...ที่ดินรัชดา ประสาชาวบ้าน...
#151
Posted 18 November 2011 - 15:22
ลูกค้าที่บริษัท เคยมีประเด็นนี้ เป็นบริษัทอสังหาขายที่ดินจัดสรร และรับปลูกสร้างในที่ดิน
เมื่อสัก 10 ปีที่ผ่านมา ซื้อที่ดินที่พัทยาไว้มูลค่า 7 หลักต้น ๆ และมาทำสัญญาขายในช่วง
สัก 3-4 ปีที่ผ่านมา ปรากฎว่า กำไรจากส่วนต่างจากราคา ณ วันซื้อ ทำให้เสียภาษีไป
6 หลักปลาย ๆ...
พอลองคำนวณว่าถ้ากรณีซื้อในนามบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลก็ 6 หลักต้น ๆ...
ตอนนี้ ถ้าลูกค้าจะซื้อที่ดิน ซื้ออสังหา ต้องมานั่งคำนวณความน่าจะเป็นกันทุกกรณีแล้ว
ให้ลูกค้าเป้นผู้ตัดสินใจ...งานเพิ่มขึ้น แต่ค่าแรงเท่าเดิม...
#152
Posted 18 November 2011 - 15:33
http://webboard.seri...า-จะมีโอกาสมั้/
#153
Posted 18 November 2011 - 15:45
คนเสื้อแดงจะได้ 'อ่าน' มากกว่า 'ฟัง'
#154
Posted 18 November 2011 - 16:01
นั่นนะสิ ไม่ใช่เปิดบัญชีเงินฝากร่วมกันซะหน่อย ที่ต้องมาเซ็นต์ชื่อรวมกัน ตามประสาคนไม่ค่อยรู้กฎหมายอย่างเรามองว่าคนที่เป็นถึงนายกมันต้องรู้กฎหมายดีกว่าตาสีตาสาแต่ที่ทำไปนั้นมันตั้งใจกระทำผิดชัดๆ ถือว่าเลวกว่าชาวบ้านที่ไม่รู้กฎหมายซะอีกชาวบ้านอย่างผม ฟังมาว่าทักษิณติดคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชดา โดยความผิดนั้นก็คือยอมเซ็นซื่อให้คุณหญิงพจมานผู้เป็นภรรยาไปซื้อที่ดินได้ แหละที่ต้องเซ็นนั้น ก็เพราะกฎหมายไทยที่บอกให้สามีหรือภรรยา ถ้าจะทำนิติกรรมใดๆก็แล้วแต่ ต้องให้อีกฝ่ายเซ็นยินยอมด้วยเสมอ ไม่งั้น เจ้าหน้าที่ของไทยจะไม่ยอมเด็ดขาด เพราะเจ้าหน้าที่ไทยนั้น รักษากฎหมายยิ่งกว่าชีวิตทีเดียว
งง คุณเอาประมวลกฎหมายข้อนี้มาจากใหน ทักษิณผิดมาตราหนึ่งร้อยครับ
มาตรา ๑๐๐ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดำเนินกิจการดังต่อไปนี้
๑) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี
๒) ... .
มาตรา ๑๐๐ วรรคสอง บัญญัติว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐตำแหน่งใดที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด” (ซึ่งปัจจุบันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนดอยู่ ๒ ตำแหน่ง คือ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี)
มาตรา ๑๐๐ วรรคสามบัญญัติว่า “ให้นำบทบัญญัติในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามวรรคสอง (นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี) โดยให้ถือว่าการดำเนินกิจการของคู่สมรสดังกล่าวเป็นการดำเนินกิจการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ (จำเลยที่ ๒ เป็นคู่สัญญาซื้อขายที่ดินรัชดา จึงถือเป็นการดำเนินกิจการของจำเลยที่ ๑) ในกรณีที่ศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ กระทำความผิดตามมาตราดังกล่าวโดยได้วินิจฉัยว่า “เมื่อจำเลยทั้งสองไม่มีพยานหลักฐานใดมาพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า จำเลยที่ ๑ (พ.ต.ท.ทักษิณ) มิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่จำเลยที่ ๒ (คุณหญิงพจมาน) ดำเนินกิจการตามมาตรา ๑๐๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๔๒ เพื่อแก้ตัวให้จำเลยที่ ๑ พ้นผิดตามมาตรา ๑๒๒ วรรคสอง เช่นนี้ผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยคะแนนเสียง ๕ ต่อ ๔ ว่า จำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา ๑๐๐(๑) ซึ่งต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๒๒ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๔๒ ข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองในส่วนนี้ฟังไม่ขึ้น”
#155
Posted 18 November 2011 - 16:04
#156
Posted 18 November 2011 - 16:47
ปลายอ้อนี่ เค้าระดับ Superstar ของเวปบ้านลาดเลยน่ะ จะไร้การศึกษาได้ไง ขนาดยังรู้เลยว่า อภิสิทธิ์กักน้ำแกล้งนายกฯ ยิ่งเละที่ดินรัชดา ประสาชาวบ้านจริงๆ แต่เป็นชาวบ้านไร้การศึกษานะ หรือปลายห้อ จะเป็นพวกไร้การศึกษา
ช่วงนี้ คนเป่านกหวีดเสียงดังกันเยอะ ปีนี้เลยกลายเป็น " ปี แสบ หู "
#157
Posted 18 November 2011 - 17:26
