ตามล่า ชายชุดดำ
#301
Posted 13 October 2012 - 11:42
พอผมเอาข้อมูลด้านเวลามาแย้ง คุณ redspy ก็ออกมาโต้แสดงความคิดเห็นเดียว
ข้อมูลด้านเวลาที่คุณใช้ ไม่ใช่การแย้ง แต่เป็นการตะแบง
ผลปรากฎว่า คุณ amplepoor ดันบอกว่า คุณ redspy เล่าเรื่องต่อเนื่อง เข้าใจชัดเจน บลาๆๆๆ
คุณเอาข้อความของเรดสปายมาลง แล้วชี้ไปทีละประโยคเลย ว่าขัดแย้งอย่างไร
คุณ app ไม่สงสัย ไม่ซักถาม ไม่ตรวจสอบ นำมาพิมพ์ให้เครดิต
พฤติกรรมอย่างนี้น่าจะเรียกว่า เป็นการเชื่อโดยไม่ต้องคิด หรือ การเชื่อโดยทันทีก็แทบจะว่าได้
ทำไมจะไม่คิดครับ อย่าเอานิสัยคุณมายัดใส่ผมเลย คุณชี้ข้อขัดแย้งมาสิ ผมจะได้บอกถูกว่า ผมคิดหรือไม่คิด กล่าวหาลอยๆ แบบนี้ ก็เหมือนผมแกล้งบอกว่าคุณเป็นลิงบาบูน แล้วให้คุณพิสูจน์ว่าคุณไม่ใช่ลิง...มันไม่จบหรอก และผมไม่เคยทำอย่างนั้น
-------------
ส่วนประเด็น ศพแรกของคอกวัว ถนนตะนาว กับ ศพแรกของหน้าโรงเรียนสตรีวิทย์ ถนนดินสอ
การบอกเล่าระบุเหตุการณ์เฉพาะจุด หรือ การจำแนกเหตุการณ์เฉพาะจุด เรื่องง่ายๆ ทำเป็นไม่เข้าใจ
เรื่องศพแรกนี่ คุณเอง ที่โกหกกันเอง
บนเวทีดีใจกันใหญ่ที่ได้ศพสวาท....หลังจากนั้นก็ประโคมกันว่า นี่คือศพแรกของ 10 เมษา
สวาทตายตอน 2 ทุ่ม....นี่เป็นข้อมูลที่ทุกฝ่ายใช้
จู่ๆ คุณเอาข้อมูลใหม่มาบอกว่า มีศพแรกก่อนนั้น เกิดที่สี่แยกคอกวัว
เอาผลชัณสูตรมาลง...นี่แปลว่านปช. โกหกสินะ
ไปเคลียร์กันให้ดีก่อนละกัน จะเอาศพใหนก่อนและหลัง
แล้วก็ต้องไม่ลืมว่า คลิบที่มีแกนนำมาตะโกนให้เก็บไว้ในใจน่ะ มัน 20.00 น เศษนิดหน่อย
ตอนนั้นยังสงบกันอยู่ ถ้าเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ มีคนตายตั้งหลายศพที่คอกวัว ผู้ชุมนุมจะเดินเหมือนมาเที่ยวงานวัดหรือ
การยิงก่อนหน้าผู้การร่มเกล้าโดนระเบิด เป็นการยิงลูกแบล้งค์ และยิงขึ้นฟ้า
ผู้ชุมนุมเองก็บอกในคลิบ
อย่าเอาข้อมูลมาเบี่ยงเบน ไอ้เวลาที่ลงในใบชัณสูตน่ะ มันเชื่อได้หรือ ในเมื่อทุกฝ่ายลงึวามเห็นพ้องต้องกันว่า สวาท วางามคือศพแรก
อย่าลืมว่า ใบชัณสูตน้องเกด ผ่านไปวันกว่าแล้วยังเป็นศพนิรนามอยู่เลย
#302
Posted 13 October 2012 - 11:51
ผมว่าเป็นภาษาไทยที่ชัดเจนนะครับ แต่ถ้าสิงห์มีข้อมูลโต้แย้ง ก็เชิญเลย
ผมลงตัวเลขเป็นข้อๆ ให้ เหมือนระบบศาลสนธิสัญญา เวลาแย้งจะได้อ้างเลข ไม่ต้องอ้างข้อความเยิ่นเย้อ
-------------------------
1 รถตู้คันนั้นมาส่งชายชุดดำตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว
2 พอกลุ่มคนชุดดำลงจากรถ ก็แยกออกเป็นสองกลุ่ม
3 โดยมีรถมอเดอร์ไซค์ โดยการประสานงานของนัทสนามหลวง
4 รับกลุ่มชายชุดดำไปปฎิบัติหน้าที่ๆคอกวัว โดยชุดนี้มีนายหรั่งเป็นหัวหน้าชุด
5 ส่วนอีกชุดประกอบไปด้วยนายเจมส์ นายพล และนายสุกเสข นั่งรถมอเตอร์ไซค์เช่นเดียวกันไปที่ถนนดินสอ
6 และเข้าไปแฝงตัวในบ้านไทยโบราณ เพราะเจ้าของบ้านสนิทกับเสธแดง
7 และขว้างระเบิด m67ใส่ทหาร
8 หลังจากปฎิบัติหน้าที่เสร็จ ก็มารายงานเสธแดงที่ร้านแมค หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ
9 สำหรับชุดนายหรั่งนั้น รถตู้คันเดิมที่มาส่ง กลับมารับโดยใช้เส้นทางผ่านแยกสี่กั๊ก (ตามที่ปรากฎในกล้องวงจรปิด) ตอนสองทุ่มสิบเก้านาที
10 และเมื่อรับชุดนายหรั่งเสร็จก็ขับผ่านแยกสี่กั๊ก(ตามที่ปรากฎในกล้องวงจร ปิด) ตอนสามทุ่มเศษๆ
11 วันรุ่งขึ้นราวๆ 10 โมงเศษ นายพลกับนายสุกเสขก็กลับมาที่บ้านไทยโบราณเพื่อเก็บลูกกระเดื่อง m67 ตามคำสั่งของเสธแดง
Edited by amplepoor, 13 October 2012 - 11:52.
- desert, บาดทะยัก, ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ and 1 other like this
#303
Posted 13 October 2012 - 11:58
โพสต์ของคุณ redspy
ผมว่าเป็นภาษาไทยที่ชัดเจนนะครับ แต่ถ้าสิงห์มีข้อมูลโต้แย้ง ก็เชิญเลย
ผมลงตัวเลขเป็นข้อๆ ให้ เหมือนระบบศาลสนธิสัญญา เวลาแย้งจะได้อ้างเลข ไม่ต้องอ้างข้อความเยิ่นเย้อ
-------------------------
1 รถตู้คันนั้นมาส่งชายชุดดำตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว
2 พอกลุ่มคนชุดดำลงจากรถ ก็แยกออกเป็นสองกลุ่ม
3 โดยมีรถมอเดอร์ไซค์ โดยการประสานงานของนัทสนามหลวง
4 รับกลุ่มชายชุดดำไปปฎิบัติหน้าที่ๆคอกวัว โดยชุดนี้มีนายหรั่งเป็นหัวหน้าชุด
5 ส่วนอีกชุดประกอบไปด้วยนายเจมส์ นายพล และนายสุกเสข นั่งรถมอเตอร์ไซค์เช่นเดียวกันไปที่ถนนดินสอ
6 และเข้าไปแฝงตัวในบ้านไทยโบราณ เพราะเจ้าของบ้านสนิทกับเสธแดง
7 และขว้างระเบิด m67ใส่ทหาร
8 หลังจากปฎิบัติหน้าที่เสร็จ ก็มารายงานเสธแดงที่ร้านแมค หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ
9 สำหรับชุดนายหรั่งนั้น รถตู้คันเดิมที่มาส่ง กลับมารับโดยใช้เส้นทางผ่านแยกสี่กั๊ก (ตามที่ปรากฎในกล้องวงจรปิด) ตอนสองทุ่มสิบเก้านาที
10 และเมื่อรับชุดนายหรั่งเสร็จก็ขับผ่านแยกสี่กั๊ก(ตามที่ปรากฎในกล้องวงจร ปิด) ตอนสามทุ่มเศษๆ
11 วันรุ่งขึ้นราวๆ 10 โมงเศษ นายพลกับนายสุกเสขก็กลับมาที่บ้านไทยโบราณเพื่อเก็บลูกกระเดื่อง m67 ตามคำสั่งของเสธแดง
ผมว่าคุณ amplepoor รอให้คุณ redspy นำหลักฐานที่เชื่อถือได้มายืนยืนเสียก่อนดีกว่าครับ
อย่าเพิ่งรีบแค่นจะเค้นเอาคำตอบตอนนี้เลย
ว่าแต่ว่าคุณ amplepoor เย็นนี้จะไปที่สวนลุมพินีหรือเปล่าเอ่ย?
#304
Posted 13 October 2012 - 12:08
ถ้าเป็น M-16 ทหารยิ่งมีความชำนาญสูงและไม่ได้เกะกะอะไรครับ แลปกติทหารจะไม่อยู่เดี่ยวๆ อย่างน้อยอยู่ 2 คน ..
การที่โจรสวะที่ไม่ได้ฝึกอะไรมาขึ้นไปจับได้นั้นเป็นได้กรณีเดียวคือ ทหารไม่ได้คิดต่อสู้ หรือถูกย้ำโดยคำสั่งว่า "ห้ามยิง" เด็ดขาด .... คิดเหรอครับว่าถ้าเสื้อแดงขึ้นไปจับแล้วทหารมีคำสั่งว่าให้ยิงสู้ได้ จะสามารถจับได้น่ะ ผมว่าขึ้นไปร้อยก็ตายร้อย ยิ่งเป็นการขึ้นไปบนการตั้งรับของทหารบนสิ่งปลูกสร้างด้วย ย้ำครับ ต่อให้เสื้อแดงเป็นร้อยก็ไม่มีปัญญาจับ ถ้าทหารไม่ยอม....เพราะอะไร ลองนึกตามนะ...
ทหารอยู่บนตึก ..... เสื้อแดงจะจับต้องขึ้นทางบันไดแน่นอน ... บันไดมันขึ้นได้ทีละกี่คนครับ? .... เพียงแค่เล็งมาตรงทางขึ้นบันได้ 2 กระบอก สลับกันยิง...คิดว่าเสื้อแดงจะสามารถบุกขึ้นไปจับทหารได้โดยไม่สูญเสียไหมครับ?? .......
มีวิธีเดียวถ้าไปจับทหารลงมาจากตึกได้จริงคือ ...ทหารได้รับคำสั่งไม่ให้ยิงเด็ดขาด ....... ซึ้งถ้าจวนตัวขนาดโจรจะรุมกระทืบแล้วยังไม่ยิงเนี่ย ... จึงไม่มีความจำเป็นต้องยิงคนที่อยู่พื้นราบเบื้องล่างเลยครับ .....
#305
Posted 13 October 2012 - 12:10
โพสต์ของคุณ redspy
ผมว่าเป็นภาษาไทยที่ชัดเจนนะครับ แต่ถ้าสิงห์มีข้อมูลโต้แย้ง ก็เชิญเลย
ผมลงตัวเลขเป็นข้อๆ ให้ เหมือนระบบศาลสนธิสัญญา เวลาแย้งจะได้อ้างเลข ไม่ต้องอ้างข้อความเยิ่นเย้อ
-------------------------
1 รถตู้คันนั้นมาส่งชายชุดดำตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว
2 พอกลุ่มคนชุดดำลงจากรถ ก็แยกออกเป็นสองกลุ่ม
3 โดยมีรถมอเดอร์ไซค์ โดยการประสานงานของนัทสนามหลวง
4 รับกลุ่มชายชุดดำไปปฎิบัติหน้าที่ๆคอกวัว โดยชุดนี้มีนายหรั่งเป็นหัวหน้าชุด
5 ส่วนอีกชุดประกอบไปด้วยนายเจมส์ นายพล และนายสุกเสข นั่งรถมอเตอร์ไซค์เช่นเดียวกันไปที่ถนนดินสอ
6 และเข้าไปแฝงตัวในบ้านไทยโบราณ เพราะเจ้าของบ้านสนิทกับเสธแดง
7 และขว้างระเบิด m67ใส่ทหาร
8 หลังจากปฎิบัติหน้าที่เสร็จ ก็มารายงานเสธแดงที่ร้านแมค หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ
9 สำหรับชุดนายหรั่งนั้น รถตู้คันเดิมที่มาส่ง กลับมารับโดยใช้เส้นทางผ่านแยกสี่กั๊ก (ตามที่ปรากฎในกล้องวงจรปิด) ตอนสองทุ่มสิบเก้านาที
10 และเมื่อรับชุดนายหรั่งเสร็จก็ขับผ่านแยกสี่กั๊ก(ตามที่ปรากฎในกล้องวงจร ปิด) ตอนสามทุ่มเศษๆ
11 วันรุ่งขึ้นราวๆ 10 โมงเศษ นายพลกับนายสุกเสขก็กลับมาที่บ้านไทยโบราณเพื่อเก็บลูกกระเดื่อง m67 ตามคำสั่งของเสธแดง
ผมว่าคุณ amplepoor รอให้คุณ redspy นำหลักฐานที่เชื่อถือได้มายืนยืนเสียก่อนดีกว่าครับ
อย่าเพิ่งรีบแค่นจะเค้นเอาคำตอบตอนนี้เลย
ว่าแต่ว่าคุณ amplepoor เย็นนี้จะไปที่สวนลุมพินีหรือเปล่าเอ่ย?
เหอๆๆๆๆๆๆ
เพิ่งโจมตีข้อความของเขาไปหยกๆ....พอโดนทวงความเห็น
ป๊อดดดด
ปล
ผมไม่ใช่สาวกแมลงสาบ
ผมรอท่านทักษิณอย่างเดียวครับ ท่านมาเมื่อไหร่ ผมจะใส่ชุดดำไปต้อนรับถึงเชิงตะกอนเลย
#306
Posted 13 October 2012 - 12:12
มีวิธีเดียวถ้าไปจับทหารลงมาจากตึกได้จริงคือ ...ทหารได้รับคำสั่งไม่ให้ยิงเด็ดขาด ....... ซึ้งถ้าจวนตัวขนาดโจรจะรุมกระทืบแล้วยังไม่ยิงเนี่ย ... จึงไม่มีความจำเป็นต้องยิงคนที่อยู่พื้นราบเบื้องล่างเลยครับ .....
ถึงโดนกระทีบสลบ โดนปล้นปืนที่ดินแดงงัยครับ
#307
Posted 13 October 2012 - 12:18
ถ้าทหารถูกสั่งมาให้เดินหน้าฆ่าแหลก จริงๆนี่ ...มันจบไปตั้งแต่ 10 เมษา และแกนนำตายเรียบไปแล้วครับ ไม่ได้มาปากเก่งแบบทุกวันนี้หรอก
- b..., กรรมกรไอที, nokisara and 6 others like this
#308
Posted 13 October 2012 - 12:35
ป่านนี้ แผ่นดินไทยสูงขึ้นเป็นกอง
- พันไมล์ likes this
"ควาย" ในความหมายของผม คือ คนที่มีความคิด เล่นเน็ตเป็น แต่แยกแยะ ดี ชั่ว ถูก ผิด ไม่ได้
มิได้หมายถึง ชาวรากหญ้า ที่เป็นเหยื่อในสงครามทางความคิดครั้งนี้
"คนชั่ว" จะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา... อยากให้ถึงวรรคท้ายของคำทำนาย ไวๆ ว่ะ...
#309
Posted 13 October 2012 - 12:38
ก็ยังมีคนเสื้อแดงคิดว่า ทหารถูกส่งมาให้ ยิงเสื้อแดงเต็มสูบ อยู่ดี เชื่อโดยไม่มองสิ่งรอบข้างและความจริงที่มันเกิดเลย
ถ้าทหารถูกสั่งมาให้เดินหน้าฆ่าแหลก จริงๆนี่ ...มันจบไปตั้งแต่ 10 เมษา และแกนนำตายเรียบไปแล้วครับ ไม่ได้มาปากเก่งแบบทุกวันนี้หรอก
อยากให้เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นจริงๆเล้ย...
#310
Posted 13 October 2012 - 12:48
มีวิธีเดียวถ้าไปจับทหารลงมาจากตึกได้จริงคือ ...ทหารได้รับคำสั่งไม่ให้ยิงเด็ดขาด ....... ซึ้งถ้าจวนตัวขนาดโจรจะรุมกระทืบแล้วยังไม่ยิงเนี่ย ... จึงไม่มีความจำเป็นต้องยิงคนที่อยู่พื้นราบเบื้องล่างเลยครับ .....
ถึงโดนกระทีบสลบ โดนปล้นปืนที่ดินแดงงัยครับ
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่แยกนั้นมีอะไรเกิดขึ้น amplepoor รู้บ้างหรือเปล่า?
#311
Posted 13 October 2012 - 12:49
อ้าวถ้าทำอย่างนั้นแกนนำจะได้นั่งเสวยสุขกันอย่างนี้หรือ ผมไม่เห็นแกนนำที่มีตำแหน่ง ออกมาดิ้นรน หาความจริงกันเลย เห็นแต่จะทำเรื่องปรองดอง ฝ่ายที่ถูกกล่าวหาเสียอีกที่พยายามค้นหาความจริงนี่ถ้าล่อด้วยอาร์พีจีซักลูก บนเวทีตอนแกนนำรวมฝูงกัน
ป่านนี้ แผ่นดินไทยสูงขึ้นเป็นกอง
และเรื่อง 98 ศพ 100 ศพ ก็เหมือนกัน เห็นมีแต่แม่น้องเกดออกมาคนเดียว ญาติคุณวสันต์ก็เงียบ ญาติคนอื่นๆ ก็เงียบ ความจริงชีวิตคนที่เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย ไม่น่ามีค่าแค่นี้เลย ว่าไหม
ผมถามอยู่มู้หนึ่งว่า " นอกจากพวกแกนนำที่ตะโกนปาวๆ บนเวที ได้ดิบได้ดีัไปตามๆ กันแล้ว พวกท่านได้อะไร"
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ " https://www.facebook...akwarakfromyala https://www.facebook.com/NARAPEACE
#312
Posted 13 October 2012 - 12:58
มีวิธีเดียวถ้าไปจับทหารลงมาจากตึกได้จริงคือ ...ทหารได้รับคำสั่งไม่ให้ยิงเด็ดขาด ....... ซึ้งถ้าจวนตัวขนาดโจรจะรุมกระทืบแล้วยังไม่ยิงเนี่ย ... จึงไม่มีความจำเป็นต้องยิงคนที่อยู่พื้นราบเบื้องล่างเลยครับ .....
ถึงโดนกระทีบสลบ โดนปล้นปืนที่ดินแดงงัยครับ
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่แยกนั้นมีอะไรเกิดขึ้น amplepoor รู้บ้างหรือเปล่า?
อะไรที่ออกจากปากคุณ มี 2 อย่าง
1 โกหก
2 แถ
ตอบคำถามเรื่อง redspy ก่อนเถอะ อายเค้า
#313
Posted 13 October 2012 - 13:01
มีวิธีเดียวถ้าไปจับทหารลงมาจากตึกได้จริงคือ ...ทหารได้รับคำสั่งไม่ให้ยิงเด็ดขาด ....... ซึ้งถ้าจวนตัวขนาดโจรจะรุมกระทืบแล้วยังไม่ยิงเนี่ย ... จึงไม่มีความจำเป็นต้องยิงคนที่อยู่พื้นราบเบื้องล่างเลยครับ .....
ถึงโดนกระทีบสลบ โดนปล้นปืนที่ดินแดงงัยครับ
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่แยกนั้นมีอะไรเกิดขึ้น amplepoor รู้บ้างหรือเปล่า?
อะไรที่ออกจากปากคุณ มี 2 อย่าง
1 โกหก
2 แถ
ตอบคำถามเรื่อง redspy ก่อนเถอะ อายเค้า
นั่นสิ ทำไปได้ เหตุการณ์ผ่านมา 2 ปี
ทำไมเพิ่งจะนำข้อมูลใหม่สดซิงๆ มาเปิด
พอปล่อยออกมา พวกก็ไม่มีข้อสงสัยแต่ประการใด
สวนลุมพินีเย็นนี้ไม่รู้จะมีข้อมูลแผ่นพับหรือดีวีดีแจกหรือเปล่า?
#314
Posted 13 October 2012 - 13:11
นี่ก็เพิ่งเจอ รูปใหม่ๆ สดๆ
#315
Posted 13 October 2012 - 13:19
http://teeserichon.b.../blog-post.html
การปรากฏตัวของ "นักรบนิรนาม"
การปรากฏตัวของ "นักรบนิรนาม"
เหตุการณ์ 13 พฤษภาคม 2553เริ่มแรกเย็น วันที่ 13 พค.2553 ผมนั่งTAXI ไปถึงราชประสงค์ ก็ประมาณ 5 โมงเย็นครับ พอถึงก็นั่งฟังเขาปราศรัยที่เวที ทางด้านขวาตรงช้างตัวใหญ่ๆครับซักพักใหญ่ๆก็มีรถไฟฟ้าBTSมาจอดหลายรอบตรง กับZENหลายรอบแล้วก็แล่นกลับไปกลับมา จอดบ้าง มาชะลอดูบ้าง ทำให้แถวๆนั้นผู้คนแตกตื่นมากครับ พอซักพักใหญ่ๆผมก็เดินไปที่ ด่านสีลม(ปรกติถ้าไปผมจะไปด้านนี้ด่านอื่นไม่ เคยไปครับ) ผมก็เดินไป เรื่อยๆครับ จนถึงแยกก่อนที่จะถึง รพ.จุฬาฯ ก็เห็นคนวิ่งแตกตื่นกันอลม่านผมก็เลยถามคนที่วิ่ง มาเป็นผู้หญิง อายุประมาณ30กว่าๆ แกก็บอกว่า "เสธแดงโดนยิง" ผมก็รีบเดินไป ต่อ แต่ตอนนั้นเท่าที่ดูไม่มีแกนนำหรือใครที่จะเป็นคนคุมมวลชนที่นั่นเลยครับ ทุกคนแตกตื่นกันมาก ทุกคนที่วิ่งมาปากก็บอกว่า เสธแดงโดนยิงๆตลอดทาง แล้วผมก็เห็นรถคันสีขาวที่ใช้พาอาแดงของเราไป รพ.หัวเฉียว หรือเปล่าไม่แน่ใจแต่ที่แน่ๆคนที่อยู่บนรถก็ตะโกนโหวกเหวกให้หลบไปๆ.. ผมก็เดินไปต่อสวนทางกับคนที่วิ่งแตกตื่นมาตลอดทาง ก็เจอพี่คนหนึ่งตัวใหญ่ๆสูงขาวบอกว่า ขออาสาใครที่กล้าไป ช่วยกันที่ด่านสีลม ผมก็เดินไปกับพี่เขาปากก็บอกว่า ขอคนกล้าไปช่วยกันที่ด่านสีลม แต่ไม่มีใครตามมาเลยวิ่งกลับกันหมด ทั้งนักข่าวต่างประเทศ ก็วิ่งหน้าตาตื่นกลับมาหลายคนเหมือนกัน พอผมเดินมาถึงด่านที่ติดกับตึก รพ.จุฬาที่ตั้งด่านปิดถนนทั้งสองฝั่งก็ มี ระเบิดตู้ม! ... เห็นเต็มตา ... เท่านั้นครับผมก็หมอบหน้ารถเก๋งคันหนึ่งที่จอดอยู่เพราะมีเสียงระเบิด อีกหลายลูก.. ผมไม่ทราบ ว่ากี่ลูกแต่มากกว่าสามลูก เท่าที่ผมได้ยินปนกับเสียงปืนไม่รู้ยิงจากไหนลงจุดไหน ยิงอีกหลายนัด ผม ก็หลบแต่พยายามมองไปข้างหน้าที่ระเบิดตกแล้วมองหาคนที่ยิงปืนออกมาจาก ข้างใน รพ.จุฬาฯ (ตอนนั้นผมคิดว่ายังไงๆเสียงระเบิดและปืนไม่แน่ใจว่าเป็นM16หรือ เปล่าน่าจะยิงออกมาจาก รพ.จุฬาแน่ๆครับ).. ณ.ตอนนั้นจากเสียงที่ได้ยินผมคิดว่าอย่างนั้น ตอนนั้นยังไม่มีใครกล้าไป อยู่ไปอยู่ข้างๆด่านวิ่งหลบกันวุ่น ปากก็ตะโกนว่าดับไฟทุกดวงดับไฟๆ..ใครมีหนังสะติ๊กก็ยิงหลอดไฟที่อยู่ ที่สูงขณะที่พวกผมกำลังเอาสิ่งของ ที่พอจะเก็บหาได้เพื่อปาหลอดไฟตามทางตามเต้นแต่มี หลอดหนึ่งที่อยู่ติด ด่านยิงยังไงก็ก็ไม่ดับก็มีลูกกระสุนยิงมาใส่หลายลูก ปัง ปัง ปัง!จาก ข้างใน รพ. อันนี้ผมเลยแน่ใจว่า ยิงมาจาก รพ.จุฬาฯ แน่ๆ ฝ่านเรามีแค่บั้งไฟที่พอจะจุดยิงเข้าไปฝั่ง รพ.จุฬาฯได้กับหนังสะติ๊ก (ผมรู้สึกอนาถใจมากครับ หนังสติ๊ก กับ บั้ง ไฟ ไม่กี่อันสู้กับ M79 กับ ปืนของทหาร ที่ยิงสวนมาเป็นระยะๆ) .. แต่ไม่มีใครถูกกระสุน ตรงที่ผมอยู่ที่ด่านใต้รางที่รถBTSวิ่ง แต่ที่ข้างในด่านมี มอเตอร์ไซค์พาคนที่โดนยิงและสะเก็ดระเบิด ไปส่ง รพ. พวกผมก็พยามยามพูดกันว่า จะดับไฟทีเสาต้นนี้อย่างไรมันอยู่สูงครับพอมีคนไปยิงหลอดไฟให้ดับ ทหาร ใน รพ.จุฬาก็ยิงปืนสวนออกมา พวกผมก็หลบกันหลังรถบ้าง ตามเต้นท์บ้าง แต่กระสุนไม่ถูกใคร หลอดไฟก็สว่างพี่ๆแถวนั้น เขาก็พาก็พากันยิงจนดับ เสียงปืนเงียบลง คนที่ใส่เสื้อสีขาวเราก็บอกว่าให้หาเสื้อสีดำมาเปลี่ยน ใครที่จะเข้าไปที่เต้นส่วนมากเป็นพี่ผู้หญิงที่ อยู่ประจำเต้นท์ จะกลับเข้าไปซึ่งตอนนั้นพวกผมก็คิดว่ายังอันตรายอยู่ ก็บอกว่าพี่อย่า พึ่งเข้าไป ใครที่ใส่เสื้อสีขาวก็ให้ไปหาเสื้อเปลี่ยนใหม่ พอเราแน่ใจว่าเริ่มไม่มีเสียงปืนแล้วเราก็พากันหมอบไปตามทางด้านถนนที่ ติดกับสวนลุมเพื่อความปลอดภัยเพราะไฟสว่าง พวกเราก็ ตะโกนให้ดับไฟให้หมด เพื่อใช้ความมืดพรางตัวไม่ให้ตกเป็นเป้า พอกระสุนปืนเงียบ ผมก็ไปรวมตัวกลุ่มหลังเต้นท์ ติดสวนลุมตรงถนน ก็คุยกันว่า อาแดงของเราโดนยิงตรงไหน เชื่อไหมครับเท่าที่ผมรู้สึกได้ ทุกคนที่ด่านสีลม เขาเชื่อและศรัทธาอาเสธแดงของเรามาก แบบไม่รู้ว่าผมจะพูดยังไงขนาดในเวปเวลาที่ผมคุยตามCBOXต่างๆ อาเสธแดง คือคนที่เราพูดถึงมากที่สุด ทั้งด่านสีลมและในโลกไซเบอร์ ที่ผม เคยคุย อาแดง คือขวัญและกำลังใจอย่างไม่กล่าวอ้างไม่ได้ผมเชื่ออย่างนั้นครับ แล้ว เราก็นั่งคุยกันพยายามไม่เคลื่อนไหว ผมก็เลยไปรู้จักกับเพื่อนอีกสองคนที่เขาอยู่ที่ด่านนี้ตลอดชื่อ เบียร์ (เป็นคนอุดร) กับ ต้น (จำจังหวัดไม่ได้ครับ) แล้วก็นั่งคุยกันเรื่อยๆซัก30นาทีได้ แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็มีคนเดินมาแล้วบอกห้ามเข้าไปตรงนั้น มีพี่ๆกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งมาถึงจากการ แต่งตัวผมคิดว่าไม่ ใช่การ์ดแน่ๆแต่งตัวเหมือนทหารเริ่มเดินแถวที่พวกผม นั่งอยู่ แล้วผมก็สังเกตุที่กระเป๋าเป้ผมก็รู้สึกถึงคำว่า "นักรบโรนิน" ขึ้นมาทันที่ที่อาแดงเคยพูดบ่อยๆในเวป ที่อ่านเจอ และสักพักก็มีพี่คนหนึ่งมาฝากถุงสีดำอะไรก็ไม่รู้ แต่หนักบอกแค่ว่า ห้ามดูดบุหรี่ใกล้ๆนะ(พอจะนึก ถึงกับดักที่วางไว้ตามป่าไหมครับ) แล้ว แกก็ไปสมทบกับกลุ่มของแกอีกเต้นท์หนึ่ง เราก็นั่งไปเรื่อยๆคุยกันไปและ พี่เขาบอก ห้ามคนเข้าไปบริเวณ ที่แกบอกเพราะตอนนั้นพอคนที่วิ่งหนีจาก เต้นท์เริ่มทะยอยกลับเข้าไปเก็บของส่วนตัว พี่ๆเขาก็บอกไม่ให้เข้าไป อันตราย บริเวณนั้นจึงไม่มีใครที่ไปได้นอก จากนักข่าวที่ดื้อจริงๆ พี่ๆก็ปล่อยไปบอกช่าง เขาเตือนแล้วว่ามีพลซุ่มยิงตามตึก สักพักพี่เขาก็มาเอาถุงคืน และผมช่วยถือไปถุงหนึ่งแต่อีกถุงต้องใช้สองคนยกไปครับค่อน ข้างหนักมาก เมื่อเหตุการณ์เริ่มปรกติ น้องที่ชื่อเบียร์ก็พาผมไปนอนที่เต้นอุดรฯ ติดด่านตรงทางลงรถไฟฟ้าใต้ดินMRT จุดที่อาแดงโดนยิงครับ สักพักก็มีคนมาก่อกวนที่ด่าน มียิงหนังสติ๊ก+ปาหินใส่ ส่วนที่ด่านฝั่งเรา ก็จุดบั้งไฟ+ปาหิน+จุดประทัดยักษ์ใส่บ้าง แต่มีช่วงหนึ่งที่มีคนขี่ มอเตอร์ไซต์ มาปาระเบิดมือใส่ ตอนนั้นผมยืนบนยางนอกรถ ที่กองซ้อนเป็นด่าน มองเห็น คน ที่ขี่มาปาระเบิด อายุประมาณ 21-25ปี ผมคิดว่าน่าจะเป็นทหารเกณฑ์ครับ เสียงสนั่นเลย แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากนั้นสักพักก็มีเสียงปืนยิง พวกเราต้องวิ่งหนีเป็นระยะๆตอนนั้นที่ตอบโต้ได้ก็มีแต่ หนังสติ๊ก กับ บั้งไฟ เท่านั้นจนมีเสียง ปืน+M-79 ที่ยิงมาจาก ตึก .น่าจะเป็นโรงแรมที่เขาบอกว่า สไนเปอร์ยิง อาแดง (เอราวัณหรืออะไรเนี่ยแหละ).. คือเขายิงมา เราก็ได้แต่วิ่งหลบตามเต้นท์อย่างเดียว เอน็จอนาถครับ M-79 ทหารยิงใส่หน้าด่าน เพื่อก่อกวนพวกเรา3-4 ลูก สงสัยจะไม่ไห้ได้พักผ่อนมั้งครับ ช่วงนั้นค่อนข้างตึงเครียด จนพี่ที่ (น่าจะ)เป็น ทหารโรนิน เขาอดไม่ได้มั้งครับที่ ทหารยิงเราฝ่ายเดียว เขาก็เลยยิงสวนไปบนโรงแรมนั้น ชุดละ 6-7นัด ประมานสองชุด ใส่ทหารที่ยิงจากบนตึกลงมา(ยังมี รอยกระสุนอยู่เลยครับ) อีกคนน่าจะเป็นปืนสั้นจนหมดแม็ก แล้วบนตึกก็เงียบ หลังจากนั้นไม่มีการยิงมาหน้าด่านอีกแต่ที่ฝั่งถนนวิทยุก็ได้ยินเสียง ระเบิด ปืนดัง เห็นบอกว่าเสื้อแดงเราตายไป 1คน โดนทหารที่ด่านสองยิง ส่วนที่ด่านสามไม่รู้เป็นทหารหรือตำรวจครับยิงกัน ฝั่งนั้น ก็ได้ยินเสียงปะทะนานเหมือนกัน จังหว่ะนั้นผมเลยหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาก็ปาไป เที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงยิงM-79 จากบนตึกลงมาอึก3นัด บริเวณที่หน้าด่านติดต่อกันเลยครับ (บึ้ม บึ้ม บึ้ม)โหครับ! หาที่หลบกันใหญ่เลยครับ ก็มีพี่อีกคนตะโกนว่าหาที่ปลอดภัยหลบ เท่านั้นแหละครับผมก็พลัดหลงกับต้น เหลือสองคนคือผมกับ เบียร์ ก็ไปหลบอยู่ตรงที่เป็นสนามหญ้าที่หน้าประตูเข้าสวนลุม ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีทหารยิงจากตึกอีกเลย ผมดูนาฬิกาอีกทีก็ตี 1กว่าแล้ว เลยไปนอนบนเสื่อที่เขาพากันวิ่งหนีไปหานอนที่อื่น แบบเพลียมากครับ ก็นอนคุยกันแต่ก็ยังได้ยินเสียงปืนจากฝั่งถนนวิทยุ เป็นช่วงๆ และเสียงรถพยาบาลวิ่งตลอด มีพี่ผู้หญิงกับพี่ผู้ชายมานอนข้างๆเขาบอกว่า เห็นตอนทหารยิงM-79 มาจากตึก รพ.จุฬาฯ บอกเป็นแสงไฟพุ่งเลยครับ สักพักพวกเราก็นอนคุยกันไปเรื่อยๆกับพี่ที่มาร่วมกันสู้ ข้างๆอีกสองคน คนหนึงเป็นหน่วยกู้ภัยอาสา ส่วนอีกคนเขาก็มาเหมือนผมครับ ว่างช่วยกันเฝ้าด่าน คุยกันจนตี4ได้นอนถึงซัก 6โมงเช้าครับ
