Jump to content


Photo
* * * * - 1 votes

คำสั่งปลด "อภิสิทธิ์"ออกราชการทหารมีผลแล้ว


  • Please log in to reply
747 ความเห็นในกระทู้นี้

#301 Tam-mic-ra.

Tam-mic-ra.

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,948 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 09:23

ตรรกปันยาอ่อนจริงๆ ไปอ้างว่านักข่าวเขาเห็น แล้วก็มั่วต่อกับตัวเอง ว่ามีเอกสารจริง หน้าด้านโค่ดๆ

 

 

ดูมัน...พอไม่เห็นมันสรุปเสร็จบอกว่าไม่มี...

 

แต่พอนักข่าวเค้าเห็นแล้วเอามาลงข่าว..มันเสือกไม่เชื่อ

 

มันจะหน้าดื้อด้านไปถึงไหนว๊ะเนี่ย.

 

เอ็งนี่มันโง่เกินเยียวยาไปแล้ว...

 

 

:lol: 

 

 

== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==

สรุปว่า  เอกสาร สด.41   มันมีนักข่าวเห็นอยู่คนเดียว  ??????

 

กรรมการสอบ หรือหน่วยงานอื่นๆ หรือแม้แต่ตัว รศ.มาร์คเอง  ก็ไม่เห็น-ไม่เคยนำมาแสดงให้ใครๆดู ตลอด25ปีที่ผ่านมา

 

ตรรกตลกๆทุเรศสิ้นดี      โง่เง่าไม่พอ หน้าด้านแถกแก เถียงได้ตลอด ป่วนไปวันๆ


Edited by sweet chin music, 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:03.
ห้ามวิจารณ์สมาชิกในทางเสียหาย

"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ" :unsure:

 

นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง!  รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง :lol:      http://webboard.seri...แค/#entry842224   ;      http://webboard.seri...-25#entry408954


#302 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 10:58

http://webboard.seri...กเสื้อแด/page-3

 

 


Edited by Stargate-1, 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 11:10.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#303 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 11:19

ตรรกปันยาอ่อนจริงๆ ไปอ้างว่านักข่าวเขาเห็น แล้วก็มั่วต่อกับตัวเอง ว่ามีเอกสารจริง หน้าด้านโค่ดๆ

 

 

ดูมัน...พอไม่เห็นมันสรุปเสร็จบอกว่าไม่มี...

 

แต่พอนักข่าวเค้าเห็นแล้วเอามาลงข่าว..มันเสือกไม่เชื่อ

 

มันจะหน้าดื้อด้านไปถึงไหนว๊ะเนี่ย.

 

เอ็งนี่มันโง่เกินเยียวยาไปแล้ว...

 

 

:lol: 

 

 

ไอ้กาสรอภิมหาควาย

สรุปว่า  เอกสาร สด.41   มันมีนักข่าวเห็นอยู่คนเดียว  ??????

 

กรรมการสอบ หรือหน่วยงานอื่นๆ หรือแม้แต่ตัว รศ.มาร์คเอง  ก็ไม่เห็น-ไม่เคยนำมาแสดงให้ใครๆดู ตลอด25ปีที่ผ่านมา

 

ตรรกตลกๆทุเรศสิ้นดี      โง่เง่าไม่พอ หน้าด้านแถกแก เถียงได้ตลอด ป่วนไปวันๆ

 

 

โถ ๆ ๆ ๆ *** เมิงจะเอานักข่าวกี่สำนัก เด๋วจะเอามาลง


ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#304 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 11:30

เอาง่าย ๆ นะ แต๋ม ถ้ามาร์ค ไม่มี สด 41 จริง แต่ทำไมมาร์ค มีเลขทีหนังสือผ่อนผัน ชัดเจนละ

 

แถมมีสด 20 เลขที่หนังสือชัดเจน 

 

สด.41 เลขที่ 4892/29

 

ทำไมมาร์คถึงมีเลขที่หนังสือได้ 

 

เอาแค่นีีก่อน


ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#305 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 12:47

และคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 295/55 ลงวันที่ 2 ก.ค.2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง (เพิ่มเติม)
โดยกรมเสมียนตรามีหนังสือสอบถามโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ขอให้ตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนผันหรือได้รับการยกเว้นการเรียก เข้ารับราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์มีอยู่จริงหรือถูกต้องประการใด
ซึ่งโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าส่งเอกสารสำคัญพร้อมกับรับรองสำเนาถูกต้อง คือ ใบสมัคร สัญญาค้ำประกัน สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัครและบิดามารดา สำเนาแสดงผลการเรียน พร้อมคำแปล และผลการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคล (รปภ.1)

แต่ไม่พบเอกสารหลักฐานใบสำคัญทางทหารฉบับจริง(ไม่พบก็เรื่องของ รร.จปร.ไม่เกี่ยวกับอภิสิทธิ์ เข้ารับการฝึกแล้ว เหนื่อยนะเนี่ย)
 

ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว ไม่พบข้อสังเกตเพิ่มเติมจากที่ตรวจพบก่อนหน้าโดยจเรทหารบก
ในการปฏิบัติเมื่อส่วนราชการต้นสังกัดที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องชั้นต้น และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของพ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 รมว.กลาโหมผู้มีอำนาจในการบรรจุย่อมสามารถออกคำสั่งให้บรรจุบุคคลเข้ารับราชการได้ตามที่ส่วนราชการต้นสังกัดรายงานขอบรรจุ

 

สำหรับการตรวจสอบเอกสารที่ถูกต้องสำหรับการผ่อนผัน หรือได้รับการยกเว้นการเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์ คงมีรายละเอียดเช่นเดียวกับข้อ 1.1 และ 1.2

 

ก็ในเมื่อผู้มีอำนาจเต็ม ออกคำสั่งมาแล้ว

เข้าใจคำว่า อำนาจ มั๊ย

 

เคยคุยกับผู้ที่คร่ำหวอดในการทำคดีมาอย่างโชกโชนเกือบ 30ปี

ท่านบอกว่าทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นวุ่นวายทุกวันนี้มันขึ้นอยู่ที่คำว่า"อำนาจ"คำเดียวจริงๆ

แค่ให้ตรวจสอบให้ดีว่า"อำนาจ"อยู่ที่ตรงไหนก็จบ

 

ยกตัวอย่างง่ายๆ คดีจราจรทั่วไป ตำรวจเขียนใบสั่งแล้วยึดใบขับขี่เราไป เพราะเขามี"อำนาจ"

แต่"อำนาจ"นั้นมีแค่ 1ปี ครบ 1ปีเมื่อไหร่ เราเดินขึ้นโรงพักไปขอใบขับขี่คืนได้เลย เพราะอายุความแค่ 1ปี

 

เรื่องอภิสิทธิ์ก็เหมือนกัน สมมุติว่าถ้าผิดจริงคดีมันหมดอายุความไปตั้งนานแล้ว ก็ไม่รู้จะฝืนฝอยหาตะเข็บกันทำไม


Edited by คนกรุงธน, 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 12:56.

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#306 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:08

ยกตัวอย่างเรื่อง"อำนาจ"ให้อ่านซักเรื่อง

http://www.manager.c...D=9510000132145

“เปลว สีเงิน” ถลกหนังแฉกำพืด “ทักษิณ ชินวัตร” อย่างเจ็บแสบ ชี้เสแสร้งอ้างตัวเป็น “นักต่อต้านรัฐประหาร” จอมปลอม ทั้งที่เป็นแค่ “นักฉวยโอกาสประชาธิปไตย” เพื่อหาเรื่องปลุกระดมตั้งกองกำลัง “เสื้อแดง” พิทักษ์ตัวเอง ขณะที่เบื้องหลังเคยกราบกราน “เป็นเห็นเกาะไข่รัฐประหาร รสช.” จนได้สัมปทานดาวเทียมไทยคม ทำมาหากินจนเป็นเศรษฐีแสนล้านจนทุกวันนี้
       
       วันนี้ (7 พ.ย.) ในคอลัมน์ “คนปลายซอย” หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันศุกร์ที่ 7 พ.ย.โดย “เปลว สีเงิน” ได้กระชากหน้ากากถลกกำพืด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เสแสร้งอ้างตัวเป็นนักต่อต้านเกลียดชังรัฐประหารนั้น แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นแค่นักฉวยโอกาสประชาธิปไตย เพราะตลอดเวลาที่สร้างตัวจนเป็นเศรษฐีแสนล้านมาจนทุกวันนี้ ล้วนมาจากการกราบกราน “หิ้วรองเท้า-เกาไข่” ให้บิ๊ก รสช.ในอดีตทั้งสิ้น
       
       เปลว สีเงิน ย้อนอดีตเปิดโปงให้เห็นภาพอย่างเจ็บแสบว่า ในยุครัฐประหาร รสช.เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2534 ที่มี “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ เป็นหัวหน้าใหญ่ ก็มี พ.ต.ท.ทักษิณ คนนี้แหละที่ไปพินอบพิเทาเกาะแข้งเกาะขาวิ่งขอสัมปทานดาวเทียมไทยคม พร้อมกับเปรียบเทียบให้เห็นว่า “งาช้างย่อมไม่งอกจากปากสุนัข” และชี้ให้เห็นว่าการที่บรรดาข้าทาสบริวารอย่าง นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยกเอาเรื่องต่อต้านรัฐประหารมาอ้างก็แค่ต้องการสร้าง “กองกำลังทักษิณ” ให้แนบเนียนเท่านั้น
       
       คอลัมน์นิสต์ผู้นี้ยังตั้งคำถามและยกคำสนทนาของบางคนที่เอ่ยกับ พล.อ.สุนทร ในวันที่ส่งดาวเทียมไทยคมขึ้นสู่อวกาศที่เฟรนช์เกียนา เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2536 ที่กล่าวว่า “ถ้าไม่มีพี่ชายผมคนนี้ ก็ไม่มีวันนี้”
       
       เปลว สีเงิน ยังสื่อไปถึงบรรดาข้าทาสบริวารของทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น วีระ-จาตุรนต์-จตุพร-ณัฐวุฒิ เพื่อให้จดจำและรู้ธาตุแท้ของทักษิณว่า แท้ที่จริงแล้วการยกเรื่องต้านรัฐประหารขึ้นมาเพื่อหลอกลวง-ปลุกระดมคนเสื้อ แดงเท่านั้น เพราะเจ้านายทักษิณมันแค่นักฉวยโอกาสประชาธิปไตย หลังฉากที่แท้จริง ฝังรากอยู่กับระบบรัฐประหาร คลานกราบยก “บิ๊กจ๊อด” เป็นพี่ชาย ไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องมาแต่ชาติปางไหน ทราบแต่ว่า...
       
       “โครงการดาวเทียมสื่อสาร เริ่มมาตั้งแต่ปี 2526 และเริ่มดำเนินการในปี 2528 โดยมีบริษัทเอกชนเสนอตัวมาหลายราย แต่ไม่สามารถทำข้อตกลงให้เป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย กระทั่งปี 2533 จึงมีการประกาศเชิญชวนอีกครั้ง ผลปรากฎว่าบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ได้ชัยชนะเหนือคู่แข่ โดยมีการลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2534 ในยุคที่ รสช.เรืองอำนา หลังก่อรัฐประหาร 7 เดือน”
       
       เปลว สีเงิน ยังถลกหนังต่อไปอีกว่า ถ้ายังไม่เชื่อว่าทักษิณเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้เพราะเป็น “เห็บเกาะไข่ระบบรัฐประหาร” ไอ้พวกบริวารที่เห่า “ต่อต้านรัฐประหาร” แทนนาย ก็ลองไปถาม เสธ.อ้วน “พลเอกสัมพันธ์ บุญญานันต์” อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ในรัฐบาลทักษิณปี 2547 ดูก็ได้
       
       เพราะเสธ.อ้วน คือนายทหารผู้เป็น “เงาบิ๊กจ๊อด” ในยุคนั้น ก่อนจะตายบิ๊กจ๊อดยังให้เป็นผู้จัดการมรดกร่วมในนามของน้องยุ้ย “อัมพาพันธ์ ธเนศเดชสุนทร” ผู้สานตำนานรักชายเสื้อคับจนโลกร้อนฉ่า
       
       ทักษิณจะดีก็ตรงนี้แหละ ใครเคยช่วยเขา ถึงคราวเขาก็ช่วยตอบ พลเอกสัมพันธ์ช่วยให้ “พ่อค้าทักษิณ” เข้าถึงตัวประธาน รสช.จ๊อด จนได้นับญาติเป็นพี่-เป็นน้องท้องไม่ติดกัน โดยมีสัมปทานดาวเทียมเป็นสักขีพยาน
       
       ต่อมา-ทักษิณไม่ลืมคุณ ยังยกเก้าอี้รัฐมนตรีสมนาคุณให้กับ เสธ.อ้วน!
       
       เปลว สีเงิน ยังได้ยกตัวอย่างข้อความในเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ที่ แนบแน่นระหว่าง “หัวหน้ารัฐประหารจ๊อด” กับ “พ่อค้าทักษิณ” เสียดายที่เขาไม่ระบุชื่อว่าใครเขียนไว้ แต่สรุป “ประวัติศาสตร์สันถวะ” ระหว่าง 2 คนนี้ไว้ดีมาก และนำ “ส่วนหนึ่ง” มาขยายต่อ ดังนี้
       
       ...ในยุคของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัน เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณต้องการได้สัมปทานธุรกิจทางด้านการสื่อสาร พ.ต.ท.ทักษิณจึงไปนั่งเฝ้า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในขณะนั้น
       
       ด้วยความที่รักเพื่อน...
       
       ร.ต.อ.เฉลิมก็วิ่งเต้นเอาสัมปทานให้โดยไม่มีการประมูล แต่ภายหลัง ทั้งสองเกิดความขัดแย้งในเรื่องสัมปทานขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิมไปให้สัมปทานกับคู่แข่ง
       
       แต่ระหว่างที่จะกำลังดำเนินการให้สัมปทานนั้น จปร.รุ่น 5 ออกมาขู่ เป็นเหตุให้พลเอกชาติชายถึงกับต้องเรียกนายมนตรี พงษ์พานิช มาหารือ เพื่อเปิดสัมปทานโทรศัพท์ขั้นพื้นฐานให้กับพลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี ที่มีความสนิทสนมกับ ซี.พี. เนื่องจากต้องการลดความขัดแย้งกับ จปร.รุ่น ๕
       
       แต่เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่พัฒนาต่อมาคือ การที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้ไปปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง ร.ต.อ.เฉลิมได้ออกมาตอบโต้ จนผลสุดท้าย พลเอกชวลิตได้ลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง ทำให้เกิดช่องว่างทางการเมืองขึ้น
       
       พลเอกชาติชาย ได้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย และต่อมาได้เชิญหัวหน้าพรรคปวงชนชาวไทย “พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก” มาดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
       
       ความสัมพันธ์ระหว่างนายทหารแห่งกองทัพบก จปร.รุ่น ๕ และรัฐบาลตึงเครียดขึ้นทันที การพบปะรับประทานอาหารเช้าในวันพุธเป็นประจำระหว่างนายทหารและนายกรัฐมนตรี เริ่มขาดตอน สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดยิ่งขึ้น
       
       ฟางเส้นสุดท้ายบนหลังอูฐ คือ การที่พลเอกชาติชาย ตัดสินใจแต่งตั้งพลเอกอาทิตย์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกลาโหม โดยอ้างว่าเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของตน
       
       ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 พลเอกชาติชาย และพลเอกอาทิตย์ มีกำหนดการเดินทางด้วยเครื่องบินเพื่อไปเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เชียงใหม่
       
       แต่ก็กลายเป็นกับดักตกอับที่สนามบินกองทัพอากาศ โดยเป็นการปฏิวัติของคณะปฏิวัติที่เรียกตนเองว่า “คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)” โดยมี พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะ รสช. พลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารบก เป็นรองหัวหน้าคณะ
       
       พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ร.อ.ประพัฒน์ กฤษณจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นรองหัวหน้าคณะ และมีพลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นเลขานุการ
       
       ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็วิ่งไปเกาะพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ โดยมีหน้าห้องที่ชื่อ “พลเอกสัมพันธ์ บุญญานันต์” ที่มาได้ดีในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ
       
       ทักษิณกลายเป็นผู้ผูกตัวเองเกาะไว้กับ “เผด็จการทหาร รสช.” ถึงได้เติบใหญ่ ร่ำรวยมาถึงทุกวันนี้.
       
       ครับ..ย้อนไปถึง รสช.ก็ครึ้มดีเหมือนกัน เพราะช่วงนั้นผมเป็น “หัวหน้าข่าว” หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งอยู่ และเรื่องโทรศัพท์พื้นฐาน 3 ล้านเลขหมายนั้น เบื้องหลังการ “แอบ” เปิดซองดูราคาคู่แข่ง
       
       คอลัมน์ “คนปลายซอย” เปลว สีเงิน ได้ตบท้ายอย่างเจ็บแสบอีกว่า สาเหตุที่หยิบเรื่องเก่าขึ้นมาระลึกชาติ ก็ต้องการชี้ให้เห็นว่า โดยเนื้อแท้แล้ว ทักษิณไม่ใช่เป็นคนเทิดทูนประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการรัฐประหาร อย่างที่ตัวเองและสมุนยกเป็นทองปิดหน้าผาก เพื่อหลอกผู้คนให้เข้าใจผิดสวมเสื้อแดงมาเป็นกองกำลัง หนุนหลังให้แล้วก็เบ่งกล้ามในสนามราชมังคลาฯ ไปถึงสถาบันเบื้องสูง ก็ให้ “รู้ทัน” สันดานทักษิณกันเอาไว้..เน้อ.


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#307 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:12

25242207f.jpg

 

พอจำลอง โค่นรสช.ลงได้ ไอ้แม้วก็มาเกาะจำลอง เห็นมั๊ยเพื่อ"อำนาจ"ล้วนๆ

เฮ้ออออ...พาออกทะเลซะแล้ว หุหุ


Edited by คนกรุงธน, 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:15.

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#308 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:36

นังแต๋มมันไม่ได้โง่อย่างเดียว...แต่เข้าขั้นบ้าแล้ว

 

เอาอะไรมาให้ดู ใครบอกอะไรก็ไม่เชื่อ

 

ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ยกเว้นกลิ่นน้ำลายไอ้กำกวมอย่างเดียว

 

ปรกติแอ๊ค วางมาดทรงภูมิปัญญาจังเลย..

 

เมื่อคืนโดนจี้ต่อมฮอร์โมนกระบือเข้าไป ถึงกะออกอาการแต๋มแตก

 

เป็นหมอนวดโดนเบี้ยวค่าตัวเลยเชียว...โชว์โง่ได้เป็นหน้า ๆ ..

 

ข่าวก็อ่านไม่เป็นแล้ว อันไหนเป็นบทสัมภาษณ์ศิริโชค อันไหนมันรายงานข่าวของนักข่าว

 

ยังดูไม่เป็น..

 

:lol: 


Edited by 55555, 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:52.


#309 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 14:09

นังแต๋มมันไม่ได้โง่อย่างเดียว...แต่เข้าขั้นบ้าแล้ว

 

เอาอะไรมาให้ดู ใครบอกอะไรก็ไม่เชื่อ

 

ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ยกเว้นกลิ่นน้ำลายไอ้กำกวมอย่างเดียว

 

ปรกติแอ๊ค วางมาดทรงภูมิปัญญาจังเลย..

 

เมื่อคืนโดนจี้ต่อมฮอร์โมนกระบือเข้าไป ถึงกะออกอาการแต๋มแตก

 

เป็นหมอนวดโดนเบี้ยวค่าตัวเลยเชียว...

 

:lol: 

เหนื่อใจครับกับกลุ่มคนที่จะเล่นงานมาร์ค...

ถ้าเค้ามีเหตุผลคิดถึงสถานะและสิ่งแวดล้อมเมื่อ 25ปีที่แล้ว...มันมีโอกาสผิดพลาดเรื่องประสานงานด้านเอกสารได้

 

ผมมีเพื่อนคนหนึ่งโดนรถชนตาย วันเกณฑ์ทหารก็เห็นเรียกชื่อมันอยู่หลายปี คนตายไปแล้วแต่มรณะบัตรไม่ถึงหน่วยสัสดีทั้งๆที่อยู่ในเขตเดียวกัน

ที่รู้เพราะว่าเราไปเชียร์รุ่นพี่ รุ่นน้อง ถึงได้ยินเรื่องแบบนี้ สมัยก่อนเวลาถึงวันเกณฑ์ก็จะพากันไปเยอะเพื่อลุ้นให้กำลังใจกัน

 

พอมันผ่านเลยมาถึง 25ปี จะไปหาเอกสารให้ครบถ้วนทุกชิ้นมันจะเป็นไปได้ยังไง เพราะทุกหน่วยงานก็มีกรอบเวลาในการทำลายเอกสารทิ้งทั้งนั้น

เมื่อหาไม่ได้ก็จ้องอยู่แต่ตรงจุดนี้ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วถ้าไม่ใช่คนแกล้งโง่

 

ลองเหตุการณ์แบบนี้ไปเกิดอยู่กับพวกมันสิ อย่างไอ้แม้ว ไอ้หมัก ก็ทั้งๆที่ศาลตัดสินไปแล้ว มันก็ยังหน้าด้านมาแก้ต่างอยู่ได้

 

และก็อีกอย่าง ในสมัยนั้นใครไม่อยากเป็นทหาร ไม่ยากเลยขอให้มีเงิน ซึ่งคุณพ่อของมาร์คสามารถทำได้สบาย ใช้เงินประมาณสองถึงสามหมื่นบาท ผลการตรวจก็จะออกมาว่า เตี้ยไปบ้าง หน้าอกไม่ถึงบ้าง อ้วนไปบ้าง สายตาสั้นไปบ้าง

เยอะแยะไป คนมีเงินสมัยนั้นไม่มีลูกใครเป็นทหารเกณฑ์หรอก


Edited by คนกรุงธน, 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 14:15.

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#310 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 14:21

นังแต๋มมันไม่ได้โง่อย่างเดียว...แต่เข้าขั้นบ้าแล้ว

 

เอาอะไรมาให้ดู ใครบอกอะไรก็ไม่เชื่อ

 

ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ยกเว้นกลิ่นน้ำลายไอ้กำกวมอย่างเดียว

 

ปรกติแอ๊ค วางมาดทรงภูมิปัญญาจังเลย..

 

เมื่อคืนโดนจี้ต่อมฮอร์โมนกระบือเข้าไป ถึงกะออกอาการแต๋มแตก

 

เป็นหมอนวดโดนเบี้ยวค่าตัวเลยเชียว...

 

:lol: 

เหนื่อใจครับกับกลุ่มคนที่จะเล่นงานมาร์ค...

ถ้าเค้ามีเหตุผลคิดถึงสถานะและสิ่งแวดล้อมเมื่อ 25ปีที่แล้ว...มันมีโอกาสผิดพลาดเรื่องประสานงานด้านเอกสารได้

 

ผมมีเพื่อนคนหนึ่งโดนรถชนตาย วันเกณฑ์ทหารก็เห็นเรียกชื่อมันอยู่หลายปี คนตายไปแล้วแต่มรณะบัตรไม่ถึงหน่วยสัสดีทั้งๆที่อยู่ในเขตเดียวกัน

ที่รู้เพราะว่าเราไปเชียร์รุ่นพี่ รุ่นน้อง ถึงได้ยินเรื่องแบบนี้ สมัยก่อนเวลาถึงวันเกณฑ์ก็จะพากันไปเยอะเพื่อลุ้นให้กำลังใจกัน

 

พอมันผ่านเลยมาถึง 25ปี จะไปหาเอกสารให้ครบถ้วนทุกชิ้นมันจะเป็นไปได้ยังไง เพราะทุกหน่วยงานก็มีกรอบเวลาในการทำลายเอกสารทิ้งทั้งนั้น

เมื่อหาไม่ได้ก็จ้องอยู่แต่ตรงจุดนี้ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วถ้าไม่ใช่คนแกล้งโง่

 

ลองเหตุการณ์แบบนี้ไปเกิดอยู่กับพวกมันสิ อย่างไอ้แม้ว ไอ้หมัก ก็ทั้งๆที่ศาลตัดสินไปแล้ว มันก็ยังหน้าด้านมาแก้ต่างอยู่ได้

 

 

ในช่วงปี 29 หรือ 30  มันไม่ใช่ยุคไอที ในแบบปัจจุบัน

 

การทำลายเอกสารหลังจากผ่านไปแล้ว 10 ปี เป็นเรื่องปรกติในระบบราชการ

 

เพราะมันไม่มีที่จัดเก็บเพียงพอ....หรือแม้กระทั้งเอกสารที่ยังไม่ถูกทำลายจะค้นหาก็ยังยาก

 

ต่างจากปัจจุบัน...เอกสาร เป็นล้านชุด เค้าก็แค่เก็บไว้ในระบบ ซึ่งใช้พื้นที่ไม่ตารางเมตร

 

ไอ้พวกบิดเบือนมันก็รู้ทั้งนั้นแหละครับ ...แต่มันก็แกล้งไม่รู้ไปงั้น...เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดอะไรมาก

 

มีคนมาให้ตบกบาลเล่น ๆ ก็ตบเล่น สนุก ๆ ไป คลายเครียดดีออก..ผมไม่ใช่พวกที่จะคุยดี ๆ กับพวกแกล้งโง่

 

ถ้าไม่รู้จริง ๆ ก็คุยกัน อธิบายกันดี ๆ ก็ได้....แต่พวกแกล้งโง่นี่ มันรู้อยู่แล้ว...ก็อธิบายไปตบไปสิครับ จะได้ไม่เครียด

 

:D 


Edited by 55555, 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 14:53.


#311 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 17:42

นังแต๋มมันไม่ได้โง่อย่างเดียว...แต่เข้าขั้นบ้าแล้ว

 

เอาอะไรมาให้ดู ใครบอกอะไรก็ไม่เชื่อ

 

ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ยกเว้นกลิ่นน้ำลายไอ้กำกวมอย่างเดียว

 

ปรกติแอ๊ค วางมาดทรงภูมิปัญญาจังเลย..

 

เมื่อคืนโดนจี้ต่อมฮอร์โมนกระบือเข้าไป ถึงกะออกอาการแต๋มแตก

 

เป็นหมอนวดโดนเบี้ยวค่าตัวเลยเชียว...

 

:lol: 

เหนื่อใจครับกับกลุ่มคนที่จะเล่นงานมาร์ค...

ถ้าเค้ามีเหตุผลคิดถึงสถานะและสิ่งแวดล้อมเมื่อ 25ปีที่แล้ว...มันมีโอกาสผิดพลาดเรื่องประสานงานด้านเอกสารได้

 

ผมมีเพื่อนคนหนึ่งโดนรถชนตาย วันเกณฑ์ทหารก็เห็นเรียกชื่อมันอยู่หลายปี คนตายไปแล้วแต่มรณะบัตรไม่ถึงหน่วยสัสดีทั้งๆที่อยู่ในเขตเดียวกัน

ที่รู้เพราะว่าเราไปเชียร์รุ่นพี่ รุ่นน้อง ถึงได้ยินเรื่องแบบนี้ สมัยก่อนเวลาถึงวันเกณฑ์ก็จะพากันไปเยอะเพื่อลุ้นให้กำลังใจกัน

 

พอมันผ่านเลยมาถึง 25ปี จะไปหาเอกสารให้ครบถ้วนทุกชิ้นมันจะเป็นไปได้ยังไง เพราะทุกหน่วยงานก็มีกรอบเวลาในการทำลายเอกสารทิ้งทั้งนั้น

เมื่อหาไม่ได้ก็จ้องอยู่แต่ตรงจุดนี้ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วถ้าไม่ใช่คนแกล้งโง่

 

ลองเหตุการณ์แบบนี้ไปเกิดอยู่กับพวกมันสิ อย่างไอ้แม้ว ไอ้หมัก ก็ทั้งๆที่ศาลตัดสินไปแล้ว มันก็ยังหน้าด้านมาแก้ต่างอยู่ได้

 

 

ในช่วงปี 29 หรือ 30  มันไม่ใช่ยุคไอที ในแบบปัจจุบัน

 

การทำลายเอกสารหลังจากผ่านไปแล้ว 10 ปี เป็นเรื่องปรกติในระบบราชการ

 

เพราะมันไม่มีที่จัดเก็บเพียงพอ....หรือแม้กระทั้งเอกสารที่ยังไม่ถูกทำลายจะค้นหาก็ยังยาก

 

ต่างจากปัจจุบัน...เอกสาร เป็นล้านชุด เค้าก็แค่เก็บไว้ในระบบ ซึ่งใช้พื้นที่ไม่ตารางเมตร

 

ไอ้พวกบิดเบือนมันก็รู้ทั้งนั้นแหละครับ ...แต่มันก็แกล้งไม่รู้ไปงั้น...เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดอะไรมาก

 

มีคนมาให้ตบกบาลเล่น ๆ ก็ตบเล่น สนุก ๆ ไป คลายเครียดดีออก..ผมไม่ใช่พวกที่จะคุยดี ๆ กับพวกแกล้งโง่

 

ถ้าไม่รู้จริง ๆ ก็คุยกัน อธิบายกันดี ๆ ก็ได้....แต่พวกแกล้งโง่นี่ มันรู้อยู่แล้ว...ก็อธิบายไปตบไปสิครับ จะได้ไม่เครียด

 

:D 

 

 

ผมก้อว่า อ่ะ 

 

ไม่รู้ครับ เหมือนยิ่งพูดกับแต๋ม ยิ่งทำให้รู้ว่า มันไม่ใช่แค่โง่ ละ มันบ้า เลยตากหาก


ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#312 DarkSwan

DarkSwan

    Reporter Activated

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,689 posts

ตอบ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 19:28

นังแต๋มมันไม่ได้โง่อย่างเดียว...แต่เข้าขั้นบ้าแล้ว

 

เอาอะไรมาให้ดู ใครบอกอะไรก็ไม่เชื่อ

 

ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ยกเว้นกลิ่นน้ำลายไอ้กำกวมอย่างเดียว

 

ปรกติแอ๊ค วางมาดทรงภูมิปัญญาจังเลย..

 

เมื่อคืนโดนจี้ต่อมฮอร์โมนกระบือเข้าไป ถึงกะออกอาการแต๋มแตก

 

เป็นหมอนวดโดนเบี้ยวค่าตัวเลยเชียว...

 

:lol: 

เหนื่อใจครับกับกลุ่มคนที่จะเล่นงานมาร์ค...

ถ้าเค้ามีเหตุผลคิดถึงสถานะและสิ่งแวดล้อมเมื่อ 25ปีที่แล้ว...มันมีโอกาสผิดพลาดเรื่องประสานงานด้านเอกสารได้

 

ผมมีเพื่อนคนหนึ่งโดนรถชนตาย วันเกณฑ์ทหารก็เห็นเรียกชื่อมันอยู่หลายปี คนตายไปแล้วแต่มรณะบัตรไม่ถึงหน่วยสัสดีทั้งๆที่อยู่ในเขตเดียวกัน

ที่รู้เพราะว่าเราไปเชียร์รุ่นพี่ รุ่นน้อง ถึงได้ยินเรื่องแบบนี้ สมัยก่อนเวลาถึงวันเกณฑ์ก็จะพากันไปเยอะเพื่อลุ้นให้กำลังใจกัน

 

พอมันผ่านเลยมาถึง 25ปี จะไปหาเอกสารให้ครบถ้วนทุกชิ้นมันจะเป็นไปได้ยังไง เพราะทุกหน่วยงานก็มีกรอบเวลาในการทำลายเอกสารทิ้งทั้งนั้น

เมื่อหาไม่ได้ก็จ้องอยู่แต่ตรงจุดนี้ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วถ้าไม่ใช่คนแกล้งโง่

 

ลองเหตุการณ์แบบนี้ไปเกิดอยู่กับพวกมันสิ อย่างไอ้แม้ว ไอ้หมัก ก็ทั้งๆที่ศาลตัดสินไปแล้ว มันก็ยังหน้าด้านมาแก้ต่างอยู่ได้

 

 

ในช่วงปี 29 หรือ 30  มันไม่ใช่ยุคไอที ในแบบปัจจุบัน

 

การทำลายเอกสารหลังจากผ่านไปแล้ว 10 ปี เป็นเรื่องปรกติในระบบราชการ

 

เพราะมันไม่มีที่จัดเก็บเพียงพอ....หรือแม้กระทั้งเอกสารที่ยังไม่ถูกทำลายจะค้นหาก็ยังยาก

 

ต่างจากปัจจุบัน...เอกสาร เป็นล้านชุด เค้าก็แค่เก็บไว้ในระบบ ซึ่งใช้พื้นที่ไม่ตารางเมตร

 

ไอ้พวกบิดเบือนมันก็รู้ทั้งนั้นแหละครับ ...แต่มันก็แกล้งไม่รู้ไปงั้น...เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดอะไรมาก

 

มีคนมาให้ตบกบาลเล่น ๆ ก็ตบเล่น สนุก ๆ ไป คลายเครียดดีออก..ผมไม่ใช่พวกที่จะคุยดี ๆ กับพวกแกล้งโง่

 

ถ้าไม่รู้จริง ๆ ก็คุยกัน อธิบายกันดี ๆ ก็ได้....แต่พวกแกล้งโง่นี่ มันรู้อยู่แล้ว...ก็อธิบายไปตบไปสิครับ จะได้ไม่เครียด

 

:D 

 

 

เอกสารสารบรรณทั่วไป เก็บ 2 ปี

เอกสารใบสำคัญ ภาษี การเงิน เก็บ 5 ปี

เอกสารสำคัญกว่านั้น เก็บ 7-10 ปี

หากเกินระยะเวลาแล้ว สามารถขออนุมัติทำลายได้ เพราะ

1. มันนานมากแล้ว หาไปก็เอามาทำอะไรไม่ได้

2. ไม่มีที่จะเก็บ จะกองไว้ให้ปลวกแดรกเป็นโกดังจำนำข้าวหรือไง? เอกสารใหม่มีทุกปี ไม่ทำลายทิ้งจะให้ไปกองไว้บนหัวใคร

 

และ 99.99 เปอร์ฯ ที่หัวหน้าหน่วยงานมันจะมาถามว่า

"นี่คุณดาร์คฯ เอกสารเก่า คุณทำเรื่องอนุมัติจำหน่าย/ทำลายทิ้งหรือยัง? หา? ยังเหรอ? เอ๊า? ก็ทำซักทีซิ จะเก็บไว้ทำไม จะท่วมหัวตายอยู่แล้ว

ขออนุมัติทำลายทิ้งซะ จะได้มีที่ว่างๆ เก็บอันใหม่ๆ ทำเรื่องมา ภายในสิ้นเดือนนี้นะ"

 

ไอ้ระบบสารบรรณอิเล็คทรอนิกส์เก็บข้อมูล เริ่มใช้ในระเบียบราชการจริงๆ ไม่ถึง 10 

แล้วระบบมีระเบียบว่าต้องแสกนเอกสารเก็บเข้ากับทะเบียนทุกครั้ง ก็เพิ่งไม่ถึง 5 ปีนี่เอง เผลอๆ 2 ปี หรือเปล่าก็ไ่ม่แน่ใจ

-  -


Edited by ดาร์ค สวอน, 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 19:30.

ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม

ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า

อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน


#313 pinkpanda

pinkpanda

    คุ้กกี้เกลียดควายแดงค่ะ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,600 posts

ตอบ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 01:50

นังแต๋มมันไม่ได้โง่อย่างเดียว...แต่เข้าขั้นบ้าแล้ว

 

เอาอะไรมาให้ดู ใครบอกอะไรก็ไม่เชื่อ

 

ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ยกเว้นกลิ่นน้ำลายไอ้กำกวมอย่างเดียว

 

ปรกติแอ๊ค วางมาดทรงภูมิปัญญาจังเลย..

 

เมื่อคืนโดนจี้ต่อมฮอร์โมนกระบือเข้าไป ถึงกะออกอาการแต๋มแตก

 

เป็นหมอนวดโดนเบี้ยวค่าตัวเลยเชียว...

 

:lol: 

เหนื่อใจครับกับกลุ่มคนที่จะเล่นงานมาร์ค...

ถ้าเค้ามีเหตุผลคิดถึงสถานะและสิ่งแวดล้อมเมื่อ 25ปีที่แล้ว...มันมีโอกาสผิดพลาดเรื่องประสานงานด้านเอกสารได้

 

ผมมีเพื่อนคนหนึ่งโดนรถชนตาย วันเกณฑ์ทหารก็เห็นเรียกชื่อมันอยู่หลายปี คนตายไปแล้วแต่มรณะบัตรไม่ถึงหน่วยสัสดีทั้งๆที่อยู่ในเขตเดียวกัน

ที่รู้เพราะว่าเราไปเชียร์รุ่นพี่ รุ่นน้อง ถึงได้ยินเรื่องแบบนี้ สมัยก่อนเวลาถึงวันเกณฑ์ก็จะพากันไปเยอะเพื่อลุ้นให้กำลังใจกัน

 

พอมันผ่านเลยมาถึง 25ปี จะไปหาเอกสารให้ครบถ้วนทุกชิ้นมันจะเป็นไปได้ยังไง เพราะทุกหน่วยงานก็มีกรอบเวลาในการทำลายเอกสารทิ้งทั้งนั้น

เมื่อหาไม่ได้ก็จ้องอยู่แต่ตรงจุดนี้ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วถ้าไม่ใช่คนแกล้งโง่

 

ลองเหตุการณ์แบบนี้ไปเกิดอยู่กับพวกมันสิ อย่างไอ้แม้ว ไอ้หมัก ก็ทั้งๆที่ศาลตัดสินไปแล้ว มันก็ยังหน้าด้านมาแก้ต่างอยู่ได้

 

และก็อีกอย่าง ในสมัยนั้นใครไม่อยากเป็นทหาร ไม่ยากเลยขอให้มีเงิน ซึ่งคุณพ่อของมาร์คสามารถทำได้สบาย ใช้เงินประมาณสองถึงสามหมื่นบาท ผลการตรวจก็จะออกมาว่า เตี้ยไปบ้าง หน้าอกไม่ถึงบ้าง อ้วนไปบ้าง สายตาสั้นไปบ้าง

เยอะแยะไป คนมีเงินสมัยนั้นไม่มีลูกใครเป็นทหารเกณฑ์หรอก

 

 

บางครั้งคนเราจะทำลายคนอื่น ก็ต้องยอมแกล้งโง่ เป็นเรื่องธรรมดา

 

แบบที่ว่าดื้อตาใสนั่นแหละค่ะ



#314 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 04:23

ขอถามแต๋มกลับมั่งนะ  ถ้าแต๋มคิดว่าตัวเองถูก ต้องกล้าตอบ 

อย่าเอาแต่ย้อนคนอื่นเขา

 

คำถามของผมดูเหมือนไม่มีสาระ แต่จริงๆมีสาระสำคัญเลยครับ

 

1. ทำไมเอกสารของสุกำกวม พิมพ์ผิด

 

2. ทำไมสุกำกวมรีบร้อนทำเอกสารปลดมาร์คในตอนเย็น

 

3. ข้อนี้เป็นเหตุเป็นผลกับข้อ 2

ทั้งที่ตอนเช้าวันเดียวกันนั้น ประธานกรรมการตรวจสอบยังออกสื่ออยู่เลยว่า

ไม่รู้เรื่อง ไม่เคยพูดว่าจะปลดมาร์ค

 

 

จะรอคำตอบจากแต๋ม


Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 04:25.

gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#315 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 9 มกราคม พ.ศ. 2556 - 19:54

เอามาเพิ่มไว้เป็นข้อมูล...

http://webboard.seri...ิด-มติ-ปปช-แจ้/

ขบวนการเสรีไทยเฟซบุ๊ค

ขาประจำ

  • default_large.png
  • Members
  • bullet_black.pngbullet_black.pngbullet_black.png
  • 2,695 posts

ตอบ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:50

สายตรงภาคสนาม
เปิด มติ ป.ป.ช. แจ้ง กมล บันไดเพชร 10 ส.ค.53 กห.ยัน มาร์ค สมัคร อาจารย์ ร.ร.นายร้อย จปร.ชอบด้วยกฎหมาย พิลึก ให้โต้แย้งภายใน 15 วันทำเฉย แต่กลับร้องเรียน รมว.กลาโหมใหม่ ด้วยข้อหาเดิม !

-====-

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เเละคนชอบพูดโกหก จะหน้าแหกเพราะความจริง..!!
//@เด็กชายเลน

482033_265860243526588_1918781465_s.jpg
รูปภาพบนกระดาน
เปิด มติ ป.ป.ช. แจ้ง กมล บันไดเพชร 10 ส.ค.53 กห.ยัน มาร์ค สมัคร อาจารย์ ร.ร.นายร้อย จปร.ชอบด้วยกฎหมาย พิลึก ให้โต้แย้งภายใน 15 วันทำเฉย แต่กลับร้องเรียน รมว.กลาโหมใหม่ ด้วยข้อหาเดิม !

เพจสายตรงภาคสนามขอนำหนังสือ ป.ป.ช.ที่ ปช. 0012/1020 เรื่อง ชี้แจงผลการไต่สวนข้อเท็จจริง แจ้งถึงนายกมล บันไดเพชร ระบุถึงการกล่าวหาร้องเรียน พล.อ.ประวิตร วงษสุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.อ.อภิชาติ เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม (ในขณะนั้น) ว่าเพิกเฉยไม่ดำเนินการถอดยศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และเรียกคืนเงินเดือนเบี้ยหวัดที่ได้รับไปแล้ว เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ

สำนักงาน ป.ป.ช. ขอเรียนว่า เรื่องดังกล่าวได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยขอทราบจ้อเท็จจริงและขอเอกสารหลักฐานจากกระทรวงลาโหมและกองทัพบก ปรากฏข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า

1 การถอดยศทหารต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะ ดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 ข้อ 2 โดยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ ได้แก่ ผู้ที่มีความผิดหรือต้องรับโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง เข่น ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ซึ่งศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ต้องหาให้คดีอาญาแล้วหลบหนีไป หนีราชการในเวลาประจำการหรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เป็นต้น และขั้นตอนการถอดยศทหารตามระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะ ดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 ข้อ 3 กำหนดให้ส่วนราชการต้นสังกัด รายงานตามลำดับขั้นจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อพิจารณา หาก รมว.กลาโฆมเห็นเป็นการสมควร จึงจะดำเนินการเพื่อถอดออกจากยศทหารต่อไป

2 พระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอืนในลักษณ์เดียวกัน พ.ศ.2535 ได้กำหนดการจ่ายเงินเดือนข้าราชการซึ่งบรรจุใหม่ ให้จ่ายตั้งแต่วัยที่เริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการ และตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยเงินเบี้ยหวัด พ.ศ.2495 ได้กำหนดให้นายทหารชั้นสัญญาบัตร ซึ่งมีเวลารับราชการไม่น้อยกว่า 1 ปี แล้วออกจากราชการเป็นนายทหารกองหนุน มีสิทธิได้รับเบี้ยหวัด การงดรับเบี้ยหวัดจะต้องเป็นไปตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยเงินเบี้ยหวัด พ.ศ.2495 ได้แก่ ผู้ไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยหวัด เช่น ออกจากราชการได้รับบำเหน็จ บำนาญ ออกจากราชการเพราะมีความผิด สำหรับทหารที่ได้รับเบี้ยหวัดอยู่แล้ว หากกระทำความผิดให้งดเว้นเบี้ยหวัด การงดเบี้ยหวัดทหารกองหนุน ที่ได้รับเบี้ยหวัดอยู่แล้ว หน่วยต้นสังกัดเป็นผู้รายงานความผิด ที่อยู่ในเกณฑ์งดเบี้ยหวัด จนถึงรมว.กลาโหมแล้ว แจ้งให้หน่วยเบิกจ่ายเบี้ยหวัดดำเนินการต่อไป

3 กรณีท่านมีหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ผ่าน พล.อ.อภิชาติ เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ขอให้ดำเนินการถอดยศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และเรียกเงินคืนเงินเดือน และเบี้ยหวัด กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับราชการที่ ร.ร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้พิจารณาดำเนินการในทันที โดยขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว จากกรมกำลังพลทหารบก ซึ่งเป็นส่วนราชการต้นสังกัด และได้ความปรากฏว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังเป็นผู้มีสิทธิในยศทหาร มีสิทธิได้รับเงินเดือน เบี้ยหวัด และไม่อยู่ในหลักเกณฑ์การถอดยศทหาร และงดรับเบี้ยหวัด ตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหาร และบรรดาศักดิ์ พ.ส.2507 และข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเงินเบี้ยหวัด พ.ศ.2495 ประกอบกับกรณีตามคำกล่าวหาของท่าน ได้มีการพิจารณากันในกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร โดยกระทรวงกลาโหม ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งท่านได้เข้าร่วมประชุมอยู่ด้วย และกระทรวงกลาโหมได้มีหนังสือ แจ้งผลการดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ท่านทราบในเบื้องต้นแล้ว

จึงเรียนมาเพื่อทราบ หากท่านยังมีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่จะสนับสนุนว่า ข้อกล่าวหาร้องเรียนมีมูล ใคร่ขอเชิญท่านไปพบนายพีร์ ฉัตรกันภัย เจ้าพนักงานปราบปรามการทุจริต ชำนาญการพิเศษและนางสาวดารนี ภัทรมังกร เจ้าพนักงานปราบปรามการทุจริต ชำนาญการ ในวันที่ 24 ส.ค. 53 เวลา 9.30 น. ณ สำนักงานปราบปรามการทุจริตภาคการเมือง 1 สำนักงาน ป.ป.ช.อาคาร 2 ชั้น 4 ถ.นนทบุรี อ.เมือง นนทบุรี จ.นนทบุรี เพื่อให้รายละเอียดเพิ่มเติมหากไม่สะดวกโปรดแจ้งข้อมูลหรือข้อเท็จจริงพร้อม ส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันทีไ่ด้รับหนังสือฉบับนี้ด้วยจะขอบคุณมาก ลงนามโดยนายสมชิต สตภูมินทร์ รองเลขาธิการปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
/////

ดูในเฟซบุค

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#316 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 9 มกราคม พ.ศ. 2556 - 19:55

เอกสารมาร์ค ทหาร2.jpg


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#317 พิฆาตอสูร

พิฆาตอสูร

    พอจะทนเสื้อแดงได้นิดๆ

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,786 posts

ตอบ 9 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:45

อยากเห็นนายพลโดนตบเกรียนตอนแก่


ฟ้าสีทองผ่องอำไพ  ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน


#318 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 9 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:57

จากการตรวจสอบ มีกรณีคล้ายกันนี้ในคดีทุจริตประมูลคลื่นวิทยุ FM 94.5
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่า พล.อ.นิพนธ์ ธีระพงษ์ อดีตเจ้ากรมการ-
ทหารสื่อสาร ขณะรับราชการในสังกัดกองทัพบกเป็นความผิดทางวินัยอย่าง
ร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
แต่มีปัญหาคือขณะที่ ปปช.มีมตินั้น พล.อ.นิพนธ์ เกษียณอายุราชการไปแล้ว
(เพื่อไม่ให้เสียหายต่อ พล.อ.นิพนธ์ ต้องขอเน้นว่า คดีนี้ต่อมาเมื่อต้นปี 2554 
ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง พล.อ.นิพนธ์ เนื่องจากไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
กับการกระทำผิด)

คดีของ พล.อ.นิพนธ์ ดังกล่าว กระทรวงกลาโหมได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการ
กฤษฎีกาวินิจฉัยถึง 2 ครั้งในปี 2551 และ 2553 ใน 2 ประเด็นคือ การปลด
ออกจากราชการ และ การถอดยศทหาร ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาทั้ง 2 ชุด
ยืนยันประเด็น การปลดออกจากราชการ ไปในทางเดียวกันคือ...
....
=ปี 2551=
"การปลดข้าราชการทหารออกจากประจำการ จะต้องเป็นข้าราชการทหาร
ที่ประจำการอยู่ หากพ้นจากราชการแล้วก็ไม่อาจปลดออกจากประจำการได้
โดยสภาพ"

=ปี 2553=
"กระทรวงกลาโหมไม่มีอำนาจที่จะปลด พลเอกนิพนธ์ฯออกจากประจำการ
ภายหลังจากที่ พลเอกนิพนธ์ฯได้ออกจากประจำการไปแล้ว"

"เมื่อพิจารณาพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 พระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 พระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร 
พุทธศักราช 2476 ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน 
และลดตำแหน่งข้าราชการกลาโหม พ.ศ.2502 มติสภากลาโหมในการประชุม
ครั้งที่ 3/07 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2507 ประกอบกับคำสั่งกองทัพบก ที่ 
176/2508 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2508 เรื่องการหมุนเวียนกำลังพลที่กำหนด
เหตุแห่งการปลดออกจากประจำการแล้ว ไม่พบว่ามีบทบัญญัติกำหนดให้
ผู้บังคับบัญชามีอำนาจปลดทหารผู้กระทำผิดวินัยออกจากประจำการได้
ในกรณีที่ทหารผู้นั้นออกจากราชการไปแล้ว

ยกเว้นกรณีตามข้อ 5 และข้อ 7 แห่งข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการ
สั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ พ.ศ.2528 ที่ให้ผู้บังคับบัญชามีอำนาจ
สั่งพักราชการ ข้าราชการทหารผู้ถูกฟ้องคดีอาญาหรือถูกกล่าวหาว่ากระทำ
ผิดอาญา ตลอดเวลาที่คดียังไม่ถึงที่สุดหรือตลอดเวลาที่พิจารณาสอบสวน 
ซึ่งหากปรากฏภายหลังว่าข้าราชการทหารผู้นั้นได้กระทำความผิด ให้ผู้บังคับ
บัญชามีอำนาจสั่งให้ออกจากราชการโดยไม่มีเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญโดย
ให้สั่งให้ออกตั้งแต่วันสั่งพักราชการได้"
....
ดังนั้นการที่ พล.อ.อ.สุกำพล สั่งปลดคุณอภิสิทธิ์โดยอ้างอิงว่า อาศัยอำนาจ
ตาม ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลด
ตำแหน่งข้าราชการกลาโหม พ.ศ.2502 ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาเคยวินิจฉัย
ชัดเจนในปี 2553 ว่า "ไม่พบว่ามีบทบัญญัติกำหนดให้ผู้บังคับบัญชามีอำนาจ
ปลดทหารผู้กระทำผิดวินัยออกจากประจำการได้ในกรณีที่ทหารผู้นั้นออกจาก
ราชการไปแล้ว" จึงน่าติดตามอย่างยิ่งว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนะครับ..


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#319 soco

soco

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,401 posts

ตอบ 9 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:10

แล้วไงต่อครับ ผมละงงกะ กากโหมจริง ๆ


รักใครชอบใครก็เรื่องของเราแต่เราก็ไม่เป็นขี้ข้าโจร

#320 Tam-mic-ra.

Tam-mic-ra.

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,948 posts

ตอบ 9 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:26

ขอถามแต๋มกลับมั่งนะ  ถ้าแต๋มคิดว่าตัวเองถูก ต้องกล้าตอบ 

อย่าเอาแต่ย้อนคนอื่นเขา

 

คำถามของผมดูเหมือนไม่มีสาระ แต่จริงๆมีสาระสำคัญเลยครับ

 

1. ทำไมเอกสารของสุกำกวม พิมพ์ผิด

พิมผิดก็จริง  แต่ที่ผิดนั่นไม่ใช่สาระสำคัญของเอกสาร         หากมาร์คเห็นแบบคุณ  เขาคงฟ้องไปแล้ว

2. ทำไมสุกำกวมรีบร้อนทำเอกสารปลดมาร์คในตอนเย็น

  เรื่องนี้ นายกมล เป็นผู้แจ้งเรื่องหนีทหาร ไม่รู้กี่ปีมาแล้ว ยังไม่มีเสื้อแดงด้วยซ้ำ 

 

3. ข้อนี้เป็นเหตุเป็นผลกับข้อ 2

ทั้งที่ตอนเช้าวันเดียวกันนั้น ประธานกรรมการตรวจสอบยังออกสื่ออยู่เลยว่า

ไม่รู้เรื่อง ไม่เคยพูดว่าจะปลดมาร์ค

อันนี้ไม่รู้ รู้เแต่ว่า หนีทหารจริง 7 เมษา 2530 

 

 

จะรอคำตอบจากแต๋ม

  :lol:


"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ" :unsure:

 

นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง!  รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง :lol:      http://webboard.seri...แค/#entry842224   ;      http://webboard.seri...-25#entry408954


#321 soco

soco

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,401 posts

ตอบ 9 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:29

ปลดออกจากทหาร

 

เพราะ หนีทหาร

 

 

บ้าป่าว


รักใครชอบใครก็เรื่องของเราแต่เราก็ไม่เป็นขี้ข้าโจร

#322 soco

soco

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,401 posts

ตอบ 9 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:30

ผมว่าต่อไป อภิสิทธิ์ควรใช้ คำว่า

 

 

ร้อยตรี นำหน้าชื่อซ่ะแล้วละครับ

 

เพื่อตบกะโหลก กากกลาโหม


รักใครชอบใครก็เรื่องของเราแต่เราก็ไม่เป็นขี้ข้าโจร

#323 Tam-mic-ra.

Tam-mic-ra.

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,948 posts

ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:33

ปลดออกจากทหาร

 

เพราะ หนีทหาร

 

 

บ้าป่าว

ปลดออกจากทหาร เพราะใช้เอกสาร สด.9 ที่ยื่นอันเป้นเท็จ ในการบรรจุเป็นทหารประจำการ

ซึ่งเท็จในสาระสำคัญ  คือวันที่เป็นทหารกองเกินน่ะ  ไปหาดูได้จากในใบเอกสาร สด.9 ที่ถูกน้องมาร์คขอทำใบใหม่ครับ 

 

พูดง่ายๆว่าตอนนั้นเป็นทหารเก๊นั่นแหล่ะครับ


"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ" :unsure:

 

นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง!  รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง :lol:      http://webboard.seri...แค/#entry842224   ;      http://webboard.seri...-25#entry408954


#324 Ballbk

Ballbk

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,783 posts

ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 07:38

ยังพยายามลากให้ไปไกล ๆ อีกเนอะ

"ความดี กับ ความเลว

ความจริง กับ คำโกหก

ความถูกต้อง กับ การทำผิดกฎหมาย"

ถ้าเกิดเป็น คน ไม่ได้เกิดเป็น ควาย มันไม่ต้องให้ทายหรอก ว่าจะเลือกอย่างไหน

 


#325 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:43

ปลดออกจากทหาร

 

เพราะ หนีทหาร

 

 

บ้าป่าว

ปลดออกจากทหาร เพราะใช้เอกสาร สด.9 ที่ยื่นอันเป้นเท็จ ในการบรรจุเป็นทหารประจำการ

ซึ่งเท็จในสาระสำคัญ  คือวันที่เป็นทหารกองเกินน่ะ  ไปหาดูได้จากในใบเอกสาร สด.9 ที่ถูกน้องมาร์คขอทำใบใหม่ครับ 

 

พูดง่ายๆว่าตอนนั้นเป็นทหารเก๊นั่นแหล่ะครับ

ถ้าทหารเก๊...สุกำพลผิดพลาดขนาดหนักเลย

คิดง่ายๆ เอาเอกสารเท็จไปสมัครทำให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงาน ถ้าตรวจพบต้องแจ้งความดำเนินคดีอาญาเสียก่อน

ในข้อหาใช้เอกสารปลอม หรือ ปลอมเอกสาร แล้วแต่ข้อเท็จจริง ทำให้กลาโหมเสียหาย ซึ่งต้องเริ่มทำตั้งแต่ต้นไปหาปลาย

เมื่อศาลตัดสินว่าผิด จึงจะสั่งการให้ยกเลิกขั้นตอนการเข้ารับราชการทั้งหมด

...ไม่ใช่มาทำอะไรเป็นวัวพันหลัก มั่วชิบเป้ง...มาออกคำสั่งทั้งๆที่รู้ว่าปลดทหารนอกราชการไม่ได้


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#326 หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 734 posts

ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:54

100734-attachment.jpg

 

100735-attachment.jpg

 

101398-attachment.jpg



#327 หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 734 posts

ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:57

P13052014-8.jpg



#328 คุณหนูจินนี่

คุณหนูจินนี่

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 888 posts

ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:59

  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:



#329 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:02

mthai.JPG

ที่มาของความเชื่อที่ไม่มีที่มาที่ไปแบบแชร์แม่ชะม้อย ทีแรกก็ได้กันถ้วนหน้า ต่อมาก็หลอกเอาไปกินจนหมด โดนกินกันถ้วนหน้า


Edited by Stargate-1, 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:39.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#330 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:02

Mthai2.JPG

lสด.20-41.JPG

 

 

เขาไปกราบเท้ากันหรือยังนี่


Edited by Stargate-1, 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:03.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#331 หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 734 posts

ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:16

อุ๊ยตาย ...   มีกระทู้ของหมีจากMthai ติดชาร์ตเข้ามาด้วยแฮะ   5 5 5 5 + + + +

 

100732-attachment.jpg



#332 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:27

ได้เวลา ควายแดงร่าเริง เชิญตามสบาย

เรื่องพวกนี้ควายแดงมาใหม่ไม่รู้เรื่องหรอก เชิญโง่กันต่อไป 555+

post-4679-0-37508000-1348466289.jpg


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#333 หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 734 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 00:11

คนกรุงธน

 

ได้เวลา ควายแดงร่าเริง เชิญตามสบาย

เรื่องพวกนี้ควายแดงมาใหม่ไม่รู้เรื่องหรอก เชิญโง่กันต่อไป 555+

 

................................

 

คุณพี่ก็ลองเดินออกจากกะลา ไปสู่สังคมโลกกว้างภายนอกดูสิฮะ ...    แล้วจะรู้ว่าใครกันที่ไม่รู้เรื่อง 

 

แต่ถ้ากลัวเงิบ ก็อยู่ในกะลา อวยกันเองแบบนี้ต่อไปก็ดีแล้วล่ะ   อิ .  อิ 



#334 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:13

คนกรุงธน

 

ได้เวลา ควายแดงร่าเริง เชิญตามสบาย

เรื่องพวกนี้ควายแดงมาใหม่ไม่รู้เรื่องหรอก เชิญโง่กันต่อไป 555+

 

................................

 

คุณพี่ก็ลองเดินออกจากกะลา ไปสู่สังคมโลกกว้างภายนอกดูสิฮะ ...    แล้วจะรู้ว่าใครกันที่ไม่รู้เรื่อง 

 

แต่ถ้ากลัวเงิบ ก็อยู่ในกะลา อวยกันเองแบบนี้ต่อไปก็ดีแล้วล่ะ   อิ .  อิ 

อ้าว...แสดงว่ายอมรับว่าเป็นควายน่ะสิเนี่ย หุหุ

ไอ้หนูเอ๊ย เรื่องมาร์คน่ะ เค้าถกกันมาหลายรอบแล้ว จนพวกเอ็งน่ะแตกกระเจิงไปแล้ว

 

ถ้ามีเวลาก็ไปอ่านหาความรู้ซะบ้าง

http://www.oknation....2/08/04/entry-1


Edited by คนกรุงธน, 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:34.

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#335 หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 734 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:14

คนกรุงธน  จะลองกับผมดูสักรอบมั๊ยล่ะ  

#336 หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 734 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:15

ปากกล้า "ขาสั่น" ..  



#337 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:50

คนกรุงธน  จะลองกับผมดูสักรอบมั๊ยล่ะ  

ลองอะไร...


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#338 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:51

ปากกล้า "ขาสั่น" ..  

ขาใครสั่น 555+


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#339 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 02:18

อั๊ยยะ มีทั้งท้ามีทั้งดูถูกยั่วโทสะด้วยนะเนี่ย...คิดว่าคนอื่นเขาจะกลัวรึไง?


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#340 great

great

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 236 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 02:25

คนกรุงธน  จะลองกับผมดูสักรอบมั๊ยล่ะ  

ลองอะไร...

 

อัยยะ นี่มันบอร์ดการเมือง  ไม่ใช่สนามมวย หรือสนามกอล์ฟเสียเมื่อไหร่ จะได้เรียกว่า "รอบ"

 

บอร์ดนี้เขาประชันความคิดกัน  ไม่ใช่ประเภทท้าดวล 


กระบือแดง คลั่งหน้าเหลี่ยม จนเสียสติ


#341 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 02:35

ขอถามแต๋มกลับมั่งนะ  ถ้าแต๋มคิดว่าตัวเองถูก ต้องกล้าตอบ 

อย่าเอาแต่ย้อนคนอื่นเขา

 

คำถามของผมดูเหมือนไม่มีสาระ แต่จริงๆมีสาระสำคัญเลยครับ

 

1. ทำไมเอกสารของสุกำกวม พิมพ์ผิด

พิมผิดก็จริง  แต่ที่ผิดนั่นไม่ใช่สาระสำคัญของเอกสาร         หากมาร์คเห็นแบบคุณ  เขาคงฟ้องไปแล้ว

2. ทำไมสุกำกวมรีบร้อนทำเอกสารปลดมาร์คในตอนเย็น

  เรื่องนี้ นายกมล เป็นผู้แจ้งเรื่องหนีทหาร ไม่รู้กี่ปีมาแล้ว ยังไม่มีเสื้อแดงด้วยซ้ำ 

 

3. ข้อนี้เป็นเหตุเป็นผลกับข้อ 2

ทั้งที่ตอนเช้าวันเดียวกันนั้น ประธานกรรมการตรวจสอบยังออกสื่ออยู่เลยว่า

ไม่รู้เรื่อง ไม่เคยพูดว่าจะปลดมาร์ค

อันนี้ไม่รู้ รู้เแต่ว่า หนีทหารจริง 7 เมษา 2530 

 

 

จะรอคำตอบจากแต๋ม

  :lol:

 

 

แต๋ม  อันนี้ตอบจากใจผมเลยนะ

ผมนับถือใจคุณนะ ที่อย่างน้อยคุณก็ตอบคำถามที่เราตั้งให้คุณ

ถึงคุณจะกวนโอ๊ยบ้าง ยียวนบ้าง คุณก็ตอบจากเหตุผลของคุณ

ไม่ใช่เข้าบอร์ดมาเพื่อมากวนบาทาโดยเฉพาะ ทำเป็นล้อเลียนคำพูด  หรือบางคนก็เอาดีทางแดกดัน กระแนะกระแหนอย่างเดียว

 

คำตอบผิด เหตุผลผิด ไม่ว่าจะจากฝ่ายไหนก็ตาม  ยังไงมันก็ยังมีค่าน่าให้ถกกัน

แต่อย่าแดกดันหมั่นไส้โดยไม่มีเหตุผลอะไรมาโต้แย้งกันเลย  แบบนี้ไม่มีความกล้าหาญทางความคิดเลย

 

ผมก็ขอบคุณคุณแล้วกันที่ตอบ

 

ปล. จะดีมากถ้าเสื้อแดงหัดคุยกันบ้างว่าช่วยตอบอะไรที่มันมีน้ำมีเนื้อบ้างได้ไหม  ผิดถูกไม่ว่ากัน

หัดถกแถลงกันมั่ง 

ยียวน แดกดัน กันลูกเดียวมันไม่สนุกเลยจริงๆนะ


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#342 suratation

suratation

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,087 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 06:41

 

ปลดออกจากทหาร

 

เพราะ หนีทหาร

 

 

บ้าป่าว

ปลดออกจากทหาร เพราะใช้เอกสาร สด.9 ที่ยื่นอันเป้นเท็จ ในการบรรจุเป็นทหารประจำการ

ซึ่งเท็จในสาระสำคัญ  คือวันที่เป็นทหารกองเกินน่ะ  ไปหาดูได้จากในใบเอกสาร สด.9 ที่ถูกน้องมาร์คขอทำใบใหม่ครับ 

 

พูดง่ายๆว่าตอนนั้นเป็นทหารเก๊นั่นแหล่ะครับ

คุณแต๋ม ปกติผมว่าคุณ(ดูเหมือน)มีเหตุผลที่(แถ)ดีกว่าคนอื่นนะครับ แต่ผมว่ามาตรฐานคุณตกไปเยอะนะ



#343 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:30

นี่ครับ สัสดีเขียนเอง....

"ว่าด้วยเรื่อง การปฏิบัติตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร ของ นายกอภิสิทธิ์ฯ"

๑.ลงบัญชีทหารกองเกิน ตาม มาตรา ๑๘ เป็นทหารกองเกิน ๔ ก.ค.๒๙

- ได้รับ ใบสำคัญ (แบบ สด.๙)

- ได้รับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร(แบบ สด.๓๕) ซึ่งในหมายเรียกฯ กำหนดให้เข้ารับการตรวจเลือกฯ เป็นทหารกองประจำการ เม.ย.๓๐ (เข้าใจว่าจะเป็น วันที่ ๑๑ เม.ย.)

ข้อนี้ ข้ามการไม่ปฏิบัติตาม มาตรา ๑๖(การลงบัญชีทหารกองเกิน เมื่ออายุ ๑๗ ปี) จะมีความผิดตาม มาตรา ๔๔ ไปได้เลย เพราะก่อนจะรับลงบัญชีทหารกองเกินตาม มาตรา ๑๘ จะต้องได้ข้อยุติไปแล้ว

๒. ขอผ่อนผัน ไปศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ  ตาม มาตรา ๒๗(๒) มีกำหนด ๓ ปี (ปี ๓๐-ปี๓๒) ตามหลักฐาน บัญชียกเว้นหรือผ่อนผัน (แบบ สด.๒๐) ถึงแม้จะไม่สามารถค้นหาหลักฐาน หนังสือผ่อนผันการรับราชการทหาร(แบบ สด.๔๑) พบแล้วก็ตาม แต่การที่บัญชียกเว้นหรือผ่อนผัน (แบบ สด.๒๐) มีรายชื่อนายกอภิสิทธิ์ฯ อยู่  ก็หมายความว่า นายกอภิสิทธิ์ ฯ ได้รับการอนุมัติให้ผ่อนผันแล้ว เพราะการบันทึกรายชื่อลง สด.๒๐ นั้นจะต้องได้รับอนุมัติการผ่อนผันจาก ผวจ.กรุงเทพฯ ก่อน สด.ก.ท. จึงจะคัดรายชื่อลง สด.๒๐ และมีหนังสือสั่งยกเว้นผ่อนผัน ไปยัง ผอ.เขต (บัญชีสั่งยกเว้นผ่อนผัน (แบบ สด.๑๙))  สด.เขตพระโขนง ก็จะต้องคัด สด.๒๐ ขึ้นเป็นฉบับของเขต รายละเอียดตาม สด.๑๙ (แปลว่า สด.๒๐ จะมีอยู่ ๒ แห่ง) ผลของการผ่อนผัน จะคงอยู่หรือหมดไป เป็นไปดังนี้

๑) พ้นระยะเวลาที่ขอผ่อนผันไว้ (หมดเหตุผ่อนผัน)

๒) จบก่อนกำหนดหรือลาออกหรือถูกให้ออกจากการศึกษา ก่อนกำหนด และกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว(หมดเหตุผ่อนผัน)

๓) เมื่อหมดเหตุผ่อนผัน มีหน้าที่ไปแจ้งการหมดเหตุนั้น ที่เขตหรืออำเภอที่ตนอยู่หรือทำการประจำ ตาม มาตรา ๑๕  (เมื่อแจ้ง ตาม ม.๑๕ แล้ว เขตพระโขนง จึงจะทราบการหมดเหตุผ่อนผัน ซึ่งก็จะได้ออกหมายเรียกฯให้ไปเกณฑ์ในคราวที่จะถึงถัดไป หากเขตหรืออำเภอที่อยู่หรือทำการประจำ เป็นเขตเดียวกันกับเขตที่เป็นภูมิลำเนาทหาร ก็จะออกหมายเรียกฯให้ไปได้เลยในวันที่มาแจ้งหมดเหตุ ตาม มาตรา ๑๕ แต่ กรณีของ นายกอภิสิทธิ์ฯ นี้ ช่วงหมดเหตุผ่อนผัน ทำการประจำอยู่ จ.นครนายก (กรณี ถ้าหมดเหตุผ่อนผัน) ซึ่งก็ไม่น่าจะมีการแจ้งการหมดเหตุฯ ซึ่งการไม่แจ้งการหมดเหตุฯ ภายใน ๓๐ วันนับจากวันหมดเหตุ ตาม มาตรา ๑๕ จะมีความผิดตาม มาตรา ๔๓ โทษจำ ไม่เกิน ๑ ด. ปรับไม่เกิน ๒๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

๔) อย่างไรก็ตาม นายกอภิสิทธิ์ ฯ ไม่มีหมายเรียกฯ(สด.๓๕) ในฐานะคนทีหมดเหตุผ่อนในปี ๓๑ (ปีที่นายกอภิสิทธิ์ฯ อยู่ในประเทศไทย ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะหมดเหตุผ่อนผันแล้ว ซึ่งไปร้องขอเข้ารับราชการเป็นทหารประจำการ ที่ รร.จปร.) ส่วนการเป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร นั้นจะผิดเงื่อนไขการผ่อนผันหรือไม่ ไม่ทราบ แม้จะผิดเงื่อนไข ตั้งแต่ตอนนั้น ความผิดก็คงอยู่ที่ มาตรา ๔๓ ดังที่กล่าวแล้ว

ความหมายคือ เขตพระโขนงยังที่ทราบการหมดเหตุผ่อนผัน  เมื่อไม่ทราบ การเรียกเข้ารับราชการทหารจึงยังไม่เกิด(การออกหมายเรียกฯ ณ ปีนั้นๆ แต่ หมายเรียกฯ ฐานะคนขาดฯ มีทุกปีตั้งแต่ ปี ๓๑-๓๖ เพราะเขียนหมายตามบัญชีเรียกฯ(บัญชีเรียกฯที่ไม่ชอบฯ คือบัญชีที่ผิดตั้งแต่ปี ๓๑-๓๖) ซึ่งเป็นหมายเรียกฯที่ไม่ชอบฯ เป็นการออกหมายเรียกฯให้กับคนที่ สด.ก.ท.ขึ้นทะเบียนกองประจำการให้แล้ว สด.ก.ท.(ในนาม ผว.กทม.)จะต้องแจ้งการเข้ากองฯ ให้ ผอ.เขต ทราบ และ ผอ.เขต จะต้องงดเรียกฯ ) อย่างไรก็ตาม นายกอภิสิทธิ์ฯ ได้ไปติดต่อ ขอใบสำคัญแทนฉบับที่ชำรุดหรือสูญหาย กับ สด.เขต เมื่อวันที่ ๘ เม.ย.๓๑ ซึ่ง สด.เขตก็ไม่ได้มอบหมายเรียกฯ ปี ๓๑ ให้แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นหมายเรียกฯ ในฐานะคนขาดซึ่งจะต้องส่งดำเนินคดีก่อน หรือหมายเรียกฯ ฐานะคนหมดเหตุผ่อนผัน ซึ่งจะต้องสอบสวนเจ้าตัวหรือตรวจสอบเอกสารหลักฐานทางเขต ว่าบุคคลผู้นี้อยู่ในสถานะไหน ก่อนที่จะออกใบแทนฯ และใบแทนที่ออกให้ก็บันทึกวันเข้าบัญชีทหารกองเกินผิดไปบันทึกวันเข้าบัญชีฯ เป็นวันเดียวกับวันที่ออกใบแทนฯ ทั้งที่รายละเอียดต่างๆ จะต้องคัดลอกจาก สด.๑

๓. การร้องขอเข้ารับราชการเป็นทหารประจำการ โดยการบรรจุ ตำแหน่ง อาจารย์ รร.จปร. ยศ ร.ต. ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.รับราชการทหาร เพราะหลักเกณฑ์การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นทหารประจำการ ของ รร.จปร. ใช้กฎหมายอื่นและระเบียบกระทรวงกลาโหม แต่มาตรา ๑๑ วรรคสอง ของ พ.ร.บ.รับราชการทหาร มีว่า “ทหารประจำการนั้น ถ้ายังมิได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการ ก็ต้องขึ้นทะเบียนกองประจำการ และรับราชการในกองประจำการจนครบกำหนดตาม พ.ร.บ.นี้”  ซึ่ง นายกอภิสิทธิ์ ฯ ยังไม่เคยขึ้นทะเบียนกองประจำการ เมื่อต้องขึ้นทะเบียนกองประจำการ และต้องอยู่ในกองประจำการ ตาม พ.ร.บ. นี้ นั้น จะต้องอยู่ในกองประจำการเท่าใดจึงจะครบกำหนด จึงต้องไปดู มาตรา และกฎกระทรวงฯ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

มาตรา ๘ การรับบุคคลเข้าเป็นทหารกองประจำการให้กระทำโดยวิธีเรียกมาตรวจเลือก หรือจะรับเข้าเป็นทหารกองประจำการโดยวิธีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงก็ได้

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๕

ข้อ ๒ การรับบุคคลเข้าเป็นทหารกองประจำการโดยวิธีอื่น ให้กระทำโดยวิธีร้องขอ และบุคคลที่จะร้องขอต้องมีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปีบริบูรณ์ และยังไม่ถึง ๓๐ ปีบริบูรณ์

ข้อ ๓ การรับบุคคลเข้าเป็นทหารกองประจำการ โดยวิธีร้องขอ ตาม ข้อ ๒ ให้กระทำได้ดังนี้

(๑) …..(๒)…..

(๓) การร้องขอเข้ากองประจำการโดยผู้ซึ่งยังไม่ถูกเรียกเข้าเป็นทหารกองประจำการ หรือผู้ซึ่งเคยถูกเรียกเข้าเป็นทหารกองประจำการแล้่วแต่ไม่ถูกเข้ากองประจำ การ ให้บุคคลดังกล่าวร้องขอต่อเจ้าหน้าที่กรมกองฝ่ายทหารหรือฝ่ายตำรวจที่บุคคล นั้นประสงค์จะเข้ารับราชการกองประจำการ เมื่อเจ้าหน้าที่ดังกล่าวพิจารณารับบุคคลใด ให้นำบุคคลนั้นขึ้นทะเบียนกองประจำการ การที่กรมกองฝ่ายทหารหรือฝ่ายตำรวจจะรับผู้ร้องขอเข้าในสังกัดหรือเหล่าใด ให้เป็นไปตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด

ข้อ ๕ การรับบุคคลเข้าเป็นทหารกองประจำการตาม ข้อ ๓(๓)  และการรับบุคคลเข้าเป็นนักเรียนในโรงเรียนทหาร ให้รับได้โดยไม่จำกัดภูมิลำเนาทหาร

มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง ทหารกองเกินซึ่งมีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปีบริบูรณ์ และยังไม่ถึง ๓๐ ปีบริบูรณ์ เป็นผู้ที่อยู่ในระหว่างที่จะต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ และเมื่อต้องเข้ากองประจำการจะต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการมีกำหนด ๒ ปี ส่วนผู้ซึ่งมีคุณวุฒิพิเศษหรือเมื่อมีกรณีพิเศษ จะให้รับราชการทหารกองประจำการน้อยกว่า ๒ ปีตามที่กำหนดในกฎกระทรวงก็ได้ ฯ

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๔

ข้อ ๒ ผู้ซึ่งมีคุณวุฒิพิเศษซึ่งสมควรอยู่ในกองประจำการน้อยกว่า ๒ ปี ตามความในมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง คือ

(๑)….(๒)….(๓)…(๔)….(๕)….(๖)….(๗)….

(๘) ผู้สำเร็จชั้นอุดมศีกษาหรือผู้สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยฐานะเทียบได้ไม่ต่ำกว่าชั้นอุดมศึกษา

(๙)….(๑๐)…..(๑๑)…..(๑๒)…..(๑๓)….

ถ้าเป็นบุคคลดังกล่าวใน (๑) ถึง (๘) ให้รับราชการทหารกองประจำการ ๑ ปี แต่ถ้าเป็นผู้ที่ได้ร้องขอเข้ารับราชการในกองประจำการ ก็ให้รับราชการกองประจำการ เพียง ๖ เดือน

****สรุปได้ว่า นายกอภิสิทธิ์ ฯ เข้ากองประจำการ ด้วยช่องทาง มาตรา ๑๑ วรรคสอง ประกอบกับ มาตรา ๘ ต่อด้วย กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๕ ข้อ ๒ ข้อ ๓ (๓) โดยใช้วุฒิปริญญาตรี ตาม มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง ต่อด้วย กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๔ ข้อ ๒ (๘)

หลักฐานทางบัญชีเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการ (สด.๑๖) ทุกปีทีปรากฏในบัญชีฯ ว่า “ขาด” นั้น เป็นการผิดพลาดของ จนท. สัสดี กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ ปี ๒๕๓๐ เป็นต้นมา เหตุเพราะไม่จำหน่ายชื่อ นายกอภิสิทธิ์ ฯ ออกจาก บัญชีเรียกฯ (สด.๑๖) ว่า ได้รับการผ่อนผัน ตาม มาตรา ๒๗(๒) นั้น ผลจึงกลายเป็นว่า นายกอภิสิทธิ์ฯ  ขาดการตรวจเลือกฯ

จะเห็นได้จากการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และออกเลขเครื่องหมายให้ กับนายกอภิสิทธิ์ ฯ ของ สัสดีกรุงเทพมหานคร เพราะย่อมยืนยันความถูกต้องของหลักฐานทีประกอบการนำตัวขึ้นทะเบียนกองประจำการ (จ.นครนายกขึ้นแทน) และหลักฐานต่างๆ ที่สัสดีกรุงเทพมหานครมีอยู่(ซึ่งบัญชีเรียกฯ ก็ขาดการตรวจเลือกฯ อยู่ แสดงว่า มีหลักฐานอื่นยืนยันว่าไม่ใช่คนขาดฯ และน่าจะเป็น บัญชียกเว้นหรือผ่อนผัน (สด.๒๐) และเมื่อ สัสดีกรุงเทพฯ ขึ้นทะเบียนฯ และออกเลขเครื่องหมายทางทหาร ให้แล้ว  คือ ท.บ.๒๕๓๑ ก.ท.๑๐๘๐๓ และจำหน่ายบัญชีรายชื่อทหารกองเกินและทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ (สด.๒๗) ว่าเข้ากองประจำการ ฯ ในปี ๓๑ นั้นเอง แต่ทำไม สัสดีกรุงเทพฯ หน่วยงานเดียวกันนี้ ไม่ยอมจำหน่ายบัญชีเรียกฯ (สด.๑๖) โดยที่ปล่อยให้ยังคงขาดอยู่ต่อไป และยังคัดชื่อให้ขาดอยู่ทุกปีไปจนถึงปี ๓๖ พ้นกำหนดเรียก และไม่มีการแจ้งให้เขตจำหน่าย การเข้ากองฯ ที่ บัญชีทหารกองเกิน (สด.๑ )และ ต้นขั้ว ใบสำคัญ(สด.๙) หรือมีการแจ้งแล้ว  แต่เขตก็ไม่ดำเนินการจำหน่ายก็ไม่ทราบได้ การที่สัสดีกรุงเทพ ดำเนินการบันทึกการจำหน่ายไม่ถูกต้องครบถ้วน ในเอกสารบัญชีต่างๆ ที่ปรากฏให้เห็นตามที่ชี้ให้เห็นมานี้ พอที่จะคาดการณ์ได้ว่า เมื่อปี ๓๐ ซึ่งเป็นปีที่ นายกอภิสิทธิ์ฯ ขอผ่อนผัน ตาม มาตรา ๒๗(๒) นั้น การบันทึกการผ่อนผันในบัญชีเรียกฯ (สด.๑๖) ไม่เกิดขึ้นเพียงเอกสารเดียว ทั้งที่มีเอกสารอื่นบ่งบอกถึงการได้รับสิทธิผ่อนผัน จึงกลายเป็นว่าอภิสิทธิ์ ฯ ขาดการตรวจเลือกฯ  เพราะการไม่จำหน่ายบัญชีเรียกฯ จึงมีขื่อให้คณะกรรมการตรวจเลือกฯ เข้าใจว่าคนที่จะต้องเรียกฯ และเมื่อเรียกแล้วไม่มา ก็จึง “ขาด” ทั้งที่เหตุแห่งการผ่อนผันตาม ม.๒๗(๒) เกิดมาก่อน ที่เหตุแห่งการขาดมาทีหลัง จึงถือว่า “เหตุแห่งการขาด” เป็นโมฆะ

จะว่าไปแล้ว สด.ก.ท. ยืนยันการขาด ของนายกอภิสิทธิ์ฯ เมื่อปี ๓๐ ก็ไม่แปลกใจอะไร พอเข้าใจได้ ในเมื่อปี ๓๐ บัญชีเรียกฯ บันทึกว่า “ขาด”  แต่ สัสด.ก.ท. จะไม่สามารถยืนยัน ว่านายกอภิสิทธิ์ฯ ขาด ในปี ๓๑, ๓๒, ๓๓, ๓๔, ๓๕, ๓๖ ได้เลย เพราะว่า สด.ก.ท. เป็นผู้ที่กำหนดเลขเครื่องหมายให้ นายกอภิสิทธิ์ฯ และจำหน่าย บัญชีรายชื่อ ฯ (สด.๒๗) นั่นหมายถึงว่า สด.ก.ท. เป็นผู้กำหนดให้นายกอภิสิทธิ์ฯ เข้ากองประจำการ ตามวัน เดือน ปี ที่ลงวันรับราชการให้ ตามที่ปรากฏใน ทะเบียนกองประจำการ (สด.๓) และ สด.ก.ท. อีกเช่นกัน ที่กำหนดให้ นายกอภิสิทธิ์ฯ ขาดการตรวจเลือกฯ โดยคัดรายชื่อไว้ใน บัญชีเรียกฯ(สด.๑๖) ประเภทคนขาดการตรวจเลือกฯ ไว้ทุกปีหลังจากขึ้นทะเบียนกองประจำการให้แล้ว  ยังมีเอกสารอีกมากมายทั้งที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สด.ก.ท. และในความรับผิดชอบของ สด.เขต ต่างๆ ที่ไม่ได้ทำการบันทึกให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผน ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การปลดย้ายประเภทด้านหลัง สด.๑(สด.เขต) และการปลดย้ายประเภทของ สด.๒๗(สด.ก.ท.) เป็นต้น

คนทั่วไปยังเข้าใจผิดอีกหลายเรื่อง เช่น

 ◊◊บัญชีเรียกฯ (สด.๑๖) ประเภท “คนที่พ้นจากฐานะยกเว้นผ่อนผัน” คนทั่วไป เห็นชื่อที่หัวบัญชี แล้วเข้าใจว่า คนทุกคนที่อยู่ในบัญชีประเภทนี้ คือคนที่พ้นจากการยกเว้นหรือหมดเหตุผ่อนผันแล้วทั้งหมด ซึ่งความเป็นจริงไม่ใช่เช่นนั้น มีส่วนหนึ่งที่ใช่ ยังมีคนอีกหลายประเภทที่รวมอยู่ในบัญชีนี้  บัญชีเรียกฯ มีอยู่ ๕ ประเภท คือ ๑) “คนหลีกเลี่ยงขัดขืน” , ๒) “คนที่ขาดการตรวจเลือก” , ๓) “คนที่อยูในกำหนดเรียกธรรมดา” , ๔) “คนที่พ้นฐานะยกเว้นผ่อนผัน”, ๕) “คนผ่อนผัน” คนที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะอยู่ในบัญชีเรียกฯ อีก ๔ ประเภท จะต้องมาอยู่ใน บัญชีเรียกฯ ประเภท “คนที่พ้นจากฐานะยกเว้นผ่อนผัน” นายกอภิสิทธิ์ ฯ อยู่ประเภท “ตกค้างการลงบัญชีทหารกองเกิน” ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะอยู่ในบัญชีประเภทอื่นๆ อีก ๔ ประเภท ก็ต้องอยู่ในบัญชีเรียกฯ “คนที่พ้นจากฐานะยกเว้นผ่อนผัน” (เฉพาะเมื่อปี ๒๕๓๐) ไม่ได้หมายความว่า นายกอภิสิทธิ์ฯ พ้นจากฐานะการยกเว้นหรือผ่อนผันแล้ว ตามชื่อบัญชีฯ คนที่อยู่ในบัญชีทั้ง ๕ ประเภทนี้ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะขอยกเว้นหรือผ่อนผัน ตามที่ พ.ร.บ.รับราชการทหารบัญญัติ แต่ถ้าบุคคลใดที่กระทำผิด พ.ร.บ. มาตราใดมาตราหนึ่ง และมีคดีความอยู่จะมาขอยกเว้นหรือผ่อนผัน(เมื่อได้ตัว) ก็จะต้องส่งดำเนินคดีก่อน ส่วนบัญชีเรียกฯ ประเภท “คนผ่อนผัน” มันเป็นบัญชีเรียกฯ ของ นักเรียก นิสิต นักศึกษา ที่อยู่ในสถาบันการศึกษาของประเทศไทยอย่างเดียวเท่านั้น

◊◊บางคนเข้าใจว่า นายกอภิสิทธิ์ฯ ถึงกำหนดเกณฑ์ทหารแล้วไม่ไปเกณฑ์ ความผิดสำเร็จแล้ว แต่ทำไมไปสมัครบรรจุเป็นอาจารย์ รร.จปร. ได้ ต้องทำความเข้าใจว่า การไม่ไปเกณฑ์ทหารไม่ได้หมายความว่าผิดกฎหมายทุกคน ถึงแม้ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร ก็มิใช่ว่าจะมีความผิดฐานเดียวกันทุกคน ดังนั้นการฟ้องร้องดำเนินคดี จะต้องแยกแยะออกไป และโทษก็ต่างกันออกไป ไม่ใช่ความเป็น ๒ มาตรฐานแต่อย่างใด มีตัวบทกฎหมายกำหนดไว้แล้วอย่างชัดเจน  การจะดูว่าไปเกณฑ์/ไม่ไปเกณฑ์ ทหาร ผิดหรือไม่ ผิดอย่างไร คนที่จะต้องไปเกณฑ์ คือคนที่ถูกเรียกฯ โดยหมายเรียกของ นอภ. หรือ ผอ.เขต (สด.๓๕) ในหมายเรียกฯ จะกำหนดวัน เดือน ปี เวลา สถานที่ไว้แน่นอน คนที่ไม่ถูกเรียกฯ ไม่มีหน้าที่ไปเกณฑ์ แต่จะผิดฐานไหนอย่างไร และจะต้องปฏิบัติอย่างไร จึงจะถึงขั้นตอนการเกณฑ์ จะไม่ลงไปในรายละเอียด และการเรียกฯ นั้นจะต้องเรียกฯเป็นปีๆ ไป ถ้ายังไม่มาเกณฑ์ ต้องออกหมายเรียกฯให้มาปีต่อไปใหม่ เป็นอย่างนี้ไปจนกว่าจะพ้นกำหนดเรียกฯ กรณีของ นายกอภิสิทธิ์ฯ ถูกเรียกฯครั้งเดียวเมื่อ ๔ ก.ค.๒๙ ให้ไปเกณฑ์วันที่ ๑๑ เม.ย.๓๐(เข้าใจว่ากำหนดวันเกณฑ์วันนั้น เพราะ ปี๓๑-๓๒ ก็กำหนดวันเกณฑ์เป็นวันที่ ๑๑ เม.ย.เช่นกัน) แต่นายกอภิสิทธิ์ฯ ใช้สิทธิ์ผ่อนผัน ขอไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ ตาม มาตรา ๒๗(๒) แห่ง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ ซึ่งขอผ่อนผัน มีกำหนด ๓ ปี การถูกเรียกฯ ของปี ๒๕๓๐ นายกอภิสิทธิ์ฯ ก็ไม่ต้องมาตามหมายเรียกฯ นั้น ตาม มาตรา ๒๗(๒) และผู้อนุมติให้นายกอภิสิทธิ์ฯ ไม่ต้องมาเข้ารับการตรวจเลือกฯ คือ ผว.กทม. สำหรับการขอผ่อนผันนั้น จะผ่านทางเขตพระโขนง หรือผ่านทาง ก.พ. ต้องถามเจ้าตัว แต่ผู้อนุมัติคือ ผว.กทม. และเมื่ออนุมัติแล้ว จะออก “หนังสือผ่อนผันการเข้ารับราชการทหาร” (สด.๔๑) ให้เจ้าตัวถือไว้เป็นหลักฐาน ส่วนหลักฐานที่ทางราชการมีคือ สำเนาคู่ฉบับของหนังสือผ่อนผันฯ(สด.๔๑) (อยู่ี่ที่ สด.ก.ท.)และ บัญชียกเว้นหรือผ่อนผัน (สด.๒๐) (มีที่ สด.ก.ท. และ สด.เขตพระโขนง) ตามหลักฐานใน สด.๒๐ ที่ นายกอภิสิทธิ์ฯ มีอยู่ ระบุเลขที่ลงรับหนังสือ และวันเดือนปี อยู่ในเดือน พ.ย.๒๙ แปลว่าได้รับอนุมัติการผ่อนผันก่อนที่จะถึงกำหนดเกณฑ์ใน ๑๑ เม.ย.๓๐ หลักฐานหรือเอกสารอื่นที่ขัดแย้งและเหตุการณ์อื่นที่เกิดขึ้นทีหลังจึงเป็นอันใช้ไม่ได้(ความหมายก็คือ นายกอภิสิทธิ์ฯ ไม่ได้มีความผิดเรื่องการไม่ไปเกณฑ์ทหาร ปี ๒๕๓๐ ) ถ้าเป็นไปตามหนังสือผ่อนผัน นายกอภิสิทธิ์ฯ จะไปถูกเรียกฯ อีกครั้งในปี ๒๕๓๓ แต่ถ้าหมดเหตุผ่อนผันก่อนกำหนดนั้น เมื่อเจ้าตัวไปแจ้งการหมดเหตุ ก็จะถูกเรียกฯในปีที่จะถึงกำหนดเกณฑ์นั้นๆ

 ◊◊คำถามมีว่า นายกอภิสิทธิ์ฯ เข้าบรรจุรับราชการทหาร ยศ ร.ต. ที่ รร.จปร. เมื่อ ปี ๒๕๓๑ ได้ไหม/ถูกต้องหรือไม่  ก็ต้องตอบว่าการที่ทางราชการทหารจะบรรจุบุคคลพลเรือนเข้ารับราชการทหารประจำการ (ไม่ใช่ทหารกองประจำการ) เขามีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ที่ไม่ใช่ พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ ซึ่งทาง รร.จปร. เขาต้องดูกฎระเบียบดังกล่าวอย่างละเอียดแล้ว จึงขอบรรจุไปที่ กองทัพบก และกองทัพบกก็บรรจุให้ แปลว่าหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ถูกต้องครบถ้วน (ขอย้ำว่าอย่าไปดู พ.ร.บ.รับราชการทหาร เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกับการบรรจุ การบรรจุเข้ารับราชการทหารนั้น รับได้ทั้งคนที่ยังไม่เป็นทหารกองเกิน ,เป็นทหารกองเกินแต่ยังไม่ผ่านการเกณฑ์ ,ผ่านการเกณฑ์แล้ว ไม่ถูกเข้ากองประจำการ  และผ่านการเกณฑ์แล้วถูกเข้ากองประจำการแล้ว และปลดจากกองประจำการแล้ว ) และ นายกอภิสิทธิ์ฯ ก็อยู่ในประเภท คนที่ยังไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร แต่ก็ไม่ได้อยู่ในฐานะ ที่หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร แต่อยู่ในฐานะการผ่อนผันการเกณฑ์ฯ ซึ่งไม่ขัดคุณสมบัติอะไร เพราะเมื่อบรรจุเข้ารับราชการทหารประจำการแล้ว ก็ต้องอยู่ในกองประจำการ ตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร ๒๔๙๗ ตาม มาตรา ๑๑ วรรคสอง ซึ่งนั่นก็คือ การปฏิบัติตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ ครบถ้วน(ระหว่างรับราชการทหารประจำการ ในขณะเดียวกันก็อยูในกองประจำการไปด้วยควบคู่กันไป)

 ◊◊เอกสารหลักฐานตัวจริงที่ นายกอภิสิทธิ์ฯ ถืออยู่ไปไหนหมด ไม่มีมายืนยัน   ๑) ใบสำคัญ (สด.๙) ใบเดิมหาย แจ้งขอใบแทน   ๒) ใบสำคัญ(สด.๙) ฉบับแทน ใช้เป็นเอกสารประกอบการนำตัวขึ้นทะเบียนกองประจำการ และเมื่อ สด.ก.ท.ขึ้นทะเีบียนกองประจำการแล้ว จะส่งให้ เขตผู้ออกใบสำคัญเป็นผู้ทำลายใบสำคัญนั้น   ๓) หนังสือผ่อนผันฯ (สด.๔๑) น่าจะหายไปพร้อมกับ สด.๙ ใบเดิม จึงมีการออกหนังสือรับรองการผ่อนผันฯ เพื่อนำไปเป็นเอกสารประกอบการนำตัวขึ้นทะเบียนกองประจำการ(ซึ่งใบรับรองนี้ก็มีการพิมพ์ข้อความผิด )

เอกสารที่ทางราชการ สด.ก.ท. ไม่มี(ทำลายไปแล้ว) คือ บัญชียกเว้นผ่อนผัน (สด.๒๐),สำเนาคู่ฉบับ หนังสือผ่อนผัน (สด.๔๑) ซึ่งจะเป็นหลักฐานยืนยันว่า นายกอภิสิทธิ์ ฯ ไม่ได้ผิด พ.ร.บ.รับราชการทหาร

เอกสารที่ทางราชการ สด.ก.ท. มี (แต่บันทึกผิด) คือ บัญชีเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการ(สด.๑๖) นอกจาก  สำเนา สด.๒๐ ที่ ปชป.นำมาโชว์แล้วไม่สามารถหาหลักฐานฉบับตัวจริงอื่นๆมาหักล้างได้ว่าบันทึกผิด แต่ที่เชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็เพราะว่า การบันทึกหรือไม่บันทึกที่ก่อให้เกิดความผิดพลาด มีให้เห็นต่อมาอีกและยังเป็นหลักฐานยืนยันอยู่ คือ เมื่อขึ้นทะเบียนกองประจำการให้แล้ว ไม่มีการจำหน่ายรายชื่อออกจากการขาดการตรวจเลือกฯ

ที่มา Blog Sd Settakarn 


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#344 Tam-mic-ra.

Tam-mic-ra.

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,948 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:19

#343 icon_share.png   คนกรุงธน

 

ข้อความมาแปะเสียยืดยาวเชียวครับ

ผมย้ำสั้นๆเหมือนเดิม คือ ชื่อมาร์คที่เ็ห็นกันในบัญชี  สด.20 นั้น   มันไม่มีที่มา(เก๊)หรือเอกสารอื่นประกอบครับ 

   สด.41 ก็ไม่มีใครเคยเห็นเลย    เขาสอบกันไปจบแล้ว  ไม่มีการผ่อนผันครับ  

 เอาตามข้อมูลกัน   ตอนนั้นมาร์คก็ไม่ได้เรียนนอกและเพิ่งมาลงกองเกินปลายปี 2529 ....... และไม่ได้ทำเรื่องผ่อนผันไว้จริง

 

 

อ่านคร่าวๆ ยังมีมั่วอีกหลายประโยคเลย  แต่มันเยอะไป เอาแค่นี้ก่อน 

ว่าแต่มีคนท้าดีเบต ไม่เอากะเขาหน่อยเหรอครับ   :D


Edited by Tam-mic-ra., 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:31.

"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ" :unsure:

 

นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง!  รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง :lol:      http://webboard.seri...แค/#entry842224   ;      http://webboard.seri...-25#entry408954


#345 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:00

#343 icon_share.png   คนกรุงธน

 

ข้อความมาแปะเสียยืดยาวเชียวครับ

ผมย้ำสั้นๆเหมือนเดิม คือ ชื่อมาร์คที่เ็ห็นกันในบัญชี  สด.20 นั้น   มันไม่มีที่มา(เก๊)หรือเอกสารอื่นประกอบครับ 

   สด.41 ก็ไม่มีใครเคยเห็นเลย    เขาสอบกันไปจบแล้ว  ไม่มีการผ่อนผันครับ  

 เอาตามข้อมูลกัน   ตอนนั้นมาร์คก็ไม่ได้เรียนนอกและเพิ่งมาลงกองเกินปลายปี 2529 ....... และไม่ได้ทำเรื่องผ่อนผันไว้จริง

 

 

อ่านคร่าวๆ ยังมีมั่วอีกหลายประโยคเลย  แต่มันเยอะไป เอาแค่นี้ก่อน 

ว่าแต่มีคนท้าดีเบต ไม่เอากะเขาหน่อยเหรอครับ   :D

มันไม่ได้ท้าดีเบตหรอก ก็เห็นมันโพสยั่วๆ พอเราเอามั่งก็แต๋วแตก

ท้าตีท้าต่อยซะมากกว่า ผมไม่อยากมีเรื่อง ขี้เกียจขึ้นศาล และก็คนในนามสกุลผมก็เป็นระดับ รองปลัด กทม.ไม่อยากเสียชื่อเสียง


Edited by คนกรุงธน, 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:31.

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#346 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:08

#343 icon_share.png   คนกรุงธน

 

ข้อความมาแปะเสียยืดยาวเชียวครับ

ผมย้ำสั้นๆเหมือนเดิม คือ ชื่อมาร์คที่เ็ห็นกันในบัญชี  สด.20 นั้น   มันไม่มีที่มา(เก๊)หรือเอกสารอื่นประกอบครับ 

   สด.41 ก็ไม่มีใครเคยเห็นเลย    เขาสอบกันไปจบแล้ว  ไม่มีการผ่อนผันครับ  

 เอาตามข้อมูลกัน   ตอนนั้นมาร์คก็ไม่ได้เรียนนอกและเพิ่งมาลงกองเกินปลายปี 2529 ....... และไม่ได้ทำเรื่องผ่อนผันไว้จริง

 

 

อ่านคร่าวๆ ยังมีมั่วอีกหลายประโยคเลย  แต่มันเยอะไป เอาแค่นี้ก่อน 

ว่าแต่มีคนท้าดีเบต ไม่เอากะเขาหน่อยเหรอครับ   :D

เอาล่ะๆ ไม่โต้กันแล้ว รอศาลปกครองตัดสินดีกว่า

คุณก็เก่งนะ อยากจะถามเรื่อง สด.43 ของลูกเหลิมหน่อยสิ

ว่าทำไมมันจบไปดื้อๆล่ะ เป็นเพราะพ่อมันเส้นใหญ่ใช่มั๊ย

 

ลองอ่านข่าวดูนะครับ

   ทั้งนี้ นายอาจหาญ และนายวัน อยู่บำรุง บรรจุเข้ารับราชการเป็นตำรวจสัญญาบัตร ติดยศ ร.ต.ต.ภายใต้สังกัดกองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และใน พ.ศ.2542 ร.ต.ต.อาจหาญ และ ร.ต.ต.วันเฉลิม ตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาใช้ใบเกณฑ์ทหาร หรือ สด.43 ปลอม สมัครเข้ารับราชการตำรวจ และหลังเรื่องดังกล่าวแดงขึ้น คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเอกสาร สด.43 ของ ร.ต.ต.อาจหาญ กับ ร.ต.ต.วันเฉลิม อยู่บำรุง ได้นำใบ สด.43 ของบุคคลทั้ง 2 ซึ่งอ้างว่าได้รับจากการตรวจเลือกทหารไปเปรียบเทียบกับต้นขั้วของกองทัพบก ปรากฏว่าที่ต้นขั้วของกองทัพบก ทั้ง ร.ต.ต.อาจหาญ และร.ต.ต.วันเฉลิม ไม่ได้มารับการเกณฑ์ทหาร และใบ สด.43 ของทั้งคู่ที่ใช้ในการสมัครเข้ารับราชการตำรวจจึงเป็นของปลอม ซึ่งทั้งคู่จะต้องมีความผิดทางอาญา โดย พล.ต.ศักดิ์สิน ทิพยเกษตร เจ้ากรมการกำลังสำรองทหารบกขณะนั้นชี้แจงว่า เมื่อพนักงานสอบสวนสรุปผลว่าเอกสาร สด.43 ดังกล่าวเป็นของปลอม ทั้งคู่จะต้องถูกดำเนินคดีฐานปลอมแปลงเอกสาร และในปีถัดไป ร.ต.ต.วันเฉลิม ยังคงต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารอีก เพราะอายุยังไม่เกิน 29 ปี (ในขณะนั้น) ส่วน ร.ต.ต.อาจหาญ อายุเกินแล้วจึงถูกดำเนินคดีอาญาเพียงอย่างเดียว
       
       ถัดมา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2542 ทั้ง ร.ต.ต.อาจหาญ และร.ต.ต.วันเฉลิม ได้ประกาศขอลาออกจากราชการ แต่หลังจากนั้นอีกเพียง 2 วัน คือวันที่ 4 มีนาคม 2542 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่อนุมัติให้ลาออก แต่มีคำสั่งให้ ร.ต.ต.อาจหาญ และ ร.ต.ต.วันเฉลิม ออกจากราชการแทน พร้อมทั้งดำเนินคดีอาญาฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม

 

เป็นไงครับ...ถ้าเป็นบุคคลอื่น จะจบอย่างนี้มั๊ย


Edited by คนกรุงธน, 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:35.

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#347 หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 734 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:34

โอ้.. โห ..  แมลงสาปคุณภาพจิงๆ  

 

ใบสอดง  สอสด 9  .. นี่ไม่พูดถึงเลยแฮะ      

 

ไอ้ใบที่พี่มาร์คของผมเอาไปแกว่งในสภาแล้วบอกเป็นของจริงอะ ..   ใบที่พี่โชคเอามาโชว์ว่าเป็นของจริงอ่ะ 

 

พอกลาโหมให้ยื่นเอกสารชี้แจง  พี่มาร์คบอกหาย (อีกแร๊ะ) ....   


Edited by หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง, 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:50.


#348 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:46

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
 
 
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 200px-Abhisit_royal.jpg นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 27 ดำรงตำแหน่ง
17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554
(&&&&&&&&&&&&&&02.&&&&&02 ปี &&&&&&&&&&&&0231.&&&&&0231 วัน) รองนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ
ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รักษาการแทน สุเทพ เทือกสุบรรณ สมัยก่อนหน้า สมชาย วงศ์สวัสดิ์ สมัยถัดไป ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรไทย ดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1
23 เมษายน พ.ศ. 2548 – 19 กันยายน พ.ศ. 2549
(รัฐประหาร) นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 2
27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 – 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551
(เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) นายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อยู่ในวาระ เริ่มดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 3
16 กันยายน พ.ศ. 2554 นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมัยก่อนหน้า บัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในวาระ เริ่มดำรงตำแหน่ง
5 มีนาคม พ.ศ. 2548 สมัยก่อนหน้า บัญญัติ บรรทัดฐาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่ง
14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 – 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 นายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย สมัยก่อนหน้า โภคิน พลกุล
ชิงชัย มงคลธรรม
ปิยะณัฐ วัชราภรณ์
วีระกร คำประกอบ
สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
รักเกียรติ สุขธนะ สมัยถัดไป จาตุรนต์ ฉายแสง
พลเอก ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
สมศักดิ์ เทพสุทิน
กระแส ชนะวงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่ง
13 ตุลาคม พ.ศ. 2535 – 16 ธันวาคม พ.ศ. 2537 สมัยก่อนหน้า มนตรี เจนวิทย์การ สมัยถัดไป อรรคพล สรสุชาติ คณะรัฐมนตรีเงา ดำรงตำแหน่ง
29 มกราคม พ.ศ. 2551 – 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 อยู่ในวาระ เริ่มดำรงตำแหน่ง
6 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ข้อมูลส่วนบุคคล เกิด 3 สิงหาคม พ.ศ. 2507 (48 ปี)
นิวคาสเซิลอัพพอนไทน์ สหราชอาณาจักร พรรคการเมือง ประชาธิปัตย์ คู่สมรส ผศ.ดร.ทพญ.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ วิชาชีพ นักเศรษฐศาสตร์[1] ศาสนา พุทธ ลายมือชื่อ 128px-Thai-PM-abhisit_signature.PNG
55px-Flag_of_Thailand.svg.png

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งหรือเกี่ยวข้องกับ
วิกฤตการเมืองไทย พ.ศ. 2548-2553

การเมืองไทยประวัติศาสตร์ไทย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือชื่อเกิดว่า มาร์ก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ละติน: Mark Abhisit Vejjajiva,[2] เกิด 3 สิงหาคม พ.ศ. 2507) เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของไทย ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร และรักษาการต่อถึงวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 และเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2548 เนื่องจากเป็นหัวหน้าพรรคใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรด้วย

อภิสิทธิ์เกิดในแคว้นอังกฤษ เข้าวิทยาลัยอีตัน และสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2535 ขณะอายุได้ 27 ปี เขาถูกจัดอันดับเป็นนักการเมืองแถวหน้าของพรรคอย่างรวดเร็ว แต่อภิสิทธิ์ก็เคยแพ้การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อ พ.ศ. 2544 อภิสิทธิ์ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หลังพรรคแพ้การเลือกตั้งเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548[3] อภิสิทธิ์ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ในวัย 44 ปี [4] หลังศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นผลให้นายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่ง

อภิสิทธิ์เป็นผู้นำประเทศระหว่างวิกฤตการณ์การเงินโลก และเผชิญหน้ากับความตึงเครียดทางการเมืองในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะดำรงตำแหน่ง เขาเสนอ "วาระประชาชน" ซึ่งมุ่งสนใจนโยบายซึ่งมีผลต่อสภาพความเป็นอยู่ของพลเมืองชนบทและผู้ใช้แรงงานของไทยเป็นหลัก[5] เขาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสองประการที่สำคัญ คือ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสามปี มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ และโครงการให้เงินอุดหนุนและแจกเงินมูลค่า 3 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ[6] ยุคอภิสิทธิ์มีการปิดเว็บไซต์และสถานีวิทยุเป็นจำนวนมาก ตลอดจนจับกุมและปิดปากบุคลากรสื่อ ผู้ต่อต้านและหัวหน้าแรงงานจำนวนมาก โดยอ้างความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย[7][8] จากรายงาน พ.ศ. 2553 ฮิวแมนไรตส์วอตช์เรียกยุคอภิสิทธิ์ว่าเป็น "มีการเซ็นเซอร์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยล่าสุด" และฟรีดอมเฮาส์ ลดระดับอันดับเสรีภาพสื่อของไทยลงเหลือ "ไม่เสรี"[9][10] อภิสิทธิ์ยังสนับสนุนมาตรการต่อต้านคอร์รัปชัน แต่รัฐมนตรีหลายคนกลับมีเรื่องอื้อฉาวทางการเมือง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายส่วนถูกวิจารณ์ว่าคอร์รัปชัน

รัฐบาลอภิสิทธิ์เผชิญการประท้วงใหญ่ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 และเดือนเมษายนและพฤษภาคม พ.ศ. 2553 อภิสิทธิ์ดำเนินโครงการปรองดองเพื่อสืบสวนเหตุสลายการชุมนุม แต่การทำงานของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกลับถูกขัดขวางโดยองค์กรทหารและองค์กรรัฐ[11] กองทัพไทยปะทะกับกัมพูชาหลายครั้งระหว่าง พ.ศ. 2552-2553 ซึ่งเป็นการสู้รบนองเลือดที่สุดในรอบกว่าสองทศวรรษ[12]เหตุความไม่สงบในชายแดนภาคใต้บานปลายขึ้นระหว่างรัฐบาลอภิสิทธิ์ และรายงานการทรมานและการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้น

หลังแพ้การเลือกตั้งเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 เขาได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 แต่ได้รับเลือกใหม่ในเดือนสิงหาคม ปีเดียวกัน

ประวัติ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีชื่อเล่นว่า "มาร์ค" เกิดวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2507 ที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ เขามีเชื้อสายจีนฮั่น[13][14] จากฮกเกี้ยน[15] บิดาชื่อ ศาสตราจารย์ นายแพทย์อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ มารดาชื่อ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงสดใส เวชชาชีวะ

เมื่อยังมีอายุไม่ถึงหนึ่งปี ครอบครัวเวชชาชีวะได้เดินทางกลับประเทศไทย อภิสิทธิ์ได้เข้าเรียนระดับอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลยุคลธร ระดับประถมที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากนั้นได้ย้ายกลับประเทศอังกฤษเพื่อเข้าเรียนที่โรงเรียนสเกทคลิฟ และเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมอีตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำเอกชน ระดับเตรียมอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของลอนดอน ได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ (philosophy, politics and economics, PPE) ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร 3 ปี โดยได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง นับเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในสาขาวิชานี้ ต่อจากพระยาศรีวิสารวาจา (หุ่น ฮุนตระกูล)[16]

หลังสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี อภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก ระหว่างปี พ.ศ. 2530–2531 ได้รับการแต่งตั้งยศร้อยตรี[17] ก่อนจะลาออกจากราชการกลับไปศึกษาต่อระดับปริญญาโททางด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดอีกครั้ง ปริญญานิพนธ์ของอภิสิทธิ์ได้รับการยอมรับในระดับดีมาก โดยเทียบได้กับเกียรตินิยมอันดับ 1 เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทแล้ว ได้กลับมาเป็นอาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[17] หลังจากนั้นยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจนสำเร็จปริญญาตรีนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงอีกด้วย[17]

ต้นปี พ.ศ. 2549 อภิสิทธิ์ได้รับปริญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง[18] จากการใช้ความรู้ความสามารถด้านกฎหมายปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร[19] และต้นปี พ.ศ. 2554 ได้รับปริญญาปรัชญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ สาขาภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง[20]

ตระกูลเวชชาชีวะ

ตระกูล "เวชชาชีวะ" มีบรรพบุรุษเป็นชาวจีน โดยมีถิ่นกำเนิดมาจากฮากกา ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับชนชั้นสูงมาตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18[21][22] มีแซ่ในภาษาจีนว่า หยวน (จีน: ; พินอิน: Yuán) [23][24] ในสมัยรัชกาลที่ 6 สกุล "เวชชาชีวะ" (Vejjajiva) เป็นนามสกุลพระราชทานให้กับพระบำราศนราดูร (หลง เวชชาชีวะ) แพทย์ประจำจังหวัดลพบุรี กับจิ๊นแสง (บิดา) เป๋ง (ปู่) และก่อ (ปู่ทวด) เนื่องจากเป็นต้นตระกูลเป็นแพทย์จึงมีคำว่า "เวช" อยู่ในนามสกุลด้วย[25]

อภิสิทธิ์เป็นบุตรชายคนเดียว ในจำนวนบุตร 3 คน ของศาสตราจารย์ นายแพทย์อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลกับ ศ.พญ.สดใส เวชชาชีวะ มีพี่สาว คือ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอลิสา วัชรสินธุ ศาสตราจารย์หน่วยจิตเวชเด็ก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็ก และงามพรรณ เวชชาชีวะ นักประพันธ์รางวัลซีไรท์ประจำปี พ.ศ. 2549 และผู้แปลวรรณกรรมเยาวชน

อภิสิทธิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยที่สุรนันทน์เป็นบุตรของนิสสัย เวชชาชีวะ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นพี่ชายของบิดาอภิสิทธิ์[26]

อภิสิทธิ์เป็นหลาน รองศาสตราจารย์ ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด อดีตรองอธิการบดีฝ่ายทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตอาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นลูกพี่ลูกน้องพงศ์เวช เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดจันทบุรีกับศุภกรณ์ เวชชาชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) [27]

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมรสกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ (สกุลเดิม ศกุนตาภัย) อดีตทันตแพทย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีบุตรธิดาด้วยกัน 2 คนคือ ปราง เวชชาชีวะ และปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ[28] ปัณณสิทธิ์นั้นเป็นโรคออทิซึมมาแต่กำเนิด ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางจึงสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความพิทักษ์ของอภิสิทธิ์ผู้เป็นบิดาตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2555[29]

ข้อกล่าวหาการถือสองสัญชาติ

การถือสัญชาติไทยโดยที่ไม่ได้สละสัญชาติอังกฤษ กลายเป็นประเด็นการอภิปรายในรัฐสภาเมื่อต้น พ.ศ. 2554 นำโดย จตุพร พรหมพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยและแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เจ้าของสำนักงานกฎหมายอัมสเตอร์ดัม และที่ปรึกษากฎหมายของกลุ่ม นปช. ได้เดินทางไปยังอังกฤษ เพื่อคัดสำเนาสูติบัตรของอภิสิทธิ์ นำมาแสดงว่าอภิสิทธิ์ยังถือสัญชาติอังกฤษ และได้เรียกร้องเพิ่มเติมว่า หากอภิสิทธิ์ยืนยันว่าสละสัญชาติอังกฤษมาถือสัญชาติไทยแล้ว ก็ต้องเอาใบสละสัญชาติมาแสดง มิฉะนั้นจะนำเรื่องไปฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ [30]

กฎหมายอังกฤษระบุว่า เด็กที่เกิดในประเทศอังกฤษก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) จะได้รับสัญชาติอังกฤษ เว้นแต่จะเกิดแต่คณะเจ้าหน้าที่และตัวแทนทางทูต ผู้ซึ่งมีความคุ้มกันทางทูต และหากเกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) โดยมีบิดาหรือมารดาคนหนึ่งคนใดเป็นคนอังกฤษ หรือตั้งรกรากอยู่ในประเทศอังกฤษ จะได้รับสัญชาติอังกฤษ [31] ขณะที่กฎหมายไทยระบุว่า ผู้เกิดโดยบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย ไม่ว่าจะเกิดในหรือนอกราชอาณาจักรไทย ย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิด (พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 7 (1)) [32]

บิดาและมารดาของอภิสิทธิ์มิได้เป็นคนอังกฤษ และมิได้ตั้งรกรากในประเทศอังกฤษ (บิดาและมารดาเพียงแค่ไปศึกษาต่อเท่านั้น) อภิสิทธิ์เคยกล่าวว่า ตนใช้สัญชาติไทยมาตลอด ยังต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศอังกฤษ [33] และยังคงต้องรับการตรวจเลือกเกณฑ์ทหารด้วย อย่างไรก็ตาม การถือสัญชาติไทยโดยที่ไม่ได้สละสัญชาติอังกฤษ ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อตำแหน่งทางการเมือง

ข้อกล่าวหาการหนีราชการทหาร

ช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 วีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. เปิดเผยว่าอภิสิทธิ์ไม่เข้ารับการตรวจเลือกการเกณฑ์ทหาร[34][35] พร้อมทั้งแจกจ่ายจดหมายเปิดผนึกให้กับพรรคประชาธิปัตย์และสื่อมวลชน[36] เรื่องดังกล่าวมีการเปิดเผยต่อสาธารณะมาก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 (สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย 1) โดยอภิสิทธิ์ได้เคยแถลงว่า ตนเคยรับราชการทหาร เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร ได้รับพระราชทานยศร้อยตรี โดยการเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (รร.จปร.)[34] คำแถลงของอภิสิทธิ์ ได้รับการยืนยันจากกองทัพในขณะนั้นว่าเป็นความจริง แต่เนื่องจากการเข้ารับราชการ ต้องแสดงเอกสารเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร[37] จึงเกิดข้อกังขาว่า หากอภิสิทธิ์ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร เหตุใดจึงสามารถสมัครเข้าเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าได้ ซึ่งอภิสิทธิ์เคยแถลงเพียงว่า เป็นอำนาจวินิจฉัย และความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานในขณะนั้น พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อปี พ.ศ. 2542 มีความเห็นว่า ในครั้งนั้น อภิสิทธิ์สมัครเข้ารับราชการสังกัดกระทรวงกลาโหมโดยขาดส่งหลักฐานทางทหาร ซึ่งมีฐานความผิดเพียงโทษปรับ แต่ยอมรับว่าอภิสิทธิ์เข้ารับราชการทหารแล้ว[38]

ช่วงเวลาเดียวกันมีความเห็นจากแหล่งข่าวในกองทัพ ว่ากองทัพบกมีเอกสารต้นขั้ว สด.๙ ที่ออกให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อบรรจุเป็นทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 จริง และมีเอกสาร สด.๑ ของสัสดีที่ยืนยันการรับ สด.๙ ด้วย อย่างไรก็ดี แม้อภิสิทธิ์ไม่มารับการตรวจเลือกและไม่ได้รับ สด.๔๓ แต่เมื่อไปรับราชการ เป็นข้าราชการพลเรือนสังกัดกระทรวงกลาโหมในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2530 ก็ถือว่ามีฐานะเป็นทหารแล้ว เพียงแต่ไม่ไปแจ้งให้พ้นบัญชีคนขาดเท่านั้น[39]

การโจมตีเรื่องอภิสิทธิ์ไม่ได้เข้ารับการตรวจเลือกการเกณฑ์ทหาร เกิดขึ้นอีกครั้งประมาณปลายปี พ.ศ. 2551 หลังพรรคพลังประชาชนถูกศาลวินิจฉัยให้ยุบพรรค และอภิสิทธิ์เป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาสจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยประเด็นเกี่ยวกับการรับราชการทหารของอภิสิทธิ์ได้เป็นหัวข้อหนึ่งที่ฝ่ายค้านใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เมื่ออภิสิทธิ์ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ไม่ถึง 3 เดือน

ในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2552 อภิสิทธิ์ได้ตอบกระทู้อภิปรายไม่ไว้วางใจเกี่ยวกับการรับราชการทหารว่า มีความเข้าใจผิดว่าตนสมัครเข้ารับราชการทหาร หลังจากไม่เข้ารับการตรวจเลือกการเกณฑ์ทหาร แต่ในความเป็นจริง ได้สมัครเข้ารับราชการทหารตั้งแต่ก่อนถึงกำหนดเกณฑ์ทหารแล้ว การสมัครเข้ารับราชการทหารในขณะนั้นจึงไม่ต้องใช้ สด.๔๓ แต่ใช้ สด.๙ และหนังสือผ่อนผันฯ แทน ซึ่งอภิสิทธิ์ยืนยันว่าขณะที่สมัครเข้า รร.จปร. ตนมีเอกสาร สด.๙ ที่ได้รับประมาณกลางปี พ.ศ. 2529 หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและกลับมาถึงประเทศไทย และมีรายชื่อได้รับการผ่อนผันฯ เพื่อเรียนต่อปริญญาโท ช่วงปี พ.ศ. 2530 ถึง พ.ศ. 2532 ตามบัญชีของ ก.พ. ที่จัดทำตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2529 การสมัครเข้า รร.จปร. ของตนจึงเป็นการสมัครโดยมีคุณสมบัติครบถ้วน หลังจากสมัครเข้า รร.จปร. ได้ผ่านการฝึกทหารคล้ายการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร จนครบตามหลักสูตรจึงได้รับพระราชทานยศร้อยตรี ในการขอติดยศร้อยตรีนั้นตนได้ทำเอกสาร สด.๙ หายจึงได้ไปขอออกใบแทน แต่ในการสมัครเข้า รร.จปร. ได้ใช้ สด.๙ ตัวจริงสมัคร แล้วเอกสารมีการสูญหายในภายหลัง ในการอภิปรายครั้งนี้อภิสิทธิ์ได้แสดง สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการยกเว้นผ่อนผันฯ และ สำเนา สด.๙ ฉบับแรกของตน ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วย[40]

เข้าสู่แวดวงการเมือง

อภิสิทธิ์ เริ่มเข้าสู่แวดวงการเมืองด้วยการเป็นอาสาสมัครช่วยหาเสียงให้กับพิชัย รัตตกุล ในเขตคลองเตย ช่วงปิดภาคเรียนที่กลับมาเมืองไทย ต่อมาได้เข้าช่วยงานด้านวิชาการในเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจให้กับชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น ก่อนจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็น ส.ส. กรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2535 ขณะมีอายุได้เพียง 27 ปี ซึ่งนับว่าเป็น ส.ส. ที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น[19] และเป็น ส.ส.เพียงคนเดียวของพรรคประชาธิปัตย์ในเขตกรุงเทพมหานครและพื้นที่ภาคกลาง ท่ามกลางกระแส "มหาจำลองฟีเวอร์" กับการเป็นนักการเมือง "หน้าใหม่" ที่เพิ่งลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก

ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 อภิสิทธิ์เป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่วมปราศรัยและคัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอก สุจินดา คราประยูร[19] ที่ สนามหลวง และลานพระบรมรูปทรงม้า ในฐานะนักวิชาการ และตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในครั้งนั้นประกาศไม่เข้าร่วมรัฐบาลสุจินดา คราประยูร

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีผลงานทางการเมืองที่สำคัญ คือการจัดทำพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542[41] ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับแรกของไทย ที่ดำเนินการจัดทำจนสำเร็จในช่วงเวลาที่อภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี[42] ที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เพื่อมอบสิทธิแก่เยาวชนไทยในการได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปี ที่รัฐจะต้องจัดให้ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มาตรา 43 โดยอภิสิทธิ์มีบทบาทดูแลทั้งด้านนโยบาย หลักการและรายละเอียด รวมทั้งผลักดันให้ผ่านคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา เป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษา ของสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา และได้ดูแลจนกระทั่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรับรองและประเมินคุณภาพการศึกษาประกาศใช้

ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ สิปปนนท์ เกตุทัต อดีตกรรมการการศึกษาแห่งชาติผู้ทรงคุณวุฒิ และประธานกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เคยให้ความเห็นไว้ว่า อภิสิทธิ์เป็นผู้หนึ่งที่มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของ พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และการปฏิรูปการศึกษาของไทยอย่างทะลุปรุโปร่ง[19]

นอกจากนี้ อภิสิทธิ์ยังมีผลงานผลักดันกฎหมายและแนวคิดต่างๆ จำนวนมาก[43] เช่น กฎหมายข้อมูลข่าวสาร กฎหมายกระจายอำนาจแก่ท้องถิ่น กฎหมายคุ้มครองเสรีภาพสื่อมวลชน การผลักดันให้มี วิทยุชุมชนในท้องถิ่น การผลักดัน ให้มีองค์กรอิสระเพื่อการตรวจสอบ เช่น ปปช., ศาลปกครอง และ กกต. การเสนอมาตรการคุ้มครองผู้ให้ข้อมูลการทุจริตของ หน่วยงานรัฐ หรือนักการเมือง การเสนอกฎหมายให้การฮั้วประมูลเป็นความผิดทางอาญา การเสนอกฎหมายองค์การมหาชน เพื่อให้การให้บริการของรัฐ มีความสะดวกคล่องตัว และการผลักดันแนวคิดเรื่องการสรรหาผู้บริหารระดับสูงในองค์กรภาครัฐ ด้วยระบบสัญญาจ้าง เพื่อให้สามารถสรรหาผู้บริหารระดับสูงที่มีคุณภาพ ทำงานอย่างอิสระ โดยได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม[ต้องการอ้างอิง]

ในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวบีบีซี ที่ว่าอภิสิทธิ์ไม่เคยชนะการเลือกตั้ง ว่าผมได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรถึง 7 ครั้ง และมากครั้งกว่าพันตำรวจโททักษิณเสียอีก ผมไม่เคยปฏิเสธการเลือกตั้ง[44]

พ.ศ. 2555 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

อภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อจากบัญญัติ บรรทัดฐาน ตั้งแต่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2548 หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับคะแนนเสียงน้อยกว่าพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2548[45] และอภิสิทธิ์ได้ลาออกจาตำแหน่งภายหลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 แต่ก็ได้รับเลือกกลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ในเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน

บทบาทในช่วงวิกฤตการทางการเมือง พ.ศ. 2549

 

40px-Wikisource-logo.svg.png วิกิซอร์ซ มีงานต้นฉบับเกี่ยวกับ:

ปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 อภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอแนะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น นำคณะรัฐมนตรีลาออกทั้งคณะ และให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กราบบังคมทูลขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน โดยอาศัยความตามมาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เพื่อรักษาการชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์ทางการเมือง สืบเนื่องจากนักวิชาการ นักการเมือง และประชาชน ที่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันลงนามทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2549 โดยอ้างอิงความตามมาตรา 7 ซึ่งอภิสิทธิ์ไม่ใช่ผู้ร่วมลงนามในฎีกาดังกล่าวตามหลักฐานรายชื่อในฎีกาขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน

ข้อเสนอของอภิสิทธิ์มีความแตกต่างจากเนื้อหาในฎีกา เนื่องจากเสนอให้รักษาการนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีลาออกทั้งคณะ ก่อนที่จะขอ นายกรัฐมนตรีพระราชทาน ทำให้เกิดเงื่อนไขสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญ ในขณะที่เนื้อหาในฎีกา เป็นการขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ทั้งที่ยังมีรักษาการนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่ง จึงเป็นการขอที่ไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย[46] ต่อมาพรรคประชาธิปัตย์ได้มีแถลงการณ์ว่า ข้อเสนอของอภิสิทธิ์ ได้รับการยอมรับจาก สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ว่าสามารถปฏิบัติได้จริงตามรัฐธรรมนูญทุกประการ

วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีกระแสพระราชดำรัสต่อคณะผู้พิพากษาใจความตอนหนึ่งว่า "...เขาอยากจะได้นายกฯ พระราชทาน เป็นต้น จะขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ใช่เป็นเรื่องการปกครองแบบประชาธิปไตย..."[47][48] และหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ กลุ่มการเมืองฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้ตั้งฉายาให้กับอภิสิทธิ์ที่มีชื่อเล่นว่า "มาร์ค" ว่า "มาร์ค ม.7"

ภายใต้การบริหารพรรคของนายอภิสิทธิ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อาวุโสกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นผู้สมคบคิดแผนฟินแลนด์ เพื่อล้มล้างราชวงศ์จักรี และก่อตั้งสาธารณรัฐ อภิสิทธิ์ได้เคยตัดสินใจคว่ำบาตรการเลือกตั้ง พ.ศ. 2549 โดยไม่ส่งสมาชิกพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากเห็นว่าการเลือกตั้งเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ขาดความชอบธรรม[49] อภิสิทธิ์แสดงความไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 ซึ่งโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวต่อต้านแบบกลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในปี พ.ศ. 2550 พรรคประชาธิปัตย์ได้ถูกกล่าวหาว่ารับสินบนจากพรรคอื่น ๆ ให้คว่ำบาตรการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2549 ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินว่าอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความผิด และตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทยในข้อหาเดียวกัน อภิสิทธิ์สนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 โดยกล่าวว่าเป็นการปรับปรุงจากรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540[50] พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2550 ให้แก่พรรคพลังประชาชน

ในการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 อภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศ จับมือทางการเมืองระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และ พรรคมหาชน ปฏิเสธการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลว่าเป็นการจัดเลือกตั้งที่ไม่ถูกต้อง ตามหลักการที่ควร[51][52] เป็นผลให้ พรรคไทยรักไทยต้องส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเพียงพรรคเดียวในหลายเขตเลือกตั้ง ในที่สุดนำมาซึ่งการฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาทุจริตในการเลือกตั้ง[53][54] และต่อมามีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ "คดียุบพรรค" และศาลก็ได้มีมติให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 3 คนต้องโทษจำคุก ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วย[55][56]

ข้อกล่าวหาทุจริตการเลือกตั้ง พ.ศ. 2549

พรรคไทยรักไทยกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ว่าให้สินบนกับพรรคเล็กเพื่อคว่ำบาตรการเลือกตั้งเดือนเมษายน พ.ศ. 2549 พรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าไม่มีความผิด เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2549

วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2549 สมาชิกคณะกรรมการเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลเพื่อสรรหาข้อเท็จจริง ที่นำโดยรองอัยการสูงสุดชัยเกษม นิติสิริ มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ (เช่นเดียวกับพรรคไทยรักไทยและอีก 3 พรรคการเมือง) ขึ้นอยู่กับหลักฐานให้สินบนกับพรรคเล็กต่าง ๆ ที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้คว่ำบาตรการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 อภิสิทธิ์ประชุมกับสายสัมพันธ์ทางการเมืองจาก 20 ประเทศเพื่อที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง[57][58]

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ในกรณีก่อนที่กองทัพแต่งตั้งศาลรัฐธรรมนูญ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าสาบานตนว่าพวกเขาถูกหลอกให้สมัครเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งเดือนเมษายน[59]

พยาน 3 ปากยืนยันว่าเลขาพรรคประชาธิปัตย์ถาวร เสนเนียม, วิรัต กัลยาสิริ และเจือ ราชสีห์ สนับสนุนให้ผู้ประท้วงขัดขวางการลงสมัครรับเลือกตั้งในระหว่างการเลือกตั้งซ่อม[60] หลังจากการเลือกตั้งเดือนเมษายน 2549 อัยการยืนยันว่าพรรคพยายามตัดสิทธิ์ผลการเลือกตั้งและบังคับให้จัดการเลือกตั้งซ่อมต่อไป ข้อกล่าวหาของฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ถูกต้องซึ่งพยายานกลุ่มเดียวกันนี้ถูกว่าจ้างโดยกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม ในที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พรรคประชาธิปัตย์พ้นความผิด ขณะที่พรรคไทยรักไทยมีความผิด[61][62]

นโยบายทางการเมืองที่ตรงกันข้าม

วันที่ 29 เมษายน อภิสิทธิ์ประกาศเป็นผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ เขาสัญญาว่าจะทำให้เป็นแผนงานเพื่อประชาชน ซึ่งเน้นการศึกษาเป็นหลัก โดยที่เขาใช้สโลแกนหาเสียงว่า "ประชาชนต้องมาก่อน" เขายังได้สัญญาว่าจะไม่นำสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า ประปา เอามาเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวเหมือนกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยทำมาแล้ว[63] อภิสิทธิให้สัญญาว่า "ประโยชน์ที่ได้จากนโยบายประชานิยม เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน, และโครงการ SML จะไม่ถูกยกเลิก แต่จะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม" อภิสิทธิ์ออกมากระตุ้นในภายหลังว่าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้นควรจะเข้าใช้บริการทางการแพทย์ผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่เสียค่าบริการ[64] อภิสิทธิ์แถลงว่าอนาคตของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทุกคนจะต้องเปิดเผยบัญชีทรัพยสิน และธุรกิจที่เข้าไปเกี่ยวข้องทั้งหมด (กฎหมายกำหนดเพียงให้สมาชิกคณะรัฐมนตรีทุกคนต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน) [65]

อภิสิทธิ์รวบรวมเงินจำนวน 200 ล้านบาทในงานเลี้ยงอาหารเย็นเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีของพรรคประชาธิปัตย์ภายในที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เขาสรุปนโยบายด้านพลังงาน รวมถึงเพิ่มจำนวนการจ่ายเงินปันผลจากปตท. และการใช้กองทุนชดใช้หนี้ให้แก่กองทุนน้ำมัน และอนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระงับราคาเชื้อเพลิงที่กำลังพุ่งสูงขึ้น[66] เขาสรุปแผนทีหลังว่าจะลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินโดยลดภาษี 2.50 บาท/ลิตรออกไปจากที่เคยใช้ปรับปรุงกองทุนน้ำมันของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม แผนของเขาถูกวิจารณ์ว่าเป็นการบิดเบือนตลาดการค้าและขัดขวางไม่ให้ลดการบริโภคน้ำมัน[67]

วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 อภิสิทธิ์สัญญาว่าจะจัดการปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการทำปัญหานี้ให้อยู่ในระเบียบวาระของสังคมของจังหวัดภาคใต้[57] อีกทั้งสัญญาจะใช้นโยบายประชานิยมหลายอย่างรวมถึงนโยบายเรียนฟรี, ตำราเรียน, นมและอาหารเสริมสำหรับโรงเรียนอนุบาล และการเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ[68]

สนับสนุนรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2550

อภิสิทธิ์สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญปี 50 อภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์พิจาณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมือนกับที่เคยพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญปี 40 แต่ปรับปรุงพร้อมกับจุดบกพร่อง "ถ้าเราขอร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เราจะปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าเราปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มันจะเป็นสิ่งที่ชี้นำไปยัง (คมช.) เราเสนอจุดยืนตรงนี้ เพราะว่าเราเป็นห่วงเกี่ยวกับส่วนได้ส่วนเสียของชาติ และต้องการประชาธิปไตยกลับคืนมาโดยเร็ว" เขากล่าวอย่างนั้น[69] การรับทราบถึงจุดบกพร่องของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ อภิสิทธิ์ได้เสนอพร้อมกับเชิญชวนพรรคการเมืองอื่นๆ ให้ร่วมมือกันแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่เขามีอำนาจ[70]

เลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 ผลปรากฏว่าสมัคร สุนทรเวช จากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลผสม 6 พรรค ผลการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภาเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2551 อภิสิทธิ์ได้รับคะแนนเสียง 163 เสียง ซึ่งน้อยกว่าสมัครที่ได้ 310 เสียง[71]

การดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2548 อภิสิทธิ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรไทย คนที่ 7 หลังแพ้การเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในปี พ.ศ. 2548 และมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรี และได้พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เพราะคณะปฏิรูปการปกครองฯ ได้ทำการรัฐประหารรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรɿ

อภิสิทธิ์ได้เข้ารับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 หลังแพ้การเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในปี พ.ศ. 2550 ให้กับสมัคร สุนทรเวช และต่อมาในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 สมัคร สุนทรเวช ถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นผลให้สมชาย วงศ์สวัสดิ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อมา จวบจนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ได้มีการยุบพรรคพลังประชาชน และเป็นเหตุให้สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในประเทศไทย ธันวาคม พ.ศ. 2551 ผลปรากฏว่า อภิสิทธิ์ ได้คะแนนเสียงในสภามากกว่า จึงได้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 โดยต้องพ้นจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรก่อน

อภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนานสองปี ก็ได้ประกาศยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เขาแพ้การเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในปี พ.ศ. 2554 เขาได้รักษาการนายกรัฐมนตรีจนกระทั่งในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 และได้เข้ารับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรไทยอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้สมัคร สุนทรเวชพ้นสภาพจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใน พ.ศ. 2551 อภิสิทธิ์ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น[72] ในระหว่างการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) สมาชิกประชาธิปัตย์บางคนกลายเป็นแกนนำของ (พธม.) ซึ่งยึดทำเนียบรัฐบาล, ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะที่มีการปะทะกันระหว่าง พธม. กับตำรวจและกลุ่มต่อต้านอย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบ 3 พรรคการเมือง ซึ่งพรรคพลังประชาชนเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ซึ่งทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นอันต้องยุติลง และศาลยังตัดสินให้สมชาย วงศ์สวัสดิ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกด้วย

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ร่วมก่อการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ถูกสื่อมวลชนรายงานว่าเขาเป็นผู้ที่สนับสนุนหรือบีบบังคับให้ ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามแปรพักตร์มาอยู่ฝ่ายอภิสิทธิ์[73] ส.ส.เหล่านั้นมาจากพรรคเพื่อไทย (พรรคสืบทอดจากพรรคพลังประชาชน) สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา (พรรคสืบทอดจากพรรคชาติไทย) นำโดยพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ และพรรคมัชฌิมาธิปไตย และกลุ่ม"เพื่อนเนวิน" อดีตสมาชิกพรรคพลังประชาชน ทำให้ให้พรรคประชาธิปัตย์มีเสียงข้างมากในสภา[74] สามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงสนับสนุนให้อภิสิทธิ์ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี[75][76][77] และชนะการโหวตการเป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551 โดยมีพลตำรวจเอกประชา พรหมนอกเป็นคู่แข่ง[78]

ทางด้านคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหาและแนวร่วม พธม. กล่าวถึงการที่อภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า "เป็นชัยชนะของพันธมิตรฯ ที่แท้จริง" และ "รัฐประหารสไตล์อนุพงษ์"[79] โอกาสที่อภิสิทธิ์ได้ขึ้นเป็นนายกครั้งนี้ได้รับความเห็นชนชั้นกลาง[80]

การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

สมาชิกของรัฐบาลอภิสิทธิ์มีส่วนเกี่ยวข้องในความพยายามสังหารแกนนำ พธม. สนธิ ลิ้มทองกุล แม้รัฐบาลจะกล่าวโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ[81][82][83]

แม้อภิสิทธิ์จะดำเนินมาตรการตอบโต้ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยอย่างเข้มข้น แต่ก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากพลอากาศเอก กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ว่า มีท่าทีสนองช้าเกินไป[84]

การทุจริตเกิดขึ้นในรัฐบาลภายใต้การนำของอภิสิทธิ์หลายกรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วิฑูรย์ นามบุตร ลาออก หลังจากจัดหาปลากระป๋องเน่าให้กับผู้ประสบอุทกภัย[85] ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข วิทยา แก้วภราดัย มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตในการจัดซื้ออุปการณ์ทางการแพทย์เกินราคาในโครงการ ไทยเข้มแข็ง จึงได้ประกาศลาออก[86] อภิสิทธิ์ยังเผชิญกับความตึงเครียดซึ่งเพิ่มมากขึ้นจากประเทศกัมพูชา ในหลายประเด็น รวมทั้งการแต่งตั้งแกนนำ พธม. กษิต ภิรมย์ อันเป็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ การปะทะตามแนวชายแดนด้านเขาพระวิหาร และการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลกัมพูชา

คณะรัฐมนตรีคณะที่ 59 ของไทยสิ้นสุดการทำงานลงเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 หลังพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 เพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปรากฏคะแนนออกมาว่า พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง จากนั้นได้รักษาการถึงวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เมื่อสภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ความสนใจ กีฬา

อภิสิทธิ์สนใจกีฬาฟุตบอลตั้งแต่เด็ก เขาคิดว่าเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์เป็นพิเศษ เวลาที่ดูเขาจะเชียร์เต็มที่ เขาบอกว่ามันเป็นความสุขอย่างหนึ่งของชีวิต แต่คงไม่ถึงขั้นกับว่า มากระทบกระเทือนต่อหน้าที่การงาน สโมสรฟุตบอลที่เขาชื่นชอบคือ นิวคาสเซิล อภิสิทธิ์เคยให้สัมภาษณ์ประมาณว่ารักทีมนี้สุดจิตสุดใจและยังเคยกล่าวด้วยว่า "ผมไม่ค่อยจะเครียดเรื่องอะไรมาก จะมีเรื่องเดียวคือเวลานิวคาสเซิ่ลแพ้ ซึ่งก็บ่อยซะด้วย"[87] เขายังบอกด้วยว่าสาเหตุที่ฟุตบอลไทยไม่เคยพัฒนาได้ถึงบอลโลก ก็เพราะว่า "ประเทศไทยขาดการพัฒนาการแข่งขันมาจากรากฐานของท้องถิ่น ลีกที่ดีๆต้องมีคนเชียร์เป็นเรื่องเป็นราว มีความผูกพันอยู่กับทีมสร้างทีมขึ้นมา ของไทยเราไม่ใช่ ของเรามาจากส่วนกลาง ถ้าเทียบลีกในยุโรปช่วงที่มีแข่งทุกวันเสาร์ เขาจะไปเชียร์มันเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตเลย เด็กที่โตในเมืองนั้นก็จะโตมากับความฝันที่จะได้เล่นในทีม เป็นฮีโร่ของทีม ของไทยเราไม่ได้กระจายแบบนั้น" และมีความคิดที่จะส่งเสริมค่านิยมในการดูฟุตบอลที่ถูกต้อง และมีทัศนคติว่า การที่เล่นกีฬาเป็นประจำมันก็สอนเราเกี่ยวกับเรื่องการทำงานกับคนอื่น เกี่ยวกับเรื่องการแพ้การชนะแต่ละคน[88]

ดนตรี

อภิสิทธิ์เริ่มฟังดนตรีตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก หากไม่ฟังประชุมสภาก็จะฟังเพลง อภิสิทธิ์ชอบพกพาวิทยุ เครื่องเล่นเทป ติดตัวไปสมัยที่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำ อภิสิทธิ์เริ่มจากการฟังเพลงป็อป เช่น แอ็บบ้า ต่อมาเป็นดิ อีเกิลส์ เฮฟวีเมทัล แต่แนวก็จะเป็นเพลงร็อกและแนวเพลงร่วมสมัย เพราะชอบจังหวะ ชอบความหนักแน่นของมัน ส่วนใหญ่จะมีเนื้อร้อง เนื้อเพลง ที่บ่งบอกความร่วมสมัย ตั้งแต่ผ่านยุคทศวรรษ 80 ผ่านยุคกรันจ์ ผ่านยุคผสมกับอีเลกโทรนิกแร็ป เป็นต้นมา จะมีเรื่องของภาพลักษณ์ตามมาด้วย เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของมิวสิก วิดีโอ และจะเริ่มนึกถึงเสื้อผ้า นึกถึงทรงผมได้เหมือนกัน วงดนตรีที่ชื่นชอบคือ อาร์.อี.เอ็ม.[89]กรีนเดย์ และโอเอซิส[90]

ผลงานหนังสือ
  • มาร์ค เขาชื่อ... อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ. พ.ศ. 2548, ISBN 978-974-93358-1-9
  • การเมืองไทยหลังรัฐประหาร. พ.ศ. 2550, ISBN 978-974-88195-1-8
  • เขียนรัฐธรรมนูญอย่างไรไม่ถูกฉีก. พ.ศ. 2550, ISBN 978-974-7310-66-5
  • ร้อยฝันวันฟ้าใหม่. พ.ศ. 2550, ISBN 978-974-8494-81-4
เกียรติยศ

อภิสิทธ์ เวชชาชีวะรางวัลต่าง ๆ ดังนี้[91]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ การได้รับการจัดอันดับในระดับนานาชาติ
  • พ.ศ. 2535 : 1 ใน 100 ผู้นำสำหรับโลกวันพรุ่งนี้, โดย World Economic Forum (องค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเมืองของโลก)
  • พ.ศ. 2540 : 1 ใน 6 นักการเมืองที่เป็นความหวังของเอเซีย, โดย นิตยสารไทม์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2540, “เสียงใหม่ๆ เพื่อเอเซียใหม่”
  • พ.ศ. 2542 : 1 ใน 20 ผู้นำสำหรับสหัสวรรษ ด้านการเมือง, โดย นิตยสารเอเซียวีค 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542
  • พ.ศ. 2552 : ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุม World Economics Forume ที่เมือง Davosโดยเป็นผู้นำประเทศคนที่สองที่ได้รับเชิญ ถัดจากนายชวน หลีกภัย
บรรพบุรุษ

รายชื่อบรรพบุรุษของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ[92]


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#349 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:47

โอ้.. โห ..  แมลงสาปคุณภาพจิงๆ  

 

แหม..  จะเริ่มจากตรงใหนก่อนดีนะ

 

เอาเรื่องผ่อนผันก่อนเป็นไง ..

 

.............    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ   จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2529

 

แต่กลับมีการออกเอกสารขึ้นทะเบียนทหารกองเกินในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2529

 

ซึ่งตามกฎกระทรวงกลาโหมปี 2498  ข้อ 27 (2)

 

การผ่อนผันนี้ไม่สามารถทำได้ เพราะนายอภิสิทธิ์ได้จบการศึกษาไปแล้ว

 

นี่เรื่องที่ 1.  เปิดมาก็จับตอแหลได้เลย  5 5 5 5 + + + ...  

รู้เรื่องที่

อภิสิทธิ์เข้าสมัครเรียนรามคำแหงปีไหน

ตอนอายุเท่าไหร่

แล้วจบปีไหน

อายุเท่าไหร่

รหัสนักศึกษารามคำแหงเท่าไหร่ 

......หรือเปล่า? แค่นี้ก่อน


Edited by คนกรุงธน, 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:52.

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#350 หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

หมีเพิ่งมา_อย่าเพิ่งยิง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 734 posts

ตอบ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:55

เข้าเรื่องดีกว่า ..  

 

วันที่ 4 กรกฎาคม 2529  พี่มาร์คของผมเนี่ย  ไปขึ้นทะเบียนทหารกองเกินเอาไว้ 

 

ตามแบบ(สด1)  แล้วก็รับ (สด9)มาเพื่อที่จะต้องไปเกณฑ์ทหารวันที่ 7 เมษายน 2530

 

...............

 

ซึ่งเอกสารวันที่ 4 กรกฎาคม 2529    เนี่ยเป็นของจริงเพราะจากมีใบ สด. 1 ยืนยันว่าถูกต้องทุกอย่าง

 

ค่อยๆอ่านไปนะ.....  






ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน