรา 92 และมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ เป็นแต่เพียงบทบัญญัติที่ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโทษทางวินัยแก่ผู้ถูกกล่าวหาตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติโดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอีกเท่านั้น

เมื่อพิจารณาพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 พระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลดตำแหน่งข้าราชการกลาโหม พ.ศ.2502 มติสภากลาโหมในการประชุมครั้งที่ 3/07 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2507 ประกอบกับคำสั่งกองทัพบก ที่ 176/2508 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2508 เรื่องการหมุนเวียนกำลังพลที่กำหนดเหตุแห่งการปลดออกจากประจำการแล้ว ไม่พบว่ามีบทบัญญัติกำหนดให้ผู้บังคับบัญชามีอำนาจปลดทหารผู้กระทำผิดวินัยออกจากประจำการได้ในกรณีที่ทหารผู้นั้นออกจากราชการไปแล้ว

ยกเว้นกรณีตามข้อ 5 และข้อ 7 แห่งข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ พ.ศ.2528 ที่ให้ผู้บังคับบัญชามีอำนาจสั่งพักราชการ ข้าราชการทหารผู้ถูกฟ้องคดีอาญาหรือถูกกลาวหาว่ากระทำผิดอาญา ตลอดเวลาที่คดียังไม่ถึงที่สุดหรือตลอดเวลาที่พิจารณาสอบสวน ซึ่งหากปรากฏภายหลัวว่าข้าราชการทหารผู้นั้นได้กระทำความผิด ให้ผู้บังคับบัญชามีอำนาจสั่งให้ออกจากราชการโดยไม่มีเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญโดยให้สั่งให้ออกตั้งแต่วันสั่งพักราชการได้

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า กระทรวงกลาโหมไม่เคยสั่งพักราชการ พลเอกนิพนธ์ฯตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการฯ ประกอบกับการปลดข้าราชการทหารออกจากประจำการ จะต้องเป็นข้าราชการทหารที่ประจำการอยู่ หากพ้นจากราชการแล้วก็ไม่อาจปลดออกจากประจำการได้โดยสภาพ ด้วยเหตุนี้ กระทรวงกลาโหมจึงไม่สามารถปลดพลเอกนิพนธ์ฯออกจากประจำการได้

ประเด็นที่สอง ในเรื่องการถอดยศพลเอกนิพนธ์ฯนั้น เมื่อมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหารฯประกอบกับข้อ 2 แห่งระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 และคำสั่งกระทรวงกลาโหม (ชี้แจง) ที่ 3/17275 เรื่องการถอดหรือการออกจากยศทหาร ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2501 กำหนดให้ทหารที่กระทำผิดต่อวินัยทหารอาจถูกถอดจากยศทหารได้ และโดยที่ยศทหารเป็นยศที่ติดตัวทหารไม่ว่าจะอยู่ในประจำการหรือนอกประจำการ การถอดยศทหารจึงสามารถกระทำได้แม้ทหารผู้นั้นจะออกจากประจำการแล้ว

ส่วนจะต้องรอผลคดีอาญาให้ถึงที่สุดหรือไม่ ย่อมต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อ 4 แห่งระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ฯ ซึ่งกำหนดให้กรณีเฉพาะข้อ 2.1 ข้อ 2.2 และข้อ 2.3 เท่านั้นที่จะต้องถอดยศตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด

ส่วนกรณีอื่นระเบียบดังกล่าวมิได้กำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ ดังนั้น หากกระทรวงกลาโหมจะดำเนินการถอดยศของพลเอกนิพนธ์ฯโดยอาศัยเหตุตามข้อ 2.9 คือ ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระทรวงกลาโหมย่อมสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องรอผลคดีอาญาให้ถึงที่สุดเสียก่อน

ว้า...มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นถึงรมต. กะลาโหม..ไม่มีอารมณ์ขันเลย

มาร์คผ่อนผันยังไงครับ จึงไม่ต้องไปแสดงตัว ที่เมษา 2530 ??

