ดีเอสไอแจ้งข้อหา"อภิสิทธิ์-สุเทพ"คดีการตายของ"พัน คำกอง" ระบุชัดร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนา
#1
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:21
http://www.matichon....atid=&subcatid=
#3
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:28
ช่วงนี้ คนเป่านกหวีดเสียงดังกันเยอะ ปีนี้เลยกลายเป็น " ปี แสบ หู "
#4
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:29
/人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!
#5
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:29
#7
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:31
ดอกไม้งามมีหนามแหลม ใช่บานแย้มให้คนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน...
#8
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:32
- SonG_MoTeC and salsa like this
#9
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:32
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2555 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กรณีการตายของผู้ร่วมชุมนุมทางการเมืองเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม2553 ได้แถลงถึงผลการประชุมคณะพนักงานสอบสวนประกอบด้วยเจ้าหน้าที่3ฝ่าย คือ ดีเอสไอ ตำรวจ และอัยการ โดยที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ ผอ.ศอฉ. ว่า ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา59 83 84 และ288
http://www.matichon....atid=&subcatid=
ก็ดีแล้ว จะได้สืบถึงต้นตอว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
ระวังทะเลทรายจะร้อนจนนอนไม่ได้นะ jagger
#10
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:34
"เพื่อชาติ เพื่อศาสน์ เพื่อกษัตริย์"
#11
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:37
เจตนารมณ์ส่วนตัว
- ไม่ใช้ถ้อยคำที่คำหยาบคาย
- ไม่ต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่มีเหตุผล
#12
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:39
เอาเข้าคุกให้ได้นะค้าบ
เป็นเห็บเกาะไข่ระบบรัฐประหาร
#13
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:39
POPULAR
วันอังคารที่ 31 มกราคม 2555 เวลา 10:15 น.
“บิ๊กอ๊อด” สั่งสอบทหารยิงถล่มรถกระบะชาวบ้านที่หนองจิก เผย 4 ศพไม่ใช่แนวร่วม ลั่นต้องให้ความเป็นธรรม
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าเหตุทหารพรานยิงถล่มรถกระบะจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ และบาดเจ็บ 5 ราย ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ตนกำลังให้เจ้าหน้าที่ทั้งแม่ทัพภาคที่ 4 รวมทั้งทางจังหวัด ได้ตรวจสอบทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายว่าการดำเนินการของทหารพรานเป็นไปตามกฎการใช้กำลังหรือไม่ เพราะแม้ทหารมีกฎระเบียบการใช้กำลังต่อเป้าหมายอยู่ แต่เราก็ต้องตรวจสอบสถานการณ์เฉพาะหน้าในวันนั้นๆ ด้วย เพราะการติดตามเป้าหมายก็ต้องระวังตัวด้วย ไม่ใช่ทะเล่อเข้าไปแบบหน้าสิ่วหน้าขวานจนเขาต้องกลายเป็นศพ ส่งผลให้ญาติพี่น้องเขาต้องเสียใจ
“เมื่อมีการร้องเรียนมาแบบนี้ก็ต้องให้ความยุติธรรม กับทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชนด้วย ไม่ใช่เข้าข้างทหารอย่างเดียว เพื่อไม่ให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลุกลามไป เพราะในพื้นที่มีชาวไทยพุทธอยู่ด้วย จึงเกรงว่าจะลุกลามไปมากกว่านั้น ผมจึงได้สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อดูว่าใครผิดใครถูก ถ้าทางราชการผิด เราก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง แต่ถ้าหากเรามีส่วนถูกด้วย เราก็จะต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งวันนี้คงจะได้ข้อคิดในทางที่ถูกต้องมาก เพราะเราไม่เชื่อว่าเราจะกระทำถูกมาก เพราะหลังจากที่เราได้ตรวจสอบทั้ง 4 ศพแล้ว ก็ไม่ใช่เป็นแนวร่วม ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อน ถ้าหากเราตรวจสอบแล้วว่าทางเจ้าหน้าที่เราผิด เราก็ต้องยอมรับผิด ยอมชดใช้ ยอมทุกอย่าง และต้องยอมขอโทษด้วย คาดว่าคงใช้ตรวจสอบไม่นาน เพราะพิสูจน์ว่าใครถูกใครผิด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ทั้ง 4 ศพที่เสียชีวิต ไม่ใช่แนวร่วมทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า เป็นไปอย่างที่โฆษกกองทัพภาคที่ 4 ได้ชี้แจงไปว่าใน 9 คนที่อยู่ในรถกระบะ ซึ่งทางทหารเห็นว่ามี 1 คนกระโดดขึ้นรถกระบะไป ดังนั้นบุลคลผู้นั้นอาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ทั้ง 8 ใช้เป็นฉากกำบังในการป้องกันตัวก็ได้ ขณะนี้กำลังสอบสวนอยู่ ต้องรอฟังรายละเอียดอีกครั้ง
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าทหารเห็นว่ามีคนในรถกระบะยิงถล่มฐานทหารพรานใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เขาว่าสงสัยและได้ติดตามอยู่ เพราะเห็นว่ามีรถกระบะ 1 คัน และรถมอเตอร์ไซด์ ที่ใช้เครื่องยิง 40 มิลลิเมตรเข้าไปในฐานจำนวน 3 นัด เพราะฉะนั้นทหารก็ต้องติดตาม โดยเขารายงานว่า 1 คนที่อยู่ในมอเตอร์ไซด์ได้วิ่งขึ้นรถกระบะ จึงได้ติดตามรถกระบะไป ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่าผู้ต้องสงสัยที่หนีไปมีใครบ้าง กำลังตรวจสอบกันอยู่ ส่วนอาวุธที่พบในรถกระบะนั้น พบว่าเป็นปืนเอชเคกับปืนพก ซึ่งชาวบ้านบอกว่าอาจจะเป็นปืนที่ทหารเอามาทิ้งไว้ในรถก็ได้ แต่ทหารบอกว่าไม่ได้ทิ้งปืนอาก้าเข้าไปในรถคันนั้น ส่วนที่ชาวบ้านอ้างว่าพกปืนไว้เพื่อป้องกันตัวนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ปืนอาก้าแบบนี้คงไม่ได้มีไว้สำหรับป้องกันตัว ถ้าปืนพกก็ใช่.
แล้วเรื่องนี้ไปถึงไหน นายกต้องรับผิดชอบหรือเปล่า จะโดนฟ้องว่า ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา59 83 84 และ288 หรือไม่
- kunathip, กรรมกรไอที, Bookmarks and 8 others like this
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
#14
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:39
เอาศาลโลกดีกว่า... ปิ้งบอกไม่มีต้มเสื้อแดงนิ่ เมื่อไหร่ล่ะ
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
#15
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:44
ปล่อยให้โจรมาสร้างป้อมค่ายประตูเมือง ห้ามผู้คนสัญจรไปมาตามสิทธิ์ที่ รัฐธรรมนูญให้ไว้
แล้วตกลงพวกเมิงจะเอาศาลใไหนแน่
ศาลไทย
ศาลโลก
ศาลจักรวาล
Edited by คนกรุงธน, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:46.
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#16
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:44
เวลา 10.30 น. วันที่ 17 ก.ย. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อช.2/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ผู้ร้อง และนางหนูชิต คำกอง ภรรยาผู้ตาย ผู้ร้องร่วม ยื่นคำร้องขอให้ศาลชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ชาวจังหวัดยโสธร อาชีพขับรถแท็กซี่ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เสียชีวิตหน้าคอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์สถานีราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 ระหว่างเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่ราชประสงค์ สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME56ZzJNVEEzT1E9PQ==&subcatid
#17
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:49
เอ.. ว่าแต่ กฏหมายที่ใช้ตัดสินนี่เป็นผลพวงจากรัฐประหารหรือเปล่า แบบนี้จะใช้ได้หรือ?
แล้วแค่แจ้งข้อหาเนี่ยมันตื่นเต้นมากขนาดนั้นเลยเหรอฟะ?
Edited by ดาร์ค สวอน, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:53.
- salsa likes this
ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม
ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า
อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน
#18
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:50
#19
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:50
#20
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:51
เอเอฟพีตีข่าวทั่วโลก! ดีเอสไอแจ้งข้อหา "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ร่วมกันให้ผู้อื่นฆ่า "พัน คำกอง" โดยเจตนา
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 99 ศพ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.2553 เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว ร่วมกัน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย อัยการ ตำรวจ และดีเอสไอ เพื่อประชุมหารือและลงมติร่วมกันในกรณีการแจ้งข้อหากับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีต ผอ.ศอฉ. ฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 ,83 ,84 และ มาตรา 288 คือ ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุก ตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 ปีถึง 20 ปี โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 14.00 น. นายธาริต แถลงผลการประชุม ว่า สืบเนื่องจากศาลยุติธรรมได้มีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ในคดีการไต่สวนเหตุการณ์ตายของนายพัน คำกอง ว่าการตายของนายพัน เกิดจากกระสุนปืนของทหารที่เข้าปฎิบัติการตามคำสั่งของศูนย์อำนายการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และศาลได้ส่งสำนวนการพิจารณาไต่สวนทั้งหมดพร้อมคำสั่งมายังตำรวจนครบาล และถึงดีเอสไอ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องยึดถือเอาข้อเท็จจริงอันเป็นยุติโดยการ ไต่สวนของศาลดังกล่าว
นายธาริต กล่าวต่อว่า พยานหลักฐานอันสำคัญที่ทำให้คณะพนักงานสอบสวนทั้ง 3 ฝ่าย ต้องมีมติให้แจ้งข้อหาแก่บุคคลทั้ง 2 มาจากพยานที่ได้จากการไต่สวนและคำสั่งของศาลดังกล่าวรวมทั้งพยานหลักฐานที่ การสอบสวนได้เพิ่มเติม เช่นการสั่งใช้กำลังทหารที่มีอาวุธปืนเข้าปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยที่ศอฉ.เรียกว่าการกระชับพื้นที่และการขอคืนพื้นที่ การสั่งใช้อาวุธปืน การสั่งใช้พลซุ่มยิงและอื่นๆ โดยมีการออกคำสั่งเป็นลายลักษณือักษรจาก ผอ.ศอฉ.คือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และได้อ้างไว้ในคำสั่งด้วยว่า เกิดจากการสั่งการของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับพยานบุคคลที่ร่วมอยู่ใน ศอฉ.ว่านายอภิสิทธิ์ฯ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้รับรู้ร่วมสั่งการ และพักอาศัยอยู่ในศูนย์ปฎิบัติการของ ศอฉ.ตลอดเวลา
“ประการสำคัญคือ การสั่งการของบุคคลทั้งสองกระทำอย่างต่อเนื่องหลายครั้งหลายคราแม้เกิดการ สูญเสียชีวิตของประชาชนแล้วก็หาได้ระงับยับยั้งหรือใช้แนวทางอื่นใดแทน รวมถึงพยานแวดล้อมกรณีอื่นๆ อีก จึงเป็นการบ่งชี้ได้ว่าเป็นเจตนาเล็งเห็นผลได้ว่าการร่วมกันสั่งการเช่นนั้น ย่อมทำให้เกิดการตายของประชาชนจำนวนมากและต่อเนื่องหลายวัน” อธิบดีดีเอสไอ กล่าว
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า คดีเช่นนี้ถือเป็นคดีที่สำคัญของสังคมเพราะการตายเกิดจากการกระทำของเจ้า หน้าที่รัฐ กฎหมายจึงบัญญัติไว้เป็นกรณีพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ที่ต้องมีการไต่สวนเหตุการณ์ตายโดยศาลยุติธรรม เพื่อให้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติโดยเป็นธรรมจากการสืบพยานไต่สวนโดยศาลซึ่ง พิจารณาโดยเปิดเผยทุกฝ่ายสามารถทำพยานหลักฐานเข้ามาสืบได้ แล้วในที่สุดศาลก็จะได้มีคำสั่งว่าผู้ตายเป็นใคร ใครทำให้ตายและมีพฤติการณ์หรือสาเหตุอย่างไร ซึ่งในคดีนี้ศาลก็ได้มีคำสั่งครบถ้วนเช่นนั้นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนจึง ต้องดำเนินการต่อตามผลของการไต่สวนและคำสั่งของศาลอาจกล่าวโดยง่ายๆ ว่าต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริงที่ได้ยุติชั้นศาลแล้วนั้นเอง คดีนี้ศาลได้สั่งว่าเหตุการตายเกิดจากกระสุนปืนของฝ่ายทหารที่เข้าปฎิบัติ การตามคำสั่งของ ศอฉ.พนักงานสอบสวนก็ต้องมาต่อยอดว่าผู้มีอำนาจสั่งการของ ศอฉ.ที่เป็นต้นเหตุของการสั่งการจนมีการตามเป็นใคร และมีรายละเอียดพร้อมพยานหลักฐานว่าได้กระทำผิดเช่นใด
“ส่วนทหารที่ ได้เข้าปฎิบัติการนั้น ศาลก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นผู้ใด และโดยผลการสอบสวนก็ไม่อาจระบุตัวตนได้ด้วย แต่ก็ได้รับผลตามประมาลกฎหมายอาญา มาตรา 70 ว่าเมื่อเป็นการปฎิบัติตามการสั่งการซึ่งเชื่อว่าต้องปฎิบัติก็ย่อมได้รับ การคุ้มครองโดยไม่ต้องรับโทษ ดังนั้นในชั้นนี้จึงไม่แจ้งข้อหาแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร” นายธาริต กล่าว
นาย ธาริต กล่าวต่อว่า ในวันนี้เมื่อสิ้นสุดการประชุมคณะพนักงานสอบสวนฯ ตนในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนก็ได้ลงนามในหนังสือแจ้งให้บุคคลทั้ง 2 คือ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มารับทราบข้อหาดังกล่าว ในวันที่ 12 ธ.ค.เวลา 14.00 น. ทั้งนี้เมื่อบุคคลทั้งสองเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหาและสอบสวน เสร็จก็จะใช้ดุลพินิจปล่อยตัวไปโดยไม่ขอศาลให้ฝากขัง เนื่องจากบุคคลทั้งสองเป็นอดีตข้าราชการฝ่ายการเมืองชั้นผู้ใหญ่ จึงใช้การออกหนังสือเชิญแทนการออกหมายเรียก
นายธาริต กล่าวยอมรับว่า การเชิญ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ มาแจ้งข้อหาในช่วงเวลานี้ก็เพื่อจะได้นำตัวเข้ามาในคดีอันเป็นประโยชน์ต่อ การดำเนินคดี เพราะหากพ้นวันที่ 20ธ.ค.นี้ไปแล้วบุคคลทั้งสองจะได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองตามกฎหมายทันที เนื่องจากเปิดประชุมสภา และเชื่อว่าบุคคลทั้งสองจะมาตามนัดหมายโดยไม่ถ่วงเวลาจนเปิดประชุมสภา ในวันที่ 21 ธ.ค.55
“การดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีที่เกี่ยวกับ เหตุการณ์ความไม่สงบและความรุนแรง ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.55 นั้นดีเอสไอไม่ได้ทำคดีตามกระแสหรือใบสั่งของฝ่ายการเมือง เพราะเป็นเรื่องใหญ่มาก คดีทุกคดีต้องไปจบที่ศาล พนักงานสอบสวนไม่อาจกลั่นแกล้งใคร หรือช่วยเหลือใครได้ การสอบสวนก็ร่วมกันถึง 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ตำรวจ อัยการ และดีเอสไอ” นายธาริต กล่าว และ ว่า คดีทุกคดีจึงเป็นไปตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง และที่สำคัญเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นมีผู้เข้าข่ายกระทำผิดทั้ง 2 ฝ่าย จนถึงขณะนี้กลุ่มฮาร์ดคอร์ของผู้ชุมนุมได้ถูกดำเนินคดีมีการฟ้องคดีต่อศาลไป แล้วถึง 62 คดี โดยมีผู้ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลถึง 295คน ส่วนกลุ่มผู้สั่งการของ ศอฉ.เพิ่งจะถูกดำเนินคดีนี้เป็นคดีแรก ซึ่งความจริงก็ดำเนินการมาแต่แรกคู่ขนานกันแต่คดีของกลุ่มผู้สั่งการของ ศอฉ.ต้องรอการไต่สวนของศาลก่อนจึงดูล่าช้า
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวด้วยว่า ดีเอสไอได้ดำเนินคดีทั้ง 2 ฝ่ายเท่าเทียมกัน และก็เป็นธรรมชาติที่ผู้ถูกดำเนินคดีหรือผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาทุกฝ่ายจะ ต้องไม่ชอบใจดีเอสไอ มีการต่อว่าต่าง ๆ นานา ซึ่งเราเองก็พร้อมรับเพราะถือว่าทำตามหน้าที่ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี สื่อต่างประเทศชื่อดัง รายงานข่าวดังกล่าวไปทั่วโลกเช่นกัน โดยพาดหัวข่าวว่า "Ex-Thai PM ′to face murder charge′"
ก่อนหน้านี้ เวลา 10.30 น. วันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อช.2/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ผู้ร้อง และนางหนูชิต คำกอง ภรรยาผู้ตาย ผู้ร้องร่วม ยื่นคำร้องขอให้ศาลชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ชาวจังหวัดยโสธร อาชีพขับรถแท็กซี่ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เสียชีวิตหน้าคอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์สถานีราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 ระหว่างเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่ราชประสงค์ สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
ตามคำร้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค.–19 พ.ค. 2553 มีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่ม นปช. ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศยุบสภา ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศและสี่แยกราชประสงค์ ต่อมานายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศ พ.ร.ก.บริหารสถานราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อควบคุมผู้ชุมนุม และตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และแต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นผู้อำนวยการ ต่อมามีการประกาศห้ามใช้ถนนถนนราชปรารภตั้งแต่สี่แยกประตูน้ำถึงสี่แยกมักกะสัน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมพื้นที่ พร้อมติดป้ายเขตใช้กระสุนจริง เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 นายสมร ไหมทอง ขับรถยนต์ตู้กลับบ้านพักผ่านถนนราชปรารภ เจ้าหน้าที่ทหารประกาศให้หยุดรถ แต่นายสมร ขับรถไปต่อถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธยิงหลายนัด อันเป็นการปฎิบัติหน้าที่ ทำให้นายสมร ถูกยิงได้รับบาดที่ลำตัวด้านหลัง และนายพัน ถูกกระสุนยิงตายหน้าสำนักงานขายคอนโดมิเนียมไอดีโอ อันเป็นการตายที่เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานที่อ้างว่าปฎิบัติหน้าที่ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายเป็นใคร ตายที่ใด ตายเมื่อไร สาเหตุและพฤติการณ์ตายเกิดจากอะไร ตาม ป.วิอาญา ม.150
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ระหว่างวันที่ 12 มี.ค.2553 – 19 พฤษภาคม 2553 มีการชุมนุมทางการเมืองของประชาชนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” หรือ นปช. ให้นายกรัฐมนตรี (สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี) ประกาศยุบสภาอยู่ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศและบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ระหว่างมีการชุมนุมนายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อควบคุมสถานการณ์ชุมนุม มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แล้วแต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ ต่อมาศูนย์อำนวยการดังกล่าวประกาศห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือใช้ยานพาหนะใดๆ เข้าออกในเส้นทางที่กำหนดเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ บริเวณถนนราชปรารภตั้งแต่สี่แยกประตูน้ำถึงสี่แยกมักกะสันโดยมีเจ้าพนักงาน ทหารจากทหารปืนใหญ่ที่31และกองพันทหารราบที่3ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมเส้น ทางการคมนาคมในบริเวณดังกล่าวมีการปิดแผ่นป้ายข้อความว่า “เขตใช้กระสุนจริง”
จากพยานหลักฐานของผู้ร้องและผู้ร้องร่วมอันประกอบด้วยประจักษ์พยาน พยานแวดล้อมกรณีเจ้าพนักงานทหารผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องต่างๆ และพนักงานสอบสวน รวมถึงภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหวเหตุการณ์ได้ความว่า พ.ท.วรกานต์ ฮุ่นตระกูล ผู้บังคับการกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 รักษาพระองค์ เบิกความว่า หลังเวลา 20.00 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 มีคนร้ายยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 เข้าไปบริเวณที่ พ.ท.วรกานต์ รับผิดชอบ และมีวิทยุเครือข่ายทหารแจ้งว่าให้ระวังรถยนต์ตู้สีขาวอาจมีการทำคาร์บอร์มหรือขนอาวุธสงครามใช้ทำร้ายทหาร
ร.อ.เสริม ศักดิ์คำละมูลผู้บังคับกองร้อยทหารปืนใหญ่ที่31รักษาพระองค์เบิกความว่า ได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาให้สังเกตรถยนต์ตู้ จะมีการขนอาวุธ และในวันเกิดเหตุเวลาเที่ยงคืน มีรถยนต์ตู้คันเกิดเหตุขับไปจอดที่หน้าปากซอยราชปรารภ 8 จึงสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้เครื่องขยายเสียงประกาศให้รถยนต์ตู้แล่นกลับ ไปในทิศทางเดิมหรือเลี้ยวซ้ายไปทางประตูน้ำและต่อจากนั้นได้ใช้เครื่องขยาย เสียงขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนรถประชาสัมพันธ์ประกาศให้ทราบอีกครั้งรวมเวลา ที่รถยนต์ตู้จอดอยู่ประมาณ30นาที
นายคมสันติทองมากผู้สื่อข่าวสำนักงานเนชั่นทีวีเบิกความว่าได้ยินเสียงประกาศของเจ้าพนักงานทหารและได้ยินเสียงปืนดัง จึงใช้กล้องถ่ายภาพบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ตัดต่อ นอกจากนี้นายอเนก ชาติโกฎิ พนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียมไอดีโอ เบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุ นายพัน คำกอง ผู้ตายมาขอพักที่สำนักงานขายคอนโดมิเนียม ต่อมาได้ยินเสียงประกาศของเจ้าพนักงานทหาร หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังที่ละนัด
ศาลเห็นว่า ช่วงระยะเวลาที่ร.อ.เสริมศักดิ์ เบิกความว่าเห็นรถยนต์ตู้จอดอยู่เป็นเวลา 30 นาที ซึ่งเป็นเวลานานพอสมควรที่เจ้าพนักงานทหารที่ควบคุมสถานการณ์ขณะนั้น สามารถดำเนินการบางอย่างเพื่อให้ทราบว่ารถยนต์ตู้ดังกล่าวมีพฤติการณ์ดังที่ร.อ.เสริมศักดิ์ และ พ.ท.วรกานต์ ได้ข้อมูลหรือไม่ แต่เจ้าพนักงานทหารก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร กลับปล่อยให้รถยนต์ตู้แล่นเลี้ยวขวาไปทางสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ควบคุม โดยมีคอนโดมิเนียมไอดีโอตั้งอยู่ริมถนนด้านขวาของรถยนต์ตู้ ร.อ.เสริมศักดิ์ , ส.อ.วรกร ผาสุกหรือผาสุก , ส.อ.ชิตณรงค์ สุดชัย ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ กลับยืนยันว่าขณะมีการระดมยิงรถตู้ ไม่มีใครเห็นและไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิง ทั้งไม่ปรากฏในสรุปสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในเอกสารของเจ้าหน้าที่ทหาร ว่าในวันเกิดเหตุจะมีการทำคาร์บอร์มหรือขนอาวุธ จึงเห็นว่าพยานดังกล่าวเบิกความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงและเหตุผล
ขณะที่ ร.ต.อ.สากล คำยิ่งยง , ส.อ.ชิตณรงค์ รวมทั้งนายคมสันติ ยืนยันทำนองเดียวกันว่า ช่วงที่เจ้าพนักงานทหารเข้าควบคุมพื้นที่ การเข้าออกต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานทหารก่อน แม้แต่เจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่สามารถเข้าออกได้เว้นแต่ได้รับอนุญาต ขณะเกิดเหตุบริเวณดังกล่าวไม่มีประชาชนผู้ชุมนุม ไม่มีผู้ใดเห็นชายชุดดำถืออาวุธปืน มีเพียงผู้สื่อข่าวจากสำนักพิมพ์ต่างๆ และเจ้าพนักงานเท่านั้น นอกจากนี้ ร.อ.เกริกเกียรติ เบิกความว่าบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีชายชุดดำ และช่วงเกิดเหตุไม่มีใครกล้าเข้ามา แม้นายสมรจะอ้างว่าก่อนถูกระดมยิงไม่ได้ยินเสียงประกาศเตือน และถูกระดมยิงใส่รถยนต์ตู้จากทางด้านหน้าด้านซ้ายและขวา โดยไม่เห็นคนยิงนั้น
ปรากฏว่านายอเนก เบิกความว่า เวลาประมาณ 24.00 น.นายอเนกนั่งเล่นหมากฮอตกับผู้ตายอยู่ในสำนักงานขายคอนโดมิเนียม ได้ยินเสียงประกาศของเจ้าพนักงานทหารให้รถยนต์หยุดแล่นเข้าไปในเขตพื้นที่ควบคุม ถ้าไม่หยุดจะยิง ต่อมามีเสียงปืนดังที่ละนัด ผู้ตายวิ่งออกไปดูเหตุการณ์ที่หน้าสำนักงานขายคอนโด จากนั้นมีเสียงอาวุธปืนดังแบบการยิงอัตโนมัติติดๆ กัน ผู้ตายวิ่งกลับเข้าไปบอกนายอเนกว่าถูกยิง แล้วล้มลง และนายคมสันติ ผู้บันทึกภาพเคลื่อนไหวก็ได้ยินเสียงประกาศเตือนของเจ้าพนักงานทหารให้รถยนต์ตู้หยุด แล้วได้ยินเสียงปืนทีละนัด หลังจากนั้นจึงได้บันทึกภาพเคลื่อนไหวก็ได้ยินเสียงปืนยิงแบบอัตโนมัติ
นาย อเนกและนายคมสันติพยานทั้งสองเป็นประจักษ์พยานที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียและ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับใครมาก่อนเชื่อว่าพยานทั้งสองเบิกความตามความเป็น จริงว่ามีการประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนแล้วจึงยิงปืนทีละนัด หลังจากนั้นจึงระดมยิงแบบอัตโนมัติ จากการประกาศแจ้งเตือนและการยิงปืนดังกล่าวทำให้ผู้ตายวิ่งไปหน้าสำนักงาน คอนโดมิเนียมเพื่อยืนดูเหตุการณ์จึงทำให้ถูกลูกกระสุนปืนที่บริเวณหน้าอก ซ้ายใต้ราวนมแฉลบทะลุไปถูกต้นแขนซ้ายและเส้นเลือดใหญ่ฉีกขาดเสียเลือดมาก ถึงแก่ความตาย
โดยพล.อ.ต.นพ.วิชาญเปี้ยวนิ่มผู้ชันสูตรพลิกศพผู้ตายและผ่าชันสูตรศพพบลูกกระสุนปืนรูปร่างปลายแหลมหุ้มทองเหลืองที่ต้นแขนซ้าย เป็นสาเหตุแห่งการตาย ส่วนพ.ต.ท.ธนงศักดิ์ บุญมาก ผู้ตรวจลูกกระสุนปืนที่ได้จากศพ เบิกความว่า ลูกกระสุนปืนจากศพเป็นลูกกระสุนปืนขนาดเล็กกลขนาด .223 (5.56 มม.) และว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ เผ่าถนอม ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนยืนยันว่าลูกกระสุนปืนที่พบจากศพเป็นส่วนประกอบของกระสุนปืนเล็กกลขนาด .223 (5.56 มม.) ซึ่งเป็นกระสุนปืนที่ใช้กับปืนความเร็วสูงชนิดเอ็ม 16 รุ่น เอ 2 แต่อาจนำไปใช้กับปืนเอ็ม 16 รุ่น เอ 1 ได้ เป็นอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงคราม มีอำนาจทะลุทะลวงสูงกว่ากระสุนปืนแกนเหล็กหุ้มตะกั่ว หากใช้กับอาวุธปืนเอ็ม 16 รุ่น เอ 1 จะทำให้ประสิทธิภาพไม่เท่ากับใช้กับอาวุธปืนเอ็ม 16 รุ่น เอ 2 หรืออาจใช้กับอาวุธปืนทาโว่ ทาร์ หรืออาจใช้กับอาวุธปืนเอชเค 33 หรืออาวุธปืนไรเฟิลเป็นต้น
เมื่อดูภาพถ่ายรถยนต์ตู้พบว่าบริเวณตัว ถังรถยนต์ตู้ด้านหน้า ด้านซ้าย และด้านขวา มีร่องรอยถูกลูกกระสุนปืนจำนวนหลายแห่ง และหลายชนิดแตกต่างกัน แสดงว่ามีผู้ร่วมยิงหลายคนใช้อาวุธปืนยิงจากอาวุธปืนหลายกระบอก และใช้กระสุนปืนต่างชนิดกัน ปรากฏในภาพเคลื่อนไหวมีบางเจ้าพนักงานทหารบางส่วนกำลังนั่งเล็งอาวุธปืนไป ที่รถยนต์ตู้พร้อมจะยิงเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนเชื่อว่าช่วงเวลาดังกล่าว ไม่มีการยิงต่อสู้ระหว่างคนร้ายที่โจมตีด่านจุดตรวจหรือมีการปะทะกับเจ้า พนักงานทหารดังที่นายสุเทพเทือกสุบรรณได้รับรายงานเพราะถ้ามีการโจมตีจริงก็ น่าจะปรากฏอยู่ในสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทหารและเชื่อว่าถ้า มีเหตุการณ์ต่อสู้ดังที่อ้างจริงพ.อ.พงศกร อาจสัญจร , พ.ท.วรกานต์ และนายทหารอื่นคงไม่นิ่งเฉยปล่อยให้มีคนร้ายโจมตีโดยไม่สั่งการให้ผู้ใต้ บังคับบัญชาตอบโต้ หลังเหตุการณ์สงบลงมีเจ้าพนักงานทหารหลายนายถืออาวุธปืนเอ็ม 16 เดินไปดูที่รถยนต์ตู้ ไม่มีลักษณะของความเกรงกลัวหรือระวังตัวว่าจะถูกคนร้ายลอบยิงหรือทำร้าย ทั้งที่เจ้าพนักงานทหารอ้างว่ามีการถูกระดมยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ก่อนเกิดเหตุ ส่วนนายสมร ยอมรับว่าหลังเสียงปืนสงบได้ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือแล้วมีเจ้าพนักงานทหาร เข้าไปทุบกระจกรถเพื่อช่วยนำตัวออกจากรถตู้
นอกจากนี้พ.ต.ท.สิทธิ ศักดิ์นาคามาตย์เบิกความยืนยันด้วยว่าในบริเวณที่กั้นลวดหนามเจ้าพนักงาน ตำรวจไม่สามารถเข้าไปได้หากจะเข้าไปต้องถูกตรวจค้นในช่วงดึกตนคอยบอกประชาชน ว่าอย่าเข้าไปในถนนราชปรารภเพราะอาจถูกทหารยิงจึงเชื่อได้ว่าในที่เกิดเหตุ มีเพียงเจ้าพนักงานทหารที่สามารถถืออาวุธปืนได้เท่านั้น โอกาสที่จะมีคนร้ายหลายคนพร้อมอาวุธปืนผ่านเข้าไปในพื้นที่ควบคุมดังกล่าว ย่อมเป็นไปไม่ได้ แม้แต่เจ้าพนักงานตำรวจยังไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ จึงเป็นการยากยิ่งที่จะมีคนร้ายหลายคนเล็ดลอดเข้าไปใช้อาวุธปืนจำนวนหลาย กระบอกระดมยิงใส่รถตู้ได้ แม้แต่รถพยาบาลและรถมูลนิธิต่างๆ ยังถูกคำสั่งให้ถูกตรวจค้นอย่างเคร่งครัด ทั้งมีการปิดประกาศของเจ้าพนักงานทหารประกาศแจ้งโดยชัดเจนว่าบริเวณดังกล่าว เป็นเขตใช้กระสุนจริง และจากการตรวจที่เกิดเหตุพบว่าวิถีลูกกระสุนปืนยิงในระนาบเดียวกับพื้นถนน มิได้มีแนวยิงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ และวิถีลูกกระสุนที่รถยนต์ตู้ก็มีวิถีลูกกระสุนไปในแนวลักษณะเดียวกัน พ.ต.ท.สมิต เห็นว่ารถยนต์ตู้ที่ถูกยิงแล่นไปในแนวเดียวกับบังเกอร์ของทหารที่เชื่อมโยง ไปถึงจุดที่ผู้ตายถูกยิง แนววิถีกระสุนตามแผนที่
จากพฤติการณ์ต่างๆ ดังกล่าว เชื่อว่าวันเกิดเหตุกลุ่มที่ร่วมระดมยิงอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงครามใส่ รถยนต์ตู้คันเกิดเหตุนั้น เป็นเจ้าพนักงานทหาร แม้ไม่มีประจักษ์พยานเห็นว่าผู้ตายถูกลูกกระสุนปืนของผู้ใด แต่บริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุมของเจ้าพนักงานทหารที่ควบคุม พื้นที่ทั้งสองฝั่งถนนของที่เกิดเหตุสภาพรถยนต์ตู้ก็ถูกยิงจากด้านหน้าด้าน ซ้ายและด้านขวาของตัวถังรถยนต์ในช่วงเกิดเหตุไม่มีคนร้ายเข้าไปในที่เกิด เหตุในลักษณะเข้าไปยิงปะทะต่อสู้กับเจ้าพนักงานทหาร ตามที่วินิจฉัยข้างต้นคงมีเพียงเจ้าพนักงานทหารที่สามารถใช้อาวุธปืนยิงรถ ตู้ เพราะฝ่าฝืนคำสั่งที่ประกาศเตือนไม่ให้แล่นเข้าไปในพื้นที่ควบคุม ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับผู้ตายวิ่งออกไปดูเหตุการณ์บริเวณหน้าสำนักงานขาย คอนโดมิเนียมไอดีโอ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าลูกกระสุนปืนที่พบในศพผู้ตายกับในตัวของนายสมร คนขับรถยนต์ตู้ เป็นกระสุนขนาด .223 (5.56 มม.) เช่นเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบวิถีกระสุนจากศพผู้ตายกับวิถีกระสุนจากรถยนต์ตู้อยู่ในแนว เดียวกันกับตำแหน่งเจ้าพนักงานทหารที่ควบคุมพื้นที่
จึงเชื่อว่าการ ตายของผู้ตายเกิดจากถูกลูกกระสุนปืนจากการยิงของเจ้าพนักงานทหารยิงใส่ รถยนต์ตู้ที่แล่นเข้าไปในพื้นที่ควบคุมภายหลังเจ้าพนักงานทหารเตือนให้หยุด แล่นส่วนว่าที่พ.ต.ท.นพสิทธิ์อัครนพหงส์,พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ ยาคุ้มภัย , พ.ต.ท.ธีรนันต์ นคินทร์พงษ์ , พ.ต.ท.หญิงวรการ ขุทกาฬา , พ.ต.อ.พิภพ ไกรวัฒนพงศ์ และว่าที่ ร.ต.อ.สุพัตรา ถนอมวงศ์ ผู้ตรวจอาวุธปืนเล็กกลแบบเอ็ม 16 ที่ส่งไปจาก ป.พัน 31 รอ. หรือ ร.1พัน 3 รอ. ก็ดี เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นอาวุธปืนกระบอกเดียวกับที่ใช้ยิงกระสุนปืนที่พบในศพของ ผู้ตายหรือไม่ แม้ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฎว่าไม่มีอาวุธปืนกระบอกใดที่ใช้ยิงกระสุนทดสอบตรง กับอาวุธปืนที่ใช้ยิงลูกกระสุนที่พบในศพผู้ตายก็ตามแต่เป็นการตรวจหลังเกิด เหตุเป็นเวลานานทั้งตามระเบียบราชการก่อนมีการเก็บรักษาอาวุธปืนที่ใช้หลัง การยิงทุกครั้งไม่ว่าหลังการฝึกยิงหรือยิงในราชการอื่นต้องมีการทำความสะอาด อาวุธปืนทุกครั้งการทำความสะอาดแต่ละครั้งย่อมทำให้ร่องรอยพยานหลักฐานจาก อาวุธปืนกระบอกนั้นๆ เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงอะไหล่ในส่วนสำคัญของอาวุธปืนได้ จนทำให้วัตถุพยานผิดข้อเท็จจริง ทั้งยังได้ความว่ากระสุนปืนขนาดดังกล่าว ยังสามารถใช้กับอาวุธปืนแบบทาโว่ ทาร์ หรือเอชเค 33 ด้วย ลำพังผลการตรวจอาวุธปืนแบบเอ็ม 16 ดังกล่าว ไม่ทำให้ผลการรับฟังข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป
จึงมีคำสั่งว่าผู้ตายชื่อนายพัน คำกอง ตายที่หน้าที่สำนักงานขายคอนโดมีเนียมชื่อไอดีโอคอนโด ถนนราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง เหตุและพฤติการณ์ที่ตาย เกิดจากการถูกลูกกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 มม.) จากอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงคราม ที่เจ้าพนักงานทหารร่วมกันยิงไปที่รถยนต์ตู้หมายเลขทะเบียน ฮค-8561 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายสมร ไหมทอง เป็นผู้ขับ แล้วลูกกระสุนปืนไปถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ในขณะเจ้าพนักงานทหารกำลังปฎิบัติหน้าที่รักษาความสงบปิดล้อมพื้นที่ควบคุมตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่าในการฟังคำพิพากษาวันนี้มีนางหนูชิตและน.ส.นิตยาภรรยาและ บุตรนายพันคำกอง เดินทางมาฟังคำพิพากษาร่วมกับญาติพี่น้อง รวมทั้งยังมีพนักงานอัยการผู้ร้อง นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีราชชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. พร้อมผู้ติดตามจำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจ หลังจากศาลมีคำสั่งในคดีนี้แล้ว ทางพนักงานอัยการผู้ร้องจะนำคำสั่งศาลทั้งหมดส่งกลับไปให้พนักงานสอบสวนกอง บัญชาการตำรวจนครบาล หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นผู้ทำสำนวนการสอบสวนเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายชุมนุมเพื่อดำเนินการ ต่อไป เนื่องจากการยื่นคำร้องขอไต่สวนชันสูตรศพเป็น เพียงหนึ่งในขั้นตอนกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือดีเอสไอ ที่ได้รวบรวมหลักฐานการเสียชีวิตเสื้อแดง 98 ศพ หากรวบรวมพยานหลักฐานได้ชัดเจนจะต้องทำสำนวนยื่นฟ้องเป็นคดีอาญาต่อไป
ภายหลังฟังคำสั่ง นางหนูชิต ภรรยานายพัน คำกอง ผู้ตาย กล่าวว่า รู้สึกโล่งใจกับคำสั่งศาลที่ออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ในวันนั้นมีแต่เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยตนไม่อยากให้เจ้าหน้าที่รัฐนั้น เรียกกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ว่าผู้ก่อการร้าย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็เห็นแล้วว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐไม่ใช่กลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด ส่วนการดำเนินการทางคดีจะยังมีการดำเนินการต่อ แต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ขณะที่ในส่วนของตนได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลมาแล้ว 3.5 ล้านบาท แต่ก็ต้องแบ่งให้ญาติฝ่ายสามี
ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า มีความยินดีกับคำสั่งศาลที่ออกมาในวันนี้ โดยรู้สึกว่ายังมีความยุติธรรมอยู่ในเมืองไทย ซึ่งจะต้องทำให้ความจริงปรากฏ และก็ไม่จำเป็นว่าความจริงนั้นจะต้องถูกใจทุกคน ต้องการให้คดีเสื้อแดงคดีอื่นดำเนินไปตามที่ควรจะเป็น และถือว่าคำสั่งคดีที่ออกมานั้นจะเป็นบรรทัดฐานที่ดีของคดีอื่นด้วย ซึ่งเชื่อมั่นทุกคดีจะต้องดำเนินการต่อไป
นางธิดา ยังกล่าวถึงการเยียวยาของรัฐบาลว่า นปช.จะไม่ก้าวก่ายในเรื่องนี้ แต่กรณีที่ยังมีผู้ที่ไม่ได้รับการเยียวยาก็อยากให้มีการเยียวยา เพราะสาเหตุที่เกิดขึ้นก็ล้วนมาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
ขณะที่ น.พ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า คดีนี้ไม่มีชายชุดดำเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยเข้าให้การว่ามีกลุ่มชายชุดดำอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งจากคำสั่งศาลในวันนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ และไม่มีกลุ่มชายชุดดำเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตนจะจับตาดูท่าทีของนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ต่อไป
#22
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:53
หรือหมายถึง
ร่วมกันฆ่า
เป็นผู้ยุยงให้เกิดการฆ๋่า
เป็นผู้สนับสนุนในการฆ่า
เป็นผู้สั่งการฆ่า
แล้วคนที่พูดคำนี้ละ "เผาเลยพี่น้อง...ผมรับผิดชอบเอง" ถือว่าเป็นผู้ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นทำลายทรัพย์สินผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผลด้วยรึเปล่า(ถ้าเปลี่ยนจากเผาเป็นฆ่านี่ผิดฐานยุยงให้ฆ่าผู้อื่นแน่นอน)
Edited by อาตี๋, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:53.
- กรรมกรไอที, 10Mz, Alone and 3 others like this
สิทธิตามระบอบประชาติปไตยมีไว้สำหรับให้เสื้อแดงผู้เรียกร้องประชาติปไตยเท่านั้น
ผู้อื่นห้ามใช้มิเช่นนั้นจะโดนประชาติปไตยลงโทษ
#23
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:53
#25
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:54
คนดีจริงไม่โกงที่วัด ไม่ยุแยงให้คนแตกแยก ไม่หลอกคนอื่นให้มารับเคราะห์ตายแทน
#26
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:54
ไม่เอามาลงมั่งละ ที่งี้รีบไปหาของนอกที่เค้าช่วยตีข่าวมาเสริมความน่าเชื่อถือ
ว่าแต่คนในนี้เค้าด่า รึป่าวนะที่ส่งฟ้อง
มีแต่คนดีใจที่ส่งฟ้อง
ลองเป็นส่งฟ้องไอ้ตักขี้ดิ พวกมืงด่ากันชิบหาย
- ไข่ต้ม likes this
#27
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:56
Edited by อาตี๋, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:59.
สิทธิตามระบอบประชาติปไตยมีไว้สำหรับให้เสื้อแดงผู้เรียกร้องประชาติปไตยเท่านั้น
ผู้อื่นห้ามใช้มิเช่นนั้นจะโดนประชาติปไตยลงโทษ
#28
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:59
ขณะ ที่ น.พ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า คดีนี้ไม่มีชายชุดดำเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยเข้าให้การว่ามีกลุ่มชายชุดดำอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งจากคำสั่งศาลในวันนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ และไม่มีกลุ่มชายชุดดำเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตนจะจับตาดูท่าทีของนายสุเทพและ นายอภิสิทธิ์ต่อไป
ดูแมร่งสรุป ชั่วจริงๆ
- ไข่ต้ม likes this
#29
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 15:59
ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล มันหมายถึงอะไรงงๆดูกำกวม แล้วมันมีข้อหานี้ด้วยหรอ
หรือหมายถึง
ร่วมกันฆ่า
เป็นผู้ยุยงให้เกิดการฆ๋่า
เป็นผู้สนับสนุนในการฆ่า
เป็นผู้สั่งการฆ่า
แล้วคนที่พูดคำนี้ละ "เผาเลยพี่น้อง...ผมรับผิดชอบเอง" ถือว่าเป็นผู้ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นทำลายทรัพย์สินผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผลด้วยรึเปล่า(ถ้าเปลี่ยนจากเผาเป็นฆ่านี่ผิดฐานยุยงให้ฆ่าผู้อื่นแน่นอน)
เป็นเห็บเกาะไข่ระบบรัฐประหาร
#30
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:00
อะ ของฝาก
Edited by MMMP, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:00.
- missing_u, กรรมกรไอที, เพลิงสีนิล and 1 other like this
#31
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:00
อย่าลืมของปี 52 ด้วยวีรชนหางแดงจะต้องไม่ตายเปล่า
Edited by คนในพื้นที่, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:01.
#32
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:02
- Bookmarks, ช่อมัลลิกา, Gingerbread and 2 others like this
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#33
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:02
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#34
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:03
เห็นได้ข่าวมีแพะโดนเจ้าหน้าที่ยิงตายเพื่อทำยอดให้ได้ตามนโยบายตั้งเยอะแยะ
แล้วหลายคดีก็ตัดสินแล้วว่าเป็นแพะจริงด้วยนี่ แถมเจ้าหน้าที่ก็โดนศาลตัดสินแล้วด้วยนะ
ตัวอย่าง
ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา วันนี้ (30 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3252/2552 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 48 ปี ด.ต.สุดธินัน โนนทิง อายุ 43 ปี ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 42 ปี พ.ต.ท.สำเภา อินดี อายุ 51 ปี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ อายุ 62 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต อายุ 45 ปี อดีต รอง ผกก. สภ.เมืองกาฬสินธุ์เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2547 จำเลยทั้ง 6 โดยจำเลยที่ 1-3 และ จำเลยที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันฆ่านายเกียรติศักดิ์ หรือเอ็กซ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์จักรยานยนต์ ขณะนำตัวออกจากห้องควบคุมตัว สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ด้วยการบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต เหตุเกิดที่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จากนั้นจำเลยทั้ง 6 ได้ปิดบังเหตุแห่งการตายของนายเกียรติศักดิ์ โดยร่วมกันย้ายศพจากท้องที่เกิดเหตุ ไปแขวนคอไว้ที่กระท่อมนา บ้านบึงโดน หมู่ที่ 5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด จากนั้น ระหว่างวันที่ 30 ก.ค. 2547 ถึงวันที่ 27 เม.ย. 2548 จำเลยที่ 4-6 ร่วมกันข่มขู่พยาน เพื่อให้การอันเป็นเท็จ โดยให้ระบุว่า ในวันที่ผู้ตายถูกทำร้ายยังพบเห็นผู้ตายที่ตลาดโต้รุ่ง และให้ระบุว่าจำเลยและพวกทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งในชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 6 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 กระทำผิดฐานย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต เมื่อรวมโทษแล้วให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 สถานเดียว จำเลยที่ 5 กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ ลงโทษจำคุก 7 ปี จำเลยที่ 6 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษ จำคุกตลอดชีวิต และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 เนื่องจากขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 4 โทรศัพท์ให้ญาติหาคนมาประกันตัวนายเกียรติศักดิ์ เพื่อความสะดวกที่พนักงานสอบสวนจะได้ไม่ต้องนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลทุก 12 วัน และเป็นการให้บริการประชาชนซึ่งเป็นเรื่องปกติ เชื่อว่าจำเลยที่ 4 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายเกียรติศักดิ์
สำหรับคดีฆ่าอำพรางศพคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 โดยญาติผู้ตายได้มายื่นเรื่องต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกระทรวงยุติธรรม และให้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์บาดแผล ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อมาคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้มีมติรับเป็นคดีพิเศษ เมื่อปี 2548 เนื่องจากเชื่อว่า การเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์ อาจมีเงื่อนงำ ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศสงครามกับยาเสพติด กระทั่งเกิดคดีในลักษณะของการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหายาเสพติดหลายคดี
http://www.manager.c...D=9550000093477
Edited by อาตี๋, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:12.
- ช่อมัลลิกา likes this
สิทธิตามระบอบประชาติปไตยมีไว้สำหรับให้เสื้อแดงผู้เรียกร้องประชาติปไตยเท่านั้น
ผู้อื่นห้ามใช้มิเช่นนั้นจะโดนประชาติปไตยลงโทษ
#36
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:17
ไอ้ธาริตติดคุกด้วยเพราะเป็นกรรมการศอฉ!!
ปี52มีแต่แดง(จินตนาการ)ที่ตาย!!!
เย่ๆ เอาคนผิดมาให้ได้นะคร้าบบบ
อย่าลืมของปี 52 ด้วยวีรชนหางแดงจะต้องไม่ตายเปล่า
จินตนาการสิที่สำคัญกว่าความจริง เสื้อแดงเค้าว่างั้นนะ
- ครุฑดำ likes this
สิทธิตามระบอบประชาติปไตยมีไว้สำหรับให้เสื้อแดงผู้เรียกร้องประชาติปไตยเท่านั้น
ผู้อื่นห้ามใช้มิเช่นนั้นจะโดนประชาติปไตยลงโทษ
#37
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:20
เปิดคำสั่งฉบับเต็ม ศาลชี้ "พัน คำกอง" แท็กซี่แดงถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงตาย
เวลา 10.30 น. วันที่ 17 ก.ย. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อช.2/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ผู้ร้อง และนางหนูชิต คำกอง ภรรยาผู้ตาย ผู้ร้องร่วม ยื่นคำร้องขอให้ศาลชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ชาวจังหวัดยโสธร อาชีพขับรถแท็กซี่ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เสียชีวิตหน้าคอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์สถานีราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 ระหว่างเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่ราชประสงค์ สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME56ZzJNVEEzT1E9PQ==&subcatid
สอบทหารพรานยิงถล่มรถกระบะชาวบ้านหนองจิก
วันอังคารที่ 31 มกราคม 2555 เวลา 10:15 น.
“บิ๊กอ๊อด” สั่งสอบทหารยิงถล่มรถกระบะชาวบ้านที่หนองจิก เผย 4 ศพไม่ใช่แนวร่วม ลั่นต้องให้ความเป็นธรรม
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าเหตุทหารพรานยิงถล่มรถกระบะจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ และบาดเจ็บ 5 ราย ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ตนกำลังให้เจ้าหน้าที่ทั้งแม่ทัพภาคที่ 4 รวมทั้งทางจังหวัด ได้ตรวจสอบทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายว่าการดำเนินการของทหารพรานเป็นไปตามกฎการใช้กำลังหรือไม่ เพราะแม้ทหารมีกฎระเบียบการใช้กำลังต่อเป้าหมายอยู่ แต่เราก็ต้องตรวจสอบสถานการณ์เฉพาะหน้าในวันนั้นๆ ด้วย เพราะการติดตามเป้าหมายก็ต้องระวังตัวด้วย ไม่ใช่ทะเล่อเข้าไปแบบหน้าสิ่วหน้าขวานจนเขาต้องกลายเป็นศพ ส่งผลให้ญาติพี่น้องเขาต้องเสียใจ
“เมื่อมีการร้องเรียนมาแบบนี้ก็ต้องให้ความยุติธรรม กับทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชนด้วย ไม่ใช่เข้าข้างทหารอย่างเดียว เพื่อไม่ให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลุกลามไป เพราะในพื้นที่มีชาวไทยพุทธอยู่ด้วย จึงเกรงว่าจะลุกลามไปมากกว่านั้น ผมจึงได้สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อดูว่าใครผิดใครถูก ถ้าทางราชการผิด เราก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง แต่ถ้าหากเรามีส่วนถูกด้วย เราก็จะต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งวันนี้คงจะได้ข้อคิดในทางที่ถูกต้องมาก เพราะเราไม่เชื่อว่าเราจะกระทำถูกมาก เพราะหลังจากที่เราได้ตรวจสอบทั้ง 4 ศพแล้ว ก็ไม่ใช่เป็นแนวร่วม ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อน ถ้าหากเราตรวจสอบแล้วว่าทางเจ้าหน้าที่เราผิด เราก็ต้องยอมรับผิด ยอมชดใช้ ยอมทุกอย่าง และต้องยอมขอโทษด้วย คาดว่าคงใช้ตรวจสอบไม่นาน เพราะพิสูจน์ว่าใครถูกใครผิด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ทั้ง 4 ศพที่เสียชีวิต ไม่ใช่แนวร่วมทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า เป็นไปอย่างที่โฆษกกองทัพภาคที่ 4 ได้ชี้แจงไปว่าใน 9 คนที่อยู่ในรถกระบะ ซึ่งทางทหารเห็นว่ามี 1 คนกระโดดขึ้นรถกระบะไป ดังนั้นบุลคลผู้นั้นอาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ทั้ง 8 ใช้เป็นฉากกำบังในการป้องกันตัวก็ได้ ขณะนี้กำลังสอบสวนอยู่ ต้องรอฟังรายละเอียดอีกครั้ง
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าทหารเห็นว่ามีคนในรถกระบะยิงถล่มฐานทหารพรานใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เขาว่าสงสัยและได้ติดตามอยู่ เพราะเห็นว่ามีรถกระบะ 1 คัน และรถมอเตอร์ไซด์ ที่ใช้เครื่องยิง 40 มิลลิเมตรเข้าไปในฐานจำนวน 3 นัด เพราะฉะนั้นทหารก็ต้องติดตาม โดยเขารายงานว่า 1 คนที่อยู่ในมอเตอร์ไซด์ได้วิ่งขึ้นรถกระบะ จึงได้ติดตามรถกระบะไป ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่าผู้ต้องสงสัยที่หนีไปมีใครบ้าง กำลังตรวจสอบกันอยู่ ส่วนอาวุธที่พบในรถกระบะนั้น พบว่าเป็นปืนเอชเคกับปืนพก ซึ่งชาวบ้านบอกว่าอาจจะเป็นปืนที่ทหารเอามาทิ้งไว้ในรถก็ได้ แต่ทหารบอกว่าไม่ได้ทิ้งปืนอาก้าเข้าไปในรถคันนั้น ส่วนที่ชาวบ้านอ้างว่าพกปืนไว้เพื่อป้องกันตัวนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ปืนอาก้าแบบนี้คงไม่ได้มีไว้สำหรับป้องกันตัว ถ้าปืนพกก็ใช่.
แล้วเรื่องนี้ไปถึงไหน นายกต้องรับผิดชอบหรือเปล่า จะโดนฟ้องว่า ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา59 83 84 และ288 หรือไม่
สองคดีนี้ไม่ต่างกันเลย สาเหตุที่ไฟใต้ยังลุกโชน ไม่ใช่เพราะนายกสั่งฆ่าคนใต้หรือ
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
#38
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:21
เอาฆาตรกรเข้าคุกให้ได้นะ
Edited by สิงห์สนามซ้อม, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:32.
" ประกาศบอยคอต ช่อง 3 ไม่ว่าจะข่าว ละคร หรือการ์ตูนลูก กรูไม่ดู !!! "
#39
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:26
- DarkSwan and สิงห์สนามซ้อม like this
---------------------------------------
#40
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:39
#41
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:41
#44
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:10
อ้อ...อย่าลืมนะค่ะว่า...จุดที่โดนยิงนั้นเป็นเขตที่มีการติดป้ายเตือนแล้วว่า
"เป็นเขตใช้กระสุนจริง" ภายใต้ พรบ ที่ประกาศใช้อย่างถูกต้อง แต่ก็ยังฝ่าฝืน
บุกรุกเข้าไป และ มีเพียง 2 ใน 91 เท่านั้นที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นกระสนุขนาด
เดียวกับที่เจ้าหน้าที่ใช้...ส่วนที่เหลือ.......
มีแววค่ะ...งานนี้มีคนหลุดจากตำแหน่ง และ อาจจะพ่วงด้วยข้อหาใช้อำนาจในทางที่ผิด...
รีบ ๆ เข้าหน่อยน่ะค่ะ..เดี๋ยวจะไม่ทัน.....สภาจะหมดอายุเสียก่อน
#45
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:14
โพสโดย webmaster เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2555 15:50
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่DSI ออกหมายเรียกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผลในกรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกองว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิดเพื่อคุกคามฝ่ายตรงข้าม และตนรู้สึกไม่แปลกใจที่DSIนั้น ต้องรีบเร่งกระทำการเรื่องดังกล่าว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง และพยายามที่จะทำเรื่องนี้ในช่วงที่ปิดสมัยประชุมสภา เพื่อที่จะให้ทั้ง 2 ท่านไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
นายชวนนท์กล่าวว่าตนขอเตือนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยเฉพาะนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ว่าในเรื่องนี้สังคมเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าการกระทำดังกล่าวมีความจงใจที่จะตั้งข้อหาให้ได้ ทั้งในแง่การสืบสวนสอบสวนที่มีการตั้งธงจะเอาผิดผู้ออกคำสั่งในนาม ศอฉ.รวมทั้งการไต่สวนของศาลนั้นก็เป็นการไต่สวนมูลเหตุเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่มีผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวหาที่จะไปแก้ต่างให้กับตนเองได้ รวมทั้งคำสั่งของศาลว่าการเสียชีวิตของนายพัน คำกองนั้น เกิดจากฝีมือของเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่คนไหน หรือหากจะอ้างว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ ศอฉ.ตนก็ยืนยันว่าไม่มีคำสั่งของ ศอฉ.ฉบับไหนที่สั่งให้ทหารไปใช้ความรุนแรงกับประชาชนหรือสั่งให้ทหารไปฆ่าประชาชน เพราะมีแต่เพียงคำสั่งที่ให้ทหารออกไปรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จากกลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือชายชุดดำ ดังนั้นจึงเป็นการตีเจตนาว่าเป็นการเล็งเห็นผลนั้นไม่ได้
ส่วนการที่จะเอาคำสั่งของศาลมาตีความว่าทั้ง 2 ท่านเป็นผู้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หรือเล็งเห็นผลนั้นยิ่งเป็นการตีความที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย หรือขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายแทบทั้งสิ้น เพราะคดีที่ศาลมีคำสั่งนั้นเป็นเพียงการไต่สวนว่าผู้ตายเป็นใคร ตายเมื่อไหร่ ตายอย่างไร ตายที่ไหน แต่ไม่มีในคำสั่งศาลเลยที่ชี้ว่า คุณอภิสิทธิ์ หรือคุณสุเทพ เป็นคนสั่งหรือเกี่ยวข้อง ดังนั้นเรื่องดังกล่าวจึงเป็นความพยายามที่จะนำกระบวนการยุติธรรมมาบิดเบือนเพื่อเอาผิดกับบุคคลทั้ง2 หวังเพียงเพื่อกดดันฝั่งของพรรคฝ่ายค้านให้ยอมรับกระบวนการปรองดองและการนิรโทษกรรม
อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่า บุคคลทั้ง 2พร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ถอยหนีไปไหน และพร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ว่าไม่เคยมีการใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขตหรือสั่งให้ทหารทำร้ายประชาชน ดังนั้นเรื่องนี้ผู้ที่ออกคำสั่งหรือตั้งข้อหาโดยมิชอบจะต้องรับผิดชอบและขอเตือนข้าราชการที่ทำงานรับใช้นักการเมืองจนออกนอกหน้าจนทำให้กระบวนการของบ้านเมืองนั้นเสียหายไปเพียงเพื่อต้องการความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานว่าสุดท้ายแล้วคนเหล่านี้ก็จะหนีไม่พ้นความรับผิดชอบเพราะสุดท้ายความถูกต้องและความจริงก็จะถูกเปิดเผยซึ่งเป็นสิ่งที่พวกคุณไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้
Tags:
- unook likes this
ดอกไม้งามมีหนามแหลม ใช่บานแย้มให้คนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน...
#46
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:16
รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ
เอียนวะ เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง
#47
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:18
หนูน้อยอาเลย์นา น่ารักจุงเบย
#48
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:20
Edited by Charlie, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:21.
คนดีจริงไม่โกงที่วัด ไม่ยุแยงให้คนแตกแยก ไม่หลอกคนอื่นให้มารับเคราะห์ตายแทน
#49
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:24
Edited by kwun, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:24.
#50
ตอบ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:25
มันจะอยากปรองดองอะไรกันนักหนา ทั้งสุเทพ และ อภิสิทธิ เค้าก็ไม่ได้หนีไปไหนพร้อมสู้ทุกข้อกล่าวหา มีแต่ไอทักษิณไม่ยอมรับการตรวจสอบใดๆ พอถูกจับได้ว่าโกงก็หนี ตกลงเราทะเลาะกันเพราะไอคนหน้าด้านไม่ยอมรับความจริงเมื่อถูกจับได้ว่าโกงชาติรึนี้
สงสัยทักษิณจะเอาคดีนี้มาบีบ มาต่อรองกับอภิสิทธิ์ ให้ยอมรับกฏหมายปรองดองที่หยวนๆกันทุกฝ่าย เพื่อเขาจะได้พ้นผิด หลุดคดีทั้งหมด
Edited by ดอกปีบขาว, 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:26.
ดอกไม้งามมีหนามแหลม ใช่บานแย้มให้คนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน...
ผู้ใช้ 3 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 3 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน