ตรงนี้เป็นการบอกว่าให้ใช้ กฎหมาย ปปช ปปง ในการอายัดทรัพย์
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:02
ตรงนี้เป็นการบอกว่าให้ใช้ กฎหมาย ปปช ปปง ในการอายัดทรัพย์
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:03
คุณบอกว่า คตส. ตรวจสอบได้ แต่ปปช. ตรวจสอบไม่ได้
แล้วเวลาปปช. ได้รับเรื่องร้องเรียน ปปช. ไม่ได้ตรวจสอบหรือไง แล้วปปช.ให้ใครตรวจสอบ คับ(ว่ะ)
กรูล่ะมึน กับ นาย จิงๆ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:11
เอาให้ชัดๆนะ
วรรค1. เป็นการที่คปค.สั่งให้คตส. ตรวจสอบ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาแจ้ง คือ แม่ม สงสัยอะไรก็ตรวจสอบได้เลย
แต่ปัญหาคือ จะตรวจสอบก็ตรวจสอบแต่ถ้าเขาไม่ส่งเอกสาร หลักฐาน ให้ ไม่ไปให้ปากคำ คตส. ก็ง่อยแดรก (เข้าใจมั๊ยคับ)
จึงต้องมอบอำนาจของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฏหมายไปให้ ในวรรค 2.
หายโง่ยัง ....
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:11
ข้อแตกต่างของสององค์กรนี้คือ
ปปช. จะตรวจสอบเรื่องทุจริตใดๆ ได้ ต้องมีผู้รวบรวมหลักฐานเข้าไปร้องเรียนก่อน
เมื่อ ปปช. ตรวจสอบหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาร้อง แล้วเห็นว่ามีมูลจึงจะดำเนินการต่อไปได้
แต่ คตส. ไม่ต้องรอใครร้อง หาก คตส. มีความสงสัยในกรณีใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ
คตส. สามารถดำเนินการหาหลักฐาน และหากมีมูลความผิดก็สามารถส่งให้อัยการพิจารณาเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไปได้ทันที
ผมเข้าใจถูกไหม????
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:12
ข้อแตกต่างของสององค์กรนี้คือ
ปปช. จะตรวจสอบเรื่องทุจริตใดๆ ได้ ต้องมีผู้รวบรวมหลักฐานเข้าไปร้องเรียนก่อน
เมื่อ ปปช. ตรวจสอบหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาร้อง แล้วเห็นว่ามีมูลจึงจะดำเนินการต่อไปได้
แต่ คตส. ไม่ต้องรอใครร้อง หาก คตส. มีความสงสัยในกรณีใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ
คตส. สามารถดำเนินการหาหลักฐาน และหากมีมูลความผิดก็สามารถส่งให้อัยการพิจารณาเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไปได้ทันที
ผมเข้าใจถูกไหม????
ใช่คับ ...
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:13
กี่รอบถึงจะเลิกแถซะทีคับ
วรรค 1. เค้าบอกว่าให้ไปตรวจสอบใคร ยังไง อะไร
ถ้าไม่มีอำนาจตามวรรค 2. จะใช้อำนาจอะไรไปเรียกคนนี้ คนนั้นมาให้ปากคำได้คับ
มันเลยต้องมีคำเชื่อมตรงกลาง เป็นการบอกว่า ให้ไปใช้อำนาจของหน่วยงานดังต่อไปนี้ .....
เข้าใจรึยัง
นี่เป็นวรรคหนึ่ง
(1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คตส ก้อตรวจสอบ โครงการต่าง ๆ ตามอำนาจที่ประกาศใน คปค ไมได้ไปใช้อำนาจ ปปช เลย
นี่กรูเถียงอยู่กับเด็กที่ใหนว่ะเนี่ย
ฟังนะ .. (1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
หมายความว่า ... ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี
คือให้ไปตรวจสอบรมต. หรือ คณะ ที่อนุมัติโครงการต่างๆ
..........................................
ต่อมานะ .. ซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คือคณะรัฐบาลที่โดนปฎิวัตินั่นล่ะ
.............................................
ต่อมา ... ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คือสงสัยว่าจะทุจริต
.......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++.......
......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++........
เอาล่ะ ที่นี้การตรวจสอบก็จะต้องมีการเรียกเอกสาร เรียกบุคคล หรือ การตรวจสอบทางการเงิน
ทีนี้จะทำยังไงล่ะ .... มันทำไม่ได้ ถึงจะเป็นอำนาจของคปค. แต่ก็ไม่สามารถจะไปตรวจสอบเอกสารทางการเงินกับธนาคารได้
จึงต้องมีการมอบอำนาจจากหน่วยงานที่มีอำนาจทำได้ คือปปง . หรือ อำนาจการสั่งฟ้องคดีของอัยการ หรืออำนาจการตรวจสอบนักการเมือง ข้าราชการของปปช.
การมอบอำนาจให้คตส. ทำงานได้ จึงต้องเชื่อมด้วยประโยคที่คุณยกมานั่นไง
.............. โอ๊ยยยยย เหนื่อยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กี่รอบถึงจะเลิกแถซะทีคับ
วรรค 1. เค้าบอกว่าให้ไปตรวจสอบใคร ยังไง อะไร
ถ้าไม่มีอำนาจตามวรรค 2. จะใช้อำนาจอะไรไปเรียกคนนี้ คนนั้นมาให้ปากคำได้คับ
มันเลยต้องมีคำเชื่อมตรงกลาง เป็นการบอกว่า ให้ไปใช้อำนาจของหน่วยงานดังต่อไปนี้ .....
เข้าใจรึยัง
นี่เป็นวรรคหนึ่ง
(1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คตส ก้อตรวจสอบ โครงการต่าง ๆ ตามอำนาจที่ประกาศใน คปค ไมได้ไปใช้อำนาจ ปปช เลย
นี่กรูเถียงอยู่กับเด็กที่ใหนว่ะเนี่ย
ฟังนะ .. (1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
หมายความว่า ... ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี
คือให้ไปตรวจสอบรมต. หรือ คณะ ที่อนุมัติโครงการต่างๆ
..........................................
ต่อมานะ .. ซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คือคณะรัฐบาลที่โดนปฎิวัตินั่นล่ะ
.............................................
ต่อมา ... ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คือสงสัยว่าจะทุจริต
.......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++.......
......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++........
เอาล่ะ ที่นี้การตรวจสอบก็จะต้องมีการเรียกเอกสาร เรียกบุคคล หรือ การตรวจสอบทางการเงิน
ทีนี้จะทำยังไงล่ะ .... มันทำไม่ได้ ถึงจะเป็นอำนาจของคปค. แต่ก็ไม่สามารถจะไปตรวจสอบเอกสารทางการเงินกับธนาคารได้
จึงต้องมีการมอบอำนาจจากหน่วยงานที่มีอำนาจทำได้ คือปปง . หรือ อำนาจการสั่งฟ้องคดีของอัยการ หรืออำนาจการตรวจสอบนักการเมือง ข้าราชการของปปช.
การมอบอำนาจให้คตส. ทำงานได้ จึงต้องเชื่อมด้วยประโยคที่คุณยกมานั่นไง
.............. โอ๊ยยยยย เหนื่อยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยย
มีอำนาจที่ระบุให้คปค อยู่แล้วววววววววววววว
ไม่ต้องอ้างอำนาจ ปปช ในการตรวจสอบ
คปค ถือเป็นคำสั่ง ที่มีผล ทั้ง 49 และ 50 ตัวคตส จึงไม่ต้องใช้กฎหมาย ปปช
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:17
กี่รอบถึงจะเลิกแถซะทีคับ
วรรค 1. เค้าบอกว่าให้ไปตรวจสอบใคร ยังไง อะไร
ถ้าไม่มีอำนาจตามวรรค 2. จะใช้อำนาจอะไรไปเรียกคนนี้ คนนั้นมาให้ปากคำได้คับ
มันเลยต้องมีคำเชื่อมตรงกลาง เป็นการบอกว่า ให้ไปใช้อำนาจของหน่วยงานดังต่อไปนี้ .....
เข้าใจรึยัง
นี่เป็นวรรคหนึ่ง
(1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คตส ก้อตรวจสอบ โครงการต่าง ๆ ตามอำนาจที่ประกาศใน คปค ไมได้ไปใช้อำนาจ ปปช เลย
นี่กรูเถียงอยู่กับเด็กที่ใหนว่ะเนี่ย
ฟังนะ .. (1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
หมายความว่า ... ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี
คือให้ไปตรวจสอบรมต. หรือ คณะ ที่อนุมัติโครงการต่างๆ
..........................................