เหตุการณ์ 14 พฤษภาคม 2553.. พอไปถึงเต้นท์ของอุดรตอนเช้า (ผมได้แปรงฟันเพราะพกแปรงไปด้วยส่วนอาบน้ำหรือครับไม่ต้องพูดครับไม่ ได้อาบ55)ตอนแรก พอ 8โมงเช้า กะว่าจะกลับไปศิริราช ปรกติผมจะมาที่ราชประสงค์ที่ด่าน เช้าก็กลับแต่เช้านี้ไม่ไหวครับก็เลยว่า จะอยู่ต่อวันนี้ เพราะมีข่าวว่าทหารจะมาสลาย เพลียบวกนอนน้อยทหารป่วนตั้งเย็นของวันที่13 พค เลยหากินข้าว (มีข้าวเปล่ากับไข่ 2ฟองครับ) แล้วก็ง่วงมากเลยนอนต่อที่เต้นท์ นอนไม่ค่อยหลับหรอกครับ พอกำลังจะหลับก็มีคนตะโกน ทหารเคลื่อนพลมาแล้ว ก็สะดุ้งตื่นวิ่งไปดูที่หน้าด่านทุกคนก็ลุกกันใหญ่เลย พอไปดูก็บอกเริ่มเคลื่อนมาแต่ยังอยู่ไกล ทุกครั้งที่ทหารเริ่มเคลื่อน ก็จะมีคนตะโกนได้ซัก 3-4 รอบ จนเที่ยงนอนด้วยสะดุ้งด้วยครับ (ร้อนก็ร้อนครับ) .. พอเที่ยงนี่แหละครับ ต้องตื่นทหารมาจนถึงตีนสะพานพวกเราก็วิ่งกันใหญ่พากันเอาน้ำมันราดหน้าด่าน ถ้าทหารมาจะได้เผาด้านถ่วงเวลาให้ได้นานๆแต่พอทหารจะเคลื่อนมาก็มีมวลชน ของเราที่มาแล้วอยู่หน้าด่านใต้สะพานข้ามสี่แยกก็ขี่มอเตอร์ไซต์ขับวิ่ง กลับไปกลับมา ยิงหนังสติ๊กยิงบั้งไฟใส่ทหารและ จุดล้อยางเผา ปาแก้วใส่ถนน ส่วนทหารก็ยิงมาเป็นระยะ+ระเบิดด้วยหลายตู้มเลย (กระสุนจริงครับ) ก็มีรถพยาบาลมาหลายคัน เช่นกันมวลชนของเราด้านนอกด่านนี่สู้จริงๆ ทหาร นี่ ยิงจากด้านล่างด้วยจากบนตึกด้วย พอประมาณบ่ายเนี่ยแหละครับ ทั้งจากตึก เราต้องหลบกันใหญ่หลบตามซุ้มตามเต้นท์โดนทหารยิงมาบ่อยมาก จากตึกสูงแต่ละคนที่ดูตอนนั้นต่างคนต่างหิว ดีนะครับมีขนมจีนกับแกงไก่ แค่นั้นแหละครับ ประทังความหิวกัน .. นักข่าวเห็นพวกเรากินก็ถ่ายรูปไว้กินด้วยวิ่งหลบด้วย ผมว่าฝรั่งคงรู้สึกเวทนาเรามากมั้งครับ ไหนจะต้องหลบกระสุนไหนจะหิวกิน ขนมจีน ท่ามกลางทหารที่พยายามจ้องจะเอาชีวิตเรา จากที่สูง ยิงใส่มวลชนที่อยู่รอบนอกและหน้าด่านด้วย .. ส่วน ฮ.มีแค่ลำเดียวครับ บินวนไปวนมาพวกเราได้แค่ยิงบั้งไฟใส่ขู่แค่นั้นแหละครับ แต่มีช่วงหนึ่ง ฮ.ปล่อยน่าจะเป็นแก๊สน้ำตา ลงมา ผมก็ได้ยินเสียง ปืนดัง สอง-สามครั้ง แต่ละครั้งจะยิงแบบ รัวครั้งละ4-5นัด ส่องฮ. ผมไม่เห็นคนยิงแต่ต้น (เจอ กันตอนหาข้าวกินครับ) เห็นพี่ทหารที่ยิงเล่าว่า คนหนึ่งบอกตำแหน่ง อีกคนยิงแบบไม่ได้เล็งนาน แค่ยกปืนขึ้นยิงเลย ปัง ปัง ปัง ปัง แล้วถ้าไม่ถูกก็รอจังหว่ะใหม่ แต่ตอนที่ถูกพี่เขาบอกว่าถูกแล้วคนอื่นแทบไม่รู้ว่าถูกแต่คนยิงบอกว่า ถูกหลังจากนั้น ฮ.ก็บินไปเลยครับ ไม่มารบกวนแล้ว จากนั้นพวกเราก็พยายามดูที่สวนลุมด้วยแต่มีพี่คนหนึ่งไป ยืนสังเกตุทหารแถวสวนลุมโดนยิงจากสไนเปอร์ที่ขานี่เกือบขาดแบบ ห้อยต้องแต่งๆน่าสงสารครับยืนอยู่เฉยๆไม่รู้ยิงมาจากตึกไหนครับและก็นำส่ง รพ.ต่อ
พี่ๆ "นักรบโรนิน" ปราก ฎตัว.. พอถึงตอนนี้แหละครับเมื่อทหารยิงเสื้อแดงเราไปหลายคน ผมได้ยินพี่คนหนึ่งบอกว่า
เรา จะสูญเสียมวลชนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว.. เท่านั้นแหละครับ ก็เริ่มมี่ พี่ๆที่ แต่ง ตัวด้วยเสื้อคลุมสีดำ (ถ้า สังเกตดีๆจะรู้ว่าปืนมาด้วย) กระเป๋าเป้ เดินมาเป็นกลุ่มละ3-4คน พยายามหาทหารบนตึก เพื่อตรวจสอบตำแหน่ง พี่ ทหารโรนิน ที่มาน่าจะมากกว่า 8 คน แต่ไม่เกิน 15คน แต่เอาที่ผมเห็นถือสัมภาระ ก็ประมาณ 8คนได้ และพวกพี่ที่เป็น คนคอยชี้เป้า อีกต่างหาก พอเห็นเป้า ก็วิ่งมาคุยกันบอก...ตำแหน่งไม่อยู่กับที่นะครับ วิ่งสับไปสับมา ผมไปหมอบอยู่ในเต้นท์ริมกำแพง (ว่างๆไปดูรูที่เจาะไว้น ที่ริมกำแพงให้พี่เขา ไป ดูตำแหน่งสไนเปอร์) เพราะตอนนั้นทุกคนจะหลบตามเต้นท์ไม่ให้ สไนเปอร์ส่องได้ครับ .. ตอนนี้ครับ ยิงกันมันเลย ทั้งปืนทั้ง ระเบิด แต่พี่ทหารที่มาช่วยเรา เขายิงเฉพาะทหารที่ซุ่มอยู่บนตึกต่างๆ ผมจำตึกไม่ได้แต่มีตึกธาคาร แถวนั้นมีหมดแหละครับ .. ส่วน ปืน และ ระเบิด ผมไม่ทราบว่าเป็นรุ่นไหนจะมีเสียง “โบ๊ะ” ถ้าเรา นับก็ประมาณ 5วินาที แล้วก็จะได้ยินเสียง“บึ๊ม!” ที่ตำแหน่ง ใกล้ๆทหาร แต่ทหารก็ยิงระเบิดโต้ตอบ หลายลูกเหมือนกัน ยิงใส่ตรงบริเวณตีนสะพาน ยิงสวนกันไปสวนกันมา เป็น..ชั่วโมงครับ ได้ยินพี่คนหนึ่งบอกว่ายิงไปสอง สักพักก็เปลี่ยนตำแน่งมายิงตรงที่ผมหมอบอยู่ ผมหูอื้อไปหลายชั่วโมงเลย ห่างที่ผมอยู่ประมาณ 3 ฟุตได้ .. แล้วพี่อีกคนหนึ่งก็ถามว่า ใครมีหมวกบ้าง ผมก็มีแต่หมวกกันน็อกอยู่ใกล้ๆ เลยบอกพี่เขาว่า เอา ไหมครับ พี่เขาบอก ไม่เอา เขาถามกลับว่า มีหมวกสีดำไหม แล้วเขาเห็นคนหนึ่งใส่หมวกก็บอกผมให้ไปขอให้หน่อย ผมคลานไปขอหมอกเขา มาให้ (แต่ปรกติพี่เขาก็ทำตัวธรรมดาเหมือนคนทั่วไปครับให้กลมกลืน) ถ้า เวลา ยิง พี่ๆเขาพยายามปิดหน้ากลัวนักข่าวเห็นหรือไรไม่ทราบ สัก 5 โมงเย็น พอ สไนเปอร์ รู้ตำแหน่งที่พี่เขาอยู่ เขาก็บอกให้ย้ายไปจากเต้นให้หมดครับ ประมาณ 5-6 ช่วงเต้นท์ แต่พี่เขาไปสังเกตการณ์ถอยไปตั้ง 100 เมตรได้ครับ .......บทความจากรุ่งศิลา
#316
Posted 13 October 2012 - 13:23
มีวิธีเดียวถ้าไปจับทหารลงมาจากตึกได้จริงคือ ...ทหารได้รับคำสั่งไม่ให้ยิงเด็ดขาด ....... ซึ้งถ้าจวนตัวขนาดโจรจะรุมกระทืบแล้วยังไม่ยิงเนี่ย ... จึงไม่มีความจำเป็นต้องยิงคนที่อยู่พื้นราบเบื้องล่างเลยครับ .....
ถึงโดนกระทีบสลบ โดนปล้นปืนที่ดินแดงงัยครับ
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่แยกนั้นมีอะไรเกิดขึ้น amplepoor รู้บ้างหรือเปล่า?
อะไรที่ออกจากปากคุณ มี 2 อย่าง
1 โกหก
2 แถ
ตอบคำถามเรื่อง redspy ก่อนเถอะ อายเค้า
นั่นสิ ทำไปได้ เหตุการณ์ผ่านมา 2 ปี
ทำไมเพิ่งจะนำข้อมูลใหม่สดซิงๆ มาเปิด
พอปล่อยออกมา พวกก็ไม่มีข้อสงสัยแต่ประการใด
สวนลุมพินีเย็นนี้ไม่รู้จะมีข้อมูลแผ่นพับหรือดีวีดีแจกหรือเปล่า?
เพราะมันมีขบวนการของสัตว์นรก ที่จะกลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำ
ทำผู้ก่อการร้าย ให้เป็นประชาชนบริสุทธิ์ ผู้เรียกร้องประชาติ๊บไต นะซิ สิงห์
"ควาย" ในความหมายของผม คือ คนที่มีความคิด เล่นเน็ตเป็น แต่แยกแยะ ดี ชั่ว ถูก ผิด ไม่ได้
มิได้หมายถึง ชาวรากหญ้า ที่เป็นเหยื่อในสงครามทางความคิดครั้งนี้
"คนชั่ว" จะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา... อยากให้ถึงวรรคท้ายของคำทำนาย ไวๆ ว่ะ...
#317
Posted 13 October 2012 - 13:28
ความเลวมันฝังลึก เหมือนนิติราดแหละ เขาปฎิวัติมา 5 ปี เพิ่งนึกได้ว่าต้องล้างผลพวง กระ ดองสนธิบัง
นี่ก็เพิ่งเจอ รูปใหม่ๆ สดๆ
รูปนี้เอาจริงหรือเอาฮาครับนี่
อ้อ รูปประกอบบทความ
Edited by สิงห์สนามหลวง, 13 October 2012 - 13:29.
#318
Posted 13 October 2012 - 13:49
เก็บข้อมูล ^^" ต่อคำถามเรื่องที่ว่า บนตึกสามารถใช้ปืนประเภท ปลย. ยิงได้ไหม ก็ต้องขอตอบว่าได้ครับ....แต่ถ้าบอกว่าเสื้อแดงขึ้นตึกไปจับลงมานั้น ...อืมมม น่าจะเหนือมนุษย์เกินไป เพราะ.....
ถ้าเป็น M-16 ทหารยิ่งมีความชำนาญสูงและไม่ได้เกะกะอะไรครับ แลปกติทหารจะไม่อยู่เดี่ยวๆ อย่างน้อยอยู่ 2 คน ..
การที่โจรสวะที่ไม่ได้ฝึกอะไรมาขึ้นไปจับได้นั้นเป็นได้กรณีเดียวคือ ทหารไม่ได้คิดต่อสู้ หรือถูกย้ำโดยคำสั่งว่า "ห้ามยิง" เด็ดขาด .... คิดเหรอครับว่าถ้าเสื้อแดงขึ้นไปจับแล้วทหารมีคำสั่งว่าให้ยิงสู้ได้ จะสามารถจับได้น่ะ ผมว่าขึ้นไปร้อยก็ตายร้อย ยิ่งเป็นการขึ้นไปบนการตั้งรับของทหารบนสิ่งปลูกสร้างด้วย ย้ำครับ ต่อให้เสื้อแดงเป็นร้อยก็ไม่มีปัญญาจับ ถ้าทหารไม่ยอม....เพราะอะไร ลองนึกตามนะ...
ทหารอยู่บนตึก ..... เสื้อแดงจะจับต้องขึ้นทางบันไดแน่นอน ... บันไดมันขึ้นได้ทีละกี่คนครับ? .... เพียงแค่เล็งมาตรงทางขึ้นบันได้ 2 กระบอก สลับกันยิง...คิดว่าเสื้อแดงจะสามารถบุกขึ้นไปจับทหารได้โดยไม่สูญเสียไหมครับ?? .......
มีวิธีเดียวถ้าไปจับทหารลงมาจากตึกได้จริงคือ ...ทหารได้รับคำสั่งไม่ให้ยิงเด็ดขาด ....... ซึ้งถ้าจวนตัวขนาดโจรจะรุมกระทืบแล้วยังไม่ยิงเนี่ย ... จึงไม่มีความจำเป็นต้องยิงคนที่อยู่พื้นราบเบื้องล่างเลยครับ .....
ที่ผมรู้สึกฮาที่สุดคือ พอจับได้ กลับไม่ยอมถ่ายรูปหรือคลิปเก็บไว้เลย กว่าจะมีรูปก็โน่น ไปถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว ผลงานชิ้นโบว์แดงขนาดนี้ กลับเงียบเชียบเหลือเกิน แทบไม่มีใครเอามากระพือข่าวเลย เห็นแต่ในเว็บพันทิพของคุณสิงห์เท่านั้น
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#319
Posted 13 October 2012 - 13:55
ก็ยังมีคนเสื้อแดงคิดว่า ทหารถูกส่งมาให้ ยิงเสื้อแดงเต็มสูบ อยู่ดี เชื่อโดยไม่มองสิ่งรอบข้างและความจริงที่มันเกิดเลย
ถ้าทหารถูกสั่งมาให้เดินหน้าฆ่าแหลก จริงๆนี่ ...มันจบไปตั้งแต่ 10 เมษา และแกนนำตายเรียบไปแล้วครับ ไม่ได้มาปากเก่งแบบทุกวันนี้หรอก
อยากให้เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นจริงๆเล้ย...
นึกอยากรู้จริงๆว่าถ้าเกิดเป็นแบบนี้จริงๆ แบบว่าเข้มมาเข้มกลับ ม้วนเดียวจบ จริงๆ
อะไรจะเกิดขึ้น
เค้ามีแผนรองรับเรื่องนี้กันบ้างมั้ยคะ
เช่นแห่ศพ ฟ้องโลก และอะไรอื่นๆอีกมากมาย
ขนาดคำสั่งแบบนี้ยังโดน
มีคนเค้าว่ามาร์คแหย
เค้าคิดรอบด้านจริงๆหรือปล่าว หวังดีจริงหรือไม่
ถามประดับความเข้าใจค่ะ
#320
Posted 13 October 2012 - 13:56
รูปนี้เอาจริงหรือเอาฮาครับนี่
อ้อ รูปประกอบบทความ
หึหึ
รุ่งศิลานี่ ไม่ใช่โนเนมในหมู่แดง
เขาทำรูปเหล่านี้มาทำไม
ทำเล่นๆ เหมือนที่สัตว์เต้นบอกว่า
มารดามันสอนให้ตกใจวิ่งไล่กระทืบพ่อ ...เอ้ย วิ่งชนกระจกใช่ใหม
Edited by amplepoor, 13 October 2012 - 13:56.
#321
Posted 13 October 2012 - 13:58
รูปนี้เอาจริงหรือเอาฮาครับนี่
อ้อ รูปประกอบบทความ
หึหึ
รุ่งศิลานี่ ไม่ใช่โนเนมในหมู่แดง
เขาทำรูปเหล่านี้มาทำไม
ทำเล่นๆ เหมือนที่สัตว์เต้นบอกว่า
มารดามันสอนให้ตกใจวิ่งไล่กระทืบพ่อ ...เอ้ย วิ่งชนกระจกใช่ใหม
ใครคะรุ่งศิลา คุณแอม
#322
Posted 13 October 2012 - 14:01
แต่สิงห์เขาก็เชื่อนะ จินตนาการสูงโคตร........
ปล
ตอบคุณรุ้ง
รุ่งศิลาเป็นนักเขียนที่ขยันพอๆ กับสิงห์
นายรุ่งศิลา ศาสตราวุธคือใคร?
http://forum.seritha...php?f=2&t=12132
ที่ตลกก็คือ เขาชื่อรุ่งศิลา แต่สะกดอังกฤษใช้ รุ่งศิรา
Edited by amplepoor, 13 October 2012 - 14:03.
- overtherainbow likes this
#324
Posted 13 October 2012 - 15:26
นี่ถ้าล่อด้วยอาร์พีจีซักลูก บนเวทีตอนแกนนำรวมฝูงกัน
ป่านนี้ แผ่นดินไทยสูงขึ้นเป็นกอง
โหดเกิ๊นนนน...........แต่ก็ดีนะท่านศรฯ
- ศรอรชุน likes this
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#325
Posted 13 October 2012 - 16:15
.
น้องเบิร์ด ทำคลังคลิบใน FB เหอะ
จำเป็นแล้วละ
หยิบมาฝากค่ะ...
http://www.facebook....27714654?ref=hl
ขอบคุณครับ
#326
Posted 13 October 2012 - 18:55
วันจันทร์ที่ 17 กันยายน 2012 เวลา 13:45 น. เขียนโดย isranews หมวด ข่าว
ขณะที่สังคมกำลังใจจดใจจ่อรอคณะกรรมการ อิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เปิดเผยรายงานฉบับสมบูรณ์ ในวันนี้ เวลา 13.30 น. โดยไฮไลต์อยู่ที่การระบุถึง “ชายชุดดำ” ซึ่งเป็นกลุ่มคนใช้อาวุธสงครามปะปนอยู่ในหมู่ผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ระหว่างการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง ในเดือน มี.ค.-พ.ค.2553 และเป็นผู้ใช้อาวุธสงครามตอบโต้กับเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสูญเสียในเวลาต่อมา
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ขอนำเสนอส่วนหนึ่งของรายงาน คอป.ที่มีจำนวนถึง 521 หน้า ถึงการปรากฎตัวของ “ชายชุดดำ” โดยปรากฎพยานหลักฐานยืนยันการมีอยู่ของกลุ่มคนดังกล่าว ดังนี้
2.3.2.6 การปรากฏตัวของคนชุดดำ (หน้า 187)
1) มีผู้ชุมนุมบางคนใช้ผ้าปกปิดใบหน้า ผู้ปกปิดใบหน้าบางคนปีนขึ้นไปใช้ถุงดำคลุมหรือหันกล้องซีซีทีวีบริเวณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปในทิศทางที่ไม่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ได้ ทาง ศอฉ. เห็นว่าเป็นกระทำอย่างมีแผนการเพื่อจะปกปิดการกระทำผิดกฎหมายของผู้ชุมนุม ขณะที่ นปช. อธิบายว่าเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม เป็นการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม
2) พบการปรากฏตัวของคนชุดดำพร้อมอาวุธสงคราม 5 คน อยู่ในที่ชุมนุม ในจำนวนนี้มีผู้ใกล้ชิดกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง)1 ด้วย ผู้สื่อข่าวต่างประเทศคนหนึ่งพบเห็นกลุ่มบุคคลดังกล่าวถืออาวุธ ปลย. ชนิด เอเค 47 และชนิดเอ็ม 16 เครื่องยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 และปืนพก ที่บริเวณปากซอยข้างร้านแมคโดนัลด์ที่เชื่อมต่อไปออกถนนตะนาว ตรงด้านหลังอาคารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ซอยหลังอาคารกองสลากเก่า) ถนนราชดำเนินกลาง โดยพบเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. ก่อนที่ทหารบนถนนตะนาวและบนถนนดินสอจะถูกโจมตีด้วยอาวุธสงครามไม่นาน
นอกจากนี้ในช่วงเหตุการณ์ปะทะกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนของกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 พบคนชุดดำจำนวน 4 คน ถืออาวุธปลย. ชนิดเอเค 47 และ ปลย. ไม่ทราบชนิดเดินออกมาจากถนนตะนาวฝั่งอนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ เข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณสี่แยกคอกวัว และหลังจากเหตุการณ์รุนแรงเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวได้ยึดอาวุธเครื่องยิง ลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 จากคนชุดดำที่บริเวณสี่แยกคอกวัว ได้จำนวน 1 กระบอก2
หลังเกิดเหตุรุนแรงบริเวณถนนตะนาว เวลา 20.37 น. มีนักข่าวชาวต่างประเทศคนหนึ่งพบคนชุดดำถืออาวุธ ปลย. ชนิดเอเค 47 ในบริเวณเดียวกันและได้ถ่ายภาพไว้ด้วย3 ยังปรากฏภาพถ่ายคนถืออาวุธปลย. ชนิดเอ็ม 16 ยืนอยู่ปะปนกับกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงเกิดเหตุรุนแรง สอดคล้องกับคำบอกเล่าของอาสาสมัครกู้ชีพคนหนึ่งซึ่งอยู่ในเหตุการณ์4
นอกจากนี้เวลาประมาณ 19.00 น. ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะถูกโจมตีด้วยระเบิด มีผู้พบเห็นรถตู้สีขาวขนคนชุดดำสองสามคนพร้อมอาวุธสงครามมาส่งลงบริเวณวง เวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้านร้านหนังสือเมืองโบราณและร้านเมธาวาลัย (ศรแดง) โดยมีการ์ด นปช. คอยห้อมล้อมเดินไปทางร้านแมคโดนัลด์ หัวมุมถนนดินสอติดกับโรงเรียนสตรีวิทยา เข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยการ์ด นปช. ห้ามมิให้ใครถ่ายรูป และมีผู้ชุมนุมบางคนพูดว่า “ส่งคนมาช่วยแล้ว” แต่ถูกการ์ด นปช. ห้ามไม่ให้พูด5
ยังปรากฏภาพรถตู้สีขาวในกล้องวงจรปิดบริเวณวงเวียนสี่กั๊กพระยาศรี 2 ครั้ง ระบุเวลา 20.19 น. และอีกครั้งในเวลา 21.01 น.6 และยังปรากฏภาพคนชุดดำถือเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ยืนอยู่ข้างรถตู้สีขาวจอดอยู่ในบริเวณที่มีผู้ชุมนุมอยู่แต่ไม่สามารถยืนยัน แหล่งที่มาของภาพได้ เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า หลังเหตุการณ์ความรุนแรง มีรถตู้สีขาวซึ่งมีกลุ่มคนชุดดำ มีอาวุธสงครามโดยสารมาด้วยขับผ่านมาที่บริเวณหน้าวัดตรีทศเทพ คนในรถโผล่หน้าออกมาเยาะเย้ยทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งยืนยันว่าเห็นชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธสองสามคนนั่ง อยู่ในรถคันดังกล่าว
-บรรยายภาพ
ภาพที่ 1 ภาพคนชุดดำถือปืนเอเค 47 อยู่บริเวณถนนตะนาว ถ่ายโดยผู้สื่อข่าวชาวต่างประเทศ ในวันที่ 10 เมษายน เวลา 20.37 น.7
ภาพที่ 2 ภาพคนชุดดำถืออาวุธที่มีรูปร้างคล้ายเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 (ภาพด้านล่างจากการเปรียบเทียบจากเงาในวงกลมสีแดง โดยผู้เชี่ยวชาญอิสระนิติวิทยาศาสตร์ด้านอาวุธและกระสุนปืนจากต่างประเทศ8 (Ballistic Forensic) โดยไม่สามารถยืนยันแหล่งที่มาของภาพได้ แต่ภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่และนำไปใช้อย่างแพร่หลายโดยฝ่ายต่างๆ
-เชิงอรรถ
1สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวชาวต่างประเทศเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2553 และ 29 ธันวาคม 2553
2การ เข้าให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนที่ปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์, การประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริงครั้งที่ 21/2554, เอกสารบันทึกตรวจยึดของ กก.สส.บก.น.6 ลงนามโดยเจ้าหน้าที่ตรวจฝ่ายสืบสวนที่ปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์และเป็นผู้ ทำการตรวจยึด/บันทึก ลงวันที่ 10 เมษายน 2553
3ภาพถ่ายโดยผู้สื่อข่าวชาวต่างประเทศ เผยแพร่ครั้งแรกใน NewYork Times: Violence Erupts in Thai Streets, 10 เมษายน 2553, http://www.nytimes.com/2010/04/11/world/asia/11thai.html
4ภาพ ถ่ายนายวสันต์ สายรัศมี นั่งอยู่ข้างศพนายวสันต์ ภู่ทอง ซึ่งปรากฏภาพคนแต่งกายพลเรือนถือเอ็ม 16 ยืนอยู่ปะปนกับผู้ชุมนุมในภาพ เข้าให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554
5สัมภาษณ์ผู้สังเกตการณ์การชุมนุม เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2555
6การ เข้าให้ข้อมูลของทหารเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555, เอกสารนำเสนอชื่อไฟล์ “แนวความคิดที่ใช้ในการรักษาความสงบ: 2”, และเอกสารชี้แจง คอป.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2555, หน้า 94-99
7ภาพ ถ่ายโดยผู้สื่อข่าวชาวต่างประเทศ Mr. Agnes Dherbeys เผยแพร่ครั้งแรกใน NewYork Times: Violence Erupts in Thai Streets, 10เมษายน 2553, http://www.nytimes.com/2010/04/11/world/asia/11thai.html, สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวชาวต่างประเทศ Mr. Agnes Dherbeys เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 255
8Fabiano RIVA and Matthieu GLARDON, FORENSIC FIREARMS & BALLISTICS EXAMINATION FOR THE TRCT, June 21st 2012, page 9
- overtherainbow likes this
#327
Posted 13 October 2012 - 19:04
.
น้องเบิร์ด ทำคลังคลิบใน FB เหอะ
จำเป็นแล้วละ
หยิบมาฝากค่ะ...
http://www.facebook....27714654?ref=hl
ตามไปดูแล้วครับ ให้กำลังใจในความพยายามและขอบคุณครับ
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ " https://www.facebook...akwarakfromyala https://www.facebook.com/NARAPEACE
#328
Posted 13 October 2012 - 19:58
หยิบมาฝากค่ะ...
http://www.facebook....27714654?ref=hl
ขอบคุณครับ
ตามไปดูแล้วครับ ให้กำลังใจในความพยายามและขอบคุณครับ
แบบว่า..พอดีไปพบเข้าโดยบังเอิญ ก็เลยส่ง pm ไปขอร่วมอุดมการณ์
แจ้งเจตนารมณ์ ซึ่งตรงกับที่เค้าคิดไว้พอดี ก็เลยลงตัวค่ะ...
#329
Posted 13 October 2012 - 20:02
นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่าวันนี้ชัดแล้วว่า ชายชุดดำ คือพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง เพราะได้แต่งตัวเป็นชายชุดดำยิ้มอย่างสง่าผ่าเผย จัดแรลลี่ใหญ่โต
“จึงไม่แปลกที่เขาจะจัดกิจกรรมเพื่อพิทักษ์วาทกรรมชายชุดดำไว้ เขารู้ว่าหากมีชายชุดดำจะเป็นการสร้างความชอบธรรมในการปราบปรามประชาชน และเป็นความเลวร้ายของคนเสื้อแดงที่เขาพยายามกล่าวหามาตลอด” นางธิดา ระบุ
Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 13 October 2012 - 20:03.
#330
Posted 13 October 2012 - 20:14
“ธิดา”ซัดชายชุดดำคือ ปชป.
นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่าวันนี้ชัดแล้วว่า ชายชุดดำ คือพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง เพราะได้แต่งตัวเป็นชายชุดดำยิ้มอย่างสง่าผ่าเผย จัดแรลลี่ใหญ่โต
“จึงไม่แปลกที่เขาจะจัดกิจกรรมเพื่อพิทักษ์วาทกรรมชายชุดดำไว้ เขารู้ว่าหากมีชายชุดดำจะเป็นการสร้างความชอบธรรมในการปราบปรามประชาชน และเป็นความเลวร้ายของคนเสื้อแดงที่เขาพยายามกล่าวหามาตลอด” นางธิดา ระบุ
ยืมมาจากเฟสบุ๊ค
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ " https://www.facebook...akwarakfromyala https://www.facebook.com/NARAPEACE
#331
Posted 15 October 2012 - 00:10
วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2012 เวลา 12:16 น. เขียนโดย ทีมข่าวอิศรา หมวด เวทีทัศน์
คดีสำคัญ ที่ ปชป.เชื่อว่า จะช่วยยืนยันการมีอยู่จริงของ "ชายชุดดำ" และทำให้ไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหา "พยายามฆ่า"
น่าสนใจว่า ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คนเสื้อแดงและผู้สนับสนุน โดยมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นหัวหอก พยายามเอาผิดกับ “นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ-นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ในข้อหา “พยายามฆ่า” จากคดี 98 ศพ
โดยหยิบยกการไต่สวนการตาย “นายพัน คำกอง” แท็กซี่เสื้อแดง ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค.2553 ซึ่งศาลอาญาวินิจฉัยว่าน่าจะเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ มาอ้างว่าเป็นการ “กลัดกระดุมเม็ดแรก” ?
แต่ดูเหมือนฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ผู้เตรียมถูกดำเนินคดีจะไม่ยี่หระเท่าไร เพราะได้กุม “เอกสารลับ” ที่จะนำไปใช้ต่อสู้ในศาล หากดีเอสไอทำสำนวนคดี “พยายามฆ่า” แล้วอัยการรับลูกส่งฟ้องแกนนำ ปชป.ทั้ง 2 คน ต่อศาลอาญาจริง
ที่น่าตื่นตาตื่นใจไปกว่านั้น ก็คือ เอกสารลับฉบับนี้ เป็นรายงานการสอบสวนสำนวนคดีสำคัญของดีเอสไอเอง ตามคดีพิเศษที่ 18/2553 หรือที่ผู้เกี่ยวข้องเรียกกันว่า “คดีหมายเลข 18”
โดยสาเหตุที่แกนนำฝ่ายค้านมั่นใจว่าเอกสารปึกนี้จะช่วยให้กลายเป็น “ผู้บริสุทธิ์” ในท้ายที่สุด เพราะมีการระบุชื่อ “ชายชุดดำ” เป็นรายบุคคล แถมปัจจุบัน คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแล้ว (คดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2553)
“นายบัณฑิต ศิริพันธุ์” ทนายความจากสำนักกฎหมาย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช มือกฎหมายคู่ใจนายอภิสิทธิ์ กล่าวกับ หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ว่า “พูดตามตรง ผมไม่ได้สนใจอะไรเลย บางคดี ผมอยากให้เขาฟ้องมาเร็วๆ ด้วยซ้ำ ผมจะได้ไปซักพยานฝ่ายตรงข้าม อย่างคดี 98 ศพ ทั้งผม คุณอภิสิทธิ์และคุณสุเทพ ไม่มีใครสนใจแล้ว เพราะคนพวกนี้พยายามเอาคดีมาต่อรองให้ยอมรับการออกกฎหมายปรองดอง มันไม่มีทางหรอก”
ช่วงหนึ่ง ผู้มีฉายา “ทนายเทวดา” ยังกล่าวถึงเรื่อง “ชายชุดดำ” ที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในปี 2555 ปฏิเสธเสียงแข็งว่า “ไม่มีอยู่จริง”
(แต่ปรากฏว่า ทั้งรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่ง ชาติ (คอป.) ที่ตั้งโดยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ทำงานต่อ รวมถึงรายงานของศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุม เม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีชื่นชม และ นปช.ให้ความเชื่อถือ กลับยืนยันตรงกันว่า มี “ชายชุดดำ” ปรากฏตัว ระหว่าง นปช.ชุมนุมในปี 2553 จริง)
“ต้องไม่ลืมว่าในปี 2553 นายธาริตและคณะเป็นผู้สอบสวนชายชุดดำด้วยตัวเอง และได้สรุปสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 18/2553 โดยระบุว่า มีชายชุดดำได้รับการฝึกอาวุธจาก เสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) และนำอาวุธมาซ่อนไว้ที่โรงแรมรอยัล กรุงเทพฯ (ปัจจุบันคือโรงแรมรัตนโกสินทร์) เพื่อใช้ยิงกลุ่มพันธมิตร ทหาร รวมถึงสามารถระบุชื่อได้ว่า ใครเป็นผู้ยิง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ทั้งหมดนายธาริตเป็นผู้ลงนาม ก่อนจะส่งให้อัยการสั่งฟ้อง นายวีระ (มุสิกพงศ์) กับพวกรวม 19 คน มีชายชุดดำถูกสั่งฟ้องด้วยถึง 8 คน ซึ่งผมเกิดมาไม่เคยเจอคนที่ทำสำนวนเอง สอบสวนเอง แต่กลับออกมาระบุว่า ชายชุดดำไม่มีจริง” นายบัณฑิตกล่าว
เมื่อลองตรวจสอบย้อนกลับไป ก็ปรากฏว่า ขุนพล ปชป.เคยอ้างถึง “คดีหมายเลข 18” นี้หลายครั้งหลายหน อย่างเช่นการปราศรัยของนายสุเทพ ที่สี่แยกราชประสงค์ ในวันที่ 23 มิ.ย.2554
“พี่น้องที่เคารพครับ เพราะเหตุที่เขาฆ่าทหาร เพราะเหตุที่เขาฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพราะเหตุที่เขาเผาบ้าน เผาเมือง คณะกรรมการคดีพิเศษ จึงได้มีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีนี้ไปทำ เป็นคดีพิเศษตามกฎหมาย บูรณาการเอากำลังทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทั้งอัยการ เข้ามาช่วยกัน สืบสวน สอบสวน ทำคดีนี้
“แล้วผลของการสืบสวนสอบสวนครับ พี่น้องครับ คดีพิเศษที่ 18/2553 เขาได้พยาน ได้หลักฐาน เห็นว่า มีคนที่จะต้องเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด 26 คน ชื่อที่ 1 คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชื่อที่ 2 คือ วีระ มุสิกพงศ์ ชื่อที่ 3 คือ จตุพร พรหมพันธุ์ ชื่อที่ 4 คือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ชื่อที่ 5 คือ นพ.เหวง โตจิราการ
“พี่น้องครับ ชื่อหลังๆ ไม่อยากอ่านแล้ว แต่ผมอยากจะกราบเรียนกับพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลายว่า รัฐบาลไม่ได้กลั่นแกล้งคนเหล่านี้ การดำเนินคดีนี่ เป็นไปโดยโปร่งใส แล้วก็เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาทุกคนได้ต่อสู้คดีด้วยความยุติธรรม ตรงไปตรงมา”
ขณะที่ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา ปชป.คนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ ก็เคยนำเอกสารบางส่วนของ “คดีหมายเลข 18” มาเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก Sirichoke Sopha เพื่อยืนยันว่ามีพยานซัดทอดลูกน้อง เสธ.แดงว่าเป็นคนยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และเจ้าหน้าที่ทหาร ในวันที่ 10 เม.ย.2553 โดยเอกสารดังกล่าว มีข้อความดังนี้
“... 2) นายเชษฐา หรือโต้ง ท้วมมณี พยานให้การว่าเป็นแนวร่วมกลุ่ม นปช. พยานทำหน้าที่การ์ดได้ค่าจ้างวันละ 900 บาท และประสานงานกับผู้ต้องหาที่ 18 โดยหาข่าวทางทหารส่งให้กับผู้ต้องหาที่ 18 พยานได้รับมอบหมายให้ขับรถจักรยานยนต์ดาวกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ นปช. เคยฝึกนักรบพระเจ้าตากกับผู้ต้องหาที่ 18 ที่ท้องสนามหลวง โดยการชักชวนของนายโชคอำนวยไม่ทราบนามสกุล มีผู้ต้องหาที่ 24 และเพื่อนของพยานคือนายสิริชัย หรือตี๋ ร่วมฝึกด้วย มีการฝึกสอนการใช้และยิงอาวุธปืน, เครื่องยิงระเบิดและปาระเบิดเอ็ม 67 และพยานยังทราบว่าผู้ต้องหาที่ 18 เก็บอาวุธปืนสงครามต่างๆ เช่น ปืมเอ็ม 16, ลูกระเบิดขว้างเอ็ม 67 ไว้ภายในโรงแรมรัตนโกสินทร์ที่เช่าพักไว้ โดยมีผู้ต้องหาที่ 24 เป็นคนเฝ้า เมื่อประมาณกลางเดือน พ.ย.2552 ผู้ต้องหาที่ 19 (นายศิริโชคอ้างว่าเป็นลูกน้อง พล.ต.ขัตติยะ) ได้ใช้เครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ยิงก่อกวนกลุ่มพันธมิตรที่สนามหลวง พยานยืนยันว่าผู้ต้องหาที่ 19 ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงใส่โรงเรียนสตรีวิทยาจน พ.อ.ร่มเกล้าเสียชีวิต มีทหารบาดเจ็บสาหัสหลายนาย...”
นอกจากนี้ ยังพบว่า ดีเอสไอเคยของบประมาณจาก ครม.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2553 เป็นเงิน 28 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าทำ “คดีหมายเลขที่ 18” นี้ โดยเฉพาะ
ที่น่าจับตาก็คือ หากศาลตัดสินว่า มีบุคคลใดใน “คดีหมายเลข 18” มีความผิด เชื่อกันว่า จะส่งผลต่อรูปคดีอื่นๆ ที่บางฝ่ายพยายามเอาผิดข้อหา “พยายามฆ่า” กับนายอภิสิทธิ์-นายสุเทพ
ส่วนจะถึงขนาดทำให้ 2 แกนนำ ปชป.ดังกล่าว ไม่มีความผิดเลย ตามที่มั่นอกมั่นใจกันหรือไม่ ในเวลานี้ยังเป็นปริศนา...
#332
Posted 15 October 2012 - 01:00
ขณะนี้เป็นยังไงบ้าง ยังติดคุกเหมือนเดิมหรือเปล่า
ขบวนการสืบสวนมันน่าจะจบไปนานแล้ว แล้ว..มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า เช่น สั่งสอบใหม่ หรือยกเลิกการสอบสวนเดิม
แล้วทำไมถึงไม่มีการตัดสินคดีกับการชายชุดดำซักที
ขอรบกวนข้อมูลด้วย
#333
Posted 15 October 2012 - 03:00
Michael Yon ตอบ
---------------
Q: So you have been here all along and did you see any men in black from the accusation, from the question raised.
A: Yes, I was this close, I photographed them. They had fire bombs and I photographed them. They are not men in black who were the guards, I saw them too, but these were the men in black and they were like soldiers. They were not normal soldiers. To me, you know I spent a lot of time with soldiers in the war and the “Men in Black” that I saw seem like special forces people, very confident, they knew what they were doing and they are not afraid of gunshots that were coming very close to us, they were moving very close toward the gunshot and these were not normal guys, very dangerous individuals.
http://natthanewsbea...01_archive.html
- overtherainbow likes this
#334
Posted 15 October 2012 - 03:12
By Kenneth Todd Ruiz and Olivier Sarbil
May 29, 2010
BANGKOK - A cigarette hanging from his lips, a sinewy man with a knotted-up beard perched on the back of a plastic chair and spoke into a military-grade radio.
''Happy birthday," he said in English. Moments later a sonorous detonation boomed from afar in the heart of the Thai capital. A cluster of anti-government protesters crowded around him exulted, shouting ''Happy birthday'' in unison. Many more such coded celebrations would follow in the next 24 hours.
It's five days before the army would send armored personnel carriers into central Bangkok on May 19 to decisively quash the
http://asianmedia.co...l&cb=359f1db8c1
''red shirt'' occupation, and your correspondents are inside a tent with the infamous paramilitaries, dubbed ''men in black'' by the media, as they prepared for war.
They let us inside their secret world on one condition: if we took any pictures, they would kill us.
These were not the regular black-attired security guards employed by the United Front for Democracy against Dictatorship, or UDD, anti-government protest group who generally didn't carry guns. These were the secretive and heavily armed agent provocateurs whose connections, by their own admission, run to the top of the UDD, also known as the red shirts.
Several UDD co-leaders have since been detained and branded as ''terrorists'' by the Thai government. On Wednesday, Thai authorities issued an arrest warrant for self-exiled former prime minister Thaksin Shinawatra on terrorism charges, alleging a link between the fugitive politician and the UDD gunmen's violent campaign. Thaksin swiftly denied the charges.
There was a simple honesty to our arrangement with the fighters, but their death threat didn't preclude Thai-style hospitality. Only one man voiced displeasure with our presence; he asked his comrades about us, but he used the Thai pronoun for ''it''.
As the sun set on May 14 behind the UDD's bamboo-and-tire fortress erected in the heart of one of Bangkok's top commercial districts, the men ate hot noodles and whispered anxiously about army shooters. Snipers angered them.
Twenty-four hours earlier, Bangkok had been plunged into chaos after the man whom they said issued their orders directly, renegade army officer Maj Gen Khattiya Sawasdipol, was struck down and eventually died from a sniper's bullet as he spoke to a reporter. The government has denied responsibility for the hit.
Khattiya, a celebrity rogue revered by many red shirts, often spoke fondly of what he called the ''Ronin Warriors'' - Ronin being samurai with no lord or master. In February, he boasted to reporters of training an undisclosed number of former military men to defend the red shirts, but later publicly denied leading them.
Absent Khattiya's leadership, discipline inside the red fortress was on the decline. Alcohol flowed freely, fueling tempers and fist-fights. Earlier in the day a Ronin fighter fired an Israeli-made TAR-21 assault rifle, seized from the army in April, at an army helicopter overhead.
Competing personalities vied for dominance among the disordered Ronin, but the bearded man who spoke little was calling the shots for now. "Do you know who is in charge here?" he said. "It's me."
At least until another unnamed commandant he described as second to Khattiya arrived to assume command and investigate why journalists were with the gunmen.
''Not Terrorists Not Violent; Only Peaceful and Democracy,'' read a banner hanging outside the barrier of jumbled tires. Inside, it was an open secret who the gunmen were; no less secret were the perimeter bombs, connected by dirty gray cables, designed to inflict heavy casualties on any advancing government army soldiers.
Some of the men held their firearms tightly concealed under jackets. Just after sunset, oblong packages wrapped in black plastic were carried into tents in Lumpini Park from elsewhere in the camp. Running at a crouch, we were moved to a different tent nearer the memorial statue of Thai King Rama VI. The Ronin moved between tents often in this way to avoid detection from government snipers.
Twenty-seven men crouched in darkness inside the tent. Newspapers covered any illuminated displays from radios or other electronics, and we were asked to turn off our cell phones. One gunman suggested army snipers would kill them all at first light if they had the chance.
''Don't worry; safe. Thai-style,'' their combat medic said to us in English, gesturing to layers of tarps obscuring the ground from potential snipers where we were camped with them.
Fewer than half were paramilitaries, the rest regular black-shirts providing support and catering to the gunmen's needs. Some ran errands, others fetched water, coffee and M-150 energy drinks. The Ronin were structured like a military unit, complete with a radioman and the combat medic. They apparently had had training in explosives and munitions, which they put to use in handling plastic explosives and planting bombs for remote-detonation along the camp's edge.
Despite media speculation that the Ronin were comprised of former anti-communist commandos, most of the men we met were much too young, looking to be in their early 20s. Many had been paratroopers and one said he came from the navy. Most originated from the same upcountry, rice-basket provinces the majority of red shirts called home. Several said they were still active-duty soldiers.
Eventually a call came in from a UDD guard. The army had succeeded in securing a location near Pratunam, the intersection bounding the northern extent of the red-occupied commercial district, and was pushing hard against protesters. They needed help.
M16 and AR-15 rifles slid free from concealment under plastic or inside their clothing. In less than 10 minutes, the gunmen loaded ammunition into clips and locked them into place.
Ammunition was running low, they said. Each fighter was given no more than 30 rounds to carry. Although we didn't see any M79 grenade launchers, the Ronin discussed a bulky sack of grenades they were carrying. Just after 9 pm, the dozen fighters rose and scurried silently into the night to sow another round of mayhem.
For the next nine hours, bursts of intense gunfire erupted from areas around the red-zone perimeter. first from the direction of Pratunam, later from points along Rama IV Road.
Their tactics were consistent with those of trained guerrillas and snipers, letting off brief fusillades of gunfire before repositioning. They terrorized regular Thai army soldiers throughout the night, winding them up and denying them sleep.
At 6 am on May 16, they swaggered back into the camp under covering fire from homemade rockets to the cheers of the assembled reds. Visibly weary but beaming triumphant smiles, the men shouldered the night's spoils - body armor, riot shields, batons, helmets, flashlights and other gear taken from Thai security forces - some of which they handed out as gifts.
If the battle for Bangkok was largely a hearts-and-minds campaign for public support, the Ronin's actions undermined the nonviolent ethos espoused by the UDD.
They described their purpose as ''protecting'' the demonstrators and standing as a force-equalizer against Thai security forces. They perceived themselves as ''black angels'' watching over the unarmed farmers and families who comprised the red shirt rank and file.
Despite this heroic self-image, these angels brought death and chaos. Their campaign of violence is believed to have claimed a number of innocent lives and possibly provoked the deaths of dozens more.
Prime Minister Abhisit Vejjajiva and his government, along with other observers, blame them for tipping an already tense stand-off on April 10 into bloody pandemonium by killing army officers and attacking soldiers, who then fired live rounds into red shirt crowds. Twenty-five people died that day.
''Soldiers are lining up with their war weapons and shooting into crowds of red shirts, all of whom are completely unarmed,'' UDD spokesman Sean Boonpracong said from the Ratchaprasong stage on May 15, only hours after the Ronin returned from their mission.
Their actions also handed the civilian government the excuse it needed to send in troops with deadly purpose on May 19 to end the UDD's six-week occupation of Ratchaprasong. Seeking to justify the government's use of lethal force, Deputy Prime Minister Suthep Thaugsuban revealed seized weaponry before foreign diplomats and the press on May 22.
"Terrorists have used these weapons to attack officials and innocent people," he said.
Earlier this month, Abhisit branded their now deceased chief, Khattiya, a ''terrorist'' ringleader. Before he was shot, Khattiya, a larger-than-life character given to brash claims and with an uncanny ability to predict unclaimed grenade attacks across Bangkok, sometimes made little effort to conceal his role as Ronin commander.
When hundreds of pro-government protestors rallied near the UDD's fortress on April 22, he announced the imminent arrival of ''some men wearing black'' to aid the reds. Soon thereafter, five M79 grenades landed near a pro-government group, killing a 26-year-old woman and injuring nearly 100 others. That weapon, the M79 grenade launcher, is consistent with a months-long campaign of violence and property destruction, which the government has also pinned on the UDD.
In his May 3 comments, Abhisit also linked Khattiya to Thaksin, the fugitive billionaire the UDD aims to return to power. Khattiya's relationship with Thaksin raises the question, as posed by the government's terrorism case, what is the politician's knowledge of the commandos?
He didn't address the question when it was put to him directly in an interview on Wednesday with the Australian Broadcast Corporation. "There is no evidence at all, it's just the allegations," he said. [1]
Khattiya traveled to Dubai to meet Thaksin in March, according to press reports. He also said they spoke by telephone on occasion, most recently on May 3. That was one week before Thaksin is believed to have scuttled a peace plan and Khattiya threatened to seize control of the UDD from its more moderate leadership.
Those leaders were poised to accept Abhisit's five-point ''reconciliation road map'', which included a proposal for early elections in November, and the deal's collapse precipitated the military crackdown. On the day of the crackdown, the Ronin fought the army as they fell back in an organized withdrawal from the red fortress.
Just after 1:30 pm on May 19, these correspondents witnessed two Thai soldiers and a Canadian journalist seriously injured by one of many M79 grenades fired from an elevated position believed to be a nearby Skytrain station. Later, as Central World Plaza mall, was set alight and burned, they engaged in a fierce firefight with the army several blocks away. Then they just disappeared.
It isn't clear why the Ronin raised the veil of secrecy for us, but perhaps it was knowledge that their fight, and possibly their lives, could soon end with the coming military crackdown. That doesn't seem to have happened, however.
Leaders of the UDD may have surrendered to police and their followers have dispersed or been arrested, but the deadly fighters are believed to be loose in the city, ready to fight another day. Thaksin suggested without elaborating after May 19 that angry UDD protestors might resort to ''guerilla'' tactics.
Meanwhile, Bangkok struggles to reclaim a sense of normalcy while the gunmen remain at large. On Monday, Suthep Thaugsuban argued for extending a curfew then in effect, citing fears that an ''underground movement" planning to cause chaos was still loose in the capital.
Note:
1. For interview, see here.
Kenneth Todd Ruiz is a freelance journalist living in Bangkok and blogging at reporterinexile.com. Olivier Sarbil is a Bangkok-based photojournalist whose images of recent events in Thailand are online at OlivierSarbil.com.
(Copyright 2010 Asia Times Online (Holdings) Ltd. All rights reserved. Please contact us about republishing.)
#335
Posted 15 October 2012 - 08:10
รูปนี้ฮากว่า ยึดปืนจากพลซุ่มยิงได้ขนาดนี้....55555
แต่สิงห์เขาก็เชื่อนะ จินตนาการสูงโคตร........
ขออนุญาติถามซักนิดครับ อาวุธปืนที่ใช้ในหน่วยงานทหารต้องมีการใส่หมายเลขประจำอาวุธที่พานท้ายปืนเหมือนที่ถูกเสื้อแดงยึดจากทหารไปที่สามเหลี่ยมดินแดงทุกกระบอกมั๊ยครับ พอดีในรูปนี้ไม่มีเลยสงสัยนิดหน่อยครับ
- ศรอรชุน likes this
งานเสวนาวิชาการ "เหลียวหลัง แลหน้าสู่ 1 ศตวรรษโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย คุณค่าที่ควรอยู่"
#336
Posted 15 October 2012 - 08:29
Man-on-Mission > สันติภาพ
Another Way is Possible
#337
Posted 15 October 2012 - 12:47
#338
Posted 15 October 2012 - 13:35
http://forum.seritha...php?f=2&t=37452
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=EjYo86w0EVQ
รถตู้ ข้อมูลชวนเชื่อตลอด 2 ปี ตกไปแล้ว มีข้อมูลใหม่จากศิริโชคมาแล้ว อย่าตกข่าว
#339
Posted 15 October 2012 - 14:38
รถตู้ ข้อมูลชวนเชื่อตลอด 2 ปี ตกไปแล้ว มีข้อมูลใหม่จากศิริโชคมาแล้ว อย่าตกข่าว
ตกไปเพราะสิงห์เชื่อ
แต่รายงานของคณิต เชื่อ
5555555
อย่าทะเลาะกับความจริงเลย
#340
Posted 15 October 2012 - 14:52
คนขับชื่อ นายธนเดช เอกอภิวัฒน์
แม่ตาย มีหรีดจากคนระดับสูงของเสื้อแดงไปร่วม นับว่าน่าตื่นตะลึงที่วินรถก็ยังได้รับเกียรติ
คงจะเป็นเพราะว่า นายคนนี้ มีรถตู้ดีๆ ใช้มั้ง
ธนเดช โดนจับและถูกยกฟ้องไปแล้ว 1 ข้อหา รายละเียดตามนี้ครับ
http://www.innnews.c...newscode=350976
http://news.thaiza.c...ำริ8207/232723/
27 ธ.ค. 2011
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า
นายธนเดช หรือไก่ เอกอภิวัฒน์ ได้ครอบครองรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค
ต่อมาวันที่ 14 พ.ค.53 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นรถดังกล่าวที่จอดไว้พบอุปกรณ์ประกอบระเบิดและเครื่องกระสุนปืนตามฟ้อง
ซึ่งการสอบสวนทราบว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นรถที่มีผู้แจ้งหายไว้ที่ สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่
โดยโจทก์ มีพี่สาวของนายธนเดช หรือไก่ เบิกความเป็นพยานว่า ช่วงที่เห็นรถจอดไว้ที่บ้านริมน้ำ
เห็นจำเลย และนายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี ที่ขับรถตู้วินเดียวกัน มารับน้องชายไปร่วมชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
ซึ่งบางครั้งจะมีการขับรถยนต์คันดังกล่าวออกไปบ้าง ถ้าไม่ขับรถตู้
โดยโจทก์ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจค้นรถยนต์ ร่วมเบิกความเป็นพยาน
แต่ทางพิจารณาโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าในการร่วมชุมนุมซึ่งเป็นสิทธิขึ้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ
จำเลยได้กระทำชุมนุมโดยไม่สงบหรือรุนแรง หรือใช้อาวุธอย่างไร
ซึ่งการที่จำเลยจะขับรถไปรับนายธนเดช หรือไก่ ไปร่วมชุมนุมก็ถือเป็นปกติที่เป็นเพื่อนกันและมีอุดมการณ์เดียวกัน
แต่โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน และไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยร่วมซุกซ่อนอุปกรณ์ประกอบระเบิดที่อยู่ในรถยนต์ฮอนด้าซีวิคแต่อย่างใด
ลำพังพยานซึ่งเป็นพี่สาวของนายธนเดช และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจค้น
ยังไม่อาจนำมาอนุมานและสันนิษฐานในทางที่เป็นร้ายต่อจำเลยได้ว่ากระทำผิด
ขณะที่ผลการตรวจรอยนิ้วมือแฝงและสารพันธุกรรมที่ได้จากรถยนต์ดังกล่าวก็ไม่ตรงกับจำเลย
จึงยังไม่เห็นความสัมพันธ์โยงพยานหลักฐานกับจำเลยพยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นำสืบมา
ยังรับฟังไม่ได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง แต่ให้ริบของกลางทั้งหมด
น่าสนใจว่าของกลางมีอะไรบ้าง
วัตถุระเบิดลักษณะเป็นขวดเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อคาราบาวแดง, เอ็ม 150, กระทิงแดงบรรจุน้ำมันเบนซิน ผูกติดกับลูกพลาสติกสลับสีและดินดำ หุ้มด้วยเทปพันสายไฟ รวม 51 ขวด, ถังดับเพลิงยี่ห้อต่างๆ บรรจุปุ๋ยยูเรีย และฝักแคระเบิดสีขาว กับเชื้อปะทุสภาพใช้งานได้จำนวน 4 ถัง วงจรระเบิดทำด้วยโทรศัพท์มือถือ สวิตช์เปิด-ปิด แบตเตอรี่ ขนาด 9 โวลท์ 7 เครื่อง ซึ่งมีลักษณะเป็นระเบิดแสวงเครื่อง, เครื่องจุดระบิดแบบ M 60 จำนวน 3 เครื่อง มีใช้ในราชการทหาร-ตำรวจ ลูกระเบิดยิงขนาด 40 มม. แบบเอ็ม 79 ชนิดระเบิดลูกปราย 1 นัด กระสุนปืนขนาด .45 รวม 20 นัด และอื่นๆ เหตุเกิดที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.
ตรงนี้ก็ต้องไปถามอัยการแล้วละ ว่าเจอของกลางขนาดนี้ แต่เอาคนมาลงโทษไม่ได้
ควรจะยังเป็นทนายแผ่นดินใหม
อัยการก็คงจะบอกว่า ตำรวจทำสำนวนมาหลักฐานไม่ครบ
ก็ต้องถามต่อว่า แล้วมรึงไม่สั่งให้ทำให้ครบล่ะ
แต่ทั้งหมดนั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า
นายธนเดชเป็นเจ้าของรถที่มีอาวุธร้ายแรงซุกซ่อนอยู่
ก็ต้องถามว่า ขับรถตู้นี่ ต้องใช้ของพวกนี้ด้วยหรือ
ไปชุมนุม ต้องใช้ของพวกนี้หรือ
- b..., nokisara, overtherainbow and 1 other like this
#341
Posted 15 October 2012 - 14:54
แต่ทางพิจารณาโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าในการร่วมชุมนุมซึ่งเป็นสิทธิขึ้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ
จำเลยได้กระทำชุมนุมโดยไม่สงบหรือรุนแรง หรือใช้อาวุธอย่างไร
และไม่ได้ฟ้องข้อหาครอบครองอาวุธอีกด้วย
อย่างนี้เรียกว่าเป่าคดีได้ใหมล่ะ
คงต้องไปถามเจ้าของหรีดไฮโซพวกนั้น อาจจะได้รับคำตอบ
#342
Posted 15 October 2012 - 15:04
ถึงมันจะร่วมมือกันกับ อสส หรือ หน่วงงานบัดซบไหนๆ
ที่มันพอจะซื้อได้ด้วยเงินสกปรกของ นช. ทักษิณ
แต่สิ่งหนึ่งที่มันซื้อไม่ได้คือ "หลักฐานและความจริง"
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#343
Posted 15 October 2012 - 15:30
#346
Posted 15 October 2012 - 16:24
ภาพที่คลุมกล้องวงจรปิดน่ะ มันเป็นภาพสี่แยกคอกวัว ถนนตะนาว
ส่วนคลิปที่มีคนพูดว่า มีอะไรบอกไม่รู้ไม่เห็นน่ะ มันอยู่ที่ถนนดินสอ อนุสาวรีย์
สี่แยกคอกวัวไม่มีการยิงมวลชนรึ
แล้วคลุมที่นี่ได้ ที่อื่นก็ต้องคลุมได้ด้วย
จริงครับ ก่อนผมไปแยกคอกวัน ผมไปนั่งรอดูเหตุการณ์ที่สนามม้านางเลิ้งบนสะพานลอย
มีเสื้อแดงหันหัวกล้องจริง เป็นชายวัยรุ่นสวมไอ้โม่ง เดินอาดๆ มาโดยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
เป็นช่วงเวลาก่อนพลบค่ำเล็กน้อยเท่านั้นเอง ผมยืนยันได้เพราะเห็นมากะตา
Edited by เมาอยู่, 15 October 2012 - 16:25.
#347
Posted 15 October 2012 - 16:33
#348
Posted 15 October 2012 - 16:34
ภาพที่คลุมกล้องวงจรปิดน่ะ มันเป็นภาพสี่แยกคอกวัว ถนนตะนาว
ส่วนคลิปที่มีคนพูดว่า มีอะไรบอกไม่รู้ไม่เห็นน่ะ มันอยู่ที่ถนนดินสอ อนุสาวรีย์
สี่แยกคอกวัวไม่มีการยิงมวลชนรึ
แล้วคลุมที่นี่ได้ ที่อื่นก็ต้องคลุมได้ด้วย
จริงครับ ก่อนผมไปแยกคอกวัน ผมไปนั่งรอดูเหตุการณ์ที่สนามม้านางเลิ้งบนสะพานลอย
มีเสื้อแดงหันหัวกล้องจริง เป็นชายวัยรุ่นสวมไอ้โม่ง เดินอาดๆ มาโดยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
เป็นช่วงเวลาก่อนพลบค่ำเล็กน้อยเท่านั้นเอง ผมยืนยันได้เพราะเห็นมากะตา
ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับ
#349
Posted 15 October 2012 - 16:35
นั่นสิ ทำไปได้ เหตุการณ์ผ่านมา 2 ปี
ทำไมเพิ่งจะนำข้อมูลใหม่สดซิงๆ มาเปิด
พอปล่อยออกมา พวกก็ไม่มีข้อสงสัยแต่ประการใด
สวนลุมพินีเย็นนี้ไม่รู้จะมีข้อมูลแผ่นพับหรือดีวีดีแจกหรือเปล่า?
ถ้าติดตามอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะพบว่าข้อมูลที่เห็นในนี้ผมว่าเกิน90% ถูกนำเสนอมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ผมคิดว่าเสื้อแดงช่วงมัวแต่ชุมนุม โดนแกนนำล้างสมองมากเกินไป เลยไม่รับทราบข้อเท็จจริงเหล่านี้
ขนาดสลายการชุมชนุมไปแล้ว ยังไม่หยุดโหมประชาสัมพันธ์ จะเห็นได้ว่าตอนนั้นจัดชุมนุมแทบทุกเดือน
จนเขาเรียกม็อปประจำเดือนไงจำได้มั้ย
#350
Posted 15 October 2012 - 16:40
10 เมษา 53 ลูกผมคลอดตอนเช้า...บ่ายถล่มกันเลย ฮ่า ฮ่า ดวงแรงจริง อะไรจริง
1 user(s) are reading this topic
0 members, 1 guests, 0 anonymous users