Jump to content


Photo

[ฟุตบอล] ใครได้ดูลิเวอร์พูลเล่นเมื่อคืนมั่ง มาแชร์กันครับ


  • Please log in to reply
969 replies to this topic

#501 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 18 February 2013 - 17:41

ถือว่าเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนลงเตะกะเซนิธนะคะ

ก่อนคิกออฟ..พี่สาวที่อยู่เยอรมัน

โทรมาบ่่นว่ารอดเจอร์เก่งจริงรึเปล่าฟระ

จบซีซั่นมีแววจะโดนเด้งดึ๋งๆมั้ย :lol: :lol: :lol:

ปล.บอร์ดเสรีไทยมีหงส์สาวแค่เราคนเดียวหรือเนี่ย :o

โอ้ว...คุณ juemmy เป็นหงส์เหรอครับ เชิญครับเชิญ...... :)


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#502 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 18 February 2013 - 17:43

แอนฟิลด์สิ้นมนต์ขลัง  เดี๋ยวนี้ไม่มีใครกลัวแล้วเมื่อมาเยือนแอนฟิลด์   

 

สวอนซีมองข้ามช๊อตไปถึงบอลถ้วย  บีร๊อดก็คงอยากทำอย่างนั้น แต่ด้วยผลงานที่กำลังอยู่ในขาลง แถมได้เล่นต่อหน้าแฟนๆ

 

ทำให้ต้องจัดเต็มที่ เพื่อเรียกความมั่นใจกับศรัทธาคืนมา แล้วก็ได้ผลงานอย่างที่เห็น  แต่ถามว่าพอใจมั้ย  ไม่เลย

 

คู่แข่งยอมจัดทีมแบบปล่อยๆ ชนะได้ไม่แปลก สกอร์ขาดก็ไม่แปลก   อยู่ที่ทำอย่างไร ให้ฟอร์มแบบนี้อยู่คู่ทีมไปนานๆ ในทุกนัด

 

วันพฤหัส เปิดบ้านรับเซนิธ เป็นถ้วยสุดท้ายที่ยังมีหวัง  ขอให้เล่นเต็มที่ แล้วมีผลงานดี แบบนี้อีก 

 

ไม่รู้ผมจะดีใจหรือเสียใจดีครับ พอไม่เข้ากระทู้วันหงส์แข่ง เลยปล่อยของซะเต็มที่ แถมจุดโทษที่ได้ยากเย็น คราวนี้จัดให้ 2 ดอกเน้นๆ สงสัยต้องห่างๆทีมรักซักพักแล้วครับ  :P

 

นัดหน้ากับเซนิตฯ คงต้องมีโชค+ความเฉียบคมด้วยเยอะๆครับ เพราะเชื่อว่าเซนิตฯ มาอุดแล้วโต้กลับอย่างเดียวแน่นอนครับ 

จัดไปตามนั้นเลยครับ ท่าน..... :lol:


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#503 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 18 February 2013 - 20:06

พวก เป็ดแดง ยังหวังจะเข้ารอบเหรอ 3 เม็ด นะ

If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#504 someone

someone

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,281 posts

Posted 20 February 2013 - 00:38

ถือว่าเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนลงเตะกะเซนิธนะคะ

ก่อนคิกออฟ..พี่สาวที่อยู่เยอรมัน

โทรมาบ่่นว่ารอดเจอร์เก่งจริงรึเปล่าฟระ

จบซีซั่นมีแววจะโดนเด้งดึ๋งๆมั้ย :lol: :lol: :lol:

ปล.บอร์ดเสรีไทยมีหงส์สาวแค่เราคนเดียวหรือเนี่ย :o

โอ้ว...คุณ juemmy เป็นหงส์เหรอครับ เชิญครับเชิญ...... :)

นานๆ ได้เจอหงส์สาวสักที  เราต้องเก็บเธอไว้ให้นานๆ :D



#505 someone

someone

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,281 posts

Posted 20 February 2013 - 00:41

พวก เป็ดแดง ยังหวังจะเข้ารอบเหรอ 3 เม็ด นะ

แล้วพี่แดง เชียร์ทีมไรคับ  หรือว่าเป็นเด็กผีเหมือนพี่ตัวเกร็ง :D



#506 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 20 February 2013 - 10:14

พวก เป็ดแดง ยังหวังจะเข้ารอบเหรอ 3 เม็ด นะ

แล้วพี่แดง เชียร์ทีมไรคับ  หรือว่าเป็นเด็กผีเหมือนพี่ตัวเกร็ง :D

ทำได้เนียนพอสมควร.....อย่าไปโดนดักเข้าล่ะคุณ someone  :P


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#507 juemmy

juemmy

    คนสวยประจำบอร์ด

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,307 posts

Posted 20 February 2013 - 11:37


 

 

***ผิดค่ะ***


Edited by juemmy, 20 February 2013 - 11:38.

"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"


#508 juemmy

juemmy

    คนสวยประจำบอร์ด

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,307 posts

Posted 20 February 2013 - 11:39

 

พวก เป็ดแดง ยังหวังจะเข้ารอบเหรอ 3 เม็ด นะ

แล้วพี่แดง เชียร์ทีมไรคับ  หรือว่าเป็นเด็กผีเหมือนพี่ตัวเกร็ง :D

ทำได้เนียนพอสมควร.....อย่าไปโดนดักเข้าล่ะคุณ someone  :P

เข้าไปดูยูสเก่าๆของคุณเคนแล้วจะรู้ว่า...

นี่มันเดอะค็อปชัดๆ :lol: :lol: :lol:


"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"


#509 someone

someone

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,281 posts

Posted 21 February 2013 - 01:05

ขอบคุณพี่กรีน ที่เตือน  เกือบไป....ฮี่ ๆ ๆ :D



#510 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 21 February 2013 - 09:45

วันนี้ลุ้นเป็ดแดง ตกรอบ ดีกว่า

 

Liverpool    vs    Zenit St. Petersburg

 

''ปลาคาร์ฟ''เข่าเดี้ยงอาจไม่ได้ลงเล่นชนเซนิตฯ


 


Edited by แก้ รธน ทุกอย่างจะดีขึ้น, 21 February 2013 - 10:42.

If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#511 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 21 February 2013 - 14:53

830288_4660255504532_975887585_o.jpg


If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#512 ชาวสวน

ชาวสวน

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,095 posts

Posted 22 February 2013 - 05:20

สกอร์นัดนี้ 3-1 รวม 3-3  ตกรอบด้วยกฏอเวย์โกลล์

 

ฟอร์มการเล่นไม่สามารถวิจารณ์ได้  เพราะตื่นขึ้นมาทันดู15นาทีสุดท้าย

 

สรุป ปีนี้เหลือทำผลงานในลีกให้ดีที่สุด กับนัดที่เหลืออยู่  :(



#513 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 22 February 2013 - 07:35

เสื้อแดงแพ้ 5555

ทานข้าวไม่ลงเลยวันนี้

If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#514 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 22 February 2013 - 08:42

โดยรวมพยายามได้ดีแล้ว ถ้าไม่นับลูกที่น้าคาร่าที่ส่งคืนหลังไม่ดีให้มนุษย์ยักตัวเขียวฉกบอลไปยิงได้ ทุกคนพยายามได้ดีมาก การที่จะเจาะทีมที่มาอุดหน้าประตูตัวเองทั้งทีมแบบนี้ ต้องอาศัยนักเตะที่เล่นในที่แคบๆได้ดีแบบสเตอริดและคูตินโญ่ ซึ่งนัดนี้ลงไม่ได้ทั้งคู่ เกมส์รุกทีมเยือนไม่ได้สร้างอันตรายอะไรเลย การเปลี่ยนตัวแบบขัดใจแฟนๆโดยการเปลี่ยนเชลวี่ลงมา ซึ่งไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับทีม แต่เค้าก็มีโอกาสเกือบทำให้เป็นประตูได้หนึ่งจังหวะซึ่งหน้าประตูโล่งๆดันยิงออกไปซะงั้น อัสไซดี้หลังจากหายเจ็บกลับมาได้ลงเป็นนัดแรกทำได้ดีพอสมควร สุดท้ายเหลือเล่น EPL รายการเดียวในฤดูกาลนี้หวังว่าจะทำได้ดีและสำเร็จตามเป้าหมายที่วางเอาไป นัดต่อไปออกไปเยือน Wigan ช่องสามถ่ายทอดสด 2 มีนาคม 00.30 น. ติดตามกันต่อไป......

 

 

ที่มา: Goal.com


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#515 Lucas Leiva Benitez Rodger

Lucas Leiva Benitez Rodger

    ขาขาดประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,074 posts

Posted 22 February 2013 - 12:24

สกอร์นัดนี้ 3-1 รวม 3-3  ตกรอบด้วยกฏอเวย์โกลล์

 

ฟอร์มการเล่นไม่สามารถวิจารณ์ได้  เพราะตื่นขึ้นมาทันดู15นาทีสุดท้าย

 

สรุป ปีนี้เหลือทำผลงานในลีกให้ดีที่สุด กับนัดที่เหลืออยู่  :(

 

 

โดยรวมพยายามได้ดีแล้ว ถ้าไม่นับลูกที่น้าคาร่าที่ส่งคืนหลังไม่ดีให้มนุษย์ยักตัวเขียวฉกบอลไปยิงได้ ทุกคนพยายามได้ดีมาก การที่จะเจาะทีมที่มาอุดหน้าประตูตัวเองทั้งทีมแบบนี้ ต้องอาศัยนักเตะที่เล่นในที่แคบๆได้ดีแบบสเตอริดและคูตินโญ่ ซึ่งนัดนี้ลงไม่ได้ทั้งคู่ เกมส์รุกทีมเยือนไม่ได้สร้างอันตรายอะไรเลย การเปลี่ยนตัวแบบขัดใจแฟนๆโดยการเปลี่ยนเชลวี่ลงมา ซึ่งไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับทีม แต่เค้าก็มีโอกาสเกือบทำให้เป็นประตูได้หนึ่งจังหวะซึ่งหน้าประตูโล่งๆดันยิงออกไปซะงั้น อัสไซดี้หลังจากหายเจ็บกลับมาได้ลงเป็นนัดแรกทำได้ดีพอสมควร สุดท้ายเหลือเล่น EPL รายการเดียวในฤดูกาลนี้หวังว่าจะทำได้ดีและสำเร็จตามเป้าหมายที่วางเอาไป นัดต่อไปออกไปเยือน Wigan ช่องสามถ่ายทอดสด 2 มีนาคม 00.30 น. ติดตามกันต่อไป......

 

PxkLBQ.png

ZMtbJG.png

7IyfHN.png

Ikw9Yk.png

 

ที่มา: Goal.com

 

เห็นด้วยครับ  ความผิดพลาดในบางครั้งอาจลงโทษเราอย่างเจ็บปวด เสียดายกับผลการแข่งขัน แต่ผมไม่เสียใจฟอร์มของทีมเราครับ

 

ผมเชื่อว่า BR วางแนวทางของทีมมามีรูปแบบค่อนข้างชัดเจน เหลือแค่ลดความผิดพลาดให้น้อยลง หรือไม่มีเลย

 

และการพลิกแพลงระบบให้เข้าทำกับทีมคู่แข่งที่แตกต่างกันออกไปครับ  

 

แต่โดยลึกๆแล้วผมยังเป็นห่วงระบบ tiki taka ของ BR ว่าเวลาเจอสนามที่ไม่ราบเรียบ หรือไม่เป็นใจต่อการเล่น มักจะส่งผลการแข่งขันที่ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรครับ


อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ

"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.

 

"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"


#516 juemmy

juemmy

    คนสวยประจำบอร์ด

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,307 posts

Posted 22 February 2013 - 15:23

สู้ต่อไปค่ะ เดอะค็อป :D


"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"


#517 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 22 February 2013 - 18:08

ข่าว - News, ข่าวแปลจากเว็บทางการ - News from liverpoolfc.com     — February 22, 2013 at 9:36 am
ร็อดเจอร์ส : นี่คือครอบครัวฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
 
 

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กล่าวชื่นชม ความพยายามที่กล้าหาญของนักเตะของเขา แม้ว่าจะพลาดท่าต่อเซนิต และต้องตกรอบรายการยูโรปาลีกเมื่อค่ำคืนวันพฤหัสบดี และยังยืนยันถึงโอกาสที่แสดงให้เห็นว่าทำไมเขาจึงเชื่อมั่นว่าลิเวอร์พูล คือ ‘ครอบครัวฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก’
 
ลิเวอร์พูลเสียประตูแรกจากการจ่ายคืนหลังต่อหน้าอัฒจันทร์เดอะค็อปก่อน และได้คืนจากฟรีคิก 2 ลูกของหลุยส์ ซัวเรซ และอีกหนึ่งประตูจาก โจ อัลเลน ทำให้พวกเขาชนะ 3-1
 
แต่ผลจากการพ่ายเซนิตไป 2-0 เมื่อสัปดาหืที่แล้วก็ส่งผลให้ทีมแชมป์ลีกรัสเซียเข้ารอบไปด้วยกฏประตูทีมเยือน
 
อย่างไรก็ตาม ร็อดเจอร์สเชื่อว่านักเตะของเขาได้ทุ่มเทไปอย่างเต็มที่เพื่อทำให้แรงบันดาลใจในค่ำคืนยุโรปยังคงอยู่ต่อไป เมื่อเหล่าแฟนบอลได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าพวกเขาเป็นนักเตะลิเวอร์พูล คนที่ 12 อย่างแท้จริง ในการสร้างบรรยากาศการเชียร์อันอื้ออึงไปทั้งแอนฟิลด์
 
ร็อดเจอร์สได้ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า “พวกเราภาคภูมิใจมากกับสโมสรและนักเตะในค่ำคืนนี้ แม้ว่าเราจะแพ้ ในคืนนี้สโมสรและนักเตะได้แสดงให้เห็นแล้วว่าทำไมพวกเขาจึงเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ครอบครัวฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่ลิเวอร์พูล กับบรรยากาศและสิ่งที่นักเตะทำในเกม”
 
“การกลับมาจากการตามหลัง 3 ประตู ใส่ความพยายาม, คุณภาพและแคแรกเตอร์ลงไปในเกมนั่นคือปรากฎการณ์ และผมรู้สึกว่าเราควรได้จุดโทษจริงๆนะ”
 
“ผมไม่คิดว่านักเตะจะสามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว ฝูงชนของเราไม่สามารถทำสิ่งไดมากไปกว่านี้แล้ว มันเป็นค่ำคืนสุดมหัศจรรย์ แต่โชคร้ายที่เราต้องพ่ายแพ้”
 
“ในระดับนี้ที่ต้องทำประตูหลายประตู และเราก็เข้าใกล้เอามากๆที่จะทำได้ ทำให้ผมภูมิใจสุดๆในวิธีการที่นักเตะแสดงออกมา”
 
อีกเพียงประตูเดียวก็จะเพียงพอให้ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบต่อไป และร็อดเจอร์สเชื่อว่าทีมของเขาควรจะได้จุดโทษในนาทีที่ 50 เมื่อ โทมัส ฮูโบแคน ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ
 
“มันเป็นจุดโทษอย่างแน่นอน ผมคิดว่าทุกคนสามารถเห็นมันได้นะ เรากำลังได้เปรียบในเกมและมันดูเป็นจุดโทษอย่างชัดเจน แต่มันไม่ได้เป็นหนึ่งในสิ่งที่จะเป็นประเด็นต่อไปหรอก”
 
“พวกเราผิดหวังกับมัน แต่มันก็เป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่”
 
“เราต้องการชนะเกมและได้ใส่ทุกความพยายามลงไป และผมไม่คิดว่านักเตะของเราจะสามารถทำอะไรมากไปกว่านี้ได้แล้ว”
 
“มันเป็นแค่โชคร้ายที่เราไม่ได้ปล่อยให้ผ่านเลยไป และเราจะย้อนกลับมามองในเกมว่าเป้นอีกครั้งที่เราเสียประตูแย่ๆ ซึ่งเราต้องชดใช้”
 
การจ่ายบอลพลาดมาจาก เจมี คาร์ราเกอร์ ช่วงต้นเกม ให้ฮัคล์ เลี้ยงไปทำประตู เปเป เรน่า
 
ร็อดเจอร์สกล่าวว่า “มันอาจจะเป็นความผิดพลาดแรกที่ผมได้เห็นจากเขา ตั้งแต่ที่ผมเข้ามายังสโมสรแห่งนี้ และนั่นรวมถึงทุกๆวันในการซ้อมด้วย”
 
“ไม่มีการตำหนิใดๆ ผมคิดว่าเขาสุดยอดมากๆในค่ำคืนนี้กับวิธีการที่เขาควบคุมฮัคล์ มันเป็นแค่โชคร้าย”
 
“ผมผิดหวังไปกับคาร์รา เพราะเขาเป็นมืออาชีพที่สุดยอดและเขาสมควรจะได้ผ่านไปเล่นในรอบถัดไป โชคร้ายที่มันไม่เกิดขึ้น”
 
การตกรอบยูโรปาลีก เป็นการดับความหวังของร็อดเจอร์สที่จะจบฤดูกาลกับถ้วยรางวัล อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการทีมยืนยันว่า ยังมีอีก 11 เกมสุดท้ายในลีกที่ลิเวอร์พูลต้องลงเล่น
 
“ฤดูกาลของเรายังไม่จบ และไม่มีวันจบ จนกว่าจะถึงเกมสุดท้ายกับ คิวพีอาร์”
 
“นี่คือทีมที่กำลังเติบโตตลอดเวลา คุณดูที่ระดับของฟอร์มการเล่นในคืนนี้ได้ ครองเกมเหนือคู่แข่ง และควบคุมเกมอย่างที่เราทำ มันเหลือเชื่อ”
 
“เพื่อให้เราก้าวไปข้างหน้า มันต่อเนื่องกับวิธีการที่เราทำงานกันมาตั้งแต่ปีก่อน ตลอดเวลาที่ฤดูกาลดำเนินไป เราดีขึ้นและพัฒนาขึ้น เราต้องการทำเช่นนั้นไปตลอดจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล คุณสามารถเห็นความหิวกระหายของนักเตะ และความตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น และเราจะทำแบบนั้นใน 11 เกมสุดท้าย”
 
หนึ่งในความท้าทายที่ร็อดเจอร์สจะกำหนดให้นักเตะของเขาในการแข่งขันที่เหลืออยู่ คือ รักษาความต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือนสุดท้าย ที่จะช่วยให้พวกเขากลับสู่ฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นและเก็บชัยชนะที่สำคัญๆให้ได้
 
และถ้าพวกเขาสามารถทำเช่นนั้นได้ กุนซือชาวไอริชก็เชื่อว่าลิเวอร์พูลจะพร้อมสำหรับการแข่งขันเพื่อถ้วยรางวัลในฤดูกาลหน้า
 
“พวกเราแค่ต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้ เราตกรอบบอลถ้วย และนั่นคือบางสิ่งที่เราจะมองเพื่อก้าวต่อไป เราต้องการชนะถ้วยรางวัลที่นี่”
 
“ความตั้งในสำหรับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของฤดูกาล คือ จบอันดับในลีกให้สูงที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้ เมื่อผมมาที่นี่ในซัมเมอร์ นั่นคือสิ่งที่ผมให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก และเราต้องการจบฤดูกาลให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
 
“เราต้องก้าวต่อไป ผมได้เห็นการเติบโตในกลุ่มนักเตะของเราและมันก็กำลังดำเนินต่อไป เราต้องการแสดงให้เห็นถึงคุณภาพ, การต่อสู้ และสปีริตของเรา อย่างถูกต้อง ไปจนถึงเกมกับคิวพีอาร์ แล้วเราจะประเมินกันใหม่ในตอนซัมเมอร์”
 
