เออ ถามเองตอบเองก็ได้วุ้ย
สงสัยในข้อสงสัยของคุณเรื่องนึงครับ
ฮุนเซนบอกว่า เทือกเคยหอบเอกสารไปคุยถึงกัมพูชา
เทือกให้สัมภาษณ์ว่า เคยไปคุยกับกัมพูชามา
มันเรื่องเดียวกันใช่มั้ยครับ
เทือกยอมรับเลยหรือไม่ ว่าเข้าไปเจรจาเพื่อตกลงผลประโยชน์ในทางมิชอบ
ไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ของประเทศอย่างเดียว
ช่วยหาให้หน่อยได้มั้ยครับ ว่าเป็นไปตามฮุนเซนว่าจริงๆ
คนโง่เท่านั้นที่จะถามคำถามนี้
ถ้าท่านเทือกยอมรับออกมาตรงๆอย่างที่คุณถาม พธม.คงไม่ต้องหาหลักฐานแวดล้อมมาประกอบหรอกครับ
ตอนนี้เรื่องคงไปอยู่ที่ปปช.เรียบร้อยแล้ว เรื่องอย่างนี้ขืนยอมรับ ขี้ข้าทั้งหลายจะเอาอะไรมาถามคัดง้าง จริงไหม
หลังจากแถลงการณ์ขององค์การปิโตรเลียมแห่ง ชาติกัมพูชา เมื่อปลายเดือนสิงหาคม
ที่เปิดเผยข้อมูลการเจรจาลับระหว่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
กับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เรื่องผลประโยชน์น้ำมัน ท่านเทือกก็ออกมาชี้แจง
อ่านซะ แค่นี้ก็ชัดแล้ว
“สุเทพ” รับคุย “ซก อาน” จริง ตามมติ ครม.ยันไม่ใช่ความลับ ปัดฮั้วประโยชน์ทะเล
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 สิงหาคม 2554
http://www.manager.c...D=9540000109968
อดีตรองนายกฯ มั่นคง รับพบ “ซก อาน” ตามแถลงการณ์เขมรจริง อ้างมติ ครม.ให้ไปเจรจา เผยคุยแนวทางบริหารพื้นที่เขตแดนทั้งในทะเลและทางบก พร้อมแนะให้มาถกในไทยก่อนมีปัญหา ยันไม่ได้เป็นความลับ ปัดตกลงผลประโยชน์ ชี้ พท.ไปถกก็ต้องขอสภา อนุมัติ เชื่อข้าราชการไม่ยอมให้ไทยเสียเปรียบง่ายๆ
วันนี้ (31 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ให้สัมภาษณ์ถึงแถลงการณ์องค์กรปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา ที่ระบุว่านายสุเทพมีการเจรจาลับเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ทางทะเล กับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา พร้อมทั้งมีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์มีประเด็นเรื่องผล ประโยชน์หรือไม่ว่า ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้มอบหมายเป็นมติที่ประชุม ครม.ให้ตนเป็นผู้รับผิดชอบในการเจรจาประสานงานกับรัฐบาลกัมพูชาในกรณีต่างๆ ซึ่งตนได้เดินทางไปกัมพูชา 2 ครั้ง พบสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกฯ ครั้งหนึ่ง เจรจากันเรื่องที่ รับปากกับนายอภิสิทธิ์เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนนักโทษ หลังจากนั้นสมเด็จฯ ฮุนเซนได้ปล่อยนักโทษชาวมุสลิมไทยกลับมา 2 คนส่วนการเดินทางไปกัมพูชาครั้งที่ 2 ตนเป็นตัวแทนรัฐบาลไทยไปทำพิธีเปิดถนนที่รัฐบาลไทยได้ให้เงินช่วยไป คราวนั้น สมเด็จฯ ฮุนเซนได้บอกว่าวันนี้รองนายกฯ ซก อาน ไม่ได้มาด้วย แต่ได้บอกว่านายซก อาน จะเป็นผู้เจรจากับตนในเรื่องทั้งหลาย
มติครม.ตัองเป็นลายลักษณ์อักษรครับ มีหรือเปล่า อย่าพูดแต่ปาก
ขอดูหน่อยซิว่า ระบุอำนาจท่านเทือกไว้อย่างไรและแค่ไหน
เพราะถ้าไม่ระบุไว้ จะรู้ได้ไงว่า
ท่านเทือกไม่ไปเจรจาเกินขอบเขตอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากครม.
นายสุเทพกล่าวว่า ตนได้พยายามติดต่อนัดหมายเชิญนายซก อาน มาประเทศไทย เพื่อจะได้คุยและเริ่มต้นนับหนึ่งการเจรจากันอย่างไร ท่านก็บอกว่ายังไม่สะดวกที่จะมาประเทศไทย ขอคุยนอกรอบก่อนได้ไหม นายซก อาน ได้ถามตนว่ามีโอกาสที่จะไปสิงคโปร์บ้างไหม ตนก็ได้บอกว่าตนไม่มีกำหนดการที่จะไป แต่จะไปฮ่องกง ดังนั้นเขาเองก็แจ้งกลับว่าจะไปขอพบที่ฮ่องกง และได้นั่งคุยกันว่าเราจะเป็นหัวหน้าคณะทั้ง 2 ฝ่าย โดยขอให้จัดการประชุมรอบแรก จะคุยกันในเรื่องที่ค้างคากันอยู่จากรัฐบาลก่อนๆ ซึ่งก็มีเรื่องการพัฒนาทรัพยากรในทะเลด้วย
นายสุเทพกล่าวต่ออีกว่า นายซก อาน ถือว่ามีประสบการณ์เคยคุยกับรัฐบาลก่อนๆ มาแล้วว่าได้คุยกับใครมาอย่างไร วางแนวทางขีดเป็นโซนๆ อย่างไร ด้านที่อยู่ติดประเทศก็จะให้ประเทศไทยได้ประโยชน์มาก ด้านที่อยู่กับกัมพูชา กัมพูชาก็จะได้ประโยชน์มาก ตรงกลางแบ่งครึ่งๆ ยกมาอธิบายให้ตนฟัง แต่ว่าท่านก็บอกว่าความเห็นส่วนตัวอยากจะแบ่งเป็นตารางหมากรุก แล้วจับฉลากว่าใครได้ตรงไหนอย่างไร จะได้ไปบริหารจัดการได้ ตนได้บอกนายซกอาน ว่าทั้งหมดต้องไปเจรจากันที่ประเทศไทย ให้ไปทำการบ้านมา เพราะตนทราบว่าท่านมีอะไรในใจ ซึ่งเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยก็มีการกำหนดกรอบ และตนต้องทำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมรัฐสภา เพื่อขออนุมัติหากอนุมัติในกรอบที่กล่าวไปก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และนอกจากนั้นมีเรื่องการขอบริหาร ตนได้บอกว่าถ้าเราคิดถึง เรื่องที่จะร่วมมือพัฒนาพื้นที่ น่าจะเอาบริเวณรอบๆ เขาพระวิหาร มาทำในลักษณะเดียวกัน คือเป็นความร่วมมือทั้ง 2 ประเทศ
มันเอาพื้นที่รอบๆปราสาทพระวิหารประเคนให้เขมรเลยครับ พี่น้องเอ๊ย
ไม่ผิดจากที่พธม.ว่าไว้ตอนไอ้ตอแหลเป็นนายกฯ
นายสุเทพกล่าวต่อว่า เมื่อเดินทางกลับไทยก็ได้ทำหนังสือเป็นทางการ เชิญนายซก อาน ให้มาร่วมประชุมที่ไทย ไม่ทันได้มีความก้าวหน้าก็เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ดี และมีการยกเลิกเอ็มโอยูก่อน จนทุกวันนี้หนังสือเชิญก็ยังเปิดอยู่ ส่วนครั้งที่ 2 ตนได้รับเชิญพร้อมเพื่อนอีกหลายคนไปประชุมที่คุนหมิง ประเทศจีน ในเรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนในงานดังกล่าว นายซก อาน เป็นตัวแทนกัมพูชาก็มีการนัดคุยกัน แต่ถามทุกข์สุขเพราะความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชาไม่ค่อยดี ส่วนที่ว่าลับไม่เปิดเผยเพราะ 2 ประเทศหงุดหงิดกันอยู่นั้น ตามมารยาทคนรู้จักกันก็ได้พบกัน ตนยังได้กล่าวฝากความรำลึกไปถึงสมเด็จฯ ฮุนเซนด้วย ยังยืนยันว่าประเทศไทยต้องการแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ที่ไม่ดีของ 2 ประเทศด้วยวิธีการเจรจา สะดวกเมื่อไหร่ก็นัดมา ไทยพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพ ทั้งหมดมีเท่านี้
ถ้าตามข่าวนี้ตั้งแต่ต้น ก็ตรงกับที่ฮุนเซ็นพูด คือ
ไปคุยกับซก อาน 2 ครั้ง แต่ท่านเทือกไม่ยอมรับว่าลับ
