"ถ่มน้ำลายรดฟ้า" แล้วจะมาชี้แจง ?..."มติชิน" แจงกรณี "อาเศียรวาท"...
#101
Posted 6 December 2012 - 15:14
#102
Posted 6 December 2012 - 15:54
เข้าใจเปรียบเทียบผมชื่นชมคุณปูนะครับ ว่าเธอนั้นเปรียบดั่ง"กะหรี่"
อย่าตีความตามจริตว่าผมกล่าวร้ายเธอ
ขออธิบายเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องถาม
คุณปูเธอเป็นผู้หญิง
เธอช่างมีเสน่ห์ ยั่วยวน ร้อนแรง ถึงรสถึงชาดดั่งกะหรี่ที่มีกลิ่นหอมรสจัดจ้านน่าลิ้มลอง
นี่แหละที่ผมชื่นชมเธอว่าเหมือน"กะหรี่"
หวังว่า คำอธิบายความหมาย สัญลักษณ์ และเจตนาของผม น่าจะสร้างความกระจ่างและทำให้เกิดการตีความที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายของผม
หากใครตีความ"คุณปูเปรียบดั่งกะหรี่"ในความหมายอื่น นั่นคือคุณเข้าใจผิด คุณไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมสื่อ
อย่าโทษผม กรุณาโทษตัวคุณเองที่ตีความผิด ให้ผิดไปจากสิ่งที่ผมต้องการสื่อ
ส่วนตัวผมชื่นชมคุณปูนะ
และที่ผมเขียนข้างบนนี้คุณว่าผมเคารพคุณปูมากขนาดไหนล่ะ
#103
Posted 6 December 2012 - 16:03
http://breakingnews....ang=T&cat=&key=
ดร.อนันต์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของบทอาเศียรวาทเนื่องใน วโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ มติชนเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า เมื่อพิจารณาเนื้อหาโดยละเอียดแล้วพบว่าผู้ประพันธ์มีเจตนาที่จะส่อเสียด หรือก่อให้เกิดการตีความที่แตกต่างกันไปมากกว่าจะเป็นถวายพระพรตามปกติ เหมือนที่ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ที่คนอ่านแล้วจะเข้าใจความหมาย ถือเป็นการกระทำที่แยบยลของผู้ประพันธ์ เช่น คำว่าฟ้า ในวรรคที่หนึ่งดูเหมือนจะมีความหมายถึงในหลวง แต่พอวรรคท้ายกลับมีการตั้งคำถามว่าฟ้าดีอย่างไร หรือคำว่าฝนในวรรคที่สี่ ซึ่งน่าจะทำให้ลมแล้งหายไปกลับกลายเป็นปัญหาในวรรคที่ห้า
ดร.อนันต์ กล่าวอีกว่า บทประพันธ์นี้ตั้งแต่วรรคหนึ่งถึงวรรคสี่ไม่มีปัญหา เพราะเหมือนจะสื่อว่าในหลวงคือฟ้าสว่างที่นำเอาฝนมาให้ข้าวในนาได้งอกงาม แต่พอเริ่มวรรคห้าที่ว่าลมร้อนลมเย็นเป็นปัญหา จึงเกิดคำถามว่าแล้วฝนที่มาจากฟ้าหรือจากในหลวง เหตุใดจึงทำให้เกิดปัญหา วรรคที่ห้านี้พลิกความหมายที่ปูมาตั้งแต่วรรคหนึ่งถึงวรรคสี่แบบหน้ามือเป็น หลังมือ กลายเป็นว่าฟ้าสว่างทำให้เกิดปัญหา จากนั้นก็ตามด้วยพฤกษ์ชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา กลายเป็นต้นข้าวถูกน้ำท่วมซ้ำ สุดท้ายก็ตั้งคำถามว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร ไม่มีตรงไหนที่จะบอกว่าเป็นบทประพันธ์ที่ถวายพระพรในหลวงเลย
" บทประพันธ์นี้หากนำออกไปตีพิมพ์เดี่ยวๆโดยตัดคำว่าอาเศียรวาทและภาพในหลวง ออกไป คนอ่านจะไม่รู้เลยว่านี่คือบทประพันธ์ถวายพระพรในหลวง ยิ่งหากดูบริบทอื่นๆประกอบ เช่น บทความหรือข้อเขียนต่างๆในหนังสือพิมพ์มติชนที่มีแนวทางเช่นนี้ ก็จะยิ่งเห็นว่าบทประพันธ์เจตนาอย่างไร " ดร.อนันต์ กล่าว
- ตะนิ่นตาญี, Kyubey, ดอกไม้ and 2 others like this
เป็นเห็บเกาะไข่ระบบรัฐประหาร
#104
Posted 6 December 2012 - 16:13
อย่างที่เขาว่า "คนจัญraiชอบแก้ตัว"
มติหมาภาษาสัตว์
“อาเจียรวาทชาติหมาประสาหนอน
แต่งคำหอนโหยหวนชวนคลื่นเหียน
มติหมาภาษาสัตว์ร่วมกัดเกรียน
จงวนเวียนเดียรัจฉานสถานเอย "
(จากเพจของบิลลี่ โอแกน)
Edited by tu249cm, 6 December 2012 - 16:16.
- ปุถุชน, cassava, civilrider and 1 other like this
“People shouldn't be afraid of their government. Governments should be afraid of their people.”
#105
Posted 6 December 2012 - 16:19
- kokkai likes this
ผมเป็นแฟนคลับ แคนไท , ริดกุน , เช neverdie , eAT , Moon , tonythebest [/color][color=#0000FF;], -3- , Limmy , amplepoor , ติ๊บไตบูชาเงิน . เด็กปากดี , โจโฉ นายกตลอดกาล , อารยา, ตะนิ่นตาญี , ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่
พอดีผมลืม password เก่า และ e-mail ที่ใช้สมัครครับก็เลยจำเป็นต้องสมัครใหม่
#106
Posted 6 December 2012 - 16:20
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวกลอน แต่อยู่ที่ จริต ของสลิ่มที่ ชอบ เรื่อง หยุมหยิม.....
ถ้าคิดซะง่าทุกคนคิดดี... ปัญหาไม่เกิด.... แต่ อคติและความเคยชิน...มันพาคิดไปแบบอื่น...
กลอน หรือ คำ ที่กำกวมจะตีความอย่างไรก็ได้... พยายามให้ตายก็เอาผิดเค้าไม่ได้..
เช่น Shut Up...
จะบอกว่าให้ หุบปากก็ได้...
หรือ จะบอกว่าผู้ฟังประหลาดใจก็ได้...
ที่สำคัญและสลิ่มลืมไปก็คือ... ผมไม่เคยได้ยิน กลอนบทนี้..จนกระทั้ง... จาก สลิ่มดีดดิ้น
นี่แหละ... คิดดูดีๆว่า กำลังช่วยใคร ทำอะไร...โดยไม่รู้ตัว... โดยคิดว่า...
นี่คือการทำดี... เหอๆๆๆ...
ถ้าคิดว่าทำดีอยู่... ก็ share กด like ส่งต่อกันเยอะๆ... อนาถ
อย่าอวดโง่เลยพี่ พล่ามแต่ล่ะอย่างสำรอกแต่ความโง่กะความเลวออกมา
พี่รู้ป่ะ ถ้าคนไทยมีคนอย่างพี่อยู่สักหมื่นคนนี่ชาติล่มจมเลยนะ
ทั้งๆที่ใจพี่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร พี่ยังมาหน้าด้านแก้ตัวอีก
ถ้าพวกของพี่ชั่ว แล้วพี่ชอบเรื่องชั่วๆ
พี่ก็ยอมรับอย่างลูกผู้ชายเหอะว่าพี่ชั่ว
อย่ามาตอแหลแถดิ้นให้พวกพ้องตัวเองดูดีเลย
เอามาตอกย้ำให้เห็นไตรู้ว่าอย่าคิดว่าคนอื่นจะโง่เหมือนพวกขี้ข้าทักษินเลย
“People shouldn't be afraid of their government. Governments should be afraid of their people.”
#107
Posted 6 December 2012 - 16:25
ถ้าใช้ตรรกะแบบกลางๆ อาจารย์คนนี้จะเป็นสลิ่มหยุมหยิมทันทีครับ
http://breakingnews....ang=T&cat=&key=
ดร.อนันต์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของบทอาเศียรวาทเนื่องใน วโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ มติชนเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า เมื่อพิจารณาเนื้อหาโดยละเอียดแล้วพบว่าผู้ประพันธ์มีเจตนาที่จะส่อเสียด หรือก่อให้เกิดการตีความที่แตกต่างกันไปมากกว่าจะเป็นถวายพระพรตามปกติ เหมือนที่ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ที่คนอ่านแล้วจะเข้าใจความหมาย ถือเป็นการกระทำที่แยบยลของผู้ประพันธ์ เช่น คำว่าฟ้า ในวรรคที่หนึ่งดูเหมือนจะมีความหมายถึงในหลวง แต่พอวรรคท้ายกลับมีการตั้งคำถามว่าฟ้าดีอย่างไร หรือคำว่าฝนในวรรคที่สี่ ซึ่งน่าจะทำให้ลมแล้งหายไปกลับกลายเป็นปัญหาในวรรคที่ห้า
ดร.อนันต์ กล่าวอีกว่า บทประพันธ์นี้ตั้งแต่วรรคหนึ่งถึงวรรคสี่ไม่มีปัญหา เพราะเหมือนจะสื่อว่าในหลวงคือฟ้าสว่างที่นำเอาฝนมาให้ข้าวในนาได้งอกงาม แต่พอเริ่มวรรคห้าที่ว่าลมร้อนลมเย็นเป็นปัญหา จึงเกิดคำถามว่าแล้วฝนที่มาจากฟ้าหรือจากในหลวง เหตุใดจึงทำให้เกิดปัญหา วรรคที่ห้านี้พลิกความหมายที่ปูมาตั้งแต่วรรคหนึ่งถึงวรรคสี่แบบหน้ามือเป็น หลังมือ กลายเป็นว่าฟ้าสว่างทำให้เกิดปัญหา จากนั้นก็ตามด้วยพฤกษ์ชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา กลายเป็นต้นข้าวถูกน้ำท่วมซ้ำ สุดท้ายก็ตั้งคำถามว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร ไม่มีตรงไหนที่จะบอกว่าเป็นบทประพันธ์ที่ถวายพระพรในหลวงเลย
" บทประพันธ์นี้หากนำออกไปตีพิมพ์เดี่ยวๆโดยตัดคำว่าอาเศียรวาทและภาพในหลวง ออกไป คนอ่านจะไม่รู้เลยว่านี่คือบทประพันธ์ถวายพระพรในหลวง ยิ่งหากดูบริบทอื่นๆประกอบ เช่น บทความหรือข้อเขียนต่างๆในหนังสือพิมพ์มติชนที่มีแนวทางเช่นนี้ ก็จะยิ่งเห็นว่าบทประพันธ์เจตนาอย่างไร " ดร.อนันต์ กล่าว
#108
Posted 6 December 2012 - 16:39
โคตรดัดจริตเลย คิดอะไรอย่าซับซ้อนหยุมหยิมมากนักเลยครับ
สมมติคนมาด่าว่าพ่อคุณเอนไตเป็นแมงดาแม่คุณเป็นกาหรี่
จะให้เงียบๆ ไว้ ปล่อยให้เค้าด่า ไม่โวยวายกลัวคนอื่นได้ยินว่าพ่อเป็นแมงดาแม่เป็นกาหรี่
มนุษย์มีความรักโลภโกรธหลง ถ้าเป็นอรหันต์เค้าก็ไม่มานั่งข่มคนอื่นอยู่ในเว็บบอร์ดหรอกครับ
คิดเองนะครับ
กาหรี่ แปลว่าอะไรครับ
รู้จักแต่กะหรี่ ที่เป็นผงๆ ขายตามตลาดและ supermarket น่ะครับ
แปลได้ตามความชอบเลยครับ เป็นการใช้ sibilant sounds ตามหลัก poem consonance
It's us against the world
#109
Posted 6 December 2012 - 16:40
ในเมื่อคนชั่วคิดลึก เตือน คนดีคิดตื้นแล้ว...
คนดีคิดว่าสิ่งที่ทำมันดี...
เชิญกด LIKE Share แล้ว ด่า มติชิน ต่อไปครับ... อย่างเมามันนะครับ...
คนเราเห็นแตกต่างกันได้...
แค่ตรรกะที่พี่พล่ามนี่มันก็ไม่ใช่แล้วพี่
คนดีที่ไหนมันจะคิดตื้น แล้วคนโง่ที่ไหนมันจะคิดลึก
คนที่คิดลึกที่ไหนมันจะเป็นคนชั่ว
คนดีถ้าคิดตื้นคงไม่ได้เป็นคนดี
มันก็มีแต่คนชั่วๆคิดตื้นๆที่ทำชั่วแล้วกลัวคนอื่นรู้อย่างพวกพี่นี่แหละ
มันทำชั่วก็ต้องประจานให้คนรู้ดิว่ามันชั่ว
จะไปเก็บมันงุบงิบทำไม
ไม่กดแชร์ แล้วมันจะเลิกทำชั่วเหรอพี่
คิดอะไรตื้นๆได้อีกนะพี่
ที่เขากดแชร์เพราะให้มันรู้ตัวว่าคนต่อต้าน
ช่วยกันออกมาด่ามันมากๆมันจะได้เกรงใจในหลวงมั่ง
ลดเป็นแค่ไพร่ชั่วๆ อย่าสะเออะมาลามปามในหลวง
ปล.ขอร้องล่ะพี่เกิดเป็นคนทั้งที อย่าให้อายหมามันเลย
เห่าหอนให้มันรู้ที่รู้ทางมั่งพี่
ไม่ใช่สักแต่อวดแต่ความโง่ของตัวเองกะพวกพ้อง
ปล2.พี่อย่าดีดดิ้นให้มากเลยพี่
คนจำพวกพี่ยิ่งดิ้นคนจะยิ่งรู้กำพืดพี่นะ
Edited by ตุ๊ ต่องแต่ง, 6 December 2012 - 16:56.
- shinethai, อู๋ ฮานามิ, DarkSwan and 3 others like this
#110
Posted 6 December 2012 - 16:53
#111
Posted 6 December 2012 - 16:53
ความหมายกำกวม
#112
Posted 6 December 2012 - 16:53
คำพูดแปะหน้ารูป = refer to
แล้ว อาเศียรวาท มันต้องเป็น ฉันท์ กับ ฉบัง
ไม่ใช่กลอน 4 แล้วขึ้นหัวอาเศียรวาท
ถ้าแต่งไม่เป็นก็ไม่ต้องเอาอาเศียรวาทขึ้นเพื่อมาเป็นไม้กันหมาแบบเครื่องหมาย " ? " ที่พวกนักหนังสือพิมพ์มันชอบใช้
แล้วไม่มีอาจารย์คนใหนที่จะสอนให้เขียน
บทอาเศียรวาทที่ต้องตีความให้ลึก
เพราะอาเศียรวาทคือบทสรรเสริญ อวยชัย
ต้องทำให้เข้าใจง่ายที่สุดทั้งคนอ่านและคนได้รับและคนได้ยิน
เกิดต้องอ่านอาเศียรวาทให้คนฟังเยอะๆ แล้วทำลึกแบบนี้คุณต้องแจกคำตีความด้วยหรือไม่ ?
แล้วโปรดดูประโยคสุดท้าย " ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร "
ลองให้คนที่เรียนอ่านดูแล้วดูสิ จะมีกี่คนที่ตีความออกมาได้เหมือนคนแต่งที่มติชน
Edited by Nabie, 6 December 2012 - 16:57.
- lazylemon likes this
#113
Posted 6 December 2012 - 17:02
ในเมื่อคนชั่วคิดลึก เตือน คนดีคิดตื้นแล้ว...
คนดีคิดว่าสิ่งที่ทำมันดี...
เชิญกด LIKE Share แล้ว ด่า มติชิน ต่อไปครับ... อย่างเมามันนะครับ...
คนเราเห็นแตกต่างกันได้...
ผมว่า ดูจากพฤติกรรมของคนกลางนะ
คนแถวนี้คงไม่มีใครต้องการความเห็นของคนกลางหรอกครับว่าเขาควรจะทำตัวยังไง
อ่า
ถ้าเช่นนั้น ผมคงต้องช่วยบอกคนกลางว่า
SHUT THE FU*K UP
เพราะเขาคงต้องประหลาดใจมากๆแน่เลย
#114
Posted 6 December 2012 - 17:06
ถ้าเปรียบเทียบฟ้าเป็นในหลวง
คำนี้จะสื่อว่าอะไรครับ
#115
Posted 6 December 2012 - 17:17
ความจริงกลอนมันไม่ได้มีความหมายที่ไม่ดีเลย
เจตนาของคนแต่งก็คงจะแต่งเพื่อเชิดชู เนื่องจากเป็นวันพ่อ
แต่คนอ่านบางคนนะซิ จิตใจมันวิปริต จึงตีความไปทางด้านลบ
......นี่ไมได้แก้ตัวแทนนะ พูดจากความรู้สึกจริงๆ....น่าห่วงคนพวกนี้จริงๆ
พี่ตอนฮะตกลงพี่อ่านหนังสือแตกไหมพี่
อย่าสักแต่มีมือมีเท้าแล้วจิ้มคีย์บอร์ดอวดโง่ดิ
นี่มันอาเศียรวาทวันเฉลิมพระชมน์นะพี่
ไม่ใชแต่งกลอนวันพืชสวนโลก
แต่งทำไมฟ้าครื้มฟ้าสว่าง ลมร้อนลมเย็น
พืชชอุ่ม น้ำท่วมน้ำตา
มีลงท้ายด้วยว่า ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร
ตกลง ไม่บอกจะรู้ไหมว่านี่บทอาเศียรวาท
แล้วอาเศียรวาทใคร
แล้ววรรคท้ายนั่น มาได้ไง
จะแต่งให้ดีก็ดีได้ แค่เอาคนคิดดีทำดีมาแต่ง
แต่นี้เอาคนคิดชั่วทำชั่วมาแต่งไงพี่
กลอนมันถึงได้ออกมาแบบนี้
ยิ่งแก้ตัวยิ่งดูพี่มีความเป็นคนน้อยลงนะ
#116
Posted 6 December 2012 - 17:17
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวกลอน แต่อยู่ที่ จริต ของสลิ่มที่ ชอบ เรื่อง หยุมหยิม.....
ถ้าคิดซะง่าทุกคนคิดดี... ปัญหาไม่เกิด.... แต่ อคติและความเคยชิน...มันพาคิดไปแบบอื่น...
กลอน หรือ คำ ที่กำกวมจะตีความอย่างไรก็ได้... พยายามให้ตายก็เอาผิดเค้าไม่ได้..
เช่น Shut Up...
จะบอกว่าให้ หุบปากก็ได้...
หรือ จะบอกว่าผู้ฟังประหลาดใจก็ได้...
ที่สำคัญและสลิ่มลืมไปก็คือ... ผมไม่เคยได้ยิน กลอนบทนี้..จนกระทั้ง... จาก สลิ่มดีดดิ้น
นี่แหละ... คิดดูดีๆว่า กำลังช่วยใคร ทำอะไร...โดยไม่รู้ตัว... โดยคิดว่า...
นี่คือการทำดี... เหอๆๆๆ...
ถ้าคิดว่าทำดีอยู่... ก็ share กด like ส่งต่อกันเยอะๆ... อนาถ
กลอน หรือ คำ ที่กำกวมจะตีความอย่างไรก็ได้... พยายามให้ตายก็เอาผิดเค้าไม่ได้..
วิญญูชนต้องใช้คำกำกวมหรือ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ที่สำคัญและสลิ่มลืมไปก็คือ... ผมไม่เคยได้ยิน กลอนบทนี้..จนกระทั้ง... จาก สลิ่มดีดดิ้น
นี่แหละ... คิดดูดีๆว่า กำลังช่วยใคร ทำอะไร...โดยไม่รู้ตัว... โดยคิดว่า...
อ้าวไม่อุดหนุนฤๅ........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เชื่อเถอะ"มติชน"ไม่ต้องการให้ไพร่เสื้อแดงอ่านหรอก...
แต่อยากเย้ยหยัน"อำมาตย์" คนรักเจ้าเท่านั้น......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#117
Posted 6 December 2012 - 17:20
#118
Posted 6 December 2012 - 17:24
เข้าใจเปรียบเทียบ
ผมชื่นชมคุณปูนะครับ ว่าเธอนั้นเปรียบดั่ง"กะหรี่"
อย่าตีความตามจริตว่าผมกล่าวร้ายเธอ
ขออธิบายเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องถาม
คุณปูเธอเป็นผู้หญิง
เธอช่างมีเสน่ห์ ยั่วยวน ร้อนแรง ถึงรสถึงชาดดั่งกะหรี่ที่มีกลิ่นหอมรสจัดจ้านน่าลิ้มลอง
นี่แหละที่ผมชื่นชมเธอว่าเหมือน"กะหรี่"
หวังว่า คำอธิบายความหมาย สัญลักษณ์ และเจตนาของผม น่าจะสร้างความกระจ่างและทำให้เกิดการตีความที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายของผม
หากใครตีความ"คุณปูเปรียบดั่งกะหรี่"ในความหมายอื่น นั่นคือคุณเข้าใจผิด คุณไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมสื่อ
อย่าโทษผม กรุณาโทษตัวคุณเองที่ตีความผิด ให้ผิดไปจากสิ่งที่ผมต้องการสื่อ
ส่วนตัวผมชื่นชมคุณปูนะ
และที่ผมเขียนข้างบนนี้คุณว่าผมเคารพคุณปูมากขนาดไหนล่ะ
สั้นๆ....
กินข้าวแกงกะหรี่หนใด
คิดถึงหล่อนครานั้นฤๅ........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#119
Posted 6 December 2012 - 17:25
ปัญหามันไม่ได้เกิดจากหนังสือพิมพ์ มันเกิดจากสลิ่มนี่แหละ
ไอ้ปั้มโหวต mthai [เดวนี้ ปั๊มไม่ได้บทน้อยลงนะ]
อธิบายมา อาเศียรวาท ของมติชิน มันแปลออกมาแนวไหน สรุปให้อ่านซักสามบรรทัดหน่อยได้หรือไม่
อย่าโทษแต่คนอื่นที่ไม่ใช่พวกของตัวเอง คนของตัวเองไม่เคยผิด รึ รับจ้างโพสอยู่ เลยต้องทำตามหน้าที่
ถ้าตอบไม่ได้ กลับไปหา ไอ้ kokocun และ อื่นๆๆได้นะ เดวมันชาบูคุณเอง
#120
Posted 6 December 2012 - 17:28
คิดถึงอาหารคิดถึงฟู้ดแลนด์ คิดถึงสีฟ้า เวลาหิว
คิดถึงแกงกะหรี่ คิดถึง"หล่อน"....
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#122
Posted 6 December 2012 - 17:46
อาศิรพจน์, อาศิรพาท, อาศิรวจนะ, อาศิรวาท, อาเศียรพจน์, อาเศียรพาท, อาเศียรวจนะ, อาเศียรวาทน. คําอวยพร (เป็นคำที่ผู้น้อยใช้กับผู้ใหญ่).
กรูอ่านกลอดมรึงทั้งหมด ไม่เห็นว่ามีตรงไหนเป็นคำอวพพรเลย นอกจากจะแต่งกลอนสองแง่สองง่ามตีกินสถาบัน ตอดเล็กตอดน้อย
- Tatiana likes this
#123
Posted 6 December 2012 - 18:03
#124
Posted 6 December 2012 - 18:06
ถ้าจะให้บอกก็น่าจะเป็นรัฐประหารที่ พล.อ สุทร คงสมพงษ์ ในปี 2534
แล้วทำให้รัฐธรรมนูญที่ใช้มาไม่เป็นกลาง
#125
Posted 6 December 2012 - 18:07
ในเมื่อคนชั่วคิดลึก เตือน คนดีคิดตื้นแล้ว...
คนดีคิดว่าสิ่งที่ทำมันดี...
เชิญกด LIKE Share แล้ว ด่า มติชิน ต่อไปครับ... อย่างเมามันนะครับ...
คนเราเห็นแตกต่างกันได้...
แค่ตรรกะที่พี่พล่ามนี่มันก็ไม่ใช่แล้วพี่
คนดีที่ไหนมันจะคิดตื้น แล้วคนโง่ที่ไหนมันจะคิดลึก
คนที่คิดลึกที่ไหนมันจะเป็นคนชั่ว
คนดีถ้าคิดตื้นคงไม่ได้เป็นคนดี
มันก็มีแต่คนชั่วๆคิดตื้นๆที่ทำชั่วแล้วกลัวคนอื่นรู้อย่างพวกพี่นี่แหละ
มันทำชั่วก็ต้องประจานให้คนรู้ดิว่ามันชั่ว
จะไปเก็บมันงุบงิบทำไม
ไม่กดแชร์ แล้วมันจะเลิกทำชั่วเหรอพี่
คิดอะไรตื้นๆได้อีกนะพี่
ที่เขากดแชร์เพราะให้มันรู้ตัวว่าคนต่อต้าน
ช่วยกันออกมาด่ามันมากๆมันจะได้เกรงใจในหลวงมั่ง
ลดเป็นแค่ไพร่ชั่วๆ อย่าสะเออะมาลามปามในหลวง
ปล.ขอร้องล่ะพี่เกิดเป็นคนทั้งที อย่าให้อายหมามันเลย
เห่าหอนให้มันรู้ที่รู้ทางมั่งพี่
ไม่ใช่สักแต่อวดแต่ความโง่ของตัวเองกะพวกพ้อง
ปล2.พี่อย่าดีดดิ้นให้มากเลยพี่
คนจำพวกพี่ยิ่งดิ้นคนจะยิ่งรู้กำพืดพี่นะ
โคตะระ ชอบเลย กด LIKE ไปแล้วยังไม่หน่ำใจ... อยากให้อีกครับ
#127
Posted 6 December 2012 - 20:02
ถึงเวลาที่ต้องเลิกซื้อ มติชนและหนังสือในเครือมติชนอย่างเด็ดขาดแล้ว – ขอความร่วมมือ
รายชื่อและบริษัทในเครือมติชน
หนังสือพิมพ์ : มติชนรายวัน · ข่าวสด · ประชาชาติธุรกิจ · รวมประชาชาติรายวัน · เข็มทิศธุรกิจ
นิตยสาร : เข็มทิศ · มติชนสุดสัปดาห์ · ศิลปวัฒนธรรม · เส้นทางเศรษฐี · มติชนบท เทคโนโลยีชาวบ้าน
บริษัท : งานดี · สำนักพิมพ์มติชน · โรงพิมพ์พิฆเนศ
แผ่นดินมันกำลังอ่อนแอ อ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนเรือนใกล้จะพัง คานใกล้จะขาด เสาผุกร่อน เพราะปลวกมอดมันเจาะกินใน ถ้าพวกเราไม่ช่วยกัน วันนึง ถ้ามันต้องเผชิญกับพายุร้าย แม้นแรงเพียงนิด มันก็ไม่แคล้วต้องพังทลายลง
ความห่วงใยแผ่นดินปลุกให้กูลุกขึ้นมาทุกวัน ลุกขึ้นมาเพื่อบอกกับลูกหลานว่า เราต้องดูแลตัวเอง ดูแลบ้านเกิดของตัวเอง
แต่งานใหญ่เพียงนี้ไม่อาจจะทำให้สำเร็จได้ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง กูพยายามส่งผ่านความคิดของกู ไปยังผู้ที่มีจิตใจรักแผ่นดิน กูมีความหวังว่าความคิดของกูคงไม่โดดเดี่ยว แล้วกูก็มีความหวังว่า ความห่วงใยบ้านเกิดจะปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้นมาพร้อมกัน เราต้องพร้อมที่จะสู้เพื่อบ้าน..........ทำสิ่งที่ยากแสนยากให้สำเร็จ อาศัยคาถาเพียงสี่คำ…ร่วม แรง ร่วม ใจ และคาถาอีกสองคำ แลกชีวิต
** ด้วยใจคารวะต่อบรรพบุรุษผู้กล้า ผู้เสียสละทุกท่านที่ปกปักรักษาแผ่นดินไทยมานับแต่อดีต
#128
Posted 6 December 2012 - 20:25
ออกมาอธิบาย และเปิดตัวคนแต่ง "อะอาเศียรวาท" ชิ้นนี้โดยไม่บอกชื่อ
บอกเพียงแต่งให้มติชนมา 30 ปี
ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
เพราะอะอาเศียรวาทชิ้นนี้ ไม่น่าเป้็นงานของ ละไมมาด คำฉวี
ปล.เสี่ยโต้งระยะหลังชอบเขียนกลอนอย่างมาก
http://www.matichon....wsid=1354792113
#129
Posted 6 December 2012 - 20:42
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวกลอน แต่อยู่ที่ จริต ของสลิ่มที่ ชอบ เรื่อง หยุมหยิม.....
ถ้าคิดซะง่าทุกคนคิดดี... ปัญหาไม่เกิด.... แต่ อคติและความเคยชิน...มันพาคิดไปแบบอื่น...
กลอน หรือ คำ ที่กำกวมจะตีความอย่างไรก็ได้... พยายามให้ตายก็เอาผิดเค้าไม่ได้..
เช่น Shut Up...
จะบอกว่าให้ หุบปากก็ได้...
หรือ จะบอกว่าผู้ฟังประหลาดใจก็ได้...
ที่สำคัญและสลิ่มลืมไปก็คือ... ผมไม่เคยได้ยิน กลอนบทนี้..จนกระทั้ง... จาก สลิ่มดีดดิ้น
นี่แหละ... คิดดูดีๆว่า กำลังช่วยใคร ทำอะไร...โดยไม่รู้ตัว... โดยคิดว่า...
นี่คือการทำดี... เหอๆๆๆ...
ถ้าคิดว่าทำดีอยู่... ก็ share กด like ส่งต่อกันเยอะๆ... อนาถ
กรณีนี้ ผมเห็นว่า ไม่ค่อยเหมาะสม นะครับ
ไม่ถูกกาลเทศะ
บทอาศิรวาท ควรจะอวยพร สรรเสริญ
แต่ลองอ่านบทกลอนดีๆนะครับ
มันเป็นเชิงการตั้งคำถามเสียมากกว่า
โดยเปรียบเทียบ วันฟ้าสว่างว่าดี วันฟ้ามืดไม่ดี
ช่วงนึง ดีได้... แต่ช่วงนึง ดีไม่ได้...
หากมติชน ทำไปแบบ ทั้งๆที่รู้ มันก็ ส่อเจตนา ว่าต้องการให้เป็นประเด็น...
#130
Posted 6 December 2012 - 21:07
อธิบายตามข้อสมมุตินะคะ ที่ไม่กล้าโวยวายเพราะว่าพ่อและแม่เป็นอย่างนั้นจริง ขืนโวยคนที่ไม่รู้ก็จะพลอยรู้ไปด้วย แต่ในกรณีอาเศียรวาทของมติชิน พวกเราต้องลุกขึ้นมาโวยวายเพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง มติชินส่อเจตนาไม่ดีทำให้คนเข้าใจผิดคิดไปได้ร้อยแปด[
โคตรดัดจริตเลย คิดอะไรอย่าซับซ้อนหยุมหยิมมากนักเลยครับ
สมมติคนมาด่าว่าพ่อคุณเอนไตเป็นแมงดาแม่คุณเป็นกาหรี่
จะให้เงียบๆ ไว้ ปล่อยให้เค้าด่า ไม่โวยวายกลัวคนอื่นได้ยินว่าพ่อเป็นแมงดาแม่เป็นกาหรี่
มนุษย์มีความรักโลภโกรธหลง ถ้าเป็นอรหันต์เค้าก็ไม่มานั่งข่มคนอื่นอยู่ในเว็บบอร์ดหรอกครับ
คิดเองนะครับ
กราบหัวใจพี่น้องที่เสียสละออกมาทวงอำนาจคืนจากระบอบทักษิณ
#131
Posted 6 December 2012 - 21:20
ขออีกครั้ง กับอาเศียรวาทมติชน โดย บัณรส บัวคลี่ 6 ธันวาคม 2555 10:50 น.
ภาษาไทยเป็นภาษาที่ดิ้นได้ มีระดับชั้น ละเมียดละไม ซ่อนความแยบยลเอาไว้หลายมิติ แถมจริตคนไทยก็รู้ๆ ว่าเจ้าบทเจ้ากลอน ชอบพูดจากันอ้อมๆ ค้อมเป็นวงกว่าจะมาลงเข้าเรื่อง คำประพันธ์ร้อยกรองก็ถอดจริตดังกล่าวออกมาทั้งหมด
มีตัวอย่างร้อยกรองมากมาย แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ประชดประเทียด หลอกด่า หลอกแดก (ไม่ใช่แดกที่หมายถึงกิน หากหมายถึงแดกดัน) เช่น
“โรคมาก รากโมกต้มกินหาย” ............ ฟังเผินๆ เหมือนจะเป็นตำรายา แต่ทว่าเมื่อผวนกลับกลายเป็น “ต้มกินหาย” มีเสียง “ตาย”ซ่อนอยู่ในความ
ภาษาที่มีระดับชั้น ที่ใช้กับผู้ใหญ่เขาจึงเข้มงวดกับคำที่แปรความไปในทางลบ เช่น ผักบุ้ง ปลาสลิด ดอกสลิด อะไรเหล่านี้
เมื่อนำมาใส่ในคำอวยพรจึงต้องระวังคำที่มีความหมายแปรนัย – ซ่อนนัย เหล่านี้ แม้กระทั่งคำพ้องเสียงเขาก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ใช้กันเช่นคำว่า “โลกันต์” ที่มีบทอาเศียรวาทชิ้นหนึ่งของหน่วยงานใหญ่ปรากฏในมติชนเมื่อปีที่แล้ว หน่วยงานนั้นแรกก็เถียงว่าหมายถึงโลก ซึ่งเป็นการเถียงแบบข้างๆ คูๆ เพราะธรรมเนียมของอาเศียรวาทจะไม่ใช้คำแบบนั้นเลย เพราะมันใกล้กับ “โลกันตร์” แถม “โลกันต์” ก็ไม่มีความหมายอะไร เหมือนกับภาษาพาไป ควบคุมภาษาที่ใช้ไม่ได้
มาถึงบทอาเศียรวาทของมติชนรายวันที่กำลังเป็นที่สนใจของโซเชียลมีเดียกันต่อ
เมื่อวานผมตั้งข้อสังเกตว่า คนแต่งฝีมือไม่ถึง พยายามซ่อนความหมาย ความนัยชั้นสูง แต่เมื่อมือไม่ถึง จึงไม่เนียน ไม่แยบยล และหมิ่นเหม่ ... วันนี้จะอธิบายเพิ่ม
น่าประหลาดใจที่ปกติแล้วบทอาเศียรวาทที่ขึ้นหน้าหนึ่ง เป็นตัวแทน “ในนามองค์กร” คือประพันธ์ในนามหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับจะต้องมาจากผู้ประพันธ์ที่มีชื่อเสียง หรือได้รับความไว้วางใจจากองค์กรนั้นๆ ปกติแล้วเขาจะมีชื่อจริงสกุลจริงเป็นเกียรติให้ผู้แต่ง ผมเคยได้ยินมาว่าซีไรต์ท่านหนึ่งเขียนแค่ 2 บรรทัดก็ได้หลักแสนบาทเขียนให้ “ในนาม” บรรษัทการค้ายักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง แต่หากไม่มีชื่อเขียนในนามองค์กรเลยก็ไม่มีข้อห้ามไว้ สิ่งเดียวที่คนในวงการนี้ทำกันคือ ในเมื่อเผยแพร่ออกมาสู่สาธารณะแล้ว ผิดชอบชั่วดียังไงองค์กรนั้นๆ (ก็คือมติชนรายวัน) ก็ต้องค้อมรับเอาไว้ เนื่องเพราะเผยแพร่ “ในนาม” องค์กรตน
ในเมื่อมติชนยอมรับให้เป็นบทอาเศียรวาทขององค์กรย่อมต้องผ่านการคัด กรอง ตรวจสอบผ่านตามาแล้ว ตีความได้ว่า บทประพันธ์ชิ้นนี้มีความดีเด่น อาจจะซ่อนความหมายลึกซึ้ง ยากแก่คนทั่วไปตีความ ประมาณว่าคนที่มีสติปัญญาทั่วไปไม่เข้าใจอาเศียรวาทบทนั้นของมติชนได้
แต่ในความเป็นจริงคนในองค์กรสื่อด้วยกันก็ต่างรู้กันว่า มันไม่มีจริงหรอกกระบวนการคัดกรองเนื้อหาบทประพันธ์ก่อนจะตีพิมพ์แบบที่ทุก คนเชื่อว่านี่เป็นบทประพันธ์ที่ล้ำลึกสุดยอดอะไรนั่น เพราะแท้จริงแล้ว อาจจะแค่มี “คนเส้นใหญ่” คนหนึ่งที่ร้อนวิชาเขียนขึ้นมาแล้วผลักดันลงกันเองก็เป็นไปได้ ที่สำคัญอ่านยังไงก็ไม่สามารถเรียกว่าลึกซึ้งได้เพราะ การประพันธ์ก็คือการสื่อสารชั้นสูง หากไม่สามารถสื่อออกมาได้ดี..การรับสารย่อมยากจะเข้าใจสิ่งที่ต้องการ แสดงออกอยู่ดี
มองในแง่ดี – ผู้เขียน มีความตั้งใจดี ประมาณว่าจะเปรียบเทียบว่ายามที่บ้านเมืองปกติฟ้ายังแจ้งสว่าง ชาวนาไร่ไพร่ฟ้าก็สดชื่นมีสุข ในวันที่บ้านเมืองไม่ปกติฟ้าไม่สว่างเกิดทุกข์เข็ญ ไพร่ฟ้าตั้งหน้ารอวันที่บ้านเมืองดีด้วยพระบารมีอีกครั้ง ฯ แต่อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกว่าผู้เขียนไม่ใช่นักกลอนที่ช่ำชอง ดูจากวรรคที่สอง “ลมแล้งในใจไห้โหยหาย” ที่ไม่มีความหมาย เป็นกลอนพาไป ลากคำให้ลงสัมผัสเท่านั้น ยิ่งเมื่อร้อยคำทั้ง 2 บทเข้าด้วยกัน ยิ่งพบเห็นสิ่งบกพร่องใน “สื่อคำ” ที่ต้องการ “ส่งสาร” ออกไป เพราะผู้แต่งไม่สามารถหยิบคำที่สื่อออกมาแล้วคนอ่านเข้าใจได้มาใช้
ต่อให้ผู้เขียนมีความตั้งใจดีเพียงใด แต่กฎเกณฑ์-เป้าหมายของบทประพันธ์แต่ละอย่างจะบังคับเป็นพื้นฐาน เช่น หากเขียนอาเศียรวาท ก็ควรเข้าใจว่านี่คือคำสรรเสริญ ปกติแล้วจะใช้ลีลาชั้นสูง(ฉันท์-กาพย์) หรือต่อให้เป็นแค่กลอนก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขคำสรรเสริญ ดังนั้นผู้แต่งต้องหลีกเลี่ยงใช้คำกำกวม มีความหมายส่อนัยด้านลบ
ที่สำคัญคนไทยรู้ดีว่าสัญลักษณ์ที่ใช้แทนพระเจ้าแผ่นดินที่เข้าใจกัน ทั่วไปคือ “ฟ้า” ผู้ประพันธ์จงใจเล่นกับ “ฟ้า” คือฟ้าสว่าง กับ วันที่ฟ้ามืดเมฆมัว มองยังไงก็เข้าใจว่าต้องการสื่อถึงพระมหากษัตริย์ หากไม่มีความช่ำชอง ร้อยคำที่มีความหมายสื่อสารชัดเจน ความเข้าใจของผู้รับสารจะแตกต่าง ตีความเป็นลบได้ .. โดยเฉพาะวรรคส่งบทท้าย “ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร” ชวนให้ประหวัดถึงคำขวัญของ พคท.ในอดีตที่ว่า “เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ” พร้อมๆ กัน (แม้ผู้แต่งอาจจะไม่ตั้งใจก็ตาม)
ในมิติของการมองในแง่ดี เนื่องจากผู้แต่งยังอ่อนด้อยไม่สามารถเลือกใช้ภาษาที่เหมาะสม การสื่อสารเลยเกิดปัญหาให้เกิดการตีความในแง่ลบ ซึ่งธรรมเนียมปฏิบัติว่าด้วยอาเศียรวาทเขาถือกันเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชคงมีปัญหาแล้ว
มองในแง่ลบ – เนื่องจากค่ายมติชนรายวันสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรฝ่ายแดงที่มี หลายเฉด รวมไปถึงข้อเสนอเรื่องแก้กฎหมาย ม.112 ฯลฯ อาจต้องการนำเสนอ “อุดมการณ์ความคิด” แบบที่เคยมีผู้เสนออยากเห็นสถาบันกษัตริย์เป็นแบบเนปาล ญี่ปุ่น ฯลฯ ผู้ประพันธ์จึงต้องการแทรกอุดมการณ์ความคิดลงในบทอาเศียรวาท จึงปรากฏชุดคำที่สื่อความหมายถึง “ฟ้า” การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศและท้องฟ้า รวมไปถึงการถวิลหา “ฟ้าสว่าง” แทนที่สภาพปัจจุบัน ซึ่งคิดว่าแม้จะมีความเป็นไปได้อยู่บ้างแต่ผู้บริหารมติชนคงไม่เหิมเกริมถึง ขั้นนั้น (หรอกน่า) อย่างไรก็ตามด้วยชั้นเชิงของคนประพันธ์ที่ยังอ่อนด้อยอยู่ ทำให้การพยายามจะนำเสนออุดมการณ์ทั้งชุดยังไม่ละเมียดละไม ปรากฏเพียง “ชุดคำสีแดง” ที่แยกๆ แตกๆ กันแต่ละบทละวรรคให้พอจับต้องเป็นร่องรอยได้
ถามว่าสังคมประชาธิปไตยแบบเปิด รธน.รับรอง Right of speech ทำได้มั้ย..ตอบว่าทำได้ แต่ในมิติทางสังคมวัฒนธรรมแล้วดูยังไงก็ไม่เหมาะสมกับกาละเทศะด้วยประการ ทั้งปวง
………..
(ป.ล.สำหรับท่านที่ต้องการสาระจริงๆ ควรข้ามบทวิเคราะห์แบบอัลเธอร์เนถีบด้านล่าง)
มองในแง่อัลเธอร์เนถีบ (ฮา) - คงจะแค่ต้องการแสดงอิทธิฤทธิ์ของความเป็นปัญญาชนคนก้าวหน้าที่ต้องการจะฉีก ธรรมเนียมอาเศียรวาทแบบโบราณมาเป็นสมัยใหม่ โดยใช้ภาษาเด็กแว้น เด็กแนว คือภาษาที่คนทั่วไปไม่เข้าใจ เป็นการยกระดับคำประพันธ์ของไทยก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 คือ กลอนแอ๊บสแตรก อ่าน 100 คนตีความได้ 100 อย่าง ดังนั้นการตีความว่ามติชนกระทำไม่เหมาะสมที่ใช้อาเศียรวาทแบบนี้จึงเป็นความ คิดล้าหลังของสลิ่มหัวโบราณ ไม่เท่าทันแว้นศตวรรษที่ 21
จบ-บทวิเคราะห์แบบกึ่งยิงกึ่งผ่าน
http://manager.co.th...D=9550000148364
- RiDKuN_user likes this
แผ่นดินมันกำลังอ่อนแอ อ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนเรือนใกล้จะพัง คานใกล้จะขาด เสาผุกร่อน เพราะปลวกมอดมันเจาะกินใน ถ้าพวกเราไม่ช่วยกัน วันนึง ถ้ามันต้องเผชิญกับพายุร้าย แม้นแรงเพียงนิด มันก็ไม่แคล้วต้องพังทลายลง
ความห่วงใยแผ่นดินปลุกให้กูลุกขึ้นมาทุกวัน ลุกขึ้นมาเพื่อบอกกับลูกหลานว่า เราต้องดูแลตัวเอง ดูแลบ้านเกิดของตัวเอง
แต่งานใหญ่เพียงนี้ไม่อาจจะทำให้สำเร็จได้ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง กูพยายามส่งผ่านความคิดของกู ไปยังผู้ที่มีจิตใจรักแผ่นดิน กูมีความหวังว่าความคิดของกูคงไม่โดดเดี่ยว แล้วกูก็มีความหวังว่า ความห่วงใยบ้านเกิดจะปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้นมาพร้อมกัน เราต้องพร้อมที่จะสู้เพื่อบ้าน..........ทำสิ่งที่ยากแสนยากให้สำเร็จ อาศัยคาถาเพียงสี่คำ…ร่วม แรง ร่วม ใจ และคาถาอีกสองคำ แลกชีวิต
** ด้วยใจคารวะต่อบรรพบุรุษผู้กล้า ผู้เสียสละทุกท่านที่ปกปักรักษาแผ่นดินไทยมานับแต่อดีต
#132
Posted 6 December 2012 - 21:21
Edited by คุณชายนั่งปอร์เช่, 6 December 2012 - 21:22.
#133
Posted 6 December 2012 - 21:27
กรณีบทอาเศียรวาทของ นสพ มติชน ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม 2555 บานปลายไปใหญ่โตแล้ว เมื่อประชาชนคนอ่านได้แสดงความเห็นว่า กำกวม คลุมเคลือ ผ่านทางโลกโซเชียล มีเดีย จน กองบรรณิการ นสพ. มติชน ต้องชี้แจงผ่านเว็บไซต์ในตอนสายของวันที่ 6 ธค 55 แม้จะอธิบายอย่างลงลึกถึงแต่ละวรรคตอนแล้วก็ตาม ทว่า ประชาชนก็ยังเห็นค้าน จนมีการเขียนกลอนตอบโต้หลายบทจากหลายคน โดยล่าสุด นักแปลชื่อดังของเมืองไทย "นิดา" ปราศรัย รัชไชยบุญ ได้เขียนกลอนสอนมวยอาเศียรวาทของมติชนอีกคนหนึ่ง โดยฝากนำเสนอผ่านบนหน้า Fb ของ นพ.พงศกร จินดาวัฒนะ "หมอโอ๊ด" นักเขียนนวนิยายชื่อดังเจ้าของผลงาน สาปภูษา –รอยไหม –กี่เฟ้า และ ส่าหรี ดังนี้คือ
"อาเศียรวาท ชาติขี้ข้า ไม่รู้จัก
ยักเยื้องนัก นำมาใช้ ให้วิปริต
ซ้ำเฉไฉ ไขว้เขว เจ้าเล่ห์คิด
ให้หลงผิด โง่งั่ง ทั้งโคตรมัน
"ผรุสวาท" เท่านั้น มันเข้าใจ
พ่อแม่มัน เลือกใช้ สอนลูกหลาน
ให้ทรยศคดข้อส่อสันดาน
ก้มหน้าคลานซานซมดมกลิ่นเงิน"
ปรากฏว่า กลอนตอบโต้ของ "นิดา" นักแปลชื่อดัง ถูกเผยแพร่รวดเร็วและมากที่สุดในโซเซียลมีเดียขณะนี้
#134
Posted 6 December 2012 - 21:41
ด่าแรง แต่ด่าได้ดีขอรับ"อาเศียรวาท ชาติขี้ข้า ไม่รู้จัก
ยักเยื้องนัก นำมาใช้ ให้วิปริต
ซ้ำเฉไฉ ไขว้เขว เจ้าเล่ห์คิด
ให้หลงผิด โง่งั่ง ทั้งโคตรมัน
"ผรุสวาท" เท่านั้น มันเข้าใจ
พ่อแม่มัน เลือกใช้ สอนลูกหลาน
ให้ทรยศคดข้อส่อสันดาน
ก้มหน้าคลานซานซมดมกลิ่นเงิน"
Edited by ดาร์ค สวอน, 6 December 2012 - 21:42.
- คุณชายนั่งปอร์เช่ likes this
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
#135
Posted 6 December 2012 - 21:48
จากเพจของปู จิตกร บุษบา
วันนี้ฟ้าสว่างกระจ่างชัด
"มติชิน" ลิ้นสัตว์ถนัดถนี่
เลือกกราบตีนนักโทษโคตรอัปรีย์
เลียมดลูกนางกาลีทุกวี่วัน
ตะแบงแกล้งเขียนอาเจียนวาท
******ให้เต็มขั้น
ลมร้อนลมเย็นก็เห็นกัน
คนไทยนั้นจะสาปส่งลงนรก
เนรคุณแผ่นดินหีนชาติ
อภิวาทแต่เงินสกปรก
จ้วงจาบด้วยวาจาสาธก
ยังอ้างว่ายอยกด้วยเชิงกลอน
ถุย!! อ้ายกวีอัปรีย์ชาติ
เก็บบทกลอนอุบาทว์มึงไว้ก่อน
รอให้พ่อพวกมึงถึงเชิงตะกอน
มึงค่อยนอนอ่านกันให้มันฟัง!!!
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
#136
Posted 6 December 2012 - 21:51
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวกลอน แต่อยู่ที่ จริต ของสลิ่มที่ ชอบ เรื่อง หยุมหยิม.....
ถ้าคิดซะง่าทุกคนคิดดี... ปัญหาไม่เกิด.... แต่ อคติและความเคยชิน...มันพาคิดไปแบบอื่น...
กลอน หรือ คำ ที่กำกวมจะตีความอย่างไรก็ได้... พยายามให้ตายก็เอาผิดเค้าไม่ได้..
เช่น Shut Up...
จะบอกว่าให้ หุบปากก็ได้...
หรือ จะบอกว่าผู้ฟังประหลาดใจก็ได้...
ที่สำคัญและสลิ่มลืมไปก็คือ... ผมไม่เคยได้ยิน กลอนบทนี้..จนกระทั้ง... จาก สลิ่มดีดดิ้น
นี่แหละ... คิดดูดีๆว่า กำลังช่วยใคร ทำอะไร...โดยไม่รู้ตัว... โดยคิดว่า...
นี่คือการทำดี... เหอๆๆๆ...
ถ้าคิดว่าทำดีอยู่... ก็ share กด like ส่งต่อกันเยอะๆ... อนาถ
Shut up หมายถึงประหลาดใจ
เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่เพิ่งเคยได้ยิน เวรแท้
#139
Posted 6 December 2012 - 22:09
#140
Posted 6 December 2012 - 22:31
ผมเองใช้ตัวตน ตัวจริง ทั้งใน Social Network และตัวจริงในชีวิตจริง ฉะนั้นหากจะมีใครสักคนคิดว่าเรื่อง "บทอาเศียรวาท ... มติชิน" เป็นเรื่องของสังคม FB เข้าใจผิดกันนั้น
ผมขอบอกว่า "อย่าดัดจริตเบี่ยงประเด็นเลยครับ มันเป็นเรื่องของคนไทย ตัวจริง พสกนิกรตัวเป็นๆ และมากกว่า 15 ล้านคนที่เดือดร้อนใจกับพฤติกรรมเช่นที่เราทราบดี"
กับประโยคที่ว่า ""มติชน"แจงซ้ำรอบค่ำ! สำนวนโวหาร บทอาเศียรวาท เป็นเอกลักษณ์ของผู้ประพันธ์-แต่งบทมากว่า 30 ปี ด้วยเจตนาที่ดี ติงแปลความไปต่างนานา ไกลเกินเจตนารมณ์" นั้น อย่าติงใครเลยครับ เพราะเรารู้เจตนาของคุณดีอยู่เต็มอกครับ
ความเท็จแม้นเร้นได้ในปัจจุบัน แต่ก็เหมือนซ่อนสุริยันไว้หลังเมฆ
อย่านึกถึงแต่ความผิดพลาด จงระลึกถึงต้นเหตุของความผิดพลาด
#141
Posted 6 December 2012 - 22:34
ความเป็นสื่อที่อยู่คู่วงการมาเป็นสิบๆ ปีไม่ได้ช่วยให้รู้จักคำว่า "กาละเทศะ"
เลยแม้แต่นิด
ในงานแต่งงานคงไม่มีใครขึ้นไปร้องเพลงเรื่องอกหักหรือคนรักต้องแยกทางอวยพรคู่บ่าวสาว
ในงานศพคงไม่มีใครเล่นเพลงรื่นเริงหรือจัดหมอลำซิ่งเต้นกันสะบัดเพื่ออาลัยให้คนตาย
และ..ในงานวันเกิดคงไม่มีใครอ่านกลอนแช่งเจ้าของวันเกิดหรือเขียนข้อความ
สองแง่สองง่ามหลอกด่าเจ้าของงานวันเกิด
ถึงผมจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องการแต่งกลอนแต่ผมคิดว่าการจะให้สะเทือนอารมณ์คนอ่าน
ควรเกิดจากการอ่านแล้วเข้าใจได้ทันทีไม่ใช่ต้องมาให้เจ้าของกลอนออกมาอธิบายว่า
ตรงไหนหมายความว่าไง ควรซึ้งตรงบทไหนบาทไหน ไม่งั้นคงไม่ต่างจากการเล่า
เรื่องตลกให้คนอื่นฟังแล้วต้องคอยบอกคนฟังว่าควรจะขำตรงวรรคไหนนั่นแหละ
การที่มติชินจะมาแก้ตัวว่ากลอนจริงๆ ไม่ได้ตีความแบบที่คนส่วนใหญ่เขาเข้าใจกัน
มันจึงเป็นการกระทำที่ไม่เข้าท่าและฟังไม่ขึ้น
แต่แค่เจตนาที่สื่อออกมาจากกลอนมันก็ส่อสันดานมากพอแล้วว่าคนแต่งกลอนและ
สื่อที่อนุมัติให้กลอนที่มีแต่ความมุ่งร้ายแบบนี้ลงมันเป็นคนจำพวกไหน
- แสนยานุภาพ, อู๋ ฮานามิ, DarkSwan and 1 other like this
#142
Posted 7 December 2012 - 18:32
ทั้งสวย ทั้งจงรักภักดี แต่งกลอนเก่งอีก
เป๊ก!
dit เพิ่ม
มาดูรูปเธออีกที... อา.... ช่างเข้ากับอวทาร์ผมเหลือเกิน
เนื้อคู่ชัดๆ.........
Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 7 December 2012 - 18:33.
- แสนยานุภาพ likes this
#143
Posted 7 December 2012 - 20:39
^
ผมขอเป็นคนกลางล่ะกัน กระแสคนกลางกำลังแรง
#144
Posted 7 December 2012 - 21:59
แม้ว่าจะเสียดาย ศิลปวัฒนธรรม และพ็อกเก็ตบุ้ค
แต่ดีกว่าไปสนับสนุนพวกระยำทำ***
ไม่เข้าใจว่า ทำไมในงานสัปดาห์หนังสือ ยังมีคนไปซื้อหนังสือของเครือนี้ได้อยู่
เวลาไปงานก็ไปยืนดู แล้วทำเสียงบ่นๆ เผื่อจะมีใครได้ยิน
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
#145
Posted 7 December 2012 - 23:50
#147
Posted 8 December 2012 - 10:05
- Suraphan07, oLaSuNyAo, DarkSwan and 1 other like this
ความเท็จแม้นเร้นได้ในปัจจุบัน แต่ก็เหมือนซ่อนสุริยันไว้หลังเมฆ
อย่านึกถึงแต่ความผิดพลาด จงระลึกถึงต้นเหตุของความผิดพลาด
#148
Posted 8 December 2012 - 10:20
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
#149
Posted 8 December 2012 - 10:21
- Suraphan07, oLaSuNyAo, แสนยานุภาพ and 2 others like this
ความเท็จแม้นเร้นได้ในปัจจุบัน แต่ก็เหมือนซ่อนสุริยันไว้หลังเมฆ
อย่านึกถึงแต่ความผิดพลาด จงระลึกถึงต้นเหตุของความผิดพลาด
#150
Posted 8 December 2012 - 11:20
กลอนนี้โดนมาก
อยากมีที่กด Like ให้คุณกวี ๑๐๘
เอาไปเลย ล้าน Likes
แผ่นดินมันกำลังอ่อนแอ อ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนเรือนใกล้จะพัง คานใกล้จะขาด เสาผุกร่อน เพราะปลวกมอดมันเจาะกินใน ถ้าพวกเราไม่ช่วยกัน วันนึง ถ้ามันต้องเผชิญกับพายุร้าย แม้นแรงเพียงนิด มันก็ไม่แคล้วต้องพังทลายลง
ความห่วงใยแผ่นดินปลุกให้กูลุกขึ้นมาทุกวัน ลุกขึ้นมาเพื่อบอกกับลูกหลานว่า เราต้องดูแลตัวเอง ดูแลบ้านเกิดของตัวเอง
แต่งานใหญ่เพียงนี้ไม่อาจจะทำให้สำเร็จได้ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง กูพยายามส่งผ่านความคิดของกู ไปยังผู้ที่มีจิตใจรักแผ่นดิน กูมีความหวังว่าความคิดของกูคงไม่โดดเดี่ยว แล้วกูก็มีความหวังว่า ความห่วงใยบ้านเกิดจะปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้นมาพร้อมกัน เราต้องพร้อมที่จะสู้เพื่อบ้าน..........ทำสิ่งที่ยากแสนยากให้สำเร็จ อาศัยคาถาเพียงสี่คำ…ร่วม แรง ร่วม ใจ และคาถาอีกสองคำ แลกชีวิต
** ด้วยใจคารวะต่อบรรพบุรุษผู้กล้า ผู้เสียสละทุกท่านที่ปกปักรักษาแผ่นดินไทยมานับแต่อดีต
1 user(s) are reading this topic
0 members, 1 guests, 0 anonymous users