อีกข้อที่บิดเบือนกฎหมายอีกแล้วคือ มาตรา ๑๘๔ บัญญัติให้ เมื่อไม่มีเสียงข้างมาก "ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอม เห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า"
มิได้บอกว่าเจ้าของสำนวน(ประธาน) ต้องพิจารณาตามด้านที่เห็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่าแต่อย่างใด
ประโยค ๒ อันนี้ห่างกันไกลนะ อันแรก คือเมื่อวินิจฉัยทุกท่านรวมประธานแล้ว หากไม่มีเสียงข้างมาก จึงยอมให้ประโยชน์แก่จำเลย
กรณีที่ ๒ ประธานต้องเอาผลจากองค์คณะไม่รวมตนเองมาพิจารณา แล้วจึงค่อยออกเสียง
บิดเบือนกฎหมายเข้าข้างตัวเองนะแบบนี้ ไม่ทุเรศไปหน่อยหรือ?
ยิ่งฟังตามที่ท่านว่า
ผมมองว่า ท่านน่าจะทุเรศมากยิ่งขึ้น
พยายามใช้เหลี่ยมคูวาทะ เล่นลิ้น เล่นสำนวน
บิดกฎหมาย พยามตีความให้เป็นอย่างที่ตนเองคิด
เพื่อจะได้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง โดยไม่นึกถึงผลกระทบโดยส่วนรวมที่จะตามมาในอนาคต
มิน่าเล่า มีนักกฎหมายอย่างนี้นี่เอง
ประเทศไทย ถึงต้องแพ้คดีต่างๆในโลกสากลทั้งหมด
เพราะพยามจะเล่นลิ้น เล่นสำนวน หาช่องโหว่ หารูรอด
และไปเข้าใจว่าประเทศอื่นเขาจะเป็นอย่างนี้
จึงเป็นเหตุที่ไม่เคยชนะคดีระหว่างประเทศเลยสักครั้ง
แต่ชนะคดีกับพวกคนไทยด้วยกันเองเท่านั้น