ต่อมานะ .. ซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คือคณะรัฐบาลที่โดนปฎิวัตินั่นล่ะ
.............................................
ต่อมา ... ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คือสงสัยว่าจะทุจริต
.......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++.......
......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++........
เอาล่ะ ที่นี้การตรวจสอบก็จะต้องมีการเรียกเอกสาร เรียกบุคคล หรือ การตรวจสอบทางการเงิน
ทีนี้จะทำยังไงล่ะ .... มันทำไม่ได้ ถึงจะเป็นอำนาจของคปค. แต่ก็ไม่สามารถจะไปตรวจสอบเอกสารทางการเงินกับธนาคารได้
จึงต้องมีการมอบอำนาจจากหน่วยงานที่มีอำนาจทำได้ คือปปง . หรือ อำนาจการสั่งฟ้องคดีของอัยการ หรืออำนาจการตรวจสอบนักการเมือง ข้าราชการของปปช.
การมอบอำนาจให้คตส. ทำงานได้ จึงต้องเชื่อมด้วยประโยคที่คุณยกมานั่นไง
.............. โอ๊ยยยยย เหนื่อยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กี่รอบถึงจะเลิกแถซะทีคับ
วรรค 1. เค้าบอกว่าให้ไปตรวจสอบใคร ยังไง อะไร
ถ้าไม่มีอำนาจตามวรรค 2. จะใช้อำนาจอะไรไปเรียกคนนี้ คนนั้นมาให้ปากคำได้คับ
มันเลยต้องมีคำเชื่อมตรงกลาง เป็นการบอกว่า ให้ไปใช้อำนาจของหน่วยงานดังต่อไปนี้ .....
เข้าใจรึยัง
นี่เป็นวรรคหนึ่ง
(1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คตส ก้อตรวจสอบ โครงการต่าง ๆ ตามอำนาจที่ประกาศใน คปค ไมได้ไปใช้อำนาจ ปปช เลย
นี่กรูเถียงอยู่กับเด็กที่ใหนว่ะเนี่ย
ฟังนะ .. (1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
หมายความว่า ... ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี
คือให้ไปตรวจสอบรมต. หรือ คณะ ที่อนุมัติโครงการต่างๆ
..........................................
ต่อมานะ .. ซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คือคณะรัฐบาลที่โดนปฎิวัตินั่นล่ะ
.............................................
ต่อมา ... ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คือสงสัยว่าจะทุจริต
.......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++.......
......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++........
เอาล่ะ ที่นี้การตรวจสอบก็จะต้องมีการเรียกเอกสาร เรียกบุคคล หรือ การตรวจสอบทางการเงิน
ทีนี้จะทำยังไงล่ะ .... มันทำไม่ได้ ถึงจะเป็นอำนาจของคปค. แต่ก็ไม่สามารถจะไปตรวจสอบเอกสารทางการเงินกับธนาคารได้
จึงต้องมีการมอบอำนาจจากหน่วยงานที่มีอำนาจทำได้ คือปปง . หรือ อำนาจการสั่งฟ้องคดีของอัยการ หรืออำนาจการตรวจสอบนักการเมือง ข้าราชการของปปช.
การมอบอำนาจให้คตส. ทำงานได้ จึงต้องเชื่อมด้วยประโยคที่คุณยกมานั่นไง
.............. โอ๊ยยยยย เหนื่อยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยย
มีอำนาจที่ระบุให้คปค อยู่แล้วววววววววววววว
ไม่ต้องอ้างอำนาจ ปปช ในการตรวจสอบ
คปค ถือเป็นคำสั่ง ที่มีผล ทั้ง 49 และ 50 ตัวคตส จึงไม่ต้องใช้กฎหมาย ปปช
โอ้โห .. ไอ้แถ คุณเมิงนี่สุดยอดแถเลย วกกลับไปที่เดิมอีกแระ
ก็แล้วถ้าคตส.มีอำนาจของคปค. แล้วมันจะต้องมีวรรค2 ไว้ทำไมว่ะ
คตส. จะเอาอำนาจที่ใหนไปเรียกดูหลักฐานการเงินจากธนาคารเอกชนได้
คตส. จะเอาอำนาจที่ใหนไปส่งฟ้องศาล
คตส. จะเอาอำนาจที่ใหนไปเรียกบุคคลที่ไม่ใช่นักการเมืองมาให้ปากคำ
........................ เมิงเลิกแถเถอะ ....
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:18
เอาให้ชัดๆนะ
วรรค1. เป็นการที่คปค.สั่งให้คตส. ตรวจสอบ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาแจ้ง คือ แม่ม สงสัยอะไรก็ตรวจสอบได้เลย
แต่ปัญหาคือ จะตรวจสอบก็ตรวจสอบแต่ถ้าเขาไม่ส่งเอกสาร หลักฐาน ให้ ไม่ไปให้ปากคำ คตส. ก็ง่อยแดรก (เข้าใจมั๊ยคับ)
จึงต้องมอบอำนาจของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฏหมายไปให้ ในวรรค 2.
หายโง่ยัง ....
คตส อยู่ในความคุมครอง ของ คปค แถมยังเป็นคนให้ ปปชมีอยู่ใน ประกาศคปค
ในเืมื่อให้อำนาจ คตส ตาม คปค ทำไม ไม่สามารถตรวจสอบได้
ที่ผ่านมา คตส ใช้อำนาจในการตรวจสอบเองทั้งหมด รวมไปถึงการสอบปากคำ หาพยาน
ถึงบอกไงว่า ปปช ไม่มีหน้าที่สืบหาหลักฐาน ได้แต่ตรวจสอบ
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:20
เอาให้ชัดๆนะ
วรรค1. เป็นการที่คปค.สั่งให้คตส. ตรวจสอบ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาแจ้ง คือ แม่ม สงสัยอะไรก็ตรวจสอบได้เลย
แต่ปัญหาคือ จะตรวจสอบก็ตรวจสอบแต่ถ้าเขาไม่ส่งเอกสาร หลักฐาน ให้ ไม่ไปให้ปากคำ คตส. ก็ง่อยแดรก (เข้าใจมั๊ยคับ)
จึงต้องมอบอำนาจของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฏหมายไปให้ ในวรรค 2.
หายโง่ยัง ....
คตส อยู่ในความคุมครอง ของ คปค แถมยังเป็นคนให้ ปปชมีอยู่ใน ประกาศคปค
ในเืมื่อให้อำนาจ คตส ตาม คปค ทำไม ไม่สามารถตรวจสอบได้
ที่ผ่านมา คตส ใช้อำนาจในการตรวจสอบเองทั้งหมด รวมไปถึงการสอบปากคำ หาพยาน
ถึงบอกไงว่า ปปช ไม่มีหน้าที่สืบหาหลักฐาน ได้แต่ตรวจสอบ
เอาๆ มึงตอบกรูข้อเดียวพอ
คุณบอกว่า คตส. ตรวจสอบหาหลักฐานได้ แต่ปปช. ตรวจสอบไม่ได้
แล้วเวลาปปช. ได้รับเรื่องร้องเรียน ปปช. ไม่ได้ตรวจสอบหรือไง แล้วปปช.ให้ใครตรวจสอบ คับ(ว่ะ)
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:22
กี่รอบถึงจะเลิกแถซะทีคับ
วรรค 1. เค้าบอกว่าให้ไปตรวจสอบใคร ยังไง อะไร
ถ้าไม่มีอำนาจตามวรรค 2. จะใช้อำนาจอะไรไปเรียกคนนี้ คนนั้นมาให้ปากคำได้คับ
มันเลยต้องมีคำเชื่อมตรงกลาง เป็นการบอกว่า ให้ไปใช้อำนาจของหน่วยงานดังต่อไปนี้ .....
เข้าใจรึยัง
นี่เป็นวรรคหนึ่ง
(1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คตส ก้อตรวจสอบ โครงการต่าง ๆ ตามอำนาจที่ประกาศใน คปค ไมได้ไปใช้อำนาจ ปปช เลย
นี่กรูเถียงอยู่กับเด็กที่ใหนว่ะเนี่ย
ฟังนะ .. (1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
หมายความว่า ... ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี
คือให้ไปตรวจสอบรมต. หรือ คณะ ที่อนุมัติโครงการต่างๆ
..........................................
ต่อมานะ .. ซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คือคณะรัฐบาลที่โดนปฎิวัตินั่นล่ะ
.............................................
ต่อมา ... ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คือสงสัยว่าจะทุจริต
.......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++.......
......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++........
เอาล่ะ ที่นี้การตรวจสอบก็จะต้องมีการเรียกเอกสาร เรียกบุคคล หรือ การตรวจสอบทางการเงิน
ทีนี้จะทำยังไงล่ะ .... มันทำไม่ได้ ถึงจะเป็นอำนาจของคปค. แต่ก็ไม่สามารถจะไปตรวจสอบเอกสารทางการเงินกับธนาคารได้
จึงต้องมีการมอบอำนาจจากหน่วยงานที่มีอำนาจทำได้ คือปปง . หรือ อำนาจการสั่งฟ้องคดีของอัยการ หรืออำนาจการตรวจสอบนักการเมือง ข้าราชการของปปช.
การมอบอำนาจให้คตส. ทำงานได้ จึงต้องเชื่อมด้วยประโยคที่คุณยกมานั่นไง
.............. โอ๊ยยยยย เหนื่อยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กี่รอบถึงจะเลิกแถซะทีคับ
วรรค 1. เค้าบอกว่าให้ไปตรวจสอบใคร ยังไง อะไร
ถ้าไม่มีอำนาจตามวรรค 2. จะใช้อำนาจอะไรไปเรียกคนนี้ คนนั้นมาให้ปากคำได้คับ
มันเลยต้องมีคำเชื่อมตรงกลาง เป็นการบอกว่า ให้ไปใช้อำนาจของหน่วยงานดังต่อไปนี้ .....
เข้าใจรึยัง
นี่เป็นวรรคหนึ่ง
(1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คตส ก้อตรวจสอบ โครงการต่าง ๆ ตามอำนาจที่ประกาศใน คปค ไมได้ไปใช้อำนาจ ปปช เลย
นี่กรูเถียงอยู่กับเด็กที่ใหนว่ะเนี่ย
ฟังนะ .. (1) ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
หมายความว่า ... ตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการที่ได้รับอนุมัตหรือเห็นชอบ โดยบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี
คือให้ไปตรวจสอบรมต. หรือ คณะ ที่อนุมัติโครงการต่างๆ
..........................................
ต่อมานะ .. ซึ่งพ้นจากตำแหน่งโดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คือคณะรัฐบาลที่โดนปฎิวัตินั่นล่ะ
.............................................
ต่อมา ... ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นไปโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
คือสงสัยว่าจะทุจริต
.......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++.......
......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++........
เอาล่ะ ที่นี้การตรวจสอบก็จะต้องมีการเรียกเอกสาร เรียกบุคคล หรือ การตรวจสอบทางการเงิน
ทีนี้จะทำยังไงล่ะ .... มันทำไม่ได้ ถึงจะเป็นอำนาจของคปค. แต่ก็ไม่สามารถจะไปตรวจสอบเอกสารทางการเงินกับธนาคารได้
จึงต้องมีการมอบอำนาจจากหน่วยงานที่มีอำนาจทำได้ คือปปง . หรือ อำนาจการสั่งฟ้องคดีของอัยการ หรืออำนาจการตรวจสอบนักการเมือง ข้าราชการของปปช.
การมอบอำนาจให้คตส. ทำงานได้ จึงต้องเชื่อมด้วยประโยคที่คุณยกมานั่นไง
.............. โอ๊ยยยยย เหนื่อยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยย
มีอำนาจที่ระบุให้คปค อยู่แล้วววววววววววววว
ไม่ต้องอ้างอำนาจ ปปช ในการตรวจสอบ
คปค ถือเป็นคำสั่ง ที่มีผล ทั้ง 49 และ 50 ตัวคตส จึงไม่ต้องใช้กฎหมาย ปปช
โอ้โห .. ไอ้แถ คุณเมิงนี่สุดยอดแถเลย วกกลับไปที่เดิมอีกแระ
ก็แล้วถ้าคตส.มีอำนาจของคปค. แล้วมันจะต้องมีวรรค2 ไว้ทำไมว่ะ
คตส. จะเอาอำนาจที่ใหนไปเรียกดูหลักฐานการเงินจากธนาคารเอกชนได้
คตส. จะเอาอำนาจที่ใหนไปส่งฟ้องศาล
คตส. จะเอาอำนาจที่ใหนไปเรียกบุคคลที่ไม่ใช่นักการเมืองมาให้ปากคำ
........................ เมิงเลิกแถเถอะ ....
ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เมิงอ่าน ตรงนี้นะ
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:22
ปปช. หน้าปากซอยบ้านคุณหรอตรวจสอบหาหลักฐานไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรไปส่งอัยการ
ถ้าตรวจสอบอย่างเดียวก็ไม่ต้องมีปปช.ก็ได้ เพราะอัยการก็ต้องตรวจสอบก่อนฟ้องศาลอยู่แล้ว
ไอ้มั่ว............
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:24
เอาให้ชัดๆนะ
วรรค1. เป็นการที่คปค.สั่งให้คตส. ตรวจสอบ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาแจ้ง คือ แม่ม สงสัยอะไรก็ตรวจสอบได้เลย
แต่ปัญหาคือ จะตรวจสอบก็ตรวจสอบแต่ถ้าเขาไม่ส่งเอกสาร หลักฐาน ให้ ไม่ไปให้ปากคำ คตส. ก็ง่อยแดรก (เข้าใจมั๊ยคับ)
จึงต้องมอบอำนาจของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฏหมายไปให้ ในวรรค 2.
หายโง่ยัง ....
คตส อยู่ในความคุมครอง ของ คปค แถมยังเป็นคนให้ ปปชมีอยู่ใน ประกาศคปค
ในเืมื่อให้อำนาจ คตส ตาม คปค ทำไม ไม่สามารถตรวจสอบได้
ที่ผ่านมา คตส ใช้อำนาจในการตรวจสอบเองทั้งหมด รวมไปถึงการสอบปากคำ หาพยาน
ถึงบอกไงว่า ปปช ไม่มีหน้าที่สืบหาหลักฐาน ได้แต่ตรวจสอบ
เอาๆ มึงตอบกรูข้อเดียวพอ
คุณบอกว่า คตส. ตรวจสอบหาหลักฐานได้ แต่ปปช. ตรวจสอบไม่ได้
แล้วเวลาปปช. ได้รับเรื่องร้องเรียน ปปช. ไม่ได้ตรวจสอบหรือไง แล้วปปช.ให้ใครตรวจสอบ คับ(ว่ะ)
ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยยยยยย
ปปช ตรวจสอบ ได้ แต่ไม่ใช่สืบหาพยานหลักฐาน โวยยยยยยยยยยยยยยยยย
ปปช สามารถเข้าไปตรวจสอบว่า มีอะไรไม่ชอบมาพากล ตามหลักฐานที่มีคนร้องเรียน หรือ เปล่า
เช่น ตรวจสอบบัญชีเงินเข้าออก
ในเมื่อ ปปช ต้องมีคนมาร้องเรียน ก้อตรวจสอบไปตามหลักฐานที่ได้มา
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:25
ปปช. หน้าปากซอยบ้านคุณหรอตรวจสอบหาหลักฐานไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรไปส่งอัยการ
ถ้าตรวจสอบอย่างเดียวก็ไม่ต้องมีปปช.ก็ได้ เพราะอัยการก็ต้องตรวจสอบก่อนฟ้องศาลอยู่แล้ว
ไอ้มั่ว............
อ่านเรฟบน
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:25
กฎหมาย ปปช ที่คปค ประกาศมีไว้สำหรับ การอายัดทรัพย์ เพราะคตส ไม่มีหน้าที่ อายัดทรัพย์
......................................
