รวมสุดยอดผู้นำทั่วโลก 3 รส 3 ด้าน
ด้านดี ด้านเลว และ ด้านแย่ไทยติดลำดับด้วย
โดยนักประวัติศาสตร์ทั่วโลกระบุไว้
นักประวัติศาสตร์ได้จัดอันดับผู้นำประเทศที่ดีที่สุด
และ ผู้นำที่เลวที่สุด และ ผู้นำที่แย่ที่สุด
บรรดานักประวัติศาสตร์ได้ประชุมจัดลำดับผู้นำนานาประเทศ ที่สหประชาชาติ
และผู้นำไทยติด ในลำดับนั้นด้วย เปิดเผยโดยนิตยสาร “ฟอรีน โพลิซี”
(Foreign Policy) เจ้าของเดียวกับหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์
ที่ได้เคยตีพิมพ์บทความที่ชื่อว่า Bad Exes หรือ “อดีตผู้นำที่เลว”
โดยผู้เขียนที่ชื่อ Joshua E.Keating ได้เปิดเผยไว้ ดังนี้ เป็น 3
กลุ่มคือ 1.ผู้นำที่ดีที่สุด 2.ผู้นำที่เลวที่สุด 3.
ผู้นำที่แย่ที่สุด ดังนี้คือ
กลุ่มผู้นำที่ดีที่สุด ได้แก่
1.อดิตประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น ผู้นำคนที่ 16 แห่งสหรัฐฯ
อับราฮัม ลินคอล์น เกิดวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.
1809 ได้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 4 มีนาคม 1861 – 14 เมษายน 1865
ระเหว่างที่ดำรงตำแหน่งนั้น เขาต้องเจอสงครามกลางเมือง
อันเนื่องมาจากเขาต้องการเลิกทาส
จึงทำให้รัฐเซาท์คาโรไลน่าได้แยกตัวออกจากสหภาพก่อนรัฐอื่นในปี 1860
ซึ่งมีผลให้การ
ประนีประนอมไม่บังเกิดผล ทำให้มีรัฐทางใต้อีก 6 รัฐปฏิบัติตามและได้ก่อตั้ง
รวมตัวเป็นรัฐแห่งชาติ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดก่อนการเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดี
ของลินคอร์นในวันที่ 4 มีนาคม 1861 ในการปราศรัยเข้ารับตำแหน่ง เขาได้กล่าว
อ้อนวอนให้มีการรวมกลุ่มเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และยังย้ำว่าสหภาพไม่สามารถ
จะแยกตัวออกไปได้ เขาหวังว่าจะมีทางออกที่สันติสุข แต่ก็พร้อมจะเสี่ยงที่จะมี
สงครามมากกว่าจะเห็นประเทศชาติแตกเป็นเสี่ยง และในที่สุดก็เกิดสงคราม
ระหว่างรัฐทางใต้และรัฐทางเหนือจริงๆ และสงครามนี้ได้สิ้นสุดลงเมื่อลินคอร์น
ถูกลอบสังหาร ขณะไปดูละครที่โรงละครฟอร์ดในวอชิงตัน เขาถูกยิงโดยจอห์น
วิลค์ส บูธ นักแสดงที่สนับสนุนรัฐทางใต้ ในระหว่างทางการขนศพท่าน
ประธานาธิบดีกลับไปฝังยังบ้านที่สปริงฟิลด์ อิลลินอยส์ได้มีฝูงชนมาคร่ำครวญ
และเสียใจต่อการจากไปของท่านตลอดระยะทาง โศกนาฏกรรมได้จบลงพร้อม
กับชัยชนะของคนคนหนึ่ง สิ่งที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังก็คือการรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวของชาติและอิสระชน
สงครามกลางเมืองครั้งนี้ ส่งผลให้ มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 600.000 คน บาดเจ็บ 200.000 คน มูลค่าความเสียหาย จำนวนมาก
และยังเป็นเจ้าของคำพูดด้วยว่า รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
2.อดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี ผู้นำคนที่ 35
จอห์น เอฟ. เคนเนดี เกิดวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.
2460 ดำรงตำแหน่ง 20 มกราคม พ.ศ. 2504 – 22 พฤศจิกายนพ.ศ. 2506
เขาต้องเจอปัญหาที่ไม่ธรรมดา แต่เขาก็สามารถยุติวิกฤตการณ์ต่าง ๆ
ทางการเมืองด้วยการยื่นคำขาดให้สหภาพโซเวียตถอนฐานยิงขีปนาวุธในประเทศคิวบา
ความสำเร็จ หากเขาทำไม่สำเร็จโลกอาจต้องเจอ สงครามโลกครั้งที่ 3
ก็เป็นได้ แต่เขาสามารถช่วยโลกไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
หลังจากความสำเร็จครั้งนี้ เขาต้องพบจุดจบด้วยการถูกลอบสังหารเมื่อวันที่
22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963ด้วยวัย 46 ปี และเขาเป็นประธานาธิบดี
อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์และคนเดียว
3.อดีตประธานาธิบดี แฮร์รี เอส. ทรูแมน ผู้นำคนที่ 33 แห่งสหรัฐฯ
แฮร์รี เอส. ทรูแมน เกิดวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.
2427 ดำรงตำแหน่ง 12 เมษายน พ.ศ. 2488 – 20 มกราคมพ.ศ. 2496
สิ่งที่เขาทำ
ในช่วงการดำรงตำแหน่งของทรูแมนเต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญมากมาย
เขารับตำแหน่งในขณะที่สหรัฐและพันธมิตรเริ่มได้เปรียบในสงครามโลกครั้งที่
สอง เขาเป็นคนอนุมัติให้ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ประเทศญี่ปุ่น
เริ่มแผนมาร์แชลล์ในการฟื้นฟูทวีปยุโรป ช่วงเริ่มแรกของสงครามเย็น
การก่อตั้งสหประชาชาติ และสงครามเกาหลีและนำประเทศไปสู่ความเป็นมหาอำนาจ
4.อดีตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำคนที่ 27 แห่งประเทศไทย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกิดวันที่ 9 สิงหาคม
2507 ดำรงตำแหน่ง 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554
สิ่งที่เขาต้องเจออย่างที่ทั่วโลกเจอคือเกิดวิกฤติทางการเงินในประเทศสหรัฐ
อเมริกาที่มาจากปัญหาซับไพร์ม
หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่า"แฮมเบอร์เกอร์ไครซีส" เล่นงานไปทั่วโลก
ตลอดเวลาที่บริหารประเทศ
พบกับความยากลำบากในปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีผลกระทบเป็นวงกว้าง
สิ่งที่เห็นชัดเจนคือโรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอีเล็คโทรนิกส์
รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่นๆต้องปลดแรงงาน
จนคนงานประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ที่พึงได้วุ่นวายกันไปหมด
ปัญหาคนตกงานร่วมล้านคน
ปัญหาการเมืองค้างท่อเมื่อพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลก็มีการระดมมวลชน
ประท้วงตั้งแต่วันแรกที่แถลงนโยบาย โดยการนำของแกนนำจากสส.พรรคเพื่อไทย
และทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงถึงสองครั้งในเดือนเมษายน 2552
และเหตุการณ์ที่ยังอยู่ในความทรงจำของพวกเราได้ดีคือการชุมนุมที่ราชประสงค์
ในปี2553 ลงเอยด้วยการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ที่เราเรียกว่าเหตุการณ์
"เผาบ้านเผาเมือง"
การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหนาสาหัสที่เซียนเศรษฐกิจต่างกังวลและฟันธงว่า
ผ่านยาก แต่ก็ผ่านมาด้วยความสามารถ ปัญหาคนตกงานน้อยที่สุดในโลก
ฟันเฟืองเศรษฐกิจหมุนไปและส่งแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจจากลบเป็นบวก
จนได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นผู้นำและระบบคิดของคนที่เป็นรัฐบุรุษ
แต่สิ่งที่เป็นตัวฉุดประเทศไม่ให้เดินหน้าได้ดั่งใจกับเป็นปัญหาทางการเมือง
ที่เป็นตัวฉุดรั้ง
การสร้างความแตกแยกทางด้านชนชั้นและการแบ่งเขาแบ่งเราทำให้นายกฯอภิสิทธิ์
ไม่สามารถทำอะไรได้ดังใจ
แม้แต่การไปเยี่ยมประชาชนในต่างจังหวัดก็มีม็อบจัดตั้งไปป่วนไล่
เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง จึงจำต้องทำงานในส่วนกลาง
ตลอดสองปีเศษที่บริหารท่านคงได้เห็นความยากลำบากดังกล่าว
แต่ก็เห็นในความพยายามในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม
ช่วยแก้ความยากจนให้ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ผู้ด้อยโอกาส
ดูได้จากนโยบายที่ลดค่าใช้จ่ายให้คนจนเข้าถึงการศึกษาได้ง่ายขึ้นในโครงการ
เรียนฟรี15ปี ประกันราคาข้าว
ส่งเสริมพืชผลทางการเกษตรทำพลังงานทดแทนเพื่อผลิตเอทานอลไปผสมเป็นน้ำมัน
แก๊สโซฮอลล์ทั้งเป็นการสร้างรายได้ให้เกษตรกรที่ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง
ปาล์มน้ำมัน ได้ลืมตาอ้าปาก แล้วยังเป็นการลดการขาดดุลเงินตราต่างประเทศ
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ บ้านหลังแรกเพื่อผู้มีรายได้น้อย
และอีกหลายนโยบาย แต่ละนโยบายล้วนตอบสนองคนชั้นล่าง
แม้แต่นโยบายช่วยเหลือเมื่อฝนแล้งนาล่ม
เห็นเกษตรกรเดินผ่านหน้าบ้านไปรับเงินที่ธนาคารธกส.ต่างยื้มแย้มเมื่อได้
เงินชดเชย เมื่อทำแต่งานแก้แต่ปัญหาของชาติ
แต่ไม่สามารถชนะใจประชาชนโดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน
จากยุทธวิธีในการสร้างความเกลียดชังในใจที่ฝ่ายหนึ่งยัดเยียดให้เป็นผู้ร้าย
ในสายตารากหญ้า จากการกล่าวหาพูดต่อๆกันโดยไม่มีหลักฐานแต่คนเชื่อ
สุดท้ายพ่ายการเลือกตั้งที่ผ่านมาทั้งๆที่นโยบายต่างๆล้วนเข้าถึงคนชั้นล่าง
ที่เรียกกันว่ารากหญ้าและเป็นนโยบายที่จับต้องได้
ผลพวงที่ทำให้แพ้ก็มาจากเสียงที่ไม่สนับสนุนของคนกลุ่มนี้
และอภิสิทธิ์เป็นนายกฯที่ถูกลืมทั้งที่เขาเอง
สามารถทำให้ประเทศมีคนตกงานน้อยที่สุดในโลกก็ตามได้ แต่ทำไมประชาชนชาวไทย
ถึงได้ตอบแทน ครอบครัว อภิสิทธิ์ ด้วยการให้ ความเจ็บปวด
แก่ครอบครัว แต่อย่างไรก็ดี ทั่วโลกได้เห็นความสามารถของเขาแล้ว
และเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ
คนมีความรู้ความสามารถซื่อสัตย์สะอาดอย่างเขาเป็นที่
ต้องการของนานาประเทศ รับสมัครทำงานให้องค์กรของโลก
เพื่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติก็ได้กุศลเหมือนกัน
อยู่ต้องอยู่ในที่ๆคนต้องการถึงจะมีค่า
กลุ่มผู้นำที่เลวที่สุด
1.อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำคนที่ 23 แห่งประเทศไทย
นับตั้งแต่ถูกออกจากตำแหน่งในการรัฐประหาร เมื่อปี
2006
ท่ามกลางคำกล่าวหาเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบและการละเมิดสิทธิ
มนุษยชน ทักษิณใช้ชีวิตอยู่ด้วยการเดินทางไปมา
อดีตนักธุรกิจมหาเศรษฐีพันล้านได้ทำหน้าที่เป็น "ทูตพิเศษ "
ให้กับนิคารากัว และที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของกัมพูชา
และเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ
มีรายงานว่า
ทักษิณอาศัยอยู่ในเยอรมนีโดยใช้ชื่อปลอมเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี
และใช้หนังสือเดินทางที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายจากประเทศต่างๆ ขณะนี้ทักษิณ
อาศัยอยู่ที่ดูไบ
ในปีนี้ ผู้สนับสนุนทักษิณ
ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “เสื้อแดง” ได้ครอบครองพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ และ
บุกตึกสถานที่ราชการทั่วประเทศ เพื่อพยายามบังคับรัฐบาลให้ลงจากตำแหน่ง
ประมาณ 90 คน
ถูกฆ่าเสียชีวิตในการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงที่มักจะติดอาวุธและ
ตำรวจ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงหยุดยิง ศาลไทยได้พิจารณาข้อหาทักษิณ
กรณีบทบาทของเขาในการปลุกระดมการประท้วง โดยทักษิณ
ไม่ได้มาปรากฏตัวต่อศาลเพื่อต่อสู้คดี
แม้ว่าทักษิณจะให้เสียงสนับสนุนเสื้อแดง --
เขาเคยโทรศัพท์ เข้ามายังที่ชุมนุมประท้วงครั้งหนึ่ง และสัญญาที่จะ
"ทำให้คนไทยทุกคนรวย"
ถ้าผู้สนับสนุนของเขาสามารถได้รับอำนาจทางการเมืองกลับคืนมา --
แต่เขาปฏิเสธว่า ไม่ได้ให้เงินสนับสนุนความพยายามของกลุ่มผู้ชุมนุม
ทักษิณยังถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทุจริตเพิ่มเติมตั้งแต่ได้หลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม เขายังคงยืนยันว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นมีแรงจูงใจทางการเมือง
ตั้งแต่เสื้อแดงพ่ายแพ้
ทักษิณได้ลดการปรากฏตัวตามสื่อต่างๆ และลดกิจกรรมทางการเมือง
เมื่อเดือนสิงหาคม ทักษิณได้ยอมสละตำแหน่งในรัฐบาลกัมพูชา
ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศลง
2. JOSEPH ESTRADA ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ปี 1998-2001
แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความวุ่นวายทางกฎหมายครั้ง
ใหม่
และเดือนแห่งสิ่งท้าทายในประเด็นที่ว่าเขามีความสิทธิที่จะลงสมัครรับเลือก
ตั้งเป็นประธานาธิบดีหรือไม่ เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้ว
Estrada ชนะคดีในที่สุด แต่ก็พ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับ Benigno “Noynoy”
Aquino ลูกชายอดีตประธานาธิบดี Corazon Aquino
3. OBASANJO OLESEGUN ประธานาธิบดีไนจีเรีย ปี 1999-2007
การถูกโจมตีจากการเปิดเผยใหม่ๆ
เรื่องคอร์รัปชันในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ซึ่งรวมถึงสินบนนับร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ จากบริษัท Halliburton ของสหรัฐฯ
แล้ว Obasanjo ยังกลายเป็นผู้พัวพันในเรื่องอื้อฉาวส่วนตัวที่ยุ่งเหยิง
เมื่อลูกชายของเขาได้ฟ้องศาลว่า Obasanjo
มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับลูกสะใภ้ของตนเอง
4.นาย JOSE MARIA AZNAR นายกรัฐมนตรีสเปน ปี 1996-2004
ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งชาวสเปนไม่ลงคะแนนเลือก Aznar
ภายหลังจากที่รัฐบาลของเขาพยายามที่จะโทษ ETA
ซึ่งเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาว Basque
กรณีการระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริดเมื่อปี 2004
ในขณะที่ความจริงเป็นการกระทำของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่หวังจะลงโทษสเปน
สำหรับการสนับสนุนสงครามอิรัก ตั้งแต่นั้นมา Aznar
ซึ่งปัจจุบันบริหารสถาบันวิชาการและเป็นคณะกรรมการบริษัท News Corp ของ
Rupert Murdoch
ได้สร้างความแตกต่างให้กับตนเองโดยการใช้คำพูดแบบสุดโต่งของเขา
5. GERHARD SCHRODER นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ปี 1998-2005
ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี Schroder
สนับสนุนรัสเซียมาโดยตลอด โดยปฏิเสธการวิพากษ์วิจารณ์สิทธิมนุษยชนในรัสเซีย
และกล่าวถึง Vladimir Putin
ประธานาธิบดีรัสเซียในขณะนั้นว่าเป็นนักประชาธิปไตยที่ไม่มีที่ติ
แต่สาธารณชนเยอรมันยังคงตกใจกับการกระทำสุดท้ายของเขา
กลุ่มที่ผู้นำที่แย่ที่สุด
1.นายกรัฐมนตรี (หญิง) นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้นำคนที่ 28 แห่งประเทศไทย
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดวันที่ 21 มิถุนายน
พ.ศ. 2510 ยังอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หญิงคนแรกของประเทศไทย
ซึ่งมาดำรงตำแหน่งนายฯ ต่อจาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังจากนั้น
ในวันดังกล่าวยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ยิ่งลักษณ์ยังถูกกล่าวหาว่าได้ช่วย
พันตำรวจโททักษิณชินวัตรปกปิดทรัพย์สิน โดยยิ่งลักษณ์ได้รับหุ้นของชินคอร์ป
0.68% จาก ทั้งหมด 46.87% ที่พันตำรวจโททักษิณและภริยาของเขาถือใน พ.ศ.
2542
และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐได้ระบุว่ายิ่ง
ลักษณ์ได้ทำธุรกรรมเท็จ โดยยิ่งลักษณ์กล่าวว่า
"ครอบครัวของเธอได้เป็นเหยื่อทางการเมือง"
นโยบายที่เธอกล่าวไว้ เธอยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ เลย เช่น เงินเดือน 15.000 บาท ค่าแรงขั้นต่า วันละ300 บาท ฯลฯ
และที่เลวร้ายไปกว่านี้ เธอได้บริหารผิดพลาดร้ายแรง
จนมีผู้เสียชีวิต เกือบ 700 คน และมีจระเข้จำนวนอีก 3.000 ตัว
ที่ยังอยู่ใน กรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด จากการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และ
กองทัพได้ให้เธอ สอบตกในการบริหารของเธอ ทั้งสิ้น 12 ข้อ และ
ประเทศไทย โชคร้ายที่ได้ กลุ่มคนจำนวน 15 ล้านคน ที่ไร้การศึกษา
ไร้คุณภาพ มาเลือก ผู้นำที่ไม่ได้คุณภาพมาบริหาร และไม่ใช่แค่นั้น เธอ
ยังพูดไม่ชัด พูดภาษาต่างประเทศก็ไม่แข็ง พูดผิดๆถูก
ใช้ภาษาไทยผิดอยู่หลายครั้ง และที่หนักไปกว่านั้น คือ มีข่าวลือว่า
เธอป่วยทางจิตอยู่ด้วย
2.ประธานาธิบดี (หญิง) อากาธี อูวิลิงกิยิมานา แห่งประเทศรวันดา
ชื่อของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นถึงอดีตประธานาธิบดีของประเทศที่ได้ชื่อว่าแตกแยกมากที่สุดประเทศหนึ่ง และประเทศนั้นก็คือ "รวันดา"
เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2537
ความขัดแย้งระหว่างชาวฮูตูกับทุตซีปะทะรุนแรง
เครื่องบินโดยสารประธานาธิบดีฮาบาริมานาถูกยิงโดยจรวดของชาวทุตซี
จนประธานาธิบดีถึงแก่กรรม
เพื่อรักษาให้สถานการณ์อยู่ในความสงบ
นางอูวิลิงกิยิมานาจึงก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีชั่วคราวแทน
โดยเธอได้รับความคุ้มกันอย่างดีจากกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ
และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดี
แต่เธอก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหักหลังด้วยการปลดอาวุธกองกำลัง
รักษาสันติภาพของสหประชาชาติจนหมด
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น
นางอูวิลิงกิยิมานาพร้อมครอบครัวจึงขอลี้ภัยอยู่ในค่ายอาสาสมัครสหประชา
ชาติกรุงคิกาลี จากนั้นไม่นาน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีก็เข้ามาในค่าย
เพื่อค้นหาตัวเธอ ด้วยความกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกๆ
นางอูวิลิงกิยิมานาและสามีจึงปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความ
ปลอดภัยของประธานาธิบดี จนถูกยิงเสียชีวิตในเช้าของวันที่ 7 เมษายน 2537
นั่นเอง
ที่เลวร้ายที่สุดเธอเป็นผู้นำที่ ปล่อยให้ประชาชนฆ่ากันตายถึง 800.000-1.700.000 คน เฉพาะผู้หญิงคนเดียว
3. อดีตประธานาธิบดี เจมส์ บูคานัน ผู้นำคนที่ 15 แห่งสหรัฐฯ
สถานการณ์ทางด้านการเมืองก็แย่ลงทุกที
หลังจากดำรงตำแหน่งได้ 2 วัน ศาลสูงสุดก็เสนอเรื่อง นิโกร เดรด สก๊อต
ให้เขาพิจารณา บุคคานันมีความคิดว่าการค้าทาศนั้นไม่ใช่เรื่องถูกต้องและ
เขาก็หวังว่า นิโกร เดรด สก๊อต จะทำให้สถานการณ์สงบลงได้ แต่อเมริกาเหนือ
ก็ปฏิเสธผลการพิจารณาของศาลสูงสุด ดังนั้นชาวอเมริกาฝ่ายเหนือและฝ่าย
ใต้จึงเหมือนกับถูกแยกให้ห่างกันออกไปทุกที
4. อดีตประธานาธิบดี แอนดรูว์ จอห์นสัน ผู้นำคนที่ 17 แห่งสหรัฐฯ
แอนดรูว์ จอห์นสัน เกิดวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2351
เมื่อประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ถูกลอบสังหาร
สงครามกลางเมืองกำลังจะสิ้นสุดลง เขาถูกเรียกตัวอย่างกะทันหัน
โดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเพื่อมารับตำแหน่งประธานาธิบดี
เพื่อมาจัดการปัญหาที่สลับซับซ้อนมากที่สุด
ปัญหานี้คือจะจัดการกับฝ่ายใต้ซึ่งเป็นฝ่ายปราชัยอย่างไร
และจะรวมประเทศซึ่งแบ่งแยกกันด้วยสงครามเป็นเวลาถึง 4 ปี อย่างไร
จอห์นสันพยายามอย่างหนักที่จะปฏิบัติภารกิจนี้ให้ลุล่วง
แต่เขาไม่สามารถจะลดความขมขื่นระหว่างฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้
และนำกิจการของประเทศกลับสู่ภาวะปกติ
เขาเป็นชายผู้กล้าหาญและมีความตั้งใจดี
แต่เขาไม่ทราบวิธีจะรับคำแนะนำหรือทำงานร่วมกับผู้อื่น
และเขาไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นประธานาธิบดี
ที่มา http://talk.mthai.com/topic/326861
Edited by Andiond Thunder, 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 00:12.