ตามข้อมูลที่มีอยู่น่ะค่ะ...ผิดถูกอย่างไร ขออภัยด้วยค่ะ
ผู้ที่ซื้อรถในโครงการรถคันแรก....
ต้องครอบครองรถเป็นระยะเวลา 1 ปีจึงจะได้รับเงินคืนภาษีจากสรรพสามิต
โดยการโอนเข้าบัญชีเงินฝากตามที่ได้แจ้งไว้ก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2555
จำนวน 10% ของมูลค่ารถที่เข้าโครงการ แต่ไม่เกิน 100,000.- บาท
และห้ามซื้อ-ขาย โอนเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ภายในระยะ 5 ปี
ในกรณีที่ไม่สามารถผ่อนชำระค่างวด หรือ โอนเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ (ซื้อ-ขาย)
ก่อน 5 ปี
- ก่อนได้รับเงินคืนภาษี ก็เหมือนกับกรณีการซื้อ-ขาย รถยนต์ทั่ว ๆ ไป
จะขายเต้นท์ ปล่อยยึด แล้วแต่เจ้าของรถจะพิจารณา ดอกเบี้ย เงินเพิ่ม
ก็ตามสัญญาที่ลงนามกันไว้..
- หลังได้รับเงินคืนภาษี กรณีโดนยึด ลิสซิ่ง จะดำเนินตามระเบียบของ
แต่ละบริษัท ใครต้องจ่ายเงินมากหรือน้อย ก็แล้วแต่สัญญาที่ลงนามไว้
เจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม ซึ่งได้รับคืนภาษีไปแล้ว ต้องนำเงินที่ได้รับส่งคืน
ให้สรรพสามิต พร้อมดอกเบี้ย...นับจากวันที่ได้รับ ถึงวันที่โอนกรรมสิทธิ์
- กรณีขายเอง ก็เหมือนการซื้อ-ขายรถยนต์ธรรมดา ขาดทุนหรือกำไร
ก็ขึ้นอยู่กับว่า จะเจรจาต่อรองเก่งหรือไม่ แต่ เจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม
ที่ได้รับเงินภาษีสรรพสามิตไปแล้ว ต้องนำเงินภาษีที่ได้รับส่งคืนให้
สรรพสามิตพร้อมดอกเบี้ยจากวันที่ได้รับเงินคืนภาษีถึงวันโอนกรรมสิทธิ์
- ถ้าไม่ต้องการ ส่งคืนเงินที่ได้รับมาแล้ว ก็ต้องโอนลอย หรือ ขายรถ
ทั้ง ๆ ที่ยังมีชื่อตัวเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หากมีการนำรถคันดังกล่าว
ไปกระทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือ ที่กฎหมายห้าม ก็ต้องรับผิดชอบ
ในฐานะที่เป็นเจ้าของรถ จนกว่าจะครบ 5 ปี..
เลือกความเสี่ยงตามใจชอบเลยค่ะ
- และถ้าคิดว่าจะสามารถเลี่ยงการนำส่งเงินภาษีคืนได้หล่ะก็..
เห็นจะยากค่ะ...เพราะสรรพสามิต ออนไลน์กับกองทะเบียน เมื่อไหร่มู
ที่มีการโอนรถในโครงการ ที่กองทะเบียน สรรพสามิตก็จะทราบ
และที่สำคัญ สรรพสามิตมีข้อมูลส่วนบุคคลครบถ้วน...ต่อจากนั้น...
คงไม่ต้องอธิบาย...น่าจะพอเดาออกน่ะค่ะ..
- กรณีซื้อเงินสด...การคืนเงินภาษี เข้าหลักการเดียวกัน คือ
ต้องครอบครองรถ 1 ปี ห้ามโอนเปลี่ยนกรรมสิทธิภายใน 5 ปี
ถ้าต้องการโอนเปลี่ยนแปลง ก็ต้องคืนเงินภาษีเช่นเดียวกัน
เพิ่มเติม...(แบบขำ ขำ)
นโยบายต่อเนื่องของโครงการนี้...สำหรับหาเสียงครั้งต่อไป
- นโยบายยกเว้นหนี้ให้ผู้ซื้อรถตามโครงการ....
- นโยบายพักชำระหนี้ให้กับผู้ซื้อรถตามโครงการ...
Edited by bird, 12 February 2013 - 13:10.