“เราจะอยู่ในจุดที่ดีกว่าเดิมในตอนต้นฤดูกาลหน้า เพราะกรอบการทำงานได้ถูกวางไว้แล้ว มันยากสำหรับนักเตะกับผู้จัดการทีมคนใหม่ที่ก้าวเข้ามาด้วยความคิดที่แตกต่างและทำงาน แต่ตอนนี้ เราเริ่มที่จะได้เห็นระบบเกิดขึ้น พวกเขาโอเคกับมัน และเราก็ทำประตูและสร้างสรรค์ฟอร์มการเล่น”
 
“ถ้าชนะในคืนนี้มันจะยอดเยี่ยมมาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่านั่นจะทำให้เราก้าวต่อไป”
 
ร็อดเจอร์สเก็บถ้อยคำสุดท้ายไว้สำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูล ผู้ซึ่งสร้างสรรค์ค่ำคืนยุโรปที่แอนฟิลด์ให้กลับมาอีกครั้ง
 
เขายอมรับว่า ทั้งนักเตะและสต๊าฟฟ์ต่างผิดหวังที่พวกเขาไม่สามารถตอบแทนแฟนๆด้วยชัยชนะที่จะทำให้ทีมผ่านเข้ารอบต่อไปได้ แต่เขามั่นใจว่าจะยังมีโอกาสอีกมากมายที่จะลิ้มรสชัยชนะในอนาคต
 
“มันเป็นอะไรที่น่าใจหายอย่างแน่นอน” ร็อดเจอร์สกล่าว “หนึ่งในคุณค่าที่แท้จริงของสโมสรแห่งนี้คือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทุกคนมารวมกันในค่ำคืนนี้ และเราทำพลาด”
 
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคต จะยังมีค่ำคืนวิเศษเช่นนี้อีกมากมายสำหรับเราที่จะได้เฉลิมฉลอง”
 
“มีตัวอย่างในฐานะผู้จัดการทีมอยู่แล้ว ผมต้องการโอกาสเช่นนั้นกับรางวัลที่ใหญ่กว่า”
 
“เราต้องการพวกเขาจริงๆในค่ำคืนนี้ และพวกเขาก็หนุนหลังเราในทุกๆทาง เราผิดหวังที่ไม่สามารถทำให้สำเร็จเพื่อพวกเขาได้ แต่หวังเป้นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสอีกในอนาคตที่เราจะทำเพื่อพวกเขาสำเร็จ”
 
ที่มา  :  เว็บทางการ
แปลโดย  :  howk_ky

ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#518 webody

webody

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 5 posts

Posted 23 February 2013 - 08:47

สู้ๆ ฤดูกาลหน้าเอาใหม่


อาหารเสริม คืออะไร? และวิตามินมีความจำเป็นต่อร่างกายเราหรือไม่


#519 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 23 February 2013 - 16:45

สู้ๆ ฤดูกาลหน้าเอาใหม่

ขอบคุณครับ.....อยากเห็นกองหลังแน่นๆซักคน กลางพันธุ์ดุครองบอลได้ แย่งบอลเก่ง จ่ายบอลดี สักคน ฤดูกาลหน้าคงได้ลุ้นกันยาวๆกว่านี้


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#520 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 1 March 2013 - 07:46

สถิติที่น่าสนใจก่อนเกมปะทะ "เดอะลาติกส์"

 

AqTGu0.png

 

 

• จากหกเกมล่าสุดที่พบกัน วีแกนแพ้ลิเวอร์พูลเพียงเกมเดียวเท่านั้น 
 
• หกในเจ็ดเกมที่ลิเวอร์พูลและวีแกนพบกัน ณ สนาม DW มีประตูเกิดขึ้นเฉลี่ยต่ำกว่า 2.5 ประตู 
 
• ซีซั่นนี้ 13 เกมในบ้านของวีแกน พวกเขาเสียประตูทุกนัด 
 
• สองนัดกับเกมเยือนของลิเวอร์พูล พวกเขาทำได้เพียงเสมอ และในซีซั่นนี้ ไม่มีทีมใดในพรีเมียร์ลีกที่เสมอในเกมนอกบ้านมากกว่าลิเวอร์พูล (6) 
 
• ในลีกชั้นนำ 5 ลีกของยุโรป ซีซั่นมีเพียงเมสซี่ โรนัลโด้ และซัวเรสเท่านั้นที่มีสถิติความพยายามในการยิงประตูมากกว่า 100 ลูก (นับรวมลูกที่ถูกบล็อกด้วย) 
 
• วีแกนพ่ายให้กับทีมที่อยู่ครึ่งบนของตารางพรีเมียร์ลีกถึง 10 เกม จากทั้งหมด 14 โดยอีก 4 เกมที่เหลือชนะ 1 แพ้ 3 
 
• มีเพียงอัล ฮับซี่เท่านั้น ที่ก่อความผิดพลาดส่วนตัวจนทำให้เกิดประตูมากกว่าเรน่าในฤดูกาลนี้ (ฮับซี่ 6 เรน่า 4) 
 
• ลิเวอร์พูล (13) วีแกนและสเปอร์ (11) คือทีมที่สามารถผลิตประตูได้ในช่วง 15 นาทีแรกของครึ่งหลังมากกว่าทีมใดๆ ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ 
 
• มีผู้เล่นชาวอังกฤษของวีแกนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำประตูได้ในซีซั่นนี้ (Ben Watson) 
 
• ลิเวอร์พูลได้ประตูจากลูกทำเข้าประตูตัวเองของฝ่ายตรงข้ามถึง 4 ครั้งในซีซั่นนี้ ซึ่งมากกว่าทุกทีมในพรีเมียร์ลีก 
 
Stats : Eurosport 
By : Mr.Black

ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#521 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 2 March 2013 - 11:30

 ความฝันสีเงิน ของ'โกลเด้นบอย' คูตินโญ่  :) 

 

5rZcTf.png

 

 

การเข้าสนามซ้อมแต่ละเช้าของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จะต้องเผชิญกับประกายแวววาวสีเงิน ที่เตือน 
 
ใจเขาทุกครั้ง ถึงรากฐานและเป้าหมายของสโมสรนี้ 
 
 
ภายในห้องล็อบบี้กลาง มีกรอบกระจก ซึ่งจัดวางถ้วยยุโรเปี้ยนคัพ ที่ลิเวอร์พูลชนะครั้งที่ 5 ที่ 
 
อิสตันบูล ด้วยผลงานของทีมที่ขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา ก็มีเพียง 
 
ถ้วยรางวัลนี้เพียงหนึ่งเดียว ที่เป็นสุดยอดแรงบันดาลใจมาตลอดเวลา 
 
 
คูตินโญ่ ยังเป็นเพียงเด็กเล็กอยู่เลย เมื่อสตีเว่น เจอร์ราร์ด จุดประกายความยิ่งใหญ่ของแชม- 
 
เปี้ยนส์ลีก และนำความสว่างไสวนั้นกลับมายังประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกครั้ง ทุกวันนี้ งาน 
 
ของพวกเขาก็คือ ช่วยกันนำลิเวอร์พูล กลับไปยังสถานที่เกียรติยศที่พวกเขาเคยอยู่เป็นประจำ 
 
 
บางทีมันอาจจะง่ายกว่าก็ได้ สำหรับคูตินโญ่ ผู้ซึ่งฮูลิโอ ซีซาร์ ประตูQPRเรียกเขาว่า'โกลเด้นบอย 
 
ที่เขาจะคว้าถ้วยนี้ถ้ายังอยู่กับ อินเตอร์มิลาน แต่เขากลับรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ เพราะภาพที่ดึงดูด 
 
ใจมากกว่า ของถ้วยรางวัลที่นี่ มันดูทั้งสวยสง่า ทั้งขลัง ดึงดูดใจให้เขาอยากเข้าไปโอบกอดเหลือ 
 
เกิน 
 
 
"ทุกๆ ครั้ง ทุกๆ วัน ที่คุณผ่านมาเห็นถ้วยยุโรเปี้ยนคัพที่นี่ มันจะสร้างแรงบันดาลใจมหาศาลให้ 
 
แก่จิตวิญญาณของผู้เล่นทุกคน" เป็นคำพูดของหนุ่มผู้มาจาก ซานชิโร่ ในเดือนมกราคม ด้วยข้อ 
 
ตกลง 9 ล้านปอนด์ 
 
 
"ลิเวอร์พูลมีผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ และเป็นไอดอลของคนมากมาย ผมยังเด็กและยังต้องเรียนรู้ เมื่อ 
 
คุณต้องการตัดสินใจเซ็นสัญญากับสโมสรอย่างลิเวอร์พูล สิ่งเหล่านี้(ความยิ่งใหญ่ของประวัติ- 
 
ศาสตร์ทีมและอดีตผู้เล่น)จะช่วยคุณในการตัดสินใจด้วย ลิเวอร์พูลยังคงเป็นหนึ่งในสโมสรที่ 
 
ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผมจะอยู่ที่นี่ไปอีกยาวนานตลอดอาชีพของผมเลย 
 
 
แม้ว่าเขาเพิ่งลงสนามไปได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น แต่คูตินโญ่ ก็ตอบแทนด้วยทักษะการทำประตูที่ 
 
ยอดเยี่ยม 1 ลูก ในเกมที่ชนะสวอนซี 5 - 0 เมื่อเดือนที่แล้ว เขากลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ 
 
อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยการพิจารณาที่ตั้งอยู่บนเหตุและผล ตัวเขายังคงต้องการ 
 
การพัฒนาอีกมากพอสมควร 
 
 
เมื่อถูกถามถึงขนาดและความแข็งแกร่งของร่างกาย "ผมรู้สึกเฉยๆ ในเรื่องของขนาดร่างกาย 
 
สำหรับเกมที่นี่" เขาตอบ "ถ้าผมล้มลง ผมก็จะลุกขึ้นมาใหม่ และก็เล่นต่อไป ผมจะเตะมันเอา 
 
คืนมั๊ย? ไม่แน่นอน แต่ผมจะยิงประตูเอาคืน" 
 
 
"แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ ลูคัสบอกผมก่อนมาที่นี่ถึงสไตล์การเล่น 
 
ของลีกนี้แล้ว ผมเรียนรู้สไตล์ของฟุตบอลที่นี่อยู่ตลอดเวลา มันมีการปะทะที่หนักกว่า แรงกว่า 
 
แต่จากการช่วยเหลือของผู้จัดการทีม,สต๊าฟ และเพื่อนๆ ร่วมทีม ผมจะสามารถปรับตัวได้อย่าง 
 
เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้ 
 
 
คูตินโญ่ ได้เข้าอาศัยอยู่ในบ้านที่เคยเป็นของ ฟาบิโอ ออเรลิโอ นักเตะบราซิลคนแรกของทีม 
 
กับภรรยา Aine และพี่ชายอีก 2 คน คือเลอันโดรและคริสเตียโน่ ซึ่งมาช่วยเขาในช่วงเริ่มต้น 
 
ของการย้ายเข้ามาอยู่ 
 
 
ที่ลิเวอร์พูล มีนักเตะอเมริกาใต้หลายคน ที่สำคัญก็คือ ซัวเรซ และลูคัส ที่จะคอยช่วยเขาทั้งใน 
 
ห้องแต่งตัวและในสนาม เขาเคยผ่านมาทั้ง วาสโก เดอ กามา, อินเตอร์ มิลาน และเอสปันญ่อล 
 
และตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะตั้งหลักปักฐานที่มั่นคงยังที่นี่แล้ว 
 
 
"กับสโมสรแห่งนี้ ผมยังจำเป็นต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อย ยังจำเป็นต้องเพิ่มความสนุกสนานให้ 
 
ฟุตบอลของผมอีกบ้าง เพื่อการเล่นที่ดีที่สุดของผม" คูตินโญ่พูด "ผมอยู่ท่ามกลางผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ 
 
และผมต้องการเรียนรู้จากพวกเขาตลอดเวลา" 
 
 
"ผมต้องเล่นให้ดี พยายามให้สุดความสามารถ เพื่อทีม ผมรับรู้อยู่ตลอดว่า ผมกำลังเป็นตัวแทน 
 
ของสโมสรที่ยิ่งใหญ่" 
 
 
และทุกครั้งที่เขาเดินผ่านห้องล็อบบี้ ของเมลวู๊ด แสงสีเงินแวววาว ก็จะย้ำเตือนจิตวิญญาณของ 
 
เขาในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี 
 
 
ที่มา/Daily Mail 
 
แปล/มัคคนายก 

ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#522 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 2 March 2013 - 11:35

 ความฝันสีเงิน ของ'โกลเด้นบอย' คูตินโญ่  :) 

 

5rZcTf.png

 

การเข้าสนามซ้อมแต่ละเช้าของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จะต้องเผชิญกับประกายแวววาวสีเงิน ที่เตือน 

 
ใจเขาทุกครั้ง ถึงรากฐานและเป้าหมายของสโมสรนี้ 
 
 
ภายในห้องล็อบบี้กลาง มีกรอบกระจก ซึ่งจัดวางถ้วยยุโรเปี้ยนคัพ ที่ลิเวอร์พูลชนะครั้งที่ 5 ที่ 
 
อิสตันบูล ด้วยผลงานของทีมที่ขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา ก็มีเพียง 
 
ถ้วยรางวัลนี้เพียงหนึ่งเดียว ที่เป็นสุดยอดแรงบันดาลใจมาตลอดเวลา 
 
 
คูตินโญ่ ยังเป็นเพียงเด็กเล็กอยู่เลย เมื่อสตีเว่น เจอร์ราร์ด จุดประกายความยิ่งใหญ่ของแชม- 
 
เปี้ยนส์ลีก และนำความสว่างไสวนั้นกลับมายังประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกครั้ง ทุกวันนี้ งาน 
 
ของพวกเขาก็คือ ช่วยกันนำลิเวอร์พูล กลับไปยังสถานที่เกียรติยศที่พวกเขาเคยอยู่เป็นประจำ 
 
 
บางทีมันอาจจะง่ายกว่าก็ได้ สำหรับคูตินโญ่ ผู้ซึ่งฮูลิโอ ซีซาร์ ประตูQPRเรียกเขาว่า'โกลเด้นบอย 
 
ที่เขาจะคว้าถ้วยนี้ถ้ายังอยู่กับ อินเตอร์มิลาน แต่เขากลับรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ เพราะภาพที่ดึงดูด 
 
ใจมากกว่า ของถ้วยรางวัลที่นี่ มันดูทั้งสวยสง่า ทั้งขลัง ดึงดูดใจให้เขาอยากเข้าไปโอบกอดเหลือ 
 
เกิน 
 
 
"ทุกๆ ครั้ง ทุกๆ วัน ที่คุณผ่านมาเห็นถ้วยยุโรเปี้ยนคัพที่นี่ มันจะสร้างแรงบันดาลใจมหาศาลให้ 
 
แก่จิตวิญญาณของผู้เล่นทุกคน" เป็นคำพูดของหนุ่มผู้มาจาก ซานชิโร่ ในเดือนมกราคม ด้วยข้อ 
 
ตกลง 9 ล้านปอนด์ 
 
 
"ลิเวอร์พูลมีผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ และเป็นไอดอลของคนมากมาย ผมยังเด็กและยังต้องเรียนรู้ เมื่อ 
 
คุณต้องการตัดสินใจเซ็นสัญญากับสโมสรอย่างลิเวอร์พูล สิ่งเหล่านี้(ความยิ่งใหญ่ของประวัติ- 
 
ศาสตร์ทีมและอดีตผู้เล่น)จะช่วยคุณในการตัดสินใจด้วย ลิเวอร์พูลยังคงเป็นหนึ่งในสโมสรที่ 
 
ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผมจะอยู่ที่นี่ไปอีกยาวนานตลอดอาชีพของผมเลย 
 
 
แม้ว่าเขาเพิ่งลงสนามไปได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น แต่คูตินโญ่ ก็ตอบแทนด้วยทักษะการทำประตูที่ 
 
ยอดเยี่ยม 1 ลูก ในเกมที่ชนะสวอนซี 5 - 0 เมื่อเดือนที่แล้ว เขากลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ 
 
อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยการพิจารณาที่ตั้งอยู่บนเหตุและผล ตัวเขายังคงต้องการ 
 
การพัฒนาอีกมากพอสมควร 
 
 
เมื่อถูกถามถึงขนาดและความแข็งแกร่งของร่างกาย "ผมรู้สึกเฉยๆ ในเรื่องของขนาดร่างกาย 
 
สำหรับเกมที่นี่" เขาตอบ "ถ้าผมล้มลง ผมก็จะลุกขึ้นมาใหม่ และก็เล่นต่อไป ผมจะเตะมันเอา 
 
คืนมั๊ย? ไม่แน่นอน แต่ผมจะยิงประตูเอาคืน" 
 
 
"แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ ลูคัสบอกผมก่อนมาที่นี่ถึงสไตล์การเล่น 
 
ของลีกนี้แล้ว ผมเรียนรู้สไตล์ของฟุตบอลที่นี่อยู่ตลอดเวลา มันมีการปะทะที่หนักกว่า แรงกว่า 
 
แต่จากการช่วยเหลือของผู้จัดการทีม,สต๊าฟ และเพื่อนๆ ร่วมทีม ผมจะสามารถปรับตัวได้อย่าง 
 
เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้ 
 
 
คูตินโญ่ ได้เข้าอาศัยอยู่ในบ้านที่เคยเป็นของ ฟาบิโอ ออเรลิโอ นักเตะบราซิลคนแรกของทีม 
 
กับภรรยา Aine และพี่ชายอีก 2 คน คือเลอันโดรและคริสเตียโน่ ซึ่งมาช่วยเขาในช่วงเริ่มต้น 
 
ของการย้ายเข้ามาอยู่ 
 
 
ที่ลิเวอร์พูล มีนักเตะอเมริกาใต้หลายคน ที่สำคัญก็คือ ซัวเรซ และลูคัส ที่จะคอยช่วยเขาทั้งใน 
 
ห้องแต่งตัวและในสนาม เขาเคยผ่านมาทั้ง วาสโก เดอ กามา, อินเตอร์ มิลาน และเอสปันญ่อล 
 
และตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะตั้งหลักปักฐานที่มั่นคงยังที่นี่แล้ว 
 
 
"กับสโมสรแห่งนี้ ผมยังจำเป็นต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อย ยังจำเป็นต้องเพิ่มความสนุกสนานให้ 
 
ฟุตบอลของผมอีกบ้าง เพื่อการเล่นที่ดีที่สุดของผม" คูตินโญ่พูด "ผมอยู่ท่ามกลางผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ 
 
และผมต้องการเรียนรู้จากพวกเขาตลอดเวลา" 
 
 
"ผมต้องเล่นให้ดี พยายามให้สุดความสามารถ เพื่อทีม ผมรับรู้อยู่ตลอดว่า ผมกำลังเป็นตัวแทน 
 
ของสโมสรที่ยิ่งใหญ่" 
 
 
และทุกครั้งที่เขาเดินผ่านห้องล็อบบี้ ของเมลวู๊ด แสงสีเงินแวววาว ก็จะย้ำเตือนจิตวิญญาณของ 
 
เขาในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี 
 
 
ที่มา/Daily Mail 
 
แปล/มัคคนายก 

ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#523 Lucas Leiva Benitez Rodger

Lucas Leiva Benitez Rodger

    ขาขาดประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,074 posts

Posted 2 March 2013 - 12:28

บทความที่เขียนโดยแฟนหงส์แดงท่านหนึ่ง ผมอ่านแล้วเห็นด้วยเกือบทุกประเด็น และคิดว่าเป็นสิ่งที่ทีมหงส์แดงเรายังขาดอยู่

 

(แฟนหงส์ท่านใดรับความจริงไม่ได้ โปรดอย่าอ่านนะครับ เนื้อหาค่อนข้างกระทบจิตใจแฟนบางส่วนที่โลกสวยอยู่มากทีเดียว)

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

ทัศนะมาร : เรื่องบางเรื่องที่ต้องปรับหลังตกรอบยูโรป้า (หรือเปล่า!!) 


ทำไม บทความนี้ถึงออกช้านัก ทั้งที่คุยกับหลายคน ว่า จะออกมาหลังเกม ชนะ เซนิต แล้วตกรอบใน ถ้วยยุโรป ใบเล็ก 
คงต้องบอกว่า พยายามหลีกทาง ให้กับอาการชื่นชมทีม กันให้พอสังเขป ก็เท่านั้น… 

แถมยังเจอช่วงลองวีคเอนด์ เข้าไปด้วย ... เลยชะลอตัวอย่างแรงพองาม ... ก่อนจะเอาบทความชิ้นนี้อวดโฉม 
แหมๆ ... ขืนปล่อยกันแต่แรก .. ไอ้ข้อหาหลายๆ ข้อหา อาจพุ่งพรวดเข้าผมอย่างจัง จนอาจตั้งรับไม่ทัน 

…………………………………………………………………………… 

มีอะไรให้ต้อง “เสียใจ” หากใครได้ดู ตลอด 90 นาที ในค่ำคืนยุโรป ณ ถิ่นแอนฟิลด์ สนามที่เคยเป็นที่อันตรายของทุกผู้มาเยือน 

…………………………………………………………………………… 

ในส่วนตัว ผมออกจะตกตะลึง ... ไม่ใช่ว่า .. ตะลึงใน ผลที่ออกมา .. 
แต่ ตะลึง สิ่งที่หลายหัวใจ พยายามเหลือเกิน ที่จะทุ่มเท ให้ สโมสร แห่ง นี้ .. ซึ่งหากแลด้วยตาเนื้อ หลายท่านคงเห็น ว่า มันคือเรื่องจริง 

มันไม่น่าอายเลยซักนิด หากนักเตะจะพยายามอย่างสุดชีวิต เพื่อให้ผลลัพท์ออกมาดี อย่างที่ต้องการ ... 
ผมยินดีที่เห็นทีมรักทุ่มสุดตัวและหัวใจ แต่หากให้ต้อง “ภาคภูมิใจ” กับการตกรอบ ผมว่า นั่นคง ตลก สิ้นดี !! 

ในเมื่อเราเองต้องเล่นอย่างจริงจังทุกนัดอยู่แล้ว... ถ้าการแพ้ตกรอบ คือ ความภาคภูมิใจ .. งั้น เกมส์แพ้ โอลด์แดม เราต้อง ชูคอ งั้น หรือ !! 
อย่าตลก เชียวนะ... เพราะ ที่เราแพ้ คือ การแพ้ทีมจากรัสเซีย หาใช่ แพ้ ทีมจากสเปน อย่าง รีล มาดริด หรือ แพ้ อิตาลี อย่าง มิลาน 

อย่างที่ผมเคยบอก ว่า เรา อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปนัก กับ สกอร์ 5-0 ก่อนเปิดบ้านรับ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก 
ยามเมื่อเจอกัน ระหว่าง สปัลเลตติ กับ รอดเจอร์ส .. มันมีบทสรุปมากมาย .. ว่า ท้ายที่สุด ใครคือผู้ปราชัย ... !! 

ในเมื่อฟุตบอลไหนๆ มันก็ดันไม่มีการชนะคะแนนด้วยสายตาเป็นเครื่องชี้วัด 

ตราบใดที่ผู้เล่นข้างละ 11 คน ยังลงสนาม พร้อมกัน... สนามไม่ดี อากาศหนาว เดินทางไกล ที่มันมักมีคนกล่าวอ้าง ! 
แต่ หากย้อนไปกลับ .. กับ ฟุตบอล 2 นัด ... ท้ายที่สุด มันมีแค่ทีมเดียว ที่ควรภาคภูมิ คือทีมที่ผ่านเข้ารอบต่อไป ... 

ไม่ใช่ผมจะมาทำให้หลายท่านเสียอารมณ์ กับการคิดบวกในชัยชนะ ... แต่ เราท่านน่าจะมองด้วยความยินดี มากกว่าการภูมิใจ ... 
เพราะอย่างที่บอก .. ผมยังยินดีอย่างแรง ที่ได้อดตาหลับขับตานอน ตื่นมาดู นัดที่ผ่านมา ... แต่ให้ภูมิใจ อีกไกลกว่าจะใกล้เคียง 

แต่เท่าที่มองแบบมารๆ อย่างผม ... ผมว่า เรายังต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันอีกหลายประการ โดยเฉพาะ ทีม และ ผู้วางแนว อย่าง บี อาร์ 
ประการไหน .. แบบไหน .. ที่ผมมองว่า เราควรต้องปรับแต่งโดยไว ... เพื่อให้เราก้าวเดินอย่างถูกทิศทาง 

…………………………………………………………………………… 

เรื่องแรก ประการแรก ของ ผม คง ไม่พ้น เรื่อง Tiki – Tika ที่ผมมองว่า นอกจากจะอาจไม่ใช่คำตอบแล้ว ไซร้ .. เราอาจต้องหาแผนสอง 
ให้ตายดิ้น .. ผม ไม่เก่ง ขนาดตัดสิน ว่า ... ไอ้วันที่เราชนะ 3-1 นั่น น่ะ มันคือบอล์ล แบบไหน .... 

แต่ ถ้า คุณมักโชว์พาว .. ว่า คุณจะทำ Tiki – Tika ในแบบของคุณ ... ผมคงต้องขอเคลียร์นิดหน่อย .. ซึ่งหาใช่ ว่า ผม เก่งกว่า 
เพราะอาทิตย์ที่ผ่าน .. เราเห็นผล แม้กระทั่ง ผมเจอด้วยตา .. ว่า ขนาดต้นตำรับอย่าง บาร์ซ่าเอง ยังไร้จินตนาการ .. ยามตื้อตัน 

สกอร์ 0-2 ของ บาร์ซ่า ว่าที่ต้นตำรับ มันไม่ต่างกันเลยซักนิด กับ สกอร์ 3-1 ของ ปืนโต อีกหนึ่งต้นแบบบนเกาะอังกฤษ 
ดูอีกร้อยรอบ เล่นอีกพันรอบ... ถ้าจินตนาการของบาร์ซ่า .. มีเท่านี้ .. กับ หากแผงหลังของ มิลาน ยังเป็น ระเบียบ อย่างนี้ ... 

ผมก็ยังไม่เห็นหนทางรอดของบาร์ซ่าอยู่ดี หากต้องเจอกันในเลคหน้า ... 

ขณะเดียวกัน ผมยิ่งไม่เห็นหนทางรอดของ ปืนโต ในเลคหน้าเยี่ยงเดียวในการไปเยือนทีมชั้นอ๋อง อย่าง เสือใต้ ที่ปีนี้เด็ดดวง 
ระหว่าง เรา บาร์ซ่า และ ปืนใหญ่ ... ดูเหมือน Tiki – Tika จะโดนตบหน้าอย่างแรง และ ดูจะหาโอกาส รอด ยากปีนี้ 

ยิ่ง Tiki – Tika แพ้ให้บอลสไตล์อังกฤษโบราณ อย่าง โอลด์แดม ในเอฟ เอ คัพ ด้วย ... ยิ่งทำให้ผมรู้สึกบั่นทอนอย่างมิต้องสงสัย 

ปัญหาคือ .. แผนสอง ที่คงต้องระดมสมองพอควร เพราะนี่หาใช่เรื่องตลก ซักนิด ... ยิ่งหากใครได้เห็น บาร์ซ่า เจอ มิลาน 
ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าการที่ ทีมชั้นเต้ย อย่าง บาร์เซโลน่า ยามไม่มีแผนสองเนี่ย ... ท้ายสุด มันก็บอลเด็กน้อย ดีดี นี่เอง ... 

ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่ ยังไม่รวมทฤษฎีการครองบอลเยอะ ทำให้เราแพ้ยากเข้าไปอีก .. 
เพราะดูเหมือนว่า 3 ทีม ที่ผมกล่าวอ้าง ล้วนมีสถิติสุดสวยในการครอบครองบอล ... ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ เรา ผู้ตกรอบไปก่อน 

ขณะที่อีกทั้งสองทีมต่างครองบอลได้เหนือชั้นกว่าคู่แข่งอย่างไม่ต้องกังขา.... แล้วไหง ต่างดูเหมือนเข้าขั้นสาหัสทั้งหมด 
เพราะฉะนั้น ใครคิด คิดไป ว่า ทฤษฎีมันเลิศล้ำ ... แต่ จากการเห็นด้วยสองตา ผมว่า สุดท้ายก็แค่ภาพฝัน ที่ให้จินตนาการ 

ผมไม่ได้บอกว่า มันแย่ ... !! แต่ที่สงสัย คือ เมื่อมันไร้หนทางจินตนา ทำไม ไม่หาแผนสองรองรับมือ เพื่อให้มิติ แตกต่าง 
เพราะ ขนาดบาร์ซ่าต้นตำรับ ยังเล่นเอา ต่างดาวอย่าง แมสซี่ ไปไม่เป็น !! ยามชน ทีมเขี้ยวอย่าง มิลาน 

แต่อย่าบอกผมเชียว ว่า กุนซือเราเก่งกว่าต้นตำรับ ... เดี๋ยว ผมนอนไม่หลับ พอดี !!! 

…………………………………………………………………………… 

ประการสอง ... คงต้องบอกว่า รีบหาความสม่ำเสมอให้ไว นะตัวเธอร์ ... 

ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่า เกิดอะไรขึ้น ที่เห็นผองนักเตะพยายามกันอย่างสุดติ่งในค่ำคืนที่ความฝันแห่งเทพนิยายเกือบบังเกิด 
ไม่ว่าความฮึกเหิมเหล่านั้นจะมาจากที่ใด จากตัวนักเตะเอง ผู้จัดการ หรือ บรรยากาศสนามในค่ำคืนถ้วยยุโรป จะชักนำก็แล้วแต่ 

คุณต้องเอาอารมณ์ ความรู้สึก และแรงกระตุ้นแบบ มาใช้ให้ได้ตลอด งัดเอามาใช้ในทุกสนาม ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นที่ใด และการแข่งขันไหน 
ขณะเดียวกัน ผลการแข่งขันคงต้องได้รับการยอมรับด้วยว่า มันดีพอ !! เพราะไม่งั้นมันจะไม่ต่างซักนิดกับเรื่องราวของปีที่แล้ว 

เราควรมีความสุขจริงหรือ กับสถิติที่น่าตื่นเต้น เร้าใจ ทั้งในเรื่องของการครองบอล หรือ โอกาสในการทำประตู ที่โดดเด่นในยุโรป 
เราควรตื่นเต้นปรีดิ์เปรม จริงหรือ ... กับสถิติสวยสด ... ที่เราสร้างในวันที่เราพ่ายแพ้ ... (ครองบอล ยิงประตูเยอะสุด แล้วแพ้) 

แต่เราไม่อาจใกล้เคียงกับโทรฟี่ใดใดแม้แต่น้อย ... ขณะเดียวกัน ความจริง คือ เรายังไกลเกินฝันที่จะทำตัวเป็นผู้ท้าชิง ต่างหาก 

ผมไม่รู้หรอก .. ว่า มันเอาบรรทัดฐานไหน มาว่ากัน .. ในมุมมองที่บอกว่า บอล รอดเจอร์ส มีพัฒนาการดีกว่า เดอะ คิง 
ในเมื่อการตกรอบในทุกโทรฟี่ มันน่าจะแสดงพัฒนาการได้อย่างไม่ยาก ... ว่า ระดับชั้นใกล้เคียงกันหรือเปล่า ?? 

ยิ่งการตกรอบด้วยน้ำมือของ สวอนซี และ โอลด์แดม ด้วยแล้ว ... หากถามวันนี้ คงต้องยอมรับว่า ทำใจ ลำบาก !! 
ก็หวังว่า รอดเจอร์ส และ ผองเพื่อน จะช่วยกันหาจุดๆ นั้น ที่เรียกว่า ความคงเส้นคงวา ได้เจอ ... ก่อนฤดูกาลนี้จะผ่านไป ... 

เพราะที่ออกมาเขียนก็หาได้ทุรนทุรายมากนัก กับ การเห็นทีมรักชนะบ้าง แพ้บ้าง เพราะในโลกกีฬา ทุกอย่างยังล้วนเป็นไปได้ 
แต่ไอ้การที่จะมองทีมและมีความหวังตามในแบบที่ผู้จัดการสื่อให้นักข่าว ว่า ถึงวันนี้เรายังมีโอกาสติดที่ 4 ผมว่ามันไกลเกินจินตนา 

ถ้าหากทีมยังมี รูปแบบ และ ผลลัพท์ แบบที่ผ่านๆ ... โอกาสไหนๆ มันก็ เลือนรางทั้งนั้น... 
และทางที่ดี มันน่าจะหาทางออกให้สวย ด้วยการเชือดทั้ง วีแกน และ สเปอร์ ให้ยลเป็น “ขวัญตา” 

โดยเฉพาะการเตะตัดขา สเปอร์ ... ที่น่าจะเป็นภารกิจอันพิเศษ ... ที่จะแสดงให้เห็น ว่า เราก็สามารถชนะ และทัดเทียมทีมหัวตาราง 
จบเกมชน สเปอร์ ค่อยมาดูกัน ว่า เราคู่ควรอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ... ยกเว้น เราไม่รอด นัด ซัด วีแกน !! 

เพราะถึงตอนนั้น ... อาจไม่เหลืออะไรให้ลุ้นอีกเลย อาจรวมไปถึง พื้นที่ ยูโรป้า ที่อย่างน้อยตอนนี้เราก็ยังมีความหวังอยู่พอควร 

…………………………………………………………………………… 

ยังเอาใจช่วยอยู่ครับ ไม่ว่าผลเมื่อสิ้นสุดจะจบลงเยี่ยงไร ... ในเมื่อ เลือด กรีดกี่ที ก็มีหงส์ 
จะเล่นแบบไหน ทรงใด ด้วยทัศนะคติเยี่ยงไร ... สุดท้ายผมก็ยังเชียร์ให้ทีมชนะ และผ่านพ้นอุปสรรคไปได้อย่างดี 

ทำไงได้ .. เราก็ แค่ ซัพพอร์ทเตอร์ ที่มีหน้าที่หนุนหลัง เท่านั้นเอง ... 



ด้วยจิตคารวะ 
เซียวลี้ปวยตอ

 

http://www.hongmarnz...ewtopic&t=61355


อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ

"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.

 

"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"


#524 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 2 March 2013 - 17:16

บทความที่เขียนโดยแฟนหงส์แดงท่านหนึ่ง ผมอ่านแล้วเห็นด้วยเกือบทุกประเด็น และคิดว่าเป็นสิ่งที่ทีมหงส์แดงเรายังขาดอยู่

 

(แฟนหงส์ท่านใดรับความจริงไม่ได้ โปรดอย่าอ่านนะครับ เนื้อหาค่อนข้างกระทบจิตใจแฟนบางส่วนที่โลกสวยอยู่มากทีเดียว)

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

ทัศนะมาร : เรื่องบางเรื่องที่ต้องปรับหลังตกรอบยูโรป้า (หรือเปล่า!!) 


ทำไม บทความนี้ถึงออกช้านัก ทั้งที่คุยกับหลายคน ว่า จะออกมาหลังเกม ชนะ เซนิต แล้วตกรอบใน ถ้วยยุโรป ใบเล็ก 
คงต้องบอกว่า พยายามหลีกทาง ให้กับอาการชื่นชมทีม กันให้พอสังเขป ก็เท่านั้น… 

แถมยังเจอช่วงลองวีคเอนด์ เข้าไปด้วย ... เลยชะลอตัวอย่างแรงพองาม ... ก่อนจะเอาบทความชิ้นนี้อวดโฉม 
แหมๆ ... ขืนปล่อยกันแต่แรก .. ไอ้ข้อหาหลายๆ ข้อหา อาจพุ่งพรวดเข้าผมอย่างจัง จนอาจตั้งรับไม่ทัน 

…………………………………………………………………………… 

มีอะไรให้ต้อง “เสียใจ” หากใครได้ดู ตลอด 90 นาที ในค่ำคืนยุโรป ณ ถิ่นแอนฟิลด์ สนามที่เคยเป็นที่อันตรายของทุกผู้มาเยือน 

…………………………………………………………………………… 

ในส่วนตัว ผมออกจะตกตะลึง ... ไม่ใช่ว่า .. ตะลึงใน ผลที่ออกมา .. 
แต่ ตะลึง สิ่งที่หลายหัวใจ พยายามเหลือเกิน ที่จะทุ่มเท ให้ สโมสร แห่ง นี้ .. ซึ่งหากแลด้วยตาเนื้อ หลายท่านคงเห็น ว่า มันคือเรื่องจริง 

มันไม่น่าอายเลยซักนิด หากนักเตะจะพยายามอย่างสุดชีวิต เพื่อให้ผลลัพท์ออกมาดี อย่างที่ต้องการ ... 
ผมยินดีที่เห็นทีมรักทุ่มสุดตัวและหัวใจ แต่หากให้ต้อง “ภาคภูมิใจ” กับการตกรอบ ผมว่า นั่นคง ตลก สิ้นดี !! 

ในเมื่อเราเองต้องเล่นอย่างจริงจังทุกนัดอยู่แล้ว... ถ้าการแพ้ตกรอบ คือ ความภาคภูมิใจ .. งั้น เกมส์แพ้ โอลด์แดม เราต้อง ชูคอ งั้น หรือ !! 
อย่าตลก เชียวนะ... เพราะ ที่เราแพ้ คือ การแพ้ทีมจากรัสเซีย หาใช่ แพ้ ทีมจากสเปน อย่าง รีล มาดริด หรือ แพ้ อิตาลี อย่าง มิลาน 

อย่างที่ผมเคยบอก ว่า เรา อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปนัก กับ สกอร์ 5-0 ก่อนเปิดบ้านรับ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก 
ยามเมื่อเจอกัน ระหว่าง สปัลเลตติ กับ รอดเจอร์ส .. มันมีบทสรุปมากมาย .. ว่า ท้ายที่สุด ใครคือผู้ปราชัย ... !! 

ในเมื่อฟุตบอลไหนๆ มันก็ดันไม่มีการชนะคะแนนด้วยสายตาเป็นเครื่องชี้วัด 

ตราบใดที่ผู้เล่นข้างละ 11 คน ยังลงสนาม พร้อมกัน... สนามไม่ดี อากาศหนาว เดินทางไกล ที่มันมักมีคนกล่าวอ้าง ! 
แต่ หากย้อนไปกลับ .. กับ ฟุตบอล 2 นัด ... ท้ายที่สุด มันมีแค่ทีมเดียว ที่ควรภาคภูมิ คือทีมที่ผ่านเข้ารอบต่อไป ... 

ไม่ใช่ผมจะมาทำให้หลายท่านเสียอารมณ์ กับการคิดบวกในชัยชนะ ... แต่ เราท่านน่าจะมองด้วยความยินดี มากกว่าการภูมิใจ ... 
เพราะอย่างที่บอก .. ผมยังยินดีอย่างแรง ที่ได้อดตาหลับขับตานอน ตื่นมาดู นัดที่ผ่านมา ... แต่ให้ภูมิใจ อีกไกลกว่าจะใกล้เคียง 

แต่เท่าที่มองแบบมารๆ อย่างผม ... ผมว่า เรายังต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันอีกหลายประการ โดยเฉพาะ ทีม และ ผู้วางแนว อย่าง บี อาร์ 
ประการไหน .. แบบไหน .. ที่ผมมองว่า เราควรต้องปรับแต่งโดยไว ... เพื่อให้เราก้าวเดินอย่างถูกทิศทาง 

…………………………………………………………………………… 

เรื่องแรก ประการแรก ของ ผม คง ไม่พ้น เรื่อง Tiki – Tika ที่ผมมองว่า นอกจากจะอาจไม่ใช่คำตอบแล้ว ไซร้ .. เราอาจต้องหาแผนสอง 
ให้ตายดิ้น .. ผม ไม่เก่ง ขนาดตัดสิน ว่า ... ไอ้วันที่เราชนะ 3-1 นั่น น่ะ มันคือบอล์ล แบบไหน .... 

แต่ ถ้า คุณมักโชว์พาว .. ว่า คุณจะทำ Tiki – Tika ในแบบของคุณ ... ผมคงต้องขอเคลียร์นิดหน่อย .. ซึ่งหาใช่ ว่า ผม เก่งกว่า 
เพราะอาทิตย์ที่ผ่าน .. เราเห็นผล แม้กระทั่ง ผมเจอด้วยตา .. ว่า ขนาดต้นตำรับอย่าง บาร์ซ่าเอง ยังไร้จินตนาการ .. ยามตื้อตัน 

สกอร์ 0-2 ของ บาร์ซ่า ว่าที่ต้นตำรับ มันไม่ต่างกันเลยซักนิด กับ สกอร์ 3-1 ของ ปืนโต อีกหนึ่งต้นแบบบนเกาะอังกฤษ 
ดูอีกร้อยรอบ เล่นอีกพันรอบ... ถ้าจินตนาการของบาร์ซ่า .. มีเท่านี้ .. กับ หากแผงหลังของ มิลาน ยังเป็น ระเบียบ อย่างนี้ ... 

ผมก็ยังไม่เห็นหนทางรอดของบาร์ซ่าอยู่ดี หากต้องเจอกันในเลคหน้า ... 

ขณะเดียวกัน ผมยิ่งไม่เห็นหนทางรอดของ ปืนโต ในเลคหน้าเยี่ยงเดียวในการไปเยือนทีมชั้นอ๋อง อย่าง เสือใต้ ที่ปีนี้เด็ดดวง 
ระหว่าง เรา บาร์ซ่า และ ปืนใหญ่ ... ดูเหมือน Tiki – Tika จะโดนตบหน้าอย่างแรง และ ดูจะหาโอกาส รอด ยากปีนี้ 

ยิ่ง Tiki – Tika แพ้ให้บอลสไตล์อังกฤษโบราณ อย่าง โอลด์แดม ในเอฟ เอ คัพ ด้วย ... ยิ่งทำให้ผมรู้สึกบั่นทอนอย่างมิต้องสงสัย 

ปัญหาคือ .. แผนสอง ที่คงต้องระดมสมองพอควร เพราะนี่หาใช่เรื่องตลก ซักนิด ... ยิ่งหากใครได้เห็น บาร์ซ่า เจอ มิลาน 
ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าการที่ ทีมชั้นเต้ย อย่าง บาร์เซโลน่า ยามไม่มีแผนสองเนี่ย ... ท้ายสุด มันก็บอลเด็กน้อย ดีดี นี่เอง ... 

ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่ ยังไม่รวมทฤษฎีการครองบอลเยอะ ทำให้เราแพ้ยากเข้าไปอีก .. 
เพราะดูเหมือนว่า 3 ทีม ที่ผมกล่าวอ้าง ล้วนมีสถิติสุดสวยในการครอบครองบอล ... ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ เรา ผู้ตกรอบไปก่อน 

ขณะที่อีกทั้งสองทีมต่างครองบอลได้เหนือชั้นกว่าคู่แข่งอย่างไม่ต้องกังขา.... แล้วไหง ต่างดูเหมือนเข้าขั้นสาหัสทั้งหมด 
เพราะฉะนั้น ใครคิด คิดไป ว่า ทฤษฎีมันเลิศล้ำ ... แต่ จากการเห็นด้วยสองตา ผมว่า สุดท้ายก็แค่ภาพฝัน ที่ให้จินตนาการ 

ผมไม่ได้บอกว่า มันแย่ ... !! แต่ที่สงสัย คือ เมื่อมันไร้หนทางจินตนา ทำไม ไม่หาแผนสองรองรับมือ เพื่อให้มิติ แตกต่าง 
เพราะ ขนาดบาร์ซ่าต้นตำรับ ยังเล่นเอา ต่างดาวอย่าง แมสซี่ ไปไม่เป็น !! ยามชน ทีมเขี้ยวอย่าง มิลาน 

แต่อย่าบอกผมเชียว ว่า กุนซือเราเก่งกว่าต้นตำรับ ... เดี๋ยว ผมนอนไม่หลับ พอดี !!! 

…………………………………………………………………………… 

ประการสอง ... คงต้องบอกว่า รีบหาความสม่ำเสมอให้ไว นะตัวเธอร์ ... 

ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่า เกิดอะไรขึ้น ที่เห็นผองนักเตะพยายามกันอย่างสุดติ่งในค่ำคืนที่ความฝันแห่งเทพนิยายเกือบบังเกิด 
ไม่ว่าความฮึกเหิมเหล่านั้นจะมาจากที่ใด จากตัวนักเตะเอง ผู้จัดการ หรือ บรรยากาศสนามในค่ำคืนถ้วยยุโรป จะชักนำก็แล้วแต่ 

คุณต้องเอาอารมณ์ ความรู้สึก และแรงกระตุ้นแบบ มาใช้ให้ได้ตลอด งัดเอามาใช้ในทุกสนาม ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นที่ใด และการแข่งขันไหน 
ขณะเดียวกัน ผลการแข่งขันคงต้องได้รับการยอมรับด้วยว่า มันดีพอ !! เพราะไม่งั้นมันจะไม่ต่างซักนิดกับเรื่องราวของปีที่แล้ว 

เราควรมีความสุขจริงหรือ กับสถิติที่น่าตื่นเต้น เร้าใจ ทั้งในเรื่องของการครองบอล หรือ โอกาสในการทำประตู ที่โดดเด่นในยุโรป 
เราควรตื่นเต้นปรีดิ์เปรม จริงหรือ ... กับสถิติสวยสด ... ที่เราสร้างในวันที่เราพ่ายแพ้ ... (ครองบอล ยิงประตูเยอะสุด แล้วแพ้) 

แต่เราไม่อาจใกล้เคียงกับโทรฟี่ใดใดแม้แต่น้อย ... ขณะเดียวกัน ความจริง คือ เรายังไกลเกินฝันที่จะทำตัวเป็นผู้ท้าชิง ต่างหาก 

ผมไม่รู้หรอก .. ว่า มันเอาบรรทัดฐานไหน มาว่ากัน .. ในมุมมองที่บอกว่า บอล รอดเจอร์ส มีพัฒนาการดีกว่า เดอะ คิง 
ในเมื่อการตกรอบในทุกโทรฟี่ มันน่าจะแสดงพัฒนาการได้อย่างไม่ยาก ... ว่า ระดับชั้นใกล้เคียงกันหรือเปล่า ?? 

ยิ่งการตกรอบด้วยน้ำมือของ สวอนซี และ โอลด์แดม ด้วยแล้ว ... หากถามวันนี้ คงต้องยอมรับว่า ทำใจ ลำบาก !! 
ก็หวังว่า รอดเจอร์ส และ ผองเพื่อน จะช่วยกันหาจุดๆ นั้น ที่เรียกว่า ความคงเส้นคงวา ได้เจอ ... ก่อนฤดูกาลนี้จะผ่านไป ... 

เพราะที่ออกมาเขียนก็หาได้ทุรนทุรายมากนัก กับ การเห็นทีมรักชนะบ้าง แพ้บ้าง เพราะในโลกกีฬา ทุกอย่างยังล้วนเป็นไปได้ 
แต่ไอ้การที่จะมองทีมและมีความหวังตามในแบบที่ผู้จัดการสื่อให้นักข่าว ว่า ถึงวันนี้เรายังมีโอกาสติดที่ 4 ผมว่ามันไกลเกินจินตนา 

ถ้าหากทีมยังมี รูปแบบ และ ผลลัพท์ แบบที่ผ่านๆ ... โอกาสไหนๆ มันก็ เลือนรางทั้งนั้น... 
และทางที่ดี มันน่าจะหาทางออกให้สวย ด้วยการเชือดทั้ง วีแกน และ สเปอร์ ให้ยลเป็น “ขวัญตา” 

โดยเฉพาะการเตะตัดขา สเปอร์ ... ที่น่าจะเป็นภารกิจอันพิเศษ ... ที่จะแสดงให้เห็น ว่า เราก็สามารถชนะ และทัดเทียมทีมหัวตาราง 
จบเกมชน สเปอร์ ค่อยมาดูกัน ว่า เราคู่ควรอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ... ยกเว้น เราไม่รอด นัด ซัด วีแกน !! 

เพราะถึงตอนนั้น ... อาจไม่เหลืออะไรให้ลุ้นอีกเลย อาจรวมไปถึง พื้นที่ ยูโรป้า ที่อย่างน้อยตอนนี้เราก็ยังมีความหวังอยู่พอควร 

…………………………………………………………………………… 

ยังเอาใจช่วยอยู่ครับ ไม่ว่าผลเมื่อสิ้นสุดจะจบลงเยี่ยงไร ... ในเมื่อ เลือด กรีดกี่ที ก็มีหงส์ 
จะเล่นแบบไหน ทรงใด ด้วยทัศนะคติเยี่ยงไร ... สุดท้ายผมก็ยังเชียร์ให้ทีมชนะ และผ่านพ้นอุปสรรคไปได้อย่างดี 

ทำไงได้ .. เราก็ แค่ ซัพพอร์ทเตอร์ ที่มีหน้าที่หนุนหลัง เท่านั้นเอง ... 



ด้วยจิตคารวะ 
เซียวลี้ปวยตอ

 

http://www.hongmarnz...ewtopic&t=61355

ความจริงแล้วไอ้ TIKI-TAKA ที่ทีมกำลังสร้างขึ้นมา ผมก็ว่าไม่ได้ขี้เหร่อะไร แต่หลายนัดในฤดูกาลนี้ที่ทีมโดนนำ เห็นแล้วมันหงุดหงิดสายตาอยู่เหมือนกัน โดนนำแล้วยังจะส่งบอลกันไปมาอีกเหรอ เมื่อเจอทีมแบบอุดอย่างเดียวมันตื้อตันหมดหนทางเหมือนที่เราก็เห็นๆกันอยู่ ในวันที่เมสซี่โดนประกบตายบาซ่าก็ไปไม่รอด เพียงแต่ในฤดูกาลนี้ที่พลาดๆกันเหมือนมันมีปัจจัยหลายๆอย่างที่มีมาประกอบกัน เกมส์รับที่หละหลวม ความผิดพลาดของผู้รักษาประตู ไม่มีนักเตะที่เล่นในพื้นที่แคบๆได้ดี กองกลางระดับโลก ซึ่งจะหวังพึงเพียงแค่กัปตันคนเดียวก็ไม่ได้ ขนาดทีมที่เล็กเกินไป  มีกองหน้าเพียงแค่คนเดียวในทีม สิ่งต่างๆเหล่านี้คือจุดอ่อนของทีมที่ต้องรีบแก้ไขครับ แว่วๆมาว่าเมื่อกลางสัปดาห์ก่อนร็อดเจอร์ถึงขนาดลงทุนไปดูฟอร์มกองหลังกัปตันทีม Ajax ถึง Holland น่าจะมีข่าวดีในเร็วๆนี้นะ   ขอบคุณที่นำแนวคิดหลากหลายมาแชร์กันครับ


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#525 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 2 March 2013 - 17:36


บทความที่เขียนโดยแฟนหงส์แดงท่านหนึ่ง ผมอ่านแล้วเห็นด้วยเกือบทุกประเด็น และคิดว่าเป็นสิ่งที่ทีมหงส์แดงเรายังขาดอยู่

 

(แฟนหงส์ท่านใดรับความจริงไม่ได้ โปรดอย่าอ่านนะครับ เนื้อหาค่อนข้างกระทบจิตใจแฟนบางส่วนที่โลกสวยอยู่มากทีเดียว)

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

ทัศนะมาร : เรื่องบางเรื่องที่ต้องปรับหลังตกรอบยูโรป้า (หรือเปล่า!!) 


ทำไม บทความนี้ถึงออกช้านัก ทั้งที่คุยกับหลายคน ว่า จะออกมาหลังเกม ชนะ เซนิต แล้วตกรอบใน ถ้วยยุโรป ใบเล็ก 
คงต้องบอกว่า พยายามหลีกทาง ให้กับอาการชื่นชมทีม กันให้พอสังเขป ก็เท่านั้น… 

แถมยังเจอช่วงลองวีคเอนด์ เข้าไปด้วย ... เลยชะลอตัวอย่างแรงพองาม ... ก่อนจะเอาบทความชิ้นนี้อวดโฉม 
แหมๆ ... ขืนปล่อยกันแต่แรก .. ไอ้ข้อหาหลายๆ ข้อหา อาจพุ่งพรวดเข้าผมอย่างจัง จนอาจตั้งรับไม่ทัน 

…………………………………………………………………………… 

มีอะไรให้ต้อง “เสียใจ” หากใครได้ดู ตลอด 90 นาที ในค่ำคืนยุโรป ณ ถิ่นแอนฟิลด์ สนามที่เคยเป็นที่อันตรายของทุกผู้มาเยือน 

…………………………………………………………………………… 

ในส่วนตัว ผมออกจะตกตะลึง ... ไม่ใช่ว่า .. ตะลึงใน ผลที่ออกมา .. 
แต่ ตะลึง สิ่งที่หลายหัวใจ พยายามเหลือเกิน ที่จะทุ่มเท ให้ สโมสร แห่ง นี้ .. ซึ่งหากแลด้วยตาเนื้อ หลายท่านคงเห็น ว่า มันคือเรื่องจริง 

มันไม่น่าอายเลยซักนิด หากนักเตะจะพยายามอย่างสุดชีวิต เพื่อให้ผลลัพท์ออกมาดี อย่างที่ต้องการ ... 
ผมยินดีที่เห็นทีมรักทุ่มสุดตัวและหัวใจ แต่หากให้ต้อง “ภาคภูมิใจ” กับการตกรอบ ผมว่า นั่นคง ตลก สิ้นดี !! 

ในเมื่อเราเองต้องเล่นอย่างจริงจังทุกนัดอยู่แล้ว... ถ้าการแพ้ตกรอบ คือ ความภาคภูมิใจ .. งั้น เกมส์แพ้ โอลด์แดม เราต้อง ชูคอ งั้น หรือ !! 
อย่าตลก เชียวนะ... เพราะ ที่เราแพ้ คือ การแพ้ทีมจากรัสเซีย หาใช่ แพ้ ทีมจากสเปน อย่าง รีล มาดริด หรือ แพ้ อิตาลี อย่าง มิลาน 

อย่างที่ผมเคยบอก ว่า เรา อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปนัก กับ สกอร์ 5-0 ก่อนเปิดบ้านรับ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก 
ยามเมื่อเจอกัน ระหว่าง สปัลเลตติ กับ รอดเจอร์ส .. มันมีบทสรุปมากมาย .. ว่า ท้ายที่สุด ใครคือผู้ปราชัย ... !! 

ในเมื่อฟุตบอลไหนๆ มันก็ดันไม่มีการชนะคะแนนด้วยสายตาเป็นเครื่องชี้วัด 

ตราบใดที่ผู้เล่นข้างละ 11 คน ยังลงสนาม พร้อมกัน... สนามไม่ดี อากาศหนาว เดินทางไกล ที่มันมักมีคนกล่าวอ้าง ! 
แต่ หากย้อนไปกลับ .. กับ ฟุตบอล 2 นัด ... ท้ายที่สุด มันมีแค่ทีมเดียว ที่ควรภาคภูมิ คือทีมที่ผ่านเข้ารอบต่อไป ... 

ไม่ใช่ผมจะมาทำให้หลายท่านเสียอารมณ์ กับการคิดบวกในชัยชนะ ... แต่ เราท่านน่าจะมองด้วยความยินดี มากกว่าการภูมิใจ ... 
เพราะอย่างที่บอก .. ผมยังยินดีอย่างแรง ที่ได้อดตาหลับขับตานอน ตื่นมาดู นัดที่ผ่านมา ... แต่ให้ภูมิใจ อีกไกลกว่าจะใกล้เคียง 

แต่เท่าที่มองแบบมารๆ อย่างผม ... ผมว่า เรายังต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันอีกหลายประการ โดยเฉพาะ ทีม และ ผู้วางแนว อย่าง บี อาร์ 
ประการไหน .. แบบไหน .. ที่ผมมองว่า เราควรต้องปรับแต่งโดยไว ... เพื่อให้เราก้าวเดินอย่างถูกทิศทาง 

…………………………………………………………………………… 

เรื่องแรก ประการแรก ของ ผม คง ไม่พ้น เรื่อง Tiki – Tika ที่ผมมองว่า นอกจากจะอาจไม่ใช่คำตอบแล้ว ไซร้ .. เราอาจต้องหาแผนสอง 
ให้ตายดิ้น .. ผม ไม่เก่ง ขนาดตัดสิน ว่า ... ไอ้วันที่เราชนะ 3-1 นั่น น่ะ มันคือบอล์ล แบบไหน .... 

แต่ ถ้า คุณมักโชว์พาว .. ว่า คุณจะทำ Tiki – Tika ในแบบของคุณ ... ผมคงต้องขอเคลียร์นิดหน่อย .. ซึ่งหาใช่ ว่า ผม เก่งกว่า 
เพราะอาทิตย์ที่ผ่าน .. เราเห็นผล แม้กระทั่ง ผมเจอด้วยตา .. ว่า ขนาดต้นตำรับอย่าง บาร์ซ่าเอง ยังไร้จินตนาการ .. ยามตื้อตัน 

สกอร์ 0-2 ของ บาร์ซ่า ว่าที่ต้นตำรับ มันไม่ต่างกันเลยซักนิด กับ สกอร์ 3-1 ของ ปืนโต อีกหนึ่งต้นแบบบนเกาะอังกฤษ 
ดูอีกร้อยรอบ เล่นอีกพันรอบ... ถ้าจินตนาการของบาร์ซ่า .. มีเท่านี้ .. กับ หากแผงหลังของ มิลาน ยังเป็น ระเบียบ อย่างนี้ ... 

ผมก็ยังไม่เห็นหนทางรอดของบาร์ซ่าอยู่ดี หากต้องเจอกันในเลคหน้า ... 

ขณะเดียวกัน ผมยิ่งไม่เห็นหนทางรอดของ ปืนโต ในเลคหน้าเยี่ยงเดียวในการไปเยือนทีมชั้นอ๋อง อย่าง เสือใต้ ที่ปีนี้เด็ดดวง 
ระหว่าง เรา บาร์ซ่า และ ปืนใหญ่ ... ดูเหมือน Tiki – Tika จะโดนตบหน้าอย่างแรง และ ดูจะหาโอกาส รอด ยากปีนี้ 

ยิ่ง Tiki – Tika แพ้ให้บอลสไตล์อังกฤษโบราณ อย่าง โอลด์แดม ในเอฟ เอ คัพ ด้วย ... ยิ่งทำให้ผมรู้สึกบั่นทอนอย่างมิต้องสงสัย 

ปัญหาคือ .. แผนสอง ที่คงต้องระดมสมองพอควร เพราะนี่หาใช่เรื่องตลก ซักนิด ... ยิ่งหากใครได้เห็น บาร์ซ่า เจอ มิลาน 
ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าการที่ ทีมชั้นเต้ย อย่าง บาร์เซโลน่า ยามไม่มีแผนสองเนี่ย ... ท้ายสุด มันก็บอลเด็กน้อย ดีดี นี่เอง ... 

ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่ ยังไม่รวมทฤษฎีการครองบอลเยอะ ทำให้เราแพ้ยากเข้าไปอีก .. 
เพราะดูเหมือนว่า 3 ทีม ที่ผมกล่าวอ้าง ล้วนมีสถิติสุดสวยในการครอบครองบอล ... ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ เรา ผู้ตกรอบไปก่อน 

ขณะที่อีกทั้งสองทีมต่างครองบอลได้เหนือชั้นกว่าคู่แข่งอย่างไม่ต้องกังขา.... แล้วไหง ต่างดูเหมือนเข้าขั้นสาหัสทั้งหมด 
เพราะฉะนั้น ใครคิด คิดไป ว่า ทฤษฎีมันเลิศล้ำ ... แต่ จากการเห็นด้วยสองตา ผมว่า สุดท้ายก็แค่ภาพฝัน ที่ให้จินตนาการ 

ผมไม่ได้บอกว่า มันแย่ ... !! แต่ที่สงสัย คือ เมื่อมันไร้หนทางจินตนา ทำไม ไม่หาแผนสองรองรับมือ เพื่อให้มิติ แตกต่าง 
เพราะ ขนาดบาร์ซ่าต้นตำรับ ยังเล่นเอา ต่างดาวอย่าง แมสซี่ ไปไม่เป็น !! ยามชน ทีมเขี้ยวอย่าง มิลาน 

แต่อย่าบอกผมเชียว ว่า กุนซือเราเก่งกว่าต้นตำรับ ... เดี๋ยว ผมนอนไม่หลับ พอดี !!! 

…………………………………………………………………………… 

ประการสอง ... คงต้องบอกว่า รีบหาความสม่ำเสมอให้ไว นะตัวเธอร์ ... 

ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่า เกิดอะไรขึ้น ที่เห็นผองนักเตะพยายามกันอย่างสุดติ่งในค่ำคืนที่ความฝันแห่งเทพนิยายเกือบบังเกิด 
ไม่ว่าความฮึกเหิมเหล่านั้นจะมาจากที่ใด จากตัวนักเตะเอง ผู้จัดการ หรือ บรรยากาศสนามในค่ำคืนถ้วยยุโรป จะชักนำก็แล้วแต่ 

คุณต้องเอาอารมณ์ ความรู้สึก และแรงกระตุ้นแบบ มาใช้ให้ได้ตลอด งัดเอามาใช้ในทุกสนาม ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นที่ใด และการแข่งขันไหน 
ขณะเดียวกัน ผลการแข่งขันคงต้องได้รับการยอมรับด้วยว่า มันดีพอ !! เพราะไม่งั้นมันจะไม่ต่างซักนิดกับเรื่องราวของปีที่แล้ว 

เราควรมีความสุขจริงหรือ กับสถิติที่น่าตื่นเต้น เร้าใจ ทั้งในเรื่องของการครองบอล หรือ โอกาสในการทำประตู ที่โดดเด่นในยุโรป 
เราควรตื่นเต้นปรีดิ์เปรม จริงหรือ ... กับสถิติสวยสด ... ที่เราสร้างในวันที่เราพ่ายแพ้ ... (ครองบอล ยิงประตูเยอะสุด แล้วแพ้) 

แต่เราไม่อาจใกล้เคียงกับโทรฟี่ใดใดแม้แต่น้อย ... ขณะเดียวกัน ความจริง คือ เรายังไกลเกินฝันที่จะทำตัวเป็นผู้ท้าชิง ต่างหาก 

ผมไม่รู้หรอก .. ว่า มันเอาบรรทัดฐานไหน มาว่ากัน .. ในมุมมองที่บอกว่า บอล รอดเจอร์ส มีพัฒนาการดีกว่า เดอะ คิง 
ในเมื่อการตกรอบในทุกโทรฟี่ มันน่าจะแสดงพัฒนาการได้อย่างไม่ยาก ... ว่า ระดับชั้นใกล้เคียงกันหรือเปล่า ?? 

ยิ่งการตกรอบด้วยน้ำมือของ สวอนซี และ โอลด์แดม ด้วยแล้ว ... หากถามวันนี้ คงต้องยอมรับว่า ทำใจ ลำบาก !! 
ก็หวังว่า รอดเจอร์ส และ ผองเพื่อน จะช่วยกันหาจุดๆ นั้น ที่เรียกว่า ความคงเส้นคงวา ได้เจอ ... ก่อนฤดูกาลนี้จะผ่านไป ... 

เพราะที่ออกมาเขียนก็หาได้ทุรนทุรายมากนัก กับ การเห็นทีมรักชนะบ้าง แพ้บ้าง เพราะในโลกกีฬา ทุกอย่างยังล้วนเป็นไปได้ 
แต่ไอ้การที่จะมองทีมและมีความหวังตามในแบบที่ผู้จัดการสื่อให้นักข่าว ว่า ถึงวันนี้เรายังมีโอกาสติดที่ 4 ผมว่ามันไกลเกินจินตนา 

ถ้าหากทีมยังมี รูปแบบ และ ผลลัพท์ แบบที่ผ่านๆ ... โอกาสไหนๆ มันก็ เลือนรางทั้งนั้น... 
และทางที่ดี มันน่าจะหาทางออกให้สวย ด้วยการเชือดทั้ง วีแกน และ สเปอร์ ให้ยลเป็น “ขวัญตา” 

โดยเฉพาะการเตะตัดขา สเปอร์ ... ที่น่าจะเป็นภารกิจอันพิเศษ ... ที่จะแสดงให้เห็น ว่า เราก็สามารถชนะ และทัดเทียมทีมหัวตาราง 
จบเกมชน สเปอร์ ค่อยมาดูกัน ว่า เราคู่ควรอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ... ยกเว้น เราไม่รอด นัด ซัด วีแกน !! 

เพราะถึงตอนนั้น ... อาจไม่เหลืออะไรให้ลุ้นอีกเลย อาจรวมไปถึง พื้นที่ ยูโรป้า ที่อย่างน้อยตอนนี้เราก็ยังมีความหวังอยู่พอควร 

…………………………………………………………………………… 

ยังเอาใจช่วยอยู่ครับ ไม่ว่าผลเมื่อสิ้นสุดจะจบลงเยี่ยงไร ... ในเมื่อ เลือด กรีดกี่ที ก็มีหงส์ 
จะเล่นแบบไหน ทรงใด ด้วยทัศนะคติเยี่ยงไร ... สุดท้ายผมก็ยังเชียร์ให้ทีมชนะ และผ่านพ้นอุปสรรคไปได้อย่างดี 

ทำไงได้ .. เราก็ แค่ ซัพพอร์ทเตอร์ ที่มีหน้าที่หนุนหลัง เท่านั้นเอง ... 



ด้วยจิตคารวะ 
เซียวลี้ปวยตอ

 

http://www.hongmarnz...ewtopic&t=61355

 

 

ความจริงแล้วไอ้ TIKI-TAKA ที่ทีมกำลังสร้างขึ้นมา ผมก็ว่าไม่ได้ขี้เหร่อะไร แต่หลายนัดในฤดูกาลนี้ที่ทีมโดนนำ เห็นแล้วมันหงุดหงิดสายตาอยู่เหมือนกัน โดนนำแล้วยังจะส่งบอลกันไปมาอีกเหรอ เมื่อเจอทีมแบบอุดอย่างเดียวมันตื้อตันหมดหนทางเหมือนที่เราก็เห็นๆกันอยู่ ในวันที่เมสซี่โดนประกบตายบาซ่าก็ไปไม่รอด เพียงแต่ในฤดูกาลนี้ที่พลาดๆกันเหมือนมันมีปัจจัยหลายๆอย่างที่มีมาประกอบกัน เกมส์รับที่หละหลวม ความผิดพลาดของผู้รักษาประตู ไม่มีนักเตะที่เล่นในพื้นที่แคบๆได้ดี กองกลางระดับโลก ซึ่งจะหวังพึงเพียงแค่กัปตันคนเดียวก็ไม่ได้ ขนาดทีมที่เล็กเกินไป  มีกองหน้าเพียงแค่คนเดียวในทีม สิ่งต่างๆเหล่านี้คือจุดอ่อนของทีมที่ต้องรีบแก้ไขครับ  ขอบคุณที่นำแนวคิดหลากหลายมาแชร์กันครับ


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#526 Lucas Leiva Benitez Rodger

Lucas Leiva Benitez Rodger

    ขาขาดประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,074 posts

Posted 2 March 2013 - 19:49

ความจริงแล้วไอ้ TIKI-TAKA ที่ทีมกำลังสร้างขึ้นมา ผมก็ว่าไม่ได้ขี้เหร่อะไร แต่หลายนัดในฤดูกาลนี้ที่ทีมโดนนำ เห็นแล้วมันหงุดหงิดสายตาอยู่เหมือนกัน โดนนำแล้วยังจะส่งบอลกันไปมาอีกเหรอ เมื่อเจอทีมแบบอุดอย่างเดียวมันตื้อตันหมดหนทางเหมือนที่เราก็เห็นๆกันอยู่ ในวันที่เมสซี่โดนประกบตายบาซ่าก็ไปไม่รอด เพียงแต่ในฤดูกาลนี้ที่พลาดๆกันเหมือนมันมีปัจจัยหลายๆอย่างที่มีมาประกอบกัน เกมส์รับที่หละหลวม ความผิดพลาดของผู้รักษาประตู ไม่มีนักเตะที่เล่นในพื้นที่แคบๆได้ดี กองกลางระดับโลก ซึ่งจะหวังพึงเพียงแค่กัปตันคนเดียวก็ไม่ได้ ขนาดทีมที่เล็กเกินไป  มีกองหน้าเพียงแค่คนเดียวในทีม สิ่งต่างๆเหล่านี้คือจุดอ่อนของทีมที่ต้องรีบแก้ไขครับ แว่วๆมาว่าเมื่อกลางสัปดาห์ก่อนร็อดเจอร์ถึงขนาดลงทุนไปดูฟอร์มกองหลังกัปตันทีม Ajax ถึง Holland น่าจะมีข่าวดีในเร็วๆนี้นะ   ขอบคุณที่นำแนวคิดหลากหลายมาแชร์กันครับ

เห็นด้วยครับท่าน greenday ผมคิดว่า tiki taka ไม่ใช่แผนที่ดีที่สุดแบบไร้ที่ติ ยังไงก็มีจุดอ่อนอยู่ดี มิลานก็แสดงให้เห็นแล้ว 

ในบทความได้นำเสนอ 2 ประเด็นหลักๆ ที่ผมเห็นด้วย คือ

1.แผนสำรองในยามที่ระบบ tiki taka ใช้ไม่ได้ผล ตรงนี้ที่ทีมเรายังใช้วิธีการแก้ไขเอาตัวรอดเฉพาะหน้า โดยใช้ซัวเรส เจอร์ราด ทำเกม ถ้าได้ผลทีมชนะก็รอดตัวไป แต่ถ้าแพ้ก็เสียหายครับ

2.ความสม่ำเสมอในเรืองผลงาน ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทีมลุ้นแชมป์ทุกทีมต้องมี ผมคิดว่าปี 2008-09 เป็นปีที่ทีมเราเล่นได้คงเส้นคงวาที่สุดแล้ว (แต่ดันออกเสมอมากไปหน่อยเลยชวดแชมป์  :( )

 

ผมเองชื่นชมการทำทีมของราฟาอยู่มากในเรื่องนี้ (แม้ตอนนี้แกจะติสท์แตกหลุดโลกไปแล้วก็ตาม เสียดายเครดิตเก่าๆ+ความละเอียดด้านแทคติกของแกเหมือนกัน)


Edited by Lucas Leiva Benitez, 2 March 2013 - 20:01.

อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ

"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.

 

"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"


#527 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 3 March 2013 - 06:34

เป็ดแดงเลียนแบบ ว่าที่แชมป์

Wigan -4:0 Red

2'[0 - 1]S. Downing
18'[0 - 2]L. Suarez
34'[0 - 3]L. Suarez
49'[0 - 4]L. Suarez

If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#528 Lucas Leiva Benitez Rodger

Lucas Leiva Benitez Rodger

    ขาขาดประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,074 posts

Posted 3 March 2013 - 11:08

เป็ดแดงเลียนแบบ ว่าที่แชมป์

Wigan -4:0 Red

2'[0 - 1]S. Downing
18'[0 - 2]L. Suarez
34'[0 - 3]L. Suarez
49'[0 - 4]L. Suarez

 

ขอบคุณคร๊าบ เมื่อคืนได้ดูทีมเล่น สิ่งที่ผมแปลกใจอย่างหนึ่ง คือทีมใช้โอกาสยิงประตูน้อยกว่านัดที่ผ่านๆมา (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะน้อยกว่า 10 ครั้ง)

 

ซึ่งโดยปกติทีมเราจะมีโอกาสยิงประมาณ 15-20 ครั้งขึ้นไป ต้องชื่นชมการปรับปรุงแก้ไขของนักเตะและ BR ครับ  :)  :D


อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ

"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.

 

"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"


#529 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 4 March 2013 - 16:12

เป็ดแดงเลียนแบบ ว่าที่แชมป์

Wigan -4:0 Red

2'[0 - 1]S. Downing
18'[0 - 2]L. Suarez
34'[0 - 3]L. Suarez
49'[0 - 4]L. Suarez

 

ขอบคุณคร๊าบ เมื่อคืนได้ดูทีมเล่น สิ่งที่ผมแปลกใจอย่างหนึ่ง คือทีมใช้โอกาสยิงประตูน้อยกว่านัดที่ผ่านๆมา (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะน้อยกว่า 10 ครั้ง)

 

ซึ่งโดยปกติทีมเราจะมีโอกาสยิงประมาณ 15-20 ครั้งขึ้นไป ต้องชื่นชมการปรับปรุงแก้ไขของนักเตะและ BR ครับ  :)  :D

แหม....ถ้าจะฟอร์มเทพกันขนาดนี้นะครับนะ.....ฤดูกาลหน้าเอาแบบนี้ทุกนัดที่ลงเล่นรับรองแชมป์แน่นอน คนชนะพูดอะไรไปก็ไม่น่าเกลียด.... :lol:


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#530 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 4 March 2013 - 17:04

หงส์อ่วม!หนี้ขยับ 22 ลป.เพิ่มเป็น 87.2 ลป.
 
"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลเปิดเผยผลประกอบการของสโมสรระหว่างวันที่ 1 ส.ค. 2011 - 31 พ.ค. 2012 ในวันนี้โดยตัวเลขหนี้ของสโมสรเพิ่มขึ้นเกือบ 22 ล้านปอนด์เป็น 87.2 ล้านปอนด์
 
อย่างไรก็ดีผู้บริหารของทีมยืนยันว่าเงินที่ใช้ลงทุนในการสร้างทีมใหม่ระหว่างที่ไม่มีการลงสนามในยุโรปลงเล่นนั้นทำให้ตัวเลขหนี้ของสโมสรเพิ่มขึ้น 21.8 ล้านปอนด์
 
การซื้อนักเตะค่าตัวแพงอย่างสจ๊วร์ต ดาวนิ่งและจอร์แดน เฮนเดอร์สันบวกกับการจ่ายค่าชดเชยลอยแพนักเตะที่ไม่ต้องการนั้นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นมาก
 
กระนั้นแม้จะติดตัวแดงมากแต่"หงส์แดง"ยืนยันว่าแฟนๆไม่ต้องเป็นกังวลที่เห็นตัวเลขหนี้เพิ่มสูงขึ้นและเน้นย้ำตัวเลขดอกเบี้ย 46.8 ล้านปอนด์จากเงินกู้ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เอฟเอสจีเข้ามาซื้อทีมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สโมสรกลับมามีความมั่งคั่งทั้งในและนอกสนามอีกครั้ง
 
เงินกู้ของเอฟเอสจีทำให้เห็นว่าตัวเลขหนี้ที่ถูกรายงานออกมาในวันนี้นั้นลดลงและลิเวอร์พูลยังชี้ไปถึงการเติบโตขึ้นในรายได้ทางการพานิชย์ของสโมสรและสถานะของสโมสรที่เข้าไปอยู่ในท็อปเทนการจับอับดันสโมสรยุโรปของ Deloitte ว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่สามารถมองอนาคตไปในแง่ดีได้
 
ลิเวอร์พูลเป็นเพียงทีมเดียวที่ไม่ได้เล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก (พวกเขาไม่ได้เล่นในยูโรปา ลีกด้วยซ้่ำ) ในเวลานั้นที่สามารถเข้าไปอยู่ในตารางอันดับทำเงินของ Deloitte ได้
 
การเซ็นสัญญาเสื้อแข่งกับวอริเออร์จำนวน 25 ล้านปอนด์ตลอด 6 ปีข้างหน้าก็ไม่ได้ถูกรวมเข้ามาในรายงานที่ยื่นต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทในครั้งนี้ด้วย
 
สำหรับงบการเงินครั้งนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ส.ค. 2011 - 31 พ.ค. 2012 โดยแสดงให้เห็นว่าตัวเลขหนี้ได้เพิ่มสูงขึ้นแต่ลิเวอร์พูลขาดทุนก่อนหักภาษีลดลงจาก 49.3 ล้านปอนด์เป็น 40.5 ล้านปอนด์
 
เอียน อายร์กรรมการผู้จัดการบอกว่า"ข้อความสำคัญสำหรับผมคือพวกเรากำลังเปลี่ยนผ่านไปยังจุดที่เราทำงานกันมานานหลายปีภายใต้เจ้าของทีมนี้ ซึ่งมันจะมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นและมีการใช้จ่ายในการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น"
 
"ค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดคือการซื้อขายและค่าเหนื่อยของนักเตะอย่างไม่ต้องสงสัย รายการบัญชีเหล่านี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเรากำลังทำงานอย่างหนักที่จะปรับปรุงในเรื่องนี้"
 
"ไม่มีใครที่อยู่ในสถานะที่มีอำนาจที่จะบอกว่ามันเป็นตัวเลขที่ดีเมื่อคุณขาดทุนในการทำธุรกิจ"
 
"แต่คุณต้องนำมันมาไว้ในบริบทของที่ที่เราอยู่และเส้นทางที่เรากำลังเดินต่อไป"
 
"ผมคิดว่ามันไม่มีเวลาไหนที่ดีกว่านี้อีกแล้วสำหรับสโมสรลิเวอร์พูลที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าตอนนี้เพราะเรามีทีมที่ยอดเยี่ยมและโครงสร้างพื้นฐานนั้นก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งมันมีทุกอย่างที่พร้อมจะลงทุนอยู่แล้ว"

 

LoveLFC fanpage......


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#531 juemmy

juemmy

    คนสวยประจำบอร์ด

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,307 posts

Posted 6 March 2013 - 13:01

ในฐานะที่แมนยูเป็นทีมฟุตบอลในลีกเดียวกับลิเวอร์พูล

ขอไว้อาลัยกับการตกรอบแชมเปียนส์ลีกอย่างไม่เป็นท่าเท่าไหร่นักค่ะ :D


"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"


#532 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 6 March 2013 - 20:05

ในฐานะที่แมนยูเป็นทีมฟุตบอลในลีกเดียวกับลิเวอร์พูล

ขอไว้อาลัยกับการตกรอบแชมเปียนส์ลีกอย่างไม่เป็นท่าเท่าไหร่นักค่ะ :D

แหม......กรรมการโกง  :lol:


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#533 juemmy

juemmy

    คนสวยประจำบอร์ด

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,307 posts

Posted 6 March 2013 - 20:07

ในฐานะที่แมนยูเป็นทีมฟุตบอลในลีกเดียวกับลิเวอร์พูล

ขอไว้อาลัยกับการตกรอบแชมเปียนส์ลีกอย่างไม่เป็นท่าเท่าไหร่นักค่ะ :D

แหม......กรรมการโกง  :lol:

ไม่ชิน..ปกติมีแต่กรรมการช่วยโกง


"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"


#534 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 6 March 2013 - 20:17

 

ในฐานะที่แมนยูเป็นทีมฟุตบอลในลีกเดียวกับลิเวอร์พูล

ขอไว้อาลัยกับการตกรอบแชมเปียนส์ลีกอย่างไม่เป็นท่าเท่าไหร่นักค่ะ :D

แหม......กรรมการโกง  :lol:

ไม่ชิน..ปกติมีแต่กรรมการช่วยโกง

 

 

ไปว่าทีมผีแดงดูตัวเองเถอะ พวกเป็ดแดง ทำระดับให้ดีเุถอะฤดูกาลหน้าจะไม่ได้เล่นบอลถ้วย  (ซะใจน่ะครับ อิอิ) :angry:


If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#535 juemmy

juemmy

    คนสวยประจำบอร์ด

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,307 posts

Posted 6 March 2013 - 20:20


 

ไปว่าทีมผีแดงดูตัวเองเถอะ พวกเป็ดแดง ทำระดับให้ดีเุถอะฤดูกาลหน้าจะไม่ได้เล่นบอลถ้วย  (ซะใจน่ะครับ อิอิ) :angry:

ว่าที่ไหนคร้า แค่พูดถึงเฉยๆ :D


"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"


#536 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 9 March 2013 - 15:01

Tomkins: หลายสิบปีกับเหล่ากองหน้ามหาเทพของเรา 

Tomkins: Decades of flawless forwards 

 

Z0lnJE.png

 

 

เป็นเวลา 23 ปีแล้วที่แฟนลิเวอร์พูลคนนี้ต้องเห็นทีมห่างเหินจากตำแหน่งแชมป์ลีก, ถึงแม้ว่าจะมีถ้วยรางวัลรายการอื่นๆถูกคว้ามาให้เชยชมกันเป็นระยะๆ, ด้วยระยะห่างของเวลาที่พอจะยอมรับได้, ก็ตาม อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ลิเวอร์พูลได้รับการยกย่องและชื่นชมตลอดช่วงเวลาดังกล่าว – ที่จริงมันย้อนหลังกลับไปได้อีกหลายทศวรรษเลยด้วยซ้ำ – คือการมีกองหน้าระดับสุดยอดประดับสโมสรมาเป็นระยะเวลานานและต่อเนื่อง และสำหรับตอนนี้ก็มีไม่กี่คนหรอกที่จะดีกว่าและเก่งไปกว่าผู้เล่นหมายเลข 7 ในเวลานี้ของเรา 
 
หลุยส์ ซัวเรซคืออัจฉริยะชัดๆ ก็จริงที่ว่าประโยคทำนองนี้ดูเหมือนจะถูกใช้กันอย่างมากมายจนเฝือและเกินความจำเป็นไปแล้วในโลกฟุตบอล แต่ผู้เล่นชาวอุรุกวัยคนนี้สมควรจะได้รับการยกย่องแบบนี้จริงๆ หนึ่งเดียวคนนี้ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เขาทำในสิ่งที่ไม่มีผู้เล่นคนไหนกล้าแม้แต่จะจินตนาการถึง และด้วยทักษะความสามารถที่เก่งกาจจนดูเหมือนจะเกินจริง, แต่ตัวเขาเองก็ยังเป็นผู้เล่นระดับเทพที่พร้อมจะทำงานหนัก-สู้ยิบตาเพื่อให้มาซึ่งเป้าหมายที่เขาต้องการ-ชนิดที่ว่าาถ้าคุณดึงทักษะที่เขามีออกมาจากตัวให้หมด สิ่งที่เขายังทำต่อไปคือการวิ่ง-วิ่ง-วิ่ง-และวิ่ง 
 
G5qAus.png
 

ซัวเรซไม่ใช่นักเตะประเภท “พลิ้วละมุน” เขาไม่จำเป็นเต๊ะจุ๊ยทำราวกับว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ เพราะเขาไม่ได้ยืนปักหลักรอบอลในแบบของอัจฉริยะลูกหนังบางคน เขามักจะทั้งวิ่งทั้งมุดเพื่อไล่บอลที่ผ่านไปมาของฝ่ายตรงข้ามหรือไล่บอลที่ทีมเพิ่งเสียการครอบครองบอลไป เขาวิ่งไล่บอลราวกับสุนัขป่าวิ่งไล่ล่าเหยื่อ แทนที่จะพลิ้วไหวอย่างสวยงาม, ตรงกันข้าม, บ่อยครั้งที่เขาดูจะเสียสมดุลในขณะเลี้ยงบอลผ่านกองหลังจำนวนนับไม่ถ้วน ซัวเรซไม่ใช่ผู้เล่นประเภทว่าจะยืนชื่นชมผลงานการผ่านบอลของเขาเอง ที่จริงแล้วเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขาในเกมไปกับการไล่ล่าเพื่อให้ได้มาซึ่งผลสุดท้าย (การครอบครองบอลและทำประตู) ต่างหาก 
 
แฟนๆลิเวอร์พูลน่าจะรู้สึกว่าได้รับการอำนวยพรจากพระเจ้าที่อย่างน้อยก็ได้เป็นประจักษ์พยานในความยอดเยี่ยมของบรรดาศูนย์หน้าที่สโมสรลิเวอร์พูลมีมา, ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างบึกบึน บอบบาง ใหญ่ หรือเล็กแบบไหนก็ตาม ในช่วงทศวรรษที่ 40 และ 50 บิลลี่ ลิดเดิ้ลคือตัวชูโรงชั้นเอกของเรา ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาสงครามและความจริงอันโหดร้ายว่าสโมสรลิเวอร์พูลเกิดพลาดท่าร่วงหล่นสู่ดิวิชั่น 2 ทั้งสองเหตุการณ์ทำให้ชื่อเสียงและความสามารถที่แท้จริงของเขาดูด้อยกว่าที่ควรจะเป็นไปมาก เขายังเล่นให้ทีมเป็นประจำจนถึงช่วงปลายทศวรรษ 50 และยังเล่นไปเรื่อยๆจนถึงปี 1961 เมื่อขึ้นซีซั่น 1961/62 โรเจอร์ ฮันท์ก็กลายมาเป็นตัวหลักของสโมสรต่อ, ด้วยการทำประตูไป 40 ประตูจาก 41 เกมลีก 
 
ฮันท์ยังคงเล่นได้สุดยอดอย่างเหลือเชื่อตลอดช่วงทศวรรษที่ 60 แต่โชคร้ายที่ถูกบดบังรัศมีทั้งในระดับชาติและนานาชาติโดยผู้เล่นอีกคนอย่างจิมมี่ กรีฟส์ (สเปอร์และทีมชาติอังกฤษ), ฮันท์เป็นนักจบสกอร์ที่เหนือธรรมดา ทุกวันนี้ยังเป็นเขาที่ครองสถิติกองหน้าที่ทำประตูมากที่สุดในเกมลีกให้กับลิเวอร์พูลด้วยจำนวน 245 ประตู 
 
เมื่อค่อนมาช่วงท้ายๆของทศวรรษ 70 ฮันท์จำต้องเปิดทางให้กับเควิน คีแกน, ขณะที่บิล แชงค์ลีย์เองก็วางมือจากความสำเร็จของเขาในการปลูกสร้างสโมสรเพราะเริ่มเข้าวัยชรา (ปู่เสียชีวิตในปี 1981 ด้วยวัย 68 ปี) คีแกน-ผู้เล่นโนเนมที่ลิเวอร์พูลไปคว้ามาเจียรไนจากสโมสรสคันธอร์ป-ก็เอาชนะผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลทั่วโลกที่เคยตั้งข้อกังขาในตัวเขาไปได้อย่างหมดจดงดงาม ถึงแม้ว่าต้องเป็นการย้ายออกจากลิเวอร์พูลไปฮัมบรูกเมื่อปี 1977 จึงจะทำให้เขาก้าวสู่เวทียุโรปอย่างเต็มตัวและทำผลงานจนได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรปถึงสองครั้ง แค่คีแกนก็เล่นให้กับลิเวอร์พูลอย่างเต็มที่และช่วยพาลิเวอร์พูลเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยนคัพในซีซั่นสุดท้ายของเขาที่แอนฟิลด์ (ชนะโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดมัน เอ้ย กลัดบัค 3-1 ที่โรม) คีแกนผู้ยิ่งใหญ่ได้จากไป, แต่ที่ก้าวเข้ามาแทนที่เขาคือผู้เล่นที่สูงส่งฟ้าประทานอย่างเคนนี่ ดัลกลิช คุณว่าจะบ่อยขนาดไหนที่ทีมๆหนึ่งเพิ่งเสียผู้เล่นที่ดีที่สุดของเขาไปแต่กลับไปได้คนใหม่ที่เยี่ยมยอดไปกว่านั้นอีก? 
 
7gbJ1L.png
 

จากนั้น เอียน รัชก็เพิ่งจะฝ่าด่านอรหันต์จากทีมสำรองสู่ทีมชุดใหญ่ได้หมาดๆ, เข้ามาจับคู่เล่นด้วยกันกับดัลกลิช, จัดการทำลายทุกสถิติจนถึงปี 1987 ที่ลิเวอร์พูลผลัดขนปรับแนวรุกมาเป็นสามประสานจอห์น บาร์นส, จอห์น อัลดริดจ์, และปีเตอร์ เบียดสลีย์ บาร์นเป็นอัจฉริยะลูกหนัง-เบียดสลีย์เป็นนักมายากรผู้สะเดาะล็อคแนวรับฝ่ายตรงข้าม-และอัลดริดจ์คือนักล่าผู้หิวกระหาย นี่คือการทำงานของสามประสานที่ทะลุทะลวง, บุกกระหน่ำ, กดดัน, และยิง-ยิง-ยิง-และยิงประตูให้ลิเวอร์พูลได้เป็นตันๆ 
 
(หลังจากย้ายไปกินซีซาร์สลัดที่จูเวนตุส) เอียน รัชก็ย้ายกลับมาลิเวอร์พูล, ไม่เพียงแต่จะยิงกระจายเหมือนสมัยหนุ่มๆ, ความสามารถรอบเอวที่ไปเก็บเกี่ยวมาจากอิตาลีก็สร้างประโยชน์ให้ทีมและเป็นความเพลิดเพลินที่ได้ชม ด้วยวัยวุฒิและประสบการณ์ที่ช่วยให้เขาค่อยๆแนะนำและชี้ทางจนเกิดผู้เล่นอย่างร็อบบี้ ฟาวเลอร์ขึ้นมา บางทีนี่คือกองหน้าที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และทักษะการยิงประตูโดยสัญชาติญานที่เป็นธรรมชาติที่สุดในบรรดากองหน้าทั้งหมดที่กล่าวมา ถึงแม้ว่าตัวเอียน รัชเองก็ยังคงรักษาระดับการทำประตูของเขาได้เกิน 25 ประตูต่อซีซั่นได้อย่างสม่ำเสมอก่อนจะถึงยุคของ Toxteth teenager (นักเตะดาวรุ่งจากท้องถิ่น Toxteth เมืองลิเวอร์พูล) ในปี 1993 ก็ตาม 
 
ในปี 1989 เป็นการตัดสินใจที่ทารุณจิตใจทุกคนในสโมสรเมื่อจำต้องแทนที่ตำนานสโมสรเอียน รัชด้วยจอห์น อัลดริดจ์ แต่ถึงแม้ว่าอัลดริดจ์จะทำประตูได้ในทุกรายการเฉลี่ยแล้วซีซั่นละ 30 ประตู, 27% ของประตูที่เขาทำได้ (16 จาก 63 ประตู) มาจากการยิงจุดโทษ บางทีคุณอาจจะชื่นชมกองหน้าบางคนที่ยิงจุดโทษได้ดีแต่จริงๆแล้วคุณจะพบว่าแบ็คขวาหรือมิดฟิลด์ตัวกลางทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่า ดังนั้นขณะที่รัชมาร์ค 2 ดูจะเล่นเข้ากับสไตล์ของอัลดริดจ์ไม่ค่อยเนียนเท่าไร ก็ยุติธรรมดีที่จะบอกว่า 26 ประตูที่ทำได้จาก open play ล้วนๆ น่าจะดูดีกว่าการยิงประตูในระดับ 30 ประตูที่มีประตูจาก open play เพียงแค่ 21 หรือ 22 ประตู โรเจอร์ ฮันท์ทำประตูจากจุดโทษไปแค่ลูกเดียวในขณะที่เอียน รัชจัดไปแค่สาม นั่นหมายความว่า 99% ของจำนวนประตูที่สองสุดยอดสโมสรทำไปนั้น ไม่ได้มาจากการยิงประตูแบบไร้ตัวประกบโดยผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามยืนใกล้ที่สุดก็แค่อีกด้านนึงของเส้นสีขาวของกรอบเขตโทษเท่านั้น 
 
Qghu3l.png
 
จนถึงปี 1996 ทั้งรัชและอัลดริดจ์ดูจะกลายเป็นความทรงจำที่เลือนลางเมื่อร็อบบี้ ฟาวเลอร์ผุดขึ้นมาอย่างโอ่อ่าผ่าเผย เขาเหมือนกับอัลดริดจ์ตรงที่รับงานยิงจุดโทษด้วย, แต่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 11% ของประตูทั้งหมดของเขา ฟาวเลอร์ไม่ได้เร็วปรู๊ดปร๊าดอะไรมากและก็ไม่ได้สูงมากนักสำหรับผู้เล่นกองหน้า ยิ่งสรีระร่างกายของเขาแล้วมันไม่ใด้เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแบบนักกีฬาทั่วๆไปด้วยซ้ำ แต่เขามีความสามารถพิเศษ-ที่แปลกจนอธิบายไม่ได้-ในการวิ่งหาพื้นที่เพื่อทำประตูและจัดการให้ลูกบอลเข้าไปซุกตาข่ายได้อย่างเรียบๆร้อยๆและถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เป็นอาการบาดเจ็บที่พรากเอาสิ่งดีๆไปจากเขา - หลังเวลา 4 ปีอันแสนสุขของเขาและแฟนๆ - มันทำให้เขาลำบากกับการค้นหาฟอร์มการเล่นเก่าๆ แต่ถึงจะยากลำบากแต่เขาก็ยังทำผลงานได้พอตัวเมื่อเขาทำได้ถึง 17 ประตูในซีซั่นแห่งเทรปเปิ้ลแชมป์ 2000/01 ก่อนที่เขา (จำใจ) ต้องย้ายไปลีดส์ในอีก 1 ปีต่อมา แต่ในช่วงปี 1997 นั่นเองที่ปรากฏดาวรุ่งคนหนึ่ง, ที่มีรูปแบบการเล่นที่รวดเร็ว ปรู๊ดปร๊าด และจี๊ดจ๊าดกว่ามาก, เบ่งบานจากไลน์การผลิตของอคาดิมี่ ในเวลาที่ฟุตบอลอังกฤษเริ่มจะเปลี่ยนแปลงจากการใช้ประโยชน์จากความถึกของร่างกายมาพึ่งพาทักษะ ความคล่องแคล่ว และความสามารถเฉพาะตัวมากขึ้น 
 
PsaubM.png
 

ในช่วงปี 1997 นั่นเองที่ปรากฏดาวรุ่งคนหนึ่ง, ที่มีรูปแบบการเล่นที่รวดเร็ว ปรู๊ดปร๊าด และจี๊ดจ๊าดกว่ามาก, เบ่งบานจากไลน์การผลิตของอคาดิมี่ ในเวลาที่ฟุตบอลอังกฤษเริ่มจะเปลี่ยนแปลงจากการใช้ประโยชน์จากความถึกของร่างกายมาพึ่งพาทักษะ ความคล่องแคล่ว และความสามารถเฉพาะตัวมากขึ้น 
 
ที่จริงไมเคิ่ล โอเว่นไม่ได้ยิงประตูให้กับลิเวอร์พูลชนิดถล่มทลายมากเท่าที่เรารู้สึกกัน (19 ประตูในลีก คือสถิติสูงสุดของเขาใน 1 ซีซั่น, ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับ 28 ประตูในลีกของฟาวเลอร์และ 32 ประตูในลีกของรัช) แต่เขามีสถิติที่ยอดเยี่ยมกับการเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ, และยังเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญในแท็คติกโต้กลับเร็วของอุลลิเยร์ที่ติ๊ดชึ่งจนพิชิตรายการบอลถ้วยไปได้ 4 รายการ ลิเวอร์พูลเคยมีกองหน้าที่ดีกว่าทั้งในยุคก่อนโอเว่นและหลังโอเว่น แต่ในขณะที่โอเว่นไม่เคยยิงได้ 30 ประตูต่อซีซั่นแลไม่เคยยิงได้ถึง 20 ประตูในเกมลีก มันยังเป็นความจริงที่ว่าตัวเขานั้นแทบจะไม่เคยเล่นเกมลีกได้ถึง 30 นัดต่อซีซั่นเช่นกัน ดังนั้นอัตราส่วนการยิงประตูของเขายังคงเป็นที่น่าประทับใจอย่างต่อเนื่อง โดยมีแค่ 8% ของประตูรวมของเขาเท่านั้นที่มาจากการยิงจุดโทษ ถึงแม้ว่าเขาจะมีอัตราส่วนการเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูที่ค่อนข้างจะต่ำก็ตาม 
 
เช่นเดียวกับฟาวเลอร์, เป็นอาการบาดเจ็บที่ค่อยๆริดรอนความสามารถของโอเว่น สุดท้ายในปี 2004 ที่เขาจากสโมสรไปยังรีล มาดริด, 3 ปีหลังจากที่เขาได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของยุโรปกับลิเวอร์พูล 
 
จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาเดียวของสโมสรที่ต้องขาดแคลนกองหน้าระดับเทพประดับทีม เมื่อราฟา เบนิเตซยอมรับช่วงในการใช้งานกองหน้าอย่างฌิบริล ซิสเซ่และมิลาน บารอส ในขณะที่กองหน้าบิ๊กเนมที่เขาซื้อมาคือเฟอร์นานโด มอรินเอนเตสก็ล้มเหลวกับการปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษ ปีเตอร์ เคราช์ก็พอจะช่วยอะไรได้บ้างและฟาวเลอร์ก็รีเทิร์นกลับลิเวอร์พูลเป็นช่วงสั้นๆ แต่ไม่มีใครเลยที่โดดเด่นและพังประตูได้ถล่มทลายอย่างที่สโมสรเคยมีมา 
 
สามปีที่อ้างว้างกองหน้าระดับเทพนี้ได้รับการชดเชยด้วยการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแชมป์เปี้ยนลีกได้ถึง 2 ครั้ง, แชมป์เอฟเอคัพอีก 1 ครั้ง, บวกด้วยการทำคะแนนสูงสุดในลีกตั้งแต่ปี 1988 เป็นต้นมา นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่าการสร้างสมดุลในทีมได้อย่างถูกต้องนั้นสามารถนำมาซึ่งความแตกต่างอันใหญ่หลวง และด้วยการนั้นทำให้ทีมไม่ต้องพี่งพากองหน้าระดับเทพสักเท่าไร แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ...โฮ่โฮ่โฮ่ ใครๆต่างก็อยากให้ทีมมีผู้เล่นหมาย 7 หรือหมายเลข 9 เจ๋งๆประดับทีมกันมากกว่าจะมีกองหน้าดาดๆวิ่งไปวิ่งมากันทั้งนั้นแหละ 
 
AhsX52.png
 

และแล้ว, ในปี 2007, เฟอร์นานโด ตอร์เรสก็มาถึง...แม้ว่าจะเป็นช่วงขาลงที่ทีมเริ่มห่างเหินจากถ้วยรางวัล เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ดีที่สุด-เก่งที่สุด-คมที่สุด-ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก...ในช่วงสุดยอดของเขาที่แอนฟิลด์ เหมือนกับโอเว่น, เขาต้องทรมานกับอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อมากมายหลายแห่ง และถ้าหากว่ากองหน้าชาวสแปนิชคนนี้จะได้ลงเล่นมากกว่า 24 เกมลีกในปี 2008/09 (ซึ่งเขายังคงยิงประตูได้มากถึง 14 ประตู) ลิเวอร์พูลก็อาจจะเก็บคะแนนได้มากกว่า 86 แต้มที่พวกเขาทำได้และได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้วก็ได้ อีกหนึ่งปีต่อมา เขาได้ลงเล่นในเกมลีกเพียง 22 เกม, แต่ก็ยังยิงได้ถึง 18 ประตู ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยดูดีอย่างที่เคยเป็นมาเลยนับตั้งแต่รอย ฮ็อจสันก้าวเข้ามาคุมทีม 
 
ไม่ช้าไม่นานจากนั้นเองที่ตอร์เรสเริ่มอับแสงลงและดูด้อยกว่าการมาของดาวดวงใหม่หลุยส์ ซัวเรซ ถ้าตอร์เรสจะทำประตูให้เป็นกอบเป็นกำกว่านี้ – เขาจำเป็นต้องใช้โอกาสให้น้อยกว่านี้ในการทำประตู – ขณะที่ซัวเรซเองได้พิสูจน์ให้เห็นกันแล้วว่าเป็นนักเตะชั้นเลิศที่มีเพียบพร้อมและครบเครื่อง 
 
ตอร์เรสก็เหมือนกับรัชและโอเว่นที่ต้องพึ่งความเร็วและความคล่องแคล่ว ในขณะที่ซัวเรซเล่นในสไตล์ทุ่มเทและทำงานหนักในแบบของคีแกน..แต่เพิ่มสายตาและความแพรวพราวของดัลกลิช และความโอหังมุทะลุของฟาวเลอร์ และในตอนนี้ที่ซัวเรซเริ่มเข้าใกล้ฟอร์มการถล่มประตูแบบที่เขาทำได้กับอาแยกซ์และทีมชาติอุรุกวัยแล้ว, พวกเรารู้สึกได้เลยว่าเรากำลังจะได้รับการอำนวยพรจากพระเจ้าอีกครั้งหนึ่งแล้ว 
 
เหมือนกับฮันท์, รัช และตอร์เรสตรงที่เขาไม่ได้เพิ่มประตูรวมของเขาด้วยการยิงจุดโทษ แต่ที่ไม่เหมือนนักเตะผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นคือเขามีทักษะความสามารถในการปั่นฟรีคิกชนิดหวังผลได้, ดูได้จากจำนวน 5 ประตูที่เขาทำได้จากฟรีคิกในซีซั่นนี้ก็แล้วกัน ในขณะที่พวกเราต่างทราบกันดีว่าซัวเรซเป็นผู้เล่นที่มีอารมณ์ร่วมกับเกมเป็นอย่างมาก, เหมือนสวมหัวใจสิงห์ทุ่มเทและต้องการเอาชนะในทุกๆจังหวะของเกม, แต่เขาไม่เคยเลยที่จะแสดงความหงุดหงิดเจ้าอารมณ์ในแบบที่ตอร์เรสมักแสดงให้เห็นในช่วงหลังๆ เขาไม่เคยยอมแพ้และทัศนคติแบบนั้นก็สามารถแพร่กระจายได้ ถ้าผู้เล่นที่ดีที่สุดของคุณทุ่มเททำงานหนักซะขนาดนั้น, ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆเหลือให้กับคนอื่นๆที่เหลือในทีม 
 
เป็นที่ชัดเจนว่าซัวเรซคือตัวแปรสำคัญในการปรับกระบวนท่าแนวรุกของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส, แต่เขาก็ไม่เป็นของตัวเองเท่าไรนัก (ในตลาดซื้อขาย), จนกระทั่งประสบความสำเร็จในตลาดซื้อขายผู้เล่นเดือนมกราคมที่ผ่านมา, นั่นก็เป็นเวลา 2 ปีนับจากที่ตัวซัวเรซเองได้ย้ายมาในตลาดเดือนมกราคมเหมือนกัน 
 
ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ได้เข้ามาและเปล่งประกายเล่นได้อย่างดีเยี่ยมในการออกสตาร์ทเกมลีก 2 เกมแรกของเขา – ยิงได้ 1 ประตูบวกกับอีก 2 แอสซิสท์ – ความสำเร็จทั้งหมดส่วนหนึ่งมาจากทักษะการล่อหลอกกองหลังของเขา โดยมีสจ๊วต ดาวน์นิ่งเล่นได้อย่างแข็งแกร่งในอีกด้านของสนาม ส่วนราฮีม สเตอร์ลิ่งก็มีครึ่งแรกของซีซั่นที่สุดยอด, ถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็กอยู่มาก..เพิ่งจะอายุครบ 18 ปีเมื่อธันวาคมที่ผ่านมา เขากำลังมีความสุขกับการปรับตัวให้เข้ากับประสบการณ์ใหม่ๆของการหยุดพักการลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ ขณะที่ร่างกายของเขาก็ต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับเงื่อนไขการกรำศึกในลีกสูงสุดเช่นกัน 
 
เมื่อมองไปข้างหน้า, ลิเวอร์พูลในขณะนี้คือทีมที่เราสามารถตามชมด้วยความสนุกสนาน และดูจะมีเพียงทีมชั้นยอดของลีกเท่านั้นที่สามารถจะทำอะไรแบบนี้ได้ ความสมดุลในทีมอาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไร – ถึงแม้ว่าการกลับคืนสู่ความฟิตและฟอร์มการเล่นของลูคัสจะมีส่วนช่วยก็ตาม – แต่มันก็ดูดีกว่าสิ่งที่เกิดขึนในช่วงต้นซีซั่นมาก, เมื่อสิ่งต่างๆไม่สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวังไว้ มันมีทั้งการพัฒนาก้าวเดินไปข้างหน้าและความผิดพลาดที่ทำให้ทีมเดินถอยหลังเช่นกัน แต่ในตอนนี้เหตุการณ์เชิงบวกเริ่มจะมีมากขึ้นเรื่อยๆและกลบบังเหตุการณ์ด้านลบไปได้แล้ว เรารู้สึกได้ถึงความเป็นไปได้ของทีมๆหนึ่งที่ดูมีอนาคตที่รุ่งเรือง และหลังจากที่กล่าวยกย่องชื่นชมความยอดเยี่ยมของซัวเรซมาซะมากมายแล้ว ยังมีกองหน้าอีกคนที่พวกเรากำลังตื่นเต้นที่จะได้พูดถึงและเฝ้าชมลีลาของเขา 
 
ใครกันน้อ... 
 
เกือบจะตลอดช่วงเวลา 5 ทศวรรษที่เรามีกองหน้าระดับท็อปคลาสมาให้ชื่นชมในสิบเอ็ดคนแรกของลิเวอร์พูลอย่างไม่ขาดสาย บางทีเราอาจจะเพิ่งซื้อกองหน้าชั้นเลิศอีกคนมาก็ได้ในปีนี้ ด้วยสายตาของผม, ดาเนียล สเตอร์ริดจ์มีเกือบทุกอย่างเท่าที่เขาจำเป็นต้องมีเพื่อจะเป็นกองหน้ามหัศจรรย์คนหนึ่ง 
 
Fc3HX5.png
 

เท่าที่ผ่านมา, มีดาวรุ่งอัจฉริยะหลายคนที่ดูคล้ายจะเป็น ‘the holy grail’ (จอกศักดิ์สิทธิ์: หมายถึงสิ่งมหัศจรรย์ล้ำค่าที่คล้ายจะมีคล้ายจะไม่มีแต่ทุกคนต่างไขว่คว้าต้องการครอบครอง) ของวงการฟุตบอล แต่ดาวรุ่งส่วนใหญ่ (จะชะงักงันในช่วงแรกของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพและ..) จะเริ่ม “คลิ๊ก” และเล่นได้อย่างเต็มสูบในวัยระหว่าง 22 ถึง 25 ปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสเตอร์ริดจ์นั้นสอดคล้องกับสองเงื่อนไขดังกล่าวเป๊ะ เขาเคยเป็นดาวรุ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคนหนึ่งของวงการ, แต่เห็นได้ชัดว่าระดับการพัฒนาของเขาต้องชะงักงันไปช่วงใหญ่ๆ 
 
เป็นเวลาประมาณ 15 ปีแล้วกับการเฝ้าติดตามระบบเยาวชนลิเวอร์พูลอย่างค่อนข้างจะใกล้ชิด ผมเคยเห็นผู้เล่นจำนวนมากพอสมควรที่เคยดูดีชนิดว่าอาจถึงกับช็อคได้ถ้าพวกเขาไม่สามารถเอาตัวรอดและถีบตัวเองให้ขึ้นชั้นไปได้ คนแรกที่ว่าคือโอเว่นในช่วงทศวรรษที่ 90 ตามด้วยตัวอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างสดๆร้อนๆอย่างสเตอร์ลิ่ง ในระหว่างนั้น แจ็ค วิลเชียร์ก็เปล่างประกายในแผงมิดฟิลด์ของอาร์เซน่อลในนัดชิง 2009 Youth Cup ที่เขาพบกับผู้เล่นลิเวอร์พูลอย่างแจ็ค โรบินสัน, อังเดร วิสดอม, ดาเนียล อยาล่า, โธมัส อินซ์, และอเล็กซ์ คาคานนีคิช 
 
ในรุ่นเดียวกันนั้นเอง ผมยกให้ดาเนียล สเตอร์ริดจ์, คนที่เด่นกว่าใครๆในเลคที่สองของนัดชิง 2006 Youth Cup ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุแค่ 16 ปีในเวลานั้น ถึงลิเวอร์พูลจะชนะการแข่งขันรายการนั้น แต่แมนซิตี้มีซุปเปอร์สตาร์ในอนาคตในกำมือพวกเขาอยู่คนหนึ่งแล้ว ผมเคยเขียนบทความแสดงความคิดเห็นในหลายๆโอกาสว่าผมจะยินดีขนาดไหนถ้าลิเวอร์พูลสามารถแต๊ปเขาออกมาจากซิตี้ได้, แต่เขากลับเลือกไปเชลซีแทน 
 
(แล้วดูซิว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น, ไม่มีใครเลยในหมู่ผู้เล่นลิเวอร์พูลชุดชนะเลิศในปี 2006 และ 2007 ที่กำลังเล่นในพรีเมียร์ลีกทุกวันนี้, ขณะที่สเตอร์ริดจ์ ไมการ์ ริชาร์ดสและแดนนี่ เวลเบคที่กำลังโลดแล่นกันอย่างเพลิดเพลินในเวลานี้ ต่างก็เล่นในทีมที่แพ้ต่อลิเวอร์พูลในนัดชิงที่ว่านั้น สำหรับผมแล้ว สิ่งที่เป็นที่น่าจับตามองคือทีมสปริตและทัศนคติแบบมืออาชีพของทีมเยาวชนชุดนั้นของลิเวอร์พูล แต่เมื่อไม่มีการจัดการในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ: การผลิตผู้เล่นทีมชุดใหญ่ในอนาคต...ชัยชนะในรายการนี้ดูกลายเป็นเรื่องสูญเปล่าไป การปรับโครงสร้างใหญ่ในปี 2009 คือการปรับเปลี่ยนมุมมองที่ว่านี้ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง และแทนที่จะตั้งอกตั้งใจเอาชนะในรายการ FA Youth Cup, ลิเวอร์พูลในตอนนี้เน้นการเสาะหาและเพาะบ่มดาวรุ่งเพื่อทีมชุดใหญ่ไปแล้ว) 
 
ด้วยอายุ 23 ปี, สเตอร์ริดจ์ได้แสดงให้เห็นที่ลิเวอร์พูลแล้วว่าเขานั้นพร้อมเต็มที่กับการเป็นดาวดวงเด่น หลังจากที่เริ่มฉายแสงที่ซิตี้ (แต่นั่นกลับเป็นที่ๆเขาไม่เคยได้เป็นตัวเลือกอันดับแรกเลย) บางทีเขาอาจเลือกทางเลือกผิดไปในการไปร่วมทีมเชลซี, ที่ซึ่งเส้นสายและการเมืองดูจะเป็นส่วนสำคัญของการฟุตบอลที่นั่น เขาเคยโชว์ผลงานดีๆเมื่อตอนถูกยืมตัวไปเล่นที่โบลตัน (8 ประตูจาก 12 เกม) ว่าเขามีความสามารถในการก้าวไปเล่นในระดับสูงสุดได้, และทำผลงานได้ดีภายใต้การคุมทีมของโบอาสในครึ่งแรกของซีซั่นที่แล้ว แต่เขากลับไม่เคยได้เป็นเหมือนผู้เล่น “บิ๊กเนม” ที่เจ้าของทีมต้องการให้อยู่ในทีม 
 
ความสูญเสียของเชลซีกลายมาเป็นกำไรของลิเวอร์พูล สเตอร์ริดจ์มีทั้งทั้กษะ, ความคล่องแคล่ว, พละกำลัง, ส่วนสูงที่พอเหมาะพอควร, เท้าซ้ายอันหวานเจี๊ยบ, บวกกับความเยือกเย็นในการเล่นหน้าประตู มันดูเหมือนว่าทั้งหมดที่เขาต้องการก็เพียงแค่ใครสักคนที่พร้อมจะเชื่อถือและเชื่อมั่นในตัวเขา, และที่ลิเวอร์พูลเขาได้รับสิ่งเหล่านั้นอย่างครบถ้วน ที่ซิตี้, สโมสรเริ่มยุคใหม่ของพวกเขาด้วยการทุ่มเงินกว้านซื้อผู้เล่นดังๆ และที่เชลซีก็เคยมีดร็อกบา จากนั้นก็ตามมาด้วยตอร์เรส 
 
เมื่อมองไปข้างหน้าจะเห็นว่าองค์ประกอบที่ต้องการเริ่มเข้าที่เข้าทางมากแล้วสำหรับลิเวอร์พูล จริงอยู่ที่ชัยชนะครั้งใหญ่ๆนั้นมาจากการแข่งกับทีมในครึ่งล่างของตาราง (นั่นทำให้เกิดข้อสงสัยว่าการพัฒนาของลิเวอร์พูลนั้นเป็นของจริงหรือเปล่า) แต่เราก็ได้เห็นลิเวอร์พูลสร้างปัญหาให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล, และซิตี้ได้อย่างน่าดูชม 
 
เมื่อพิจารณาถึงอายุของซัวเรซ, สเตอร์ริดจ์, คูตินโญ่ และสเตอร์ลิ่ง – ประกอบกับแรงบันดาลใจของสตีเว่น เจอร์รารด์ที่มีต่อทีมและเกล็น จอห์นสัน (ฟูลแบ็คเกมรุกที่เยี่ยมที่สุดในลีกตอนนี้) ผมเห็นพลังการบุกของลิเวอร์พูลที่มีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆตามช่วงเวลา, ประสบการณ์, และการฝึกฝน (ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถรับรองได้ว่ามันจะเป็นจริงอย่างนั้น 100% ก็ตาม) 
 
และถ้าเกมรุกของทีมจะได้รับการปรับปรุง, ตั้งแต่ทักษะความสามารถเฉพาะตัว-การประสานงานกันเป็นคู่-สามคน-และสี่คน, ให้มีอานุภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อนั้นความสมดุลก็จะเข้าที่และแข็งแกร่งขึ้นเมื่อทีมไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เล่นจำนวนมากมายในการโหมบุกเพื่อยิงประตู ซึ่งนั่นหมายความว่าทีมจะยังคงมีกำลังเหลือในการช่วยป้องกันแบ็คโฟร์และลดความผิดพลาดได้ หากทำสิ่งต่างๆนั้นได้อย่างถูกต้อง, พื้นที่ท็อปโฟร์ก็เป็นอะไรที่หวังได้อย่างเป็นรูปธรรมในซีซั่นหน้า 
 
Tomkins: Decades of flawless forwards 
ning_ming แปลครับ

www.thekop.in.th


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#537 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 9 March 2013 - 15:07

ก่อนเกม : ร็อดเจอร์สถึงเรนา, คาร์รา และสเปอร์ส
 
llUSwW.png
 

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ได้ออกมาหนุนหลัง เปเป เรนา ผู้รักษาประตูของเขาว่ายังคงเป็น ผู้รักษาประตูมือ 1 ของลิเวอร์พูล ได้อีกหลายปี และยังได้สรรเสริญ เจมี คาร์ราเกอร์ ว่าเป็นกองหลังอีกคนที่จะสามารถสร้างสถิติลงเล่นเกมลีกได้อีก
 
เรนาได้ช่วยให้ลิเวอร์พูลเอาชนะวีแกนไปได้ถึง 4-0 ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่เขาได้ทำการป้องกันหลายชอตที่ทำให้ทีมของร็อดเจอร์สสามารถรักาาคลีนชีตที่ ดีดับบลิว สเตเดียม ได้
 
ฟอร์มการเล่นของนายทวารชาวสเปนนั้นไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้ผู้จัดการทีม และร็อดเจอร์สยังได้ชมเชยผู้รักษาประตูวัย 30 ปีในการแถลงข่าวก่อนเกมเมื่อบ่ายวันศุกร์ด้วย
 
“เปเปได้คอมเมนต์ตัวเขาเองแล้วว่าเขาสามารถดีขึ้นกว่าเดิมได้ แต่ผมรู้ว่าผมได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเปเป” ร็อดเจอร์สกล่าวกับนักข่าวที่เมลวูด
 
“เขาไม่ได้รอดพ้นจากข้อผิดพลาด เราได้เห็นมาตลอดฤดูกาล ที่ไม่ใช่แค่เปเป แต่ผู้รักษาประตูจำนวนมาก พวกเขาก็ทำพลาดและโชคร้ายที่ต้องชดใช้ความผิดพลาดนั้น”
 
“ฟอร์มการเล่นในสัปดาหืที่แล้ว เขาป้องกันประตูได้อย่างสุดยอดในช่วงเวลาที่วิกฤตของเกม การเตรียมพร้อมของเขามีอยู่เสมอ เขาซ้อมได้ดีและทำงานอย่างหนัก ในตอนนี้เขาเริ่มที่จะได้รับรางวัลจากความพยายามนั้นแล้ว”
 
“เราเก็บได้ 11 คลีนชีตแล้วในตอนนี้ ซึ่งเหนือกว่าทีมระดับท็อปในลีกด้วย”
 
“แน่นอนว่า เราดูแข็งแกร่ง ความสมดุลในทีมเป้นไปด้วยดีและเขาก็เป้นส่วนสำคัญในจุดนั้น เขายังหนุ่มอยู่เลย เพิ่งจะ 30 ปีเท่านั้น คุณสามารถพัมนาได้อีก ดูอย่าง เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ สิ ที่เล่นได้จนถึงอายุ 40 ปี ในระดับสูง”
 
“ผู้รักาาประตูสามารถเล่นได้อีกนาน นานเท่าที่มีการเตรียมตัวอย่างถูกต้องและพวกเขาตั้งใจและต้องการทำให้ดีกว่าเดิม ไม่มีเหตุผลใดๆเลยที่ เปเป เรนา จะทำเช่นนั้นไม่ได้”
 
ผู้จัดการทีมเชื่อว่าผู้เล่นทั้งหมดของเขากำลังจะได้รับรางวัลจากการทำงานอย่างหนักและข้อผิดพลาดที่ผ่านมา และหวังว่า ลิเวอร์พูลจะสามารถเอาชนะได้เป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน เมื่อ สเปอร์ ซึ่งกำลังมีฟอร์มร้อนแรง จะมาเยือนแอนฟิลด์ในวันอาทิตย์นี้
 
ร็อดเจอร์สเสริมว่า “มันเป็นฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในสัปดาห์ที่แล้ว และเราแค่ต้องโฟกัสไปที่เกมหน้า ซึ่งจะเป็นเกมที่น่ามหัศจรรย์กับสเปอร์”
 
“จุดเปลี่ยนในตอนนี้ มันเข้าทางเรามากกว่าจะเป็นศัตรูกับเรา เราเล่นหลายๆเกมในฤดูกาลนี้ได้ดี และบางทีอาจไม่ได้เหนียวแน่นมากเท่าที่เราเป็นในตอนนี้”
 
“เราเล่น 28 เกม หลังจาก 14 เกม เราอยู่ที่ 12 ในลีก ถ้าคุณลองรวมคะแนนทั้งหมดใน 14 เกมถัดมา เราจะอยู่ที่ 3″
 
“มันเป้นไปอย่างที่ผมคิดไว้ ซึ่งจะเป็นพัฒนาการจากการที่นักเตะเข้าถึงวิธีการที่เราทำงานกัน”
 
“เพราะทัศนคติที่ยอดเยี่ยมจากเหล่านักเตะ เราร่วมกันทำงาน พวกเขาจะได้รับรางวัล ในเวลานี้ มันกำลังเป้นไปด้วยดีและเราต้องการให้มันเป็นต่อไป”
 
และเกมกับสเปอร์ในสุดสัปดาหืนี้ คาร์ราเกอร์ กำลังจะได้ลงเล่นเกมที่ 500 ในลีกของเขา ร็อดเจอร์สได้สะท้อนจากการยืนยันของกองหลังวัย 35 ปีของเขาที่ว่าจะไม่เปลี่ยนใจเรื่องเลิกเล่นเมื่อสิ้นฤดูกาลนี้ว่ามันเป็นความเป็นมืออาชีพของเขา
 
“ผมรู้สถานการณ์ของเจมีดีจากซัมเมอร์ที่แล้ว”
 
“มันอยู่ในใจของเขามากว่า 18 เดือนแล้ว ผมต้องขอบคุณอย่างมากต่อเขาที่เขาเตรียมตัวอย่างดีในฤดูกาลนี้ มันจะเป็นไปตามที่เขาต้องการ”
 
“เขาเป็นชายผู้น่าภาคภูมิใจ และนักเตะที่ยอดเยี่ยม คุรเห้นได้แม้แต่ในตอนนี้ ที่วัย 35 ปี วิธีที่เขาเล่นในระดับนี้ เขาและผมพูดกันมามากมาย แต่เราไม่ได้พูดกันถึงตัวเขาเป็นการเฉพาะเลยเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะเลิกเล่น”
 
“ผมต้องยอมรับในเหตุผลที่เขาได้ประกาศออกไปว่ามันเป็นไปเพื่อให้หลุดจากเรื่องนี้ ดังนั้นเขาก็สามารถพุ่งเป้าไปที่เกมของเขาได้”
 
“เขาเป็นมืออาชีพ วิธีที่เขาดูแลตัวเองมาตลอดชีวิตของเขา เขาเล่นให้สโมสรอย่างลิเวอร์พูล และกับความกดดันที่มากมายเมื่อเทียบกับสโมสรอื่น การอยู่ที่นี่มาเป้นเวลานาน และมีส่วนร่วม การเป็นเด็กท้องถิ่นก็ดี ประสบความสำเร็จอย่างที่เขาได้ทำมา และยังเล่นด้วยฟอร์มที่สุดยอดในวัย 35 ปี มันแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาถูกสร้างมาให้เป้นนักฟุตบอล”
 
“เขาจดจ่ออยู่กับเกมสุดท้าย และผมหว้งว่าเขาจะสามารถไปถึงได้ด้วยฟอร์มการเล่นที่เขาแสดงตั้งแต่ที่เขาเข้ามาอยู่ในทีมชุดปัจจุบัน”
 
“มันเป้นความพยายามอันน่าทึ่งกับจำนวนเกมที่ได้เล่นในระดับนี้ สรรเสริญเขาเลยและต้องให้เครดิตอย่างยิ่งใหญ่กับความเป็นมืออาชีพของเขา”
 
หลุยส์ ซัวเรซ กลายเป้น ดาวซัลโวสูงสุดจากการทำแฮตทริกใส่วีแกนเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว และ เมื่อถามถึงศูนย์หน้าชาวอุรุกวัย ร็อดเจอร์สยืนยันว่าประตูจะตามมาอีก
 
“เขายังมีอีก 10 เกมให้เล่น เขาหิวกระหายมากๆ ความคงเส้นคงวาของเขาในฤดูกาลนี้มันเป็นปรากฎการณ์”
 
“เราไม่ใช่ วัน-แมน ทีม มันเป็นการไม่เคารพกับนักเตะคนอื่นในทีมผู้ซึ่งยอดเยี่ยมเช่นกัน อย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด เป็นต้น”
 
“มองดูที่ 4 ประตูของเราในสัปดาหืที่แล้วสิ มันมาจากการเคลื่อนไหวของที่มที่ยอดเยี่ยม และหลุยส์จบสกอร์ได้ เขาทำประตูสำคัญๆที่มีประสิทธิภาพมากจริงๆในฤดูกาลนี้”
 
“เราเป็นทีมและหลุยส์คือส่วนสำคัญของทีม หวังว่าเขาจะสามารถเล่นอย่างยอดเยี่ยมต่อไป อย่างที่เป้นมาตลอดทั้งฤดูกาล”
 
“เขาเป็นนักเตะที่โดดเด่น ผมถูกถามมาก่อนหน้าถึงรางวัลผู้เล่นแห่งปี ถ้าเราพูดถึงฟุตบอล นี่คือคนที่มีความคงเส้นคงว่ามาตลอดฤดูกาล”
 
“สิ่งที่ผมชื่นชม คือ เขาพยายามสร้างโอกาสเสมอ เขาพยายามมาตลอดชีวิตของเขาและปรับตัวกับวัฒนธรรม และคุณสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เขาเป้นคนที่น่าเหลือเชื่อมากที่จะทำงานด้วย”
 
“เขาต้องดิ้นรนเล็กน้อยในสัปดาห์ก่อน จากปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ เชื่อหรือไม่ล่ะ ว่า 9 ใน 10 คน จะไม่สามารถลงเล่นได้เลย”
 
ทุกคนพูดถึงแฮตทริกของเขา แต่เขาได้รับบาดเจ็บในเกม แต่กระนั้นเขาก็ยังต้องการเล่น การมีคนเช่นนั้นในทีมของคุณทำให้คุณมีความหวังอันยิ่งใหญ่ และเป็นแรงบันดาลใจสำหรับนักเตะคนอื่นๆ เราต้องการที่จะชนะอย่างมากจริงๆเพื่อลิเวอร์พูล”
 
ร็อดเจอร์สยังได้ตอบคำถามถึงเรื่องการประกาศรายงานทางการเงินของสโมสรเมื่อต้นสัปดาห์
 
“ถ้าคุณดูว่าสโมสรอยู่ตรงไหนเมื่อ 4 ปีก่อน และในตอนนี้ มันเป็นจุดที่แตกต่าง ผลในปีหน้าจะแสดงถึงพัมนาการจากจุดนั้น” เขากล่าว
 
“ในส่วนของการสร้างขุมกำลัง เรามีหลักประกันแน่นอนแล้วว่า มันจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ คุณต้องให้เครดิตกับบอร์ดนะ พวกเขาทำตามสัญญาทุกข้อ และทุกๆพันธสัญญาที่ให้กับผม นั่คือ ทุกๆเพนนีที่พวกเขาจะจ่ายเพื่อขุมกำลังที่ดีขึ้น”
 
“เรามองหามาตรฐานที่นี่ และทำให้มั่นใจว่าเราสามารถทำให้สดมสรเติบโต และนำนักเตะที่มีคุณมาเข้ามา นั่นจะไม่หยุดแน่ในซัมเมอร์นี้”
 
ที่มา  :  เว็บทางการ
แปลโดย  :  howk_ky
 
วันอาทิตย์นี้ 5 ทุ่มช่องสาม แล้วเจอกันครับ

ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#538 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 9 March 2013 - 16:16

ผมขอเป็ดจิกไก่ให้ได้

If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#539 juemmy

juemmy

    คนสวยประจำบอร์ด

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,307 posts

Posted 9 March 2013 - 17:24

ผมขอเป็ดจิกไก่ให้ได้

จิกได้แล้วเอามายัดไส้เครื่องเทศอบให้หอมฉุย

ส่งกลับไปให้สาวกไก่ลิ้มลอง :D


"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"


#540 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 11 March 2013 - 05:38

Liverpool 3-2 Tottenham H.
21'[1 - 0]L. Suarez
45'[1 - 1]J. Vertonghen
53'[1 - 2]J. Vertonghen
66'[2 - 2]S. Downing
82'[3 - 2]S. Gerrard (pen.)

เป็ดเกือบตาย.

If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#541 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 11 March 2013 - 10:39

โปรแกรม ทั้ง 9 นัดสุดท้ายของลิเวอร์พูล

** Southampton v
Liverpool
^^ Aston Villa v Liverpool
** Liverpool v West Ham United
** Reading v
Liverpool
^^ Liverpool v Chelsea
-Newcastle United v
Liverpool
^^ Liverpool v Everton
** Fulham v
Liverpool
** Liverpool v Queens Park Rangers

 

ปอลิง ** หมายถึง เจอทีมนี้ ต้องลุ้นให้ชนะ เพราะ แพ้ตลอด

          ^^ หมายถึง เจอทีมนี้ ชนะมากกว่า เสมอ


If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#542 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 11 March 2013 - 10:42

Rank Player   TOP SCORERS

1 Luis Suarez cq5dam.thumbnail.22.28.margin.png 21

2 Robin van Persie cq5dam.thumbnail.22.28.margin.png 19

3 Gareth Bale cq5dam.thumbnail.22.28.margin.png 16

4 Demba Ba cq5dam.thumbnail.22.28.margin.png 15


Edited by Ken16, 11 March 2013 - 10:42.

If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#543 แม่รำพึง

แม่รำพึง

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 104 posts

Posted 11 March 2013 - 13:02

9 นัดที่เหลือนี่ เน้นๆหน่อยนะ 25 แต้มนี่หวังได้เลย(เอียงกันเห็นๆ)ฮิฮิ
ตั้งแต่ได้สเตอร์ริจกะมูตินโย่มาเสริมนี่ เหมือนเกมส์รุกมัน"คลิ๊ก"มากขึ้น ลงตัวและหลากหลาย
รวมถึงรูปแบบการเล่น ทรงบอล ทำให้ดูหงส์เล่นแล้วสนุกเพลิดเพลินกว่าหลายปีที่ผ่านมา

#544 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 11 March 2013 - 14:57

แข้งไก่อารมณ์ค้าง ฉุน "ซัวเรซ" ล้มง่ายเกิน

 

http://www.manager.c...D=9560000029749

 

กรรมการเข้าข้าง เป็ดแดง


If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#545 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 11 March 2013 - 15:19

แต่กองหลังยังต้องปรับอีกเยอะครับ......

9 นัดที่เหลือนี่ เน้นๆหน่อยนะ 25 แต้มนี่หวังได้เลย(เอียงกันเห็นๆ)ฮิฮิ
ตั้งแต่ได้สเตอร์ริจกะมูตินโย่มาเสริมนี่ เหมือนเกมส์รุกมัน"คลิ๊ก"มากขึ้น ลงตัวและหลากหลาย
รวมถึงรูปแบบการเล่น ทรงบอล ทำให้ดูหงส์เล่นแล้วสนุกเพลิดเพลินกว่าหลายปีที่ผ่านมา


ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#546 Lucas Leiva Benitez Rodger

Lucas Leiva Benitez Rodger

    ขาขาดประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,074 posts

Posted 11 March 2013 - 16:02

แต่กองหลังยังต้องปรับอีกเยอะครับ......

9 นัดที่เหลือนี่ เน้นๆหน่อยนะ 25 แต้มนี่หวังได้เลย(เอียงกันเห็นๆ)ฮิฮิ
ตั้งแต่ได้สเตอร์ริจกะมูตินโย่มาเสริมนี่ เหมือนเกมส์รุกมัน"คลิ๊ก"มากขึ้น ลงตัวและหลากหลาย
รวมถึงรูปแบบการเล่น ทรงบอล ทำให้ดูหงส์เล่นแล้วสนุกเพลิดเพลินกว่าหลายปีที่ผ่านมา

 

เห็นตามท่าน greenday ไปยาวๆ ช่วงท้ายเกมแบบว่าลุ้นเยี่ยวเหนียวมาก กลัวจะเสียประตูจนพลาด 3 แต้มสำคัญ แต่โชคดีที่ผ่านมาได้ครับ


อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ

"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.

 

"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"


#547 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 13 March 2013 - 14:19

 "เดอะ ซัน" แท็บลอยด์หัวดังของอังกฤษ เผย เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้รายชื่อนักเตะในใจที่ต้องการเสริมทัพทั้งหมด 4 รายช่วงซัมเมอร์นี้เรียบร้อยแล้ว
       
        ร็อดเจอร์ส กุนซือ ลิเวอร์พูล เล็งเซนเตอร์ฮาล์ฟ 2 รายเพื่อดึงคนใดคนหนึ่งมาแทน เจมี คาร์ราเกอร์ อดีตทีมชาติอังกฤษที่ประกาศแขวนสตั๊ดช่วงปิดซีซันนี้ คือ แอชลีย์ วิลเลียมส์ กัปตัน สวอนซี ซิตี แชมป์ แคปิตอล วัน คัพ หรือ สเตฟาน เดอ ฟรีจ์ ของ เฟเยนูร์ด
       
        ส่วนอีก 3 รายที่อยากได้แน่นอนคือ ฮาเต็ม เบน อาร์ฟา ปีก นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, โทมัส อินซ์ แนวรุก แบล็คพูล ที่เคยแจ้งเกิดในถิ่น แอนฟิลด์ ไม่สำเร็จ และ อาลีย์ ซิสโซโก แบ็กซ้ายของ โอลิมปิก ลียง
       
        ร็อดเจอร์ส กล่าวว่า "ผมพอใจกับทีมที่มีอยู่ตอนนี้ แต่เป็นธรรมดาที่จะต้องหาตัวแทน คาร์รา หากเราได้นักเตะฝีเท้าดีสัก 3-4 รายก็คงจะเยี่ยม ลองดูอย่าง คูตินโญ และ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ต้องการให้สโมสรเสียเงินเปล่า โดยรู้ดีว่ากำลังทำและต้องการเสริมอะไร"
       
        ช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะรอบสองเปิดทำการเดือนมกราคมที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ได้แข้งใหม่ 2 รายคือ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าจาก เชลซี และ คูตินโญ กองกลางจาก อินเตอร์ มิลาน

http://www.manager.c...D=9560000030806


If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#548 greeenday

greeenday

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

Posted 15 March 2013 - 11:12

15 มีนาคม 2013 ครบรอบการก่อตั้งสโมสรลิเวอร์พูลครบ 121 ปี

 

HmEHnl.png

 

 

จอห์น โฮลดิง นักธุรกิจชาวเมืองลิเวอร์พูลได้เช่าพื้นที่บริเวณ แอนฟิลด์ โรด เพื่อใช้สร้างสนามฟุตบอล และเมื่อสร้างเสร็จได้ให้เอฟเวอร์ตัน เช่าเป็นสนามแข่ง และเมื่อทีมเอฟเวอร์ตันได้เข้าสู่สมาชิกฟุตบอลลีก จอห์น โฮลดิง พยายามจะเข้าไปบริหารงานในทีมเอฟเวอร์ตันและได้เพิ่มค่าเช่าสนามที่ทีมได้เช่าอยู่ ฝ่ายกลุ่มบริหารของเอฟเวอร์ตันจึงยกเลิกสัญญาเช่าสนาม และทีมเอฟเวอร์ตันได้ย้ายสนามไปอีกฝากของสวนสาธารณะ สแตนลีย์พาร์ค เพื่อไปสร้างสนามเป็นของตัวเองโดยใช้ชื่อสนามว่า กูดิสันพาร์ค ดังนั้น จอห์น โฮลดิง จึงต้องการสร้างทีมฟุตบอลขึ้นมา และ จอห์น โฮลดิง จึงไปชวนเพื่อนสนิทของเขาชื่อ จอห์น แมคเคนน่า มาทำหน้าที่ประธานสโมสรและได้ตั้งชื่อทีมฟุตบอลนี้ว่า Liverpool Football Club
 
 
หลังจากที่สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งได้ไม่นาน ได้จัดการแข่งขัดนัดอุ่นเครื่อง ซึ่งเป็นการลงสนามนัดแรกของทีมลิเวอร์พูลกับทีมร็อตเตอร์แฮม ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า ทีมลิเวอร์พูลชนะไปด้วยผลการแข่งขัน 7-1 และลิเวอร์พูล ได้ลงแข่งขันฟุตบอลลีกของแคว้น แลงคาเชียร์ ปรากฏว่าลิเวอร์พูลลงแข่งทั้งหมด 22 นัด ชนะ 17 นัด และได้แชมป์ไปครอง ส่งผลให้ทางสโมสรสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกซึ่งได้รับการยอมรับและถูกคัดเลือกให้ลงเล่นในดีวิชั่น 2 ในฤดูกาล 1893-1894 สโมสรจึงได้เลือกสัญลักษณ์ของทีมเป็น นกลิเวอร์เบิร์ด (Liverbird) ซึ่งเป็นนกแถบทะเลไอริช บริเวณแม่น้ำเมอร์ซีย์ โดยที่ปากนกคาบใบไม้ไว้ ทีมลิเวอร์พูลได้ลงทำการแข่งขันอย่างเป็นทางในฟุตบอลลีก ดิวิชั่น 2 ในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1893 โดยทีมลิเวอร์พูลออกไปเยือนทีมมิดเดิลสโบรซ์ ไอโรโนโปลิส และทีมลิเวอร์พูลสามารถได้แชมป์มาครองโดยที่ไม่แพ้ทีมใดเลยตลอดทั้งฤดูกาล (ทั้งหมด 28 นัด) แต่การคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 2 ในตอนนั้นยังไม่ได้เลื่อนชั้นโดยทันที ต้องไปแข่งนัดชิงดำกับทีมอันดับสองก่อน โดยทีมอันดับสองในขณะนั้นคือ ทีมนิวตัน ฮีธ (ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน) และลงแข่งขันที่สนามของทีมแบล็คเบิร์น ซึ่งทีมลิเวอร์พูลเอาชนะทีมนิวตัน ฮีธไปด้วยผล 2-0 และได้เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ในที่สุด 
 
ภาพ:
Facebook
เรื่องราว:

ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

พระบรมราโชวาท 11 ธันวาคม 2512


#549 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 16 March 2013 - 22:24

เป็ดโดนนำ 555

6'[1 - 0]M. Schneiderlin

If you try hard enough, you can be whatever you want to be.


#550 kop16

kop16

    U will never walk alone.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,507 posts

Posted 16 March 2013 - 23:44

33'[2 - 0]R. Lambert
45'[2 - 1]P. Coutinho
80'[3 - 1]J. Rodriguez

If you try hard enough, you can be whatever you want to be.





1 user(s) are reading this topic

0 members, 1 guests, 0 anonymous users