และไม่ยอมรับว่า มีผลประโยชน์ส่วนตัว
เรื่องที่คุยก็มีเรื่องน้ำมันในอ่าวไทยด้วย เพราะอยู่ในอำนาจที่ได้รับมอบหมาย
และทางกัมพูชามีซก อาน รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ไม่งั้นทำไมไม่ไปคุยกับคนอื่น
นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่ไปตำหนิกับการออกมากล่าวหาในเรื่องนี้เพราะไม่เห็นแถลงการณ์ตัวจริงว่า ใครแถลง และแถลงว่าอย่างไร และคิดว่าไม่ได้เป็นความลับอะไร เพราะเวลาจะเจรจาเรื่องสำคัญของบ้านเมืองก็ต้องมีการคุยกันนอกรอบก่อน และเรื่องต่างหากมีการเจรจาก็จะไม่เป็นเรื่องลึกลับ เพราะไม่มีทางที่จะไปทำกันอย่างลับๆ คงไม่ได้ ในเรื่องการตกลงเรื่องผลประโยชน์นั้นคงทำไม่ได้ด้วย ถึงเวลาที่พรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลเวลาไปเจรจานอกรอบกันอย่างไรก็ตามใจแต่ ว่าถึงเวลาก็ต้องมาขออนุมัติต่อรัฐสภาว่าจะเจรจาในประเด็นใดบ้างอย่างไร และเมื่อถึงวันนั้นเราก็มีโอกาสสอบถามได้
เมื่อถามว่า ในแถลงการณ์ดูเหมือนมีการระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีความชอบธรรมที่จะไปกล่าวหาทางรัฐบาล เพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์อาจมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์มากกว่าจึงมีการเจรจาใน ทางลับ อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า หากมีการกล่าวหาแบบนี้ก็คงต้องตอบโต้ แต่ขณะนี้คงยังไม่รีบตอบโต้ เพราะยังไม่เห็นคำแถลงการณ์ หากเห็นเป็นแถลงการณ์ธรรมดาก็คงโอเค แต่ถ้าพูดแล้วทำให้ตนเสียหาย ก็ต้องต่อว่าทำอย่างนี้แปลว่าอะไร แต่ตนไม่คิดจะไปกล่าวหารัฐบาลปัจจุบันในเรื่องอะไร เพียงแต่ว่าคนวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมองว่าหากเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนไปเจรจาซึ่งไม่ใช่ผู้ที่มีสถานภาพที่รัฐบาลมอบหมายให้เป็นตัวแทนไป เจรจาอย่างเป็น กิจจะลักษณะ
อ้าว,เขมรมันแฉขนาดนี้ยังไม่กล้าเถียงมันเลยแฮะ กลัวเขมรมากเลยนะท่านเทือก
“ผมและพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นเรื่องของ 2 ประเทศ พื้นที่ที่เราอ้างว่าเป็นของเรา เขาก็อ้างว่าเป็นของเขานั่นคือการทับซ้อน ที่เป็นเรื่องที่ต้องเจรจากัน การไปเจรจาเรื่องอย่างนี้ ไม่มีทางที่ใครจะไปทำให้เป็นเรื่องประโยชน์ส่วนตัวได้ เพราะต้องให้สาธารณชนรับรู้ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา” นายสุเทพกล่าว
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อรัฐบาลในขณะนั้นมีการแขวนเอ็มโอยูไปแล้ว ทำไมตั้งท่านมาเป็นประธานในการพิจารณาเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลกลับมาอีก นายสุเทพกล่าวว่า การมอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าคณะของประเทศไทยในการเจรจากับประเทศกัมพูชาเกิด ขึ้นตั้งแต่ตั้งรัฐบาลใหม่ๆ ตนรู้จักกับสมเด็จฯ ฮุนเซน มาก่อนที่จะมาเป็นรัฐบาล เคยเดินทางไปพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ เพราะเคยกังวลใจมาก่อนแล้วตั้งแต่เป็นฝ่ายค้านว่าวันหนึ่งสองประเทศอาจจะมี ปัญหาได้ ตอนที่ไทยจัดการประชุมที่หัวหิน สมเด็จฯ ฮุนเซน ดูเหมือนจะไม่มา ตนก็เป็นคนโทร.ไปขอร้องให้มา ท่านก็มาถึงเป็นคนแรก และตนยังเอาไวน์ไปฝาก เป็นเรื่องปกติ จากนั้นนายกฯ ก็ได้สั่งว่าต่อไป หากมีปัญหากับกัมพูชามอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าคณะไปเจรจาก็เป็นมติ ครม.ออกมา แต่เจรจาได้หนสองหนก็มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น
เมื่อถามย้ำว่า มีการแขวนเอ็มโอยูปี 2544 แล้ว ทำไมยังให้นายสุเทพเป็นหัวหน้าคณะกลับไปเป็นประธานการประชุม พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (เจดีอี) อีกครั้ง นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่ใช่ และการเป็นหัวหน้าคณะการเจรจาหมายความว่า เวลาตนไปพุดคุยเรื่องอะไร ทางประเทศไทยจะให้ตนไป ให้ตนเป็นคนติดต่อ แต่หลังเลิกเอ็มโอยูแล้วก็ไม่มีการตั้งตนเป็นอะไรแล้ว ไม่ทราบเลยเรื่องที่ตนเป็นหัวหน้าคณะการประชุมเจดีอี การที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นจนถึงมีการเรียกทูตกลับ มีการแขวนเอ็มโอยูไว้ คิดว่าเป็นขั้นตอนของการแสดงออกทางความสัมพันธ์ว่าระดับความสัมพันธ์ตึง เครียด แต่ในส่วนของตนมีหน้าที่ว่าทำอย่างไรให้เขาดีกันให้ได้ 2 ประเทศต้องดีกัน ตนก็ต้องพยายามหาทางให้เขาพูดคุยกัน เวลาสมเด็จฯ ฮุนเซน มาประเทศไทยแต่ละครั้งตนก็ต้อนรับขับสู้ดูแลทำไปตามหน้าที่ และตนยินดีอย่างยิ่งถ้าความสัมพันธ์ระกว่างไทยกับกัมพูชาดีกันได้ เพราะถ้าสัมพันธ์ไม่ดีเกิดความตึงเครียดชายแดนยิงกัน ประชาชนก็เดือดร้อน อะไรที่ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นก็ต้องทำ
“ผมสนับสนุนเรื่องในทะเล เพราะเรามีทรัพยากรในทะเล 2 ประเทศควรจะร่วมมือกันพัฒนาเอามาใช้ประโยชน์ไม่ต้องทะเลาะกัน เราเคนมีตัวอย่างที่เคยทำมาแล้วเช่น มาเลเซีย และ เวียดนาม กับกัมพูชาคงต้องเดินหน้าต่อไป แนวทางการเจรจาจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ทีมการเจรจา ทั้ง 2 ฝ่าย และจุดยืนของรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายว่าจะทำไอย่างไร ที่ผมเล่าใฟห้ฟังคือแต่ละฝ่ายแต่ละความคิดเห็นเป็นอย่างไร” นายสุเทพกล่าว
จาก
http://www.manager.c...D=9540000103335
นาย ปานเทพกล่าวว่า เสียดายมากสมัยประชาธิปัตย์ได้ใช้มติ ครม.ในการยกเลิก MOU44 แต่ก็ทิ้งปัญหาคาราคาซังเอาไว้ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ไม่มีวาระเข้าสภาเพื่อยกเลิกเลย
รัฐบาลไอ้ตอแหลเล่นปาหี่ หลอกคนไทยครับ พี่น้องเอ๊ย
เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงในเรื่องการประกาศพื้นที่ทับซ้อนที่ทางไทยอาจจะเสียเปรียบ กัมพูชาหรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่มี เพราะเจ้าหน้าที่ของไทยไม่ว่า กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการเจรจาไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียเปรียบง่ายๆ อย่าไปกังวลใจ ไม่มีใครไปทำให้เสียหายได้
อ้าว,อ้างเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ แต่ตนเองกลับไปเจรจาด้วยตัวเอง
อย่างนี้เรียกว่า ล้วงไข่ เอ๊ย, ล้วงลูกนะครับ
หลังจากท่านเทือกชี้แจงเสร็จฮวยเซ็งก็เล่นต่อ
“ฮุนเซน” ป้อง “แม้ว” ยัน “เทือก” ดอดคุยน้ำมันอ่าวไทยแต่ถูกปฏิเสธ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กันยายน 2554 00:24 น.
นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวถึงกรณีแถลงการณ์ขององค์การปิโตรเลียมแห่ง ชาติกัมพูชา เมื่อปลายเดือนสิงหาคม ที่เปิดเผยข้อมูลการเจรจาลับระหว่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เรื่องผลประโยชน์น้ำมัน ว่า เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านไทยยกประเด็นขึ้นมา ต่อมาองค์การปิโตรเลียมกัมพูชาได้ประกาศข่าวเกี่ยวกับการเจรจาลับ มีสมาชิกสภาฯ พรรคประชาธิปัตย์ของอภิสิทธิ์ พร้อมกับคนอีกจำนวนหนึ่ง โจมตีทักษิณว่า ทักษิณเจรจามีผลประโยชน์กับกัมพูชา ในยุคทักษิณได้เปิดการเจรจาอย่างเปิดเผย โดยมีคณะกรรมการร่วม 2 คณะ คือ คณะหนึ่งสำหรับกำหนดเขตแดน และอีกคณะเกี่ยวกับพื้นที่พัฒนาร่วม การเจรจานั้นจนมาถึงเวลานี้ ไม่ว่ากับรัฐบาลไหนก็ตาม ยังไม่มีความเห็นชอบอะไรทั้งสิ้น ในนั้นมีการแบ่งส่วนออกเป็น 3 โซน ตรงกลางแบ่ง 50 เปอร์เซ็นต์ พื้นที่ที่อยู่ใกล้ไทยกว่า ตอนแรกแบ่ง 10-90 ต่อมาเอา 20-80 ส่วนพื้นที่ข้างกัมพูชา 80-20 ส่วนกัมพูชาเสนอกลับไปว่าให้แบ่งเป็นบล็อค ๆ แล้วจับฉลากเลือก
ฮุนเซนกล่าวว่า “สิ่งที่เราต้องการยืนยันในที่นี้คือ ไม่ว่าจะมีการเจรจาเปิดเผยหรือเจรจาลับ แต่การเจรจาทั้งหมดยังไม่เกิดเป็นผลแต่อย่างใด แล้วก็ไม่สามารถมีเรื่องผลประโยชน์ซ่อนเร้นอย่างหนึ่งอย่างใด อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยกขึ้นกล่าวหาได้” แล้วต่อว่า “ผมต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ฝ่ายไทยได้ทราบ ผู้ใดเปิดการเจรจาลับ?” ฮุนเซนกล่าวอีกว่า “ในยุคของทักษิณ การเจรจาก็ทำอย่างเปิดเผย ส่วนสมัคร สุนทรเวช มากรุงพนมเปญก็พูดกับผมเปิดเผยในการเจรจา หากแต่ต่างจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เขาว่าเป็นรัฐบาลโปร่งใส ผมไม่ได้เตรียมตัวหารือกับสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบฝ่ายความมั่นคงของไทย และรัฐมนตรีกว่าการกระทรวงกลาโหม ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่อย่างใด”
นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวย้อนความจำไปถึงสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่า “นายสุเทพมากัมพูชาสามครั้ง เขาคงลืมไป ครั้งแรกในเดือนเมษาฯ ตอนนั้นมาไกล่เกลี่ยเพื่อรับรองให้ผมไปพัทยาร่วมการประชุมอาเซียน หลังจากมีเรื่องในสภาไทยที่กษิต ภิรมย์ เรียกผมว่าเป็นนักเลง ต่อมาก็มีทำหนังสือขอโทษ ภายหลังนายสุเทพก็มากัมพูชาอีกพร้อมกับรัฐมนตรีกลาโหม แล้วก็ได้มีการหารือเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องน้ำมันเลย วันที่ 27 มิถุนายน ภริยาผมทำอาหารเลี้ยงส่วนตัวคือทำแกงเลียง ให้เขารับประทาน หากแต่เรื่องที่แปลกคือ นายสุเทพได้เอาเอกสารแผนที่เกี่ยวกับบล็อคน้ำมันในทะเลมาด้วย แล้วเขาได้แจ้งว่า อภิสิทธิ์ได้แต่งตั้งเขาให้มาเจรจากับสมเด็จฯ ให้เสร็จภายในสมัยของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ดังนั้น เขาไม่ต้องการเจรจากับรองนายกรัฐมนตรี ซก อาน เขาต้องการเป็นคู่เจรจากับฮุนเซนเท่านั้น” ฮุนเซน กล่าวต่อว่า “ผมได้แจ้งกลับไปว่า ผมมีรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเจรจาเรื่องนี้ ไม่สามารถเป็นคู่เจรจากับ ฯพณฯ ได้” พร้อมกล่าวต่อว่า “สุเทพต้องการยกตัวให้เสมอกับฮุน เซน เรื่องการเจรจาบนพื้นที่ทางทะเล ซึ่งการเจรจาเบื้องต้นได้เกิดขึ้นที่ตาเคมา จ.กัณดาล ที่ตอนนั้น เราได้ต้อนรับเขาด้วยแกงเลียง แล้วก็ขณะที่มาพบนั้นไม่มีประเด็นอื่นอีก การเจรจาลับเริ่มต้นจากตาเคมา ส่วนการเจรจาที่ฮ่องกงและที่คุนหมิง ประเทศจีน เป็นเรื่องถัดมา”
ฮุนเซนกล่าวพาดพิงถึงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า “อภิสิทธิ์ ถ้าไม่ชัดเจนก็อย่าพูด นำคนต่อต้าน ผมไม่ต้องการพูดถึง หรือว่าผมต้องสอนอภิสิทธิ์อีก เมื่อตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน ผมก็สอนแล้วสอนอีก ตอนนี้ผมยังต้องสอนอีกหรือ ผมขอแนะนำไปถึงอภิสิทธิ์และสุเทพที่กรุงเทพฯ ว่า ใครคนไหนหอบเอาเอกสารมาที่บ้านผมที่ตาเคมา สุเทพรับรู้เรื่องนี้” และกล่าวต่อว่า “ใครคนไหนหอบเอาเอกสารไปที่ตาเคมา ผมไม่รับรู้ด้วย ดังนั้น ขอให้ฝ่ายไทยไปดูไปตรวจสอบให้ถูกต้องถึงมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญไทย เรื่องที่มาลักลอบเจรจาลับอย่างนั้น”
นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวอีกว่า “ตอนนี้ตั้งแต่ออกจากตำแหน่ง อภิสิทธิ์ก็มาโจมตีว่าเนื่องจากรัฐบาลไทย (ยุคอภิสิทธิ์) ไม่สนองผลประโยชน์ของกัมพูชาทำให้ไม่ถูกกัน ผมก็จะแจ้งกลับไปที่อภิสิทธิ์ว่า ถ้ารัฐบาลก่อนไม่ถูกกันแล้ว ใครคนไหนที่ส่งคนมาเจรจาลับ ไอ้ที่ลับเป็นอะไร?” แล้วกล่าวต่อว่า “เขาต้องการรู้เรื่องลับนี้ไหม ถ้าต้องการรู้ว่าลับหรือไม่ลับ ต้องเริ่มต้นที่ตาเคมา จ.กัณดาล ฟังให้ชัด..ผู้นำเอกสารมา คือ ประวิตร วงษ์สุวรรณ เตีย บัญ ลี ยงพัต และคำปูน ซท ได้เห็นเอกสารนี้”
หลังจากฮุนเซ็นแฉเสร็จ ท่านเทือกว่าไง ไปดู
“เทือก” เชื่อเด้งอธิบดีคุก ปูทางช่วย “ทักษิณ” ปฏิเสธเจรจาลับ “ฮุนเซน”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 กันยายน 2554 12:32 น.
-------
---------
นายสุเทพยังปฏิเสธข่าวที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาออกมาแฉว่าเป็นคนเดิน ทางไปเจรจาลับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลที่บ้านพักสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ตาเคมา จ.กัณดาล ประเทศกัมพูชา โดยกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนไม่ได้หารือลับเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา แต่เรื่องดังกล่าวสมเด็จฯ ฮุนเซนเป็นผู้เริ่มหยิบยกมาหารือร่วมขณะเดินทางเยือนกัมพูชา ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน รู้สึกเสียใจที่สมเด็จฯ ฮุนเซนพยายามให้ร้ายรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งที่ตนได้ประคับประคองความสัมพันธ์มาโดยตลอด และอนาคตเห็นว่ารัฐบาลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อยากให้สมเด็จฯ ฮุนเซน รักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่า
ท่านเทือกเล่นขู่ฮวยเซ็งว่า เราอาจกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกนะ
(ดังนั้นกรุณาอย่าแฉเรามากกว่านี้ please)
ต่อไปเป็นสรุปที่อ.ปานเทพไล่เรียงเหตุการณ์ให้เห็นภาพ
“ปานเทพ” จับเงื่อนเวลาเชื่อเขมรแฉจริง - จี้ “เทือก” แจงข้อเท็จจริง
http://www.thaiday.c...D=9540000109742
วันที่ 30 ส.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อสายผ่านรายการ News Hour ออกอากาศทางสถานี ASTV ถึงกรณีเขมรออกมาแฉว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไปเจรจาลับกับฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รวมถึง นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าก่อนอื่นเรื่องนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงที่แน่ชัดว่า สิ่งที่เขมรแถลงเป็นข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องรอให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาชี้แจงก่อนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากไม่จริงนายสุเทพต้องออกมาแถลง แต่ถ้าหากเป็นเรื่องจริง แสดงว่าทางเขมร คงจะงงว่าทำไมที่ผ่านมา รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ พยายามเจรจาเรื่องผลประโยชน์ในอ่าวไทยตลอด อยู่ดีๆต่อมาถึงให้สมาชิกในพรรค ยกมือถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ทั้งนี้ หากเราเอาเงื่อนเวลามาต่อเป็นจิ๊กซอว์จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เริ่มจากวันที่ 27 มิ.ย. 2552 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปเจอฮุนเซนอย่างเป็นทางการ ต่อมาวันที่ 1 ส.ค. 2552 นายสุเทพแอบไปพบกับ ซก อาน ที่ฮ่องกง อีก 3 เดือนถัดมา ครม.ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีมติให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 แต่ไม่มีการแจ้งให้เขมรทราบว่ายกเลิกเอ็มโอยู 2544 หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2553 นายสุเทพไปเจรจาลับกับซก อาน รอบที่สองที่คุนหมิง ประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ ครม.จะให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 แล้ว แต่นายสุเทพยังรุกคืบไปเจรจาเรื่องผลประโยชน์ในอ่าวไทยต่อ
นายปานเทพกล่าวอีกว่า หลังจาก ครม.มีมติให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ได้ข่าวว่า ส.ว.คำนูณ สิทธิสมาน ถามนายกษิต ภิรมย์ ในสภาเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2544 ถึงการจัดการยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ซึ่งได้คำตอบว่า “ตั้งเป้าให้เสร็จก่อนสิ้นปี ขณะนี้ยังมีเวลาเหลืออีก 2-3 เดือน” ที่น่าตกใจต่อมาวันที่ 25 พ.ย. 2553 ครม.ตั้งนายสุเทพ เป็นประธานเทคนิคร่วมในการเจรจาผลประโยชน์ร่วมในอ่าวไทย ด้วยเหตุนี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะสงสัยในมติครม. ที่ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 เป็นเพราะเห็นว่าไทยเสียประโยชน์ หรือเป็นแค่การเคาะกะลากันแน่ อีกอย่างเมื่อรู้อยู่แล้วว่ามีมติครม.จะยกเลิกเอ็มโอยู 2544 แล้วเหตุใดนายสุเทพ ต้องไปเจรจาต่อแถมบอกจะจบเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลให้ได้
เมื่อย้อนมองเงื่อนไขเวลาตั้งแต่เดือน ส.ค. 2553 จึงไม่แปลกใจเลยถึงเหตุผลที่ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ พยายามเอาเจบีซีทั้ง 3 ฉบับผ่านสภาให้ได้ จึงได้เห็นภาพพยายามแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 190 จากเดิมเคยเข้าใจว่าเรื่องของความคลาดเคลื่อน แต่เมื่อมองเงื่อนเวลาแล้วย่อมสงสัยได้ว่า ทั้งหมดมีการวางแผนไว้แล้วทั้งสิ้น หากถามว่าถ้าปล่อยให้มีการเจรจาต่อไปผลจะเป็นอย่างไร ไทยได้หรือเสียผลประโยชน์ เห็นชัดเจนพื้นที่ที่อ้างสิทธิของเขมร เรียกร้องสิทธิทับซ้อนมากเกินความเป็นจริง
“หากสิ่งที่ ซก อาน พูดเป็นความจริง และนายสุเทพไม่ปฏิเสธ แสดงว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่มีความจริงใจยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ต้องการใช้เป็นเครื่องมือเอาไว้เจรจาผลประโยชน์ต่อไป ซ้ำร้ายยังส่งต่อพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งเกินความเป็นจริงให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปสวมตอต่อ”
นายปานเทพกล่าวว่า น่าเศร้า ตกลงแล้วเราจะพึ่งนักการเมืองฝั่งไหนจัดการปัญหาเอ็มโอยู 2544 ได้บ้าง คงหวังยาก ดังที่เราพูดบนเวทีชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ ตลอดว่า รัฐบาลนี้สวมตอต่อ ซึ่งวันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้ว เป็นความจริงหรือไม่จากการยืนยันของ ซกอาน อย่างไรก็ดีหากเป็นเรื่องจริง ต้องขอความรับผิดชอบจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ตกลงต้องการสวมตอต่อจากรัฐบาลทักษิณ ใช่หรือไม่
ชัดมากแล้วนะ แต่เดี๋ยวจะมีคนพลีชีพมาแถช่วยท่านตอแหลและพวกแน่ๆ
ขอแจ้งให้ทราบ ผมเซฟไว้หมดแล้ว จะเป็นเรื่องที่ผมใช้ตั้งกระทู้ในอนาคต แต่ไม่รู้เมื่อไร
จบข่าว