(3) ประมวลรัษฎากรโดยให้คณะกรรมการตรวจสอบ ใช้อำนาจของอธิบดีกรมสรรพากร เฉพาะที่เกี่ยวกับการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สิน
+++++++++++++++++++++++++
นี่ถามจิง ไม่อายตัวเองมั่งเลยหรอคับ ... 5 5 5 5 + + +
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:29
http://hilight.kapook.com/view/40472
อ่าน ทั้งหมดนี่ซะ
ยกมากรณีแรก
1. เรื่องกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับมอบโอนจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551 มาดำเนินการ มีดังนี้
1.1 การอายัดเงิน จำนวน 70,000 ล้านบาทเศษ ของ พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นกรณีสืบเนื่องจากในระหว่างการไต่สวนของ คตส. ซึ่งได้ใช้อำนาจตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็ นประมุข (คปค.)ฉบับที่ 30 มีคำสั่งอายัดเงินหรือทรัพย์สินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร (คู่สมรส) และที่ครอบครัวบุตร บริวาร ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้ มาจากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ให้แก่กลุ่มกองทุน เทมาเส็ก ประเทศสิงค์โปร์ โดยมูลค่าเงินหรือทรัพย์สินที่สั่งอายัด จำนวน73,667,987,902.60 บาท แต่จำนวนเงินที่ได้รับแจ้งยืนยันการอายัด จำนวน 66,762,927,024.25 บาท
ทั้งนี้ คตส. ได้ให้บุคคลใดที่กล่าวอ้างว่า เป็นเจ้าของที่แท้จริงของทรัพย์ที่อายัดตามคำสั่งดังกล่าว และมิใช่ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด หรือมิได้เป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการรํ่ารวยผิดปกติยื่นคำร้องเพื่อพิสูจน์ต่อ คตส. ภายใน 60 วัน นับแต่วันออกคำสั่ง และได้มีผู้ยื่นคำร้องต่อ คตส. และคตส. ได้พิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้ว
เมื่อ คตส. ได้ดำเนินการไต่สวน เรื่องกล่าวหาพ.ต.ท. ทักษิณ กระทำการอันเป็นการเอื้อ ประโยชน์ต่อธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง ทำให้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากหรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่อันเป็นการรํ่ารวยผิดปกติเสร็จสิ้น จึงได้ มีมติส่งเรื่องให้ อัยการสูงสุดยื่นคำร้ องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ ทรัพย์สิน จำนวน 76,621,603,061.05 บาทตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 80
หลังจากนั้น อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ กรณีรํ่ารวยผิดปกติดังกล่าว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2551 เป็นคดีหมายเลขดำที่อม.14/2551 โดยได้ยื่นรายละเอียดรายการทรัพย์สินที่ คตส. ได้มีคำสั่งอายัดไว้จำนวน 70,000 ล้านบาทเศษต่อศาลด้วย ซึ่งศาลได้รับฟ้องไว้พิจารณา และตรวจสอบพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว นัดสืบพยานตั้ง แต่วันที่16 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป โดยสืบพยานของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านก่อน ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:31
กฎหมาย ปปช ที่คปค ประกาศมีไว้สำหรับ การอายัดทรัพย์ เพราะคตส ไม่มีหน้าที่ อายัดทรัพย์
......................................
(3) ประมวลรัษฎากรโดยให้คณะกรรมการตรวจสอบ ใช้อำนาจของอธิบดีกรมสรรพากร เฉพาะที่เกี่ยวกับการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สิน
+++++++++++++++++++++++++
นี่ถามจิง ไม่อายตัวเองมั่งเลยหรอคับ ... 5 5 5 5 + + +
ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ปปง ปปช หรือ ประมวลรัษฎากรโดยให้คณะกรรมการตรวจสอบ ใช้อำนาจของอธิบดีกรมสรรพากร
สั่งอายัพทรัพย์สินได้
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:34
จริงๆ ที่เถียงกันนี่มันเรื่องเดียวกันไม่ใช่เหรอ??
เพราะดูเหมือนคุณเข้าใจตรงกันว่า 2 องค์กรนี้ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องทุจริตเหมือนกัน
แต่มีอำนาจหน้าที่ไม่เหมือนกัน
แค่คุณตีความคำว่า ตรวจสอบ ไม่ตรงกัน
แค่นั้นหรือเปล่า??
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:36
จริงๆ ที่เถียงกันนี่มันเรื่องเดียวกันไม่ใช่เหรอ??
เพราะดูเหมือนคุณเข้าใจตรงกันว่า 2 องค์กรนี้ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องทุจริตเหมือนกัน
แต่มีอำนาจหน้าที่ไม่เหมือนกัน
แค่คุณตีความคำว่า ตรวจสอบ ไม่ตรงกัน
แค่นั้นหรือเปล่า??
น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ
ตอนนี้ติดคำว่า อำนาจ คตส จะใช้ตาม คปค หรือ ปปช
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:39
http://hilight.kapook.com/view/40472
อ่าน ทั้งหมดนี่ซะ
ยกมากรณีแรก
1. เรื่องกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับมอบโอนจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551 มาดำเนินการ มีดังนี้
1.1 การอายัดเงิน จำนวน 70,000 ล้านบาทเศษ ของ พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นกรณีสืบเนื่องจากในระหว่างการไต่สวนของ คตส. ซึ่งได้ใช้อำนาจตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็ นประมุข (คปค.)ฉบับที่ 30 มีคำสั่งอายัดเงินหรือทรัพย์สินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร (คู่สมรส) และที่ครอบครัวบุตร บริวาร ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้ มาจากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ให้แก่กลุ่มกองทุน เทมาเส็ก ประเทศสิงค์โปร์ โดยมูลค่าเงินหรือทรัพย์สินที่สั่งอายัด จำนวน73,667,987,902.60 บาท แต่จำนวนเงินที่ได้รับแจ้งยืนยันการอายัด จำนวน 66,762,927,024.25 บาท
ทั้งนี้ คตส. ได้ให้บุคคลใดที่กล่าวอ้างว่า เป็นเจ้าของที่แท้จริงของทรัพย์ที่อายัดตามคำสั่งดังกล่าว และมิใช่ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด หรือมิได้เป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการรํ่ารวยผิดปกติยื่นคำร้องเพื่อพิสูจน์ต่อ คตส. ภายใน 60 วัน นับแต่วันออกคำสั่ง และได้มีผู้ยื่นคำร้องต่อ คตส. และคตส. ได้พิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้ว
เมื่อ คตส. ได้ดำเนินการไต่สวน เรื่องกล่าวหาพ.ต.ท. ทักษิณ กระทำการอันเป็นการเอื้อ ประโยชน์ต่อธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง ทำให้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากหรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่อันเป็นการรํ่ารวยผิดปกติเสร็จสิ้น จึงได้ มีมติส่งเรื่องให้ อัยการสูงสุดยื่นคำร้ องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ ทรัพย์สิน จำนวน 76,621,603,061.05 บาทตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 80
หลังจากนั้น อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ กรณีรํ่ารวยผิดปกติดังกล่าว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2551 เป็นคดีหมายเลขดำที่อม.14/2551 โดยได้ยื่นรายละเอียดรายการทรัพย์สินที่ คตส. ได้มีคำสั่งอายัดไว้จำนวน 70,000 ล้านบาทเศษต่อศาลด้วย ซึ่งศาลได้รับฟ้องไว้พิจารณา และตรวจสอบพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว นัดสืบพยานตั้ง แต่วันที่16 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป โดยสืบพยานของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านก่อน ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
แล้วไงอ่ะ ...
จริงๆ ที่เถียงกันนี่มันเรื่องเดียวกันไม่ใช่เหรอ??
เพราะดูเหมือนคุณเข้าใจตรงกันว่า 2 องค์กรนี้ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องทุจริตเหมือนกัน
แต่มีอำนาจหน้าที่ไม่เหมือนกัน
แค่คุณตีความคำว่า ตรวจสอบ ไม่ตรงกัน
แค่นั้นหรือเปล่า??
ใช่ ... ผมเหนื่อยใจกะไอ้คุณพอล คุงจิงๆ
เค้าบอกว่าที่ต้องใช้อำนาจของปปช. เพราะเรื่องอายัดทรัพย์
แล้วก็บอกว่าปปง. ก็อายัดทรัพย์ได้
.......... อ้าว แล้วจะเอาอำนาจของปปช. ไว้เพื่อ ????????
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:41
ปปช. ไม่มีหน้าที่หาพยานหลักฐาน .. แล้วปปช. จะเอาอะไรไปส่งอัยการว่ะ ..
กูเริ่มงง ..
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:45
นี่เรียกว่าอะไรว่ะ ..
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:46
ปปช.เรียกสุพจน์ แจงกรณีบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ
นี่เรียกว่าอะไรว่ะ ..
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:47
ข้อแตกต่างของสององค์กรนี้คือ
ปปช. จะตรวจสอบเรื่องทุจริตใดๆ ได้ ต้องมีผู้รวบรวมหลักฐานเข้าไปร้องเรียนก่อน
เมื่อ ปปช. ตรวจสอบหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาร้อง แล้วเห็นว่ามีมูลจึงจะดำเนินการต่อไปได้
แต่ คตส. ไม่ต้องรอใครร้อง หาก คตส. มีความสงสัยในกรณีใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ
คตส. สามารถดำเนินการหาหลักฐาน และหากมีมูลความผิดก็สามารถส่งให้อัยการพิจารณาเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไปได้ทันที
ผมเข้าใจถูกไหม????
ใช่คับ ...
จากตรงนี้ ผมว่าคุณหมีฯ ก็เข้าใจตรงกันว่า 2 องค์กรนี้ทำงานไม่เหมือนกัน
ขยายความคือ ปปช. แม้จะมีความสงสัย ก็ไม่สามารถสืบหาพยานหลักฐานเพื่อชี้มูลใดๆ ได้
ต้องรอจนกว่าจะมีผู้นำหลักฐานมายื่นคำร้องเสียก่อน จึงจะดำเนินการ ตรวจสอบ หลักฐานที่ผู้ร้องนำมายื่นได้
ทีนี้ถ้าตรวจสอบแล้วมีมูล ปปช. จะไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วสรุปเป็นสำนวนเพื่อดำเนินการต่อไป
ต่างจาก คตส. ที่ คปค. ให้อำนาจในการสงสัยไว้ กล่าวคือถ้า คตส. สงสัยในกรณีใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่รัฐ
คตส. มีอำนาจในการ ตรวจสอบ ด้วยการสืบหาพยานหลักฐานต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ตามอำนาจที่ คปค. ให้ไว้
ก่อนสรุปเป็นสำนวนเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
ทั้งหมดมันคือแบบนี้ใช่ไหมครับ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:55
ข้อแตกต่างของสององค์กรนี้คือ
ปปช. จะตรวจสอบเรื่องทุจริตใดๆ ได้ ต้องมีผู้รวบรวมหลักฐานเข้าไปร้องเรียนก่อน
เมื่อ ปปช. ตรวจสอบหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาร้อง แล้วเห็นว่ามีมูลจึงจะดำเนินการต่อไปได้
แต่ คตส. ไม่ต้องรอใครร้อง หาก คตส. มีความสงสัยในกรณีใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ
คตส. สามารถดำเนินการหาหลักฐาน และหากมีมูลความผิดก็สามารถส่งให้อัยการพิจารณาเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไปได้ทันที
ผมเข้าใจถูกไหม????
ใช่คับ ...
จากตรงนี้ ผมว่าคุณหมีฯ ก็เข้าใจตรงกันว่า 2 องค์กรนี้ทำงานไม่เหมือนกัน
ขยายความคือ ปปช. แม้จะมีความสงสัย ก็ไม่สามารถสืบหาพยานหลักฐานเพื่อชี้มูลใดๆ ได้
ต้องรอจนกว่าจะมีผู้นำหลักฐานมายื่นคำร้องเสียก่อน จึงจะดำเนินการ ตรวจสอบ หลักฐานที่ผู้ร้องนำมายื่นได้
ทีนี้ถ้าตรวจสอบแล้วมีมูล ปปช. จะไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วสรุปเป็นสำนวนเพื่อดำเนินการต่อไป
ต่างจาก คตส. ที่ คปค. ให้อำนาจในการสงสัยไว้ กล่าวคือถ้า คตส. สงสัยในกรณีใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่รัฐ
คตส. มีอำนาจในการ ตรวจสอบ ด้วยการสืบหาพยานหลักฐานต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ตามอำนาจที่ คปค. ให้ไว้
ก่อนสรุปเป็นสำนวนเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
ทั้งหมดมันคือแบบนี้ใช่ไหมครับ
ไม่ใช่คับ ..
คุณพอล แกบอกว่า ปปช. ไม่สามารถตรวจสอบหาพยานหลักฐานได้
ผมก็ยกตัวอย่างนาย สุพจน์ ทรัพย์ล้อม มาให้ดู
ปปช.นั้นต้องมีผุ้ร้องเรียนก่อนถึงจะทำงานได้
แต่คตส. ไม่ต้องเพราะเป็นคำสั่งให้ตรวจสอบจากคปค. อยู่แล้ว
................
ปปช. ต่างจากคตส. 2 กรณี
1. ต้องมีผุ้ร้องเรียนก่อน
2. มีอำนาจจำกัด แต่คตส. คือหน่วยงานที่รวมอำนาจของทั้ง ปปช. ปปง อัยการ สรรพากร เข้าไว้ด้วยกัน
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:57
พอแร๊ะ... ขอตัวไปนอนล่ะ
ปวดกะบาลจริงๆ .. แถได้โล่เลย นายพอล
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 04:10
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 07:07
Edited by เคนอิจิ, 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 08:00.
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:04
ก็บอกแล้วว่า สืบหาหลักฐาน มิได้แปลว่า รวบรวมหลักฐานไอ้ฟายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
http://www.nacc.go.t...commit_flow.php
อยุ่ที่ว่า คุณจะบอกว่า การรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ใช่การ"สืบหาหลักฐาน" รึเปล่า
มีตรงไหนที่ระบุ ว่า สืบหาพยานหลักฐาน
แค่เริ่มต้นก้อบอกว่า ตรวจสอบ. วิเคราะห์เรื่อง แสวงหาข้อเท็จจริงแล้ว
แค่นี้ก้อบอกอยู่แล้วว่า ปปช ไม่มีหน้าที่ สืบหาพยานหลักฐาน แค่ไต่สวน ตามหลักฐานได้รับมา
มีข้อไหนบ้างให้อำนาจ ปปช ในการรวบรวมหลักฐาน หาพยานหลักฐาน
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี นับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว
- ไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนพร้อมทั้งทำความเห็นเสนอต่อวุฒิสภา เกี่ยวกับการถอดถอนจากตำแหน่ง
- ไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนพร้อมทั้งทำความเห็นส่งไปยังอัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา 308 ของรัฐธรรมนูญ
- ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐร่ำรวยผิดปรกติ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
- การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
- กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งและชั้นหรือระดับของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
- กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
- รายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่พร้อมข้อสังเกตต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ทุกปี และนำรายงานออกเผยแพร่# เสนอมาตรการ ความเห็น หรือข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล หรือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
- ดำเนินการส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ยกเลิกหรือเพิกถอนสิทธิหรือเอกสารสิทธิที่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้อนุมัติหรืออนุญาตให้สิทธิประโยชน์หรือออกเอกสารสิทธิแก่บุคคลใดไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการ
- ดำเนินการเพื่อป้องกันการทุจริตและเสริมสร้างทัศนคติและค่านิยมเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริต
- ให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งเลขาธิการ
- แต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย
- ดำเนินการอื่นตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือกฎหมายอื่นกำหนด
...........................
แล้วไงต่อคับ ...
Edited by เคนอิจิ, 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:07.
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:06
จากตรงนี้ ผมว่าคุณหมีฯ ก็เข้าใจตรงกันว่า 2 องค์กรนี้ทำงานไม่เหมือนกันข้อแตกต่างของสององค์กรนี้คือ
ปปช. จะตรวจสอบเรื่องทุจริตใดๆ ได้ ต้องมีผู้รวบรวมหลักฐานเข้าไปร้องเรียนก่อน
เมื่อ ปปช. ตรวจสอบหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาร้อง แล้วเห็นว่ามีมูลจึงจะดำเนินการต่อไปได้
แต่ คตส. ไม่ต้องรอใครร้อง หาก คตส. มีความสงสัยในกรณีใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ
คตส. สามารถดำเนินการหาหลักฐาน และหากมีมูลความผิดก็สามารถส่งให้อัยการพิจารณาเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไปได้ทันที
ผมเข้าใจถูกไหม????
ใช่คับ ...
ขยายความคือ ปปช. แม้จะมีความสงสัย ก็ไม่สามารถสืบหาพยานหลักฐานเพื่อชี้มูลใดๆ ได้
ต้องรอจนกว่าจะมีผู้นำหลักฐานมายื่นคำร้องเสียก่อน จึงจะดำเนินการ ตรวจสอบ หลักฐานที่ผู้ร้องนำมายื่นได้
ทีนี้ถ้าตรวจสอบแล้วมีมูล ปปช. จะไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วสรุปเป็นสำนวนเพื่อดำเนินการต่อไป
ต่างจาก คตส. ที่ คปค. ให้อำนาจในการสงสัยไว้ กล่าวคือถ้า คตส. สงสัยในกรณีใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่รัฐ
คตส. มีอำนาจในการ ตรวจสอบ ด้วยการสืบหาพยานหลักฐานต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ตามอำนาจที่ คปค. ให้ไว้
ก่อนสรุปเป็นสำนวนเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
ทั้งหมดมันคือแบบนี้ใช่ไหมครับ
ไม่ใช่คับ ..
คุณพอล แกบอกว่า ปปช. ไม่สามารถตรวจสอบหาพยานหลักฐานได้
ผมก็ยกตัวอย่างนาย สุพจน์ ทรัพย์ล้อม มาให้ดู
ปปช.นั้นต้องมีผุ้ร้องเรียนก่อนถึงจะทำงานได้
แต่คตส. ไม่ต้องเพราะเป็นคำสั่งให้ตรวจสอบจากคปค. อยู่แล้ว
................
ปปช. ต่างจากคตส. 2 กรณี
1. ต้องมีผุ้ร้องเรียนก่อน
2. มีอำนาจจำกัด แต่คตส. คือหน่วยงานที่รวมอำนาจของทั้ง ปปช. ปปง อัยการ สรรพากร เข้าไว้ด้วยกัน
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:16
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:23
นายเอ: มีกฏข้อไหนที่บอกว่า ปปช มีหน้าที่รวบรวมหลักฐานครับ?ไปดูกรณี นายสุพจน์นะเห็นยกมากัน
นายบี: ดูชาร์ทสิครับ กระบวนการมันมีอยู่
นายเอ: ผมหมายถึงการสืบหาหลักฐานครับ!!
นายบี ................ (รวบรวมยังไง โดยไม่สืบหาวะครับ)
เหตุเกิด ณ สำนักงาน ปปช
นายเอ: เดี๋ยวเราต้องรวบรวมหลักฐาน เอาผิดแม้วให้ได้เลยนะครับ ปล่อยไปแบบนี้ชาติล่มจม...
นายบี: รวบรวมยังไง จากไหนดีครับ?
นายเอ: ไปดูตู้ไปรษณีน์เลยครับ มีใครส่งเอกสารไรมาใช้แค่นั้น เราออกไปหาเองไม่ได้ครับ
นายบี: ............ (หราาาาาาาาาาาา)
Edited by พอล คุง, 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:25.
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:27
Edited by เคนอิจิ, 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:36.
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:34
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:37
พอลคุง ควรอธิบายคำว่า สืบหลักฐาน ให้ชัดก่อนครับว่า เป็นกระบวนการก่อนหรือหลังการฟ้องผมบอกแต่แรกแล้วว่า ป.ป.ช. ไม่อำนาจสืบหาพยานหลักฐานเอง
และคำว่า สืบหลักบนนั้น มีลักษณะอย่างไร
ไม่งั้น หาอะไรมาแย้งให้ ก็เบี้ยวไปเรื่อยครับ
ประเด็นครับ ประเด็น
จะถกเรื่องสืบหาหลักฐาน ของคตส และปปช ไปเพื่ออะไร?
Edited by พอล คุง, 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:38.
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:42
พอลคุง ควรอธิบายคำว่า สืบหลักฐาน ให้ชัดก่อนครับว่า เป็นกระบวนการก่อนหรือหลังการฟ้อง
และคำว่า สืบหลักฐานนั้น มีลักษณะอย่างไร
ไม่งั้น หาอะไรมาแย้งให้ ก็เบี้ยวไปเรื่อยครับ
ประเด็นครับ ประเด็น
จะถกเรื่องสืบหาหลักฐาน ของคตส และปปช ไปเพื่ออะไร?
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:55
ก็บอกแล้วว่า สืบหาหลักฐาน มิได้แปลว่า รวบรวมหลักฐานไอ้ฟายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
http://www.nacc.go.t...commit_flow.php
อยุ่ที่ว่า คุณจะบอกว่า การรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ใช่การ"สืบหาหลักฐาน" รึเปล่า
มีตรงไหนที่ระบุ ว่า สืบหาพยานหลักฐาน
แค่เริ่มต้นก้อบอกว่า ตรวจสอบ. วิเคราะห์เรื่อง แสวงหาข้อเท็จจริงแล้ว
แค่นี้ก้อบอกอยู่แล้วว่า ปปช ไม่มีหน้าที่ สืบหาพยานหลักฐาน แค่ไต่สวน ตามหลักฐานได้รับมา
นี่มันอัลไล ????มีข้อไหนบ้างให้อำนาจ ปปช ในการรวบรวมหลักฐาน หาพยานหลักฐาน
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี นับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว
- ไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนพร้อมทั้งทำความเห็นเสนอต่อวุฒิสภา เกี่ยวกับการถอดถอนจากตำแหน่ง
- ไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนพร้อมทั้งทำความเห็นส่งไปยังอัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา 308 ของรัฐธรรมนูญ
- ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐร่ำรวยผิดปรกติ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
- การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
- กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งและชั้นหรือระดับของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
- กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
- รายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่พร้อมข้อสังเกตต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ทุกปี และนำรายงานออกเผยแพร่# เสนอมาตรการ ความเห็น หรือข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล หรือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
- ดำเนินการส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ยกเลิกหรือเพิกถอนสิทธิหรือเอกสารสิทธิที่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้อนุมัติหรืออนุญาตให้สิทธิประโยชน์หรือออกเอกสารสิทธิแก่บุคคลใดไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการ
- ดำเนินการเพื่อป้องกันการทุจริตและเสริมสร้างทัศนคติและค่านิยมเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริต
- ให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งเลขาธิการ
- แต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย
- ดำเนินการอื่นตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือกฎหมายอื่นกำหนด
...........................
แล้วไงต่อคับ ...
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 10:01
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 10:03
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 10:07
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 10:33
เคนอิจิ
เห็นคุณบอกว่า อยากเรียนด้านกฎหมาย แต่ผมเห็นคุณวิพากษ์เรื่องนี้แล้วอยากบอกคุณว่า เรื่องความเป็นจริงในชีวิต กับความเป็นจริงในตำราวิชาการมันแตกต่างกัน อย่างบางเรื่องในวิชาการมันบอกได้แน่นอนว่าเป็นอย่างไรเพราะมีตัวหนังสือมีตำรากำกับอยู่ แต่ในชีวิตจริงมันบอกไม่ได้หรอกว่ามันจะต้องตรงกับตำรา เพราะชีวิตจริงมันขึ้นอยู่ความคิด ความเข้าใจ ความเชื่อ ความเห็นของคนในสังคม
การที่คุณจะอ้างตำรา อ้างทฤษฎีมันจะทำให้เป็นได้แค่นักวิชาการบนหอคอยงาช้างที่ไม่สมควรลงมาวิพากษ์วิจารณ์สังคมที่อยู่ด้ายล่างของหอคอย แต่ถ้าอยากลงมาวิพากษ์วิจารณ์สังคม คุณต้องยอมรับความเป็นจริงของสังคม ความเสี่ยง ตัวแปรอื่นที่มีผลกระทบอื่นๆที่อาจมาจากนอกตำรา(โดยเฉพาะตัวแปรที่ชื่อว่า "มนุษย์")
อย่างเช่นเรื่องนี้คุณบอกแต่ว่า ไม่เคยบอกว่าเห็นด้วยกับการแก้ เพราะไม่รู้จะแก้แล้วได้อะไร และบอกคนอื่นให้ปล่อยๆไปตามยถากรรมเพราะไม่รู้จะไปยุ่ง ในเมื่อไม่เสีย ไม่ได้อะไร แต่ดันไปด่าคนที่ออกความเห็นมาต่อต้านต่างๆนานา ซึ่งผมว่าคุณนะผิด
คนที่ต่อต้านเค้าก็กลัวกันว่าจะแก้ไปทำไม เลยออกมาวิเคราะห์วิจารณ์ว่า ทำไมแก๊งขี้ข้าทักษิณถึงอยากแก้นักแก้หนา (ซึ่งความจริงอาจจะเป็นการสร้างกระแสกลบเกลือนมาตราที่อยากจะแก้จริงๆก็ได้ แล้วแนวคิดนี้ก็มีคนพูดในตอนแรกๆ ที่อ้างม.๓๐๙ เพื่อแก้รธน. แล้วพ่วงแก้มาตราอื่นไปด้วย) ถ้าคุณเคนอิจิลองหาความคิดเห็นของคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้เรื่องนี้จะมีหลายแนวทางมาก แต่สรุปทั้งหมดคือแก้เพื่อทักษิณ แน่นอนโดยอาจจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมแค่นั้น ซึ่งเป็นในลักษณะล้อมรั้วไว้ก่อน ดีกว่าวัวหายแล้วค่อยล้อมคอก
ถึงแม้คุณจะไม่เห็นด้วยกับการแก้(ซึ่งไม่รู้ว่าความเห็นของคุณจากใจจริงหรือแอ๊บแกล้ง) และมาด่าคนที่ต่อต้าน ก็กลายเป็นว่าคุณเป็นเครื่องมือขิ้นหนึ่งของแก๊งขี้ข้าทักษิณไปแล้ว
ปล.ใผมให้คุณคิดมุมกลับ ถ้าคิดว่าจะแก้ไปทำไม ในเมื่อแก้ไปก็ไม่ได้อะไร ไอ้รัฐบาลจะพยายามจะแก้ไปทำไมเสียเวลา เสียงบประมาณในการแก้ไข (เห็นว่ารบ.ตั้งคณะกรรมขึ้นมาศึกษาว่าจะแก้ยังไงด้วยซ้ำ) เอาเวลา เอางบประมาณไปแก้ปัญหาเรื่องอื่นดีใหม่ อย่างเรื่องจะเปิดอาเซียนในอีก ๒ ปีแล้วควรจะพัฒนาคนในประเทศอย่างไร พัฒนาเด็กอย่างไร ภาษาอังกฤษของเด็กไทยก็อ่อนที่สุดในภูมิภาคก็ยังไม่เห็นมีหมาสส.ตัวไหนคิดจะแก้ปัญหาเลย จะพัฒนางานอาชีพแข่งกับเพื่อนบ้านอย่างไร หรือจะพัฒนาการศึกษาให้ทัดเทียมอย่างไร (ตอนนี้เห็นผลงานดีสุดของศธ. คือ ยกเลิกการบังคับตัดผมเกรียนของเด็กนักเรียน)
สิทธิตามระบอบประชาติปไตยมีไว้สำหรับให้เสื้อแดงผู้เรียกร้องประชาติปไตยเท่านั้น
ผู้อื่นห้ามใช้มิเช่นนั้นจะโดนประชาติปไตยลงโทษ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:22
ขอถามอีกข้อนะ คุณเคนอิจิ....
คุณ พอใจไม๊ ? ที่มี ..รองนายกฯ
( เป็น ขี้ข้า นักโทษหนีคุก )
>>> ขอคำตอบแค่ ( พอใจ-ไม่พอใจ ) <<<
......ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้ง ๕ เบื่อ ...........
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:29
Edited by เคนอิจิ, 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:30.
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:56
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:59
พอลคุง พูดถึง ปปช หมีคุง ก็ตอบเรื่องปปช
แต่พอลคุงไพล่ไปแก้ต่างว่า ปปช ไม่ใช่พนักงานสอบสวนครับ
ซึ่งหมีคุง ไม่ได้พูดเรื่องการสวบสวนสืบสวนเลย
พอลคุงกล่าวหาคนโดยมิชอบครับ
และยังชอบด่าคนอื่นเวลาเขาแย้งด้วยครับ
หมดคุณสมบัติด้วยประการทั้งปวง
309 ก็ช่วยไม่ได้
มาละ
หมี และ คุณ ยกตัวอย่าง คดีนายสุพจน์ มานะ
คุณคิดว่า ปปช เค้าใช้วิธีไหนในการพิจารณาคดี
โดยหาหลักฐานมา หรือว่า ให้ผู้ถูกกล่าวหาให้พยานและหลักฐานมาเอง
คดีที่หมียกตัวอย่าง มา คือ คดี นายสุพจน์ ซึ่งมี3กรณี
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:02
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:07
พอลคุง พูดถึง ปปช หมีคุง ก็ตอบเรื่องปปช
แต่พอลคุงไพล่ไปแก้ต่างว่า ปปช ไม่ใช่พนักงานสอบสวนครับ
ซึ่งหมีคุง ไม่ได้พูดเรื่องการสวบสวนสืบสวนเลย
พอลคุงกล่าวหาคนโดยมิชอบครับ
และยังชอบด่าคนอื่นเวลาเขาแย้งด้วยครับ
หมดคุณสมบัติด้วยประการทั้งปวง
309 ก็ช่วยไม่ได้
นี่เหรอ ที่ บอกว่า หมีไม่ได้พูดเรื่อง การสือสวน
ข้อแตกต่างของสององค์กรนี้คือ
ปปช. จะตรวจสอบเรื่องทุจริตใดๆ ได้ ต้องมีผู้รวบรวมหลักฐานเข้าไปร้องเรียนก่อน
เมื่อ ปปช. ตรวจสอบหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาร้อง แล้วเห็นว่ามีมูลจึงจะดำเนินการต่อไปได้
แต่ คตส. ไม่ต้องรอใครร้อง หาก คตส. มีความสงสัยในกรณีใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ
คตส. สามารถดำเนินการหาหลักฐาน และหากมีมูลความผิดก็สามารถส่งให้อัยการพิจารณาเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไปได้ทันที
ผมเข้าใจถูกไหม????
ใช่คับ ...
จากตรงนี้ ผมว่าคุณหมีฯ ก็เข้าใจตรงกันว่า 2 องค์กรนี้ทำงานไม่เหมือนกัน
ขยายความคือ ปปช. แม้จะมีความสงสัย ก็ไม่สามารถสืบหาพยานหลักฐานเพื่อชี้มูลใดๆ ได้
ต้องรอจนกว่าจะมีผู้นำหลักฐานมายื่นคำร้องเสียก่อน จึงจะดำเนินการ ตรวจสอบ หลักฐานที่ผู้ร้องนำมายื่นได้
ทีนี้ถ้าตรวจสอบแล้วมีมูล ปปช. จะไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วสรุปเป็นสำนวนเพื่อดำเนินการต่อไป
ต่างจาก คตส. ที่ คปค. ให้อำนาจในการสงสัยไว้ กล่าวคือถ้า คตส. สงสัยในกรณีใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่รัฐ
คตส. มีอำนาจในการ ตรวจสอบ ด้วยการสืบหาพยานหลักฐานต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ตามอำนาจที่ คปค. ให้ไว้
ก่อนสรุปเป็นสำนวนเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
ทั้งหมดมันคือแบบนี้ใช่ไหมครับ
ไม่ใช่คับ ..
คุณพอล แกบอกว่า ปปช. ไม่สามารถตรวจสอบหาพยานหลักฐานได้
ผมก็ยกตัวอย่างนาย สุพจน์ ทรัพย์ล้อม มาให้ดู
ปปช.นั้นต้องมีผุ้ร้องเรียนก่อนถึงจะทำงานได้
แต่คตส. ไม่ต้องเพราะเป็นคำสั่งให้ตรวจสอบจากคปค. อยู่แล้ว
................
ปปช. ต่างจากคตส. 2 กรณี
1. ต้องมีผุ้ร้องเรียนก่อน
2. มีอำนาจจำกัด แต่คตส. คือหน่วยงานที่รวมอำนาจของทั้ง ปปช. ปปง อัยการ สรรพากร เข้าไว้ด้วยกัน
อ่านนี่ซะนะ
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:26
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:31
^
^
ก็แสดงว่า พอลคุง ไม่รู้จักกระบวนการ สืบสวนสอบสวน
จบครับสำหรับผม
คุณหมีจะต่อก็ไม่ว่านะครับ สนุกดี
งั้นช่วยบอกหน่อยว่า คดีนายสุพจน์ ปปช สืบสวนยังไง
ปปช เรียกตรวจสอบหลักฐาน กับ ทางการเงิน กับแบงค์ หรือ ตัวนายสุพจน์ เอง
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:34
เอาคดี นายสุพจน์ มาแปะ
นายกล้านรงค์กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ร่ำรวยผิดปกติ และจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ เป็นเท็จ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แบ่งการพิจารณาทรัพย์สินของนายสุพจน์ออกเป็น 3 ส่วนคือ 1. เงินของกลางที่ยึดได้จากคนร้ายจำนวน 18,121,000 บาท และทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 10 บาท ที่คนร้ายนำเงินจากการปล้นไปซื้อ 2. เงินฝากในบัญชีที่นายสุพจน์ยื่นไว้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม 3. ทรัพย์สินอื่นๆ เช่น รถยนต์
ในวันนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีร่ำรวยผิดปกติ เฉพาะเงินของกลางที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้อายัดไว้จำนวน 18,121,000 บาท และทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 10 บาท โดยได้แบ่งการพิจารณาเป็น 2 ประเด็น คือ เงินของกลางจากการปล้นเป็นของนายสุพจน์จริงหรือไม่ และของกลางดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่นายสุพจน์ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
“ประเด็นแรก คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วว่า เงินของกลางและทองรูปพรรณที่ยึดไว้เป็นของนายสุพจน์จริง จากการสอบปากคำผู้ต้องหาในคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ได้ให้การสอดคล้องกันในเรื่องการปล้นทรัพย์ของนายสุพจน์ ทั้งเรื่องวันเวลาในการปล้น จำนวนเงินที่ได้ เงินส่วนแบ่ง ซึ่งตรงกับหลักฐานที่ได้ และสามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ต้องหาที่เข้าไปปล้นบ้านนายสุพจน์ ไม่อยู่ในฐานะที่จะมีทรัพย์สินตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดมาได้ จึงเชื่อได้ว่า ของกลางที่ยึดได้ถูกปล้นมาจากบ้านนายสุพจน์จริง” นายกล้านรงค์กล่าว
ในประเด็นเรื่องของกลางดังกล่าวได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ จากการชี้แจงของนายสุพจน์ที่อ้างว่า เงินของกลางที่ถูกอายัดไว้เป็นของตนเพียง 5,068,000 บาท โดยแยกเป็นเงินสินสอดของบุตรสาวในวันแต่งงาน 2 ล้านบาท เงินที่นายทศพร ปราบใหญ่ บิดาของนายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ มอบให้เป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวของลูกสาวนายสุพจน์ จำนวน 2.5 ล้านบาท และเงินรับไหว้จากญาติผู้ใหญ่อีก 568,000 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เงินของกลางทั้งหมด มีเพียงเงินรับไหว้ที่ญาติผู้ใหญ่มอบให้ที่มีหลักฐานยืนยันว่ามีการมอบจริง และอาจมีเงินรับไหว้รวมอยู่ในเงินของกลางดังกล่าว
แต่เงินสินสอด 2 ล้านบาท คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาหลักฐานแล้ว เห็นว่าสภาพธนบัตรของกลางในคดีซึ่งมีลักษณะผ่านการใช้งานมาแล้ว ไม่ได้มีลักษณะเป็นธนบัตรใหม่ดังปรากฎในภาพถ่ายเงินสินสอดในงานแต่งงานจริง ประกอบกับธนบัตรที่ยึดได้ ไม่มีปลอกคาดของโรงพิมพ์ธนาคารแห่งประเทศไทยตามที่ปรากฎในภาพถ่ายสินสอดในงานแต่งงาน จึงเชื่อได้ว่า เงินดังกล่าวไม่ใช่เงินที่นายสุพจน์รับไว้ในงานแต่งงานบุตรสาวจริง
ส่วนเงินที่นายทศพร ปราบใหญ่ มอบให้เป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่นั้น จากการไต่สวนพบว่า คำให้การของนายทศพรไม่น่าเชื่อถือ เพราะมอบให้ในงานแต่งงานโดยฉุกละหุก ไม่เปิดเผย โดยเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยและไม่ต้องการให้ผู้อื่นรับรู้ เงินในส่วนนี้จึงฟังไม่ขึ้นว่ามีการมอบจริง
ส่วนเงินที่เหลือจำนวน 13,053,000 บาท และทองรูปพรรณหนัก 10 บาท ที่คนร้ายนำเงินที่ได้จากการปล้นทรัพย์ไปซื้อนั้น ฟังได้ว่าเป็นเงินของนายสุพจน์ที่ถูกปล้นในวันเกิดเหตุจริง แต่นายสุพจน์ไม่เคยแจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. และไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินจำนวนดังกล่าวได้
“คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม มีความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติเป็นจำนวนเงิน 17,553,000 บาท และทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท ที่คนร้ายนำเงินที่ได้จากการปล้นทรัพย์ไปซื้อ ชี้ให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไป” นายกล้านรงค์กล่าว
ในส่วนเงินฝากในบัญชี ที่นายสุพจน์ยื่นไว้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม และทรัพย์สินอื่นๆ เช่น รถยนต์ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เลื่อนวันพิจารณาทรัพย์เหล่านี้เพิ่มเติม ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2555 แทน
โดยความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติของนายสุพจน์นั้นเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 80 ที่ระบุให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงและหากมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
ทั้งนี้ การกล่าวหามีพฤติการร่ำรวยผิดปกติของนายสุพจน์นั้น เกิดขึ้นหลังจากกรณีการปล้นบ้านของนายสุพจน์ ในคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคืนวันแต่งงานของลูกสาวนายสุพจน์ ในการปล้นครั้งนั้น นายสุพจน์ได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้การว่าเงินที่ถูกปล้นมีประมาณ 5.8 ล้านบาท แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาและพบเงินสดของกลางกว่า 18.1 ล้านบาท ประกอบกับคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาว่าได้ปล้นเงินไปกว่า 200 ล้านบาท ทำไห้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ทำการไต่สวนนายสุพจน์ในข้อกล่าวหาทั้งสิน 3 ข้อกล่าวหา คือ ร่ำรวยผิดปกติ ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน และทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่
แต่ในระหว่างการไต่สวน นายสุพจน์ได้ทำการโอนถ่ายทรัพย์สินให้กับลูกสาว มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ทำให้ ป.ป.ช. ต้องใช้มาตรการอายัดทรัพย์สิน บ้าน และที่ดินของนายสุพจน์ เพื่อป้องกันการโยกย้ายทรัพย์สินหนีในภายหลัง โดยก่อนหน้าที่ ป.ป.ช. จะมีมติ ให้นายสุพจน์ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา ก่อน ป.ป.ช. จะลงมติให้มีความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติเพียง 1 สัปดาห์ แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้แจงว่า การลาออกดังกล่าวจะไม่มีผลต่อการพิจารณาคดีแต่อย่างใด
ส่วนในอีก 2 ข้อกล่าวหา ที่ ป.ป.ช. กำลังทำการไต่สวน คือ กรณีปกปิดบัญชีทรัพย์สินและกรณีทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนคดีนายสุพจน์ ได้ให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวว่า คดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จคาดว่าจะเสร็จราวเดือนสิงหาคมนี้ ขณะที่คดีทุจริตประพฤติมิชอบ คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้
จะเห็นได้ว่า ปปช ไม่ใช่หาหลักฐานมา นะครับ
แต่ตรวจสอบจากหลักฐานการเงิน ที่ นายสุพจน์ เคยแจ้งไว้ ก่อนหน้าจะเกิดคดี ปล้น แล้ว มีการให้นายสุพจน์ ไปชี้แจ้ง เงินดังถูกปล้นไปว่าได้มาจากไหน
นายสุพจน์ ตอบไม่ได้ ขี้แจงไม่ได้ ปปช ก้อตั้งข้อให้ แจงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ไม่ได้ไปตรวจสอบจากแบงค์ หรือ ธุรกรรมอะไรเลย
นี่เป็นกรณีแรก
Edited by พอล คุง, 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:37.
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
ตอบ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:40
และในวันเดียวกันนี้ นายกล้านรงค์ได้เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการไต่สวนเกี่ยวกับการซื้อถุงยังชีพว่า ทีี่ผ่านมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ให้สำนักการข่าวไปรวบรวมข้อมูลตามสื่อต่างๆ และได้ตั้งเรื่องว่ามีเหตุอันควรสงสัย และมีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งชุด เป็นคณะกรรมการไต่สวน โดยได้ตั้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าหน้าที่ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากการดำเนิการรวบรวมหลักฐานในเบื้องต้นแล้ว
ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 เป็นสำนวนการสืบสวนข้อเท็จจริงของ DSI ซึ่งระบุว่า พบการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจำนวน 10 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับผู้อำนวยการกรม และเจ้าหน้าที่ระดับนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ โดย DSI มีความเห็นว่าเจ้าหน้าทั้ง 10 คนนั้นได้นำเนินการเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 จึงได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ
ต่อมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้ดำเนินการไต่สวนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องต้น และมีความเห็นว่า ข้าราชที่ DSI ส่งมาทั้ง 10 คนนั้น อยู่ในข่ายมีเหตุอันควรสงสัย หรือมีข้อเท็จจริงปรากฎต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่ามีมูลกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 จริง
ในขณะเดียวกัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาเห็นว่ามีอีก 4 คน ที่กรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการไต่สวนไว้แล้ว เพิ่มเติมจากที่ DSI ส่งเรื่องมา อยู่ในข่ายที่ต้องดำเนินการไต่สวนด้วย โดยใน 4 คนนั้นเป็นข้าราชการระดับรองอธิบดี 1 คน และเป็นข้าราชการที่รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักอีก 1 คน นอกจากนี้ยังพบข้อเท็จจริงว่า มีห้างหุ้นส่วนอีก 2 ห้าง ได้ร่วมในการกระทำความผิดด้วย
“คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติดำเนินการแจ้งคำสั่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนให้กับคนทั้ง 14 ราย เพื่อทราบถึงการตั้งกรรมการไต่สวน และจะได้ดำเนินการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานต่อไป” นายกล้านรงค์กล่าว
โดยภายหลัง หากพบการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมในหน่วยงานอื่น นอกเหนือจาก 14 คนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัย คณะกรรมการป.ป.ช. ยังคงอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าและกรรมการที่รับผิดชอบ สามารถดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติมต่อไปได้
อันนี้เป็นกรณีที่ 2 เรื่องถุงยันชีพ ที่ DSI สื่บสวน หาพยานหลักฐานในคดี ถุงยันชีพ ก้อไม่ใช่ปปช อีก ที่หาหลักฐาน
Edited by พอล คุง, 10 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:41.
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน