30 เม.ย.56 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการกล่าวปาฐกถาในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่เมืองอูลันบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย โดยมีเนื้อหาตำหนิรัฐธรรมนูญของไทยปี 2550 และมีกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยในไทย พร้อมกล่าวหาองค์กรอิสระไม่เป็นกลาง รวมทั้งเรียกร้องให้นานาชาติช่วยกันกดดันเพื่อให้เกิดกระบวนการประชาธิปไตย ในประเทศไทยให้คงอยู่ ว่า ต้องเรียนว่าเวทีที่ตนไปพูด เป็นเวทีประชาคมเพื่อประชาธิปไตย และเรียนไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะเราอยากเห็นประเทศของเราเดินไปข้างหน้า ถ้ากระบวนการของเราเป็นประชาธิปไตยในทุกส่วนงานและทุก ๆ ด้าน ก็จะทำให้มีความมั่นใจโดยเฉพาะนักลงทุนก็จะสบายใจ และประชาชน จะมีโอกาส มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน นั่นคือเจตนา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งคำถามจากสังคมว่าเมื่อผู้นำไปเยือนต่างประเทศก็จะพูดแต่สิ่งดีๆ ของประเทศ แต่เหตุใดจึงนำเรื่องเหล่านี้ไปพูดเพราะไม่เป็นผลดีของประเทศ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องแยกส่วนกัน เพราะการไปเยือนเราต้องพูดอยู่แล้ว แต่นี่เป็นเวทีประชาธิปไตยโดยตรงก็ต้องถกแถลงกัน ในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อศึกษาต่าง ๆ แต่เจตนาทั้งหมดของทุกประเทศคือ การช่วยกันในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้แข็งแรง นี่คือสิ่งที่เราได้พูดกัน และสิ่งที่ตนได้ไปพูดเพื่อบอกว่าประเทศไทยมีความจริงใจ ที่จะช่วยกันและร่วมมือกันเพื่อให้เดินไปในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแนวทางของหลายประเทศ ซึ่งมีสมาชิกอยู่จำนวนมากในแนวทางนี้อยู่แล้ว โดยเราไม่ได้บอกในเวทีอื่นเพราะนี่เป็นเวทีของประชาธิปไตย
เมื่อถามว่า คาดหวังอะไรกับสิ่งที่สะท้อนออกไปในเวทีโลก นายกฯ กล่าวว่า ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นในกรณีนี้ไม่ว่ากับใครทั้ง สิ้น นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจ และเราเองก็ช่วยกัน เพราะการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เป็นสิ่งที่จะได้เรียนรู้และช่วยกันปรับมันก็เหมือนการเดินทางไปในเป้าหมาย เดียวกัน แต่แน่นอนการเดินทางอาจจะมีเดินทางถูกทางผิดต่าง ๆ ก็ต้องช่วยกันในทุกส่วนงาน ก็ขอให้เดินทางไปในเป้าหมายที่เป็นประชาธิปไตยซึ่งเป็นอำนาจที่แท้จริงของ ประชาชน
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายห่วงว่านายกฯจะเปิดบาดแผลของประเทศด้วยตัวเอง นายกฯ กล่าวว่า ต้องไปฟังดีๆ อันนี้เป็นเรื่องอุทาหรณ์มากกว่าและเป็นเวทีประชาธิปไตย โดยไม่ได้พูดเรื่องอื่นอย่างใด ก็เป็นเฉพาะเวทีนี้ที่จะพูดกัน ก็ต้องไปลองฟังเพราะประเทศอื่นก็พูดลักษณะนี้เช่นกัน
ต่อข้อถามที่ว่า การพูดของนายกฯ ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการฟอกความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายกฯ กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่หรอกค่ะ ดิฉันเองก็ยกเป็นอุทาหรณ์ และเราก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ นี่คือเจตนารมณ์ค่ะ ก็อยากให้มองการพูดทั้งหมดเป็นภาพรวม อย่าไปมองเป็นจุดต่อจุดเลย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีเวทีลักษณะนี้ในประเทศไทยนายกฯ ยืนยันจะพูดแบบเดิมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูที่เหตุการณ์ ดูที่จังหวะเวลาและความเหมาะสม เพราะบางทีก็มีหลายอย่างที่เราดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องของอุทาหรณ์ ซึ่งก็แล้วแต่เรื่อง เรียนว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะพูดเพราะเราเองก็สนับสนุนและเป็นหนึ่งในนโยบาย ของรัฐบาลที่อยากเห็นกระบวนการต่าง ๆ เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
เมื่อถามว่า ห่วงว่าบรรยากาศทางการเมืองจะร้อนขึ้นอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องอยู่ที่เนื้อหา เราไม่ได้พูดให้ทะเลาะกัน เราพูดในแง่ของประสบการณ์มากกว่า ไม่ได้พูดกล่าวหาเป็นบุคคล หรืออะไรต่าง ๆ ขออนุญาตว่ากรณีศึกษา และข้อมูลต่าง ๆ ก็ต่างกัน ตนเดินทางไปหลายประเทศก็ร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นอยู่แล้ว ประชาธิปไตยก็เป็นส่วนหนึ่งที่นานาประเทศมอง ในเรื่องของการให้ความเชื่อมั่นก็สังเกตว่าในช่วงที่ไม่ได้มีการเลือกตั้ง ในช่วงของการปฏิวัติรัฐประหาร ก็จะมีหลายประเทศที่อาจจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับประเทศไทยมากนัก นี่คือในสิ่งที่เขามองและความมั่นใจของต่างประเทศด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกฯพยายามเลี่ยงจะตอบคำถามโดยกล่าวว่า มีคำถามอื่นอีกหรือไม่
ที่มา:http://www.komchadlu...ml#.UYCZnUqNq8e