ประเด็นเรื่อง ม.112 กับอากงและนิติราษฎร์(แก้)
#151
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 18:57
- คนกวาดขยะ, อู๋ ฮานามิ, อิสระในกรอบ and 1 other like this
#152
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 19:53
ผมคิดว่าเรื่องนี้มันเอามาเป็นประเด็นได้ ก็เพราะ "ความไม่รู้" ของคนทั่วไปนี่แหละครับ และความไม่รู้ที่ผมเห็นว่าผมเองก็สงสัยที่สุดเหมือนกันก็คือ
"รายละเอียดในคดีมันสามารถเปิดเผยได้หรือไม่?"
บอกตรงๆว่า ถึงตอนนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะไม่นานมานี้มีคนตั้งกระทู้แสดง link ของคำพิพากษา ซึ่งในนั้นมีข้อความใน sms ของนายอำพลอยู่ด้วย แต่ภายหลัง link นั้นต้องถูกลบไป เพราะสุ่มเสี่ยงกับการทำผิดกฏหมาย เผยแพร่ข้อความหมิ่นฯในที่สาธารณะ(อันนี้ผมเดาเอานะครับ ไม่ได้เรียนกฏหมายมา) ผมมองว่าเรื่องนี้แหละครับที่สำคัญ และพวกชั่วมันเอาไปใช้ประโยชน์ได้ เพราะมันจะอ้างความคลุมเครือตรงนี้ ผมจำได้ว่าตอนคดีตัดสินใหม่ๆ มี user เสื้อแดงบางคน บอกว่าข้อความเป็นไง มีใครรู้เหรอ? อาจแค่วิพากษ์วิจารณ์ก็ได้ ลองคิดดูสิครับว่าที่ผ่านมามีการอ้างสิ่งนี้มาตลอด บอกว่ากระบวนการทุกอย่างอยู่ในความมืด ไม่มีใครรู้หรอกว่าข้อความนั้นเป็นอย่างไร ดูสิ อาจจะเป็นแค่ข้อความธรรมดา ก็ติดคุกยิ่งกว่าฆ่าคนแล้ว แต่สุดท้ายแล้ว ความจริงก็เปิดเผยออกมาแล้วว่า ข้อความเหล่านั้นคือการอาฆาตมาดร้าย ทั้งด่าทอและข่มขู่ทั้งในหลวงและพระราชินี
จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่แน่ใจว่า
๑ link ที่ได้มานั้นมันเป็นเอกสารอย่างเป็นทางการหรือไม่ ใครๆก็สามารถดูได้ใช่มั้ย??
๒ ถ้าใช่ ผมสามารถบอกคนอื่นในที่สาธารณะ เช่นการตั้งกระทู้ หรือ share link ได้หรือไม่ ว่าให้ไปดูที่นั่นที่นี่สิ มันมีข้อความของนายอำพล มันมีรายละเอียดของคดีอยู่ ดูให้เต็มตาเลยนะว่าทำอย่างนี้มันสมควรโดนดำเนินคดีมั้ย?? ผมทำอย่างนี้แล้วจะกลายเป็นว่าผมถูกกฏหมายเล่นงานซะเองหรือเปล่า?? ผมไม่รู้จริงๆ
ผมมองว่าเรื่องนี้น่าจะต้องมีการให้ความกระจ่างกันเสียที เพราะปล่อยไว้อย่างนี้ มีแต่ความคลุมเครือ และผมมองว่า ถ้าเรื่องนี้ชัดเจนผมมองว่าผมก็สามารถเสนอทางออกได้ทันทีคือ
๑ ถ้าเป็นเรื่องที่เผยแพร่ได้ เราก็ต้องทำการเผยแพร่(อย่างระมัดระวัง) ผมเชื่อว่าการเผยแพร่ที่ทำให้สถาบันไม่เสื่อมเสียนั้นเป็นไปได้ การเอาความจริงมาเปิดเผยนั้นทำให้พวกนั้นมันเถียงไม่ออก อย่างคดีนายอำพล ถ้าได้เห็นข้อความ ก็จะไม่มีใครสงสัยเรื่องอาฆาตหรือไม่ อีกต่อไป (ส่วนการใต่สวน ผมรู้สึกว่าสามารถเผยแพร่ได้อยู่แล้ว)
๒ ถ้ามันเผยแพร่ไม่ได้ ทางออกก็ชัดเจนครับ คือทำให้มันเผยแพร่ได้ซะ แนวทางหนึ่งคือ ให้ทางศาลเองเป็นผู้เผยแพร่ เช่นอาจกำหนดว่า ไม่สามารถเอามาลงในที่สาธารณะเช่นในเว็บบอร์ดได้ แต่ว่าทุกคนสามารถ download เอกสารฉบับเต็มได้ที่เว็บไซต์ของศาล อ่านได้ทุกรายละเอียด เวลาจะถกเถียงกัน เราก็ส่ง link ให้เพื่อให้โหลดมาอ่าน ทุกคนก็จะมีข้อมูลในมือ และจะได้เลิกใช้จินตนาการถกเถียงกันเสียที
สรุปว่า ผมสนับสนุนให้มีการเผยแพร่รายละเอียด รวมทั้งข้อความหมิ่นฯ ในคดี แต่ก็ต้องเปิดเผยอย่างรัดกุม เพื่อให้เราได้มองเห็นภาพของการใช้มาตรา ๑๑๒ ในการดำเนินคดีต่างๆให้ชัดเจนขึ้น และเป็นการลบข้ออ้างของพวกบ่อนทำลายสถาบันฯ ว่าถูกใส่ร้าย ว่านิดว่าหน่อยก็ไม่ได้ (ซึ่งกรณีนายอำพล ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง) ผมเชื่อว่า ถ้าเราเห็นการใช้กฏหมายข้อนี้ได้ชัดเจนแล้ว เราถึงจะสามารถตัดสินได้ว่า มันมี หรือไม่มีปัญหา แล้วค่อยมาว่ากันอีกที ว่าจะต้องแก้ไขหรือไม่ และอย่างไร??
- TFEX likes this
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#153
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 21:32
ผมเองก็ไม่ได้จบกฎหมายนะครับ แต่มั่นใจว่ารายละเอียดของคดี **เปิดเผย** ได้ ซึ่งปกติคำตัดสินคดีความต่างๆ ก็เปิดเผยกันต่อสาธารณชนอยู่แล้ว เอาไว้ใช้อ้างอิงได้ด้วยผมขอมองอีกมุมนะครับ
ผมคิดว่าเรื่องนี้มันเอามาเป็นประเด็นได้ ก็เพราะ "ความไม่รู้" ของคนทั่วไปนี่แหละครับ และความไม่รู้ที่ผมเห็นว่าผมเองก็สงสัยที่สุดเหมือนกันก็คือ
"รายละเอียดในคดีมันสามารถเปิดเผยได้หรือไม่?"
บอกตรงๆว่า ถึงตอนนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะไม่นานมานี้มีคนตั้งกระทู้แสดง link ของคำพิพากษา ซึ่งในนั้นมีข้อความใน sms ของนายอำพลอยู่ด้วย แต่ภายหลัง link นั้นต้องถูกลบไป เพราะสุ่มเสี่ยงกับการทำผิดกฏหมาย เผยแพร่ข้อความหมิ่นฯในที่สาธารณะ(อันนี้ผมเดาเอานะครับ ไม่ได้เรียนกฏหมายมา) ผมมองว่าเรื่องนี้แหละครับที่สำคัญ และพวกชั่วมันเอาไปใช้ประโยชน์ได้ เพราะมันจะอ้างความคลุมเครือตรงนี้ ผมจำได้ว่าตอนคดีตัดสินใหม่ๆ มี user เสื้อแดงบางคน บอกว่าข้อความเป็นไง มีใครรู้เหรอ? อาจแค่วิพากษ์วิจารณ์ก็ได้ ลองคิดดูสิครับว่าที่ผ่านมามีการอ้างสิ่งนี้มาตลอด บอกว่ากระบวนการทุกอย่างอยู่ในความมืด ไม่มีใครรู้หรอกว่าข้อความนั้นเป็นอย่างไร ดูสิ อาจจะเป็นแค่ข้อความธรรมดา ก็ติดคุกยิ่งกว่าฆ่าคนแล้ว แต่สุดท้ายแล้ว ความจริงก็เปิดเผยออกมาแล้วว่า ข้อความเหล่านั้นคือการอาฆาตมาดร้าย ทั้งด่าทอและข่มขู่ทั้งในหลวงและพระราชินี
จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่แน่ใจว่า
๑ link ที่ได้มานั้นมันเป็นเอกสารอย่างเป็นทางการหรือไม่ ใครๆก็สามารถดูได้ใช่มั้ย??
๒ ถ้าใช่ ผมสามารถบอกคนอื่นในที่สาธารณะ เช่นการตั้งกระทู้ หรือ share link ได้หรือไม่ ว่าให้ไปดูที่นั่นที่นี่สิ มันมีข้อความของนายอำพล มันมีรายละเอียดของคดีอยู่ ดูให้เต็มตาเลยนะว่าทำอย่างนี้มันสมควรโดนดำเนินคดีมั้ย?? ผมทำอย่างนี้แล้วจะกลายเป็นว่าผมถูกกฏหมายเล่นงานซะเองหรือเปล่า?? ผมไม่รู้จริงๆ
ผมมองว่าเรื่องนี้น่าจะต้องมีการให้ความกระจ่างกันเสียที เพราะปล่อยไว้อย่างนี้ มีแต่ความคลุมเครือ และผมมองว่า ถ้าเรื่องนี้ชัดเจนผมมองว่าผมก็สามารถเสนอทางออกได้ทันทีคือ
๑ ถ้าเป็นเรื่องที่เผยแพร่ได้ เราก็ต้องทำการเผยแพร่(อย่างระมัดระวัง) ผมเชื่อว่าการเผยแพร่ที่ทำให้สถาบันไม่เสื่อมเสียนั้นเป็นไปได้ การเอาความจริงมาเปิดเผยนั้นทำให้พวกนั้นมันเถียงไม่ออก อย่างคดีนายอำพล ถ้าได้เห็นข้อความ ก็จะไม่มีใครสงสัยเรื่องอาฆาตหรือไม่ อีกต่อไป (ส่วนการใต่สวน ผมรู้สึกว่าสามารถเผยแพร่ได้อยู่แล้ว)
๒ ถ้ามันเผยแพร่ไม่ได้ ทางออกก็ชัดเจนครับ คือทำให้มันเผยแพร่ได้ซะ แนวทางหนึ่งคือ ให้ทางศาลเองเป็นผู้เผยแพร่ เช่นอาจกำหนดว่า ไม่สามารถเอามาลงในที่สาธารณะเช่นในเว็บบอร์ดได้ แต่ว่าทุกคนสามารถ download เอกสารฉบับเต็มได้ที่เว็บไซต์ของศาล อ่านได้ทุกรายละเอียด เวลาจะถกเถียงกัน เราก็ส่ง link ให้เพื่อให้โหลดมาอ่าน ทุกคนก็จะมีข้อมูลในมือ และจะได้เลิกใช้จินตนาการถกเถียงกันเสียที
สรุปว่า ผมสนับสนุนให้มีการเผยแพร่รายละเอียด รวมทั้งข้อความหมิ่นฯ ในคดี แต่ก็ต้องเปิดเผยอย่างรัดกุม เพื่อให้เราได้มองเห็นภาพของการใช้มาตรา ๑๑๒ ในการดำเนินคดีต่างๆให้ชัดเจนขึ้น และเป็นการลบข้ออ้างของพวกบ่อนทำลายสถาบันฯ ว่าถูกใส่ร้าย ว่านิดว่าหน่อยก็ไม่ได้ (ซึ่งกรณีนายอำพล ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง) ผมเชื่อว่า ถ้าเราเห็นการใช้กฏหมายข้อนี้ได้ชัดเจนแล้ว เราถึงจะสามารถตัดสินได้ว่า มันมี หรือไม่มีปัญหา แล้วค่อยมาว่ากันอีกที ว่าจะต้องแก้ไขหรือไม่ และอย่างไร??
แต่เข้าใจว่า **เผยแพร่** ไม่ได้ เพราะอาจเข้าข่ายหมิ่นฯ หากมีคนไปฟ้องน่ะครับ
ซึ่งมันก็อาจจะดูขัดๆ กันอยู่หน่อยนึง
อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญอยู่ที่... ถ้าคนอยากรู้จริง น่าจะสามารถติดต่อขอหลักฐาน/สำเนาคำตัดสินคดีจากหน่วยงานด้านตุลาการ, สำนักงานยุติธรรมต่างๆ ได้ไม่ยากน่ะครับ นอกเสียจากพวกนิยม "เขาเล่าว่า" และย่างที่ทราบกันว่าพวกยึด "เขาเล่าว่า" เป็นสรณะ ย่อมนำไปสู่ความเสื่อม โชคร้ายหน่อยที่คนเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อย บ้านเมืองก็เลย... "เสื่อม" อย่างเลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน
สรุปสั้นๆ ก็น่าจะไม่ต่างอะไรกับ "หนัง/ภาพโป๊เปลือย" ที่ผิดกฎหมายน่ะครับ (อาจเปรียบเทียบแย่หน่อยแต่คิดว่าน่าจะเข้าใจได้ง่าย) คือหากได้มามีไว้ในครอบครองแล้ว (ไม่ว่าจะได้มาจากช่องทางไหนก็ตาม) แต่ถ้าเราไม่ได้นำไปเผยแพร่ต่อ ก็ไม่นับว่ามีความผิด
อย่างกรณีคำตัดสินคดีหมิ่นฯ อาจไปขอจากหน่วยงานที่ผมยกตัวอย่างไปข้างต้น หรืออาจได้มาจากช่องทางอื่นใดก็ได้ตาม ก็อาจใช้ประโยชน์เป็นการส่วนตัวได้ แต่นำไปเผยแพร่ต่อไม่ได้น่ะครับ
#154
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 23:17
แต่จะให้เปิดเผยโดยละเอียดนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะอาจมีบางช่วงบางตอนที่ไม่ควร
นำมาเปิดเผยเพราะมันผิดกฎหมาย แต่ศาลท่านก็สรุปสาระมาเปิดเผยให้ทราบแล้ว
ประเด็นข้อความที่ถูกนำไปอ้างว่าไม่มีการเปิดเผยนั้น ความจริงแล้ว มันก็เป็นการอ้างจาก
คนวงนอกอย่างเรา ๆ นี่แหละครับ ว่ามันเป็นข้อความอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ทำไม่ไม่นำมา
เปิดเผย
เราเรียกร้องให้นำข้อความมาเปิดเผยเพราะเราแค่สงสัยว่ามันจริงหรือเปล่าเท่านั้น
โดยไม่คำนึงถึงว่ามันเป็นข้อความที่ผิดกฎหมาย และเมื่อนำมาเปิดเผยตามความอยากรู้ของ
เราแล้ว ข้อความผิดกฎหมายนี้มันก็กระจายไปทั่วโลก เป้นวงกว้างกว่าผู้กระทำผิดตัวจริงเสียอีก
การมองอย่างนี้มันก็เหมือนกับเราไม่ไว้วางใจศาลยุติธรรมของเราเองนั่นแหละครับ ถ้าเราไม่
ไว้วางใจศาลยุติธรรมของเรา แล้วต่างประเทศเขาจะไว้วางใจหรือ
ผมว่าเราหาเหตุผลเพื่อให้เราหายข้องใจในเรื่องนี้ได้โดยดูจาก ประเด็นการต่อสู้ของจำเลย ว่าเขา
ต่อสู้ในประเด็นใด เพราะในเรื่องนี้ ผมมองว่า จำเลยและทนาย ไม่ได้ติดใจในข้อความเหมือนอย่าง
ที่คนวงนอกเอามาพูดกัน แต่เขาสู้คดีว่าเขาไม่ได้เป็นคนส่งข้อความนั้น มันก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่า
ทั้งจำเลยและทนายความ ต่างก็รับรู้อยู่แล้วว่าข้อความนั้นกล่าวว่าอย่างไร เพราะเขาคงไม่ปฏิเสธว่า
เขาไม่ได้เป็นคนส่งข้อความโดยที่เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าข้อความนั้นกล่าวว่าอย่างไร
ดังนั้น เมื่อจำเลยและทนายความยังไม่ติดใจในข้อความที่ส่ง แล้วคนวงนอกจะไปติดใจทำไมกันครับ
#155
ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 08:15
รายละเอียดในคดีเปิดเผยได้ครับ ศาลท่านก็ได้มีการเปิดเผยมาให้ทราบแล้วไงครับ
แต่จะให้เปิดเผยโดยละเอียดนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะอาจมีบางช่วงบางตอนที่ไม่ควร
นำมาเปิดเผยเพราะมันผิดกฎหมาย แต่ศาลท่านก็สรุปสาระมาเปิดเผยให้ทราบแล้ว
ประเด็นข้อความที่ถูกนำไปอ้างว่าไม่มีการเปิดเผยนั้น ความจริงแล้ว มันก็เป็นการอ้างจาก
คนวงนอกอย่างเรา ๆ นี่แหละครับ ว่ามันเป็นข้อความอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ทำไม่ไม่นำมา
เปิดเผย
เราเรียกร้องให้นำข้อความมาเปิดเผยเพราะเราแค่สงสัยว่ามันจริงหรือเปล่าเท่านั้น
โดยไม่คำนึงถึงว่ามันเป็นข้อความที่ผิดกฎหมาย และเมื่อนำมาเปิดเผยตามความอยากรู้ของ
เราแล้ว ข้อความผิดกฎหมายนี้มันก็กระจายไปทั่วโลก เป้นวงกว้างกว่าผู้กระทำผิดตัวจริงเสียอีก
การมองอย่างนี้มันก็เหมือนกับเราไม่ไว้วางใจศาลยุติธรรมของเราเองนั่นแหละครับ ถ้าเราไม่
ไว้วางใจศาลยุติธรรมของเรา แล้วต่างประเทศเขาจะไว้วางใจหรือ
ผมว่าเราหาเหตุผลเพื่อให้เราหายข้องใจในเรื่องนี้ได้โดยดูจาก ประเด็นการต่อสู้ของจำเลย ว่าเขา
ต่อสู้ในประเด็นใด เพราะในเรื่องนี้ ผมมองว่า จำเลยและทนาย ไม่ได้ติดใจในข้อความเหมือนอย่าง
ที่คนวงนอกเอามาพูดกัน แต่เขาสู้คดีว่าเขาไม่ได้เป็นคนส่งข้อความนั้น มันก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่า
ทั้งจำเลยและทนายความ ต่างก็รับรู้อยู่แล้วว่าข้อความนั้นกล่าวว่าอย่างไร เพราะเขาคงไม่ปฏิเสธว่า
เขาไม่ได้เป็นคนส่งข้อความโดยที่เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าข้อความนั้นกล่าวว่าอย่างไร
ดังนั้น เมื่อจำเลยและทนายความยังไม่ติดใจในข้อความที่ส่ง แล้วคนวงนอกจะไปติดใจทำไมกันครับ
ผมคิดว่า ผมควรจะใช้คำใหม่ว่า "ทุกคนสามารถเข้าถึง" ข้อความนั้นได้ แทนคำว่า "เปิดเผย" จะชัดเจนกว่าครับ เพราะถ้ามันเข้าถึงไม่ได้ ต่อให้ยกเหตุผลอย่างไร ผมเชื่อว่าพวกชั่วมันดราม่าได้ตลอดแหละครับ ผมเชื่อว่าทางศาลควรทำการประชาสัมพันธ์บ้าง เพื่อเป็นการตอบโต้ในเชิงรุกเสียบ้าง ให้รู้ว่าสามารถเข้าถึงได้จากศาล แต่ต้องไม่นำไปเผยแพร่ต่อ ใครอยากรู้ก็เข้าไปค้นเป็นคนๆไปครับ
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#156
ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 11:53
ให้คำพิพากษาถึงที่สุดจริง ๆ เสียก่อน คือ ศาลฎีกาตัดสินแล้วนั่นแหละ
ซึ่งผุ้อยากรู้ก็สามารถไปค้นคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ตนเองสนใจได้
แต่คดีนี้รู้สึกว่าจะเป็นแค่ศาลชั้นต้นตัดสิน เขาก็เอามาสร้างดราม่ากันแล้ว
ไปศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา อาจพิจารณาตามศาลชั้นต้นหรือแตกต่างก็ได้
แต่คนพวกนี้เขาคงไม่ได้สนใจหลักเกณฑ์หรือข้อกฎหมายอะไรจริงจัง
หรอกครับ เขาแค่ต้องการพูดเพื่อให้ดูเหมือนจำเลยไม่ไดรับความเป็นธรรม
เท่านั้น อย่างที่คุณ Gop เจอมานั่นแหละ ว่า เอ sms ที่ส่งเนี่ยะ ไม่มีการ
เปิดเผยข้อความ แล้วมันจะเชื่อได้หรือว่าข้อความเป็นอย่างนั้นจริง หรือ
ที่พยายามบอกว่า IMEI ปลอมได้ เป็นต้น ทั้งสองเรื่องที่เอามาพูดกันอยู่นี้
มันไม่ใช่ข้อต่อสู้ในคดี ผมมองว่าเขาพยายามเอามาพูดให้สังคมเชื่อว่า
จำเลยไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าสมมติว่ามีการนำข้อความ
มาเปิดเผยได้ แต่จำเลยก็ติดคุกอยู่ดี ผมว่า คนพวกนี้ก็หาเรื่องใหม่มาอีก
นั่นแหละครับ
#157
ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 16:04
แต่ยังไม่มีฝ่ายที่เห็นด้วยกับการดำรงไว้ซึ่งม.112 เพื่อปกป้องสถาบัน ออกมาจุดประเด็น "ถ้าม.112 คงอยู่ แล้วมันจะเดือดร้อนอะไรใคร?" เลย
ส่วนตัวผมไม่เคยคิดเลยว่า ม.112 จะเอามากลั่นแกล้งใครได้ถ้า"ไม่มีมูล"
ยกตัวอย่างกรณีพี่อ๊อฟกับสนธิได้อีกร้อยชาติ 2 คนนี้ถูกกล่าวหาในมาตรา 112 แต่ก็พ้นคดี เพราะมัน"ไม่ใช่อ้ะกิ๊บ"
แล้วแถมคนกลั่นแกล้งก็คือฝ่ายของพรรคเพื่อไทย!
ผมถึงเรียกร้องให้คุณ TFEX ยกข้อมูลมาเดี๋ยวนี้เลยว่า
1. มีใครบ้างที่ถูกกลั่นแกล้งด้วยมาตรา 112
2. พวกที่ติดคุกเพราะม.112 ตอนนี้ มีใครบ้างที่ไม่ได้หมิ่นสถาบัน
#158
ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 18:18
ไม่ทราบว่า ได้ฟัง อ.วรเจต หรืออ่าน หรือนั่งเทียนคิดไปเอง หรือฟังใครเขาเล่ามาครับ ข้อมูลไม่ตรงครับวรเจต มันบอกว่า ที่ต้องการแก้ ม.112 เพราะ ต้องการความเท่าเทียมกัน หมิ่นประมาท ก็ต้องบทลงโทษเดียวใครไม่ว่าเป็นใคร เช่น
นาย หนึ่ง กล่าวหานาย สอง ในทางไม่ดี หมิ่นประมาท ใส่ร้ายป้ายสี อาฆาตมาดร้าย ในที่สาธารณะ
กับ
นาย หนึ่ง กล่าวหา สถาบัน ในทางไม่ดี หมิ่นประมาท ใส่ร้ายป้ายสี อาฆาตมาดร้าย ในที่สาธารณะ
วรเจต มันบอกว่าคนทำผิดต้องได้รับโทษเดียวกัน แต่คนที่ไม่เห็นด้วยอย่างผม ต้องการให้เพิ่มโทษด้วยซ้ำ
ไม่แก้ ม.112 จะมีใครตายไหม
Edited by COFFEE, 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 18:19.
#159
ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 19:21
ไม่ทราบว่า ได้ฟัง อ.วรเจต หรืออ่าน หรือนั่งเทียนคิดไปเอง หรือฟังใครเขาเล่ามาครับ ข้อมูลไม่ตรงครับ
วรเจต มันบอกว่า ที่ต้องการแก้ ม.112 เพราะ ต้องการความเท่าเทียมกัน หมิ่นประมาท ก็ต้องบทลงโทษเดียวใครไม่ว่าเป็นใคร เช่น
นาย หนึ่ง กล่าวหานาย สอง ในทางไม่ดี หมิ่นประมาท ใส่ร้ายป้ายสี อาฆาตมาดร้าย ในที่สาธารณะ
กับ
นาย หนึ่ง กล่าวหา สถาบัน ในทางไม่ดี หมิ่นประมาท ใส่ร้ายป้ายสี อาฆาตมาดร้าย ในที่สาธารณะ
วรเจต มันบอกว่าคนทำผิดต้องได้รับโทษเดียวกัน แต่คนที่ไม่เห็นด้วยอย่างผม ต้องการให้เพิ่มโทษด้วยซ้ำ
ไม่แก้ ม.112 จะมีใครตายไหม
แล้วความจริงเป็นอย่างไรล่ะครับ เล่าหน่อยได้มั้ย
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#160
ตอบ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 08:15
ไม่ทราบว่า ได้ฟัง อ.วรเจต หรืออ่าน หรือนั่งเทียนคิดไปเอง หรือฟังใครเขาเล่ามาครับ ข้อมูลไม่ตรงครับ
วรเจต มันบอกว่า ที่ต้องการแก้ ม.112 เพราะ ต้องการความเท่าเทียมกัน หมิ่นประมาท ก็ต้องบทลงโทษเดียวใครไม่ว่าเป็นใคร เช่น
นาย หนึ่ง กล่าวหานาย สอง ในทางไม่ดี หมิ่นประมาท ใส่ร้ายป้ายสี อาฆาตมาดร้าย ในที่สาธารณะ
กับ
นาย หนึ่ง กล่าวหา สถาบัน ในทางไม่ดี หมิ่นประมาท ใส่ร้ายป้ายสี อาฆาตมาดร้าย ในที่สาธารณะ
วรเจต มันบอกว่าคนทำผิดต้องได้รับโทษเดียวกัน แต่คนที่ไม่เห็นด้วยอย่างผม ต้องการให้เพิ่มโทษด้วยซ้ำ
ไม่แก้ ม.112 จะมีใครตายไหม
แล้วความจริงเป็นอย่างไรล่ะครับ เล่าหน่อยได้มั้ย
ผมได้ยินกับหู ทางทีวีครับ ไม่ได้เชื่อตามคำบอกเล่า
ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน