เพิ่มเติมข้อมูลนิดนึง
นายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า จากเหตุผิวยางมะตอยบริเวณหัวทางวิ่ง 19R ฝั่งตะวันตกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหลุดร่อนลึก 5 เซนติเมตร ขนาด 60X60 เซนติเมตร
พบว่าสาเหตุหนึ่งเกิดจากคุณภาพของยางมะตอบ และการที่มีน้ำซึมเข้าไปในจุดที่เคยมีการซ่อมแซม จึงทำให้เกิดการหลุดร่อนที่เร็วขึ้น ประกอบกับมีการใช้งานรันเวย์ฝั่งตะวันตกที่มากขึ้นในช่วงที่รันเวย์ฝั่ง ตะวันออกมีการปิดซ่อมแซมระยะทาง 1,620 เมตร ซึ่งการซ่อมใหญ่ในรูปแบบเดียวกับรันเวย์ฝั่งตะวันออกนั้นจะมีการสำรวจและ ประเมินการใช้งานในช่วง 2 สัปดาห์นี้ก่อน นอกจากนี้จะต้องประเมินผลกระทบในภาพรวมที่จะเกิดขึ้นกับสายการบินที่ใช้ บริการ โดยจะต้องมีการปรับตารางบินและเตรียมความพร้อมต่างๆ ด้วย
ทั้งนี้ การหลุดร่อนของผิวยางมะตอยรันเวย์เป็นเรื่องปกติที่
เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยสุวรรณภูมิจะมีการสำรองยางมะตอยวันละหลายตันสำหรับการซ่อมแซมฉุกเฉิน เฉพาะจุด โดยหลังจากนี้ ยางมะตอยที่นำมาซ่อมผิวรันเวย์จะต้องมีคุณภาพเพิ่มขึ้น โดยจะต้องเป็นแบบแข็งพิเศษเพื่อเพิ่มความคงทนขึ้น
นายสมชัยกล่าวว่า ป
กติรันเวย์ตะวันตกจะใช้สำหรับเครื่องบินร่อนลง ซึ่งมีแรงกดทับน้อยประมาณ 40% เนื่องจากมีปีกช่วยพยุง ซึ่งตั้งแต่เปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่ปี 2549 มีการซ่อมแซมตามความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด 66 ครั้ง โดยบริเวณที่เกิดยางมะตอยหลุดร่อนออกมาเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ตั้งแต่ต้นปี 2555 มีการซ่อมแซม 5 ครั้งต่างจากรันเวย์ฝั่งตะวันออกที่เป็นจุดบินขึ้นที่จะชำรุดมากกว่าเพราะ ต้องรับแรงกดทับของเครื่องบินทั้งลำก่อนที่จะส่งตัวขึ้น โดยตั้งแต่เปิดสุวรรณภูมิมีการซ่อมแล้วทั้งสิ้น 290 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม การตรวจตราพื้นผิวทางวิ่ง ทางขับให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน วันละ 2 ครั้ง และหากตรวจพบว่ามีการชำรุดของพื้นผิว เจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการแก้ไขในทันที โดยมีการเตรียมความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ วัสดุ เครื่องจักรและอุปกรณ์ให้สามารถเข้าดำเนินการซ่อมแซมพื้นที่หากเกิดกรณีเร่ง ด่วนที่สถานีดับเพลิงฝั่งตะวันตกไว้ตลอด 24 ชม. เพราะหากรันวย์มีปัญหาจะไม่สามารถให้เครื่องบินขึ้น-ลงได้แน่นอน และมั่นใจว่ากรณีดังกล่าวจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของสายการบิน
สำหรับการปิดซ่อมทางวิ่งฝั่งตะวันตกในช่วงเวลา 20.30-21.20 น. เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมาเป็นเวลา 50 นาทีนั้น ส่งผลให้มีเที่ยวบินบางส่วนทำการ Divert ไปท่าอากาศยานสำรองอื่นๆ ได้แก่ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ท่าอากาศยานเชียงใหม่ รวมทั้งสิ้น 11 เที่ยวบิน ดังนี้
1. บางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบิน PG 178/ จากสมุยไปท่าอากาศยานอู่ตะเภา
2. บางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบิน PG 908 จากเสียมราฐไปท่าอากาศยานอู่ตะเภา
3. การบินไทย เที่ยวบิน TG 474/ จากบริสเบนไปท่าอากาศยานอู่ตะเภา
4. การบินไทย TG 218 จากภูเก็ตไปท่าอากาศยานอู่ตะเภา
5. การบินไทย TG 647 จากนาโกยาไปท่าอากาศยานอู่ตะเภา
6. การบินไทย TG 585 จากพนมเปญไปท่าอากาศยานอู่ตะเภา
7. การบินไทย TG 466 จากเมลเบิร์นไปท่าอากาศยานดอนเมือง
8. การบินไทย TG 258 จากสุราษฎร์ธานีไปท่าอากาศยานดอนเมือง
9. การบินไทย TG 677 จากนาริตะไปท่าอากาศยานเชียงใหม่
10. แอร์มาเก๊า NX882 จากภูเก็ตไปท่าอากาศยานอู่ตะเภา
11. แอร์เอเชีย QZ7716 จากจาการ์ตาไปท่าอากาศยานดอนเมือง
http://www.manager.c...D=9550000083723ไม่ธรรมดาเสียแล้ว สำหรับเคสนี้ ผมว่าหนักมากๆจริงๆ
แค่ 6 ปีเท่านั้น