Jump to content


Photo
- - - - -

จำคุก20 ปี ชายวัย61ใช้โทรศัพท์ส่งsmsหมิ่นเบื้องสูง


This topic has been archived. This means that you cannot reply to this topic.
244 ความเห็นในกระทู้นี้

#101 sigree

sigree

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,883 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 09:01


ผมอ่านที่หลายท่านให้ความเห็น

น่าสนใจนะ
ทำไมไม่ได้นำเสนอเลยว่าฝ่ายโจทย์ว่ายังไง
เหมือนฟังความข้างเดียวยังไงไม่รู้


http://ilaw.or.th/node/1229

ลองอ่านได้ครับ

ผมอ่านแล้ว ผมว่ายังไงก็เข้าข้างลุง ศาลไม่น่าตัดสินให้ผิด
ถ้าดูตามสืบ จะเห็นว่า หมายเลขที่ส่ง ไม่ใช่หมายเลขมือถือของลุง
แต่ว่าส่งจากเลข IMEI เดียวกัน ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าเลข IMEI นี้ปลอมกันได้
ประกอบกับไม่มีประจักษ์พยาน หรือหลักฐานอื่นใดที่จะบอกได้จริงๆ ว่าเป็นลุง
หรือแม้กระทั่งว่ามาจากมือถือของลุงก็ยังไม่ชัดเจนในความเห็นของผม
ส่วนหลักฐานพยานทุกอย่างก็เป็นหลักฐานพยานแวดล้อมทั้งสิ้น
ผมมองแล้วถือว่าไม่สิ้นสงสัย เพราะมีความเป็นไปได้มากว่า มีการปลอม IMEI แล้วส่ง SMS
ถ้าเป็นผมผมจะยกประโยชน์ให้จำเลยนะ

ผมไม่ใช่คนเก่งด้านเทคนิคพวกนี้นะครับ
แต่ต้องคุยกันตรงๆว่า ศาลท่านให้หาคนยื่นยันว่าตัวเลขพวกนี้ปลอมได้ ทางทนายหาผู้เชี่ยวชาญมายืนยันไม่ได้
ตรงนี้อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับว่าการส่งมาจากมือถือเครื่องนี้แน่ๆ

ส่วนการสู้ว่าเรื่องร้านซ่อม ตกไปเพราะมีการเช็คโดยเสาสัญญาณว่าส่งแถวบ้านลุงแกอีก แล้วหาร้านไม่เจออีก

โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อนะว่าแกส่ง sms ไม่เป็น เพราะอาชีพแกก่อนเกษียนคือขับรถส่งของ ซึ่งต้องอยู่กับมือถือตลอดเวลา

การรับส่ง sms เวลาคนติดต่อไม่ได้ต้องทำได้อยู่แล้ว

ผมมองว่าเรื่องนี้ เป็นการตัดสินด้วยพยานแวดล้อมทางอิเลคโทรนิค ซึ่งใหม่กับทุกฝ่าย ลองดูในชั้นศาลถัดไปอีกกว่าครับ

#102 ชมจันทร์

ชมจันทร์

    Reform before elections

  • Members
  • PipPipPip
  • 659 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 09:19

สำหรับท่านใดที่ข้องใจว่า โทษรุนแรงไปหรือไม่ ลองดูคดีอื่น ๆ จากประเทศที่เจริญแล้วอย่างสหรัฐฯ บ้าง

จำคุกมะกันวิปริต 315 ปี ผลิตสื่อลามกเด็กทารก

ที่มา http://www.thairath..../oversea/218746

อันสยามเป็นบ้านเกิดเมืองนอน
    ดุจบิดามารดรเปรียบได้


#103 ปกติทำแต่งาน

ปกติทำแต่งาน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 624 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 09:28

ผมอ่านสำนวนคำฟ้อง และการสืบพยานแล้ว มีการตรวจสอบ cell site และ หมายเลขเครื่อง IMEI แล้ว

ผมคิดว่าคุณลุงคงเป็นคนส่งจริงๆ โดยเปลี่ยนซิม - ส่ง - เปลี่ยนซิมกลับ เพราะนึกว่า เบอร์ใครไม่รู้ ไม่น่าจะจับได้

เห็นด้วยกับคุณชมจันทร์ ว่า ยังไงก็รู้สึกสงสาร ก็คนยัดเยียดความคิดให้ ตัวใหญ่ แดงๆ ที่ยืนพูดบนเวที น่าจะโดนมากกว่า ขอสาปแช่งพวกมัน
ผิดคือผิด แม้ว่าหลายคนจะทำสิ่งนั้นถูกคือถูก แม้ว่าจะไม่มีใครทำสิ่งนั้นศจ. สังเวียน อินทรวิชัย

#104 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 09:37

มองด้วยการเมือง
นายอำพลเป็นเหยื่อที่เหมาะสม

ถ้าคุณจะล้มกฏหมาย 112 คุณต้องหาเหยื่อแบบนี้แหละ
ท่าทางไม่มีพิษมีภัย ภูมิหลังน่าสงสาร
จะได้ตีข่าวว่า กฏหมายนี้โหด

ทนายที่ว่าความเป็นทีมอาสาครับ ใช้ชื่อว่า ทนายราษฎรประสงค์
แค่นี้ก็รู้แล้วว่า มุ่งหมายอะไร
วิธีสู้ก็ชัดเจนว่าต้องการให้ติดคุก
คือสู้ว่า
1 เคยเอาโทรศัพท์ไปซ่อม
2 ส่งเอ็มไม่เป็น

ตัวนายอำพลเอง ก็น่าจะมีส่วน เพราะถ้าไม่ได้ทำจริงๆ
ก็ต้องให้เบาะแสได้ว่า ใครที่น่าจะทำ
แถมวันที่ค้นบ้านเจอโทรศัพท์ 4 เครื่องอีก


กรรม

#105 bmp1

bmp1

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 264 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 09:54


http://youtu.be/cwfwju0M66A
พระราชดำรัส 4 ธันวาคม 2548

แต่อย่างไรก็ตาม เข้าคุกแล้ว ถ้าเป็นการละเมิดพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์เองเดือดร้อน เดือดร้อนหลายทาง ทางหนึ่งต่างประเทศเขาบอกว่าเมืองไทยนี่พูดวิจารณ์พระมหากษัตริย์ไม่ได้ ว่าวิจารณ์ไม่ได้ก็เข้าคุก มีที่เข้าคุก เดือดร้อนพระมหากษัตริย์

ต้องบอกว่าเข้าคุกแล้วต้องให้อภัย ทั้งที่เขาด่าเราอย่างหนัก ฝรั่งเขาบอกว่าในเมืองไทยนี่ พระมหากษัตริย์ถูกด่า ต้องเข้าคุก ที่จริงควรเข้าคุก แต่เพราะฝรั่งบอกอย่างนั้นก็ไม่ให้เข้า ไม่มีใครกล้าเอาคนที่ด่าพระมหากษัตริย์เข้าคุก เพราะพระมหากษัตริย์เดือดร้อน เขาหาว่าพระมหากษัตริย์เป็นคนที่ไม่ดี อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นคนที่จั๊กจี้ ใครว่าไรซักนิดก็บอกให้เข้าคุก

ที่จริงพระมหากษัตริย์ไม่เคยบอกให้เข้าคุก ตั้งแต่สมัยรัชกาลก่อนๆ เป็นกบฏ ก็ยังไม่จับใส่คุก ไม่ลงโทษ รัชกาลที่ 6 ท่านไม่ลงโทษ ไม่ได้ลงโทษผู้ที่เป็นกบฏ มาจนกระทั่งถึง ต่อมา รัชกาลที่ 9 ใครเป็นกบฏ ก็ไม่เคยมีแท้ๆ ที่จริงก็ทำแบบเดียวกันไม่ให้เข้าคุก ให้ปล่อย หรือถ้าเข้าคุกแล้วก็ให้ปล่อย ถ้าไม่เข้าก็ไม่ฟ้อง เพราะเดือดร้อนผู้ที่ถูกด่า เป็นคนเดือดร้อน อย่างที่คนที่ละเมิดพระมหากษัตริย์ และถูกทำโทษไม่ใช่คนนั้นเดือดร้อน

พระมหากษัตริย์เดือดร้อน นี่ก็แปลก


ความในพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ตอนหนึ่ง , 4 ธันวาคม 2548

...........



Posted Image

แม้โจทก์จะไม่สามารถนำสืบพยานให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า จำเลยเป็นผู้ที่ส่งข้อความตามฟ้องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องดังกล่าว ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนายสมเกียรติ แต่ก็เพราะเป็นการยากที่โจทก์จะสามารถนำสืบได้ด้วยประจักษ์พยาน เนื่องจากจำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดดังกล่าวย่อมจะต้องปกปิดการกระทำของตนมิให้บุคคลอื่นได้ล่วงรู้ จึงจำเป็นต้องอาศัยเหตุผลประจักษ์พยานแวดล้อมที่โจทก์นำสืบเพื่อชี้วัดให้เห็นเจตนาที่อยู่ภายใน



Posted Image




Posted Image

http://thaienews.blo.../11/448sms.html


...E=mc2 เข้าใจสูตร 3บรรทัดอย่างแตกฉาน

ย่อมรอบรู้กว่า...

...การอ่านตำราหมดทั้งหอสมุด แต่อ่านไปเรื่อยแบบไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจห่าอะไรเลย...


#106 พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน

พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,450 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 09:56

ยังมีคนบ่นว่า กม.ไทยรุนแรงไปอีกหรือเนี่ย ??? ... บางมาตราผมอยากให้เพิ่มโทษยิ่งกว่านี้ด้วยซ้ำ

ลองสมมุติเล่นๆ ถ้า"มาร์ค"ไปทำผิด กม.แล้วโดนโทษจำคุกแต่ให้รอลงอาญา ... ขอเดาว่าต้องมีพี่น้องเสื้อแดง"บางคน"คงบอกว่าโทษเบาไปเสียด้วยซ้ำ
แต่ถ้าพ่อแม้วโดนโทษจำคุก แต่ให้รอลงอาญา ... พี่น้องเสื้อแดงคงบอกว่า"ยุติธรรม"
อยากรู้ว่าประชาธิปไตยไทยเป็นแบบไหน ให้ดูการใช้รถใช้ถนนรู้จักกันแต่สิทธิ แต่ไม่เคยรู้จักหน้าที่ ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่วางไว้

#107 sebastian

sebastian

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 312 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 09:57

อย่าลืม ตาม จับ ไอ้ พวกเชี้ย บางตัวด้วย ละ ที่เพ่นพล่าน อยู่ในเฟสบุคตอนนี้
I''''ll go anywhere as long as it''''s forward.ผมไปได้ทุกที่ ขอเพียงแต่ต้องไปข้างหน้าcredit by ดร.ลิฟวิ่งสโตน

#108 An.mkII

An.mkII

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,395 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 10:09

ทำไม ข้อมูลต่างๆ ที่ออกมา เท่าที่ผมติดตามข่าวสารมาในระยะหนึ่ง ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกะคดีนี้ มักจะออกมาจาก

สื่อ หรือ มาจากคณะ บุคคล ที่พยายามให้ มีการ ยกเลิกม.112 รวมถึง เเม้นกระทั้ง ข้อความ ที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบัน
การกระทำโดยขาดสติยั้งคิด ขาดเหตุผล ความรู้จักถูกผิดนั้น เป็นเหตุให้เกิดความหลง ความลืมตัว ทำให้กระทำสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่โดยชอบได้ ซึ่งเป็นอันตรายมาก อาจจะนำความเสีย เสื่อมสลาย มาสู่ตนเอง ตลอดทั้งประเทศชาติได้พระราชดำรัส ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓

#109 ryukendo

ryukendo

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,383 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 10:11

ถ้ารอดออกมาได้อย่าลืมไปตอบแทนทนายด้วยนะ ลุงนะ :P
บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นที่จะทำพังแล้วร้องไห้ขออันใหม่

#110 Gop

Gop

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,450 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 10:41

จะดราม่าอะไรหรือครับ bmp1 อ่านการใต่สวนหรือยัง http://ilaw.or.th/node/1229 คนเค้่าเอามาลงให้แล้ว
กี่ความเห็น คุณก็เหมือนเดิมเลยนะ

หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.

 


#111 baezae

baezae

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,966 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 10:56

แวะมาตอบ

ต้องแนวนี้แหละครับพวกเสื้อแดง เน้นดราม่าไว้ก่อน เหตุผลไว้ตอนหลัง

นี่ตามเฟสบุ๊คก็เริ่มออกมาเล่น "ผมส่ง sms อย่าจับผมนะ" กันบ้างแล้ว

ฟาย
ถ้าคุณเป็นเสื้อเหลือง ผมคุยกับคุณได้ และหัวเราะให้กันได้ถ้าคุณเป็นเสื้อแดง ผมก็คุยกับคุณได้ และหัวเราะใ้ห้กันได้แต่ถ้าคุณเป็นควายล้มเจ้าไม่ว่าจะสีไหน ผมจะด่าอย่างเดียว

#112 john

john

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 43 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:01

ผมว่าศาลตัดสินละเอียดมากแล้วนะครับ เท่าที่ลองอ่านดู

สำหรับประเด็นสำคัญในคดีที่จำเลยตั้งประเด็นว่า หมายเลขอีมี่ หรือรหัสประจำเครื่องโทรศัพท์อาจถูกปลอมแปลงได้ แต่จำเลยไม่สามารถหาตัวผู้เชี่ยวชาญมายืนยันได้
- ให้หาคนที่ปลอมอีมี่มือถือรุ่นที่ใช้ได้มาแสดงยังหาไม่ได้ ?? บางรุ่นมันก็ไม่มีโปรแกรมมาให้แก้เหมือนกัน พวกที่แก้ได้ก็ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทั้งนั้นส่วนใหญ่ก็มีแต่โนเกีย (ลุงใช้โมโต) พวกที่แฮคเข้าไปแก้เองไม่ได้หาได้ง่าย ๆ แถวสำโรงหรอก

เนื่องจากหมายเลขอีมี่ในคดีนี้ตรงกับหมายเลขอีมี่ของโทรศัพท์ยี่ห้อโมโตโรล่าที่นายอำพลใช้ และรับว่าใช้อยู่ผู้เดียว จึงยากที่จะมีผู้อื่นนำไปใช้ได้ และพบว่ามีการใช้โทรศัพท์เครื่องนี้กับซิมการ์ดสองเลขหมาย ซึ่งจากหลักฐานชี้ชัดว่า ซิมการ์ดทั้งสองหมายเลขถูกใช้ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน แต่ไม่เคยถูกใช้งานในเวลาที่ซ้ำกัน จึงเชื่อได้ว่าผู้กระทำความผิดได้นำซิมการ์ดมาสลับใช้อย่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งสมมติฐานไว้ นอกจากนี้ข้อมูลการจราจรยังระบุว่าข้อความถูกส่งโดยเซลไซต์ จากย่านที่จำเลยพักอาศัยอยู่ด้วย
- อันนี้ก็มัดตัวค่อนข้างแน่น คนส่งอาจจะคิดว่าแค่ซื้อซิมเติมเงินมาใส่แล้วทิ้งไปก็ตรวจไม่เจอแล้ว

โทรศัพท์มือถือของจำเลยเสียจึงนำไปซ่อมที่ร้านค้าในห้างอิมพีเรียลสำโรง ศาลเห็นว่าจำเลยให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน กล่าวคือ แจ้งในชั้นจับกุมว่าโทรศัพท์มือถือเคยเสียและนำไปซ่อมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 แต่แจ้งในศาลว่านำไปซ่อมเมื่อเดือนเมษายน 2553 อีกทั้งยังจำร้านที่นำโทรศัพท์ไปซ่อมไม่ได้ ทั้งที่การนำไปซ่อมต้องไปที่ร้านถึงสองครั้งคือตอนนำไปซ่อม และไปรับคืน จึงถือว่าข้อมูลส่วนนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ
- อันนี้ไม่ชัดเจน แต่ก็มีพิรุธน่าสงสัย

ผมว่าเป็นไปได้ที่คนในบ้านหรือคนใกล้ชิดลุงอาจจะเป็นคนทำ แต่ให้ลุงรับผิดแทน แต่อันนี้ก็พิสูจน์ไม่ได้ แล้วลุงก็ยอมรับเองว่ามือถือใช้อยู่ผู้เดียวเลยเข้าล็อคเลย

#113 bmp1

bmp1

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 264 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:05

แวะมาตอบ

ต้องแนวนี้แหละครับพวกเสื้อแดง เน้นดราม่าไว้ก่อน เหตุผลไว้ตอนหลัง

นี่ตามเฟสบุ๊คก็เริ่มออกมาเล่น "ผมส่ง sms อย่าจับผมนะ" กันบ้างแล้ว

ฟาย


ลำดับผิดแล้ว จ้ะ .. .

เหตุผลมาก่อน ถ้าไม่มีเหตุจะแย้งไงงายย เมื่อเห็นข้อพิรุธ จึ่งต้องแหย่ เอ้ยแย้ง ... .กับศาลย่อมรู้ว่ายาก ก็ต้องนั่งทำจายยดาม่าตามม่าสิจ๊ะ กรักๆๆๆ :lol:

...E=mc2 เข้าใจสูตร 3บรรทัดอย่างแตกฉาน

ย่อมรอบรู้กว่า...

...การอ่านตำราหมดทั้งหอสมุด แต่อ่านไปเรื่อยแบบไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจห่าอะไรเลย...


#114 RiDKuN_user

RiDKuN_user

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,167 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:07


แวะมาตอบ

ต้องแนวนี้แหละครับพวกเสื้อแดง เน้นดราม่าไว้ก่อน เหตุผลไว้ตอนหลัง

นี่ตามเฟสบุ๊คก็เริ่มออกมาเล่น "ผมส่ง sms อย่าจับผมนะ" กันบ้างแล้ว

ฟาย


ลำดับผิดแล้ว จ้ะ .. .

เหตุผลมาก่อน ถ้าไม่มีเหตุจะแย้งไงงายย เมื่อเห็นข้อพิรุธ จึ่งต้องแหย่ เอ้ยแย้ง ... .กับศาลย่อมรู้ว่ายาก ก็ต้องนั่งทำจายยดาม่าตามม่าสิจ๊ะ กรักๆๆๆ :lol:


รู้จักคำว่าเหตุผลด้วยเหรอครับ :D
" ชีวิตผมไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น ผมกลัวอย่างเดียว...กลัวจะถูกมองว่า 'ขายชาติ' " - The Last Tycoon

~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~

#115 baezae

baezae

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,966 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:10


แวะมาตอบ

ต้องแนวนี้แหละครับพวกเสื้อแดง เน้นดราม่าไว้ก่อน เหตุผลไว้ตอนหลัง

นี่ตามเฟสบุ๊คก็เริ่มออกมาเล่น "ผมส่ง sms อย่าจับผมนะ" กันบ้างแล้ว

ฟาย


ลำดับผิดแล้ว จ้ะ .. .

เหตุผลมาก่อน ถ้าไม่มีเหตุจะแย้งไงงายย เมื่อเห็นข้อพิรุธ จึ่งต้องแหย่ เอ้ยแย้ง ... .กับศาลย่อมรู้ว่ายาก ก็ต้องนั่งทำจายยดาม่าตามม่าสิจ๊ะ กรักๆๆๆ :lol:


ยอมนอนดึกเลยคืนนี้

ไหน ศาลวินิจฉัยไม่ถูกต้องตรงไหน

อย่าตอแหลว่าไม่เชี่ยวชาญกฎหมายแล้วขอไม่ตอบนะเว้ย ยื่นมาบอกศาลมีพิรุธแล้วเนี่ย
ถ้าคุณเป็นเสื้อเหลือง ผมคุยกับคุณได้ และหัวเราะให้กันได้ถ้าคุณเป็นเสื้อแดง ผมก็คุยกับคุณได้ และหัวเราะใ้ห้กันได้แต่ถ้าคุณเป็นควายล้มเจ้าไม่ว่าจะสีไหน ผมจะด่าอย่างเดียว

#116 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:10


แวะมาตอบ

ต้องแนวนี้แหละครับพวกเสื้อแดง เน้นดราม่าไว้ก่อน เหตุผลไว้ตอนหลัง

นี่ตามเฟสบุ๊คก็เริ่มออกมาเล่น "ผมส่ง sms อย่าจับผมนะ" กันบ้างแล้ว

ฟาย


ลำดับผิดแล้ว จ้ะ .. .

เหตุผลมาก่อน ถ้าไม่มีเหตุจะแย้งไงงายย เมื่อเห็นข้อพิรุธ จึ่งต้องแหย่ เอ้ยแย้ง ... .กับศาลย่อมรู้ว่ายาก ก็ต้องนั่งทำจายยดาม่าตามม่าสิจ๊ะ กรักๆๆๆ :lol:


ยิ่งตอบยิ่งดูโง่วะ ไอ้bm
"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#117 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:11

ผม สงสัย หลักฐาน ข้อความต่างๆ ที่กล่าวอ้างในคดี นี้ ใครมีเห็น เอกสาร หลักฐานข้อมูลจริงๆบ้างว่าเป็นแบบไหน ผมอยากแบบตัวเอกสารจริงๆ ไม่ใช่ เเค่ เขาเล่าว่า


ความคืบหน้าล่าสุด: ศาลอาญาพิพากษา ลุง sms มีความผิดหมิ่นสถาบันฯ จำคุก 20 ปี
ศาลเทเลคอนเฟอร์เรนซ์อ่านคำพิพากษานายอำพล ฐานส่ง SMS หมิ่นฯ 4 ครั้ง ผิดตาม ปอ.มาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) และ (3) ลงโทษกรรมละ 5 ปีรวมจำคุก 20 ปี ชี้หลักฐานอิเล็กทรอนิคส์น่าเชื่อว่าส่งจากเครื่องโทรศัพท์ที่จำเลยใช้ และจากย่านที่พักของจำเลย

23 พ.ย. 54 จากเหตุน้ำท่วมทำให้เรือนจำไม่สามารถเบิกตัวนายอำพล (สงวนนามสกุล) จำเลยคดีส่ง sms หมิ่นไปยังโทรศัพท์มือถือของนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ มาฟังคำพิพากษาหน้าบัลลังก์ได้ ศาลอาญาจึงอ่านคำพิพากษาทางไกลผ่านระบบเทเลคอนเฟอร์เรนซ์แทน ภรรยาของนายอำพล ลูกหลาน และผู้ร่วมให้กำลังใจราว 30 คนได้รับอนุญาตให้เข้าฟังคำพิพากษาด้วย

ผู้พิพากษา ชนาธิป เหมือนพะวงศ์ ขึ้นบังลังค์เวลา 10:25 น. ที่ห้องเวรชี้ ชั้นล่างของศาลอาญา

ศาลพิพากษาว่า ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่โจทก์ได้จาก DTAC และ TRUE นั้นเป็นหลักฐานที่ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องจัดเก็บโดยระบบคอมพิวเตอร์ตามที่กฎหมายกำหนด หากผู้ให้บริการจัดเก็บไม่ถูกต้องลูกค้าย่อมไม่เชื่อถือ อาจเสียประโยชน์ทางธุรกิจได้ ดังนั้นจึงถือว่าหลักฐานข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ที่ได้รับถือเป็นเอกสารที่น่าเชื่อถือ

สำหรับประเด็นสำคัญในคดีที่จำเลยตั้งประเด็นว่า หมายเลขอีมี่ หรือรหัสประจำเครื่องโทรศัพท์อาจถูกปลอมแปลงได้ แต่จำเลยไม่สามารถหาตัวผู้เชี่ยวชาญมายืนยันได้ ส่วนประเด็นที่ว่า เอกสารในสำนวนฟ้องที่หมายเลขอีมี่หลักที่ 15 ไม่ตรงกับหมายเลขอีมี่ในเครื่องโทรศัพท์ คือในเอกสารบางจุดแสดงว่าเป็นเลข 0 บางจุดแสดงว่าเป็นเลข 2000 ขณะที่ในเครื่องโทรศัพท์จริงๆ เป็นเลข 6 ศาลวิเคราะห์ว่า หมายเลขอีมี่ 14 หลักแรกเท่านั้นที่มีความสำคัญ ตามที่พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา จากกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวและได้พิสูจน์ด้วยการใช้เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบเลขอีมี่แสดงให้เห็นในศาลแล้วว่า เมื่อพิมพ์รหัส 14 หลักแรกตามด้วยรหัสสุดท้ายหมายเลข 6 เท่านั้นจึงปรากฏข้อมูลว่าเป็นเครื่องโทรศัพท์ยี่ห้อโมโตโรล่า แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเลข 0-5 และ 7-9 ทั้งที่ควรปรากฏว่าเป็นเครื่องรุ่นอื่นแต่จากการทดสอบแล้วไม่ปรากฏว่าเป็นรุ่นใดเลย จึงยิ่งชี้ให้เห็นชัดว่าหมายเลข 14 หลักแรกเท่านั้นที่ใช้ในการระบุตัว ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง

นอกจากนี้ เนื่องจากหมายเลขอีมี่ในคดีนี้ตรงกับหมายเลขอีมี่ของโทรศัพท์ยี่ห้อโมโตโรล่าที่นายอำพลใช้ และรับว่าใช้อยู่ผู้เดียว จึงยากที่จะมีผู้อื่นนำไปใช้ได้ และพบว่ามีการใช้โทรศัพท์เครื่องนี้กับซิมการ์ดสองเลขหมาย ซึ่งจากหลักฐานชี้ชัดว่า ซิมการ์ดทั้งสองหมายเลขถูกใช้ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน แต่ไม่เคยถูกใช้งานในเวลาที่ซ้ำกัน จึงเชื่อได้ว่าผู้กระทำความผิดได้นำซิมการ์ดมาสลับใช้อย่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งสมมติฐานไว้ นอกจากนี้ข้อมูลการจราจรยังระบุว่าข้อความถูกส่งโดยเซลไซต์ จากย่านที่จำเลยพักอาศัยอยู่ด้วย

การที่จำเลยอ้างว่า โทรศัพท์มือถือของจำเลยเสียจึงนำไปซ่อมที่ร้านค้าในห้างอิมพีเรียลสำโรง ศาลเห็นว่าจำเลยให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน กล่าวคือ แจ้งในชั้นจับกุมว่าโทรศัพท์มือถือเคยเสียและนำไปซ่อมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 แต่แจ้งในศาลว่านำไปซ่อมเมื่อเดือนเมษายน 2553 อีกทั้งยังจำร้านที่นำโทรศัพท์ไปซ่อมไม่ได้ ทั้งที่การนำไปซ่อมต้องไปที่ร้านถึงสองครั้งคือตอนนำไปซ่อม และไปรับคืน จึงถือว่าข้อมูลส่วนนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ

ศาลเห็นว่า ข้ออ้างของจำเลยที่กล่าวอ้างว่า ส่งSMS ไม่เป็น และไม่รู้จักเบอร์โทรศัพท์ของนายสมเกียรตินั้น มีแต่จำเลยเท่านั้นที่รู้เห็น เป็นการง่ายที่จะกล่าวอ้าง

แม้โจทก์จะไม่สามารถนำสืบพยานให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้ที่ส่งข้อความตามฟ้องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องดังกล่าว ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุาการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ แต่ก็เพราะเป็นการยากที่โจทก์จะสามารถนำสืบได้ด้วยประจักษ์พยาน เนื่องจากจำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดดังกล่าวย่อมจะต้องปกปิดการกระทำของตนมิให้บุคคลอื่นได้ล่วงรู้ จึงจำเป็นต้องอาศัยเหตุผลประจักษ์พยานแวดล้อมที่โจทก์นำสืบเพื่อชี้วัดให้เห็นเจตนาที่อยู่ภายใน

ศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นเวลา 10.43 น. รวมระยะเวลา 18 นาที พิพากษาให้จำเลยมีความผิดจำคุกทั้งสิ้น 20 ปี

เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ซึ่งนั่งอยู่กับนายอำพลที่เรือนจำในห้องฟังคำพิพากษาได้กล่าวผ่านระบบคอนเฟอร์เรนซ์ถามว่าคำพิพากษาว่าอย่างไร เพราะตลอดการฟังคำพิพากษาได้ยินเสียงไม่ชัด เจ้าหน้าที่ศาลจึงแจ้งอย่างสั้นๆ ไปว่า ลุงติดคุก 20 ปี
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#118 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:12

รายละเอียดคดี
ชื่อคดี : คดี "ลุง sms"
โจทก์ : พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 สำนักงานอัยการสูงสุด
จำเลย : อำพล (สงวนนามสกุล)
ข้อหา: มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(2), (3)
หมายเลขคดี : คดีหมายเลขดำที่ อ. 311/2554
ข้อมูลพื้นฐาน :
จำเลย ถูกกล่าวหาว่าใช้โทรศัพท์มือถือ หมายเลข 081-349-3615 ส่งข้อความอันอาจเป็นการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ และหมิ่นประมาทใส่ความให้ร้ายสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทั้งหมด 4 ครั้งไปยังโทรศัพท์มือถือหมายเลขโทรศัพท์ 081-425-5599 ของนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข ขณะดำรงตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553
3 สิงหาคม 2553 จำเลย วัย 61 ปี ถูกจับกุมในข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 14 (2), (3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา และคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข (คปค.) ฉบับที่ 41 โดยข้อความดังกล่าวมีลักษณะหยาบคาย เข้าข่ายจาบจ้วง ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

จำเลยให้การปฏิเสธ ตั้งแต่ชั้นจับกุม โดยกล่าวว่าไม่รู้จักวิธีการส่ง SMS และหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ส่งนั้นก็ไม่ใช่ของตน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าผู้ส่งข้อความหักซิมการ์ดทิ้งไปแล้ว จึงสืบเบาะแสจากหมายเลขประจำเครื่อง (IMEI)

จำเลยเคยประกอบ อาชีพขับรถส่งของ ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรแล้วเนื่องจากอายุมากและพูดไม่ถนัดหลังการ ผ่าตัดมะเร็งใต้ลิ้นตั้งแต่ปี 2550 ทุกวันนี้อาศัยอยู่กับภรรยาในห้องเช่าราคาเดือนละ 1,200 บาท ย่านสำโรง จังหวัดสมุทรปราการ และอยู่ได้ด้วยเงินที่ได้รับจากลูกๆ อีกเล็กน้อย แต่ละวันมีหน้าที่ต้องเลี้ยงหลาน 3-4 คน

หลังถูกจับกุมเมื่อ วันที่ 3 ส.ค.53 เขาถูกคุมตัวในเรือนจำนวน 63 วัน และได้ประกันตัวเมื่อวันที่ 4 ต.ค.53 หลังจากนั้น ในวันที่ 18 ม.ค. 54 อัยการมีคำสั่งฟ้องคดี จำเลยจึงต้องถูกควบคุมตัวอีกครั้ง ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวโดยให้เหตุผลว่า ข้อเท็จจริงตามข้อหาการกระทำความผิดตามฟ้องกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนและ ความมั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรง คดีอยู่ในชั้นพิจารณา หากผลการพิจารณาสืบพยานมีหลักฐานมั่นคงจำเลยอาจหลบหนี ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

นายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข ผู้กล่าวหาในคดีนี้ ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี แจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมความผิดทางเทคโนโลยี หลังจากได้รับ SMS จากเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 0813493615 ที่ส่งมายังเครื่องของตนในวันที่ 9, 11, 12, 22 พ.ค. 2553 รวมจำนวน 4 ข้อความ

นายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เป็นเลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 54 มติคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่าย การเมือง

หลังการแจ้งข้อกล่าวหา กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยียื่นขอคำสั่งศาล ให้ออกหมายจับศาลอาญา รัชดา ที่ 1659 /2553 ลงวันที่ 29 ก.ค.53 ข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตาม ป.อาญา มาตรา 112 มีโทษจำคุก 3-15 ปี

3 สิงหาคม 2553 เวลา 7.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ 15 นาย นำโดย พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ท.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน สว.กก.1 บก.ป. พร้อมด้วยสื่อมวลชน เข้าจับกุม นายอำพล ตั้งนพกุล ที่บ้านเลขที่ 52 หมู่ที่ 1 ต.คลองสวน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยจับกุมได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ระหว่างซอยวัดด่านสำโรง 17/1 และซอยวัดด่านสำโรง 19 หมู่ที่ 4 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโมโตโรล่า 2 เครื่อง และยี่ห้อเทเลวิซ อีก 1 เครื่อง ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า

จำเลยปฏิเสธข้อหา ตั้งแต่ชั้นจับกุม โดยกล่าวว่าไม่รู้จักวิธีการส่งข้อความสั้นบนโทรศัพท์มือถือ ไม่เคยส่งเอสเอ็มเอสเลย เพราะส่งไม่เป็น มีโทรศัพท์ไว้สำหรับโทรออกอย่างเดียว และเขากล่าวด้วยว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ส่ง SMS นั้นไม่ใช่เบอร์ของเขา และโทรศัพท์เครื่องที่จำเลยใช้งานอยู่นั้นเคยเป็นของลูกเขย ซึ่งให้เขาเอามาใช้อีกทีหนึ่ง

พล.ต.ท.ไถง กล่าวผ่านหนังสือพิมพ์มติชนว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ส่งข้อความตามที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับว่า โทรศัพท์ทั้งหมดเป็นของตนจริง แต่ได้เลิกใช้ไปนานแล้ว ทั้งนี้ผู้ต้องหาไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง จึงไม่เชื่อว่าจะทราบเบอร์โทรศัพท์มือถือของบุคคลสำคัญของประเทศและส่ง ข้อความที่ไม่เหมาะสมได้ จึงเชื่อว่าจะมีผู้สนับสนุนหรืออยู่เบื้องหลัง และยังเชื่อว่าจำเลยเป็นฮาร์ดคอร์กลุ่มคนเสื้อแดง จ.สมุทรปราการ ที่ กอ.รมน. ขึ้นบัญชีดำไว้ด้วย

จำเลยถูกจับกุมโดยไม่ได้รับการประกันตัวเป็นเวลา 63 วัน จากนั้นในวันที่ 29 ก.ย.53 ทนายความยื่นประกันตัวครั้งที่สอง โดยใช้ที่ดินของญาติเป็นหลักทรัพย์ และเมื่อวันที่ 4 ต.ค.53 ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า หลักประกันน่าเชื่อถือได้ว่าจำเลยจะไม่หลบหนี

18 ม.ค. 54 อัยการมีคำสั่งฟ้องนายอำพลเป็นจำเลยในคดีที่มีการส่งข้อความหมิ่นเบื้องสูง ไปยังนายกรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญ มีความผิดตามมาตรา 14 (2),(3) ตามพ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวตเตอร์ฯ และมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา

หลังมีคำสั่งฟ้อง ทนายความยื่นขอประกันตัวอีกครั้งโดยใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ คำร้องของทนายความส่วนหนึ่งระบุว่า ผู้ร้องไม่มีพฤติการณ์ในการหลบหนีใดๆ เลย เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเพียงชายสูงอายุธรรมดาอาศัยอยู่กับภรรยา ลูกสะใภ้ และหลาน 3 คนในห้องเช่าในจังหวัดสมุทรปราการ ผู้ร้องไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ เพราะอายุมากแล้ว ผู้ร้องยังชีพด้วยเงินที่บุตรของผู้ร้องส่งให้เดือนละประมาณ 3,000 บาท และใช้สิทธิการรักษาตามหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นอกจากนี้ผู้ร้องยังเป็นโรคมะเร็งช่องปากซึ่งต้องไปพบแพทย์เฉพาะทางที่ โรงพยาบาลราชวิถีอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 ก่อนถูกจับกุมหากผู้ร้องมีหน้าที่รับส่งหลานๆไปยังโรงเรียน หากออกไปทำธุระนอกบ้านผู้ร้องก็ต้องกลับมาอาศัยที่บ้านเสมอ และในขณะจับกุมผู้ร้องซึ่งมีอายุ 60 ปี ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 15 นายพร้อมกับสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ผู้ร้องและบุคคลในครอบครัวผู้ร้องยังมีอาการตระหนกตกใจ และผู้ร้องก็ไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือขัดขืนการจับกุมใดๆ ทั้งนี้เมื่อผู้ร้องได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนผู้ร้องก็มา รายงานตัวต่อศาลอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพนักงานอัยการนัดหมายมาฟ้องคดีผู้ร้องก็รีบเตรียมเอกสารและหาหลัก ประกันโดยเร็วให้ทันนัดหมายของพนักงานอัยการเพื่อไม่ให้เนิ่นช้าออกไป ด้วยเหตุที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้ร้องไม่เคยมี พฤติการณ์ใดๆและไม่มีความสามารถซึ่งจะทำให้ศาลอาญาเกรงว่าผู้ร้องจะหลบหนี ได้

คำร้องของทนายความยังอ้างว่า การควบคุมตัวผู้ร้องระหว่างการพิจารณาจะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในชีวิตและ ร่างกายโดยตรงของผู้ร้องและไม่เป็นประโยชน์ใดๆต่อการพิจารณาคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ร้องมีปัญหาทางสุขภาพ มีโรคร้ายประจำตัว และผู้ร้องซึ่งยังไม่ได้ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดจึงมีสิทธิใน การได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 39 วรรคสอง วรรคสาม มาตรา 40(7)

ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต ให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยให้เหตุผลว่า พิเคราะห์ความหนักเบาของข้อหา ตลอดจนพฤติการณ์แห่งคดีเป็นการกระทำต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินีและองค์รัชทายาท นับเป็นเรื่องร้ายแรงและกระทบความรู้สึกของปวงชนชาวไทย หากให้จำเลยปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จึงยกคำร้อง

จำเลยถูกควบคุมตัวจนปัจจุบัน ระหว่างช่วงเวลาที่ถูกจับกุม ทนายความยื่นเรื่องขอประกันตัวอีกหลายครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต

6 ตุลาคม 2554 หลังการสืบพยานทุกปากเสร็จเรียบร้อย ทนายความยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง ด้วยหลักทรัพย์เป็นที่ดินของญาติจำเลย ที่ศาลอาญารัชดา แต่ศาลไม่ให้ประกันเนื่องจาก ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ระหว่างการพิจารณาคดี ศาลได้นัดหมายให้ทำการสืบพยานโจทก์ และสืบพยานจำเลย ดังนี้

23 กันยายน 2554 (สืบพยานโจทก์ ศาลอาญา ห้อง 801)

27 กันยายน 2554 (สืบพยานโจทก์ ศาลอาญา ห้อง 801)
28 กันยายน 2554 (สืบพยานโจทก์ ศาลอาญา ห้อง 801)
30 กันยายน 2554 (สืบพยานจำเลย ศาลอาญา ห้อง 801)
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#119 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:12

บันทึกสังเกตการณ์การสืบพยาน

พยานโจทก์ปากที่หนึ่ง นายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข ผู้กล่าวโทษ
วันที่ 23 กันยายน 2554 (วันแรก)

ผู้พิพากษา ชนาธิป เหมือนพะวงศ์ ขึ้นบังลังค์เวลา 10.00 น.
สม เกียรติเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุ ตนดำรงตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 19 พ. ค. 2553 เวลาประมาณ 12.13 น. มีข้อความขนาดสั้นส่งมาที่มือถือหมายเลข 0814255599 ของตน เป็นข้อความที่มีลักษณะหยาบคาย กล่าวถึง พระราชินี พยานได้ถ่ายภาพหน้าจอมือถือเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยหมายเลขผู้ส่งขึ้นว่า +66813493615
สมเกียรติให้การต่อว่ามีข้อความจากหมายเลขโทรศัพท์ดัง กล่าวส่งมารวม 4 ครั้ง ทุกครั้งจะกล่าวถึงในหลวงและราชินีด้วยถ้อยคำหยาบคาย อาฆาตมาดร้าย ซึ่งตนได้ถ่ายภาพหน้าจอไว้ทุกครั้ง
ต่อมาได้แจ้งความ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยมอบหลักฐานภาพถ่ายหน้าจอมือถือ ขณะที่แจ้งนั้น ยังไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของหมายเลขผู้ส่ง ต่อมาได้ทราบว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ และทราบชื่อว่าเป็นจำเลย(กล่าวชื่อจำเลย) ทั้งนี้ ตนไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน
พยานตอบคำถามทนายจำเลยถามค้าน ได้ความว่าหมายเลขโทรศัพท์ของนายสมเกียรติเปิดใช้บริการเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งหมายเลขนี้ใช้ทั้งในการทำงานและชีวิตส่วนตัว เป็นที่แพร่หลายค่อนข้างมาก เพราะต้องแสดงหมายเลขไว้ให้สำหรับติดต่อกับนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อร้องทุกข์ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงหมายเลขดังกล่าวได้ พบว่าที่ผ่านมามีคนโทรเข้ามาร้องทุกข์เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ก่อนหน้าที่จะได้รับข้อความ สมเกียรติไม่เคยเห็นหมายเลข +66813493615 และไม่เคยได้รับการติดต่อจากหมายเลขนี้
ผู้พิพากษาเห็นว่า คำถามของทนายจำเลยไม่เป็นประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จึงไม่มีการบันทึกคำให้การดังกล่าว
ทนายความ จำเลยถามต่อ ได้ความว่า สมเกียรติเริ่มดำเนินการแจ้งความเมื่อมีการส่งมาทั้งสิ้น 4 ครั้ง และได้ไปให้การต่อเจ้าหน้าที่วันที่ 28 มิถุนายน 2553 ศาลบันทึกให้เพราะเห็นว่าเป็นประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี

เสร็จสิ้นการสืบพยานปากนี้เวลา 10.15 น. รวมระยะเวลาสืบทั้งสิ้น 15 นาที มีผู้สังเกตการณ์ราว 20 คน ประกอบด้วยเด็กๆ ซึ่งเป็นลูกหลานของจำเลยร่วมอยู่ด้วย 5-6 คน อายุตั้งแต่ 5-11 ปี สื่อมวลชนและผู้มาให้กำลังใจ
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#120 Shariff

Shariff

    สมาชิกหน้าตาดี

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,802 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:12



แวะมาตอบ

ต้องแนวนี้แหละครับพวกเสื้อแดง เน้นดราม่าไว้ก่อน เหตุผลไว้ตอนหลัง

นี่ตามเฟสบุ๊คก็เริ่มออกมาเล่น "ผมส่ง sms อย่าจับผมนะ" กันบ้างแล้ว

ฟาย


ลำดับผิดแล้ว จ้ะ .. .

เหตุผลมาก่อน ถ้าไม่มีเหตุจะแย้งไงงายย เมื่อเห็นข้อพิรุธ จึ่งต้องแหย่ เอ้ยแย้ง ... .กับศาลย่อมรู้ว่ายาก ก็ต้องนั่งทำจายยดาม่าตามม่าสิจ๊ะ กรักๆๆๆ :lol:


รู้จักคำว่าเหตุผลด้วยเหรอครับ :D



ดูลายเซ็นต์ bmp1 เห็นแล้วขัดแย้งกับระดับมันสมองมากมาย
"การปลดปล่อยตัวเองออกจากความเป็นทาสทางความคิดมิใช่ใครอื่น, มีแต่เราเท่านั้นที่จะต้องกระทำ "จากเพลง Redemption song.

#121 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:13

พยานโจทก์ปากที่สอง ร.ต.อ. ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย เจ้าหน้าที่สืบสวนและร่วมจับกุมจำเลย
วันที่ทำการสืบพยาน 23 กันยายน 2554 (วันแรก)

หลังสิ้นสุดการสืบนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุขแล้ว ร.ต.อ. ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย ขึ้นให้การเป็นพยานโจทก์ปากที่สองเมื่อเวลา 10.30 น. มีผู้พิพากษาภัทรวรรณ ทรงกำพลเพิ่มมาเป็นองคณะร่วมกับผู้พิพากษาชนาธิป เหมือนพะวงศ์ที่ขึ้นบัลลังก์อยู่ก่อนแล้ว
ร.ต.อ. ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย เบิกความว่า ขณะเกิดเหตุ ตนเป็นรองสารวัตรประจำกองบังคับการปราบปรามและเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนจับกุม ผู้กระทำความผิด โดยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2553 ตนได้รับคำสั่งจาก พ.ต.ท. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ให้สอบสวนคดีที่มีผู้ส่งข้อความขนาดสั้น (sms) ที่มีเนื้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเข้ามือถือของเลขานุการนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ร.ต.อ. ศักดิ์ชัยกล่าวว่าตนจำชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ไม่ได้แล้ว อัยการจึงถามว่าหมายเลขนั้นลงท้ายด้วย -3615 ใช่หรือไม่ เขาจึงตอบว่าจำได้ลางๆ ว่า ใช่
เบิกความต่อว่าตนทราบว่าข้อความนั้น เป็นข้อความหมิ่นฯ จากคำสั่งที่ได้รับมา แต่ไม่ได้เห็นข้อความ ตนทราบว่ามีการส่งข้อความมาที่เบอร์ -5599 ของนายสมเกียรติหลายครั้งในช่วงเดือนพฤษภาคม
หลังได้รับคำสั่ง จึงทำการสืบสวนโดยขอข้อมูลจากบริษัท โทเทิล แอคเซส คอมมิวนิเคชั่น (DTAC) จากนั้นได้รับข้อมูลตอบกลับมาว่า หมายเลขที่ใช้ส่งข้อความนั้นระงับการใช้งานไปแล้ว ไม่มีการใช้งานในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่าหมายเลขดังกล่าวใช้งานด้วยระบบเติมเงินหรือจ่ายรายเดือน
นอกจาก นั้นตนยังเป็นคนตรวจสอบหาเลขอีมี่ พบว่าหมายเลขโทรศัพท์นั้นใช้งานกับเครื่องโทรศัพท์ที่มีหมายเลข IMEI 358906000230110 โดยส่งsms จากบริเวณวัดด่านสำโรง ตามเอกสารข้อมูลการใช้โทรศัพท์ พบว่ามีการส่งต่อเนื่องและมีการหยุดใช้งานไปเหมือนมีการถอดซิมการ์ดออก ตนจึงได้รายงานไปที่ พ.ต.ท. ธีรเดช และ พ.ต.ท. ธีรเดช ได้ส่งเรื่องไปที่บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น เพื่อให้ทำการแขวนอีมี่ ซึ่งหมายถึง การนำเลข IMEI ไปตรวจสอบดูว่า ปัจจุบันหมายเลข IMEI ดังกล่าวใช้งานกับหมายเลขโทรศัพท์หมายเลขใดอีกบ้าง จึงทราบว่า หมายเลข IMEI ดังกล่าวใช้กับหมายเลขที่ลงท้ายด้วย -4627 ของระบบทรู
ร.ต.อ. ศักดิ์ชัย ให้การต่อว่า หลังจากนั้น พ.ต.ท. ธีรเดช จึงประสานงานไปที่บริษัททรูอีกครั้งเพื่อตรวจสอบการใช้งานของหมายเลข -4627 ทั้งหมด เมื่อได้เอกสารมา ก็วิเคราะห์ข้อมูลและพบว่า ทั้งหมายเลข -3615 และ -4627 มีพื้นที่ใช้งานใกล้เคียงกัน โดยได้พบว่าหมายเลข -4627 มีการจดทะเบียนโดยใช้ชื่อชายคนหนึ่งซึ่งเป็นสามีของนางกรวรรณ บุตรสาวของจำเลย
ต่อจากนั้นตนจึงสืบหาว่าหมายเลขโทรศัพท์ -4627 ใช้ติดต่อกับหมายเลขโทรศัพท์ใดบ้าง พบว่ามีการติดต่อกับหมายเลขโทรศัพท์ของนางสาวปิยมาศ และนางกรวรรณบุตรของจำเลยเป็นประจำ จึงเชิญนางกรวรรณมาสอบปากคำ และได้รับการยืนยันว่า หมายเลข -4627 เป็นของจำเลย บ้านของจำเลยอยู่ในซอยวัดด่านสำโรง 2 และเมื่อพบว่าเลข IMEI ตรงกับเครืองที่ใช้ส่งข้อความสั้นด้วยหมายเลข -3615 จึงเข้าใจว่าเป็นเครื่องเดียวกัน จึงไปตรวจสอบที่บ้านและพบจำเลยอยู่ที่นั่น
ร.ต.อ.ศักดิ์ชัยให้การต่อว่า บ้านของจำเลยเป็นบ้านเช่า และนางกรวรรณได้ให้ปากคำว่า จำเลยพักอยู่กับนางสาวปิยมาศ บุตรสาวอีกคนหนึ่ง
ต่อ มามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และขอหมายจับจากศาล และตนเป็นผู้ร่วมจับกุมด้วย โดยในขณะที่จับกุมนั้น ตำรวจเข้าตรวจยึดของกลางได้ 5 ชิ้น มีโทรศัพท์ยี่ห้อ Motorola ที่มีเลข IMEI ตรงกับที่ตรวจสอบ และจำเลยบอกว่าเป็นเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนั้น
แจ้ง เพิ่มเติมในศาลด้วยว่า จำเลยกล่าวในชั้นจับกุมว่า ก่อนหน้านี้โทรศัพท์มือถือเสียและได้เอาไปซ่อมที่อิมพีเรียล สำโรงในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553
ร.ต.อ.ศักดิ์ชัยตอบคำถามทนายจำเลยถามค้าน ได้ความว่า ระยะทางระหว่างอิมพีเรียล สำโรง กับบ้านจำเลย อยู่ห่างกันราว 4 กิโลเมตร
มี คำถามจากทนายความจำเลยอีกสี่ถึงห้าคำถามซึ่งศาลไม่อนุญาตถามเนื่องจากเห็น ว่าไม่เป็นประเด็นและไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ได้แก่ ในวันจับกุม หมายเลข -4627 ไม่ได้อยู่ในเครื่องของกลาง แต่อยู่ในเครื่องของภรรยาจำเลยใช่หรือไม่, ตามเอกสาร จ. 6 แผ่นที่ 10 ที่บอกว่ามีการส่งตรวจหมายเลข -4627 ปรากฏหรือไม่ว่าหมายเลข -4627 ส่ง sms ไปถึงโจทก์, ตามเอกสาร จ.6 ปรากฏคำว่า GSM on net เป็นไปได้หรือไม่ว่าสามารถส่ง sms ทางอินเทอร์เน็ทได้, ตามเอกสาร จ.5 ปรากฏว่าหมายเลข 3615 ใช้เฉพาะการส่ง sms แล้วได้ทำการสืบสวนหรือไม่ว่ามีการส่ง sms ไปยังหมายเลขใดบ้าง
อย่างไร ก็ตามในตอนท้ายศาลได้บันทึกคำให้การที่ทนายถามถึงตัวเลข IMEI ที่พบในเอกสารตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์ว่าตัวเลขหลักสุดท้าย หรือ หลักที่ 15 ที่ระบุในพยานเอกสารของโจทก์ไม่ตรงกัน คือ ตามเอกสารหมาย จ. 8,10,11 ปรากฏเลขท้ายอีมี่เป็น 6 ส่วนในเอกสาร จ. 5,6 ปรากฏเป็น 0 ซึ่ง ร.ต.อ. ศักดิ์ชัยไม่ทราบว่าเลขอีมี่สามารถนำมาคำนวณได้
จากนั้นอัยการถามติง เรื่องตัวเลข IMEI ร.ต.อ.ศักดิ์ชัยให้การว่า ได้แจ้งผู้บังคับบัญชาแล้วว่า ตัวเลข IMEI มีตัวเลขหลักสุดท้ายไม่ตรงกัน อัยการถามอีกว่า ทางบริษัทตอบกลับมาเรื่องเลขอีมี่โดยบอกว่าให้ดูเฉพาะตัวก่อนตัวสุดท้ายใช่ หรือไม่ ร.ต.อ.ศักดิ์ชัยตอบว่า ใช่
เสร็จสิ้นการสืบพยานปากนี้เวลาประมาณ 12.30 น. รวมระยะเวลาทั้งสิ้นราว 2 ชั่วโมง
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#122 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:14

พยานโจทก์ปากที่สาม นายชุมพล พูลเกษม ผู้จัดการฝ่ายกฎหมาย บริษัทดีแทค
วันที่สืบพยาน 27 กันยายน 2554
ผู้พิพากษาชนาธิป เหมือนพะวงศ์ ผู้พิพากษาอนุกูล นาคเรืองศรี และผู้พิพากษาภัทรวรรณ ทรงกำพล ขึ้นบัลลังก์เวลา 10.00 น.
ชุม พลเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุตนเป็นผู้จัดการฝ่ายกฎหมายของบริษัทโทเทิล แอคเซส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.)ได้ร้องขอมายังตนเพื่อดูการใช้งานโทรศัพท์ใน ช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ของหมายเลขที่ลงท้ายด้วย -3615 ตนจึงเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในบริษัทมาตรวจสอบ หลังจากนั้นจึงมีการพิมพ์ข้อมูลออกจากคอมพิวเตอร์แล้วทำเป็นเอกสารหนังสือ ส่งไปยังผู้ร้องขอดังกล่าว
ชุมพลกล่าวว่า ได้ตรวจสอบดูแล้วพบว่าหมายเลขดังกล่าวมีการติดต่อทาง sms กับหมายเลข -5599 ในวันที่ 9,11,12,15 และ 22 พฤษภาคม 2553 แต่ไม่ทราบว่าข้อความเป็นอย่างไร
ต่อ มาในเดือนกรกฎาคม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอตรวจสอบหมายเลขอีมี่ (IMEI) ที่ใช้ร่วมกับหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นหมายเลข 358906000230110 จากนั้นตนจึงได้รับการติดต่อมาให้การในคดีนี้
ชุมพลให้การต่อว่า หมายเลข -3615 ใช้ระบบเติมเงินของดีแทค
จาก นั้นทนายจำเลยถามค้าน ชุมพลให้การว่า ครั้งแรกที่ส่งหนังสือถึงตำรวจได้ส่งเฉพาะรายการการใช้โทรศัพท์เท่านั้น ยังไม่มีการแจ้งหมายเลขอีมี่ แต่มีหนังสือขอทราบหมายเลขอีมี่มาในภายหลังจึงได้ส่งข้อมูลกลับไป เมื่อทนายถามถึงความรู้เกี่ยวกับเลขอีมี่ต่อกรณี หากมีการนำเข้าเครื่องโทรศัพท์จากต่างประเทศมาใช้ซ้ำที่เมืองไทยจะกระทำการ เปลี่ยนแปลงเลขอีมี่ได้ ชุมพลให้การว่า ตนไม่ทราบ
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเลขอีมี่นั้น ศาลไม่บันทึกลงในสำนวนการพิจารณา เนื่องจากเห็นว่าไม่เป็นประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี
การสืบพยานปากนี้ สิ้นสุดเวลา 10.50 น.


พยานโจทก์ปากที่สี่ นายธรรมนูญ อิ่มทั่ว เจ้าหน้าที่ธุรการบริษัทดีแทค ผู้ตรวจสอบการใช้งานหมายเลข -3615
วันที่ทำการสืบพยาน 27 กันยายน 2554
หลัง การสืบพยานปากนายชุมพลเสร็จสิ้น นายธรรมนูญ อิ่มทั่ว เจ้าหน้าที่ธุรการบริษัทดีแทค วัย 36 ปี ขึ้นให้ปากคำเวลา 10.55 น. โดยผู้พิพากษาทั้งสามคน คือ ชนาธิป เหมือนพะวงศ์ อนุกูล นาคเรืองศรี และภัทรวรรณ ทรงกำพล นั่งบนบัลลังก์ครบองค์คณะ

ธรรมนูญเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุตนเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการของบริษัทดีแทค ทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลการใช้โทรศัพท์ไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ โดยตนได้รับหนังสือจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) ให้ตรวจข้อมูลการใช้งานในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ของหมายเลข -3615 จากนั้นตนได้ร่างหนังสือเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลการใช้งานของหมายเลขดังกล่าว ให้นายชุมพล พูลเกษม ลงลายเซ็นต์ด้วย
ธรรมนูญกล่าวว่า ไม่มีการตรวจสอบหมายเลขอีมี่ในครั้งแรกที่ได้รับหนังสือจากปอท. แต่ครั้งต่อมาเมื่อมีหนังสือมาอีกจึงมีการตรวจสอบ
ธรรมนูญให้การว่า ตัวเลขหลักสุดท้ายของอีมี่ไม่มีความสำคัญ เพราะทางบริษัทดีแทคจะใส่เลข 0 ไว้อยู่แล้ว
จาก นั้นทนายจำเลยถามค้าน ได้ความว่า ธรรมนูญรับมอบหมายงานจากนายชุมพล พูลเกษม และเลขอีมี่มีความสำคัญคือเป็นเลขที่ระบุว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นมาจากบริษัท ไหน รุ่นอะไร ซึ่งเกี่ยวกับเลขอีมี่นี้ ศาลไม่ทำการบันทึกเพราะเห็นว่าไม่ใช่ประเด็นที่เป็นประโยชน์ นอกจากนั้นแล้วธรรมนูญยังให้การว่าเลขอีมี่ไม่สามารถทำการแก้ไขได้
เมื่อ ทนายจำเลยถามเกี่ยวกับเลข เช็ค ดิจิท (Check digit) ซึ่งเป็นเลขหลักสุดท้ายที่รับรองผลการคำนวณตามสูตรคำนวณเฉพาะของเลขอีมี่ 14 หลักแรก ธรรมนูญให้การว่า ไม่รู้จักเลขเช็ค ดิจิท ดังกล่าว
11.45 น. สิ้นสุดการสืบนายธรรมนูญ อิ่มทั่ว


ขอบพระคุณลิงค์จากท่าน RiDKuN_user ครับ
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#123 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:14

พยานโจทก์ปากที่ห้า นายจักรพันธ์ จุมพลภักดี เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานราชการ บริษัท ทรู คอร์เปอเรชั่น
วันที่ทำการสืบพยาน 27 กันยายน 2554

ผู้พิพากษาชนาธิป เหมือนพะวงศ์ เล็งเห็นว่าควรให้มีการสืบพยานโจทก์ต่อไปให้เสร็จสิ้นทั้งหมดสี่ปากภายในภาค เช้า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและเพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของจำเลยด้วย

11.50 น. จักรพันธ์วัย 47 ปี ขึ้นเบิกความต่อศาล ได้ความว่า ตนเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานราชการที่บริษัท ทรู คอร์เปอเรชั่น หรือ truemove ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยตนได้รับมอบหมายจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ให้ตรวจสอบเกี่ยวกับข้อมูลการใช้งานของหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงท้ายด้วย -4627 เมื่อตรวจแล้วพบว่าหมายเลขดังกล่าวเปิดใช้งานเมื่อ 7 มีนาคม 2551 แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ใช้

สิ่งที่ต้องตรวจสอบนั้นได้แก่ รายการการโทรเข้า-ออก เวลาโทร สถานที่ใช้งาน หมายเลขอีมี่ และสถานีที่ใช้ พบว่าหมายเลขอีมี่ เป็น 3589060002311x โดยเลขตัวหลังนี้บางครั้งพบว่าเป็น 0 บางครั้งพบว่าเป็น 2 ซึ่งสาเหตุนั้นเป็นเพราะในระบบฐานข้อมูลและการแสดงผลจะปรากฏเลขท้ายแสดงค่า ออกมาไม่ตรงกัน นอกจากนั้นจักรพันธ์ยังกล่าวว่า การแก้ไขเลขอีมี่สำหรับโทรศัพท์นำเข้าเพื่อให้มีเลขอีมี่กลางที่ใช้กับทุก เครื่องในระบบนั้นเป็นระบบเก่า ไม่มีการใช้แล้วในปัจจุบัน เพราะโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ผลิตมาจะใช้ได้ทั่วโลก
ทนายจำเลยถามค้าน จักรพันธ์ให้การว่า เลขอีมี่สามารถทำการแก้ไขได้จากช่างซ่อมมือถือทั่วไป
จากนั้นอัยการถามติง จักรพันธ์ยืนยันว่าการตรวจสอบเลขอีมี่จะดูแค่ 14 หลักแรกเท่านั้น
สิ้นสุดการสืบนายจักรพันธ์ จุมพลภักดีเวลา 12.30 น.

พยาน โจทก์ปากที่หก พ.ต.อ. ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางเทคโนโลยี จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
วันที่ทำการสืบพยาน 27 กันยายน 2554

พ.ต.อ. ศิริพงษ์เบิกความต่อศาลว่า ตนเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับคดีนี้ เคยได้รับการอบรมหลักสูตรอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ หลักสูตรการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ และขณะเกิดเหตุนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้กำกับการศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การ กระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ และตนเป็นผู้ทำหนังสือสอบถามข้อมูลของหมายเลข -4627 ไปยังบริษัททรูด้วย

ในเดือนพฤษภาคม 2553 ตนได้รับคำสั่งจากผู้บังคับการให้สืบสวนกรณีที่มีคนส่งsms หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไปที่หมายเลข -5599 ของนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เมื่อตรวจสอบพบว่าหมายเลขของผู้ส่งใช้งานเฉพาะการส่งข้อความเท่านั้น จึงสันนิษฐานว่า ผู้ส่งซื้อซิมการ์ดมาสำหรับใช้ส่ง sms โดยเฉพาะ

พ.ต.อ. ศิริพงษ์ให้การเกี่ยวกับเลขอีมี่ว่า หลักท้ายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ในการตรวจสอบจะดูเฉพาะ 14 หลักแรก และเลขหลักท้ายไม่มีความหมาย ส่วนแต่ละหลักใน 14 หลักแรกของหมายเลขอีมี่นั้นมีความหมาย ดังนี้
6 หลักแรก หมายถึง รหัสประเทศ
2 หลักถัดมา หมายถึง บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์
6 หลักถัดไป หมายถึง ลำดับของเครื่องยี่ห้อนั้น

พ.ต.อ. ศิริพงษ์เบิกความต่อว่า เลขอีมี่ซ้ำกันไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยช่าง ซึ่งถ้าเปลี่ยนแล้วจะไปเปลี่ยนที่ฐานข้อมูลด้วย
ต่อ มาทนายจำเลยถามค้าน พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ให้การว่า ตนทราบว่ามีโปรแกรมทางอินเทอร์เน็ตที่ใช้สำหรับตรวจสอบเลขอีมี่ โดยใช้เพื่อตรวจดูว่า มีเลขอีมี่ใดอยู่ในสารบบหรือไม่ ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวไม่สามารถใช้ตรวจแบบละเอียดได้ นอกจากนั้นยังยืนยันว่า เลขหลักท้ายทางบริษัทต้องใส่เป็น 0 อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ทนายจำเลยร้องขอให้ศาลอนุญาตให้เปิดโปรแกรมดังกล่าวเพื่อให้พยานทำการ พิสูจน์ โดยการตรวจสอบหมายเลขอีมี่โทรศัพท์ตามฟ้องผ่านเว็บไซต์ www.numberingplan.com จากนั้นมีการทดลองใช้โปรแกรมโดย พ.ต.อ. ศิริพงษ์ พบว่าหมายเลขอีมี่ที่ลงท้ายด้วย 6 ซึ่งเป็นหมายเลขอีมี่ของโทรศัพท์มือถือเครื่องที่จำเลยใช้ พบว่าสามารถตรวจสอบพบข้อมูลที่ถูกต้องได้ ส่วนหมายเลขอีมี่ที่ลงท้ายด้วย 0 ตามที่ปรากฏในพยานเอกสารของโจทก์ รวมทั้งเมื่อทดลองกับเลขตัวอื่นๆ พบว่าเว็บไซต์แสดงข้อมูลว่าหมายเลขดังกล่าวไม่มีอยู่ ซึ่งพ.ต.อ. ศิริพงษ์กล่าวยืนยันว่า ตอนที่ทำการแขวนหมายเลขอีมี่เพื่อทำการตรวจสอบนั้น ใช้เพียง 14 หลักแรกเท่านั้น
นอกจากนี้ พ.ต.อ. ศิริพงษ์ให้การว่า ตนไม่ทราบสูตรการคำนวณเฉพาะที่นำตัวเลขอีมี่ 14 หลักแรกมาคำนวนหาตัวเลขอีมี่หลักสุดท้าย ทนายความได้นำสืบสูตรคำนวนดังกล่าวและได้ลองนำหมายเลขอีมี่ 14 หลักแรกตามพยานเอกสารของโจทก์มาคำนวนดูพบว่าตัวเลขหลักสุดท้ายต้องเป็นเลข 6 ไม่ใช่เลข 0 และระหว่างนั้นผู้พิพากษาได้ลองนำสูตรคำนวนดังกล่าวไปทดลองกับโทรศัพท์ มือถือของตนเองด้วย
สิ้นสุดการสืบพยานเวลา 13.45 น.
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#124 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:15

พยานโจทก์ปากที่เจ็ด พ.ต.ท. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ พนักงานสืบสวนในคดี

วันที่ทำการสืบพยาน วันที่ 28 กันยายน 2554

ผู้พิพากษาชนาธิป เหมือนพะวงศ์ และองค์คณะอีกสองท่านคือ ผู้พิพากษาอนุกูล นาคเรืองศรี และผู้พิพากษาภัทรวรรณ ทรงกำพล ขึ้นบังลังค์เมื่อเวลา 9.50 น.
พ.ต.ท. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ วัย 38 ปี เบิกความว่า ตนรับราชการอยู่ที่กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เป็นรองผู้กำกับการ ทำหน้าที่สืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิด และเป็นผู้ร่วมสืบสวนจับกุมในคดีนี้ ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาว่าให้สืบสวนดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
โดย ทราบข้อมูลว่ามีข้อความจากหมายเลข -3615 ส่งข้อความหมิ่นฯ ไปที่หมายเลข -5599 ซึ่งเป็นของเลขานุการนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในช่วงวันที่ 9-22 พ.ค. 2553 จึงทำการสืบสวนร่วมกับ พ.ต.อ. ศิริพงษ์ ติมุลา และ ร.ต.อ. ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย เมื่อได้ตรวจสอบหมายเลขจึงพบว่าหมายเลขผู้ส่งได้ปิดการใช้งานไปแล้ว จึงตรวจสอบจากหมายเลขอีมี่ โดยได้ส่งไปทำการแขวนอีมี่ พบว่าเลข IMEI 35890600023110 นั้นได้ใช้กับหมายเลขโทรศัพท์ -4627 ซึ่งเป็นระบบเติมเงิน
พ.ต.ท. ธีรเดช ให้การอีกว่า การตรวจสอบหมายเลขอีมี่จะดูแค่ 14 หลักเท่านั้น เลขตัวหลังมีค่าฟรี คือไม่มีความหมายอะไร
หลัง จากนั้นจึงอยากทราบว่าใครเป็นผู้ใช้งานหมายเลขดังกล่าวจึงได้ขอรายงานการใช้ โทรศัพท์ของหมายเลข -4627 จากบริษัททรู พบว่ามีการติดต่อกับหมายเลข -5928 อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสืบทราบภายหลังว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของนางกรวรรณ โชติพิชิตชัย จึงขอความร่วมมือกับนางกรวรรณโดยบอกว่า ต้องการสืบสวนเกี่ยวกับคดีอาญา และหมายเลข -4627 นี้เกี่ยวข้องกับคดีด้วย จากนั้นจึงนัดสอบปากคำนางกรวรรณที่กองกำกับการ 1 เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2553
สอบ ปากคำได้ความว่าหมายเลข -4627 เป็นของจำเลย ทั้งนี้ ในการสืบสวนมีการซักถามถึงประวัติส่วนตัวของนางกรวรรณด้วย เช่น มีพี่น้องทั้งหมดกี่คน
พ.ต.ท. ธีรเดช ให้การว่าหมายเลข -3615 กับ -4627 มีการใช้งานสลับกัน เมื่อสืบพบว่าที่อยู่อาศัยของจำเลยอยู่ใกล้กับเซลล์ไซต์ที่ใช้ส่งข้อความ จึงจัดทำรายงานการสืบสวน และมอบให้เจ้าพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขอ หมายจับจากศาลและรายงานผู้บังคับบัญชาว่าจะวางแผนการจับกุม ได้ออกหมายค้นและเข้าจับกุมตัวเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2553 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึง จำเลยอยู่ในบ้านซึ่งเป็นห้องเช่าเล็กๆ กับภรรยาและเด็กๆ
มีการจับกุมโดยแจ้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และทำบันทึกรายงานการจับกุม ซึ่งจำเลยให้การว่า โทรศัพท์มือถือ Motorola สีขาว ซึ่งเป็นของกลางหมายเลขหนึ่งนั้น จำเลยใช้งานนานแล้วและใช้คนเดียว
ตอบ คำถามทนายจำเลยถามค้าน พ.ต.ท. ธีรเดช ให้การว่า ไม่ได้มีแนวทางพิเศษเกี่ยวกับการดำเนินคดีในช่วงที่มีความรุนแรงทางการเมือง นอกจากนั้นแล้วยังให้การว่า มีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับการสอบสวน 15 ปี

นอกจากนี้ พ.ต.ท. ธีรเดช ยังให้การว่า พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา เป็นผู้รวบรวมข้อมูลทั้งสิ้น อันได้แก่ ข้อมูลบันทึกการใช้โทรศัพท์ที่ได้จากบริษัทดีแทคและบริษัททรู ซึ่งเอกสารเหล่านั้นถูกมอบให้แก่ตน จากนั้นเมื่อตนได้ตรวจเอกสารแล้วจึงส่งให้ ร.ต.อ. ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย เจ้าหน้าที่สืบสวน
ให้การต่อว่า ในการตรวจสอบว่าการส่งข้อความสั้นนั้นส่งมาจากพื้นที่ใดไม่ได้ตรวจจากเฉพาะ เสาเซลล์ไซต์เท่านั้น แต่ตรวจจากเลข CI ที่ปรากฏในเอกสารรายงานการใช้โทรศัพท์ว่า CI 23672 ซึ่งเป็นเลขที่ระบุให้ทราบว่า มีการส่งข้อความจากบริเวณไหน โดยเลขซีไอดังกล่าวกินพื้นที่ซอยวัดด่านสำโรงตั้งแต่ซอย 14-36
ส่วน พื้นที่การใช้งานของระบบทรูนั้น ตรวจจากเครื่องตรวจคล้ายมือถือ โดย ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัยจากชุดสืบสวนเป็นผู้ตรวจ ไม่ได้อิงข้อมูลเรื่องเสาเซลล์ไซต์
เสร็จสิ้นการสืบพยานปากนี้ในเวลา 10.55 น. รวมเวลา 1 ชั่วโมง 5 นาที


พยานโจทก์ปากที่แปด พ.ต.ท. ณรงค์ แม้นเหมือน พนักงานสอบสวนในคดี
วันที่ทำการสืบพยาน วันที่ 28 กันยายน 2554

หลังการสืบปาก พ.ต.ท. ธีรเดช ธรรมสุธีร์สิ้นสุดลง การสืบพยานโจทก์ปากสุดท้ายคือ พ.ต.ท. ณรงค์ แม้นเหมือน เริ่มขึ้นในเวลา 11.00 น.

พ.ต.ท.ณรงค์ วัย 51 ปี เบิกความว่า ขณะเกิดเหตุตนเป็นพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข ได้เข้ามาแจ้งความเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2553 ซึ่งแจ้งมาเป็นเอกสารภาพถ่ายหน้าจอมือถือ
เบิกความต่อว่า จากนั้นผู้บังคับการได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบสวนสอบสวน โดยมอบหมายให้ตนเป็นผู้สืบหาพยานหลักฐาน จึงได้รวบรวมหลักฐานและสืบพยานบุคคลร่วมด้วยซึ่งได้แก่ พ.ต.ท. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้ความจาก พ.ต.ท. ธีรเดชว่า ได้ใช้หมายเลขผู้ส่งตรวจหาหมายเลขอีมี่จากบริษัทดีแทค พบว่าเป็นหมายเลข 358906000230110 และสอบถามจากบริษัททรูว่า หมายเลขอีมี่ดังกล่าวใช้งานกับซิมการ์ดหมายเลขใด พบว่าเป็นหมายเลข 0858384627
พ.ต.ท. ณรงค์ให้การว่า ตนได้สืบถาม ร.ต.อ. ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย พบว่าให้การสอดคล้องกับ พ.ต.ท. ธีรเดช ธรรมสุธีร์
จึงได้ทำหนังสือไปยังบริษัททรูและบริษัทดีแทคเพื่อขอหลักฐานประกอบ และได้รับเอกสารส่งกลับมา
จาก นั้น พ.ต.ท. ณรงค์กล่าวถึงการทำงานของ พ.ต.ท. ธีรเดช ว่าได้สืบว่าหมายเลข -4627 ติดต่อกับใครบ้าง และพบว่ามีการติดต่อกับหมายเลข -5928 ของนางกรวรรณ พ.ต.ท. ธีรเดช จึงติดต่อนางกรวรรณนัดให้มาพบเพื่อให้ปากคำประกอบสำนวน
นอกจากนั้นยังได้รับความร่วมมือในการตรวจความหมายของถ้อยคำในข้อความว่าหมิ่นหรือไม่ จากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาสองคน
พ.ต.ท. ณรงค์ ให้การว่า มีการแจ้งจับกุมจำเลยสองข้อหา คือมาตรา 112 กฎหมายอาญา และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธทุกข้อหา แต่จำเลยให้การว่าเป็นเจ้าของโทรศัพท์จริง มีการสอบสวนจำเลยถึงสามครั้งจากนั้นตนจึงสั่งฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานมัดตัวจำเลยว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิด หรือเป็นผู้กระทำความผิดเอง
ต่อมาทนายจำเลยทนายถามค้าน ได้ความว่า พ.ต.ท. ณรงค์ จำไม่ได้ว่าเครื่องที่ยึดได้เป็นของกลางในขณะจับกุมจำเลยนั้นมีแป้นพิมพ์ ภาษาไทยหรือไม่
ทนายความจำเลยถามว่า ระหว่างการจับกุมปรากฎว่าจำเลยเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือมีทัศนคติ ต่อต้านสถาบันฯหรือไม่ พ.ต.ท. ณรงค์ ตอบว่าไม่ปรากฏ แต่ศาลไม่ได้บันทึกลงในสำนวนเพราะเห็นว่าไม่ใช่ประเด็นที่ชี้ขาดในคดี
สิ้นสุดการสืบพยานโจทก์ปากสุดท้ายในเวลาประมาณ 12.00 น.
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#125 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:16

สืบพยานจำเลย
พยานจำเลยปากที่หนึ่ง นางสาว พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจำเลย

วันที่ทำการสืบพยาน วันที่ 30 กันยายน 2554

ผู้พิพากษา ครบองค์คณะ ประกอบด้วย ผู้พิพากษาชนาธิป เหมือนพะวงศ์ ผู้พิพากษาอนุกูล นาคเรืองศรี และผู้พิพากษาภัทรวรรณ ทรงกำพล ขึ้นบัลลังก์เวลาประมาณ 9.45 น.

มี การเปลี่ยนตัวอัยการ โดยอัยการที่อาวุโสที่สุดซึ่งเป็นผู้ถามคำถามพยานโจทก์ในวันก่อนๆ ไม่ได้มาในวันนี้ แต่มีอัยการที่ดูอาวุโสน้อยกว่า 3 ท่านมา ซึ่งทั้งสามท่านมาร่วมในการสืบพยานโจทก์บางนัด โดยอัยการที่อาวุโสที่สุดในสามคนนั่งร่วมด้วยโดยไม่ได้เป็นผู้ถามคำถามตอน ซักค้านพยานจำเลย

นางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญเบิกความว่า ในฐานะทนายความที่ทำคดีนี้ตนได้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับพยานหลักฐานทาง คอมพิวเตอร์เรื่องการส่งข้อความสั้น และได้ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโทรคมนาคม ทั้งที่เป็นนักวิชาการด้านโทรคมนาคมจากสถาบันเทคโนโลยี และอาจารย์ที่เปิดร้านสอนวิชาซ่อมโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่มีพยานผู้เชี่ยวชาญคนใดมาเบิกความเป็นพยานโดยตรงในศาล

จาก การศึกษาข้อมูล พูนสุขได้ทราบว่าหมายเลขอีมี่ประจำเครื่องโทรศัพท์นั้นสามารถแก้ไข เปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย โดยมีอุปกรณ์ Flshbox มีโปรแกรมเฉพาะที่มีขายและมีสอนกันตามโรงเรียสอนซ่อมโทรศัพท์มือถือทั่วไป สำหรับช่างที่มีความรู้ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงถึง หนึ่งชั่วโมง แต่ต้องแก้ไขให้สัมพันธ์กับหมายเลขที่มีอยู่จริงในระบบ ถ้าหากมีหมายเลขเฉพาะเจาะจงที่ต้องการอยู่แล้วก็สามารถทำได้เลย

พูนสุขยังได้นำส่งพยานเอกสารต่อศาลสองฉบับ ฉบับแรกเป็นเอกสารจากเว็บไซต์วิกิพีเดีย ที่อธิบายถึงความหมายของหมายเลขอีมี่ อธิบายว่าหมายเลขอีมี่ 10% ไม่มีลักษณะเฉพาะ และความหมายของหมายเลขอีมี่หลักสุดท้าย พร้อมคำแปลภาษาไทย ฉบับที่สองเป็นเอกสารวิชาการที่สอนวิธีการแก้ไขหมายเลขอีมี่ แสดงถึงความหมายของหมายเลขอีมี่หลักสุดท้าย พร้อมสูตรการคำนวนหาหมายเลขอีมี่หลักสุดท้ายด้วย

พูนสุขยัง อธิบายต่อถึงเว็บไซต์ numberingplan ที่ใช้ตรวจสอบหมายเลขอีมี่ ซึ่งพยานโจทก์ปากที่หก คือ พ.ต.อ. ศิริพงษ์ ติมุลา ได้เบิกความถึงและทดลองเปิดในห้องพิจารณาว่า เว็บไซต์นี่เป็นฐานข้อมูลสามารถวิเคราะห์ได้ว่าหมายเลขอีมี่ที่ถูกต้องคือ อะไร แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าหมายเลขอีมี่แต่ละชุดมีจำนวนกี่เครื่อง และถ้าหากหมายเลขหลักสุดท้ายผิดไปจากความจริงก็จะไม่ปรากฏรายละเอียดในฐาน ข้อมูลให้

ต่อมาอัยการถามค้าน ได้ความว่า บุคคลที่พูนสุขอ้างถึงนั้น คนหนึ่งเป็นนักวิชาการด้านโทรคมนาคมในสถาบันการศึกษา อีกคนหนึ่งมีประสบการณ์สอนวิชาการซ่อมโทรศัพท์มือถือและการแก้ไขหมายเลขอี มี่มาหลายปี จากนั้นอัยการถามถึงเว็บไซต์วิกิพีเดียว่า ใครก็สามารถเข้าไปเขียนได้ ฉะนั้นอาจไม่น่าเชื่อถือ พูนสุขให้การว่าวิกิพีเดียใครเขียนก็ได้ แต่ข้อมูลในวิกิพีเดียนี้ยังมีเอกสารทางวิชาการรับรองไว้ด้วย ตรงนี้เชื่อถือได้

เมื่ออัยการถามต่อว่า ในทางปฏิบัติแล้ว จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหมายเลขอีมี่เพื่ออะไร พูนสุขได้ให้การว่า เมื่อก่อนเวลานำเข้าโทรศัพท์มือถือจากต่างประเทศซึ่งจะมีหมายเลขอีมี่จาก ต่างประเทศทำให้ใช้ในประเทศไทยไม่ได้ ทำให้เจ้าของโทรศัพท์มือถือต้องนำไปเปลี่ยนแปลงเลขอีมี่ ให้เป็นหมายเลขอีมี่กลางก่อน ซึ่งเป็นหมายเลขอีมี่ที่มีโทรศัพท์หลายเครื่องใช้ร่วมกัน และกรณีที่ผู้มีเจตนาจะกระทำความผิดทางอาญาอาจปลอมแปลงหมายเลขอีมี่เพื่อไม่ ให้สืบรู้ถึงตัวผู้กระทำความผิดได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องการแก้ไขเลขอีมี่นี้ ศาลไม่ได้ทำการบันทึก เนื่องจากเห็นว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

สิ้นสุดการสืบพยานปากนี้ เวลา 10.10 น.
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#126 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:16

พยานจำเลยปากที่สอง นายอำพล(สงวนนามสกุล) จำเลยในคดี

วันที่ทำการสืบพยาน วันที่ 30 กันยายน 2554

ศาลนั่งบนบัลลังก์ครบองค์คณะ ประกอบด้วยผู้พิพากษาชนาธิป เหมือนพะวงศ์ ผู้พิพากษาอนุกูล นาคเรืองศรี และผู้พิพากษาภัทรวรรณ ทรงกำพล ถัดจากเบิกความนางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความฝั่งจำเลย นายอำพล จำเลยขึ้นเบิกความด้วยท่าทีนอบน้อม เริ่มเมื่อเวลา 10.15 น.

โดยนางสาวพูนสุข ช่วยอ่านคำสาบานให้จำเลยกล่าวตาม เนื่องจากจำเลยสายตาไม่ดี อ่านด้วยตัวเองไม่ได้

อำพล เบิกความว่า ตนมีอาชีพเลี้ยงหลาน หลังจากที่หยุดทำงานขับรถส่งของได้นับสิบปีแล้ว จึงทำหน้าที่รับส่งหลานไปโรงเรียน อาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดเล็ก กับภรรยาและหลานๆ โดยบ้านเช่าตั้งอยู่ที่ซอยวัดด่านสำโรง ซอย 17

เบิกความต่อไปว่า ตนไม่ได้เป็นผู้ส่งข้อความ นอกจากนั้นแล้วยังไม่เคยรู้จักหมายเลขโทรศัพท์ -5599 ของนายสมเกียรติ และ หมายเลขโทรศัพท์ -3615 ของผู้ส่ง จากนั้นเล่าถึงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ในวันที่จับกุบนั้นมีการยื่นหมายจับมา แล้วตนได้มอบโทรศัพท์ 2 เครื่องแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการหยิบยื่นให้โดยไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด

ที่ผ่านมาตนมักจะไปส่งหลานไปโรงเรียนเป็นประจำ โดยทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้านบ้าง พกติดตัวบ้าง บางครั้งเมื่ออยู่ที่บ้านก็ไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัว ซึ่งที่บ้านมีคนเข้าออกอยู่จำนวนหนึ่ง

เมื่อเห็นข้อความที่ถูก ฟ้องแล้วรู้สึกเสียใจมาก อำพลกล่าวทั้งน้ำตาว่าตนรักในหลวงและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเคยไปร่วมลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราช และได้เข้าไปเคารพพระศพสมเด็จพระพี่นางฯด้วย
ตอบคำถามอัยการถามค้าน อำพลให้การว่า หมายเลขโทรศัพท์ที่ตนใช้นั้นมีอยู่หมายเลขเดียว คือ -4627 โดยใช้คู่กับโทรศัพท์ Motorola สีขาว

ใน ช่วงท้ายของการเบิกความ อำพลร้องไห้ไปในระหว่างการเบิกความด้วย เมื่ออัยการพยายามนำเอกสารในคดีมาให้ดูและรับรอง จึงถูกทนายความทักท้วงว่าอำพลสายตาไม่ดีอ่านเอกสารไม่ได้ อัยการจึงแถลงหมดคำถาม ไม่ติดใจที่จะถามคำถามอันเกี่ยวเนื่องกับเอกสารต่อไป

สิ้นสุดการสืบนายอำพล เวลา 10.30 น. ใช้เวลาเพียง 15 นาที

พยานจำเลยปากที่สาม พยานปากสุดท้าย เด็กหญิง เอ (นามสมมติ) หลานสาวของจำเลย

วันที่ทำการสืบพยาน วันที่ 30 กันยายน 2554

ศาล ครบองค์คณะ เริ่มสืบพยานเด็กในเวลา 10.35 น. โดยใช้ห้องพิจารณาคดี 801 เหมือนเดิม มีนักสังคมสงเคราะห์เป็นผู้ช่วยถามคำถามและดูแลอยู่ข้างเด็กหญิงด้วย

เด็ก หญิงเอ วัย 11 ปี เบิกความว่า ตนเป็นหลานสาวของจำเลย อาศัยอยู่ในบ้านเช่าร่วมกับจำเลย โดยคนในครอบครัวประกอบด้วย ตน จำเลย ย่า(ภรรยาจำเลย) และน้องอีก 2 คน รวมเป็น 5 คน

เด็กหญิงเอยืนยัน ว่าจำเลยมักทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้านบ่อยครั้งขณะไปส่งตนและน้องๆ ที่โรงเรียน นอกจากนั้นยังให้การว่า จำเลยเคยพาตนไปลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราชในช่วงปิดเทอมปี 2552

ตอบคำถามอัยการถามค้าน ได้ความว่า ที่บ้านนอกจากสมาชิกในบ้านแล้วไม่มีคนอื่นเข้าออก ตนไม่เคยเห็นจำเลยส่งข้อความหาใคร นอกจากนั้นแล้ว เวลาที่จำเลยใช้โทรศัพท์โทรหาผู้อื่น จำเลยจะเปิดสมุดจดเบอร์โทรศัพท์ก่อนเสมอ

เสร็จสิ้นการสืบพยานจำเลยปากสุดท้ายในเวลา 10.45 น. ใช้เวลาเพียง 10 นาที
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#127 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:19

พวกมันตายเพราะหมายเลขอีมี่ นี่เอง

ทนายมันก็โง่สมกับเป็นทนายเสื้อแดง
"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#128 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:20


ผมอ่านที่หลายท่านให้ความเห็น

น่าสนใจนะ
ทำไมไม่ได้นำเสนอเลยว่าฝ่ายโจทย์ว่ายังไง
เหมือนฟังความข้างเดียวยังไงไม่รู้


http://ilaw.or.th/node/1229

ลองอ่านได้ครับ

ผมอ่านแล้ว ผมว่ายังไงก็เข้าข้างลุง ศาลไม่น่าตัดสินให้ผิด
ถ้าดูตามสืบ จะเห็นว่า หมายเลขที่ส่ง ไม่ใช่หมายเลขมือถือของลุง
แต่ว่าส่งจากเลข IMEI เดียวกัน ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าเลข IMEI นี้ปลอมกันได้
ประกอบกับไม่มีประจักษ์พยาน หรือหลักฐานอื่นใดที่จะบอกได้จริงๆ ว่าเป็นลุง
หรือแม้กระทั่งว่ามาจากมือถือของลุงก็ยังไม่ชัดเจนในความเห็นของผม
ส่วนหลักฐานพยานทุกอย่างก็เป็นหลักฐานพยานแวดล้อมทั้งสิ้น
ผมมองแล้วถือว่าไม่สิ้นสงสัย เพราะมีความเป็นไปได้มากว่า มีการปลอม IMEI แล้วส่ง SMS
ถ้าเป็นผมผมจะยกประโยชน์ให้จำเลยนะ


ลองอ่านเมนท์นี้ดูแล้ว น่าสนใจนะครับ

by gina4cat | Wed, 2011-11-23 17:08
ทำไมคำให้การของพยานจำเลย กับจำเลยไม่มีบอกว่า ได้เอาโทรศัพท์ไปซ่อมเลยนะ ทั้งที่ในสำนวนมีข้อความบอกว่า มีการเอาโทรศัพท์ไปซ่อม (อาจมีการเปลี่ยนอีมี่)

ในความคิดส่วนตัว ถ้ามีการเอาไปซ่อม สิ่งที่จำเลยต้องพูด คือ
๑.ไปซ่อมร้านไหน แล้วซ่อมอะไร ตรงไหนที่เสีย
๒.ทำไมจึงมีการเปลี่ยนอีมี่ได้ เพราะโดยปกติเวลาคนส่งข้อความไป ถ้ามั่นใจว่าไม่ผิด ไม่มีใครมานั่งสนใจให้มีการเปลี่ยนอีมี่หรอก เพราะวิธีการมันยุ่งยาก
๓.ทำไมไม่มีใครถามพยาน หรือ จำเลย หรือ จนท.ดีแทคกับทรู ว่า มทำไมต้องเปลี่ยนอีมี่
๔.ถ้าจำเลยบอกว่าไม่รู้จักว่า อีมี่คืออะไร แล้วทำไมอีมี่จึงเปลี่ยน แล้วใครเปลี่ยนให้ เปลี่ยนทำไม เปลี่ยนเพราะอะไร
๕.ถ้าจำเลยบอกว่าไม่พกมือถือไว้ เหตุใดหลานสาวจึงไม่ให้การในวันที่จำเลยไปรับตนเอง ว่า ไม่ได้พกโทรสับไป แต่หลานสาวก้ตอบมาบอกว่า พกบ้าง ไม่พกบ้าง มันไม่ชัดเจน ความจริง ต้องพูดว่า ไม่ได้พกคะ หรือ ไม่รู้ว่า จำเลยพกโทสับหรือไม่ มากกว่า แต่คำตอบของหลานสาว กับจำเลย มาทำนองเดียวกันเลย เนอะ
๖.เลขอีมี่ คือ หมายเลขเครื่อง ไม่ใช่ หมายเลขโทสับ ถ้าอีมี่อันเดียว ก้สามารถมีเอบร์ได้หลายเบอร์คะ (จำไว้ให้ดีเลยนะคะ)
๗.น่าจะถามนะว่า ทำไมจึงต้องมีการเปลี่ยนเบอร์มาใส่เคื่องอีมี่เดียวกันนี้ น่าจะถามมากๆคะ

สรุบ คือ มีการกระทำให้เชื่อได้ว่า ซื้อซิมเบอร์ ๑ มาส่งข้อความหมิ่นถึงเลขา แล้วโยนทิ้ง จากนั้นก็ใส่เบอร์ ๒ (เบอร์ส่วนตัว) ลงไปในเครื่องเดียวกัน เพราะว่า เบอร์โทสับ ไม่ได้บอกชี้ชัดว่า เปนใคร แต่สิ่งที่ชี้ชัด คือ หมายเลขเครื่องต่างหากละ
อีกข้อ คือ ไม่มีหลักฐานใดที่บ่งบอกว่า จำเลย ไม่มีความผิดเลย นอกจากการตอบคำถามด้วยน้ำตา และคำตอบก็ออกมาในลักษณะเดียวกัน ทั้งจำเลย และหลานสาว

สรุบ คือ พ่อเฒ่า เป็นผู้ผิด และคำให้การเรื่องที่อยู่ ก็ไม่สมเหตุสมผลเลย คือ ถ้าพ่อเฒ่าไม่ได้ส่ง ดังนั้นคนที่ส่งก้น่าจะเป็น เมียจำเลย รึ หลายสาวก็ได้ ใครจะรู้ละ แต่ถ้าจำเลยไม่มีคำให้การมากกว่านี้ จำเลยก็ต้องติดคุก เพราะมือถืออยู่ในบ้าน ซึ่ง คนที่จะส่งได้ นอกจากจำเลย ก้มี เมียจำเลย และหลานสาวเท่านั้นเองง

จบการสังเกต การสืบสวนคะ
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#129 baezae

baezae

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,966 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:31


ยอมนอนดึกเลยคืนนี้

ไหน ศาลวินิจฉัยไม่ถูกต้องตรงไหน

อย่าตอแหลว่าไม่เชี่ยวชาญกฎหมายแล้วขอไม่ตอบนะเว้ย ยื่นมาบอกศาลมีพิรุธแล้วเนี่ย




ไปเที่ยวที่นี่กัน ป่ะxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx ^_^


จะไปไหน มาคุยกันในนี้นี่แหละ

หรือไม่มีปัญญาคิดด้วยตัวเอง ชีวิตนี้มีแต่ก๊อปแปะความคิดไอ้หงอกเจียม หัวหน้าควายล้มเจ้า

ถ้าคิดว่าตัวเองไร้ศักยภาพ ไร้ความสามารถขนาดนั้นล่ะก็ อนุญาตให้เห่า ๓ ที แล้วจะไม่จี้ต่อละกันนะ

Edited by คนกวาดขยะ, 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:16.

ถ้าคุณเป็นเสื้อเหลือง ผมคุยกับคุณได้ และหัวเราะให้กันได้ถ้าคุณเป็นเสื้อแดง ผมก็คุยกับคุณได้ และหัวเราะใ้ห้กันได้แต่ถ้าคุณเป็นควายล้มเจ้าไม่ว่าจะสีไหน ผมจะด่าอย่างเดียว

#130 นักเรียนตลอดชีพ

นักเรียนตลอดชีพ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,024 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:41

Posted Image

แม้โจทก์จะไม่สามารถนำสืบพยานให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า จำเลยเป็นผู้ที่ส่งข้อความตามฟ้องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องดังกล่าว ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนายสมเกียรติ แต่ก็เพราะเป็นการยากที่โจทก์จะสามารถนำสืบได้ด้วยประจักษ์พยาน เนื่องจากจำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดดังกล่าวย่อมจะต้องปกปิดการกระทำของตนมิให้บุคคลอื่นได้ล่วงรู้ จึงจำเป็นต้องอาศัยเหตุผลประจักษ์พยานแวดล้อมที่โจทก์นำสืบเพื่อชี้วัดให้เห็นเจตนาที่อยู่ภายใน



Posted Image





http://thaienews.blo.../11/448sms.html



พวกนี้มันเป็นโรคอะไร ครับ ชอบ เอาความจริงครึ่งเดียวมา ดราม่า .....

ตามคำพิพากษาเช่นนี้ เขาเรียก ..


จำนน ด้วยหลักฐาน


มันแปลกตรงไหม ... :unsure:

.. เห็นได้ชัด ประชาธิปไตย เสียงส่วนใหญ่ ไม่ได้ทำให้ได้มา ซึ่งผู้นำที่เก่ง และ ฉลาด ..

ที่นำความอยู่ดี กินดี มาให้ประชาชนได้ แล้วคุณยังจะอ้างประชาธิปไตยเสียงส่วนใหญ่ทำไม


#131 IAMDA

IAMDA

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,073 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:43

ถ้าทำผิดก็ต้องยอมรับผิด

#132 bmp1

bmp1

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 264 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:43

จะไปไหน มาคุยกันในนี้นี่แหละ หรือไม่มีปัญญาคิดด้วยตัวเอง ชีวิตนี้มีแต่ก๊อปแปะความคิดไอ้หงอกเจียม หัวหน้าควายล้มเจ้า ถ้าคิดว่าตัวเองไร้ศักยภาพ ไร้ความสามารถขนาดนั้นล่ะก็ อนุญาตให้เห่า ๓ ที แล้วจะไม่จี้ต่อละกันนะ


วิศวกร ม่ายช่ายนักกฏหมาย .. . เรื่องบนศาล ม่ายถนัด แต่เห็นมีพิรุษแปลกๆ จึงจะชวนไปเที่ยว ก็ม่าย ไป ถ้าม่ายกล้าไป ก็ม่ายเป็นไร ^_^

...E=mc2 เข้าใจสูตร 3บรรทัดอย่างแตกฉาน

ย่อมรอบรู้กว่า...

...การอ่านตำราหมดทั้งหอสมุด แต่อ่านไปเรื่อยแบบไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจห่าอะไรเลย...


#133 baezae

baezae

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,966 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 11:53

จะไปไหน มาคุยกันในนี้นี่แหละ หรือไม่มีปัญญาคิดด้วยตัวเอง ชีวิตนี้มีแต่ก๊อปแปะความคิดไอ้หงอกเจียม หัวหน้าควายล้มเจ้า ถ้าคิดว่าตัวเองไร้ศักยภาพ ไร้ความสามารถขนาดนั้นล่ะก็ อนุญาตให้เห่า ๓ ที แล้วจะไม่จี้ต่อละกันนะ


วิศวกร ม่ายช่ายนักกฏหมาย .. . เรื่องบนศาล ม่ายถนัด แต่เห็นมีพิรุษแปลกๆ จึงจะชวนไปเที่ยว ก็ม่าย ไป ถ้าม่ายกล้าไป ก็ม่ายเป็นไร ^_^


กล้าโพสต์ว่ามีพิรุธ แต่เสือกบอกไม่ถนัดกฎหมาย?

ดีแต่ปากนี่หว่า

ตัวเองโพสต์ในนี้ แต่พอถามดันบอกให้ไปเถียงกับคนอื่นเนี่ยนะ? ถ้าใจหมามากนักก็เห่า ๓ ทีอย่างที่บอกละกัน จะได้ไม่จี้ต่อ

ถ้าไม่งั้นต่อไปนี้ จะไม่เรียกชื่อล็อคอิน เปลี่ยนเป็นเรียกไอ้ใจหมานะเว้ย

ปล. แล้วพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกอย่างเอ็งเนี่ยนะวิศวกร? ถ้าใช่จริง ผมว่ามาตราฐานวิศวกรบ้านเราแม่งโคตรตกต่ำเลยว่ะ
ถ้าคุณเป็นเสื้อเหลือง ผมคุยกับคุณได้ และหัวเราะให้กันได้ถ้าคุณเป็นเสื้อแดง ผมก็คุยกับคุณได้ และหัวเราะใ้ห้กันได้แต่ถ้าคุณเป็นควายล้มเจ้าไม่ว่าจะสีไหน ผมจะด่าอย่างเดียว

#134 อู๋ ฮานามิ

อู๋ ฮานามิ

    สมาชิกหน้าเก่า

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,018 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 12:04

ความตอนหนึ่งของพระราชดำรัส 4 ธันวาคม 2548

ถ้าเขาบอกว่า ไม่ให้วิจารณ์พระเจ้าอยู่หัว เพราะพระเจ้าอยู่หัวดีมาก ไม่ใช่อย่างนั้น บางคนอยู่ในสมองว่า พระเจ้าอยู่หัวพูดชอบกล พูดประหลาดๆ ถ้าขอเปิดเผยว่าวิจารณ์ตัวเองได้ ว่าบางทีก็อาจจะผิด แต่ให้รู้ว่าผิด ถ้าเขาบอกว่าวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัวว่าผิด งั้นขอทราบว่าผิดตรงไหน ถ้าไม่ทราบ เดือดร้อน ฉะนั้น ก็ที่บอกว่าการวิจารณ์ เรียกว่าละเมิดพระมหากษัตริย์ ละเมิด ให้ละเมิดได้ แต่ถ้าเขาละเมิดผิด เขาก็ถูกประชาชนบอม คือ เป็นเรื่องของขอให้รู้ว่าเขาวิจารณ์อย่างไร ถ้าเขาวิจารณ์ถูกไม่ว่า แต่ถ้าเขาวิจารณ์ผิดไม่ดี

แต่เมื่อบอกว่า ไม่ให้วิจารณ์ ไม่ให้ละเมิด ไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญว่าอย่างนั้น ก็ลงท้าย ก็เลยพระมหากษัตริย์ก็เลยลำบากแย่ อยู่ในฐานะลำบาก ก็แสดงให้เห็นว่า ถ้าไม่ให้วิจารณ์ก็หมายความว่า พระเจ้าอยู่หัวนี่ ก็ต้องวิจารณ์ ต้องละเมิด แล้วไม่ให้ละเมิด พระเจ้าอยู่หัวเสีย พระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไม่ดี ซึ่งถ้าคนไทยด้วยกันก็ยังไม่กล้า สองไม่เอ็นดูพระเจ้าอยู่หัว ไม่อยากละเมิด แต่มีฝ่ายชาวต่างประเทศ มีบ่อยๆ ละเมิดพระเจ้าอยู่หัว ละเมิดเดอะคิง แล้วก็หัวเราะเยาะว่าเดอะคิงของไทยแลนด์ พวกคนไทยทั้งหลายนี่ เป็นคนแย่ ละเมิดไม่ได้ ในที่สุดถ้าละเมิดไม่ได้ก็เป็นคนเสีย เป็นคนที่เสีย



มีความบางตอนที่คุณ bmp1 ไม่ได้แสดงครับ

ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด

 

เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ


#135 Irem Janova

Irem Janova

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 3 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 12:07

มองด้วยการเมือง
นายอำพลเป็นเหยื่อที่เหมาะสม

ถ้าคุณจะล้มกฏหมาย 112 คุณต้องหาเหยื่อแบบนี้แหละ
ท่าทางไม่มีพิษมีภัย ภูมิหลังน่าสงสาร
จะได้ตีข่าวว่า กฏหมายนี้โหด

ทนายที่ว่าความเป็นทีมอาสาครับ ใช้ชื่อว่า ทนายราษฎรประสงค์
แค่นี้ก็รู้แล้วว่า มุ่งหมายอะไร
วิธีสู้ก็ชัดเจนว่าต้องการให้ติดคุก
คือสู้ว่า
1 เคยเอาโทรศัพท์ไปซ่อม
2 ส่งเอ็มไม่เป็น

ตัวนายอำพลเอง ก็น่าจะมีส่วน เพราะถ้าไม่ได้ทำจริงๆ
ก็ต้องให้เบาะแสได้ว่า ใครที่น่าจะทำ
แถมวันที่ค้นบ้านเจอโทรศัพท์ 4 เครื่องอีก


กรรม

น่าดูมุมนี้เหมือนกันนะครับ

#136 sigree

sigree

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,883 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 12:29

ความตอนหนึ่งของพระราชดำรัส 4 ธันวาคม 2548

ถ้าเขาบอกว่า ไม่ให้วิจารณ์พระเจ้าอยู่หัว เพราะพระเจ้าอยู่หัวดีมาก ไม่ใช่อย่างนั้น บางคนอยู่ในสมองว่า พระเจ้าอยู่หัวพูดชอบกล พูดประหลาดๆ ถ้าขอเปิดเผยว่าวิจารณ์ตัวเองได้ ว่าบางทีก็อาจจะผิด แต่ให้รู้ว่าผิด ถ้าเขาบอกว่าวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัวว่าผิด งั้นขอทราบว่าผิดตรงไหน ถ้าไม่ทราบ เดือดร้อน ฉะนั้น ก็ที่บอกว่าการวิจารณ์ เรียกว่าละเมิดพระมหากษัตริย์ ละเมิด ให้ละเมิดได้ แต่ถ้าเขาละเมิดผิด เขาก็ถูกประชาชนบอม คือ เป็นเรื่องของขอให้รู้ว่าเขาวิจารณ์อย่างไร ถ้าเขาวิจารณ์ถูกไม่ว่า แต่ถ้าเขาวิจารณ์ผิดไม่ดี

แต่เมื่อบอกว่า ไม่ให้วิจารณ์ ไม่ให้ละเมิด ไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญว่าอย่างนั้น ก็ลงท้าย ก็เลยพระมหากษัตริย์ก็เลยลำบากแย่ อยู่ในฐานะลำบาก ก็แสดงให้เห็นว่า ถ้าไม่ให้วิจารณ์ก็หมายความว่า พระเจ้าอยู่หัวนี่ ก็ต้องวิจารณ์ ต้องละเมิด แล้วไม่ให้ละเมิด พระเจ้าอยู่หัวเสีย พระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไม่ดี ซึ่งถ้าคนไทยด้วยกันก็ยังไม่กล้า สองไม่เอ็นดูพระเจ้าอยู่หัว ไม่อยากละเมิด แต่มีฝ่ายชาวต่างประเทศ มีบ่อยๆ ละเมิดพระเจ้าอยู่หัว ละเมิดเดอะคิง แล้วก็หัวเราะเยาะว่าเดอะคิงของไทยแลนด์ พวกคนไทยทั้งหลายนี่ เป็นคนแย่ ละเมิดไม่ได้ ในที่สุดถ้าละเมิดไม่ได้ก็เป็นคนเสีย เป็นคนที่เสีย



มีความบางตอนที่คุณ bmp1 ไม่ได้แสดงครับ

หากจริง นี้ไม่เหมาะสมครับ รบกวนคุณ bmp1 นำมาให้ครบ

#137 bmp1

bmp1

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 264 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 12:56

กล้าโพสต์ว่ามีพิรุธ แต่เสือกบอกไม่ถนัดกฎหมาย?

ดีแต่ปากนี่หว่า

อ้าว ประเทศไทยนี่ เขาห้ามคนที่ไม่ใช่นักกฏหมาย ... . ห้ามซัก ห้ามถาม ห้ามแสดงความสงสัย ห้ามพูดมีพิรุษ ห้ามวิจารณ์ รึ๊!

###

มีความบางตอนที่คุณ bmp1 ไม่ได้แสดงครับ

หากจริง นี้ไม่เหมาะสมครับ รบกวนคุณ bmp1 นำมาให้ครบ

ความในพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ตอนหนึ่ง , 4 ธันวาคม 2548
(มีการระบุไว้ให้ทราบชัดเจน ก่อนแล้วว่า ยกมาตอนหนึ่ง)

...E=mc2 เข้าใจสูตร 3บรรทัดอย่างแตกฉาน

ย่อมรอบรู้กว่า...

...การอ่านตำราหมดทั้งหอสมุด แต่อ่านไปเรื่อยแบบไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจห่าอะไรเลย...


#138 baezae

baezae

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,966 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 13:08


กล้าโพสต์ว่ามีพิรุธ แต่เสือกบอกไม่ถนัดกฎหมาย?

ดีแต่ปากนี่หว่า

อ้าว ประเทศไทยนี่ เขาห้ามคนที่ไม่ใช่นักกฏหมาย ... . ห้ามซัก ห้ามถาม ห้ามแสดงความสงสัย ห้ามพูดมีพิรุษ ห้ามวิจารณ์ รึ๊


ไม่ได้มีข้อไหนห้ามวิจารณ์ว่ะ แต่จะวิจารณ์อะไรมันต้องมีพื้นฐาน มีหลักการของสิ่งจะวิจารณ์ ไม่อย่างนั้นเค้าไม่เรียกวิจารณ์

เค้าเรียกเห่า
ถ้าคุณเป็นเสื้อเหลือง ผมคุยกับคุณได้ และหัวเราะให้กันได้ถ้าคุณเป็นเสื้อแดง ผมก็คุยกับคุณได้ และหัวเราะใ้ห้กันได้แต่ถ้าคุณเป็นควายล้มเจ้าไม่ว่าจะสีไหน ผมจะด่าอย่างเดียว

#139 turbora

turbora

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 314 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 13:10

ผมอ่านสำนวนแล้วเกิดข้อสงสัยขึ้นมาในใจครับ
1. เวลารับสายหรือข้อความเข้านั้น ปกติเรื่องผมจะไม่ขึ้น +668xxxxxxxx แต่จะขึ้นเบอร์โทรเลย 08xxxxxxxx นอกจากจะเรียกมาจากต่างประเทศ
2. ผมเป็นคนนึงที่ไม่ใช้ais เพราะผมเกลียดไอ้เหลี่ยม และผมรักเทิดทูนสถาบันมาก
3. การโทรหรือส่งข้อความโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ผ่านinternet เช่นskype หรืออื่นๆที่พวกหลอกโอนเงินทำสามารถปลอมหมายเลขได้ เมื่อหมายเลขปลอมเอาไปเช็คอีมี่ทีศูนย์จริงมันก้อจะได้เลขอีมี่ออกมาซึ่งต้องตรงกับเครื่องอากงอยู่แล้ว
4. ผมรักสถาบันมากแต่ผมไม่ได้ไปร่วมลงชื่อถวายพระพรที่ศิริราชหรืองานพระราชพิธี เพราะผมอยู่ ตจว ผมเชื่อว่าพวกที่ไม่เคารพยังไงก็ไม่ไปและจะไม่พาลูกหลานไปด้วย
5. หมายเลขอีมี่เป็นหมายเลขประจำเครื่อง ทุกเครื่องจะไม่เหมือนกัน ถ้าไม่ตรงน่าจะคนละเครื่องหรือใช้softwareปลอมขึ้นมา โปรแกรมนั้นอาจไม่อนุญาติให้ระบุเลขครบทุกหลัก เรื่องเป็นคดีขึ้นมาขนาดลงโทษ20ปี ผมว่าหลักฐานไม่ชัดเจน
6. ตำรวจไทยทำได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ให้สังเกตุตรงที่หลักฐานไม่ชัดเจน แต่มันมาเชื่อมโยงกันด้วยตำรวจ และพยานจากบริษัทโทรศัพท์เพียงไม่กี่คน
7. เรื่องคือว่าถ้ามันถูกส่งด้วยsoftware ผ่านอินเตอร์เน็ต แล้วปลอมเบอร์ที่ส่งขึ้นมาอาจสุ่มหรือเจตนาเอาเบอร์อากงมาใช้ เมื่อตำรวจเอาเบอร์ไปตรวจสอบที่ศูนย์ว่าเบอร์ใครอีมี่อะไรโทรไปหาใครบ้างบ่อยๆ ย่อมได้ข้อมูลตามที่ปรากฎตามปกติอยู่แล้ว
นี่เป็นข้อสังเกตุเบื้องต้นคร่าวๆครับ ถ้าอากงส่งจริงผมว่าโทษยังน้อยไป แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะผมอ่านสำนวนแล้วมันยังมีข้อสะกิดใจเยอะเหลือเกิน

#140 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 13:34

จะไปไหน มาคุยกันในนี้นี่แหละ หรือไม่มีปัญญาคิดด้วยตัวเอง ชีวิตนี้มีแต่ก๊อปแปะความคิดไอ้หงอกเจียม หัวหน้าควายล้มเจ้า ถ้าคิดว่าตัวเองไร้ศักยภาพ ไร้ความสามารถขนาดนั้นล่ะก็ อนุญาตให้เห่า ๓ ที แล้วจะไม่จี้ต่อละกันนะ


วิศวกร ม่ายช่ายนักกฏหมาย .. . เรื่องบนศาล ม่ายถนัด แต่เห็นมีพิรุษแปลกๆ จึงจะชวนไปเที่ยว ก็ม่าย ไป ถ้าม่ายกล้าไป ก็ม่ายเป็นไร ^_^


เหอๆๆ วิศวกร ม่ายช่ายนักกฏหมาย .... แต่เห็นมีพิรุษแปลกๆ (ในศาล?)....

วิศวกรสาขาอะไร ทำไมเก่งเรื่องจับพิรุศในศาล

แล้วมาออกความเห็น ผิดจรรยาบรรณวิศวกรนะเนี่ย


นี่ระดับมันสมองวิศวกรเสืื่อแดง เหรอเนี่ย
แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#141 Bua Loi Kai Wan

Bua Loi Kai Wan

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 27 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 14:42

ม.112 ไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อน ทุกครั้งที่เราท้อแค่มองพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน ทำให้เรามีกำลังใจอย่างเหลือเชื่อ ไม่มีวันไหนที่จะไม่ระลึกถึงพระองค์

#142 asawinee

asawinee

    ปฏิรูป ก่อน เลือกตั้ง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 9,003 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 16:13

ผมอ่านสำนวนแล้วเกิดข้อสงสัยขึ้นมาในใจครับ
1. เวลารับสายหรือข้อความเข้านั้น ปกติเรื่องผมจะไม่ขึ้น +668xxxxxxxx แต่จะขึ้นเบอร์โทรเลย 08xxxxxxxx นอกจากจะเรียกมาจากต่างประเทศ
2. ผมเป็นคนนึงที่ไม่ใช้ais เพราะผมเกลียดไอ้เหลี่ยม และผมรักเทิดทูนสถาบันมาก
3. การโทรหรือส่งข้อความโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ผ่านinternet เช่นskype หรืออื่นๆที่พวกหลอกโอนเงินทำสามารถปลอมหมายเลขได้ เมื่อหมายเลขปลอมเอาไปเช็คอีมี่ทีศูนย์จริงมันก้อจะได้เลขอีมี่ออกมาซึ่งต้องตรงกับเครื่องอากงอยู่แล้ว
4. ผมรักสถาบันมากแต่ผมไม่ได้ไปร่วมลงชื่อถวายพระพรที่ศิริราชหรืองานพระราชพิธี เพราะผมอยู่ ตจว ผมเชื่อว่าพวกที่ไม่เคารพยังไงก็ไม่ไปและจะไม่พาลูกหลานไปด้วย
5. หมายเลขอีมี่เป็นหมายเลขประจำเครื่อง ทุกเครื่องจะไม่เหมือนกัน ถ้าไม่ตรงน่าจะคนละเครื่องหรือใช้softwareปลอมขึ้นมา โปรแกรมนั้นอาจไม่อนุญาติให้ระบุเลขครบทุกหลัก เรื่องเป็นคดีขึ้นมาขนาดลงโทษ20ปี ผมว่าหลักฐานไม่ชัดเจน
6. ตำรวจไทยทำได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ให้สังเกตุตรงที่หลักฐานไม่ชัดเจน แต่มันมาเชื่อมโยงกันด้วยตำรวจ และพยานจากบริษัทโทรศัพท์เพียงไม่กี่คน
7. เรื่องคือว่าถ้ามันถูกส่งด้วยsoftware ผ่านอินเตอร์เน็ต แล้วปลอมเบอร์ที่ส่งขึ้นมาอาจสุ่มหรือเจตนาเอาเบอร์อากงมาใช้ เมื่อตำรวจเอาเบอร์ไปตรวจสอบที่ศูนย์ว่าเบอร์ใครอีมี่อะไรโทรไปหาใครบ้างบ่อยๆ ย่อมได้ข้อมูลตามที่ปรากฎตามปกติอยู่แล้ว
นี่เป็นข้อสังเกตุเบื้องต้นคร่าวๆครับ ถ้าอากงส่งจริงผมว่าโทษยังน้อยไป แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะผมอ่านสำนวนแล้วมันยังมีข้อสะกิดใจเยอะเหลือเกิน


ข้อ 4 ที่คุณว่า ชายชราคนนี้ไปลงนามถวายพระพร พาหลานไปด้วย ไปถวายบังคมพระบรมศพพระพี่นางฯ
เขาบอกเขารักในหลวง
เราเชื่อว่าจริง
แต่.....
ข้อหาที่ชายชราผู้นี้โดนคือการหมิ่น สมเด็จพระราชินีนาถ

หลังจากการเสียชีวิตของน้องโบว์พันธมิตร พวกแดงล้มเจ้าจงใจนำประเด็นนี้มาล้างสมองกันตลอด
คางคกตู่ก็โดนข้อหาหมิ่นลักษณะเดียวกัน
เราเองเจอเสื้อแดง 2 คนที่พูดจาเข้าข่ายหมิ่น ลอกแบบกันมาเป๊ะๆ
มีประเด็นที่ เขาเล่าว่า ใครๆก็รู้ ใส่ร้ายเต็มไปหมด
เนื้อหาแบบเดียวกันเลย

พวกล้มเจ้า หมิ่นสถาบันเนี่ย มันยิ่งกว่าอกตัญญู เลวหาใดเปรียบปาน ขอให้พวกมันตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดได้เกิด

#143 ปกติทำแต่งาน

ปกติทำแต่งาน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 624 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 16:54

ผมยอมรับว่าผมอินกับบทความที่หลายคนบอกว่า ดราม่า

แต่ตอนนี้ผมเห็นด้วยกับคุณ amplepoor ว่า เขาจะหาเหยื่ออย่างนี้แหละ

นี่คือข้อสรุปของผม

ยุทธศาสต์ของพวกล้มเจ้้าคือยกเลิก ม.112 ให้ได้

กลยุทธ์ คือ เอาพวกบริสุทธิ์ โดนคดีหมิ่น ให้มากที่สุด

ปฏิบัติการ คือ จัดทีม นำรูปผู้บริสุทธิ์ ไปสร้างเพจหมิ่น ให้คนบริสุทธิ์มีปัญหา กับ ม.112 หรือกระตุ้น คนจนรากหญ้าให้เกลียดในหลวง จนส่ง SMS หมิ่นไปทั่ว

แล้วให้นักเขียนแดงล้มเจ้า สร้างนวนิยายดราม่า จำเลยน่าสงสาร ไม่น่าโดนคดีหมิ่นเลย เรียกน้ำตาตาม Blog ต่างๆ

ผลที่คาดหวัง คนบริสุทธิ์จะเป็นแนวร่วมยกเลิก ม.112 เอง

มันต้องเป็นไอ้เอี้ยอ้วน หรือไอ้มิ้ง นั่งกำหนดยุทธศาสตร์อยู่แน่ๆเลย
ผิดคือผิด แม้ว่าหลายคนจะทำสิ่งนั้นถูกคือถูก แม้ว่าจะไม่มีใครทำสิ่งนั้นศจ. สังเวียน อินทรวิชัย

#144 อู๋ ฮานามิ

อู๋ ฮานามิ

    สมาชิกหน้าเก่า

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,018 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 17:38


ความตอนหนึ่งของพระราชดำรัส 4 ธันวาคม 2548

ถ้าเขาบอกว่า ไม่ให้วิจารณ์พระเจ้าอยู่หัว เพราะพระเจ้าอยู่หัวดีมาก ไม่ใช่อย่างนั้น บางคนอยู่ในสมองว่า พระเจ้าอยู่หัวพูดชอบกล พูดประหลาดๆ ถ้าขอเปิดเผยว่าวิจารณ์ตัวเองได้ ว่าบางทีก็อาจจะผิด แต่ให้รู้ว่าผิด ถ้าเขาบอกว่าวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัวว่าผิด งั้นขอทราบว่าผิดตรงไหน ถ้าไม่ทราบ เดือดร้อน ฉะนั้น ก็ที่บอกว่าการวิจารณ์ เรียกว่าละเมิดพระมหากษัตริย์ ละเมิด ให้ละเมิดได้ แต่ถ้าเขาละเมิดผิด เขาก็ถูกประชาชนบอม คือ เป็นเรื่องของขอให้รู้ว่าเขาวิจารณ์อย่างไร ถ้าเขาวิจารณ์ถูกไม่ว่า แต่ถ้าเขาวิจารณ์ผิดไม่ดี

แต่เมื่อบอกว่า ไม่ให้วิจารณ์ ไม่ให้ละเมิด ไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญว่าอย่างนั้น ก็ลงท้าย ก็เลยพระมหากษัตริย์ก็เลยลำบากแย่ อยู่ในฐานะลำบาก ก็แสดงให้เห็นว่า ถ้าไม่ให้วิจารณ์ก็หมายความว่า พระเจ้าอยู่หัวนี่ ก็ต้องวิจารณ์ ต้องละเมิด แล้วไม่ให้ละเมิด พระเจ้าอยู่หัวเสีย พระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไม่ดี ซึ่งถ้าคนไทยด้วยกันก็ยังไม่กล้า สองไม่เอ็นดูพระเจ้าอยู่หัว ไม่อยากละเมิด แต่มีฝ่ายชาวต่างประเทศ มีบ่อยๆ ละเมิดพระเจ้าอยู่หัว ละเมิดเดอะคิง แล้วก็หัวเราะเยาะว่าเดอะคิงของไทยแลนด์ พวกคนไทยทั้งหลายนี่ เป็นคนแย่ ละเมิดไม่ได้ ในที่สุดถ้าละเมิดไม่ได้ก็เป็นคนเสีย เป็นคนที่เสีย



มีความบางตอนที่คุณ bmp1 ไม่ได้แสดงครับ

หากจริง นี้ไม่เหมาะสมครับ รบกวนคุณ bmp1 นำมาให้ครบ


ที่ผมยกมา เพราะผมติดใจสิ่งที่ท่านกล่าวว่า "... ฉะนั้น ก็ที่บอกว่าการวิจารณ์ เรียกว่าละเมิดพระมหากษัตริย์ ละเมิด ให้ละเมิดได้ แต่ถ้าเขาละเมิดผิด เขาก็ถูกประชาชนบอม คือ เป็นเรื่องของขอให้รู้ว่าเขาวิจารณ์อย่างไร ถ้าเขาวิจารณ์ถูกไม่ว่า แต่ถ้าเขาวิจารณ์ผิดไม่ดี....."

http://kanchanapisek...05/1204.th.html พระราชดำรัสทั้งหมด

ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด

 

เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ


#145 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 17:51

ผมยอมรับว่าผมอินกับบทความที่หลายคนบอกว่า ดราม่า

แต่ตอนนี้ผมเห็นด้วยกับคุณ amplepoor ว่า เขาจะหาเหยื่ออย่างนี้แหละ

นี่คือข้อสรุปของผม

ยุทธศาสต์ของพวกล้มเจ้้าคือยกเลิก ม.112 ให้ได้

กลยุทธ์ คือ เอาพวกบริสุทธิ์ โดนคดีหมิ่น ให้มากที่สุด

ปฏิบัติการ คือ จัดทีม นำรูปผู้บริสุทธิ์ ไปสร้างเพจหมิ่น ให้คนบริสุทธิ์มีปัญหา กับ ม.112 หรือกระตุ้น คนจนรากหญ้าให้เกลียดในหลวง จนส่ง SMS หมิ่นไปทั่ว

แล้วให้นักเขียนแดงล้มเจ้า สร้างนวนิยายดราม่า จำเลยน่าสงสาร ไม่น่าโดนคดีหมิ่นเลย เรียกน้ำตาตาม Blog ต่างๆ

ผลที่คาดหวัง คนบริสุทธิ์จะเป็นแนวร่วมยกเลิก ม.112 เอง

มันต้องเป็นไอ้เอี้ยอ้วน หรือไอ้มิ้ง นั่งกำหนดยุทธศาสตร์อยู่แน่ๆเลย

เสื้อแดงที่ตาย ก็โดนพวกเดียวกันฆ่า ก็คือเหยื่อ เหยื่อที่โดนหลอกให้มาตาย อากง คนนี้ ก็พวกเสื้อแดง และก็เป็นเหยื่อเช่นเดียวกัน เหยื่อที่โดนหลอกให้เกลียดสถาบัน

#146 นักเรียนตลอดชีพ

นักเรียนตลอดชีพ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,024 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 18:03

เรื่อง บทลงโทษ ต่อคดีที่รุนแรง(เกินไป หรือไม่) ผมเอา ประสพการณ์ มาเล่าสู่นะครับ (ผมเป็นโจทย์ร่วม)....

เมื่อต้นปี มีจำเลยคนหนึ่งกระทำความผิด จนด้วย พยาน และ หลักฐาน(ผิดฐานขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ) แต่จำเลย บอกตนเองไม่ผิดจนถึงจบการพิพากษา คดี .....

ตามบทบัญญัติ ข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายรือจิตใจ โทษจำคุกไม่เกิน 1เดือน หรือปรับไม่เกิน 1000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ(เป็นความผิดลหุโทษ)


ผลปรากฎว่า ศาลชั้นต้น อ่านคำพิพากษา จำเลย โดนจำคุก 2เดือน (ปรับ จำไม่ได้) โทษฐาน ไม่ยอมรับผิด ....

ฉะนั้น คุณลุง โดน 2เท่าของฐานบทลงโทษเพราะไม่ยอมรับความผิด ก็เป็นปกติ ของ การพิพากษา ตามความเข้าใจ ของผม ครับ ..



ปล.ตอนนี้ จำเลยกำลังอุทรณ์ จากที่ฟังจากทนาย ถ้ายังขืนสู้คดีว่า ตนเองไม่ผิดอีก โทษจะยิ่งเพิ่ม ด้วย ครับ ....

ปล. ขออภัยโทษ ก็จบนะ .. ส่วนจะขอ หรือ ไม่ขอ แล้วแต่ครับ ...

.. เห็นได้ชัด ประชาธิปไตย เสียงส่วนใหญ่ ไม่ได้ทำให้ได้มา ซึ่งผู้นำที่เก่ง และ ฉลาด ..

ที่นำความอยู่ดี กินดี มาให้ประชาชนได้ แล้วคุณยังจะอ้างประชาธิปไตยเสียงส่วนใหญ่ทำไม


#147 Solidus

Solidus

    เลิกเล่น

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 14,367 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 18:15

เรื่องอากงผมไม่ขอออกความเห็น แต่ผมขอออกความเห็นตรงที่...

พวกลัทธิเสื้อแดงมันเรียนตกประวัติศาสตร์ต่างประเทศหรือเปล่า?
กฏหมายหมิ่นมีอยู่ทุกประเทศที่มีกษัตริย์ครับ ไม่เว้นแม้แต่ญี่ปุ่น สเปน และสหราชอาณาจักร

ผมว่ากฏหมายหมิ่น 5 ปีถือว่าธรรมดานะถ้าเทียบกับต่างประเทศ
เพราะส่วนใหญ่กฏหมายต่างประเทศมีการลงโทษสูงอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องที่ชาวต่างประเทศมาจับตาเรื่องนี้ ผมว่ามันไร้สาระมากครับ...

คำถามของผมคือจะให้แก้อะไร?

มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
หมายเหตุมาตรา 12 แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2519

ที่มา : http://www.kodmhai.c...m2-107-112.html

แก้ตรงที่โทษจำคุกสูงสุด 15 ปีน่าจะเหลือโทษสูงสุดเพียง 10 ปี?
แต่ตามปกติ เรื่องนี้มักได้รับพระราชทานอภัยโทษอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องโทษหนักนี่ผมว่าตัดทิ้งไปได้เลย...

เออ...ผมแนะนำให้อ่านกระทู้นี้ด้วยครับ ผมเขียนไว้พอสมควร...
http://webboard.seri...opic/1721-มาตรา 112 แก้อย่างไร ไม่ให้เป็นอันตราย

คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 นะไม่ได้แก้ไขเฉพาะมาตรา 112 อย่างเดียวนะครับ ถ้าอยากแก้ไข ก็ต้องแก้ไขมาตราอื่นที่ประกาศตามคำสั่งนี้ด้วยครับ

คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๑ [มีสถานะเทียบเท่าพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เรื่อง อัตราโทษในความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่นให้สูงขึ้น]

โดยเฉพาะมาตรา 326 328 393 ควรปรับให้เป็นอย่างเดิมดีไหมครับ

ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๔๙๙

[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]

ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556


#148 Strangerman

Strangerman

    คนแปลกหน้า

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,674 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 18:17

ผิดหรือถูก พ็ว่ากันไปครับ แต่ถ้าอย่างความเห็นควายแดงที่ว่า "เป็นโชคร้ายของลุงแกที่เกิดมาในประเทศด้อยพัฒนา ฯลฯ" ผมล่ะอยากเตะปากไอ้คนที่พิมพ์จริงๆ สำหรับพวกควายแดงถ้ารับไม่ได้ก็ย้ายไปอยู่ดูไบกับไอ้ควายเหลี่ยมน่าจะดีกว่านะครับ ... ข้องใจ หรือไม่พอใจก็เรื่องของพวกมรึง เห็นแล้วมันจี๊ด ^^

• เอือมระอากับบรรดาพี่น้องที่หลงทางจริงๆ เห็นต่างกันยังรับได้ครับ แต่เห็นผิดเป็นชอบแบบนี้มันบัดซบจริงๆ •
• หายนะของประเทศไทย ก็คือการที่   "ควายเลือกควาย"   เข้ามาทำลายประเทศ •


#149 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:04

ประเด็นแรกคือ ข้อความถูกส่งจากเครื่องนี้จริงหรือไม่
1. เบอร์สองเบอร์มีการใช้งานในบริเวณเดียวกัน โดยเครื่องที่มี IMIE เดียวกัน ในเวลาใกล้เคียงกัน ความเป็นไปได้คือมาจากเครื่องเดียวกันมากกว่ามาจากคนละเครื่องที่มีการปลอม IMIE ให้มาเหมือนเครื่องจำเลย
- จำเลยแก้ข้อนี้ไม่ได้ อ้างว่าใครๆ ก็ปลอมได้ แต่ไม่ได้แก้ความเป็นไปได้ที่เครื่องสองเครื่องจะถูกใช้งานในบริเวณเดียวกัน เวลาใกล้เคียงกัน
- จำนนว่ามาจากเครื่องนี้ด้วยหลักฐานแวดล้อม

ต่อมา ใครเป็นคนส่ง
1. ช่างซ่อมเป็นคนส่ง เพราะจำเลยเคยเอาไปซ่อม โดยที่ระบุร้านซ่อมไม่ได้ และวันเวลาซ่อมที่ขัดกัน
- ข้อนี้จึงไม่มีน้ำหนัก

2. ลูกเขยเป็นคนส่งเพราะจำเลยได้เครื่องมาจากลูกเขย
- ลูกสาวก็ยืนยันว่าเป็นเครื่องลูกเขยแต่พ่อเอามาใช้โดยตลอด และไม่มีลูกเขยมายืนยัน

3. จำเลยบอกมักทิ้งเครื่องไว้ที่บ้าน และมีคนเข้าออกอยู่จำนวนหนึ่ง แสดงว่าจำเลยต้องการต่อสู้ข้อกล่าวหาว่าคนอื่นอาจเอาเครื่องไปใช้ส่ง
- แต่หลานสาวบอกว่าเห็นแต่สมาชิกในบ้านที่เข้าออก ข้อนี้ก็ขัดกันและไม่ได้ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้จำเลย

4. จำเลยไม่เคยให้คนอื่นยืมเครื่อง
- ก็ยอมรับเองว่าเครื่องนี้ ความน่าจะเป็นที่คนอื่นจะเอาไปใช้มีน้อย

5. จำเลยส่ง sms ไม่เป็น
- นอกจากการยืนยัน ต้องหาหลักฐานมาจากผู้ให้บริการว่าตลอดเวลาการใช้งานโทรศัพท์ของจำเลยที่ผ่านมาทุกเบอร์ จำเลยไม่เคยส่ง sms เลยแม้แต่ครั้งเดียว ถึงจะน่าเชื่อ ไม่อย่างนั้น ก็เป็นการอ้างเฉยๆ ไม่มีน้ำหนัก

สรุป ทั้งสองประเด็น จำเลยแก้ต่างไม่ได้ และไม่มีน้ำหนักพอ เกมก็จบ ทั้งๆ ที่โอกาสสู้คดีให้ชนะก็มีอยู่ แต่ทนายจำเลยไม่ได้หาหลักฐานพยานอะไรมาเพิ่มน้ำหนักเลย เอาแต่หาเรื่องเรียกน้ำตา

#150 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:06

จากข่าวนี้ เค้าว่าเป็นเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ซะด้วย ถ้าว่าถูกใส่ร้าย ผมไม่เชื่อครับ ตอนที่จะโดนจับ ยังมีเสื้อแดงมาขัดขวางเลย แสดงว่า มีพวกซะด้วย

เผยเป็นฮาร์ดคอร์เสื้อแดง

สำหรับนายอำพล ตั้งนพกุล อายุ 61 ปี เป็นจำเลยในคดีหมิ่นสถาบัน ที่ถูกศาลจำคุกหนนี้ ถูก พล.ต.ท.ไถย ปราศจากศัตรู ผบช.ก. นำกำลัง เข้าจับกุม เมื่อเช้าวันที่ 3 สิงหาคม 2553 ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ในซอยวัดด่านสำโรง หมู่ 4 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งระหว่างจับกุม ทางกลุ่มเสื้อแดงออกมาขัดขวาง แต่เมื่อตำรวจแจ้งข้อหาให้ทราบ ก็ยอมให้ตำรวจจับแต่โดยดี

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่านายอำพลนั้น เป็นสมาชิกเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ ใน จ.สมุทรปราการ