111 ความเห็นในกระทู้นี้

[สิงห์สนามหลวง]

เมื่อ วันที่ 14 มกราคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า กรณีนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่า กัมพูชาใช้แผน 5 ขั้นเพื่อฮุบที่ดินเขาพระวิหารและพัฒนาพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งนายชวนนท์เคยเข้าไปทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ ต้องรู้ว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก อุปมาอุปไมย เรื่องนี้ตนขอความเป็นธรรม เรื่องนี้มีศาลพระภูมิและสนามหญ้า ศาลพระภูมิเป็นของกัมพูชา แต่สนามหญ้าเป็นของไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิทั้งศาลพระภูมิและสนามหญ้าไป ขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้เจรจากับกัมพูชาสำเร็จ จนกัมพูชายอมรับเป็นครั้งแรกว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ทับซ้อน จึงเกิดคำแถลงการณ์ร่วม ตนขอเรียกร้องไปยัง ปชป.โปรดระวังการกล่าวหาฝ่ายตรงข้าม เพราะคดีความในศาลโลกยังไม่มีการตัดสิน อาจส่งผลเสียต่อรูปคดีได้ ทั้งนี้ หาก ปชป.มีข้อมูลที่คิดว่าเป็นประโยชน์ ก็ควรมอบให้รัฐบาล เพื่อช่วยกันสู้คดีในศาลโลก

นายนพดลกล่าวว่า เรื่องปราสาทพระวิหารมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ ปชป. 6 ข้อที่คนไทยควรรู้ดังนี้

 

1.ปี 2505 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้า ปชป. เป็นหนึ่งในทีมทนาย ที่ว่าความในคดีที่ศาลโลกตัดสินว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา เมื่อ 50 ปี ที่แล้ว

 

2.ปี 2553 กัมพูชายื่นเรื่องให้ศาลโลกตีความคำตัดสินเมื่อปี 2505 ในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

 

3.ปี 2543 ปชป.จัดทำเอ็มโอยู 43 ใช้แผนที่ระวาง 1:200,000 เพื่อปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา ทั้งที่ศาลโลกใช้แผนที่มาตราส่วนดังกล่าวตัดสินให้ไทยแพ้คดีและต้องยกปราสาท พระวิหารเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก เมื่อ 50 ปีก่อน

4.ปี 2551 ปชป.เป็นพรรคแรกที่แต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและด่าผู้นำของประเทศอื่นว่าเป็น กุ๊ย ซึ่งผิดธรรมเนียมทางการทูตอย่างรุนแรง

 

5.ปี 2553 นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.กทม.ปชป. ก่อเรื่องรุกล้ำดินแดนกัมพูชา จนทำให้มีคนไทยถูกจับกุมไปขังคุกในเขมร และสร้างความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

 

6.ปี 2556 พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เสนอให้ประเทศไทยถอนตัวจากภาคีสมาชิกมรดกโลก ที่จะทำให้ไทยออกจากโลกอารยะ

ทั้งนี้ นายนพดล ได้นำเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท ยกขึ้นมาประกอบการแถลงข่าว พร้อมเสนอให้คนไทยที่สามารถหาเอกสารหลักฐานมายืนยันได้ว่า ทั้ง 6 ข้อเป็นความเท็จในสาระสำคัญ ก็พร้อมจะบริจาคเงินสด 1 ล้านบาท ทันที และหากประชาชนทั่วไปสามารถหาหลักฐานได้ภายใน 24 ชั่วโมง จะบริจาคเงินเพิ่มอีก 1 ล้านบาท รวมทั้งหมด 2 ล้านบาท

 

ที่มา มติชน

 

---

 

อยากได้สองล้านต้องหาหลักฐานไปแสดงภายใน 24 ชั่วโมง

ถ้าเกิน 24 ชั่วโมง ก็ได้แค่หนึ่งล้าน

 

มีเพื่อนสมาชิกชาวเสรีไทยคนไหนสนใจอยากได้เงินล้านบ้างไหมครับ

[Jagger]

ขนาดหลักฐานชายชุดดำรอมาเป็นเดือนแล้ว ยังไม่มีใครได้เงินล้านเลยครับ 

[เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง]

พื้นที่ 4.6 ตรกม เป็นของไทย อ๋อ ที่แท้ยุคนายสมัครนี่เองที่ไปบอกว่าเป็นพิ้นทีึ่ทับซ้อน

[pop2518]

อ่อ ครับ ชายชุดดำ ไม่มีหรอก ที่ผมเห็นน่ะ ตาฝาด ส่วนเรื่องเขาพระวิหาร ก็ไม่หรอกครับ ที่คุณ นพดล ทำไปก็ไม่ผิดหรอก ที่ไปเซ็นต์หนังสือยินยอมน่ะ ไม่ผิดเลย ไม่มีส่วนเลย

คนอื่นผิดทั้งนั้น นปช พท ถูกเสมอ ทำห่านอะไรก็ถูก ของแพงก็เพราะสภาพแวดล้อม บริษัทเจ๊งก็เพราะไม่มีออเดอร์ ข้าวในคลังก็ขายได้โม้ดแล้ว ใครมีหลักฐานข้าวล้น ไหนๆ แน่จริงเปิดเผยเลย

เฮ่อ

[raffy]

เออ...มรึงก็บอกอยู่ว่าเป็นเรื่องศาลพระภูมิกับสนามหญ้า

ศาลมันก็ตัดสินไปแล้วว่าศาลพระภูมิเป็นของเขมร(อันนี้เราก็ขอสงวนสิทธิไว้)

แล้วก็ไม่ได้บอกว่าสนามหญ้าเป็นของมัน

แล้วมันยังมีหน้ามาบอกว่าสนามหญ้ามันเป็นที่ทับซ้อน

เอากะมันดิ

[Stargate-1]

 

 

 

International Boundary Study

No. 40 (Revised) – November 23, 1966

Cambodia – Thailand

Boundary

(Country Codes: CB-TH)

 

The Cambodia–Thailand boundary stretches approximately 499 miles from the Gulf of

Siam northward and then eastward to the Laos tripoint at the Col (pass) de Preah

Chambot near the Mekong River. The boundary has been delimited by a series of

agreements between France and Thailand during the period when Cambodia was under

French control. Part of the boundary has been demarcated. For 326 miles, watersheds

form the boundary while streams (130 miles) and straight line segments (43 miles)

complete the total.

..............

..................

 

After Cambodia regained its independence, a border problem came to light again

involving a "lost" Khmer temple, Preah Vihear, situated on the edge of the Dangrek

escarpment. Thai police forces had occupied the temple and began to perform

administrative actions. Cambodia protested but did not force the issue. Finally, in

1959, the question of sovereignty was submitted to the International Court of Justice.

Thailand's position was that the temple was north of the watershed line specified as the

Dangrek boundary by the 1904 and 1907 treaties. Cambodia based its case on the

delimitation commission map which showed that the boundary in places deviated from

the watershed; Preah Vihear was only one instance. In 1962, the Court ruled that the

map of the eastern Dangrek range was valid and the temple was Cambodian. Although

pleased by the favorable ICJ decision, Cambodia has felt somewhat frustrated over the

fact that the Thai, while accepting the decision de facto, have maintained a rather vague

reservation with respect to it. Cambodia has recently called for an international

conference on the "neutrality and territorial integrity" of Cambodia to seek inter alia

formal Thai acceptance of the validity of the Thai–French treaties which delimit the

boundary (which the Thai maintain were entered into under duress) and of the 1962

decision of the ICJ. While expressing willingness to agree to some formulation showing

their acceptance of the status quo, the Thai have not been willing to express it in this

way. Thus while there is no active boundary dispute between the two countries at the

moment, the history of such disputes is an important factor in the extremely bad Thai–

Cambodian relations of the present.

 

อันนี้เป็นการวิจัยของInternational Boundary Study ของสหรัฐ  จาก

http://www.law.fsu.e...seas/ibs040.pdf

 

ถ้าฝรั่งเศสไม่ยอมรับว่า ขอบหน้าผาเป็นเขตแดน ทำไมไม่ปักปันเขตแดนตรงบริเวณหน้าผาที่ตนเองคิดว่าเป็นเขตแดนครับ ปล่อยว่างไว้ทำไม แล้วบอกว่าปักปันเขตแดนกันเสร็จแล้ว ในสมัย ร.5 ครับ

 

Edited by Stargate-1, 14 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:51.

[antiseptic]

ผมให้ 10 ล้านเลยฮะ ถ้านพดลมีหลักฐานว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเท็จ

 

[อาตี๋]

เอาแค่*คุณ* (ไอ้นพดล) เซ็นต์ยอมรับอำนาจโดยไม่ตรวจสอบก่อนก็พอแล้ว

 

ส่วนสิ่่งที่มึงพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดปลีกย่อยมันไม่จริง

แล้วถ้ามีคนงัดหลักฐานเรื่องปลีกย่อยมามันจะยอมรับมั้ย (เพราะนิสัยควายแดงในนี้ก็เหมือนกัน ขนาดมีรูปชายชุดดำเต็มไปหมด ควายในทู้นี้ตัวหนึงยังไม่ยอมรับสักที)

Edited by อาตี๋, 14 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:48.

[สิงห์สนามหลวง]

ปราสาทเป็นของกัมพูชาครับ แล้วตัวที่ดินใต้ปราสาทเป็นของใคร?

 

Edited by สิงห์สนามหลวง, 14 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:48.

[bonnerr]

รองนายกรัฐมนตรีของไทยเมาแอ๋ในเวลาราชการ ระหว่างที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย นี่มีอยู่ในพิธีการทูต หรือเปล่า

[Stargate-1]

 

การขอขึ้นทะเบียนฯร่วมโดยใช้สระตราว ฯลฯ ไม่ได้มีผลดีต่อการปักปันเขตแดนเลย เพราะกัมพูชาเองก็รับอยู่แล้วว่าอยู่ในเขตไทย ทั้งยังเป็นการยืนยันว่าไทยรับเขตแดนกัมพูชาที่อยู่บริเวณนั้น และแน่นอนเขมรคงไม่ยอมให้ไทยร่วมด้วย ถ้าไทยอ้างพื้นที่โดยรอบปราสาทว่าเป็นของไทยในการขอร่วมขึ้นทะเบียนฯด้วย เพราะไปล้ำเขตแดนเขา ซึ่งไม่น่าจะนำประเด็นของนายนพดลที่ว่าจะใช้ปรองดองกับกัมพูชามาอ้างว่ามีผลดีได้เลย ในทางตรงกันข้าม การไปหนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนได้แต่เพียงฝ่ายเดียวกลับเป็นการสนับสนุนเขตแดนของกัมพูชาให้หนักแน่นยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ

 

การชี้ให้ศาลเห็นว่า การตีความสันปันน้ำในเชิงสากลทั้งในอดีตและปัจจุบัน ไม่เป็นไปตามที่ฝรั่งเศสตีความและเอาการตีความนั้นไปเขียนเป็นแผนที่ผิดๆขึ้นมา  ทั้งฝรั่งเศสเองก็ไม่มีการปักปันเขตแดนบนเนินเขาพระวิหาร เพื่อแสดงหลักเขตให้เห็นชัดเจน เท่ากับเป็นการยอมรับว่าสันเขาที่เห็นชัดเจนนั้นเองเป็นเขตแดน การยอมรับของฝรั่งเศสในอดีตในข้อนี้ อาจทำให้ไทยได้ปราสาทกลับคืนมาก็ได้

 

Edited by Stargate-1, 14 มกราคม พ.ศ. 2556 - 17:11.

[tifosi]

เมื่อ วันที่ 14 มกราคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า กรณีนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่า กัมพูชาใช้แผน 5 ขั้นเพื่อฮุบที่ดินเขาพระวิหารและพัฒนาพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งนายชวนนท์เคยเข้าไปทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ ต้องรู้ว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก อุปมาอุปไมย เรื่องนี้ตนขอความเป็นธรรม เรื่องนี้มีศาลพระภูมิและสนามหญ้า ศาลพระภูมิเป็นของกัมพูชา แต่สนามหญ้าเป็นของไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิทั้งศาลพระภูมิและสนามหญ้าไป ขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้เจรจากับกัมพูชาสำเร็จ จนกัมพูชายอมรับเป็นครั้งแรกว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ทับซ้อน จึงเกิดคำแถลงการณ์ร่วม ตนขอเรียกร้องไปยัง ปชป.โปรดระวังการกล่าวหาฝ่ายตรงข้าม เพราะคดีความในศาลโลกยังไม่มีการตัดสิน อาจส่งผลเสียต่อรูปคดีได้ ทั้งนี้ หาก ปชป.มีข้อมูลที่คิดว่าเป็นประโยชน์ ก็ควรมอบให้รัฐบาล เพื่อช่วยกันสู้คดีในศาลโลก

นายนพดลกล่าวว่า เรื่องปราสาทพระวิหารมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ ปชป. 6 ข้อที่คนไทยควรรู้ดังนี้

 

1.ปี 2505 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้า ปชป. เป็นหนึ่งในทีมทนาย ที่ว่าความในคดีที่ศาลโลกตัดสินว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา เมื่อ 50 ปี ที่แล้ว

 

2.ปี 2553 กัมพูชายื่นเรื่องให้ศาลโลกตีความคำตัดสินเมื่อปี 2505 ในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

 

3.ปี 2543 ปชป.จัดทำเอ็มโอยู 43 ใช้แผนที่ระวาง 1:200,000 เพื่อปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา ทั้งที่ศาลโลกใช้แผนที่มาตราส่วนดังกล่าวตัดสินให้ไทยแพ้คดีและต้องยกปราสาท พระวิหารเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก เมื่อ 50 ปีก่อน

4.ปี 2551 ปชป.เป็นพรรคแรกที่แต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและด่าผู้นำของประเทศอื่นว่าเป็น กุ๊ย ซึ่งผิดธรรมเนียมทางการทูตอย่างรุนแรง

 

5.ปี 2553 นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.กทม.ปชป. ก่อเรื่องรุกล้ำดินแดนกัมพูชา จนทำให้มีคนไทยถูกจับกุมไปขังคุกในเขมร และสร้างความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

 

6.ปี 2556 พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เสนอให้ประเทศไทยถอนตัวจากภาคีสมาชิกมรดกโลก ที่จะทำให้ไทยออกจากโลกอารยะ

ทั้งนี้ นายนพดล ได้นำเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท ยกขึ้นมาประกอบการแถลงข่าว พร้อมเสนอให้คนไทยที่สามารถหาเอกสารหลักฐานมายืนยันได้ว่า ทั้ง 6 ข้อเป็นความเท็จในสาระสำคัญ ก็พร้อมจะบริจาคเงินสด 1 ล้านบาท ทันที และหากประชาชนทั่วไปสามารถหาหลักฐานได้ภายใน 24 ชั่วโมง จะบริจาคเงินเพิ่มอีก 1 ล้านบาท รวมทั้งหมด 2 ล้านบาท

 

ที่มา มติชน

 

---

 

อยากได้สองล้านต้องหาหลักฐานไปแสดงภายใน 24 ชั่วโมง

ถ้าเกิน 24 ชั่วโมง ก็ได้แค่หนึ่งล้าน

 

มีเพื่อนสมาชิกชาวเสรีไทยคนไหนสนใจอยากได้เงินล้านบ้างไหมครับ

 

ข้อ 4 บิดเบือนในสาระสำคัญ

 

"แต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและด่าผู้นำของประเทศอื่นว่าเป็น กุ๊ย"

 

เจตนาเขียนให้เข้าใจว่าด่าในขณะที่อยุ่ในตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ความเป็นจริงก็คือด่าก่อนรับตำแหน่ง

 

 

ด่า 14 ตุลา 2551

 

 

รับตำแหน่ง 19 ธันวา 2551

 

http://th.wikipedia....iki/กษิต_ภิรมย์

[Super@2]

ขนาดหลักฐานชายชุดดำรอมาเป็นเดือนแล้ว ยังไม่มีใครได้เงินล้านเลยครับ 

แล้วไอัที่นอนอยู่ในตะรางนั้นมันใคร...คลิปมากมายไม่ดู

พอแกนนำอย่างไอ้เหวงบอกไม่มี ก็พยามทำตาบอดขานรับกันใหญ่ ก็ขอให้มันบอดจริงๆนะ

[tifosi]

อีกอย่าง ข้อ 4 นี่ก็คงเหมือนๆกับไอ้เฮี่ยตัวนึงที่บอกว่า UN ไม่ใช่พ่อ ในตอนที่มันเป็นนายก

[juemmy]

 

จากเพจของสายตรงภาคสนาม

 

ไม่เอาเงิน 2 ล้าน ขอล้านเดียวจากหัวนพดล !

------------------------------------------------------------------

ความจริงครึ่งเดียว/ความเท็จ

1.) ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นทนายความคดีปราสาทเขาพระวิหารปี 2505
2.) กัมพูชายื่นฟ้องศาลโลกรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปี 2553
3.) ปชป.ทำ MOU43 ยอมรับแผนที่ระวาง 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งศาลใช้ตัดสินยกตัวปราสาทให้กัมพูชา
4.) ตั้ง กษิต ภิรมย์ ด่า ฮุนเซนเป็น กุ๊ย เป็น รมว.ต่างประเทศ
5.) พนิช วิกิตเศรษฐ อดีตส.ส. ปชป.ก่อเรื่องรุกดินแดนกัมพูชา
6.) ปี 2556 ปชป.เสนอไทยถอนตัวจากการเป็นภาคีมรดกโลกทำไทยออกจากโลกอารยะ

---------------------------------------------------------------------

ความจริง

1.) ทีมทนายความไม่ยอมรับคำตัดสินศาลโลก ประกาศสงวนสิทธิ์สู้คดี
2.) กัมพูชาใช้แถลงการณ์ร่วมไทยกัมพูชาที่นพดลไปลงนามขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียวในปี 2551
3.) MOU43 ไม่ยอมรับแผนที่ระวาง 1 ต่อ 2 แสน เพราะไม่ใช่ผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนตามที่ศาลโลกได้วินิจฉัยแล้ว แต่ให้นำสนธิสัญญาฯมาพิจารณาเพื่อเจรจาหาข้อยุติร่วมกัน และศาลโลกไม่ได้ใช้แผนที่ดังกล่าวในการตัดสินยกตัวปราสาทให้เป็นของเขมรแต่ใช้กฎหมายปิดปาก
4.) ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขตแดน และ กษิต ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยอย่างเข้มแข็งจนฮุนเซนไม่พอใจ
5.) ผู้เริ่มต้นที่ทำให้เกิดการเดินทางไปชายแดนเขมรคือ เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ที่ชวน พนิช และคณะไปพิสูจน์พื้นที่
6.) สุวิทย์ คุณกิตติ อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯประกาศถอนตัวจากการเป็นภาคีมรดกโลกด้วยวาจา แต่ยังไม่ทำหนังสืออย่างเป็นทางการ เนื่องจากขณะนั้นรัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลรักษาการ โดยสิ่งที่ทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติ แต่รัฐบาลนี้กลับทำท่าสมยอมให้กัมพูชาบริหารพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารสำเร็จ หลังรัฐบาลอภิสิทธิ์คัดค้านมา 3 ปี

คนเลวคิดถึงแต่เงิน เมินแผ่นดินเกิดขายชาติตัวเอง

ชัดเจนมั้ยคะ ไอ้เหล่หัวล้าน

[best]

ใครมีหลักฐานก็เอาไปยืนยันเลยครับ ได้เงินด้วย อย่ามาปากเก่งแต่ในเว็บบอร์ด ^^

[พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน]

หลักฐานใดๆ ที่ทำให้เพื่อไทย ท่านแม้วและผองเพื่อนได้รับความเสียหาย ให้ถือเป็นหลักฐานเท็จ

 

หลักฐานใดๆ ที่ทำให้แมงวาป สลิ่มและกากเหลืองได้รับความเสียหาย ให้ถือเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือ

[awhile]

ทำไมต้องภายใน 24 ชม. ด้วยอ่ะครับ

สงสัยเฉยๆ  กลัว หลักฐานมันจะสลายร่างไป หากเกินเวลาหรือครับ??

[สิงห์สนามหลวง]

ทำไมต้องภายใน 24 ชม. ด้วยอ่ะครับ

สงสัยเฉยๆ  กลัว หลักฐานมันจะสลายร่างไป หากเกินเวลาหรือครับ??

 

24 ชั่วโมงเป็นแค่ออฟชั่นพิเศษครับ

 

ถ้ายื่นหลักฐานภายใน 24 ชั่วโมง ก็ได้ 2 ล้าน

แต่ถ้ายื่นหลักฐานหลัง 24 ชั่วโมงก็ได้เงินเพียง 1 ล้าน

 

แสดงหลักฐานที่กระทู้นี้ ไม่ได้สตางค์นะครับ

ใครอยากได้สตางค์ต้องไปยื่นที่นายนพดล หรือพรรคเพื่อไทย

 

ถ้าพิสูจน์ได้ว่าหลักฐานทั้ง 6 ข้อ เป็นของจริง

แล้วนพดลเกิดบี้ยวไม่ยอมจ่าย เดี๋ยวสิงห์ฯช่วยโวย

[tonythebest]

http://hilight.kapook.com/view/60168

 

ยูเนสโก เสียใจไทยถอนภาคี ด้านสุวิทย์ลั่นเสียใจกว่าที่ยูเนสโกไม่ทำตามข้อตกลง ขณะที่กัมพูชาเตรียมกำลังทหาร ตั้งฐานปืนใหญ่ เตือนชาวบ้านเตรียมตัวรับมือการปะทะ

         หลังจากที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รักษาการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนการเจรจามรดกโลก ประกาศถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกมรดกโลก เหตุยูเนสโกไม่ยอมฟังไทย และไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัติในอนุสัญญา

         โดย นายสุวิทย์ เปิดเผยวานนี้ (26 มิถุนายน) ว่า นางอิรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้แสดงความเสียใจหลังจากที่ไทยได้ประกาศถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก โดยตนได้ตอบไปว่า ตนมีความเสียใจมากกว่าที่คณะกรรมการมรดกโลกไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ได้กำหนดขึ้น 

        ทั้งนี้ หลังจากไทยได้ถอนตัวจากภาคีมรดกโลก ส่งผลให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง โดยมีทหารไทยและตำรวจตระเวนชายแดน ได้เข้าประจำพื้นที่ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ทุกจุดตั้งแต่ช่วงเช้า  และเตรียมพร้อมในที่ตั้งตลอด 24 ชั่วโมง และเมื่อเวลา  16.00 น. วานนี้ (26 มิถุนายน) มีเครื่องบินขับไล่ แบบเอฟ 16 จำนวน 2 ลำของไทย บินเหนือพื้นที่ อ.ปราสาท  ทำให้ชาวบ้านต่างพากันคาดการณ์ว่าหลังจากนี้อีก 2-3 วันอาจจะเกิดการปะทะระลอกใหม่ขึ้น

       ขณะที่บริเวณใกล้กับปราสาทตาควาย มีรายงานระบุว่า ทหารกัมพูชาจำนวนกว่า 300 นาย พากันเร่งขุดหลุมบังเกอร์ และตั้งฐานปืนใหญ่หันกระบอกมาทางไทย โดยทหารกัมพูชาได้ตะโกนสั่งห้ามทหารไทยไปยืนดูการสร้างหลุมดังกล่าว ส่วนบริเวณตรงข้ามช่องกร่าง บ้านหนองตาเลิฟ ต.บักได ที่ตั้งทหารกัมพูชา ได้มีกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาเสริมเป็นจำนวนกัน

      อย่างไรก็ตาม ด้านชาวไทยและกัมพูชาที่อาศัยอยู่ใกล้พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เจ้าหน้าที่ทหาร กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับทราบถึงสถานการณ์ชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้ประชาชนอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม เก็บสิ่งของที่มีค่าติดตัวออกจากบ้าน ถ้าหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง ให้รวมตัวกันในจุดนัดพบประจำหมู่บ้าน และเดินทางไปยังศูนย์อพยพ

นายกฯ ชี้แจงเหตุไทยถอนตัวภาคีมรดกโลก

       วานนี้ (26 มิถุนายน) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีที่ไทยถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลกว่า สาเหตุหลักนั้นคือไทยต้องการแสดงจุดยืนชัดเจนว่า ไม่ต้องการให้ที่ประชุมพิจารณาแผนบริหารจัดการที่กัมพูชาเสนอ ซึ่งเนื้อหาและแผนผังแนบท้ายระบุชัดเจนว่า จะมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างหลายอย่างในเขตแดนของไทย และคณะกรรมการมรดกโลกกลับมีท่าทีที่จะยอมรับการเสนอแผนบริหารจัดการพื้นที่ของกัมพูชาที่เสนอเข้ามาในการประชุมปีนี้ ทางตนและคณะกรรมการทุกท่านได้ปรึกษากันแล้วว่า เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

       นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขอขอบคุณผู้แทนทั้งหลายประเทศ และทางยูเนสโกที่พยายามหาทางประนีประนอมให้มีการร่างข้อมติที่เป็นที่ยอมรับ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางไทยได้ขอถอนตัวจากภาคมรดกโลกแล้ว ก็จะไม่มีการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชาแต่อย่างใด การดำเนินการต่อไปจะเป็นหน้าที่รัฐบาลใหม่ที่จะดำเนินการ แต่ระหว่างนี้ทางยูเนสโกสามารถปรึกษาหารือกับไทยต่อไปได้ โดยไทยยืนยันว่าหากจะต้องการฟื้นฟูบูรณะใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดินแดนไทย ต้องได้รับการยินยอมจากไทยก่อนเสมอ พร้อมทั้งยืนยันว่ากัมพูชาต้องถอนทหารออกจากปราสาททั้งหมด มิฉะนั้นจะถือว่าขัดต่อสนธิสัญญา และเจตนารมณ์ของกรรมการมรดกโลก

       พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวขอบคุณนายสุวิทย์ ที่ทำงานหนักมากในช่วงก่อนหน้านี้ และย้ำว่ามันเป็นไปตามแนวทางที่ตนพูดมาตลอดว่าต้องสู้ถึงที่สุด และการสู้มาทั้งหมดนั้นยืนยันว่าไม่สูญเปล่าแน่นอน มิตรประเทศ ก็ช่วยไทยจริงจังและน่าจะเข้าใจจุดยืนของไทยมากขึ้น ตนเชื่อว่าการทำความเข้าใจมาตลอดเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ในที่สุดมติที่ประชุมก็ไม่ใส่ร่างข้อมติปัญหาที่กัมพูชาเสนอ

       ขณะที่ นางอิริน่า โบโกว่า ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือ องค์การยูเนสโก กล่าวในการแถลงข่าวว่า  ตนหวังว่า ทางไทยพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วในการกระทำดังกล่าว เพราะอาจจะส่งผลถึงอนาคต ทั้งนี้ทางยูเนสโก ยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับการวางแผนการจัดการสำหรับการปราสาทพระวิหาร แต่อย่างใด

[hentai]

รับรองว่า... ไม่มีใครได้ตัง นพดล..    

[Red26]

ถ้าพวกประชาธิปัตย์มันเก่งข้อมูลและกฎหมายจริง คงว่าความชนะศาลโลก และ คดีๆต่างๆที่ฟ้องสู้กับต่างชาติไปนานแล้ว

 

พวกนี้มันดีแต่ศรีธนนชัย ชนะได้แต่ในประเทศเท่านั้นแหละ 

[tonythebest]

รับรองว่า... ไม่มีใครได้ตัง นพดล..    

 

แน่นอนครับ ไม่มีใครได้ตังค์นพดล เพราะนพดลเลือกพูดความจริงด้านเดียว

 

 

 

 

1.ปี 2505 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้า ปชป. เป็นหนึ่งในทีมทนาย

ที่ว่าความในคดีที่ศาลโลกตัดสินว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา เมื่อ 50 ปี ที่แล้ว

 

อันนี้เรื่องจริง แต่ไทยในสมัยนั้น ไม่ได้ยอมรับในเรื่องพื้นที่ใต้ปราสาท

นพดลไม่เอามาพูดถึง

 

2.ปี 2553 กัมพูชายื่นเรื่องให้ศาลโลกตีความคำตัดสินเมื่อปี 2505

ในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

 

เพราะยุคก่อนหน้านั้น นพดล ยินยอมให้เขมรยื่นปราสาทเป็นมรดกโลกข้างเดียวไว้

และเป็นเงื่อนไขผูกพันจนมาถึงการพยายามยึดครองที่ดินใต้ตัวปราสาทตามมา

นพดลไม่ยอมพูดถึง

 

3.ปี 2543 ปชป.จัดทำเอ็มโอยู 43 ใช้แผนที่ระวาง 1:200,000 เพื่อปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา

ทั้งที่ศาลโลกใช้แผนที่มาตราส่วนดังกล่าวตัดสินให้ไทยแพ้คดีและต้องยกปราสาท พระวิหาร

เป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก เมื่อ 50 ปีก่อน

 

ข้อนี้ คุณ juemmy ตอบไว้แล้ว

3.) MOU43 ไม่ยอมรับแผนที่ระวาง 1 ต่อ 2 แสน เพราะไม่ใช่ผลงาน

ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนตามที่ศาลโลกได้วินิจฉัยแล้ว

แต่ให้นำสนธิสัญญาฯมาพิจารณาเพื่อเจรจาหาข้อยุติร่วมกัน

และศาลโลกไม่ได้ใช้แผนที่ดังกล่าวในการตัดสินยกตัวปราสาท

ให้เป็นของเขมรแต่ใช้กฎหมายปิดปาก

 

นพดลไม่ยอมพูดถึง

4.ปี 2551 ปชป.เป็นพรรคแรกที่แต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์

มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและด่าผู้นำของประเทศอื่นว่าเป็น กุ๊ย

ซึ่งผิดธรรมเนียมทางการทูตอย่างรุนแรง

 

สมัยกษิตด่านั้น กษิตดำรงค์ตำแหน่งอะไรทางการทูตหรือไม่

เทียบกับรัฐมนตรีบางคนในขณะดำรงค์ตำแหน่ง 

แต่ไปยินยอมให้ประเทศอื่นขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว

ทั้งที่รู้ว่าจะเป็นปัญหาต่อพื้นที่พิพาทได้ในอนาคต

 

นพดลไม่ยอมพูดถึง

 

5.ปี 2553 นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.กทม.ปชป. ก่อเรื่องรุกล้ำดินแดนกัมพูชา

จนทำให้มีคนไทยถูกจับกุมไปขังคุกในเขมร และสร้างความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

 

ความตึงเครียด เกิดมาตั้งแต่รัฐมนตรีขายชาติ

ยินยอมให้เขมรยื่นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว

สส บางกลุ่ม และประชาชนบางฝ่าย บินตรงไปกราบ

กระปุกไข่ฮุนเซนถึงบ้าน อดีตนายกที่เป็นนักโทษชาย

ไปพำนักพักพิง และใช้เขมรเป็นแหล่งมั่วสุมเพื่อก่อการร้าย

 

นพดลไม่ยอมพูดถึง

 

6.ปี 2556 พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เสนอให้ประเทศไทยถอนตัวจากภาคีสมาชิกมรดกโลก

ที่จะทำให้ไทยออกจากโลกอารยะ

 

โลกอารยะ ที่ต้องเสียดินแดนโดยคนไทยใจเขมรบางกลุ่มยกให้ฟรีๆ

โลกอารยะ ที่มีอดีตนายกนักโทษหนีคดีแบ่งผลประโยชน์กับต่างชาติ

โลกอารยะ ที่คนไทยใจเขมรบางกลุ่ม

ดาหน้ากันปกป้องคนขายชาติและยื่นแผ่นดินของชาติให้ต่างชาติฟรีๆ

 

นพดลไม่ยอมพูดถึง

[55555]

ถ้ามีหลักฐานมันจะยอมจ่ายรึ...

 

ขนาดศาลตัดสินผิดแล้ว มันยังไม่ยอมรับเลย

 

 

[pop2518]

เพื่อไทย ชอบเล่นนะ มุขนี้ ไอ้เรื่อง ท้าหาหลักฐาน เนี่ย ไอ้คลิปเสื้อดำเต็มไปหมดเนี่ย เคยมีตำรวจซักนายมั้ย ที่จะสืบหาว่าเป็นใคร ไปใส่ชุดดำทำไม จะเป็นทหารหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้หรอก รู้แค่ว่า หาตัวให้เจอก่อนดีกว่า คลิปเห็นหน้ามีเยอะแยะ หรือต้องให้ ปชช อย่างเมมเบอร์ ใน สรท จับตัวไปป้อนให้ถึงโรงพัก ถึงจะยอมรับว่ามี ส่วนหลักฐาน บ้าบอ เรื่อง เขาพระวิหาร เนี่ยนะ เรื่องที่คุณยกมา ทุกคนเขาก็รู้ และ แน่นอน มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คุณหลีกเลี่ยงในเรื่องที่คุณทำ และ/หรือ พรรคพวกคุณทำ ทำไมคุณไม่ออกมาแก้ต่างแบบนี้ล่ะ ไหน ใครหาหลักฐาน ว่าผมเซ็นต์ ยินยอมฝ่ายเดียว ผมจะให้ สองล้าน เอ้อ ถ้าแบบนี้สิ ลูกผู้ชาย แม่มเอ้ย ไอ้ สนข ก็อวยกันเข้าไป ลูกผู้ชายห่านอะไร พอเขาด่ากันเยอะๆตอนที่ไปเซ็นต์ ก็ดันทำหนังสือ ไม่ยอมรับสิ่งที่ตัวเองเซ็นต์ แบบนี้มีหน้ามาเรียกตัวเองว่า ลูกผู้ชายตัวจริง เหรอ....

[ใจหมาอำมหิต`]

ถ้ามีหลักฐานมันจะยอมจ่ายรึ...

 

ขนาดศาลตัดสินผิดแล้ว มันยังไม่ยอมรับเลย

 

 

 

มีหลักฐานมามันจะบอกให้ไปฟ้อง รอจนกว่าศาลตัดสิน
พอศาลตัดสินว่าหลักฐานจริง มันจะบอกว่าศาล เอียง

 

 

กว่าจะจบเรื่องตามนี้ใช้เวลากี่ปี ?

 

แมงสาปตามไม่ทันหรอก

[redfrog53]

ผมขอโพสต์ข้อความนี้ไปถึงคุณนพดล ขอทวงเงินรางวัล 2 ล้าน บาท ที่บอกว่าถ้าสามารถนำหลักฐานมาหักล้างข้อใดข้อหนึ่งได้ หรือถ้าคุณนพดลคิดเป็นข้อละ 333, 000 บาทต่อข้อ ผมก็ควรจะได้เงินอย่างน้อย 333,000บาท เพราะผมสามารถหักล้างสิ่งที่คุณได้โพสต์อย่างน้อย 1 ข้อ คือประเด็นที่ 3 ที่คุณนพดลอ้างว่าใน mou 43 พรรคปชปใช้แผนที่ระวาง 1: 200,000 เพื่อปักปันเขตแดนไทย กัมพูชา และเป็นแผนที่เดียวกับ ที่ศาลโลกใช้ตัดสินในการยกปราสาทพระวิหารให้กับกัมพูชาเมื่อปี พศ 2505

 

ก่อนที่ผมจะหักล้างประเด็นคุณนพดลด ในฐานะที่เป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเก่า และเป็นอดีตนักเรียนนอกอังกฤษ (แม้ว่าจะเป็นปริญญาโทก็ตาม) ควรที่จะใช้ภาษาให้ถูกต้อง การปักปันเขตแดนเสร็จไปนานแล้ว กรณีนี้เข้าเรียกว่าการปักหลักเขตแดนครับ

 

ประเด็นที่ 3 คุณนพดลเข้าใจผิดครับ ข้อเท็จจริงคืออย่างนี้ครับ

 

เวลาที่เราจะพูดถึงแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสน คนมักคิดถึงเฉพาะระวางดงรักที่กัมพูชาใช้ในศาลโลก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสนมีหลายระวางและไม่ได้เกี่ยวพันเฉพาะกับประเทศกัมพูชาเท่านั้น ในที่นี้ขออธิบายเฉพาะแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสนระวางดงรักที่เป็นปัญหาถกเถียงกันอยู่ในเวลานี้ ซึ่งรัฐบาลประชาธิปัตย์ยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่ยอมรับแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสน ระวางดงรัก เหตุผลเพราะว่าในการพิจารณาของศาลโลกได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า แผนที่ระวางนี้ไม่ได้เป็นผลงานของคณะกรรมการผสมระหว่างสยาม-ฝรังเศส ซึ่งในเอ็มโอยู ๒๕๔๓ ระบุไว้ว่าแผนที่ที่จะนำมาใช้จะต้องเป็นผลงานของคณะกรรมการฯ และรัฐบาลเคยทำหนังสือไปถึงรัฐบาลกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๑ ยืนยันว่าไทยไม่ยอมรับแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสนในการเจรจาแต่เรายึดหลักสันปันน้ำเหมือนที่เราได้ต่อสู้ที่ศาลโลก

 

แผนที่ที่ทำขึ้นมีทั้งหมด ๑๑ ฉบับโดยคณะกรรมการผสมระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญา ๑๙๐๔ ถูกยกเลิกไปสามฉบับโดยอนุสัญญา ๑๙๐๗ เหลือที่ยังใช้อยู่อีก ๘ ฉบับ ซึ่งเป็นแผนที่ที่เกี่ยวข้องกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประมาณ ๖ ฉบับครึ่งและแผนที่เกี่ยวกับกัมพูชา ๑ ฉบับครึ่ง สำหรับระวางที่เกี่ยวข้องกับปราสาทพระวิหารคือ ระวางดงรัก ซึ่งเป็นระวางเดียวที่กัมพูชานำขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลก และศาลโลกได้วินิจฉัยว่าระวางดงรักไม่ได้เป็นผลงานของคณะกรรมการฯแต่อย่างใด โดยไม่ได้วินิจฉัยแผนที่ที่เหลือว่าเป็นผลงานของคณะกรรมการฯหรือไม่ จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละประเทศต้องเจรจาตกลงกัน

 

เพราะฉะนั้นผมขอยืนยันครับว่าใน MOU 43 ระบุชัดว่า จะต้องเป็นแผนที่ 1:200,000 ซึ่งเป็นผลงานของคณะกรรมการผสมระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญา ๑๙๐๔ 

 

ซึ่งแผนที่ 1:200,000 ระวางดงรัก ที่ศาลโลกใช้ในการยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชานั้น ย่อมไม่ใช่แผนที่ 1:200,000 ที่จะใช้ในการปักหลักเขตแดน ตามที่อ้างใน MOU43 เพราะศาลได้่วินิจฉัยแล้วว่าไม่ได้เป็นผลงานของคณะกรรมผสมฯ

 

ฝากคนที่รู้จักคุณนพดล ให้ช่วยติดต่อและโอนเงินรางวัลให้ผมด้วยนะครับ

Sirichok Sopha

 

Vageta Kitti รักในหลวง สองล้านเยอะนะครับ แต่ เอเอสทีวีคงไม่รับเงินสกปรกหรอก

Toom Srivisa เอเอสทีวีเค้าคงไม่ลดตัวลงไปเล่นเกมส์กะคนชั้นต่ำแบบนี้หรอก

Wipada Dolk โดนความจริงตอกหน้าหงายเงิบอีกแล้วเหล่เอ๊ย บ่อยไปมั๊ยเนี่ย 5555

Sattha Permtawee สันดารพวกนี้ชอบใช้เงินนำหน้าไม่เคยเปลียน

Weerapong Suebtayath เงิน ๆๆๆๆๆจงมาหาคุณศิริโชค

Nutzuo Kung เอาจงินที่ได้มาจ้างมือปืนไปยิงหัวทักษิณ ^^

พรณรงค์ ตันติเฉลิม ถ้าเป็นคนถูกต้องจริงไม่เห็นจำเป็นเลยที่จะต้องพิสูจน์ด้วยอามิสสินจ้างเลย แค่ความถูกต้องก็พอ เป็นวัวสันหลังหว่ะหรือเปล่า อย่าทำตัวเป็นเด็กน้อยที่กลัวความผิดและจะต้องกลบเกลื่อน

Tws Sooksawasde หากประเทศไทยเสียดินแดนส่วนนี้เพิ่มเติมให้เขมร...ก็เพราะพวกนักการเมืองในสภา 500 ครับ อย่าไปเที่ยวกล่าวโทษกันไปกันมาเลยครับ

Pisak Pipat ถ้าคุณศิริโชคจะได้เงิน2ล้านจากไอ้สารเลวหัวล้าน-ตาเหล่-ใจคดคนนี้ละก็ มีปาฏิหารย์เท่านั้นแหละครับ ผมว่าทวงเอาหัวล้านของมันไปเตะเล่นเป็นลูกฟุตบอลยังจะง่ายซะกว่า.

Athena Pallas นพดล แจกให้ทุกคนรึปล่าว 

หมดตัวแน่งานนี้ ^____^

ต้องได้ ไม่งั้นก้อเป็นไอ้ขี้โกง $$#@%%#$

 

Edited by redfrog53, 14 มกราคม พ.ศ. 2556 - 19:24.

[หงส์แดง]

นิสัยเคยตัว เหมือนถ้าศาลตัดสินถูกใจจะให้ 2 ล้าน

[ramboboy26]

ถอนตัวจากภาคีสมาชิกมรดกโลก = ทำให้ไทยออกจากโลกอารยะ

 

ตอนนี้แถวเขมรหรือแถวแอฟริกานี่เป็นโลกศิวิไลซ์หรอครับนี่ พึ่งรู้   

[redfrog53]

ฝากแพรตก้อปป์ไปฝากแป๊ะลิ้มมหาเมทเวทย์มนต์ดำด้วยนะ

[แสนยานุภาพ]

 

Sirichok Sopha

ผมขอโพสต์ข้อความนี้ไปถึงคุณนพดล ขอทวงเงินรางวัล 2 ล้าน บาท ที่บอกว่าถ้าสามารถนำหลักฐานมาหักล้างข้อใดข้อหนึ่งได้ หรือถ้าคุณนพดลคิดเป็นข้อละ 333, 000 บาทต่อข้อ ผมก็ควรจะได้เงินอย่างน้อย 333,000บาท เพราะผมสามารถหักล้างสิ่งที่คุณได้โพสต์อย่างน้อย 1 ข้อ คือประเด็นที่ 3 ที่คุณนพดลอ้างว่าใน mou 43 พรรคปชปใช้แผนที่ระวาง 1: 200,000 เพื่อปักปันเขตแดนไทย กัมพูชา และเป็นแผนที่เดียวกับ ที่ศาลโลกใช้ตัดสินในการยกปราสาทพระวิหารให้กับกัมพูชาเมื่อปี พศ 2505

ก่อนที่ผมจะหักล้างประเด็นคุณนพดลด ในฐานะที่เป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเก่า และเป็นอดีตนักเรียนนอกอังกฤษ (แม้ว่าจะเป็นปริญญาโทก็ตาม) ควรที่จะใช้ภาษาให้ถูกต้อง การปักปันเขตแดนเสร็จไปนานแล้ว กรณีนี้เข้าเรียกว่าการปักหลักเขตแดนครับ

ประเด็นที่ 3 คุณนพดลเข้าใจผิดครับ ข้อเท็จจริงคืออย่างนี้ครับ

เวลาที่เราจะพูดถึงแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสน คนมักคิดถึงเฉพาะระวางดงรักที่กัมพูชาใช้ในศาลโลก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสนมีหลายระวางและไม่ได้เกี่ยวพันเฉพาะกับประเทศกัมพูชาเท่านั้น ในที่นี้ขออธิบายเฉพาะแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสนระวางดงรักที่เป็นปัญหาถกเถียงกันอยู่ในเวลานี้ ซึ่งรัฐบาลประชาธิปัตย์ยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่ยอมรับแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสน ระวางดงรัก เหตุผลเพราะว่าในการพิจารณาของศาลโลกได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า แผนที่ระวางนี้ไม่ได้เป็นผลงานของคณะกรรมการผสมระหว่างสยาม-ฝรังเศส ซึ่งในเอ็มโอยู ๒๕๔๓ ระบุไว้ว่าแผนที่ที่จะนำมาใช้จะต้องเป็นผลงานของคณะกรรมการฯ และรัฐบาลเคยทำหนังสือไปถึงรัฐบาลกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๑ ยืนยันว่าไทยไม่ยอมรับแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสนในการเจรจาแต่เรายึดหลักสันปันน้ำเหมือนที่เราได้ต่อสู้ที่ศาลโลก

แผนที่ที่ทำขึ้นมีทั้งหมด ๑๑ ฉบับโดยคณะกรรมการผสมระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญา ๑๙๐๔ ถูกยกเลิกไปสามฉบับโดยอนุสัญญา ๑๙๐๗ เหลือที่ยังใช้อยู่อีก ๘ ฉบับ ซึ่งเป็นแผนที่ที่เกี่ยวข้องกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประมาณ ๖ ฉบับครึ่งและแผนที่เกี่ยวกับกัมพูชา ๑ ฉบับครึ่ง สำหรับระวางที่เกี่ยวข้องกับปราสาทพระวิหารคือ ระวางดงรัก ซึ่งเป็นระวางเดียวที่กัมพูชานำขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลก และศาลโลกได้วินิจฉัยว่าระวางดงรักไม่ได้เป็นผลงานของคณะกรรมการฯแต่อย่างใด โดยไม่ได้วินิจฉัยแผนที่ที่เหลือว่าเป็นผลงานของคณะกรรมการฯหรือไม่ จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละประเทศต้องเจรจาตกลงกัน

เพราะฉะนั้นผมขอยืนยันครับว่าใน MOU 43 ระบุชัดว่า จะต้องเป็นแผนที่ 1:200,000 ซึ่งเป็นผลงานของคณะกรรมการผสมระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญา ๑๙๐๔ 

ซึ่งแผนที่ 1:200,000 ระวางดงรัก ที่ศาลโลกใช้ในการยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชานั้น ย่อมไม่ใช่แผนที่ 1:200,000 ที่จะใช้ในการปักหลักเขตแดน ตามที่อ้างใน MOU43 เพราะศาลได้่วินิจฉัยแล้วว่าไม่ได้เป็นผลงานของคณะกรรมผสมฯ

ฝากคนที่รู้จักคุณนพดล ให้ช่วยติดต่อและโอนเงินรางวัลให้ผมด้วยนะครับ

[bird]

ไม่ได้อยากได้รางวัล...แต่ขอพูดในฐานะที่เป็นคนไทย...

 

ปี 2505 ศาลโลกตัดสินว่า...ตัวปราสาทเป็นของเขมร  (ในสมัยนั้น)  ส่วนพื้นที่โดยรอบเป็นของไทย...
ซึ่งทีมทนายความโดยการนำของ มรว. เสนีย์  ปราโมช  ไม่ได้ยอมรับในคำตัดสิน และได้ยื่นคำคัดค้านไว้..

อันเป็นการเปิดช่องทางไว้ให้คนไทยที่รักชาติรุ่นหลัง มีภาระต้องทวงคืน....

 

แม้กระทั่ง จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในครั้งนั้น...ยังกล่าวด้วยน้ำตา...

 

" ....พี่น้องชาวไทยที่รัก  ในวันหนึ่งข้างหน้า

เราต้องเอาปราสาทพระวิหาร กลับคืนมาเป็นของ

ชาติไทยให้จงได้..."

 

ถึงแม้ว่าในเวลาต่อมา รัฐบาลไทยโดยการนำของ ปชป จะมีการลงนาม MOU ซึ่งหลายฝ่ายบอกว่า

เป็นการเสียเปรียบ แต่ถ้าลองอ่านและวิเคราะห์เนื้อหาใน MOU อย่างละเอียดทุกตัวอักษร จะรู้ว่า

เนื้อความโดยแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร

 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา..คนไทยที่รักชาติทุกคนไม่เคยมีใครกล่าวว่า..พื้นที่รอบปราสาทเป็น

พื้นที่ทับซ้อน แม้กระทั้งคำตัดสินของศาล เมื่อ 2505 ยังกล่าวว่า เป็นพื้นที่ของไทย

 

แต่ รัฐบาลไทยในยุคของนายสมัคร (ขออภัยต่อดวงวิญญาณท่าน)  กับกล่าวว่า

 

" พื้นที่ 4.6 เป็นพื้นที่ทับซ้อน "  เท่านั้นยังไม่พอ

ยังมีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมที่มีเนื้อหา สนับสนุนให้ กัมพูชานำตัวปราสาทพระวิหาร

ยื่นเอกสารเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

 

ถึงแม้ว่าต่อมาจะมีคำสังศาลภายในประเทศให้แถลงการณ์ร่วมนั้นเป็นโมฆะก็ตาม

 

แต่นั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ ไม่ได้ส่งผลต่อการขึ้นทะเบียนของกัมพูชา

แต่อย่างใด เพราะการลงนามถือเป็นเจตนารมณ์ที่สนับสนุนการขึ้นทะเบียนอยู่แล้วอย่าง

เป็นรูปธรรม เป็นพฤตินัย ยอมจะมีน้ำหนักมากกว่านิตินัย...

 

ย้อนถามกลับไปว่า...

 

ทำไมทุกครั้ง...คนไทยบางคน บางกลุ่ม จึงดูมีความสุขเมื่อกล่าวว่า

 

" ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา และ 4.6 เป็นพื้นที่ทับซ้อน "

 

ทั้ง ๆ ที่คำตัดสินของศาล มิได้ระบุไว้เช่นนั้น แต่ระบุว่า...พื้นที่โดยรอบเป็นของไทย

 

เรื่องของอธิปไตยเหนือดินแดนของชาติ....เป็นเรื่องที่ควรนำมาตั้งประเด็น เช่นนี้หรือ..

 

 

[ขุนพลชิน]

พวกแดงนี้ยังไง   รู้สึกจะยินดีเหลือเกินที่จะยกแผ่นดินให้ชาวบ้านเค้า  

[Red26]

ศิริโชค เอ๋ย ตอนอภิปราย ไม่ไว้วางใจ นพดล เจอเขาสวนจะไส้ทะลัก

 

ดีแต่เห่านอกบ้าน

[Bookmarks]

ศิริโชค เอ๋ย ตอนอภิปราย ไม่ไว้วางใจ นพดล เจอเขาสวนจะไส้ทะลัก

 

ดีแต่เห่านอกบ้าน

ไอ้เหล่ศาสดาคุณน่ะ รีบชิ่งหนีลาออกเลย ใครกันแน่ว่ะ ดีแต่ขายชาติ ขายแผ่นดิน 

[ypk]

เหอ เหอ เหอ  ผมสงสัยว่า ไอ้ 6 ข้อนี่ เขาเขียนขึ้นมาทำไม ทำไมต้องให้รางวัล

หรืออยากจะบอกว่า เป็นคนมีตังอ่ะ แต่ไม่อยากเสียตัง เลยเอาเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

มาตั้งเป็นหัวข้อท้าทาย แต่ถือโอกาสตกแต่งสำนวนถ้อยคำบางช่วงบางตอน ให้ดูเหมือน

ว่า เพราะไอ้นั่น เพราะไอ้นี่ หรือไปเดากันเอาเอง ทำนองนั้น โดยไม่กล้าพูดออกมาตรง ๆ

ให้ชัดเจน เพราะกลัวโดนฟ้องว่าไปกล่าวหาคนอื่นรึเปล่า  5555555555

[Tam-mic-ra.]

 

"“แม่ลูกจันทร์” เป็นห่วงว่าเมื่อต้องสู้กันเรื่องเขตแดนทีไร ไทยมักเสียเหลี่ยมเขมรทุกที

เพราะเขมรอ้างแผนที่ฝรั่งเศส-สยาม แต่ไทยอ้างแผนที่แอล 7017 ของ อเมริกา

ใน บันทึกข้อตกลงปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา ฉบับล่าสุด พ.ศ. 2543 ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รมช.ต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย

ได้ระบุว่าการจัดทำหลักเขตแดนให้ยึดตามแผนที่ฝรั่งเศส-สยาม (คศ.1904) เป็นแนวทาง

แต่ไม่ได้ระบุแผนที่แอล 7017 ของอเมริกาที่ไทยใช้อ้างอิง!!

ก็เท่ากับเราไปยอมรับแผนที่ฝรั่งเศสของเขมรฝ่ายเดียว
ถ้าเป็นอย่างนี้ ไทยก็เสียเปรียบเขมรตามเคย 

 

********************************************************************

มาดูเอกสารกัน ชัดๆ ประกอบข้อความข้างบน 

 

 

 

            อ่านดูสิ๊   มีแผนที่ฝ่ายไทยบ้างไหม ???       

 

 

 

 

 

 

[Octavarium]

ทุ๊ยยยย เงินใหญ่เหลือเกิน 2 ล้าน เอาไว้จัดงานศพตัวเองเถอะ

[สิงห์สนามหลวง]

 

 

    วันที่ 13 มิถุนายน 2543

    สรุปผลการประชุมคณะรัฐมนตรี

    วันนี้ เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี

    นายอรรคพล สรสุชาติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางรัตนา จงสุทธนามณี และนายปาน พึ่งสุจริต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกันแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล

    ตึกนารีสโมสร สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

    17. เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา (JBC) ครั้งที่ 2

    คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศ แล้วมีมติ ดังนี้

    1. อนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา (ฝ่ายไทย) ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ในระหว่างการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 14 - 16 มิถุนายน 2543

    2. อนุมัติในหลักการที่จะให้ความช่วยเหลือทางวิชากาารเกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำแผนที่สมัยใหม่แก่ฝ่ายกัมพูชา เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจของฝ่ายกัมพูชา โดยฝ่ายไทยจัดหางบประมาณเพื่อการนี้ให้ในระดับที่จำเป็นและเหมาะสมต่อไป

    ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

    1. พื้นฐานทางกฎหมาย การสำรวจและปักหลักเขตแดนทางบกจะดำเนินกากรโดยใช้เอกสารหลักฐานที่ผูกพันไทยและกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศ คืออนุสัญญาฉบับลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1904 สนธิสัญญาฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 กับพิธีสารแนบท้าย และแผนที่แสดงเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชามาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งจัดทำขึ้นตามผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน
 

---

 

 

แถลงการณ์เรื่อง บันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชาฉบับวันที่ 14 มิถุนายน 2543

โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร  พรรคประชาธิปัตย์  วันที่  8   สิงหาคม  2551


เนื่อง จากในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ได้เกิดความสับสนเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding :  MoU) ระหว่างรัฐบาล แห่งราชอาณาจักรไทย  และ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา  ว่าด้วยการสำรวจและการจัดทำหลักเขตแดนทางบก  ลงนาม ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่  14  มิถุนายน 2543  จึงต้องชี้แจงข้อเท็จจริง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  โดยมีสาระดังนี้



ที่มาของ MoU เป็นอย่างไร?

-   เพื่อส่งเสริมสัมพันธไมตรีระหว่างไทยและกัมพูชา  รัฐบาลทั้งสองประเทศมีเจตนารมณ์ที่ตรงกันในเรื่องความจำเป็นที่ต้องจัดทำ หลักเขตแดนทางบกขึ้นมาอีกครั้ง  ทั้งนี้เนื่องจากว่า หลักเขต ซึ่งได้จัดทำขึ้นโดยคณะปักปันเขตแดนร่วมกรุงสยาม และประเทศฝรั่งเศสได้สูญหาย ชำรุด หรือ ถูกเคลื่อนย้าย ในช่วงเวลา เกือบ 100 ปี ที่ผ่านมา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เกิดสงครามในกัมพูชา เป็นเวลากว่า 20  ปี

-   ดังนั้นจึงได้ร่วมกันจัดทำบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding :  MoU) ระหว่างรัฐบาล แห่งราชอาณาจักรไทย  และ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและการจัดทำหลักเขตแดนทางบก  ซึ่งไทยได้ทำกับประเทศเพื่อนบ้าน  2  ประเทศ  ก่อนหน้านี้มานานแล้ว  คือ  มาเลเซียและลาว  



MoU  2543  มีสาระสำคัญอย่างไร?

-       ไทยและกัมพูชา ตกลงกันว่า วิธีการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน  จะดำเนินการในแนวทางตามเอกสารสำคัญคือ

1.    อนุสัญญาระหว่างกรุงสยามและฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 13  กุมภาพันธ์ ค.ศ.1904

2.   สนธิสัญญาระหว่างพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงสยาม และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อวันที่  23  มีนาคม ค.ศ. 1907 (มาตรา  1<a>และ1<b> )

3.    แผนที่ทั้งหลาย (Maps) ซึ่งเป็นผลของการปักปันเขตแดน โดยคณะกรรมาธิการ(Commissions) ร่วมอินโดจีน – สยาม (ก่อตั้งขึ้นตามหนังสือสัญญาทั้งสอง) ตลอดจนเอกสารอื่นๆ ซึ่งเกี่ยวโยงกับหนังสือสัญญาทั้งสอง (มาตรา 1[c] )

-   ไทยและกัมพูชาดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission:  JBC) เพื่อรับผิดชอบการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกร่วมกัน (มาตรา 2)  

-   ทั้งสองฝ่ายตกลงว่า ในขณะที่กำลังสำรวจเขตแดน จะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ในสภาพแวดล้อมของบริเวณพื้นที่เขตแดน (มาตรา 5)



ใครได้ใครเสียจาก MoU ?

-   การยอมรับอนุสัญญาปี คศ.1904  และสนธิสัญญา  ปี คศ.1907  เป็นเอกสารพื้นฐานสำหรับการดำเนินงาน  เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ และสอดคล้องกับความเป็นจริง  มิได้ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ  



-    ตอบข้อกล่าวหาในสื่อต่างๆที่คิดว่า MoU ฉบับนี้ยึดถือแผนที่ฉบับที่ประเทศไทยเสียเปรียบ........การยอมรับแผนที่ทั้งหลาย  ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการปักปันเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนร่วม อินโดจีน-สยาม เป็นเพียงองค์ประกอบของการดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตเท่านั้น    หรือหากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหาข้อยุติได้ ก็สามารถชะลอการพิจารณาไปก่อนได้ เพราะไม่มีอำนาจใดสามารถบังคับให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องยอมรับในสิ่งที่ต้นไม่ ต้องการยอมรับ

-   มาตรา 5 ของ  MoU  เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายไทย เพราะในช่วงที่มีการจัดทำ MoU  ฝ่ายกัมพูชาเริ่มทำถนนเข้าไปในพื้นที่  ซึ่งมีการอ้างสิทธิอธิปไตยทับซ้อน และชาวกัมพูชาได้เข้ามาสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ดังกล่าว แต่ด้วย MoU  ฉบับนี้ทำให้ฝ่ายไทยมีเครื่องประกันเป็นลายลักษณ์อักษรว่ากัมพูชาจะไม่ทำ ถนนเข้าไปในพื้นที่ และจะดูแลไม่ให้มีสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้น



จาก 2543-2551 มีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง?

-   การสำรวจและการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกัมพูชายังไม่คืบหน้าเท่าไรนัก และนับแต่ปี 2544 ฝ่ายกัมพูชา มิได้ทำตามคำมั่นสัญญา ปล่อยให้ชาวกัมพูชาเข้ามาสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ซึ่งมีการอ้างสิทธิ อธิปไตยทับซ้อน โดยที่รัฐบาลไทยในช่วงนั้นมิได้มีการทักท้วงแต่อย่างใดแต่ในขณะเดียวกัน ยังไม่ควรสรุปว่า MoU ไม่เป็นประโยชน์ในทางใดทั้งสิ้น

-    MoU ฉบับนี้ได้เป็นกรอบสำคัญในการบริหารจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นได้จากที่ รัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้จัดการประชุม JBC ขึ้น ถึง 3 ครั้ง โดย           ดร.ประชา คุณเกษมเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย ทั้ง 3 ครั้ง  และในช่วงที่เกิดข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหาร กระทรวงการต่างประเทศก็ได้ใช้ MoU ฉบับนี้เป็นเอกสารอ้างอิงในการทักท้วงทุกครั้งไป   มากไปกว่านั้นในการเจรจาระหว่างไทยกัมพูชาเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2551 ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะใช้ MoU นี้เป็นกรอบ     ในการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาระหว่างกันโดยได้นัดหมายว่าจะมีการประชุม JBC  ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในวันที่  18  สิงหาคม  2551



ข้อสังเกตเพิ่มเติม

-       รัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร (ตั้งแต่ปี 2544) และรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้นำ MoU นี้ไปใช้โดยไม่มีการแก้ไขใดๆ  

-   ผลของการดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตาม MoU ฉบับนี้ จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐาน  ของความเห็นพ้องต้องกันในทุกประเด็น ดังนั้นหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถยอมรับในประเด็นใดๆก็ตาม  สามารถชะลอการพิจารณาไปก่อนได้  เพราะไม่มีอำนาจใดบังคับให้เกิดการยอมรับในสิ่งที่ไม่ต้องการได้  

-   ในวันหน้าฝ่ายไทยต้องการยื่นขอจดทะเบียนประสาทพระวิหารและพื้นที่ประสาทโดย รอบเป็นมรดกโลกร่วมกับกัมพูชาแล้ว MoU และ JBC จะเป็นกลไกสำคัญในการดำเนินการอีกด้วย เพราะมติขององค์กร UNESCO เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2551 ข้อ 15 [a] ได้เปิดช่องไว้แล้ว

-   ปัญหาของ MoU ฉบับนี้มิได้อยู่ที่เนื้อหา หากอยู่ที่การไม่นำข้อตกลงไปปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีปัญหาสิ่งปลูกสร้างของชาวกัมพูชาในพื้นที่ที่มีการอ้างสิทธิอธิปไตยทับ ซ้อน  ซึ่งฝ่ายกัมพูชาไม่ได้รักษาคำมั่น และรัฐบาลไทยหลังปี 2544 ไม่ได้ทำการทักท้วงแต่อย่างใด

http://www.democrat.....167.250.47.206

[คุณหนูจินนี่]

  รัฐบาลลุงชวน จะไปเซ็นต์ mou 43ทำไม?

 

จินนี่ งง จังเลยค่ะ 

[Stargate-1]

เส้นเขตแดนไทยกัมพูชานั้นได้จัดทำเสร็จสิ้นไปเมื่อ 103 ปีที่แล้ว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยกำหนดให้เส้นเขตแดนบริเวณทิวเขาดงรัก จากช่องสะงำ จ. ศรีสะเกษ จนถึง ช่องบก จ.อุบลราชธานี ความยาว 195 กิโลเมตร (รวมเขาพระวิหาร) นั้นให้ใช้ขอบหน้าผาเป็นสันปันน้ำและเส้นเขตแดนตามธรรมชาติ และสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จึงไม่ต้องทำหลักเขตแดนใดๆ ทั้งสิ้น
       
       ตัวอย่างหลักฐาน “ผลงาน” การเดินสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศสได้แก่ เอกสารบันทึกการปาฐกถาของพันโท แบร์นาร์ด ประธานฝ่ายฝรั่งเศสของคณะกรรมการปักปันผสมสยามกับฝรั่งเศสชุดแรก ที่จัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญา ค.ศ.1904 ซึ่งได้แสดงที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2450 อ ความตอนหนึ่งว่า:
       
       “ทางเหนือยอดภูเขาดงรัก เป็นเส้นเขตแดนที่เห็นได้อย่างถนัดชัดแจ้ง”
       
       ปกติแล้วเส้นสันปันน้ำหากไม่ใช้ขอบหน้าผาแล้วจะมองเห็นด้วยตาเปล่าไม่ง่ายนักจึงย่อมต้องทำหลักเขตแดนเป็นสัญลักษณ์เอาไว้ แต่การที่ประธานสำรวจและปักปันฝ่ายฝรั่งเศส มองเห็นได้อย่างถนัดชัดแจ้งย่อมแสดงว่าต้องเป็นขอบหน้าผาเท่านั้นจึงจะสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
       
       หลักฐานอีกชิ้นหนึ่งก็คือบันทึกรายงานของ พันเอก มองกิเอร์ ประธานกรรมการฝ่ายฝรั่งเศสในคณะกรรมการปักปันผสมสยามกับฝรั่งเศส ชุดที่ 2 ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาตามสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) ได้ยืนยันตามผลงานการสำรวจและปักปันของคณะกรรมการชุดแรกว่าขอบหน้าผาคือสันปันน้ำอย่างชัดเจนว่า:
       
        “เส้นเขตแดนเดินไปตามเส้นสันปันน้ำ ซึ่งอยู่ที่หน้าผาเห็นได้จากตีนภูเขาดงรัก”
       
       นี่คือเหตุผลหลักในการตอบคำถามว่าทำไมคณะกรรมการปักปันสยาม-ฝรั่งเศส ชุดที่ 2 จึงเริ่มทำหลักเขตแดนทางบก “หมายเลข 1” ที่ ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ไปทางทิศตะวันตก จรดไปจนถึงจังหวัดตราดและตัวหลักเขตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไปทางทิศตะวันตก โดยปล่อยทิ้งด้านทิศตะวันออกจนถึงช่องบก จ.อุบลราชธานี ความยาวถึง 195 กิโลเมตรว่าไม่ต้องทำหลักเขตแดน เพราะสามารถเห็นหน้าผาเป็นเส้นเขตแดนที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากตีนภูเขาดงรัก
 

การทำ MOU 43 เพื่อปักหลักเขตแดน ที่เคยปักปันไปแล้วเมื่อ 105 ปี ที่แล้ว

[สิงห์สนามหลวง]

Sirichok Sopha

ผมขอโพสต์ข้อความนี้ไปถึงคุณนพดล ขอทวงเงินรางวัล 2 ล้าน บาท ที่บอกว่าถ้าสามารถนำหลักฐานมาหักล้างข้อใดข้อหนึ่งได้ หรือถ้าคุณนพดลคิดเป็นข้อละ 333, 000 บาทต่อข้อ ผมก็ควรจะได้เงินอย่างน้อย 333,000บาท เพราะผมสามารถหักล้างสิ่งที่คุณได้โพสต์อย่างน้อย 1 ข้อ คือประเด็นที่ 3 ที่คุณนพดลอ้างว่าใน mou 43 พรรคปชปใช้แผนที่ระวาง 1: 200,000 เพื่อปักปันเขตแดนไทย กัมพูชา และเป็นแผนที่เดียวกับ ที่ศาลโลกใช้ตัดสินในการยกปราสาทพระวิหารให้กับกัมพูชาเมื่อปี พศ 2505

ก่อนที่ผมจะหักล้างประเด็นคุณนพดลด ในฐานะที่เป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเก่า และเป็นอดีตนักเรียนนอกอังกฤษ (แม้ว่าจะเป็นปริญญาโทก็ตาม) ควรที่จะใช้ภาษาให้ถูกต้อง การปักปันเขตแดนเสร็จไปนานแล้ว กรณีนี้เข้าเรียกว่าการปักหลักเขตแดนครับ

ประเด็นที่ 3 คุณนพดลเข้าใจผิดครับ ข้อเท็จจริงคืออย่างนี้ครับ

เวลาที่เราจะพูดถึงแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสน คนมักคิดถึงเฉพาะระวางดงรักที่กัมพูชาใช้ในศาลโลก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสนมีหลายระวางและไม่ได้เกี่ยวพันเฉพาะกับประเทศกัมพูชาเท่านั้น ในที่นี้ขออธิบายเฉพาะแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสนระวางดงรักที่เป็นปัญหาถกเถียงกันอยู่ในเวลานี้ ซึ่งรัฐบาลประชาธิปัตย์ยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่ยอมรับแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสน ระวางดงรัก เหตุผลเพราะว่าในการพิจารณาของศาลโลกได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า แผนที่ระวางนี้ไม่ได้เป็นผลงานของคณะกรรมการผสมระหว่างสยาม-ฝรังเศส ซึ่งในเอ็มโอยู ๒๕๔๓ ระบุไว้ว่าแผนที่ที่จะนำมาใช้จะต้องเป็นผลงานของคณะกรรมการฯ และรัฐบาลเคยทำหนังสือไปถึงรัฐบาลกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๑ ยืนยันว่าไทยไม่ยอมรับแผนที่ ๑ ต่อ ๒ แสนในการเจรจาแต่เรายึดหลักสันปันน้ำเหมือนที่เราได้ต่อสู้ที่ศาลโลก

แผนที่ที่ทำขึ้นมีทั้งหมด ๑๑ ฉบับโดยคณะกรรมการผสมระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญา ๑๙๐๔ ถูกยกเลิกไปสามฉบับโดยอนุสัญญา ๑๙๐๗ เหลือที่ยังใช้อยู่อีก ๘ ฉบับ ซึ่งเป็นแผนที่ที่เกี่ยวข้องกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประมาณ ๖ ฉบับครึ่งและแผนที่เกี่ยวกับกัมพูชา ๑ ฉบับครึ่ง สำหรับระวางที่เกี่ยวข้องกับปราสาทพระวิหารคือ ระวางดงรัก ซึ่งเป็นระวางเดียวที่กัมพูชานำขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลก และศาลโลกได้วินิจฉัยว่าระวางดงรักไม่ได้เป็นผลงานของคณะกรรมการฯแต่อย่างใด โดยไม่ได้วินิจฉัยแผนที่ที่เหลือว่าเป็นผลงานของคณะกรรมการฯหรือไม่ จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละประเทศต้องเจรจาตกลงกัน

เพราะฉะนั้นผมขอยืนยันครับว่าใน MOU 43 ระบุชัดว่า จะต้องเป็นแผนที่ 1:200,000 ซึ่งเป็นผลงานของคณะกรรมการผสมระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญา ๑๙๐๔ 

ซึ่งแผนที่ 1:200,000 ระวางดงรัก ที่ศาลโลกใช้ในการยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชานั้น ย่อมไม่ใช่แผนที่ 1:200,000 ที่จะใช้ในการปักหลักเขตแดน ตามที่อ้างใน MOU43 เพราะศาลได้่วินิจฉัยแล้วว่าไม่ได้เป็นผลงานของคณะกรรมผสมฯ

ฝากคนที่รู้จักคุณนพดล ให้ช่วยติดต่อและโอนเงินรางวัลให้ผมด้วยนะครับ

 

 

ผมว่าคุณศิริโชคไปเคลียร์ตัวเองให้ดีก่อนว่าตกลงจะยึด 1904 หรือ 1907

 

นายศิริโชค โสภา กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะรัฐมนตรี(เงา) แถลงหลังการประชุมครม.เงาว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณากรณีที่นายกรัฐมนตรีบิดเบือนข้อเท็จจริงในเรื่อง ปราสาทพระวิหาร โดยในเรื่องนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร รมว.ต่างประเทศ (เงา) ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและนำเอกสารมาแจกให้ครม.เงาทราบ

โฆษก ครม.เงา กล่าวต่อไปว่า คำแถลงการณ์ร่วมที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ ไปลงนามเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 นั้นได้แนบแผนที่ฉบับของฝรั่งเศส ที่ปราสาทพระวิหาร รวมถึงพื้นที่อีก 4.6 ตารางกิโลเมตร ตกเป็นของกัมพูชา และยังเป็นการยอมรับคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ ทำให้ประเทศต้องเสียปราสาทพระวิหารพร้อมทั้งพื้นที่อีก 30 เมตร รอบปราสาท และยังเป็นผลให้การสงวนสิทธิของไทยเมื่อปี พ.ศ. 2505 ต้องตกไป แต่การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา เมื่อปีพ.ศ. 2543 นั้นเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมาก เพราะเป็นเรื่องของการจัดทำหลักเขตแดนทางบก โดยคำนึงถึงอนุสัญญาในปี ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาในปี ค.ศ.1907 ที่ใช้สันปันน้ำเป็นเขตแดน (ปราสาทและเขาพระวิหารอยู่ในไทย) ในขณะที่กัมพูชาขอให้คำนึงถึงแผนที่ทั้งหลายที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปัน เขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน ตามอนุสัญญาในปี ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาในปี ค.ศ.1907

นายศิริโชค กล่าวว่า ประเด็นปัญหาดังกล่าวจึงทำนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมตรี เข้าใจผิดหรือตั้งใจบิดเบือน เพราะคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน มีอยู่ 2 ชุด คือชุดที่ตั้งเมื่อปี ค.ศ.1904 และอีกชุดเมื่อปี ค.ศ. 1907 โดยแผนที่ของชุดที่มีปัญหา คือชุดที่ตั้งเมื่อปี ค.ศ.1904 (ที่แสดงตำแหน่งปราสาทพระวิหารและเขาพระวิหารอยู่ในประเทศกัมพูชา) เป็นแผนที่ๆกัมพูชายื่นฟ้องศาลระหว่างประเทศ และนายนพดลนำไปแนบท้ายคำแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 นั้น เป็นแผนที่ที่ศาลระหว่างประเทศระบุชัดในคำพิพากษาว่า ไม่ได้เป็นแผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับ อินโดจีน ดังนั้นแผนที่นี้จึงไม่เป็นตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจปี พ.ศ.2543 แต่แผนที่ที่อยู่ในเงื่อนไขที่ต้องคำนึงถึงคือแผนที่ตามคณะกรรมการปักปันเขต แดนระหว่างสยามกับอินโดจีนชุดที่ตั้งเมื่อปี ค.ศ.1907 ชุดที่สองนั่นเอง และรัฐบาลทุกชุดหลังจากนั้นมาก็ใช้ประโยชน์กับบันทึกความเข้าใจนี้มาตลอด

nationchannel.com

[Stargate-1]

 

 

 

ทั้งสองฉบับในปี 1904 และ 1907ก็ไม่ได้มีการปักหลักเขตแดนโดยชัดเจนบนเขาพระวิหาร ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่ายอมรับเขตแดนที่ขอบหน้าผาทั้งสองฉบับ มิฉะนั้นคงได้เห็นหลักเขตเหมือนหลักเขตอื่นที่ปักไว้แล้ว

Edited by Stargate-1, 14 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:28.

[เคนอิจิ-นามิ]

รัฐบาลลุงชวน จะไปเซ็นต์ mou 43ทำไม?

จินนี่ งง จังเลยค่ะ

คงกลัวไม่มีชื่อหลงเหลือไว้ให้จดจำมังครับ ^^

คุณสิงห์ สู้ๆๆๆๆ

[bird]

คิดแล้วเชียว...แตะ MOU 43 นิดเดียวเอง...

 

เอาเป็นว่า...MOU 43  มีทั้งหมด  5 หน้า  9 ข้อใหญ่ และมีข้อย่อยประกอบอีก

ก่อนจะคิดเห็นอย่างไร...ก็กรุณาอ่านให้จบทุกตัวอักษร เชื่อมโยงแต่ละข้อใหญ่

อ่านรายละเอียด ข้อย่อย ๆ ทุก ๆ ข้อ ทุก ๆ วรรค

 

แล้วค่อย ๆ ตีความอย่าสักแต่จำคำเค้ามา...เค้าเล่าว่า...เค้าบอกว่า...

 

แล้วจะเข้าใจ....เจตนารมณ์ของ MOU 43

ซึ่งต่างจาก แถลงการณ์ร่วมอย่างสิ้นเชิง....

[bird]

ขออภัย...ข้อความซ้ำค่ะ

Edited by bird, 14 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:08.

[Tam-mic-ra.]

คิดแล้วเชียว...แตะ MOU 43 นิดเดียวเอง...

 

เอาเป็นว่า...MOU 43  มีทั้งหมด  5 หน้า  9 ข้อใหญ่ และมีข้อย่อยประกอบอีก

ก่อนจะคิดเห็นอย่างไร...ก็กรุณาอ่านให้จบทุกตัวอักษร เชื่อมโยงแต่ละข้อใหญ่

อ่านรายละเอียด ข้อย่อย ๆ ทุก ๆ ข้อ ทุก ๆ วรรค

 

แล้วค่อย ๆ ตีความอย่าสักแต่จำคำเค้ามา...เค้าเล่าว่า...เค้าบอกว่า...

 

แล้วจะเข้าใจ....เจตนารมณ์ของ MOU 43

ซึ่งต่างจาก แถลงการณ์ร่วมอย่างสิ้นเชิง....

 

ช่วยอธิบายหน่อยครับ เรื่องมันเป็นยังไงครับ ไม่รู้จริงๆ

และตกลง   เจ้า MOU43... ทำไมไปอ้าง..  ของกัมพูชาฝ่ายเดียวหล่ะครับ

 

ตามหลักฐานผมว่า

mou นี่แหล่ะไปยอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน  คุณอย่าไปโทษใครเลยครับ

หนำซ้ำไปอ้างเอกสารของทางเขาทั้งนั้นเลย

[Stargate-1]

 

คุณศิริโชคอธิบายไว้แล้วว่า MOU 43 มีไว้ทำไม ไม่อ่าน จะก็ฟังก็ได้ครับ

Edited by Stargate-1, 14 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:37.

[bird]

ช่วยอธิบายหน่อยครับ เรื่องมันเป็นยังไงครับ ไม่รู้จริงๆ

และตกลง   เจ้า MOU43... ทำไมไปอ้าง..  ของกัมพูชาฝ่ายเดียวหล่ะครับ

 

ตามหลักฐานผมว่า

mou นี่แหล่ะไปยอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน  คุณอย่าไปโทษใครเลยครับ

หนำซ้ำไปอ้างเอกสารของทางเขาทั้งนั้นเลย

 

คงไม่บังอาจ สอนจรเข้ว่ายน้ำได้หรอกค่ะ

ลองไปหา ฉบับเต็ม มานั่งอ่าน อ่านให้ครบ แล้วลอง

หาหลักฐานมาประกอบ แล้วจะเห็นเจตนารมณ์

ของ MOU 43 ค่ะ..

 

เรื่องแบบนี้บังคับให้เชื่อกันไม่ได้...ต้องอ่านและ

ทำความเข้าใจเอง...

 

ยกเว้น...จะมีอคติจนมองไม่เห็น...

Edited by bird, 14 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:47.

[คุณหนูจินนี่]

ช่วยอธิบายหน่อยครับ เรื่องมันเป็นยังไงครับ ไม่รู้จริงๆ

และตกลง   เจ้า MOU43... ทำไมไปอ้าง..  ของกัมพูชาฝ่ายเดียวหล่ะครับ

 

ตามหลักฐานผมว่า

mou นี่แหล่ะไปยอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน  คุณอย่าไปโทษใครเลยครับ

หนำซ้ำไปอ้างเอกสารของทางเขาทั้งนั้นเลย

 

คงไม่บังอาจ สอนจรเข้ว่ายน้ำได้หรอกค่ะ

ลองไปหา ฉบับเต็ม มานั่งอ่าน อ่านให้ครบ แล้วลอง

หาหลักฐานมาประกอบ แล้วจะเห็นเจตนารมณ์

ของ MOU 43 ค่ะ..

 

เรื่องแบบนี้บังคับให้เชื่อกันไม่ได้...ต้องอ่านและ

ทำความเข้าใจเอง...

 

ยกเว้น...จะมีอคติจนมองไม่เห็น...

 

คิกๆๆ คักๆๆๆ คิกๆๆๆ คักๆๆๆ โถๆๆๆ นึกว่า จะฉลาด  พอพี่เเต๋มถามดีๆ ก็ บอกให้ไปหาอ่านเอง

 

ตอบอย่างนี้ หนู ว่า น๊ะ ว่า พี่ อย่า ตอบ เลย ค่ะ  คิกๆๆ คักๆๆๆ คิกๆๆๆ คักๆๆๆ