พี่กรกชเคยบอกว่า เหตุผลที่สนธิออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค
และหันมาโหวตโน แทนที่จะส่งตัวเองหรือตัวแทนลงสนามเลือกตั้ง
เป็นเพราะไม่เชื่อว่า ระบบการเมืองเก่ามันดีพอ
รวมถึงหากเข้าไปได้ในจำนวนน้อย ก็จะต้องถูกพรรคใหญ่กลืนกินไป
นี่ก็ชี้ให้เห็นด้วยซ้ำไป ว่าแม้แต่สนธิ ยังไม่ไว้ใจตัวเอง
ผมเคยถามเด็กไป ขนาดท่านสุรยุทธ์ ที่เป็นถึงองคมนตรี
วันนี้ ยังโดนเด็กเรียก “ไอ้ขิงแก่, ไอ้ขิงเน่า”
(ผมเชื่อว่า 2 คำนี้ไม่ได้มาจากความคิดเด็กแน่นอน)
ดังนั้น ถ้าดูความหมายและคำพูดหลายๆ ครั้ง
นั่นแสดงว่า เราจะไม่มีวันมีโอกาสที่จะได้นักการเมืองดีๆ เลย
(พี่จะว่าผมสรุปเอาเองก็ได้ เพราะไม่มีใครที่ไม่โดนด่าเลยสักคน)
กลับมาที่สิ่งที่ผมพยายามจะพูดไปหลายครั้งว่า
คนโหวตโนมีจำนวนนึง ที่วันนี้ เราแทบไม่เห็นโอกาสเพิ่มไปมากกว่าเดิม
ในขณะที่ผมหรือคนอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมหาศาล
ยังพร้อมใจที่จะเลือกนักการเมืองที่เลวน้อย (ในสายตาของผมและเขา)
เข้ามาบริหารประเทศ
ผมจึงพยายามชี้ให้พี่เห็นมาตลอดว่า การโหวตโน ไม่ใช่ทางออก
แม้ว่ามันจะเป็นตัวเลือกที่ควรทำ เพื่อตักเตือน บีบบังคับ
ให้นักการเมืองเลิกทำตัวเลวๆ เพราะมันไม่มีวันได้ผลในการใช้กับคนหมู่มาก
จนกว่าจะถึงวันที่คณะโหวตโนจะสามารถคัดเลือกคนดีๆ
คัดสรรวิธีการ ระบอบการเมืองที่สมบูรณ์แบบ
ประเทศนี้ ก็ยังเจอกับนักการเมืองเลวชาติไปอีกนานแค่ไหน
และวันนั้น จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ผมว่าพี่ก็คงเห็น
ผมยังเชื่อเสียด้วยซ้ำ ว่าคะแนนเสียงโหวตโนที่มีจำนวนนึง
หากหันไปโหวตให้กับพรรคการเมืองใหม่ หรือพรรคอะไรก็ได้
ที่สนธิคัดเลือกมาแล้ว จะยังสร้างประโยชน์และเห็นความเป็นไปได้มากกว่า
ในการเลือกที่จะใช้เพื่อแก้ไขปัญหาให้บ้านเมือง
และยังเชื่ออีกว่า คะแนนรวมที่กาให้พรรคการเมืองของพันธมิตร
น่าจะสูงไปกว่าคะแนนโหวตโนมากด้วยซ้ำ
เพราะเชื่อว่า แม้แต่คนพันธมิตรกันเอง ก็จะยังไม่ยอมรับกับการโหวตโน
ที่สูญเปล่านี้ (อันนี้ ผมเคยคุยกับพันธมิตรที่ขอนแก่นมา
เขาก็รู้สึกเสียดาย 1 เสียงของเขา ที่จะเสียไปโดยไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย)
**มาถึงตรงนี้ อาจมีคนกลาง 18 โลกเข้ามาแย้งถึงการโนโหวต
ที่เรากำลังรณรงค์กับประชามติ ว่าทำไมเรากลับเลือกเชียร์การโนโหวต
และปฏิเสธการโหวตโน
ผมก็คงต้องบอกว่า เพราะเราเห็นผลเป็นไปได้ จากการโนโหวตประชามติ
เราจึงเลือกทำ ในขณะที่การโหวตโนนั้น ผมไม่เห็นความเป็นไปได้เลย
ผมจึงปฏิเสธครับ
พี่กรกชไม่สงสัยหรือตั้งคำถามเลยหรือครับ
กับคำถามที่ว่า “โหวตโนแล่วไงต่อ”
คำถามนี้ ผมเชื่อว่า ไม่ใช่คำถามเพื่อต้องการยียวนกวนประสาท
เพียงแต่เป็นคำถาม ที่คาดหวังคำตอบ เพื่อสร้างความมั่นใจ เพื่อให้เห็นผล
วันนี้ มีคำตอบ มีวิธีการอย่างไร หลังจากผลักดันกลยุทธ์โหวตโนออกไปแล้ว
(ฟังเด็กพูด ถึงการตั้ง สส สรรหา ซึ่งผมไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้
หรือหากทำจริง ผมไม่เชื่อว่าคณะรัฐบาลสรรหา จะสามารถบริหารประเทศไปได้อย่างสงบ
ได้เท่าคณะรัฐบาลท่านสุรยุทธ์อีกต่อไปแล้ว)
อะไรล่ะครับ ที่เป็นทางเดินหลังจากการโหวตโนไปแล้ว
ผมยอมรับจริงๆ ว่าผมคิดไม่ออก ว่าถ้าเราไม่สามารถหาคนดีๆ มาบริหารประเทศได้
แล้วเราจะทำอย่างไร
ทางที่เป็นไปได้มากที่สุดแล้ว ในเวลานี้
ผมมองว่า แค่ตั้งพรรคการเมืองของประชาชนจริงๆ
ไม่อ้างอิงนายทุน โหวตเลือกผู้สมัครก่อน ก่อนที่จะส่งผู้สมีครที่ได้รับการคัดเลือก
จากพันธมิตรทั่วประเทศ เข้าไปลงเลือกตั้งอีกครั้ง
สร้างกำลังของตัวเองขึ้นมา ได้คนสองคน หรือ 5 คนสิบคนก็ไม่เป็นไร
เป็นพรรคเล็กก็ได้ เมื่อไม่พอใจ สส ของทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
ก็ประกาศเจตนาไม่อยู่ทั้งฝ่ายค้าน ทั้งฝ่ายรัฐบาล
เป็นฝ่ายตรวจสอบ ที่เสียงมีน้ำหนักได้มากกว่าการโหวตโนเป็นไหนๆ
ลองนึกภาพเรืองไกรดูสิครับ ผมเชื่อว่า พรรคของพันธมิตรจะทำได้ดีกว่าโดยไม่เอียงข้างเหมืองเรืองไกรด้วยซ้ำ