ไม่เห็นมีอะไรนี่ครับ เขาพูดประมาณว่า ถ้ามีผ่อนผัน ก็แสดงว่าไม่ได้หนี

แล้วมีหลักฐานไหมครับ ว่าผ่อนผันจริง

เรื่องการเข้ารับราชการเป็นอาจารย์น่าจะจบแล้วนะครับ ขนาดกลาโหมยังหาช่องเอาผิดไม่ได้ จนต้องไปเล่นเรื่อง สด.9 ใบแทนตอนขอติดยศเลย

ไม่ได้ชอบแต่แรก หมั่นไส้นิดหน่อยด้วยซ้ำ เพราะดูเป็น "พรรคเศรษฐี" เหลือเกิน
มาเลือกพรรคปชป.ครั้งแรกจริงๆตอนแคมเปญ "ไม่เลือกเราเขามาแน่" ครับ
แล้วเลือกมาตลอด เพื่อจะไล่ทักษิณ
แต่สารภาพว่าไม่เคยแน่ใจเลยว่าปชป.จะบริหารประเทศได้ดี ที่ไม่มั่นใจเพราะ
1. ผมไม่ทันยุคคุณชวนแก้หนี้ไอเอ็มเอฟ ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่าเพราะทักษิณ
2. ผมเป็นคนหนึ่งที่ถูกล้างสมองให้เื่ชื่อว่า "ชวนเชื่องช้า"
ปชป.=คนรุ่นศักดินา ทำงานช้าไม่ทันกิน

ผมมารักปชป.จริงๆตอนเป็นรัฐบาลแล้วครับ
"เด็กสองคน" ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดและหันมานับถือพวกเขาอย่างหมดใจ
ต่อมาผมนับถือใจคุณสุเทพด้วย ไม่ว่าเขาจะมีชนักติดหลังเรื่องสปก.ยังไง หรือใครจะปั่นกระแสว่าเขาเกลียดคุณอภิสิทธิ์
แต่ภาพที่ผมเห็นตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ คุณสุเทพไม่เคยทิ้งคุณอภิสิทธิ์เลย และ "ยอมตายแทน"(ทางการเมือง)ได้ขนาดนี้
ใจไม่ธรรมดาครับ

ผมเลยเทียบพรรคปชป.ที่ผมได้ยินมาตลอดว่า "เชื่องช้า ทำงานไม่เป็น ลุกคุณหนู"
กับพรรคที่ยกยอปอปั้นตัวเองว่า "ตาดูดาว เท้าติดดิน" "อัศวินคลื่นลูกที่สาม" "คิดใหม่ทำใหม่" "เก่งทุกเรื่อง"
ผมกลับเห็นภาพตรงข้าม
ภาพปชป.ที่ผมเห็นคือลูกผู้ชายมากๆ กล้าทำกล้ารับ ทำทุกอย่างโปร่งใส ใจเย็น อดทน
และตัีดสินใจทุกประการเพื่อแผ่นดินสงบสุข ไม่ใช่เพื่อตัวเอง
ต่างจากอีกพรรคทีขี้ขลาดตาขาว ต้องใช้กลโกงทุกอย่างถึงจะเอาตัวรอดได้ในงานทุกงาน
และทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง แม้ทำลายชาติทำลายประชาชนก็เอา

ด้วยเหตุนี้ผมเลยเริ่มเป็นแฟนปชป.ตั้งแต่นั้น ไม่นานมานี้เองครับ คือช่วงเผาบ้านเผาเมืองนี้เอง

ภาพนาทีฉุกเฉิน ....จาก พ.ท.วันชนะ สวัสดี ...

นายทหารบก นส.ทบ.รุ่น 5/44 ทั้งหมด 5 คน ลงไปคุณป้าที่ขับรถตกลงไปในน้ำ เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างทาง ที่ ทหาร จะไปงานศพเพื่อนร่วมรุ่นที่วัดพระศรีฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา...
และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ นายทหาร 2 คนได้รับบาดเจ็บถูกกระจกบาดขณะลงไปช่วยชีวิตคุณยาย

รายชื่อนายทหาร ทั้ง 5 นาย
-- จ.ส.อ.วิเชียร ประชาเขียว
-- จ.ส.อ.วิฑูรย์ เอกจำนงสกุล
-- ส.อ.ดนัย คำใส (ปัจจุบันเป็น อบต. อยู่ที่เชียงราย )
-- ส.อ.วุฒิชัย เขียวสวาท (รร. ช่างกล ขส.ทบ.)
-- ส.อ.ปัญญา สามงามยา (พล.ปตอ.)





เมื่อวานนี้ ·

ทหารกระโดดน้ำทั้งเครื่องแบบ ช่วยป้า ขับรถตกคลอง เหตุการณ์ ระทึกในวันนี้..ณ วัดพระศรี ฯ (บางเขน) คุณป้าขับรถพุ่งตกน้ำ.... ทหารที่อยู่บริเวณนั้น ก็ กระโดดลงไปช่วยออกจากรถ โดยไม่ห่วงเครื่องเเบบว่าจะเปียกเลย
สไปรท์ ณ.วังหลัง

Pattanun Sutantanonda นี่แหละทหารไทย..น่ารักมาก
จ้ๅวจันทร์ ณ.ฐๅนนท์ คุณคือ คน ของประชาชน (Y)
P-Pearl's PimMy'z ความน่ารักและมีน้ำใจของทหารยังไงก้อเหนือกว่าตำรวจเสมอ
ธนดล ครูบ้านนอก สุดยอดครับ คุณทหารของประชาชน
Muthitha Thamraksa ยอดเยี่ยมมาก ทหารของประชาชน
Rak Surak ชอบ..ทหารมากกว่่า.....ตร.มะเขือเทศ
Bom Bom วันนี้ตอนประมาณกี่โมงน่ะสไปร์
โกปี้ ตัวดำ ทหารของประชาชนค่ะ
กาญจนา คำแหงรส โอ้ ทหารของปวงประชาจริง รักคุณ
F.s. LifeGuard เหตุการณ์ ช่วงเวลา 17.00 น. ขณะที่ร่วมงานศพ พอดีจังหวะอยู่ใกล้กับที่รถตกน้ำ...
Auntie Pen เอาเงินภาษีที่จ้างตำรวจมาจ้างทหารทั้งหมด จะไม่รู้สึกเสียดายเลย เพราะทหารรักประชาชนจริง
Suprakarn Karnjanaru นี่แหละชายชาติทหารที่แท้จริง
เกียง บัวใหญ่ สุดยอดเลยค่ะพี่ทหาร. :-)
M'sabai Hng สมกับเป็นชายชาติทหารค่ะ.เป็นกำลังใจค่ะ
Sue Phornprasith Salute our brave soldiers !!
Nujnapa Tubsuwan ยอดทหารหาญ

เวทีประชาชน เดินหน้าผ่าความจริง - ความจริงไม่มีวันตาย ที่โรงเรียนอนุบาลประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ (3 พ.ย. 55)








Lek VachiRawit เดินทางถูกวิธีแล้วล่ะครับ เราต้องให้ความจริงกับประชาชน มอบความสว่างให้แก่คนยากคนจน อย่าให้เขาโดนหลอก ขอให้กำลังใจครับผม
Audsadawut Sriyokeng สู้ๆๆครับ เป็นกำลังใจให้ครับ




อิสสระ สมชัย : รัฐบาลโกหกว่าจะออกกฎหมายปรองดอง แต่ความจริงคือจะล้างผิดคนโกง ล้างผิดให้ทักษิณ

สาธิต ปิตุเตชะ
พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวที"ผ่าความจริง"ที่อ.ประโคนชัยจ.บุรีรัมย์คนร่วมนับหมื่น ขุนพลอีสานวิทูรย์ นามบุตรงัดข้อมูลทักษินและยิ่งลักษ์รับปากและไม่ทำ"ขี้ตั๋ว"คนอีสานซำ้ปรับครมไม่ไห้คนอีสานเป็นรมตตนรัฐมนตรี
พรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าเป็นพรรคของคนอีสาน นายเลียง ไชยกาล ส.ส. จังหวัดอุบลราชธานี เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรค#เวทีผ่าความจริง บุรีรัมย์

คำถามที่เสื้อแดงไม่กล้าตอบ ของแท้!!!!

1. อำมาตย์คือใคร?

2. ทักษิณบอกว่าเสียงปืนแตกเมื่อไรจะกลับมานำคนเสื้อแดง ทำไมไม่มา?

3. ทักษิณ โดนปฏิวัติ ยึดทรัพย์ เพราะฉ้อโกง ออกมาเป็นเดือดเป็นร้อน

แทนทักษิณ เป็นญาติข้างไหนของทักษิณเหรอ?

4. ปู ยิ่งลักษณ์ เก่งจริงหรือ? ถ้าลำพังไม่ใช่นามสกุล ชินวัตร มาสมัครสังกัด

พรรคไหนไม่รู้ พวกคุณเสื้อแดงจะเลือกเป็นนายกฯ ของประเทศหรือไม่?

5. ตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย มีนโยบายไหนที่ทำให้

พวกคุณร่ำรวยแบบทำงานอยู่กับบ้านไม่ต้องออกมาชุมนุมตามท้องถนนได้บ้าง?

6. ทักษิณ รวยแล้วไม่โกงจริงหรือ?

7. ย้อนกลับไปคิดแล้วตอบข้อหนึ่งใหม่ เพราะคุณยังตอบไม่ได้สักที!!!!!!

คดีหนีทหาร ว่าไงครับ.... เห็นชกลมอยู่นาน เมื่อไหร่จะจัดเสียที?????


คดี ฆ่า 90(กว่า) ศพ ว่าไง นี่ก็เป็นรัฐบาลมาเป็นปีแล้ว มีปัญญาทำอะไรไหม......





ขอท้า เสื้อแดง และ พรรคเพื่อทุย....... ถ้าสิ้นปีนี้ เอาผิดไม่ได้ ขอให้เป็น แมงดา เกาะชายกระโปรงผู้ ญ หากินตลอดไป!!!

ตอนนี้ก็ให้ลูกน้องปลอบใจไปแกนๆ เพราะทั้งลูกพี่กับลูกน้อง ก็ทำได้แค่นั้นแหละ

อ่านที่คุณโอ๊คอธิบายเรื่องจำนำข้าวใน FB
การรับจำนำข้าว คือการที่รัฐกำหนดราคาเอาไว้ว่า ถ้าจะขายต่ำกว่า15,000บาท ไม่ต้องขายให้เอามาจำนำไว้กับรัฐ แล้วเอาเงินไป15,000บ. ถ้าจะขายได้ดีกว่านี้ก็มาไถ่ถอนไป ถ้าไม่ได้ รัฐก็จะระบายออกให้เอง
(เอามาขายให้รัฐบาล รัฐบาลจะขายออกเอง _จขบ.)

พ่อค้าคนกลางที่เคย "ซื้อกดราคาถูกจากชาวนา แล้วมาขายแพงกับผู้บริโภค" ก็จะหาซื้อข้าวแบบกดราคาไม่ได้ เพราะถ้าขอซื้อต่ำกว่า15,000บ. ชาวนาก็เอาข้าวมาจำนำกับรัฐดีกว่า

(ไม่มีพ่อค้าคนไหน(โง่)ซื้อของแพงกว่าราคาตลาดหรอกครับ
มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่กล้าทำ พ่อค้าไม่ต้องซื้อแต่มีรายได้จากการรับจ้างขนข้าวของชาวนาไปให้รัฐบาลที่โรงสี
แค่คิดค่าจ้างขนให้แพงอีกหน่อยก็มีรายได้เท่าเดิมโดยไม่ต้องเสี่ยงขาดทุน_จขบ.)

เมื่อข้าวส่วนใหญ่มาอยู่กับรัฐ ไม่สามารถซื้อราคาถูกจากชาวนาได้ พ่อค้า(ทั่วโลก)ก็ต้องมาหาซื้อจากรัฐบาล จะกดราคาจากรัฐบาลโดยซื้อข้าวราคาเดิม 7-8,000บ. รัฐบาลก็ไม่ยอมขายให้ เพราะรัฐสามารถ ขายให้กับผู้รับซื้อได้หลากหลายทั่วโลก (ต่างจากชาวนาที่ต้องขายให้กับผู้รับซื้อใกล้บ้าน) บวกกับกลไกในการซื้อขาย ดีมานด์-ซัพพลาย ธรรมดาๆ ข้าวไทยย่อมราคาดีขึ้น

ตรงนี้แหละที่หลานโอ๊คกับอาปูไม่รู้เรื่องเหมือนๆกัน
ว่ายอดการค้าข้าว บริโภคข้าวในโลกทั้งหมดมีราวๆ 460 ล้านตัน
แต่ละประเทศที่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลักพยายามทุกวิถีทางไม่ให้ขาดแคลนข้าวสำหรับการบริโภค
เพราะถ้าขาดแคลนเมื่อไรจะมีปัญหาการเมืองตามมาทันที วิธีป้องกันปัญหาขาดแคลนคือ
ทุกประเทศจะมีสต้อกสำรอง และพยายามพัฒนาการปลูกข้างให้พอกินในประเทศของตัว
แม้จะมียอดการบริโภคสูงถึง 460 ล้านตัน แต่ยอดการค้าข้าวระหว่างประเทศมีเพียง 32 ล้านตัน
หรือประมาณ 7 % ของยอดรวม

เฉพาะประเทศไทยที่ปลูกข้าวเหลือกินและส่งออกไปขายได้สูงถึง 10 ล้านตันทุกปี
ก็แค่ประมาณ 2 %เมื่อเทียบกับยอดรวมของทั้งโลก


เมื่อรัฐบาลปูเข้าแทรกแซงจนราคาแพงกว่าราคาตลาด
ทำให้ไทยเหลือการส่งออก 9 เดือนแรก แค่ 5 ล้านตัน ลดลง 45%ของที่เคยทำได้ในปีก่อน
ปริมาณที่หายไปมีผลน้อยมากกับราคาข้าวในตลาดโลก
เพราะจำนวนข้าวที่ไทยไม่ขายหรือหายไปจากตลาด ถูกทดแทนด้วยข้าวจากประเทศอื่น คือเวียดนาม และอินเดีย

ที่เคยเป็นผู้ส่งออกลำดับ 2 และ 3 ผลอีกอย่างหนึ่งที่จะตามมาก็คือในปีต่อๆไปไทยจะมีข้าวล้นสต้อก
ถ้าอยากขายเร็วๆก็ต้องขายในราคาที่ผู้ซื้อเต็มใจซื้อ

พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ไทยจะเป็นคนสร้างสต้อกข้าวขนาดใหญ่ให้โลก
ถ้าอยากขายระบายสต้อกก็ต้องขายถูก ถ้าไม่อยากขายก็เก็บไว้
เพราะผู้ซื้อสามารถไปหาซื้อจากประเทศอื่นๆที่อยากขายได้อีกหลายประเทศ

ส่วนราคาจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000, 12,000 หรือ15,000 ก็จะเป็นตัวเงินที่รัฐจะได้รับกลับ จะขาดทุนมากน้อย ก็ถือเป็นการช่วยชาวนาให้ได้เงินมากขึ้น (เดิมประกันราคา รัฐขาดทุนปีละ5หมื่นล้าน) แต่ถ้าราคาข้าวขึ้นเกิน15,000บาทเมื่อไหร่ ก็เป็นบุญกับชาวนาไทยโดยที่รัฐ แทบจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย

ฝันของโอ๊คและปูน่าจะเป็นแนวฝันเปียกซะมากว่า เพราะไม่มีรัฐบาลฉลาดที่ไหนในโลกทำอย่างที่รัฐบาลปูทำ
เพราะสินค้าเกษตรเช่นข้าวมีรอบการผลิตชัดเจน ผลิตได้ปีละ 2 ครั้ง
มีส่วนเกินจากการบริโภคภายในเหลือขายถึงปีละ 10 ล้านตัน
ถ้าไม่อยากขายก็ไม่ควรผลิตเพราะเปลืองที่เก็บ มีค่าใช้จ่าย และเสื่อมคุณภาพง่าย(อายุการจัดเก็บไม่เกิน 1 ปี)
ประเทศไทยจะขายหรือไม่ขายไม่มีผลต่อราคาตลาดโลก
และผมก็เชื่อว่าจะไม่มีรัฐบาล(หน้าโง่)ชาติไหนยอมซื้อของที่ค้างสต้อก_ล้นสต้อก แพงกว่าราคาตลาด
ที่คุยๆว่าขายแบบจีทูจีได้ 8 ล้านตันต้องแปลให้ถูก
น่าจะแปลว่า “เจี๊ยะกันจนเจ๊ง”(แดรกกันจนฉิบห..)
มีรัฐบาลโง่ๆมาคอยผลาญภาษีถือเป็นโชคร้ายของประเทศ


http://www.facebook....hongtae?fref=ts
http://www.ricethail...54-55/May11.pdf

จาก http://www.oknation....2/10/10/entry-1

จริงๆบทความนี้ตอบโต้ทาง พานทองแท้ แต่เมื่ออ่านผมพบว่าเนื้อหาใจความกลับตอบคำถามได้ว่าทำไมผู้ค้าข้าวจึงไม่อาจบังคับราคาข้าวได้ แม้จะตุนข้าวที่ส่งออกทั้งโลกก็ตาม

เฉพาะประเทศไทยที่ปลูกข้าวเหลือกินและส่งออกไปขายได้สูงถึง 10 ล้านตันทุกปี
ก็แค่ประมาณ 2 %เมื่อเทียบกับยอดรวมของทั้งโลก

การหายไปชองไทยจึงไม่มีผลต่อการค้าข้าวเลย

พ.ต.ท ทักษิณ สัมภาษณ์ 'ABC' ปฏิเสธบงการเผากรุงเทพฯ (ปี 2010/2553)

อดีตนายกฯให้สัมภาษณ์ออกอากาศครั้งแรกหลังเหตุจลาจลในกรุงเทพฯ และถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย เชื่อเผากรุงเทพฯเป็นฝีมือของมืออาชีพ

บทสัมภาษณ์พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร (TS)อดีตนายกรัฐมนตรีโดยรายการ Lateline สถานีโทรทัศน์ ABC ของออสเตรเลีย ดำเนินรายการโดยนาย โทนี่ โจนส์ (TJ)

TJ : ขอบคุณครับคุณ ทักษิณ ชินวัตรที่ให้เกียรติกับเรา
TS : ครับ ขอบคุณที่ให้เกียรติเชิญผมมาคุย
TJ : คุณเตรียมกลับไปประเทศไทย เพื่อเผชิญหน้ากับข้อหาก่อการร้ายที่คุณถูกกล่าวหามั้ยครับ
TS : ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจต่อชาวออสเตรเลียที่ถูกจับ ซึ่งเคยขึ้นบนเวทีเสื้อแดง จากการละเมิดพ.ร.ก ฉุกเฉิน ผมสงสารเขา ส่วนเรื่องที่จะกลับหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็น

ความจำเป็นที่ว่าคือถ้าไทยมีความปรองดองกันแล้ว ความปรองดองจริงๆ ถ้ายังมีการเผชิญหน้า ก็คงไม่ดีต่อประเทศ เราต้องการเห็นความสมานฉันท์ เพราะรัฐบาลพูดถึงความสมานฉันท์มาตลอด แต่วิธีที่พวกเขาทำคือมาตรการแข็งกร้าว ไม่ได้ใช้ความละมุนละม่อม จึงยังมีการเผชิญหน้ากันมากกว่าจะปรองดอง

TJ : แต่คุณ ทักษิณ ครับ ข้อหาก่อการร้ายนี้แรงมาก ถึงขั้นประหารชีวิต คุณกังวลเกี่ยวกับตำรวจสากล(Interpol) หรือไม่ครับ ว่าพวกเขาจพตามจับคุณ แล้วส่งกลับเมืองไทย

TS : ไม่ครับ ผมสามารถบอกได้ว่ามันเป็นข้อกล่าวหาทางการเมือง มันไม่มีหลักฐานใดๆ ผมสนับสนุนการประท้วงโดยสันติมาตลอด และสนับสนุนการปรองดองกัน ประเทศไทยจำเป็นต้องปรองดองกัน ผมพูด และต้องการให้เป็นอย่างนั้นมาโดยตลอด

ผมไม่เคยสนับสนุนการก่อความรุนแรง คนที่รู้จักผม ประเทศต่างๆรู้ดีว่าไม่มีทางที่อดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ จะกลายเป็นผู้ก่อการร้าย หรือทำร้ายประเทศ..ไม่มีทาง

TJ : ข้อกล่าวหาของคุณค่อนข้างเจาะจงว่าคุณเป็นผู้บงการเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้น คุณสนับสนุนการเงินอย่างลับๆ หรือแม้แต่ส่งให้ทำในนามของคุณ

TS : ถ้าเรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ข้อกล่าวหานี้จะฟังไม่ขึ้น เพราะไม่มีหลักฐาน เป็นการกล่าวหาด้านเดียว วันนี้ศาลก็เพิ่งจะรับคำร้องพิจารณายกเลิกหมายจับ

TJ : คุณทราบมั้ยครับว่า ตำรวจสากลได้รับการร้องขอจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยให้จับคุณ พวกเขาจะทำอย่างนั้นมั้ย

TS : พวกเขาทำแน่ แต่ตำรวจสากลมีวิจารณญาณที่จะตัดสินใจว่า นี่เป็นข้อกลาวหาทางการเมืองหรือไม่ มันเป็นข้อกล่าวหาทางการเมืองชัดเจน ไม่มีหลักฐานเลย คุณรู้มั้ยว่าบางทีเมื่อรัฐบาลขอให้ตำรวจสากลออกหมายจับผม พวกเขาก็รู้ว่าข้อมูลจากรัฐบาลไทย ไม่น่าเชื่อถือ และเป็นข้อกล่าวหาทางการเมือง

TJ: มีทหารยศนายพลที่สนับสนุนคุณในหมู่คนเสื้อแดง อย่างน้อยคนหนึ่งถูกยิง เสียชีวิตระหว่างเหตุวุ่นวาย คุณยังมีผู้สนับสนุนในกองทัพอยู่บ้างมั้ยครับ

TS : ทหารมีระเบียบวินัย พวกเขาต้องปฏิบัติตามที่เจ้านายสั่ง แต่หลายคนก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีที่กองทัพฆ่าประชาชนของตัวเอง

สิ่งที่น่าจะสนใจมากกว่า คือชีวิตของผู้บริสุทธิ์ 88 คนและ 108,1,080,1,800 คนที่บาดเจ็บ ต้องมีการสืบสวน และต้องสืบสวนอย่างยุติธรรม และรวมถึงผู้ประท้วงที่บริสุทธิ์อีก 300 คนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ด้วย

TJ :คุณจะปฏิเสธว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้น คุณเป็นคนบงการด้วยใช่มั้ยครับ

TS : ผมไม่ได้ทำ ไม่มีทาง

TJ : อย่างนั้น กองทัพเป็นคนทำหรือครับ

TS : พวกเราไม่เคยใช้ความรุนแรง ถ้าคุณลองดูสิ่งที่ทหารทำ การผลักดันโดยทหาร พวกเขาใช้รถถัง พลแม่นปืน พวกเขายิงเสธ.แดงด้วยพลแม่นปืน พวกเขาใช้พลแม่นปืนยิงคนจำนวนมาก แม้กระทั่งเหตุสังหารหมู่ในวัด วันสุดท้ายของการชุมนุม เป็นสิ่งที่นานาชาติควรจะสนใจ

TJ : ในหมู่เสื้อแดงมีพวกฮาร์ด คอร์ ที่ติดอาวุธด้วย และมีหลักฐานว่าคนเหล่านี้เป็นผู้วางเพลิงอาคารต่างๆในกรุงเทพฯ

TS : ผมคิดว่า ไม่นะ

TJ : มันมีการเผาสถานที่ต่างๆ หลังจากปฏิบัติสลายการชุมนุมของทหารเสร็จสิ้นลง คุณคิดว่าพวกเขาเป็นใคร

TS: คุณลองคิดดูนะ ทำไมเสื้อแดงถึงเผาเซ็นทรัลล่ะ ทำไมไม่เป็นที่อื่น ถ้าฟังจากนักวิเคราะห์หลายคนที่เมืองไทย จะเข้าใจดีขึ้นว่า เสื้อแดง ไม่ได้มีศักยภาพพอที่จะเผาอาคารทั้งหลังได้

พวกเขาอาจจะโกรธแค้น จุดไฟเผาเล็กๆน้อยๆ ที่โน่น ที่นี่ แต่ไม่ใช่การเผาที่ใหญ่โตแน่ๆ การเผาที่ใหญ่ขนาดนี้น่าจะเป็นฝีมือของมืออาชีพ ไม่ใช่เสื้อแดงแน่นอน และมันจะต้องมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี และในฐานะที่ผมเป็นอดีตตำรวจ ผมบอกได้เลยว่านี่เป็นฝีมือของมืออาชีพที่มีการวางแผนมา บอกได้เลยว่าเป็นการจัดฉากขึ้น

แม้แต่อาวุธที่ยึดได้แล้วเอามาแสดง ล้วนแต่เป็นของใหม่ พวกเขาไม่อนุญาตให้ใครแตะต้องเลย ที่จริงอาวุธยังไม่เคยใช้มาก่อนเลย แล้วทำไมเสื้อแดงมีอาวุธขนาดนี้แล้วทหารไม่เป็นอะไรเลยล่ะ

TJ : พวกเขาอาจจะกล่าวหาต่อ ว่าก็เงินสนับสนุนของคุณไงที่คนเสื้อแดงเอาไปซื้ออาวุธ

TS: ไม่มีทาง จะซื้ออาวุธยังไงกันครับ ซื้อที่ไหน พวกเขาไม่ใช่ทหารนะครับ จะไปซื้อยังไง และถ้าพวกเขามีอาวุธ ทำไมพวกเขาจึงยอมจำนนง่ายๆ ทำไมไม่จับอาวุธสู้กับทหารล่ะ ทำไมไม่มีทหารเป็นอะไรเลย คุณอาจต้องใช้หลักเหตุผลเพื่อเข้าใจสถานการณ์นี้

TJ : การก่อการของกลุ่มเสื้อแดง จบสิ้นหรือยังครับ หรือคุณคิดว่าจะปะทุขึ้นอีกหรือไม่

TS : ไม่ทราบครับ พวกเขาถูกฝังไปแล้ว พวกเขาถูกตามล่าทุกหนทุกแห่งในไทย มันจึงยาก เพราะพวกเขาถูกตามล่า นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลเรียกว่าปรองดอง ครับ...ขอบคุณมากครับ

ที่มา : http://www.abc.net.a...10/s2910366.htm
แปลโดย : ต่อเติมพงศ์ วิเศษสมบัติ
Keywords: ทักษิณ ชินวัตร ออสเตรเลีย ก่อการร้าย ABC

*****************************************************************************************************************************

เพื่อนๆอาจเคยอ่านกันแล้ว แต่ผมเห็นว่าเป็นหลักฐานย้อนอดีตเพื่อนำมาเทียบกับการรุกของปชป.ในวันนี้
ว่าทักษิณมันปฏิเสธต่อชาวโลกไว้ว่าอย่างไร และใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลกับทหารในขณะนั้นว่าอย่างไร

ส่วนผม...ถึงไอ้แม้ว...
V
V