ขอบพระคุณมากๆค่ะพระเจ้าตา แต่งซะเห็นภาพเลย
.......... สิ่งที่หายไป....???? อยู่ไหน ...??
#102
Posted 11 March 2013 - 13:12
เอาบทกวีเก่าๆที่กวีเก่าให้รจนาไว้มาให้ได้ศึกษากัน สำหรับผู้ที่
ฝึกหัดแต่งกลอน...บอกแล้วว่าเดือนนี้..จะมีแต่ ตัวอย่างกลอน
พร้อมคำอธิบาย.วิธีการแต่ง...รู้สึกว่าจะมีตัวอย่างกลอน ทั้ง-
กลอน ๔.กลอน๕.กลอน๖.กลอน๗.กลอน๘.กลอน๙. ---------
รวมถึง..กลบท ( กลกลอน) เหล่านี้ ขอแนะให้ไปหา ตัวอย่าง
ของเก่าจากหนังสือ ( ศิริวิบุลกิตติ์ ) ของท่าน( หลวงปรีชา.เซ่ง )
แต่ยุคปลายอยุธยา. แต่บางชนิด ก็มี กวีรุ่นหลัง เช่น ท่าน --
( น.ม.ส. ) กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์..นำกลอน ๖. กลอน ๗ มา --
นิพนธ์. เป็นเรื่องยาว..( หาดู ลงไว้แล้ว ) นอกนั้นก็มีกลอนแปด
ที่ได้วางไว้เป็น.มาตรฐาน..เพราะเห็นว่า สมบูรณ์ที่สุด. ฉะนั้้น-
มาตรฐาน.ของหลวงธรรมาภิมณฑ์..จึงถือเป็น มาตรฐานของ-
กระทรวงศึกษา...ผู้สนใจการเขียนกลอน จึงอยากให้ ไปค้นคว้า
ใน..หลักภาษาไทย...ม.ปลาย.ที่ว่าด้วย ( อักขรวิธี.วจีวิพากย์.-
วากยสัมพันธ์..ฉันทลักษณ์..) ๔ บทนี้ ถ้ามีเวลาว่าง ศึกษาดู
แล้วการเขียนกลอนจะ พัฒนาขึ้นมาก............
>>>>> ผู้ที่สนใจ การเขียนกลอน ( กลบท) แนะนำให้ หา-
หนังสือ.( ศิริวิบุลกิตติ์ ) ของหลวงปรีชา เซ่ง ....และอีกที่หนึ่ง
คือที่ เสาระเบียง วิหารคด ในวัดโพธิ ( ท่าเตียน) มีกลอน-
กลบท จารึก..ไว้แต่ รัชกาลที่ ๓ ก็มากอยู่.. เดี๋ยวว่างจะนำ
ตัวอย่างมาลงให้เรียนรู้กัน..เป็นแบบอย่าง.........
- ploychanpen and kwan_kao like this
#103
Posted 11 March 2013 - 13:46
เอาเท่าที่จำได้นะครับ...เพราะเคยได้ยินมา ตั้งแต่เล็ก เป็นบทที่
...(สุดสาคร ถูกชีเปลือย หลอกผลักตกเหว) เพราะพอเอ่ยถึง
ก็รู้กันมากอยู่...จำง่าย..ได้อารมณ์..มี คติ สอนใจ...ฯ
>. บัดเดี๋ยวดัง หง่างเหง่ง วังเวงแว่ว.....สะดุ้งแล้ว เหลียวแล ชะแง้หา
...เห็นโยคี ขี่รุ้ง พุ่งลงมา.....................ประคองพา ขึ้นไปจน บนบรรพต
>..แล้วสอนว่า อย่าไว้ ใจมนุษย์..........มันแสนสุด ลึกล้ำ เหลือกำหนด
...ถึงเถาวัลย์ พันเกี่ยว ที่เลี้ยวลด.........ก็ไม่คด เหมือนหนึ่งใน น้ำใจคน
>..มนุษย์นี้ ที่รัก อยู่สองสถาน.............บิดามาร-ดารัก มักเป็นผล
...ที่พึ่งหนึ่ง พึ่งได้ แต่กายตน..............เกิดเป็นคน คิดเห็น จึงเจรจา
>..แม้นใครรัก รักมั่ง ชังชังตอบ........ให้รอบคอบ คิดอ่าน นะหลานหนา
...รู้สิ่งใด ไม่สู้ รู้วิชา........................รู้รักษา ตัวรอด เป็นยอดดี....ฯลฯ
================================================
...( ตอน...พระโยคี เทศนา ฯ )...
>>คือรูปรส กลิ่นเสียง ไม่เที่ยงแท้......ย่อมเฒ่าแก่ เกิดโรค โศกสงสาร
...ความตายหนึ่ง พึงให้เห็น เป็นประธาน.....หวังนิพพาน พ้นทุกข์ สนุกสบาย
>>ซึ่งบ้านเมือง เคืองเข็ญ ถึงเช่นนี้.........เพราะโลกีย์ ตัณหา พาฉิบหาย
...อันศีลห้า ว่าอย่าทำ ให้จำตาย...........จะตกอบายภูมิ ขุมนรก..ฯลฯ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สองตัวอย่าง..ของเก่า ( ท่าน สุนทรภู่ ) เรื่อง...พระอภัยมณี.....
>>>>>พระฤๅษี<<<<</๑๑//๓//๕๖//
- ploychanpen and kwan_kao like this
#104
Posted 12 March 2013 - 15:00
วันนี้..มีผู้สนใจขอดู แบบกลอนนิราศ........ กลอนนิราศ..
ถือเป็นบทกลอนอีกชนิดหนึ่ง ที่ใช้แต่ง พรรณาการเดิน
ทางไปที่ใดที่หนึ่ง เหมือนจดหมายเหตุ บอกเล่าการเดินทาง
และมีการรำพึงรำพันถึงคนรักที่ต้องจากไป. เช่น....
>>> ก็แรมรอน นอนวัด แม่นางปลื้ม....พี่ไม่ลืม อาลัย ให้ใจหาย
...การแต่งนิราศเล่าเรื่องการเดินทาง นั้น ก็เห็นจะไม่มีใครเกิน
ท่าน..สุนทรภู่... ครั้งนี้ก็จะยกเอา..กลอนนิราศ..ของท่านมาให้
ได้ศึกษากัน..สุนทรภู่ เกิดในปลายรัชกาลที่ ๑ เรียกได้ว่า กลิ่น
ควันไฟไหม้อยุธยา ยังคงเหม็นไหม้คละคลุ้งเพิ่งจะจาก คงไม่
เกิน ๒๐ ปีนะ..( เดานะ ผิดถูก ใครแม่นช่วยมาลงให้ด้วย ) ......
ท่านรำพันถึงอยุธยาไว้น่าสลดใจมาก เชิญดู........
>>ทั้งวังหลวง วังหลัง ก็รั้งรก..........เห็นนกหก ซ้อแซ้ บนพฤกษา
..ดูปราสาท ราชวัง เป็นรังกา...........ดังป่าช้า พงชัฏ สงัดคน
>>อนิจจา ธานินทร์ สิ้นกษัตริย์........เหงาสงัด เงียบไป ดังไพรสณฑ์
..แม้กรุงยัง พรั่งพร้อม ประชาชน.......จะสับสน แซ่เสียง ทั้งเวียงวัง
>>มโหรี ปี่กลอง จะก้องกึก............จะโครมครึก เซ็งแซ่ ด้วยแตรสังข์
..ดูพารา น่าคิด อนิจจัง...................ยังได้ฟัง แต่เสียง สกุณา
>>ทั้งสองฝั่ง แฝกแขม แอร่มรก.....ชะตาตก สูญสิ้น พระชันษา
..แต่ปู่ย่า ยายเรา ท่านเล่ามา.........เมื่อแรกศรี อยุธยา ยังเจริญ
>>กษัตริย์สืบ สุริย์วงศ์ ดำรงโลก.....ระงับโศก สุขสุด จะสรรเสริญ
..เราเห็นยับ ยังแต่รอย ก็พลอยเพลิน....เสียดายเกิด มาเมื่อเกิน น่าน้อยใจ
>>กำแพงรอบ ขอบคู ก็ดูลึก..........ไม่น่าศึก อ้ายพม่า จะมาได้
..ยังให้มัน ข้ามเข้า เอาเวียงชัย.......โอ้อย่างไร เหมือนบุรี ไม่มีชาย
>>หรือธานินทร์ สิ้นเกณฑ์ จึงเกิดยุค.....ไพรีรุก รบได้ ดังใจหมาย
..เหมือนทุกวัน แล้วไม่คัณนาตาย.........ให้ใจหาย หวั่นหวั่น ถึงจันทร์ดวง..ฯลฯ
=============================================
>>>>> โอ้กระแส แควเดียว ทีเดียวหนอ
.........มาเกิดก่อ เกาะถนัด สกัดหน้า
.........ต้องแยกคลอง ออกเป็นสอง ทางคงคา
.........นี่ฤๅคน จะมิน่า เป็นสองใจ.....ฯลฯ
==============================
>>>>>> จาก นิราศ พระบาท <<<<<< สุนทรภู่ ........
- ploychanpen and kwan_kao like this
#106
Posted 13 March 2013 - 13:35
ขอบคุณครับ หนังสือเก่า ถามตามร้าน ขายหนังสือเก่า
หลัง จตุจักร เป็นที่รวมแหล่งหนังสือเก่า. เล่มใดหาไม่ได้
ก็เห็นจะต้อง ( หอสมุดแห่งชาติ) ครับ ในหอสมุดแห่งชาติ
ก็ยังมีหอสมุด ( พระมหาธีรราชเจ้า ) รัชกาลที่ ๖ ..ผมก็มี
พระราชนิพนธ์ อยู่ หลายเล่ม ต้องการเล่มใด ถ้ามีจะให้ยืม
เชิญครับ.....แต่ถ้าอยากทราบ รายละเอียด เกี่ยวกับพระราช-
นิพนธ์ ในรัชกาลที่ ๖(ก็ให้หาหนังสือของ.ม.ล ปิ่น มาลากุล)
เป็นหนังสือ..อนุสรณ์ในงาน พระราชทานเพลิงศพ.หม่อมหลวง
ปิ่น มาลากุล.....หาดูนะครับ .......
#107
Posted 14 March 2013 - 12:13
>> ขอโทษ ขอโทษ โกรธหรือ.?.......ตีมือ มือสั่น ขวัญหาย
....เจ็บเนื้อ เนื้อนาง ร่างกาย...........ใจร้าย ร้ายนัก รักเอย.....
>>>>>>>>>>>> กลอน ๖ ..กลบทชื่อ ..วิหคคู่ ..<<<<<<<<<<
==========================================
>> แว่วแว่ว วอนวอน เคยอ่อนหวาน......สงสาร สุดคำ พร่ำเฉลย
...พลัดพราก จากใจ กระไรเลย............คนเคย คุยกัน ทุกวันมา
>>แลแล้ว แลลับ ดับแสงสี..............ราตรี พี่คอย ระห้อยหา
....จากจิต มิตรใจ ไม่ล่ำลา...............น้ำตา เต็มตา นิจจาใจ....ฯลฯ
>>>>>>>>>>กลอน ๗ ( เล่นอักษร..เล่นสระ ..สลับกัน) <<<<<<<<<<
===============================================
>> เวิ้งว้าง ห่างไกล เกินใจหวัง......เซซัง ซบเซา แสนเหงาหงอย
.....ลมคลื่น ฝืนแล ชะแง้คอย...........ล่องลอย แรมไป กับสายลม
>> น้ำตา ตกหล่น ปนสายน้ำ..........ชอกช้ำ ซ้ำซ้ำ ย้ำขื่นขม
.....จิตเจ็บ เหน็บหนาว ร้าวระทม......อยากจม จมลง ใต้คงคา
>> น้ำเค็ม เค็มขม ตรมหรือไม่.........น้ำใจ เจ้าเล่ห์ เสน่หา
.....น้ำเค็ม เค็มซ้ำ ปนน้ำตา..............อนิจจา จำกลืน ฝืนระกำ..ฯลฯ
>>>>>>> กลอน ๗ ....( กระบวนบรรยาย ..เปรียบเทียบ )<<<<<<<
===============================================
>> หลับสบาย คลายทุกข์ สุขสงบ......เพลินพบ ภาพใคร ในฝัน
.....ตื่นผวา หาห่าง ร้างกัน................สัมพันธ์ พรากเพื่อน เลือนลา..ฯลฯ
>>>>>>>>กลอน ๖ <<<<<< ( ให้สังเกตุ ดู สัมผัสใน แต่ละวรรค )
=================================================
>>คลื่นกรรม ซ้ำซัด มาพลัดพราก.......จำจาก จากใจ ไปแล้วหนอ
....แสนห่วง ห่วงหา ตั้งตารอ..............ทุกข์ท้อ ท้อทน ทนเดียวดาย
>> น้ำค้าง พร่างพรม สายลมผ่าน.........สงสาร สุดให้ น่าใจหาย
.....ร้างลา ลับเลือน หรือเพื่อนตาย.....เคยหมาย มั่นเหมือน ดังเพื่อนใจ
>>ไปดี มีสุข ทุกเช้าค่ำ...................อย่าช้ำ ร่ำหา น้ำตาไหล
.....ขอเทพ เทวา จากฟ้าไกล..........คุ้มภัย ให้น้อง ของพี่เอย....
>>>>>> กลอน ๗ <<<<<<<
=============================================
>>> วันนี้ ทุกบท เรียกว่า ( กลอนประโลมโลก ) จัดอยู่ในแบบเรียน
..ที่ไร้สาระ..เอา อย่างการ สัมผัสใน...เป็น ทั้งสองแบบ...บางวรรค
..ก็เรียงอักษร ๓-๔ ตัว ( อักษรเดียวกัน ) หรือเสียงสัมผัส...และการ
..สัมผัสแบบ..เทียบคู่..เทียมรถ...แต่ก็มีข้อเสียอยู่ ท่านครูเรียกว่า.....
...( ชิงสัมผัส) ใน..ฉันทลักษณ์..ของ ท่านหลวงธรรมาภิมณฑ์ มีบอก
..ไว้หรือเปล่า ลืมไปแล้ว...( แต่จำได้เรื่อง..ชิงสัมผัส..สัมผัสซ้ำ )ที่
..ท่านครู เคยบอกปากเปล่า...( ผมเรียน เหมือนกับ ครูดนตรีไทย )
สมัยก่อน คือ บอกให้จำ แบบ ..เล่นลูกฆ้อง....หรือ..ไล่ลูกฆ้อง...
ผมก็จำไม่ได้แล้ว...แต่ท่านเอาของจริง บทกวีมาชี้ให้ดูเลยว่า -----
...ชิงสัมผัส...เป็นอย่างไร...สัมผัสซ้ำ... เป็นอย่างไร....จึงได้เข้าอยู่
ในสมอง มาจนทุกวันนี้......ผู้ใดสนใจก็ศึกษาดูนะ........
===============================================
- ploychanpen and kwan_kao like this
#108
Posted 16 March 2013 - 15:54
>> รักแรมเลือน ร้างลา นิจจารัก.......จำใจจัก จากเจ้า ให้เศร้าหมอง
....มันเหมือนมืด หม่นมัว เป็นตัวลอง.......คิดคืนครอง เคียงคู่ ดูยากเย็น..ฯ
================================================
>> จากกันแล้ว แก้วตา ผวาสวาท....ต้องแคล้วคลาด คนรัก สมัครสมาน
....เคยร่วมเรียง เคียงชม ภิรมย์สราญ......มาจากกานด์ เกินไกล กระไรกมล..ฯ
==================================================
>> เสียดายรัก เสียดายร่าง มาห่างแล้ว....ดูสิ้นแวว ดูสิ้นวาสน์ มาพลาดหวัง..
....มิน่าจำ อนาถจิต อนิจจัง..................ทุกข์ประดัง ทนประดับ ประทับแด..ฯ
===================================================
>>> มีกลอน..กลบท..มาฝาก ๓ แบบ..ให้เรียนรู้กัน เก็บไปไว้หัดแต่งดู
....แนะนำมาก็หลายชนิดแล้ว วันนี้ ขอแนะนำการแต่งกลอน ..กลบท..
...กลอนขนิดนี้ มีมายาวนานแล้ว ..ค้นพบว่ามีมาแต่ สมัย อยุธยา ....
...( ไว้จะเล่าปลายเดือนนี้ ) เป็นบทสรุป ของคำกลอน...วันนี้เพียงเอา
...ตัวอย่างง่ายๆ มาให้ดู......
....( บทแรก.กลบท ชื่อ ( เบญจวรรณ ห้าสี ) แต่งกลอนแปดฯ ธรรมดา
....แต่ว่า ( ห้าคำแรกต้องเป็น อักษรเสียงเดียวกัน ) เช่น .............
......( รักร้างลา แรมแล้ว.. หรือแววหวาน ).......
==============================================
>>> ตัวอย่างที่ ๒ กลบทชื่อ ( สะบัดสะบิ้ง ) จะสังเกตุเห็นว่า ปลายวรรค
....จะมี ๔ คำ ( สะบัด เป็น สั้น-ยาว.สั้น-ยาว ....) เช่น.....
.......( ต้องจากไกล ใจรัก ..สมัครสมาน..) คำท้ายที่สะบัด ต้องเป็นคำที่
.....ไม่...ประวิสรรชนีย์ คือ ( ไม่ควรมีสระ ) แต่จะมีสระก็ไม่ห้าม เพราะ
....ท่านครู ไม่ได้ห้ามไว้ ( เพียงแต่บอกว่าไม่สวย) เท่านั้นเอง ควรเป็นคำ
....แบบนี้ ( อเนจอนาถ.อนิจจ์อนงค์..ขนงเขนย.เสบยสบาย.ขยายขยับ.ฯลฯ)
....คำเหล่านี้จะสะบัดได้สวยมาก...( จึงเรียกว่า ...สะบัดสะบิ้ง ) ........
=================================================
>>>ตัวอย่างที่ ๓ กลบท ชื่อ ( เต้นสามตอน ) กลบทนี้ จะใช้กลอนแปด
.....หรือ..กลอนเก้า..ก็ได้ ที่พบมักพบใน..กลอนเก้า...บางแห่งก็เรียก-
.....ว่า ( กลกลอนเก้ากระโดด) ตัวอย่าง เช่น ...................
.....( คงดังใจ ไม่รู้จำ นำมาจด ....ดูสวยสด สารใส่ ไว้สั่งสอน )
.....ก็จะใช้ กลอน๘ ..หรือ กลอน ๙ ...ก็ได้ ให้สังเกตุ กลอน๑วรรค
.....จะแบ่งอ่านเป็น ๓ ตอน ตามจังหวะ ( ปลายคำ อักษรใด ต้อง-
.....ลงด้วย อักษรนั้น ดูตัวอย่าง ( ใจ..จำ..จด.....สด..ใส่..สอน..) ....
============================================
>>>>>>> บทสรุป จะเล่าถึง กลอน กลบท ล้วน ๆ <<<<<<<<<<
>>>>>>>> ๑๖//๓//๕๖ <<<<<<<
- Gop, ploychanpen and kwan_kao like this
#109
Posted 18 March 2013 - 13:49
กลอนไม่ดี....คำนี้ ท่าน สุนทรภู่ ก็เคยโดนวิจารณ์ ว่ากลอนไม่ดี
ท่านผู้ที่ พูดก็คือ ( พ.ณ. ประมวญมารค ) กล่าวว่า (กลอนในเรื่อง-
อภัยนุราช๒ไม่ดี ) หมายเหตุ ( อภัยนุราช. เป็นกลอนบทละคร )
เรื่องเดียวของ ท่านสุนทรภู่ แต่งในสมัย รัชกาลที่ ๔ ฯลฯ
>>> ไม่เล่าต่อนะ จะนำ บทละคร เรื่องเดียวของท่านมา ลงไว้
เป็นตัวอย่างเท่านั้น. เพราะ เรื่อง อภัยนุราช ไม่ค่อยได้เผยแพร่
มากนัก. มีการวิจารณ์กันว่า มีหลายตอน คล้าย เรื่อง พระรถ-
เมรี...ใครสนใจ ก็ไปหาอ่านกันนะ จำไม่ค่อยได้ว่า มีการพิมพ์
๑ หรือ ๒ ครั้ง ไม่แน่ใจนะ...สืบไม่ได้ หาก็ไม่พบ..ข่าวจาก กอง
อนุรักษ์..กรมศิลปากร ...ว่าพิมพ์ที่ โรงพิมพ์ สามมิตร แค่นี้ ส่วน
จะพิมพ์กี่เล่ม วัน.เดือน.ปี.ก็สืบไม่ได้. เคยอ่านแค่ครั้งเดียว และ
ก็ไม่ได้อ่านทั้งเรื่อง....เอาตัวอย่างมาให้ศึกษากัน ก็เพราะเป็น-
กลอนบทละคร...เรื่องเดียวของท่านสุนทรภู่.......
>>>>> ตอนที่ยกมานี้ คือตอนที่ เทพารักษ์ เข้าสิงนาง ศรีสาหง.
ที่เป็นหญิงม่ายคนทรง. ......................
>> บัดนั้น นางศรี- สาหง คนทรงผี
..อยู่แต่ตัว ผัวตาย หลายปี........อายุสี่-สิบสี่ ปีปลาย
>> นัยน์ตาพอง สองผม นมคล้อย........ทำชดช้อย ลอยเลิศ เฉิดฉาย
..นุ่งแดง ห่มชมพู พิศดูกาย.........ออกจากเรือน เดือนหงาย กรีดกรายมา
==================================================
>> เปรียบเทียบ ระหว่าง ( บทละครเรื่อง อภัยนุราช ....กับ เรื่อง-
..พระอภัยมณี )...............................
>> เรื่องอภัยนุราช <<
>> เหมือนเขาเปรียบ เทียบความ เมื่อยามรัก....น้ำผัก ต้มขม ก็ชมหวาน
..เมื่อจืดจาง ห่างเหิน เนิ่นนาน..............แต่น้ำตาล ว่าเปรี้ยว ไม่เหลียวดู
================================================
>> เรื่อง พระอภัยมณี <<
>>เขาย่อมเปรียบ เทียบความ ว่ายามรัก...แต่น้ำผัก ต้มขม ชมว่าหวาน
..ครั้นจืดจาง ห่างเหิน ไปเนิ่นนาน.......แต่น้ำตาล ก็ว่าเปรี้ยว ไม่เหลียวแล ฯลฯ
===================================================
>> ศึกษาเรียนรู้ จากบทกวีเก่า แล้วเปรียบเทียบ ของใหม่-
..ที่เราพบเห็นอยู่ทั่วไป...
........ถ้าอ่านโดยไม่รู้ ก็จะเข้าใจผิดได้ แม้เราจะแต่งไม่เป็น
..หรือ. รู้สัมผัส แต่ ไม่เข้าใจเรื่องเสียง อ่านของเก่า แล้วไป
..อ่านของใหม่ เปรียบเทียบดู ก็จะรู้ว่า ของใครอ่านได้เรียบ
..รื่นกว่ากัน...ถึงแม้แต่งไม่ได้ แต่ชอบอ่าน ก็จะ มีพัฒนาการณ์
..อ่านที่ดีขึ้น คือรู้ว่าสำนวนกลอน ของใครถูก ของใครดี ของ
..ใครแต่งส่งเดช....และของใครผิด..ฉันทลักษณ์.....๑๘//๓//๕๖
- ploychanpen and kwan_kao like this
#110
Posted 21 March 2013 - 14:07
>>>>> อสุภธรรม <<<<<
>>๑.อสุภธรรม นำปลง สงสาร...............สุวาน จารใส่ ไว้แล้วหนอ
......ชั่ว-ดี มีกฏ กำหนดรอ...................เอาคอ ขึ้นเขียง เคียงเคียงกัน
>>๒.พระยม ยิ้มเย้ย ว่า เฮ้ยสับ.!.........จิกจับ โจรโฉด โทษมหันต์
......เชือดเชือด ช้าช้า ห้าร้อยวัน..........ลงทัณฑ์ ทรมา อย่าให้ตาย
>>๓.ชั่วนัก สักหน้า ว่าโกงชาติ..........แส้ฟาด ขวับควับ นับรอยหวาย
......เหล็กแหลม ร้อนแดง แทงทำลาย......ตาซ้าย ตาขวา สาระยำ
>>๔.ลงโทษ โหดให้ ไฟนรก..............ไหม้หมก ปฐพี ตีกระหน่ำ
......ตายตาย หลายกัปป์ ไปรับกรรม........จำจำ จับจินตน์ จ่อวิญญาณ
>>๕.เกิดใน คูถเน่า เก้าร้อยศก.............ต่ำตก ติดโรค โศกสงสาร
......เป็นสัตว์ สิบชาติ อุบาทว์นาน...........ซมซาน โซเซ เร่ร่อนไป
>>๖.เกิดเป็น เช่นคน วิกลจริต..............ทรพิษ พุพอง น้ำหนองไหล
......ขอกิน สินเศษ สังเวชใจ................โพยภัย สารพัด เต็มอัตตา...ฯ
>>>>>>>>>>พระฤๅษี <<<<<<<<<<
......................๒๑//๓//๕๖...................( กลอน ๗ )
- ploychanpen, IFai and kwan_kao like this
#111
Posted 21 March 2013 - 21:15
http://www.facebook....&type=1
จะให้คุยกาพย์กลอนเหมือนนำมะพร้าวมาขายสวนคุณพระฯ....
ขอนำ"ชาล้นถ้วย" คิดอย่างเซ็นมาให้อ่าน.....
ไอ้เต้น อดีตสมาชิกสภาโจ๊กตอบกระทู้ในสภาผุ้แทน...
ตอบคำถามของนักข่าว มักจะหวนคิดถึงความหลัง....
ตอบอย่าง'เอกบุรุษ'สภาโจ๊ก...
เปลี่ยน'โชวห่วย' เป็น.'โชวสวย' ดีกว่า...
นายธนาคารจะปล่อยกู้ให้"โชวสวย"มากกว่า"โชวห่วย"....
ผู้บริโภคอยากเข้าร้าน'โชวสวย'มากกว่าร้าน'โชวห่วย'.......
ไอ้เต้นไม่ได้คิดอย่างเซ็น....
หากตะแบงอย่างสภาโจ๊ก.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
Edited by ปุถุชน, 21 March 2013 - 21:17.
- ตะนิ่นตาญี, ploychanpen, พระฤๅษี and 3 others like this
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#112
Posted 21 March 2013 - 21:56
http://www.facebook....&type=1
ลมว่าวเดือนมีนาคม
สนามหลวงทุ่งพระเมรุ
ยามบ่ายถึงเย็นค่ำ
ชาวกรุงนักเล่นว่าวคราคร่ำ
นักชมว่าวจับกลุ่มหนุนจุฬา
หนุนปักเป้าตามใจชอบ
วันนี้สนามหลวงปรับภูมิทัศน์น่านั่ง
น่านอนบนสนามหญ้าเขียวนุ่ม...........
สิ่งที่หายไปจากชีวิตชาวกรุง...
การเล่นว่าวจุฬา-ปักเป้า งูหางยาว ว่าวผีเสื้อ
วันนี้ดูหนุ่มนักขายว่าว
สอนระบายสีว่าว
ขายขนมย้อนยุค
บนดาดฟ้าอาคารชั้นสิบ...
คิดถึง คิดถึง คิดถึงว่าว.......ฮา
Edited by ปุถุชน, 21 March 2013 - 21:57.
- ตะนิ่นตาญี, ploychanpen, พระฤๅษี and 1 other like this
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#113
Posted 22 March 2013 - 12:27
พี่ปุฯ เลยไปกิน ( ไอ้ติมตัด ) ที่ท่าพระจันทร์ รึเปล่า ??
แท่งสี่เหลี่ยมยาว. ล้วงขึ้นมา เอาเท่าไร ก็ตัด เอาไม้เสียบ
ลอกกระดาษห่อออก...กินไม่ทัน ไหลเลอะมือ ทำไง.....
มองซ้ายมองขวา..ยกมือขึ้นดูด..หน้าตาเฉย..แล้วเอามือ
ล้วงกระเป๋า เช็ดกับกระเป๋า. ไม่หายเหนียวมือ ทั้งดูดทั้งเลีย
๕๕๕๕๕๕๕๕....เดี๋ยวนี้...ไอ้ติมตัด...ไม่มีแล้ว..เข้าร้านไอติม
ถ้วยหลายสิบ...( ถ้าออกเงินเอง) ไม่กินแน่นอน..ไม่ได้อารมณ์
เหมือนไอ้ติมตัด. อีกอย่าง ( ไอ้ติม หัวแดง ) นั่น พอเลิกเรียน
..นวลนรดิศ...เดินกลับบ้าน เข้าสวนตรงหน้าสถานีรถไฟ.......
ตลาดพลู..เด็กจอมขยัน ( ตี๋น้อย ) สะพายกระติก ขายไอติม
ตามทางรถไฟ หน้าสถานีรถไฟ.. อันหนึ่ง สิบตังค์ หรือ ยี่สิบ
จำไม่ได้แล้ว..จำได้แต่ว่า เพื่อนมันกินฟรีได้ทุกวัน..ซื้ออันหนึ่ง
กัดดู ถ้าไม้หัวทาสีแดง จะได้กินฟรีอีก 1 อัน. เพื่อนมีไม้หัวแดง
ในย่ามหลายอัน. เด็กขายเป็นคนจีน รู้มันก็ไม่กล้า ไอ้เพื่อนเลย
ซื้ออัน กินฟรีอัน...ประจำ.แต่พวกเรา ๔-๕ คน ก็ซื้อ ๔-๕ อัน
แทบทุกวันตอนเลิกเรียน............ไร้สาระนะ พี่ปุฯ พอและ
- ปุถุชน, ตะนิ่นตาญี, kwan_kao and 1 other like this
#114
Posted 22 March 2013 - 14:57
พี่ปุฯ เลยไปกิน ( ไอ้ติมตัด ) ที่ท่าพระจันทร์ รึเปล่า ??
แท่งสี่เหลี่ยมยาว. ล้วงขึ้นมา เอาเท่าไร ก็ตัด เอาไม้เสียบ
ลอกกระดาษห่อออก...กินไม่ทัน ไหลเลอะมือ ทำไง.....
มองซ้ายมองขวา..ยกมือขึ้นดูด..หน้าตาเฉย..แล้วเอามือ
ล้วงกระเป๋า เช็ดกับกระเป๋า. ไม่หายเหนียวมือ ทั้งดูดทั้งเลีย
๕๕๕๕๕๕๕๕....เดี๋ยวนี้...ไอ้ติมตัด...ไม่มีแล้ว..เข้าร้านไอติม
ถ้วยหลายสิบ...( ถ้าออกเงินเอง) ไม่กินแน่นอน..ไม่ได้อารมณ์
เหมือนไอ้ติมตัด. อีกอย่าง ( ไอ้ติม หัวแดง ) นั่น พอเลิกเรียน
..นวลนรดิศ...เดินกลับบ้าน เข้าสวนตรงหน้าสถานีรถไฟ.......
ตลาดพลู..เด็กจอมขยัน ( ตี๋น้อย ) สะพายกระติก ขายไอติม
ตามทางรถไฟ หน้าสถานีรถไฟ.. อันหนึ่ง สิบตังค์ หรือ ยี่สิบ
จำไม่ได้แล้ว..จำได้แต่ว่า เพื่อนมันกินฟรีได้ทุกวัน..ซื้ออันหนึ่ง
กัดดู ถ้าไม้หัวทาสีแดง จะได้กินฟรีอีก 1 อัน. เพื่อนมีไม้หัวแดง
ในย่ามหลายอัน. เด็กขายเป็นคนจีน รู้มันก็ไม่กล้า ไอ้เพื่อนเลย
ซื้ออัน กินฟรีอัน...ประจำ.แต่พวกเรา ๔-๕ คน ก็ซื้อ ๔-๕ อัน
แทบทุกวันตอนเลิกเรียน............ไร้สาระนะ พี่ปุฯ พอและ
ใครมีอารมณ์ร่วมอย่างนี้บ้าง....
อ่านแล้วนึกถึงความหลัง
สมัยนั้นไม่มีกระดาษ ไม่มีผ้าเช็ดหน้า(เช็ดมือ)พกติดตัว.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
- ตะนิ่นตาญี and พระฤๅษี like this
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#115
Posted 22 March 2013 - 15:18
เพื่อนพระเจ้าตาใจร้ายอ่ะ
เด็กเค้าขยันทำมาหากิน ไปแกล้งเค้า
___________________________________________
อยากกินสายไหม ค่ะ
แบบที่หยอดเงินแล้วมีเข็มเหมือนนาฬิกา หมุนติ้ว ๆ
หยุดที่เลขอะไร ก็ได้เท่านั้นอันค่ะ
- ตะนิ่นตาญี and พระฤๅษี like this
#116
Posted 22 March 2013 - 17:05
...
ลมว่าวเดือนมีนาคม
สนามหลวงทุ่งพระเมรุ
ยามบ่ายถึงเย็นค่ำ
ชาวกรุงนักเล่นว่าวคราคร่ำ
นักชมว่าวจับกลุ่มหนุนจุฬา
หนุนปักเป้าตามใจชอบ
วันนี้สนามหลวงปรับภูมิทัศน์น่านั่ง
น่านอนบนสนามหญ้าเขียวนุ่ม...........
สิ่งที่หายไปจากชีวิตชาวกรุง...
การเล่นว่าวจุฬา-ปักเป้า งูหางยาว ว่าวผีเสื้อ
วันนี้ดูหนุ่มนักขายว่าว
สอนระบายสีว่าว
ขายขนมย้อนยุค
บนดาดฟ้าอาคารชั้นสิบ...
คิดถึง คิดถึง คิดถึงว่าว.......ฮา
พี่ปุฯ เลยไปกิน ( ไอ้ติมตัด ) ที่ท่าพระจันทร์ รึเปล่า ??
แท่งสี่เหลี่ยมยาว. ล้วงขึ้นมา เอาเท่าไร ก็ตัด เอาไม้เสียบ
ลอกกระดาษห่อออก...กินไม่ทัน ไหลเลอะมือ ทำไง.....
มองซ้ายมองขวา..ยกมือขึ้นดูด..หน้าตาเฉย..แล้วเอามือ
ล้วงกระเป๋า เช็ดกับกระเป๋า. ไม่หายเหนียวมือ ทั้งดูดทั้งเลีย
๕๕๕๕๕๕๕๕....เดี๋ยวนี้...ไอ้ติมตัด...ไม่มีแล้ว..เข้าร้านไอติม
ถ้วยหลายสิบ...( ถ้าออกเงินเอง) ไม่กินแน่นอน..ไม่ได้อารมณ์
เหมือนไอ้ติมตัด. อีกอย่าง ( ไอ้ติม หัวแดง ) นั่น พอเลิกเรียน
..นวลนรดิศ...เดินกลับบ้าน เข้าสวนตรงหน้าสถานีรถไฟ.......
ตลาดพลู..เด็กจอมขยัน ( ตี๋น้อย ) สะพายกระติก ขายไอติม
ตามทางรถไฟ หน้าสถานีรถไฟ.. อันหนึ่ง สิบตังค์ หรือ ยี่สิบ
จำไม่ได้แล้ว..จำได้แต่ว่า เพื่อนมันกินฟรีได้ทุกวัน..ซื้ออันหนึ่ง
กัดดู ถ้าไม้หัวทาสีแดง จะได้กินฟรีอีก 1 อัน. เพื่อนมีไม้หัวแดง
ในย่ามหลายอัน. เด็กขายเป็นคนจีน รู้มันก็ไม่กล้า ไอ้เพื่อนเลย
ซื้ออัน กินฟรีอัน...ประจำ.แต่พวกเรา ๔-๕ คน ก็ซื้อ ๔-๕ อัน
แทบทุกวันตอนเลิกเรียน............ไร้สาระนะ พี่ปุฯ พอและ
...
ใครมีอารมณ์ร่วมอย่างนี้บ้าง....
อ่านแล้วนึกถึงความหลัง
สมัยนั้นไม่มีกระดาษ ไม่มีผ้าเช็ดหน้า(เช็ดมือ)พกติดตัว.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
หาก คุณพี่พระฤๅษี และ พี่ปุฯ จะกรุณาเปลี่ยนชื่อกระทู้ หรือเพิ่มเติมชื่อกระทู้
จากเดิมเป็น ชมรมผู้มีวัยสมควร หรือ วันวานยังหวานอยู่ หรือ พูดจาประสาวัยล่วง(เลย)แล้ว
ก็น่าจะพอเข้ากับ บรรยากาศ นะครับ คุณพี่ ทั้ง ๒ ท่าน ครับ
ตะนิ่นตาญี
วันศุกร์ที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เวลา ๑๗.๐๕ นาฬิกา
#117
Posted 22 March 2013 - 22:39
เอาเท่าที่จำได้นะครับ...เพราะเคยได้ยินมา ตั้งแต่เล็ก เป็นบทที่
...(สุดสาคร ถูกชีเปลือย หลอกผลักตกเหว) เพราะพอเอ่ยถึง
ก็รู้กันมากอยู่...จำง่าย..ได้อารมณ์..มี คติ สอนใจ...ฯ
>. บัดเดี๋ยวดัง หง่างเหง่ง วังเวงแว่ว.....สะดุ้งแล้ว เหลียวแล ชะแง้หา
...เห็นโยคี ขี่รุ้ง พุ่งลงมา.....................ประคองพา ขึ้นไปจน บนบรรพต
>..แล้วสอนว่า อย่าไว้ ใจมนุษย์..........มันแสนสุด ลึกล้ำ เหลือกำหนด
...ถึงเถาวัลย์ พันเกี่ยว ที่เลี้ยวลด.........ก็ไม่คด เหมือนหนึ่งใน น้ำใจคน
>..มนุษย์นี้ ที่รัก อยู่สองสถาน.............บิดามาร-ดารัก มักเป็นผล
...ที่พึ่งหนึ่ง พึ่งได้ แต่กายตน..............เกิดเป็นคน คิดเห็น จึงเจรจา
>..แม้นใครรัก รักมั่ง ชังชังตอบ........ให้รอบคอบ คิดอ่าน นะหลานหนา
...รู้สิ่งใด ไม่สู้ รู้วิชา........................รู้รักษา ตัวรอด เป็นยอดดี....ฯลฯ
================================================
...( ตอน...พระโยคี เทศนา ฯ )...
>>คือรูปรส กลิ่นเสียง ไม่เที่ยงแท้......ย่อมเฒ่าแก่ เกิดโรค โศกสงสาร
...ความตายหนึ่ง พึงให้เห็น เป็นประธาน.....หวังนิพพาน พ้นทุกข์ สนุกสบาย
>>ซึ่งบ้านเมือง เคืองเข็ญ ถึงเช่นนี้.........เพราะโลกีย์ ตัณหา พาฉิบหาย
...อันศีลห้า ว่าอย่าทำ ให้จำตาย...........จะตกอบายภูมิ ขุมนรก..ฯลฯ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สองตัวอย่าง..ของเก่า ( ท่าน สุนทรภู่ ) เรื่อง...พระอภัยมณี.....
>>>>>พระฤๅษี<<<<</๑๑//๓//๕๖//
แค่อยากรู้ว่า หลวงตาตอบโจทย์ O-NET ที่ถามว่า
จากกลอนบทนี้ ฤๅษีและสุดสาครต้องต้องกายลักษณะใด
ได้หรือไม่?
1. ชุดลายเสือ
2. ชุดขาว
3. หรืออะไรนี่แหละ
- พระฤๅษี likes this
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
#118
Posted 23 March 2013 - 10:43
ก็ต้อง ขอขอบคุณ คุณ เคน ฯ นะครัฐที่มาเยี่ยม
ปัญหาเรื่องชุด ของพระฤๅษี และ สุดสาคร ......
ก็ตอบได้เป็น ๒ กรณี อีกนั่นแหละ..... คือ..
>>> ๑ เกิดไม่ทัน ไม่ได้เจอกัน....๕๕๕๕๕๕
>>> ๒ ตอบตามภาพ ตามละคร ก็ นุ่งห่ม หนังเสือ.
.......คุยกันเล่นเบา ๆ นะครับ วันหยุด......
- เคนอิจิ-นามิ likes this
#119
Posted 23 March 2013 - 11:18
>>> ว่าเรา ล่วงเลยแล้ว......ว่าไร้แวว วะวามหวาน
....หวานแหวว กับวันวาน.......วันนี้วับ ลับล่วงเลย
>>> หัวใจ ก็เลือดเนื้อ..........จะทุกข์เทื้อ ทนเฉลย
....สุขเศร้า เหงาก็เคย............เป็นกาลก่อ ก็พอกัน
>>> เพียงพบ เพื่อพลัดพราก......เหลือแต่ซาก ฝากฝังฝัน
......ฝันดี สักกี่วัน.......................ก็จะว่าง ละวางวาย...ฯลฯ
>>>>> พระฤๅษี <<<<<
"..........๒๓/๓/๕๖..........(กาพย์ยานี ๑๑ )
#120
Posted 23 March 2013 - 12:22
>>> ว่าเรา ล่วงเลยแล้ว......ว่าไร้แวว วะวามหวาน
....หวานแหวว กับวันวาน.......วันนี้วับ ลับล่วงเลย
>>> หัวใจ ก็เลือดเนื้อ..........จะทุกข์เทื้อ ทนเฉลย
....สุขเศร้า เหงาก็เคย............เป็นกาลก่อ ก็พอกัน
>>> เพียงพบ เพื่อพลัดพราก......เหลือแต่ซาก ฝากฝังฝัน
......ฝันดี สักกี่วัน.......................ก็จะว่าง ละวางวาย...ฯลฯ
>>>>> พระฤๅษี <<<<<
"..........๒๓/๓/๕๖..........(กาพย์ยานี ๑๑ )
สุขสันต์วันเกิด...เถิดครับ คุณพี่ฯ
ยังมีต่อ.........................................ฯลฯ
ตะนิ่นตาญี
วันเสาร์ที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เวลา ๑๒.๒๒ นาฬิกา
หมายเหตุ: หากอยากทราบตอนต่อไป...
กรุณาหาอ่านได้ที่ time line ใน facebook ของ คุณพี่พระฤๅษี ครับ
#121
Posted 23 March 2013 - 12:55
ก็ต้อง ขอขอบคุณ คุณ เคน ฯ นะครัฐที่มาเยี่ยม
ปัญหาเรื่องชุด ของพระฤๅษี และ สุดสาคร ......
ก็ตอบได้เป็น ๒ กรณี อีกนั่นแหละ..... คือ..
>>> ๑ เกิดไม่ทัน ไม่ได้เจอกัน....๕๕๕๕๕๕
>>> ๒ ตอบตามภาพ ตามละคร ก็ นุ่งห่ม หนังเสือ.
.......คุยกันเล่นเบา ๆ นะครับ วันหยุด......
ถามต่อจากข้อหนึ่ง
การแต่งตัวลักษณะนั้น ทำให้ผู้ชม นึกถึงตัวละครว่า มีอารมณ์อย่างไร?
คลายเครียดวันเบาๆ เด่วออกไป ช้อป ชิม ชิล กะเพื่อน ฮะ ^^
- พระฤๅษี likes this
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
#122
Posted 23 March 2013 - 12:56
ขอให้สุขภาพ แข็งแรง ทั้งกายใจครับ
การไม่มีโรคเป็นลาภอัน ประเสริฐ
- พระฤๅษี likes this
ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว http://webboard.seri...e-3#entry634878
รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037
ความตอแหลขอไอ้แมงวัน http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177
#124
Posted 23 March 2013 - 13:05
ขอบคุณครับ คุณเคน ฯ ครับ วันนี้กำหนด ฝังเข็ม
ครั้งที่ ๔ สุดท้าย ว่าจะไปเดิน จตุจักร ตามปกติ
....เรื่องที่ถาม ไว้ (หลับฝันก่อนนะ ) แล้วจะมาเล่า
ให้ฟัง ... ตอนนี้ร้อน...ตับแลบ....ขอค้างไว้ก่อน....
- IFai and เคนอิจิ-นามิ like this
#128
Posted 23 March 2013 - 13:21
"ขวัญข้าว" ขอโทษค่ะ ไม่ได้เข้า fb เลย
ทำให้ไม่ทราบว่าวันนี้วันเกิดของพระเจ้าตา
ด้วยรักและเคารพเป็นอย่างยิ่งค่ะ
Happy Birthday ด้วยคนครับ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
- พระฤๅษี likes this
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#129
Posted 24 March 2013 - 12:47
>>๑.น้ำใจ จากมวลมิตร...............ลายลิขิต คิดจากใจ
........อวยโชค อำนวยชัย..............ชนะชาติ ทรชน
>>๒.ศุภฤกษ์ นักษัตร์...................อภิวัฒน์ อัตตผล
.......จุติกรรม วิบากบน..................พิภพพื้น พสุธา
>>๓.เวียนวัฏ-ฏสงสาร...................กี่กัปป์กาล ก่อสังขาร์
.......เพียรพ้น พัฒนา......................วิญญาณัง ยังยากเย็น
>>๔.มนุษย์ มโนนึก.......................เร่งรู้สึก ศรัทธาเห็น
.......ธรรมทำ เถิดบำเพ็ญ................เพื่อพ้นกรรม ประจำกาย
>>๕.สรรพสุข สารพัด....................ภัยพิบัติ มลายหาย
.......สดชื่น ทั้งหญิงชาย..................เชิญเทวา มาคุ้มครอง...ฯ
>>>>>>>> พระฤๅษี <<<<<<<<
...................๒๔//๓//๕๖...............( ยานี ๑๑ )
#130
Posted 24 March 2013 - 13:24
คุณขวัญพูดถึงสายไหม ทำให้พี่นึกถึงตอนเป็นนักเรียนก็จะมีอาบังมาขายโรตีสายไหม และอีกแบบที่ทำจากน้ำตาลเหมือนกัน แต่เป็นสี่เหลี่ยม โดยใช้แป้งโรตีห่อ พวกเราก็จะไปอุดหนุนกันหลังเลิกเรียนทุกวัน จนวันนึง....
ก็เดินจะไปซื้อกันแหละ ยังไปไม่ถึง เห็นอาบังค่ะ เกาก้นง่ะ แล้วจังหวะนั้นก็มีเด็กมาซื้อพอดี แกก็ห่อสายไหมเฉยเลย พวกเรามองหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไรซักคำ หันหลังกลับโรงเรียนแบบเงียบงัน (ตรูเคยโดนอย่างนี้บ้างป่าวฟระ)
นับแต่นั้นมาจนปัจจุบัน ถ้าอยากทาน จะซื้อแบบที่เขาขายเป็นถุงๆ แล้วเอามาห่อเอง
ขอต่อด้วย Happy Birthday คุณพระฤาษีเจ้าค่ะ
Edited by lazylemon, 24 March 2013 - 13:27.
#131
Posted 24 March 2013 - 13:40
^^^^
พี่มะนาวค่ะ
โรตีทีใส่นมน้ำตาลก็เหมือนกันค่ะ
เพื่อน ๆ ชอบอำว่า ระวังนะเจออาบังฉี่เสร็จ
รีบมานวด ๆ ขยำ ๆ แป้ง
เลยบอกไม่เป็นไร เค้าฟาดพั่วะ ๆ ซ้าย ขวา
แถมเอาลงไปทอดอีก เชื้อโรคตายหมด
อีกเรื่องหนึ่งแนวทะลึ่ง พี่มะนาวคงเคยได้ยินแล้วกระมัง
วิธีทำโดนัท ที่เป็นรูตรงกลางค่ะ
- พระฤๅษี likes this
#133
Posted 26 March 2013 - 16:12
มะวานไม่ได้มา วันนี้แวะมา เจอ ยัยแก่คุยกัน วัยรุ่นเซ็ง...
โรตีมั่ง. โดนัตมั่ง. ทำไมไม่กิน...ถั่วเขียวต้มน้ำตาล......
หน้า..สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่..มีขายตอนเย็นๆ เลิกเรียน
เมื่อ ๕๐ กว่าปีก่อน เดิน-วิ่ง ตามทางรถไฟ จากตลาดพลู
ไปนั่งกินที่หน้าสถานี วงเวียนใหญ่..ถ้ายังไม่เย็นเท่าไหร่ก็
ข้ามไปคลองสาน..มีเพื่อนอยู่ซอย วัดทองฯ แต่ต้องกลับ-
บ้านไม่ให้มืด..เพราะมืดโดนตี...บางทีก็เดินไปทางสะพานพุทธฯ
มีเพื่อนอยู่วัดประยูรฯ.. แต่ไม่กล้าข้ามฝั่ง สะพานพุทธ กลัว
ตกน้ำ ไม่มีใครว่ายน้ำเป็นเลย แม่เตือนนักหนา ว่าอย่าพากัน
ไปเล่นใกล้น้ำ. เตือนว่า ตีแรง.ตีมาก. รู้สึกว่าแม่จะห่วงมากกว่า
โดนเด็กวัดสิงห์ฯไล่เตะอีก.. ( วัดสิงห์ฯ บางขุนเทียน ) ........
#134
Posted 27 March 2013 - 14:17
>>>ตอนสุดท้าย..ขอแนะนำ ( กลอน.กลบท ) ซึ่งเป็นบทกวี
ที่ถือว่า ผู้แต่งต้อง มีความสามารถสูงมาก เพราะนอกจาก
เนื้อหาสาระแล้ว..( การเล่นอักษร...เล่น สระ..) เป็นศิลปวรรณ-
กรรมที่ หาได้ยาก..( นอกจาก ประชุม จารึกวัดโพธิ์ ) แล้ว
ก็มีหนังสือ..ศิริวิบุลกิตติ...ของ..หลวงศรีปรีชา ( เซ่ง ) ซึ่งพบ-
ว่า แต่งขึ้นในปลายอยุธยา...แต่กระนั้นก็ยังมีที่เก่ากว่า และ
พบมาว่า เคยใช้เป็นแบบเรียนด้วย..แต่ดูเหมือนเราจะลืม จน
ไม่กล้าจะกล่าวถึง..หนังสือนั้นชื่อ ( จินดามณี ) เราเองก็ไม่มี
หนังสือเล่มนี้.แม้จะเคยอ่านมาบ้าง. ก็คงครั้งสองครั้งก็จำไม่ได้
แล้ว..ก็เห็นจะ...จนปัญญา..ที่จะกล่าวถึง หนังสือเล่มนี้...ฉะนั้น
ถ้าท่านผู้ใดรู้และจำได้.....กรุณานำมาเผยแพร่ ให้คนรุ่นหลังได้
เรียนรู้ด้วยเถิด...( หนังสือ จินดามณี...ว่าด้วยกลบทสมัยอยุธยา-
ตอนกลาง..ก็เห็นน่าจะยุคเดียวกับ..โคลงศรีปราชญ์..)เดาล้วน ๆ
ผิดก็ขออภัย....( ขอเอาแค่ที่จำได้นะ..ไม่ว่ากัน ) คือเท่าที่ค้นได้
ในยุคนั้น ( ยุคยังหนุ่ม ) ว่า จินดามณี นั้น มีหลายสำนวนแต่ง
ที่กล่าวถึงมากที่สุดคือ...( พระโหราธิบดี ) แต่งถวายสมเด็จพระ-
นารายณ์ฯ แต่ครั้งอยู่ สุโขทัย.. ฯลฯ ขอประวัติฯแค่นี้นะ เล่าไป
ผิดพลาดจะไม่ดี....แต่เอาแค่มีแนวให้ค้นได้เองแล้ว...หมายเหตุ..
จินดามณี..มีหลายสำนวน หลายคนแต่ง เริ่มตัน จาก อยุธยา--มา
ถึงยุคต้นกรุง..แต่ที่ยืนยันได้...คือเคยเป็นแบบเรียนแน่นอน.......
นามผู้แต่ง.ผู้รวบรวม. ( พระโหราธิบดี..พระมหาราชครู...มาถึง-
รัชกาลที่ ๓ ..ฯลฯ )...................
>>> ส่วนเนื้อหาเป็นร้อยกรอง ประเภทต่าง รวมถึงกลบทด้วย...
ดังจะนำ ตัวอย่างมา ให้ศึกษากัน....เป็น..ร่ายดั้น....ดังแล
============================================
- kwan_kao likes this
#135
Posted 27 March 2013 - 14:45
ถั่วเขียวต้มน้ำตาลก็ไม่กินเจ้าค่ะ ความหลังเหมือนกันสมัยงานรับเพื่อนปี1 ทุกวันนี้ยังไม่ทานเลยค่ะ
ป.ล. กลอนสุดสาครที่พระเจ้าตาเคยยกมาที่ว่า
"เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต"
แต่ก่อนอ. จะให้นักเรียนยืนอ่าน คนละบท สองบท (กลยุทธ์ อ. ทำให้เราไม่กล้าหลับ)
ก็ให้ นักเรียนคนนึงยืนอ่าน ตรงบทนี้พอดี สงสัยกะลังงัวเงีย ก็ยืนอ่านอย่างฉาดฉานว่า
"เห็นโยคีขี้พุ่งรุ้งออกมา ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต"
จบข่าวแต่เพียงเท่านี้ค่า
#136
Posted 27 March 2013 - 15:07
ร่ายดั้น....ในหนังสือ ( จินดามณี )
>> ศรีสิทธิสวัสดิ์. ทัศนับประนม. บรมบาทบงกช..ทศพลเพญาณ..
..มหานคภพเพญา- การุณดิเหรก..เอกโมสิด..ภิชิตมารโมลี..
..ดิหรกตรีพ่างภพ..นพโลกุฏธรรม์..อภิวันทนอัษฏางค์..อริยางคโยค..
..จตุรโอฆขจัด..รัตนไตรยน้อมเส็จ..ผเดจอุปภัทวัน..อนันตภยวินาศ..
>>ศัลยบาทบทรัตน..ขัติยธิบดินทร..ภูมินทรมิ่งมงกุฏ..ศรีอยุธยเรืองบวร..
..ทิณกรจำหรัด..รัชนีกรส่องหล้า..ฟ้าดินสุรสมพอง..ฉลองลักษณพิจิตร..
..สิกะสิดสะโรธร้อย..สร้อยประดับกรรณ..กลฉันท์กลโคลงหลาก..
..มากมากหลายหย่าง..ต่างต่างหลายชั้น..โคลงดั้นโคลงสุภาพ..
..กาพย์ห่อโคลงกานท์..บูราณรังรักษ์..จักสงเคราะห์บท..ทวาทศราศรี..
>> มาลีเลื่อนผกา..ประทุมมาลยกมุท..ภุชงคเกี้ยวกระหวัด..รหัสอักษร..
..สถาพรจตุรพิด..มหิศรเรืองยศ..ปรากฏกัลปาวรสาร..ปรหารมลวิมล..
..ชณมายุศมอย่าน้อย..ยาวยืดยืนยิ่งร้อย..รอบรู้คุณธรรม สืบนา...ฯะ
- kwan_kao likes this
#137
Posted 27 March 2013 - 15:22
>>>อากาศร้อนมาก....ว่าจะต่อให้จบ ทั้ง ๓ ตัวอย่าง แต่
ขอไว้วันต่อไปค่อยลง ( ศิริวิบุลกิตติ ) แล้วกัน.....
....ส่วน....จินดามณี...ที่ลงให้ดูนั้น ( ใช้อักษรคำเดิมต้นฉบับ)
มีคำเก่า ๆ หลายคำ ก็ถือว่าได้ศึกษา อักษร คำสมัยนั้นไปด้วย
เป็นความรู้ ในเรื่องคำเก่า ๆ .....แค่นี้ก่อน ร้อนมาก ๆ กทม....
#138
Posted 28 March 2013 - 15:30
พระเจ้าตาค่ะ วันนี้เอาตอนกำเนิดพลายแก้วมาฝากค่ะ
มาดูกันกค่ะ ชื่อ "พลายแก้ว" ได้มาอย่างไร
(บทสุดท้าย พ่วงให้เพราะ มีคำว่า "ขวัญ" หลายคำ ๕๕๕)
จะกล่าวถึงทองประศรีมีครรภ์แก่ งามแท้เผ้าผมก็สมหน้า
ผิวพรรณดังสุวรรณมาทาบทา ดวงหน้าดังจันทร์เมื่อวันเพ็ญ
แก้มทั้งสองข้างดังปรางทอง เต้านมทั้งสองก็ครัดเคร่ง
ผิวเนื้อเป็นนวลควรแลเล็ง ดูปลั่งเปล่งน่าชมพอสมตัว
จำศีลภาวนาเป็นเนืองนิตย์ น้อมจิตนบนิ้วขึ้นเหนือหัว
ภาวนาบูชาด้วยดอกบัว ไม่กลัวที่จะเป็นอันตราย
จนท้องโตใหญ่ได้สิบเดือน บุญเตือนจะคลอดลูกสืบสาย
ลมกัมมัชวาตพัดกลับกลาย ลูกนั้นบ่ายศีรษะลงทวาร
เจ็บท้องร้องแรกอยู่เวยวาย ปู่ตาย่ายายอึงทั้งบ้าน
ญาติกาข้าไทมาซมซาน หมอตำแยงุ่นง่านเข้าผันแปร
ถึงฤกษ์งามยามปลอดคลอดง่ายดาย ลูกนั้นเป็นชายร้องแว้แว้
พี่ป้าน้าอามาดูแล ล้างแช่แล้วก็ส่งให้แม่นม
ทาขมิ้นแล้วใส่กระดังร่อน ใส่เบาะให้นอนเอาผ้าห่ม
ปู่ย่าตายายสบายชม เรือนผมน่ารักดังฝักบัว
เอาขึ้นใส่อู่แล้วแกว่งไกว แม่เข้านอนไฟให้ร้อนทั่ว
เดือนหนึ่งออกไฟไม่หมองมัว ขมิ้นแป้งแต่งตัวน่าเอ็นดู
พ่อแม่ปรึกษากับย่ายาย จะชื่อหลานชายอย่างไรปู่
ฝ่าตาตะแกเป็นหมอดู คิดคูณเลขอยู่ให้หลานชาย
ปีขาลวันอังคารเดือนห้า ตกฟากเวลาสามชั้นฉาย
กรุงจีนเอาแก้วอันแพรวพราย มาถวายพระเจ้ากรุงอยุธยา
ให้ใส่ปลายยอดเจดีย์ใหญ่ สร้างไว้แต่เมื่อครั้งเมืองหงสา
เรียกวัดเจ้าพระยาไทยแต่ไรมา ให้ชื่อว่าพรายแก้วผู้แววไว
แล้วเร่งรัดจัดแจงแต่งบายศรี เงินทองของดีมาผูกให้
กล้วยน้ำแตงกวาเอามาใส่ ธูปเทียนดอกไม้มีหลายพรรณ
ให้หลานใส่เสมาปะวะหล่ำ กำไลทองคำงามเฉิดฉัน
บ้าหว่าทองผูกสองข้างแขนนั้น สายกุดั่นทั้งแท่งดังแกล้งทำ
เอวคาดสร้อยอ่อนช้อนดอกลอย ฝังพลอยมรกตสีสดขำ
ผูกลูกพริกเทศด้วยทองคำ กำไลตีนนากเห็นหลากตา
จัดแจงแขกนั่งเป็นวงกัน พงศ์พันธุ์พร้อมอยู่ทั้งปู่ย่า
ยกบายศรีแล้วโห่ขึ้นสามลา เวียนแว่นไปมาโห่เอาชัย ฯ
๏ ศรีศรีวันนี้ฤกษ์ดีแล้ว เชิญขวัญพลายแก้วอย่าไปไหน
ขวัญมาอยู่สู่กายให้สบายใจ ชมช้างม้าข้าไททั้งเงินทอง
ขวัญเอ๋ยเจ้ามาเถิดพ่อมา อย่าเที่ยวล่ากะเกณฑ์ตระเวนท่อง
มาชมพวงแก้วแล้วพวงทอง ข้าวของเหลือหลายสบายใจ
ครั้นแล้วก็โห่อีกสามที ดับอัคคีโบกควันเจิมพักตร์ให้
ให้ชันษายืนหมื่นปีไป มีชัยชำนะสวัสดี
ครั้นทำขวัญเสร็จสำเร็จการ วงศ์วานปรีดิ์เปรมเกษมศรี
จนอายุพลายแก้วได้ห้าปี พาทีแคล่วคล่องว่องไว ฯ
Edited by kwan_kao, 28 March 2013 - 15:44.
#139
Posted 29 March 2013 - 11:37
บทกลอนที่ แม่ขวัญ เอามาลง น่าจะเป็น ( กลอนเสภา )
เพราะว่าได้อ่าน ตรวจทานดูแล้ว..( กลอนเสภา ) เป็นกลอน
อีกชนิดหนึ่งที่ ( ไม่บังคับ เสียงปลายวรรค ) สัมผัสในวรรคก็
ไม่ได้บังคับ...( บังคับแต่ สัมผัสนอก-สัมผัสเชื่อมบท) กลอน-
เสภา..มีหลายสำนวน..ใกล้เคียงกับ..กลอนเพลง..แต่กลอน-
เพลง ( สระเสียงสั้น - ยาว..ใช้ สัมผัสกันได้ ) เช่น( ไอ-อาย)
ถ้าว่างก็ทำเถอะ...คนรุ่นหลังจะได้เรียนรู้ ถือว่า เผยแพร่-
....เป็น.วิทยาทาน....ก็แล้วกัน......( ทำดีได้ดี ) ..............
- kwan_kao likes this
#140
Posted 29 March 2013 - 12:13
>>>>> ไทตยะ อธิศูทร <<<<<<
>>๑.อตีตัง ยังเชื้อไท- ..............ตยะภัย พิบัติพา
......เล่ห์ลี้ นรกมา......................มนุษย์ภพ ปฐพี
>>๒.เสนียด สนิทสอง...............ชินะผอง ผยองผี
.......ล้างผลาญ เซ่นมารพลี.........ผสมผสาน ทะยานยง
>>๓.อุบัติ บอกวิบัติ...................ณ นักษัตร มิประสงค์
.......อสูร สภาพพงศ์...................อธิศูทร์ ผสมพันธุ์
>>๔.ก่อเกิด กะกาฬปักษ์.............จิ้งจกทัก ทุราถรรพ์
.......รางร้าย เล่ห์โรมรัน................นครา สยามินทร์
>>๕.พระเสาร์ สถิตทับ................คำนวณนับ ทศกสิณ
.......วัดวัง ฤๅพังภินท์..................เพราะอำนาจ อุบาทว์เบียร
>>๖.ดวงเมือง ดูดวงแตก.............ดังรอยแยก อยู่กลางเศียร
.......โหรา ว่าแนบเนียน...............เป็นนัยยะ กะดวงดาว
>>๗.สงสาร สยามยั้ง...................อนิจจัง ยังเกินกล่าว
.......เงามืด มันยืดยาว..................ยากอยู่นะ จะแก้กัน....ฯะ
>>>>> พระฤๅษี<<<<<
...........๒๙//๓//๕๖.........( ยานี ๑๑ )
#141
Posted 31 March 2013 - 06:01
^^^^
พี่มะนาวค่ะ
โรตีทีใส่นมน้ำตาลก็เหมือนกันค่ะ
เพื่อน ๆ ชอบอำว่า ระวังนะเจออาบังฉี่เสร็จ
รีบมานวด ๆ ขยำ ๆ แป้ง
เลยบอกไม่เป็นไร เค้าฟาดพั่วะ ๆ ซ้าย ขวา
แถมเอาลงไปทอดอีก เชื้อโรคตายหมด
อีกเรื่องหนึ่งแนวทะลึ่ง พี่มะนาวคงเคยได้ยินแล้วกระมัง
วิธีทำโดนัท ที่เป็นรูตรงกลางค่ะ
ยุคที่คุณขวัญเจอ คงเป็นรุ่นแรกๆที่อพยพมาหากินในเมืองไทย สุขอนามัยเลยเหมือนต้นทางที่อพยพมา ยุคผมนี่บังแกพัฒนาเรื่องอนามัยไปยอะครับ เวลาแกไปฉี่ แกใช้ช้อนควักออกมา แล้ววางท่อบนช้อนนั้น แล้วฉี่
เมื่อมีคนมาซื้อโรตี แกก็ใช้ช้อนนั้นตักส่วนผสม ลงกะทะ ทำให้เรากิน ...เห็นไหมบังพัฒนาสุขอนามัยไปถึงไหนๆ
วิธีทำโดนัท ที่เป็นรูตรงกลางค่ะ
ถ้าทำสักร้อยอันคงปวดน่าดู แล้วอันแรกกับอันที่ร้อย รูจะไม่เท่ากันนา ....ผมว่า
- kwan_kao likes this
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#142
Posted 31 March 2013 - 06:11
>>>>> ไทตยะ อธิศูทร <<<<<<
>>๑.อตีตัง ยังเชื้อไท- ..............ตยะภัย พิบัติพา
......เล่ห์ลี้ นรกมา......................มนุษย์ภพ ปฐพี
>>๒.เสนียด สนิทสอง...............ชินะผอง ผยองผี
.......ล้างผลาญ เซ่นมารพลี.........ผสมผสาน ทะยานยง
>>๓.อุบัติ บอกวิบัติ...................ณ นักษัตร มิประสงค์
.......อสูร สภาพพงศ์...................อธิศูทร์ ผสมพันธุ์
>>๔.ก่อเกิด กะกาฬปักษ์.............จิ้งจกทัก ทุราถรรพ์
.......รางร้าย เล่ห์โรมรัน................นครา สยามินทร์
>>๕.พระเสาร์ สถิตทับ................คำนวณนับ ทศกสิณ
.......วัดวัง ฤๅพังภินท์..................เพราะอำนาจ อุบาทว์เบียร
>>๖.ดวงเมือง ดูดวงแตก.............ดังรอยแยก อยู่กลางเศียร
.......โหรา ว่าแนบเนียน...............เป็นนัยยะ กะดวงดาว
>>๗.สงสาร สยามยั้ง...................อนิจจัง ยังเกินกล่าว
.......เงามืด มันยืดยาว..................ยากอยู่นะ จะแก้กัน....ฯะ
>>>>> พระฤๅษี<<<<<
...........๒๙//๓//๕๖.........( ยานี ๑๑ )
เรื่องกลอนเรื่องเสภานี่ ผมเรียนแค่ตามหลักสูตร ไม่ได้อ่านเพิ่มเติมเลย โดยเฉพาะศัพท์สูงๆ แบบนี้
1. ผมไม่แน่ใจว่าเป็นการทำนายดวงเมืองไหม ...รู้สึกเหมือนๆไงไม่รู้ ...ผวาครับ
2. ชอบ "เสนียด สนิทสอง...............ชินะผอง ผยองผี" นึกถึง
ชินทั้งสอง ...ทำนองนี้
Edited by IFai, 31 March 2013 - 06:13.
- ตะนิ่นตาญี and พระฤๅษี like this
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#143
Posted 31 March 2013 - 11:55
เฮ้อออ . คุณ IF ai ในเฟซฯ ผมมีเพื่อนอยู่ คนหนึ่ง เป็นโหร
บางทีคุณอาจจะเคยได้ยิน โหร กรหริศ บัวสรวง..สิงห์ดำจุฬาฯ
ก็ได้ อ. กร..ฯ นี่แหละเล่าให้ฟัง เรื่องเกี่ยวกับโหร ความจริง
ผมนะ ก็...ไม่กระดิกหู.....หรอกครับเรื่องโหรนี่ คือจำขี้ปากเขามา
เขียน.ส่วนเรื่อง ฉันทลักษณ์..บทกวี..ผมอาจจะโชคดีหน่อย ที่ได้
ท่านหลวงฯ ชี้แนะตั้งแต่เด็ก..และก็เล่าประวัติฯต่างๆ แล้วก็เอา
ตำราของ ..ท่านหลวงธรรมาภิมณฑ์..มอบให้ผม..ต่อมาก็มี ท่าน-
หลวงอีกท่านหนึ่ง ที่เป็น คุณพ่อของเพื่อน ก็ได้ขอร้องไว้ แต่ผมก็
ได้ทำเท่าที่จะทำได้...ยุคนี้ ผมมองเห็น สิ่งที่เขาต้องการ ๓ ประการ
๑.อำนาจ.๒.เงิน.๓.ชื่อเสียง....บ้างก็ได้มาอย่างถูกต้อง..แต่บ้างก็ได้
มาอย่างไม่ถูกต้อง..ผมมันหมดห่วง.หมดกังวล.หมดภาระทุกอย่างแล้ว
ฉะนั้น เวลาที่เหลือ ก็จะขอทุ่มเทให้กับการ เผยแพร่ ..ฉันทลักษณ์..
ที่ถูกต้อง ของท่านหลวง.ธรรมาภิมณฑ์...จะได้สักปีละ 1-2 คน ก็ยังดี
แค่นี้แหละ..ส่วนคำ..มคธ..สันสกฤต...ศัพท์พวกนี้ ไม่ยากหรอกครับ--
หารากมันเจอ..ก็จะง่ายมาก....อย่างเช่น คำ ( ปรัตยุบัน ) คุณอ่านก็จะ
นึก เอ..ฟัง ๆ คุ้น ๆ มันเป็นคำเดิมของ ( ปัจจุบัน ) คนเขียน ..คำฉันท์
เขาต้องการ ..ครุ-ลหุ...คำเดิมมี ( ครุ ๒คำ-ลหุ ๒ คำ) สลับกัน แต่คำ
....ปัจจุบัน....มี..ลหุ..อยู่ตรงกลางคำเดียว....เขาก็ต้อง..ขยายคำ..เอา
รากศัพท์...มาใช้...เอาพอแล้ว พูดมากอีกแล้ว...........
- ตะนิ่นตาญี, IFai and kwan_kao like this
#144
Posted 1 April 2013 - 11:31
>>> เสียงเพลง เป็นเหมือน เสียงกล่อม ตามธรรมชาติ...
..แต่ถ้ามีเสียงคนร้อง...เสียง..บริสุทธิ์..จากดนตรีจะมีสิ่ง
..เจือปน...ผู้ที่ชอบ เสียงดนตรี.เสียงนักร้อง.หรือ ชอบ-
ทั้งสองอย่าง...ต่อไปเมื่อมี..วัยอันสมควร..ก็จะดื่มด่ำ กับ
เสียงดนตรี บรรเลง...เท่านั้น............
- ตะนิ่นตาญี and kwan_kao like this
#145
Posted 2 April 2013 - 09:12
>>>>>เพลง เสี่ยงเทียนเสี่ยงรัก...เป็นเพลงหนึ่ง ในอดีต
ฟังครั้งใดก็ คิดถึง ....คืนวันนั้น.....
- ตะนิ่นตาญี and kwan_kao like this
#148
Posted 2 April 2013 - 11:08
>> วันนี้คงต้องเล่าเรื่อง ( กลอน ประเภท กลบท ) บันทึกไว้
..ให้หมด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นต่อไป ได้เรียนรู้ สิ่งที่
..ถูกต้อง.ตามหลักภาษาไทย...ที่ท่านครูกวีได้ค้นคว้า ศึกษา
..แล รอบรวมไว้..เพื่อให้ได้เรียนรู้กันต่อไป..
>> อยากขอร้อง ผู้ที่จะเรียนรู้ ( หลักภาษาไทย ) ที่ถูกต้อง
.. กับจะเอาอย่าง..คนดัง.. ก็ตามแต่ใจต้องการ สมัยนี้ เขียน
..มั่ว ๆ ก็ดังได้..เพราะผู้อ่านก็ไม่รู้เรื่อง ( ฉันทลักษณ์ ) ฉะนั้น
..แม้จะ แต่งไม่ได้...แต่แค่ได้เรียนรู้...หลัก..ที่ถูกต้องก็จะแยกได้
..ว่า....พระจริง..หรือ..พระปลอม.. ขอแค่นี้ก่อน...........
- ตะนิ่นตาญี and kwan_kao like this
#149
Posted 3 April 2013 - 15:41
>>>>> กู้...กู้...กู้ <<<<<
>>๑.กู้กู้ ก็กู้กู้.........................ก็รู้รู้ อย่าจู้จี้
......กู้กิน ฤๅยินดี.....................นั่นนี่หนี้ น่าหนักใจ
>>๒.เกาะกลุ่ม กันกู้กู้...............ดูก็รู้ ฤ บอดใบ้
.......แผ่นเอย แผ่นดินไทย.........ยังยากใย จะยืนยง
>>๓.หนี้นับ จะทับถิ่น................สยามินทร์ เป็นผุยผง
.......ทรัพย์สิน จะสิ้นลง..............จะทุกข์ทั่ว ทุกครัวเรือน
>>๔.อเนจ อนาถนัก.................ทรลักษณ์ สถุลเถื่อน
.......เล่ห์ฤท-ธิ บิดเบือน..............บงการกู้ ดูก่ายกอง
>>๕.แกกู้ ให้กูแก้.....................กูก็แย่ แลหม่นหมอง
.......แกสุข แกสมปอง................แกเอาร้าย มาป้ายเรา
>>๖.สงสาร ลูกหลานเหลน........โอ้.กรรมเวร เป็นหนี้เขา
.......โกงกิน กอบโกยเอา............เมามืดมัว ทั่วแผ่นดิน...ฯะ
>>>>>>>> พระฤๅษี <<<<<<<<<
..................๓//๔//๕๖....( ยานี ๑๑ )
#150
Posted 8 April 2013 - 15:05
จาก...หนังสือ จินดามณี...ก็มาถึง หนังสือชื่อ (กลบท ศิริวิบุลกิตติ)
ของหลวง ศรีปรีชา ( เซ่ง) ว่าเป็นหนังสือกลอน..ยุคปลายอยุธยา..
(หมายเหตุ) จะไม่นำมากล่าวนะ เพราะว่า เห็นใน ( วิกิพีเดีย) พิมพ์
ชื่อหนังสือลงไป ก็จะพบ และศึกษาเรียนรู้ไปตามนั้น. สงสัยก็ มา
เขียนคำถามไว้ที่นี่ได้....หาผู้ที่สนใจ จริงจัง ยาก...อาจจะเป็นที่....
>>> ฉันทลักษณ์..ของเรามีกฏเกณฑ์หยุมหยิมมากมาย ยากต่อการ
จดจำ..จึงทำให้ผู้อยากเรียนรู้..ถ้าไม่อดทนจริงจัง จะท้อมาก..
>> ร้อยกรอง ลองกล่าว เรื่องราวก่อน.
.....คำวอน ค่อนว่า ภาษาศิลป์
.....ร้องรับ ขับเพียง ดังเสียงพิณ
.....ยลยินดิ์ ยากนัก ที่จักลืม.......ฯลฯ
>>>>>>>>>>>> พระฤๅษี <<<<<<<<<<<<
...........................๘/๔/๕๖...............( กลอน ๗ )
1 user(s) are reading this topic
0 members, 1 guests, 0 anonymous users