เพราะสิ่งที่อยู่ในใจของเขามันกรุุ่นไปด้วยอคติ และธงที่ถูกปักเอาไว้ด้วยความเชื่อในความคิดว่า ไม่ยุติธรรม
แต่ถ้าหาก ปลายอ้อ กอแขม จะใจกว้างพอ ลองทบทวนในคดี "บกพร่องโดยสุจริต"ของทักษิณ เพื่อลองนำ
มาเปรียบเทียบหาความยุติธรรมได้ไหมครับ
#158
Posted 18 November 2011 - 17:41
ผมว่าโนพันธมารอะเก็น คุยเรื่องนี้ได้เจ๋งกว่านะ ตามไปอ่านจากบอร์ดเก่าด้วยนะ ฮาดี
http://webboard.seri...B8%B1%E0%B9%89/
แน่ะ รูน๊ะ จะไปทวงให้นุ่งกระโปรงช่าม้า
#159
Posted 18 November 2011 - 20:03
#160
Posted 18 November 2011 - 20:10
มันบอกว่า ไม่มีใบเสร็จของไอ้แม้วมันสั่งให้แก้กฎหมายสร้างตึกสูง เป็นเรื่องของขี้ข้าอยากทำให้เอง อย่ามาใส่ร้ายพ่อแม้วของมันนะ
ผมว่าโนพันธมารอะเก็น คุยเรื่องนี้ได้เจ๋งกว่านะ ตามไปอ่านจากบอร์ดเก่าด้วยนะ ฮาดี
http://webboard.seri...B8%B1%E0%B9%89/
แน่ะ รูน๊ะ จะไปทวงให้นุ่งกระโปรงช่าม้า
#161
Posted 18 November 2011 - 21:07
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่ทำให้ผู้รู้โผล่มาตอบกันเพียบ
#162
Posted 18 November 2011 - 21:42
มีแต่คนเข้ามาอวย....เลยไม่มีใครรู้ว่า ปลายอ้อ ไม่เคยแสดงปัญญา
แปะโพยเป็นอย่างเดียว..
- พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน, ศรอรชุน and Lucas Leiva Benitez Rodger like this
#163
Posted 18 November 2011 - 22:02
ขอบคุณที่เอามาแปะ
"อีกเรื่องคดีนี้มีองค์คณะผู้พิพากษา"เก้าคน" มันเป็นเลขคี่ จะออกมาสี่ครึ่งต่อสี่ครึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ยังไงมันก็เสมอกันไม่ได้อยู่แล้วค่ะ ผลออกมายังไงก็มีเสียงข้างมากอยู่ในตัวแล้ว ทุกๆคนมีสิทธิที่จะออกเสียง ให้ึความเห็นในการวินิจฉัย พิพากษาคดี องค์คณะผู้พิพากษาทั้งเก้าคนมีความเห็นออกมายังไงก็ให้ยึด "เสียงข้างมาก" แล้วทำคำพิพากษาออกมาตามมติเสียงข้างมากนั้น หวังว่าพวกไพร่แดงคงจะเข้าใจนะคะ ขอย้ำอีกรอว่าตัดสินจากคนทั้งเก้าท่าน ทั้งเก้าท่านเห็นอย่างไรก็ให้ว่าไปตามเสียงข้างมาก ไม่มีมาแบ่งองค์คณะแปดคนตัดสินก่อนแล้วให้เจ้าของสำนวนตัดสินขั้นสุดท้าย อะไรนั้นไม่มีค่ะ"
ถ้าเช่นนั้น จะอธิบายมาตรา 184 นี้อย่างไร ..อีกครั้ง
มาตรา 184 บัญญัติไว้ว่า
“ถ้าปัญหาใด มีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย จะหาเสียงข้างมากมิได้
ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่า ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า”
ผมยิ่งสงสัยไปใหญ่เลยว่า
ในการตัดสินความผิดใครสักคน มีการยกเว้นกฎหมายกันด้วยหรือ ?
สามารถนำกฎหมายที่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชนกับใคร มาใช้หรือไม่ใช่ได้ด้วยหรือ ?
ยิ่งฟังยิ่งตลก..เมืองไทย
ตลกอะไรครับ ก็มันมีกฎหมายที่ใช้เฉพาะพิจารณาก็พิจารณาตามบทบัญญัติเลย เข้าใจยากตรงไหนเนี่ย
#164
Posted 18 November 2011 - 22:27
เหมือนกฎฟุตบอลบอกว่า ให้แข่ง ๙๐ นาที รวมทดเวลา ใครทำคะแนนได้มากกว่าเมื่อกรรมการเป่าหมดเวลาเป็นผู้ชนะ ถ้าภายใน ๙๐ นาทีหาผู้ชนะไม่ได้ให้ต่อเวลา ในการแข่งขัน ทีม เอ ยิงได้ตอนนาทีที่ ๙๓
วิธีการคิดของเสื้อแดงจะเป็น ถ้าเสมอใน๙๐ นาทีต้องต่อเวลา การยิงนาทีที่ ๙๓ เป็นข้อพิจารณาหลังจากนั้น?
#165
Posted 18 November 2011 - 22:28
#166
Posted 18 November 2011 - 22:29
จากนี่
ศาลฯ ท่านไม่เชื่ออยู่แล้วว่าทักษิณร่วมรู้เห็นกับคุณหญิงพจมานในการซื้อ-ขายด้วย
เพราะไม่มีหลักฐานปรากฏ ศาลยังให้เครดิตอีกว่าคนรวยระดับนี้จะซื้ออะไรสักอย่าง
ก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งสุมหัวกันคิดแล้วคิดอีก จะซื้อดี ไม่ซื้อดีอย่างเราๆท่านๆ แต่ศาลฯท่านก็บอกต่อว่า
แต่เมื่อคุณหญิงไม่สามารถนำหลักฐานที่ว่าทักษิณไม่เกี่ยวข้อง
ซึ่งศาลก็เชื่อว่าไม่มีอยู่แล้วนั้น มาแสดงให้ศาลฯเห็นได้ จึงมีความผิด
ผมกำลังบอกว่าศาลตัดสินให้ผิด ในสิ่งที่ศาลก็เชื่ออยู่แล้วว่าไม่มีแต่ต้น
ศาลไม่ได้ติดสินว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์ ตาม ม.100
ศาลตัดสินให้ผิด เพราะทักษิณหรือคุณหญิงไม่มีหลักฐานมายืนยันว่า ทักษิณไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในการณีนี้ ซึ่งศาลฯท่านก็เชื่อไม่มี
ท่านจะอธิบายมาตรานี้ อย่างไร ?
มาตรา 184 บัญญัติไว้ว่า
“ถ้าปัญหาใด มีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย จะหาเสียงข้างมากมิได้
ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่า ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า”
เมื่อผลออกมา 4-4 ยังมีเหตุสงสัย
ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนจะทำอย่างไร ?
โปรดชี้แนะครับ
ด้วยความเคารพในความเห็นของท่าน
4-4 เอามาจากไหน เขา 5-4 ไม่ใช่รึ กากๆๆ สุดห่วย
แค่ซื้อคอม 30000 บอกไปคำเดียว เจอไป 108 คำถามแล้ว
นี่ราคามัน 1 ล้านยังพอว่า เออตรูมีแสนล้าน เอาไปล้านนึงก็เท่าๆเดิม
แล้วท่านเอาส่วนไหนคิดว่ามันน้อย ซื้อปลาทูในตลาดก็ว่าไปอย่าง
#167
Posted 18 November 2011 - 22:36
ปลายอ้อ อยู่ที่โน่นแปะอย่างเดียว ไม่มีคนถาม ไม่มีคนแย้ง
มีแต่คนเข้ามาอวย....เลยไม่มีใครรู้ว่า ปลายอ้อ ไม่เคยแสดงปัญญา
แปะโพยเป็นอย่างเดียว..
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า ตรูเมพ ตรูมีแฟนคลับ
อยากลองเข้ามา สรท. เข้ามาเมพ บลาๆๆ กากๆ ยังงี้นะ
เจอลูกกระจ็อก สรท. ก็กระอักไม่กล้าเผยอหน้าแล้ว
ให้ตายเถอะ เสียของจริงๆ บัง กับ Pooklook ยัง เมพกว่าเลย
ผมไม่อยากเสียเวลาให้กับสิ่งไร้ค่า ไร้ราคาแล้ว สรุป กาก
#168
Posted 18 November 2011 - 22:47
จากนี่
ศาลฯ ท่านไม่เชื่ออยู่แล้วว่าทักษิณร่วมรู้เห็นกับคุณหญิงพจมานในการซื้อ-ขายด้วย
เพราะไม่มีหลักฐานปรากฏ ศาลยังให้เครดิตอีกว่าคนรวยระดับนี้จะซื้ออะไรสักอย่าง
ก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งสุมหัวกันคิดแล้วคิดอีก จะซื้อดี ไม่ซื้อดีอย่างเราๆท่านๆ แต่ศาลฯท่านก็บอกต่อว่า
แต่เมื่อคุณหญิงไม่สามารถนำหลักฐานที่ว่าทักษิณไม่เกี่ยวข้อง
ซึ่งศาลก็เชื่อว่าไม่มีอยู่แล้วนั้น มาแสดงให้ศาลฯเห็นได้ จึงมีความผิด
ผมกำลังบอกว่าศาลตัดสินให้ผิด ในสิ่งที่ศาลก็เชื่ออยู่แล้วว่าไม่มีแต่ต้น
ศาลไม่ได้ติดสินว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์ ตาม ม.100
ศาลตัดสินให้ผิด เพราะทักษิณหรือคุณหญิงไม่มีหลักฐานมายืนยันว่า ทักษิณไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในการณีนี้ ซึ่งศาลฯท่านก็เชื่อไม่มี
ท่านจะอธิบายมาตรานี้ อย่างไร ?
มาตรา 184 บัญญัติไว้ว่า
“ถ้าปัญหาใด มีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย จะหาเสียงข้างมากมิได้
ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่า ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า”
เมื่อผลออกมา 4-4 ยังมีเหตุสงสัย
ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนจะทำอย่างไร ?
โปรดชี้แนะครับ
ด้วยความเคารพในความเห็นของท่าน
4-4 เอามาจากไหน เขา 5-4 ไม่ใช่รึ กากๆๆ สุดห่วย
แค่ซื้อคอม 30000 บอกไปคำเดียว เจอไป 108 คำถามแล้ว
นี่ราคามัน 1 ล้านยังพอว่า เออตรูมีแสนล้าน เอาไปล้านนึงก็เท่าๆเดิม
แล้วท่านเอาส่วนไหนคิดว่ามันน้อย ซื้อปลาทูในตลาดก็ว่าไปอย่าง
ทุกท่านข้างบน มีเหตุผลน่ารับฟัง
แต่ไอ้นี่ ไม่รู้เรื่อง เขาไปไหนกันแล้ว
แต่มันยังคงนึกว่าเขาเตะจุดโทษ ระหว่าง แมนฯยู กะ ลิเว่อร์พูลอยู่มั้ง
เลยบอกว่า 4-4 เอามาจากไหน
ต้อง 5-4 สงสัยมันเป็นเด็กผี ไม่ใช่เด็กหงส์
แล้วสงสัยมันคงเมาด้วย..โห คุณภาพเต็มแก้ว
#169
Posted 18 November 2011 - 22:50
กฎหมายใช้กับทุกคนได้ ยกเว้น ทักกี้
ศาลตัดสินใครก็ได้ ยกเว้น ทักกี้
จบ............... แดงเขารู้แค่นี้
อยากให้เมืองไทย เป็นเหมือนเดิม
#170
Posted 18 November 2011 - 22:52
ปลายอ้อ อยู่ที่โน่นแปะอย่างเดียว ไม่มีคนถาม ไม่มีคนแย้ง
มีแต่คนเข้ามาอวย....เลยไม่มีใครรู้ว่า ปลายอ้อ ไม่เคยแสดงปัญญา
แปะโพยเป็นอย่างเดียว..
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า ตรูเมพ ตรูมีแฟนคลับ
อยากลองเข้ามา สรท. เข้ามาเมพ บลาๆๆ กากๆ ยังงี้นะ
เจอลูกกระจ็อก สรท. ก็กระอักไม่กล้าเผยอหน้าแล้ว
ให้ตายเถอะ เสียของจริงๆ บัง กับ Pooklook ยัง เมพกว่าเลย
ผมไม่อยากเสียเวลาให้กับสิ่งไร้ค่า ไร้ราคาแล้ว สรุป กาก
อ้ายนี่ยิ่งพูด
ยิ่งแสดงให้เห็นความเจ็บแค้นที่มีอยู่ในใจ
เอางี้
หากผมได้ล่วงเกินอะไรไป ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมใดๆแล้ว ต่อบุคคลผู้นี้
ได้โปรดอโหสิให้ผม และผมได้อโหสิให้เช่นกัน
อวัสสัง มริตตัพพัง
#172
Posted 18 November 2011 - 22:58
หรือยังไง ก็ไปเคลียร์ของเก่าๆ ที่ตั้งไว้หน่อยก็ดีนะ
#173
Posted 18 November 2011 - 22:58
สงสัยต้องแก้กฎหมายเมืองไทย มาตราหนึ่งอย่าให้ยาวเกินสามบรรทัด
คนเสื้อแดงจะได้ 'อ่าน' มากกว่า 'ฟัง'
อย่าไปกังวลกับความยาวเลย กังวลในเนื้อหาสาระดีกว่า
แต่ที่สำคัญ กรุณาเขียนอะไรให้เกิน 3 บรรทัดบ้าง
จะได้รู้สึกว่า ไม่ได้ "ก็อป"ความเห็นของใครมาแปะ
ให้ผมภูมิใจบ้าง ว่าผมไม่ได้คุยกับมนุษย์คีย์บอร์ด
#174
Posted 18 November 2011 - 23:02
อ้าว..แล้ววันนี้ไม่ตั้งกระทู้โชว์ศักยภาพ แดงระดับเมพ หน่อยเหรอ...
หรือยังไง ก็ไปเคลียร์ของเก่าๆ ที่ตั้งไว้หน่อยก็ดีนะ
หือม์ ก็เมื่อวานนี้
มีน้องคนนึงบอกว่าผมผิดกติกา ตั้งเกินวันละ 3 กระทู้
ผิดกติกา
ผมก็เลยหยุดก่อน เพราะตั้งไปแล้วเมื่อวาน 3 กระทู้
เดี๋ยวจะหาว่าผมผิดกติกาอีก
#175
Posted 18 November 2011 - 23:04
ถ้ามีปัญญาแค่หาข้อความเข้าข้างตัวมาแปะ แล้วใครจะอธิบายอย่างไรก็ช่างหัว คราวหน้าผมจะได้ไม่ต้องไปค้นมาไขให้กระจ่าง
เสียเวลา
#176
Posted 18 November 2011 - 23:04
5-4 ก็คือ 5-4 ครับ
4-4 มันตอนที่ยังนับไม่เสร็จ
อย่ามั่วสิ
ใครชนะ ?
ผีหรือหงส์
#177
Posted 18 November 2011 - 23:05
5-4 ก็คือ 5-4 ครับ
4-4 มันตอนที่ยังนับไม่เสร็จ
อย่ามั่วสิ
ใครชนะ ?
ผีหรือหงส์
อย่าเฉไฉครับ
ถามง่ายๆ ผู้พิพากษาที่เป็นองค์คณะมีกี่คนครับ
8 หรือ 9
~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~
#178
Posted 18 November 2011 - 23:19
เชื่อแบบกู่ไม่กลับ เรื่องอื่นมีสมองคิด เรื่องเสื้อแดงทีไรสมองส่งคืนบรรพบุรุษหมด
#179
Posted 18 November 2011 - 23:20
แล้วปลายอ้อฯ มีความคิดเห็นอย่างไร กับการบิดเบือนหลักพิจารณาคดีดังกล่าว ที่ปลายอ้อฯ นำมาลง (ไม่ว่าจะคิดเอง ก๊อป ฟังเขามา) เพราะเห็นเลือกตอบเฉพาะที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหากระทู้
ถ้ามีปัญญาแค่หาข้อความเข้าข้างตัวมาแปะ แล้วใครจะอธิบายอย่างไรก็ช่างหัว คราวหน้าผมจะได้ไม่ต้องไปค้นมาไขให้กระจ่าง
เสียเวลา
ท่านก็พูดเกินไป
ผมตีความกฎหมาย ม.184 โดยเคร่งครัด ก็หาว่าผมบิดเบือน
ท่านจะทำให้กฎหมายไทย ต้องอาศัยการตีความไปถึงไหนครับ
มันก็เลยกลายเป็นช่องโหว่ ให้คนที่มีวาทะ เห็นช่อง แล้วก็รอดช่อง
ถ้าท่านเคยทำประกันวินาศภัย
เขาจะยึดภาษาอังกฤษเป็นมาตรฐาน ไม่ใช่ภาษาไทย
เพราะภาษาไทยมันดิ้นได้
อีกอย่าง "โกรธ"มากที่บอกว่าผม "ก็อป"มาแปะ
นอกจากหนังสือพิมพ์แล้ว กระทุ้ หรือบทความ ผมไม่เคยก็อบใคร
ผมเขียนจากสิ่งที่เห็นว่ามันเป็น ด้วยตัวผมเอง
#180
Posted 18 November 2011 - 23:23
5-4 ก็คือ 5-4 ครับ
4-4 มันตอนที่ยังนับไม่เสร็จ
อย่ามั่วสิ
ใครชนะ ?
ผีหรือหงส์
อย่าเฉไฉครับ
ถามง่ายๆ ผู้พิพากษาที่เป็นองค์คณะมีกี่คนครับ
8 หรือ 9
มี 9 คน ครับท่าน
แล้วทำไม ?
#181
Posted 18 November 2011 - 23:29
5-4 ก็คือ 5-4 ครับ
4-4 มันตอนที่ยังนับไม่เสร็จ
อย่ามั่วสิ
ใครชนะ ?
ผีหรือหงส์
อย่าเฉไฉครับ
ถามง่ายๆ ผู้พิพากษาที่เป็นองค์คณะมีกี่คนครับ
8 หรือ 9
มี 9 คน ครับท่าน
แล้วทำไม ?
ก็ถ้าจะแถตามมาตรานี้
“ถ้าปัญหาใด มีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่า ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า”
ก็ถามว่า ถ้าคนสุดท้ายยังไม่ได้ตัดสิน จะเข้ามาตรานี้ได้ยังไงครับ
ก็บอกเองว่าองค์คณะมี 9 คน ไม่ใช่ 8 คนสักหน่อย
ที่เขาตั้งองค์คณะเป็นเลขคี่ ไม่ใช่ว่าถือเคล็ดเหมือนนิมนต์พระนะครับ
~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~
#182
Posted 18 November 2011 - 23:32
อธิบายแบบนี้ชาวบ้านก็เชื่อนะ แมสเซนเจอร์ 2 คนเชื่อสนิท
เชื่อแบบกู่ไม่กลับ เรื่องอื่นมีสมองคิด เรื่องเสื้อแดงทีไรสมองส่งคืนบรรพบุรุษหมด
คุณก็เป็นประเภทชอบดูถูกคนอื่น
คุณว่าเขาโง่ คุณฉลาดกว่าเขาตรงไหน ?
จำไว้ คนดูถูกคนอื่นโง่
ไม่ใช่วิสัยของคนที่จะมาอวดอ้างว่าตนเองฉลาด
คนฉลาด จะไม่บอกว่าคนอื่นโง่ ตนเองฉลาด
แต่คนโง่ มักจะบอกว่าตนเองฉลาด คนอื่นโง่
#183
Posted 18 November 2011 - 23:38
แต่ต้องมีคำอธิบายสุดพิลึกพิลั่น ผมว่าชาวบ้านธรรมดาจินตนาการไม่ได้ขนาดนั้นหรอก
คนทั่วไปเขาก็เข้าใจอยู่แล้วว่าองค์คณะมี 9 คนออกมา 5-4 ก็ปกติ
แต่ชาวบ้านคนนี้เก่ง ดันไปหักความเห็นเจ้าของสำนวนทิ้งซะก่อน
แล้วเอากฎหมายอ้างให้เจ้าของสำนวนตัดสินแบบที่ตัวเองต้องการ
ทั้งที่ผลลัพธ์มันยังไม่ออกมาเลย ทำไปได้ไงอะ
~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~
#184
Posted 18 November 2011 - 23:45
อธิบายแบบนี้ชาวบ้านก็เชื่อนะ แมสเซนเจอร์ 2 คนเชื่อสนิท
เชื่อแบบกู่ไม่กลับ เรื่องอื่นมีสมองคิด เรื่องเสื้อแดงทีไรสมองส่งคืนบรรพบุรุษหมด
คุณก็เป็นประเภทชอบดูถูกคนอื่น
คุณว่าเขาโง่ คุณฉลาดกว่าเขาตรงไหน ?
จำไว้ คนดูถูกคนอื่นโง่
ไม่ใช่วิสัยของคนที่จะมาอวดอ้างว่าตนเองฉลาด
คนฉลาด จะไม่บอกว่าคนอื่นโง่ ตนเองฉลาด
แต่คนโง่ มักจะบอกว่าตนเองฉลาด คนอื่นโง่
1.ผมบอกตรงไหนว่าเค้าโง่ และผมฉลาดกว่า
2.ผมอวดฉลาดตรงไหน
3.ก่อนสรุปน่ะ เข้าใจความหมายรึเปล่า... คุณสรุปได้ทุเรศมาก เพ้อเจ้อและเลอะเทอะ
เรื่องอื่นแมสเซนเจอร์ 2 คนนี้เค้ารู้จักใช้สมองคิด ใช้เหตุและผล
เรื่องเสื้อแดงเค้าเชื่อทันที ..คิดออกป่ะ
#185
Posted 18 November 2011 - 23:47
เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะมันเชื่อเรื่อง"เค้าเล่าว่า"มากกว่าจะใช้สมองคิดก่อนเชื่อไง
อย่างกระทู้คุณผมอ่านแล้วก็ยิ่งตอกย้ำจริงๆ ว่าด่าได้ มันสมควรแล้ว
#186
Posted 18 November 2011 - 23:49
แล้วปลายอ้อฯ มีความคิดเห็นอย่างไร กับการบิดเบือนหลักพิจารณาคดีดังกล่าว ที่ปลายอ้อฯ นำมาลง (ไม่ว่าจะคิดเอง ก๊อป ฟังเขามา) เพราะเห็นเลือกตอบเฉพาะที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหากระทู้
ถ้ามีปัญญาแค่หาข้อความเข้าข้างตัวมาแปะ แล้วใครจะอธิบายอย่างไรก็ช่างหัว คราวหน้าผมจะได้ไม่ต้องไปค้นมาไขให้กระจ่าง
เสียเวลา
ท่านก็พูดเกินไป
ผมตีความกฎหมาย ม.184 โดยเคร่งครัด ก็หาว่าผมบิดเบือน
ท่านจะทำให้กฎหมายไทย ต้องอาศัยการตีความไปถึงไหนครับ
มันก็เลยกลายเป็นช่องโหว่ ให้คนที่มีวาทะ เห็นช่อง แล้วก็รอดช่อง
ถ้าท่านเคยทำประกันวินาศภัย
เขาจะยึดภาษาอังกฤษเป็นมาตรฐาน ไม่ใช่ภาษาไทย
เพราะภาษาไทยมันดิ้นได้
อีกอย่าง "โกรธ"มากที่บอกว่าผม "ก็อป"มาแปะ
นอกจากหนังสือพิมพ์แล้ว กระทุ้ หรือบทความ ผมไม่เคยก็อบใคร
ผมเขียนจากสิ่งที่เห็นว่ามันเป็น ด้วยตัวผมเอง
กฎหมายข้อนี้ต้องตีความ?
เข้าใจเรื่อง Order of operation ไหมครับ?
ในข้อนี้ เนื้อหาชัดแบบไม่ต้องตีเลยสักนิด เนื้อหาว่าให้ออกเสียงทีละท่าน ประธานเป็นคนสุดท้าย วินิจฉัยตามเสียงข้างมาก หากไม่มีเสียงข้างมากจึงค่อยให้ประโยชน์แก่จำเลย ซึ่งเรื่องมันจบตั้งแต่ขั้นที่ ๓ แล้ว และเมื่อได้เสียงข้างมากแล้ว ก็ไม่ต้องไปต่อ
กรณีที่อ้างกฎหมายดิ้นได้ ไม่สามารถจะใช้กับกรณีนี้ได้เลย เพราะไม่เข้าเกณฑ์ที่จะต้องพิจารณาต่อไปแต่อย่างใด ที่อ้างกฎหมายต้องตีความ ดิ้นได้นั้น เป็นเพียงข้อแก้ตัวของคุณในการอ้างเนื้อความส่วนขยายมาพิจารณาก่อนส่วนหลักเพียงแค่นั้น
ผมไม่โกรธหรอกนะ ที่คุณจะก๊อป จะลอกใครมา แต่สำคัญคือ เมื่อคุณนำข้อมูล ความเชื่อ อะไรก็ตามมาลง สิ่งที่ต้องติดตามคือ เสียงสะท้อน ข้อโต้แย้ง หลักฐานพยานต่าง ๆ ว่าเป็นอย่างไร น้ำหนักขนาดไหน
ถ้าจะแค่เอามาแปะเอาได้โชว์ ไม่สนใจข้อโต้แย้ง ผมเห็นว่าเปิดเวบโป๊ช่วยตัวเองหน้าจอเหมาะกว่าครับ เพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่ได้นำเสนอข้อมูลอะไรที่บิดเบือน แล้วก็ไม่ได้แสดงความอนาถให้ใครเห็น
- Durian and Kepler-22b like this
#187
Posted 18 November 2011 - 23:50
ท่านลองอธิบาย คำว่า "หาเสียงข้างมากมิได้" คืออะไร ? คือไม่มีเสียงข้างมากใช่หรือไม่ ?
อธิบายคำว่า "ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่า ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า" หมายความว่าอย่างไร ?
พูดกันง่ายๆ แบบชาวบ้านๆ
หลักกฎหมายไทย
ถ้าสิ่งใดยังเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยในคดี
ศาลจะยกประโยชน์ให้จำเลย เพราะผู้พิพากษาท่านก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ท่านดูตามหลักฐานเอกสาร
ถ้าท่านอ่าน มาตรานี้ให้จบ
กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ถ้ามีเสียงเท่ากัน ก็ถือว่าเป็นเหตุแห่งความสงสัย ไม่เป็นเอกฉันท์
ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน (ประธาน) ต้องยอมเห็นคล้อยไปกับผู้พิพากษาที่มีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า..
เพราะยังเป็นข้อสงสัย ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย
ผมมีความเห็นดังนี้ ท่านว่าอย่างไร ?
ปล.ผมไม่ใช่คนรักทักษิณ แต่ผมเห็นใจทักษิณ
#188
Posted 18 November 2011 - 23:54
มีข้อสอบ ๑๑ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนน เต็ม ๑๐
โจทย์ข้อ ๑๑ บอกว่า ถ้าทำข้อใดข้อหนึ่งใน ๑๐ ข้อไม่ได้ ให้ทำข้อ ๑๑ ทดแทน
ถามว่าถ้าคุณทำได้หมดแล้ว ๑๐ ข้อ จำเป็นต้องทำข้อ ๑๑ หรือไม่?
จำเป็นหรือไม่นะ ไม่ใช่จะทำหรือไม่
#189
Posted 18 November 2011 - 23:56
”เรียนท่านผู้ดูแลเวป
ท่านลองอธิบาย คำว่า "หาเสียงข้างมากมิได้" คืออะไร ? คือไม่มีเสียงข้างมากใช่หรือไม่ ?
อธิบายคำว่า "ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่า ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า" หมายความว่าอย่างไร ?
พูดกันง่ายๆ แบบชาวบ้านๆ
หลักกฎหมายไทย
ถ้าสิ่งใดยังเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยในคดี
ศาลจะยกประโยชน์ให้จำเลย เพราะผู้พิพากษาท่านก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ท่านดูตามหลักฐานเอกสาร
ถ้าท่านอ่าน มาตรานี้ให้จบ
กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ถ้ามีเสียงเท่ากัน ก็ถือว่าเป็นเหตุแห่งความสงสัย ไม่เป็นเอกฉันท์
ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน (ประธาน) ต้องยอมเห็นคล้อยไปกับผู้พิพากษาที่มีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า..
เพราะยังเป็นข้อสงสัย ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย
ผมมีความเห็นดังนี้ ท่านว่าอย่างไร ?
ปล.ผมไม่ใช่คนรักทักษิณ แต่ผมเห็นใจทักษิณ
กรณีด้านบน มันหลังจากเนื้อหาที่บัญญัติว่า "ให้ลงคะแนนทีละท่าน ประธานออกเสียงคนสุดท้าย วินิจฉัยตามเสียงข้างมาก"
ได้เสียงข้างมากแล้ว คือ ๕ ต่อ ๔ ทำไมคะแนนยังเท่ากัน?
#190
Posted 18 November 2011 - 23:57
55555 โถ......โลกสวย
#191
Posted 18 November 2011 - 23:59
“จำเลยที่ ๑ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชน แต่จำเลยที่ ๑ กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายทั้งที่จำเลยที่ ๑ เป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องกระทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ประพฤติตนในสิ่งที่ดีงามตามจริยธรรมของนักการเมือง ให้เหมาะสมกับที่ได้รับความไว้วางใจในตำแหน่งหน้าที่อันสำคัญยิ่งนี้ จึงไม่สมควรรอการลงโทษ”
#192
Posted 19 November 2011 - 00:06
มิได้บอกว่าเจ้าของสำนวน(ประธาน) ต้องพิจารณาตามด้านที่เห็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่าแต่อย่างใด
ประโยค ๒ อันนี้ห่างกันไกลนะ อันแรก คือเมื่อวินิจฉัยทุกท่านรวมประธานแล้ว หากไม่มีเสียงข้างมาก จึงยอมให้ประโยชน์แก่จำเลย
กรณีที่ ๒ ประธานต้องเอาผลจากองค์คณะไม่รวมตนเองมาพิจารณา แล้วจึงค่อยออกเสียง
บิดเบือนกฎหมายเข้าข้างตัวเองนะแบบนี้ ไม่ทุเรศไปหน่อยหรือ?
- Ixora, MIRO and Kepler-22b like this
#193
Posted 19 November 2011 - 00:14
เหตุผลที่แปลเป็นกรมธรรม์เป็นภาษาไทยก็เป็นไปตามกฎหมายของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยที่กำหนดว่ากรมธรรม์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องแปลเป็นภาษาไทยและได้รับความเห็นชอบเสียก่อนจึงจะขายได้ แต่ คปภ. ก็ไม่ได้ห้ามว่าต้องใช้กฎหมายไทยบังคับแก่กรณีเพราะตรงนี้เป็นเรื่องแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจ ดังนั้นการอ้างว่ากรมธรรม์ประกันวินาศภัยใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักเพราะภาษาไทยมันดิ้นได้จึงไม่เกี่ยวกันเลย
- Bourne likes this
#194
Posted 19 November 2011 - 00:25
อีกข้อที่บิดเบือนกฎหมายอีกแล้วคือ มาตรา ๑๘๔ บัญญัติให้ เมื่อไม่มีเสียงข้างมาก "ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอม เห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า"
มิได้บอกว่าเจ้าของสำนวน(ประธาน) ต้องพิจารณาตามด้านที่เห็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่าแต่อย่างใด
ประโยค ๒ อันนี้ห่างกันไกลนะ อันแรก คือเมื่อวินิจฉัยทุกท่านรวมประธานแล้ว หากไม่มีเสียงข้างมาก จึงยอมให้ประโยชน์แก่จำเลย
กรณีที่ ๒ ประธานต้องเอาผลจากองค์คณะไม่รวมตนเองมาพิจารณา แล้วจึงค่อยออกเสียง
บิดเบือนกฎหมายเข้าข้างตัวเองนะแบบนี้ ไม่ทุเรศไปหน่อยหรือ?
ยิ่งฟังตามที่ท่านว่า
ผมมองว่า ท่านน่าจะทุเรศมากยิ่งขึ้น
พยายามใช้เหลี่ยมคูวาทะ เล่นลิ้น เล่นสำนวน
บิดกฎหมาย พยามตีความให้เป็นอย่างที่ตนเองคิด
เพื่อจะได้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง โดยไม่นึกถึงผลกระทบโดยส่วนรวมที่จะตามมาในอนาคต
มิน่าเล่า มีนักกฎหมายอย่างนี้นี่เอง
ประเทศไทย ถึงต้องแพ้คดีต่างๆในโลกสากลทั้งหมด
เพราะพยามจะเล่นลิ้น เล่นสำนวน หาช่องโหว่ หารูรอด
และไปเข้าใจว่าประเทศอื่นเขาจะเป็นอย่างนี้
จึงเป็นเหตุที่ไม่เคยชนะคดีระหว่างประเทศเลยสักครั้ง
แต่ชนะคดีกับพวกคนไทยด้วยกันเองเท่านั้น
#195
Posted 19 November 2011 - 00:29
ตีความตามตัวอักษร ไม่ยอกย้อนหลังมาหน้า ไม่บิดเบือนเนื้อความเลยแม้แต่คำเดียว นี่คือการเล่นวาทะ สำนวน?
#196
Posted 19 November 2011 - 00:36
มาตรา 184
ในการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ อธิบดีผู้พิพากษา ข้าหลวงยุติธรรม หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็น สุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก
ถ้าในปัญหาใดมีความ เห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายหรือเกินกว่าสองฝ่ายขึ้นไปจะหาเสียงข้าง มากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอม เห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า
เนื้อเต็มๆ มันคืออย่างนี้หรือเปล่า
ตามความเข้าใจผม มันแปลได้ว่า ให้ออกเสียงทีละคน แต่ประธานเป็นคนสุดท้าย และยึดเอาเสียงข้างมาก
แต่หากประธานออกเสียงเป็นคนสุดท้ายแล้ว มีความเห็นแย้งกันเป็นหลายฝ่าย และหาเสียงข้างมากไม่ได้
ให้ฝ่ายที่บอกว่าจำเลยผิด ต้องยอมเห็นด้วยกับฝ่ายที่เห็นว่าจำเลยไม่ผิด
#197
Posted 19 November 2011 - 00:43
ถามว่า ที่ปลายอ้อฯ เอามาว่า ประธานต้องตัดสินตามเสียงข้างให้ประโยชน์จำเลย เอามาจากไหน? คิดเอาเอง หรือใส่เอาตามใจ?
#198
Posted 19 November 2011 - 00:45
http://www.kodmhai.c...82-192.html#184
มาตรา 184
ในการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ อธิบดีผู้พิพากษา ข้าหลวงยุติธรรม หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็น สุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก
ถ้าในปัญหาใดมีความ เห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายหรือเกินกว่าสองฝ่ายขึ้นไปจะหาเสียงข้าง มากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอม เห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า
เนื้อเต็มๆ มันคืออย่างนี้หรือเปล่า
ตามความเข้าใจผม มันแปลได้ว่า ให้ออกเสียงทีละคน แต่ประธานเป็นคนสุดท้าย และยึดเอาเสียงข้างมาก
แต่หากประธานออกเสียงเป็นคนสุดท้ายแล้ว มีความเห็นแย้งกันเป็นหลายฝ่าย และหาเสียงข้างมากไม่ได้
ให้ฝ่ายที่บอกว่าจำเลยผิด ต้องยอมเห็นด้วยกับฝ่ายที่เห็นว่าจำเลยไม่ผิด
ขอบคุณ คุณ Ixora
มันก็แค่นั้นเอง
นั่นคือข้อสรุปทั้งหมด ที่ถูกต้อง
#199
Posted 19 November 2011 - 00:48
http://www.kodmhai.c...82-192.html#184
มาตรา 184
ในการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ อธิบดีผู้พิพากษา ข้าหลวงยุติธรรม หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็น สุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก
ถ้าในปัญหาใดมีความ เห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายหรือเกินกว่าสองฝ่ายขึ้นไปจะหาเสียงข้าง มากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอม เห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า
เนื้อเต็มๆ มันคืออย่างนี้หรือเปล่า
ตามความเข้าใจผม มันแปลได้ว่า ให้ออกเสียงทีละคน แต่ประธานเป็นคนสุดท้าย และยึดเอาเสียงข้างมาก
แต่หากประธานออกเสียงเป็นคนสุดท้ายแล้ว มีความเห็นแย้งกันเป็นหลายฝ่าย และหาเสียงข้างมากไม่ได้
ให้ฝ่ายที่บอกว่าจำเลยผิด ต้องยอมเห็นด้วยกับฝ่ายที่เห็นว่าจำเลยไม่ผิด
ขอบคุณ คุณ Ixora
มันก็แค่นั้นเอง
นั่นคือข้อสรุปทั้งหมด ที่ถูกต้อง
เนื้อหาแบบ pdf แสกน ป.วิ.อาญาฉบับจริง ผมได้วางลิงค์ไว้ตั้งแต่หน้าที่แล้ว รวมทั้งได้ลำดับความไว้เผื่อไม่เข้าใจ
แปลว่าไม่ได้อ่าน สักแต่ตีความ บิดเบือนเข้าข้างตน?
#200
Posted 19 November 2011 - 00:49
http://www.kodmhai.c...82-192.html#184
มาตรา 184
ในการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ อธิบดีผู้พิพากษา ข้าหลวงยุติธรรม หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็น สุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก
ถ้าในปัญหาใดมีความ เห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายหรือเกินกว่าสองฝ่ายขึ้นไปจะหาเสียงข้าง มากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอม เห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า
เนื้อเต็มๆ มันคืออย่างนี้หรือเปล่า
ตามความเข้าใจผม มันแปลได้ว่า ให้ออกเสียงทีละคน แต่ประธานเป็นคนสุดท้าย และยึดเอาเสียงข้างมาก
แต่หากประธานออกเสียงเป็นคนสุดท้ายแล้ว มีความเห็นแย้งกันเป็นหลายฝ่าย และหาเสียงข้างมากไม่ได้
ให้ฝ่ายที่บอกว่าจำเลยผิด ต้องยอมเห็นด้วยกับฝ่ายที่เห็นว่าจำเลยไม่ผิด
ขอบคุณ คุณ Ixora
มันก็แค่นั้นเอง
นั่นคือข้อสรุปทั้งหมด ที่ถูกต้อง
อ้าว แล้วจะมานั่งเถียงกันทำไมล่ะครับ
ในเมื่อพอประธานออกเสียงแล้วก็นับได้ 5-4
ก็เกิดเสียงข้างมากนี่ครับ สรุปว่า ผิด ด้วยมติ 5-4
2 user(s) are reading this topic
0 members, 2 guests, 0 anonymous users