Jump to content


Photo
- - - - -

มหา'ลัย มหาหลอก? เมื่อป.ตรีเตะฝุ่นทะลุแสน!


  • Please log in to reply
117 ความเห็นในกระทู้นี้

#51 CanisLupus

CanisLupus

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 770 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 20:59

คนเขาคุยกันอยู่ดีๆ ไอ้ลีหมาป่า เ สื อ ก เข้ามาขี้เรี่ยราดอีกแล้ว

 

 

Sorrow 

เขากำลังคุยเรื่องเด็กควรเรียนภาษาอังกฤษจนใช้การได้ก่อนเข้ามหาลัย

ผมก็เข้ามาโพสแสดงความเห็นให้เห็นว่าตราบใดที่เรายังมีโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูยังไม่ครบชั้นเลย อย่าว่าแต่ครบทุกวิชาเลย การตั้งเป้าแบบนั้นมันเป็นเพียงความฝันครับ

 

จู่ๆ Bookmarks ก็เข้ามาด่านายกยิ่งลักษณ์

 

คุณคิดว่าใครที่เป็นคนเข้ามาขี้เยี่ยวเรี่ยราดกันแน่ครับ?  :D



#52 CanisLupus

CanisLupus

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 770 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 21:00

 

ผึ้งเอ๊ย 

หากคุณเรียนหนองกระโทก นักเรียน 18 ครู 2 คนตั้งแต่เด็กๆ นะ

ตอนคุณอายุ 16 หน่ะ คุณอ่าน A ถีง Z ได้แล้วยังยังไม่รู้เลย

 

ยังไปด่าโรงเรียนเก่าที่เขาสอนคุณมาอีก

 

บอกมาซิว่าประโยคไหนที่ผมด่ารร.

 

 

 

"เนื่องจากการเรียนการสอนภาษาอังกฤษล้าหลังมาก "

 

ผมถามว่า หากคุณเรียนหนองกระโทก คุณคิดว่าตอน 16 คุณจะมีความรู้มากพอที่จะอ่านหนังสืออังกฤษออกเหมือนที่คุณมีความรู้จากโรงเรียนที่คุณว่า "การเรียนการสอนภาษาอังกฤษล้าหลังมาก" หรือเปล่า?

 

 

ผึ้ง

คุณอย่าลืมมาตอบคำถามนี้นะ



#53 sorrow

sorrow

    REFORM BEFORE ELECTION

  • Members
  • PipPipPip
  • 717 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 21:02

คนเขาคุยกันอยู่ดีๆ ไอ้ลีหมาป่า เ สื อ ก เข้ามาขี้เรี่ยราดอีกแล้ว

 

 

Sorrow 

เขากำลังคุยเรื่องเด็กควรเรียนภาษาอังกฤษจนใช้การได้ก่อนเข้ามหาลัย

ผมก็เข้ามาโพสแสดงความเห็นให้เห็นว่าตราบใดที่เรายังมีโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูยังไม่ครบชั้นเลย อย่าว่าแต่ครบทุกวิชาเลย การตั้งเป้าแบบนั้นมันเป็นเพียงความฝันครับ

 

จู่ๆ Bookmarks ก็เข้ามาด่านายกยิ่งลักษณ์

 

คุณคิดว่าใครที่เป็นคนเข้ามาขี้เยี่ยวเรี่ยราดกันแน่ครับ?  :D

 

ผมหมายความตามที่ผมเขียน


ร่วมกันทำลายล้างระบอบทักษิณ-เผด็จการชินวัตรให้หมดไปจากแผ่นดินไทย

 

โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่      เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ      ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย


#54 วันศุกร์

วันศุกร์

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 518 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 21:04

เข้ามาตอบ ลี เพิ่ม

 

 

ถูกครับ ดังนั้นเราจึงควรบังคับโรงเรียนที่มีครู 2 คน นักเรียน 20 คน ให้สอนนักเรียนให้ใช้ภาษาอังกฤษให้ได้

ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีอะไรก็แล้วแต่

 

จะบอกว่า ตอนอยู่รร.เก่า  พวกกลุ่มผมคือเด็กขบถที่เอา "เพลงฝรั่ง" จากวงดังๆมาทำรายงาน "แปลภาษาอังกฤษ"

พวกผมท่องศัพท์จาก "บทสัมภาษณ์นักฟุตบอลอังกฤษ" จากนสพ.เดอะซัน ซึ่งเป็นนสพ.เก่า เราขอจากร้านกาแฟนักท่องเที่ยวมา

 

ทุกอย่างเหล่านี้ หล่อหลอมให้ผมสอบผ่าน pass ชั้นรร.ใหม่  ข้ามปี 1 ไปเรียนปี 2 ได้เลย เพื่อทุ่นเงินค่าเทอมให้พ่อแม่

 

ทั้งหมดผมเป็นหนี้บุญคุณนิตยสารฝรั่งแนวขวัญใจวัยรุ่น และนสพ..มือสองเก่าๆ ทั้งสิ้น

ครูของผมคือบทเพลงของวง Manic Street Preacher (ที่กำลังดังในขณะนั้น) Madonna+U2+Savage Gardenฯลฯ

 

ไม่เกี่ยวกับรร.จะเด่น ดี ดัง รวย มุ่งอังกฤษล้วนแบบที่ลีว่า

 

เพราะรร.เก่าผมก็เด่น ดี ดัง รวยจริง  แต่ไม่ได้ช่วยให้ผมบรรลุความฝันได้

 

เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรียน

 

พอดีโชคดีที่ตอนสามขวบแม่พามาอยู่เมกาปีนึงเล่นเอาพอกลับไปพูดไทยไม่ได้ (โตขึ้นเพ่อนยังล้อว่าพูดไทยไม่ชัดทั้งๆที่ไม่รู้ประวัตเรา บอกว่าสำเนียงไทยเราแปร่งๆ) แต่เพราะเด็กมากเลยจำอะไรไม่ได้ แต่ได้สำเนียงที่ดีและทักษะการฟัง

 

ขึ้นมัธยมมาก็ชอบเพลงภาษาอังกฤษ ร้องตาม ถ้าไม่มีเนื้อก็แกะเองเลย เปิด ปิด กรอ เทปอยู่นั่น ทำให้เพิ่มทักษะการฟังกับพูดดีขึ้นไปอีก (เราสำเนียงดีกว่าครูในโรงเรียน อยู่โรงเรียนหญิงประจำจังหวัดนั่นแหละ ติดอันดับด้วยน๊ะ) พอดีเป็นคนขี้เกียจ เลยไม่เคยท่องศัพย์อะไรเลย เวลาอ่าน ใช้แปลทั้งประโยคเอา (เพื่อนเห็นเราเก่งอังกฤษมาถามว่าตัวนี้แปลว่าไร เราบอกไม่รู้ แต่ถ้าอ่านประโยคจะแปลได้ทันที เพื่อนงง)

 

ไปทีใหนไม่มีใครรู้ว่ามาจากไทยถ้าพูดแต่อังกฤษ ส่วนมากคนไทยด้วยกันถ้าเราไม่พูดไทยก่อนเค้าก็นึกว่าเรามาจากสิงคโปรหรือเกิดเมืองนอก บางทีฝรั่งรู้ว่าเป็นไทยเค้าก็จะถามว่าเรียนจบอังกฤษมาหรอ (สำเนียงใต้ของคนเมกันจะมีบางเสียงคล้ายอังกฤษ เราติดมาบางตัว สนุกดี)

 

ร่ายมายาว แค่จะบอกว่า โรงเรียนมีส่วนช่วยเรื่องภาษาก็จริง แต่ขึ้นอยู่กับความขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมด้วย และวิธีการเรียนรู้ก็สำคัญ เราโดดเรียนวิชาภาษาอังกฤษตลอด (แต่สอบ AFSได้แฮะ แต่เด็กไปเลยไม่ได้ไป) ส่วนใครเป็นอย่างคุณผึ้งขยันก็ท่องศัพช่วยได้ ถ้าเราไปเรียนอย่างนั้นคงเกลียดภาษาอังกฤษไปเลย ไม่ก็โดดเรียน เราต้องเข้าใจถึงจะจำ ภาพรวม การใช้ แปลอังกฤษเป็นอังกฤษ (แปลเป็นไทยไม่ถนัด) เราเรียนรู้ด้วย  Visual learning (เรียกว่าไรไม่รู้ในไทย พึ่งมารู้จักี่นี่)


You can't fix stupid - Ron White

 

You can have your own opinion, but not your own facts - Daniel Patrick Moynihan

 

"A society is judged by how it treats its animals and elderly"


#55 คนไทย916

คนไทย916

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,396 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 21:22


เราตระกูลชินจัง ขอยก ฐานะ เสื้อแดง จาก ไพร่ เป็น ควายแดง ณ.บัดนี้  

    ถึงแม้ พ่อแม่ เองจะให้ฐานะความเป็น คน มาแต่กำเนิดก็ตาม 


#56 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 21:32

คนเขาคุยกันอยู่ดีๆ ไอ้ลีหมาป่า เ สื อ ก เข้ามาขี้เรี่ยราดอีกแล้ว

 

 

Sorrow 

เขากำลังคุยเรื่องเด็กควรเรียนภาษาอังกฤษจนใช้การได้ก่อนเข้ามหาลัย

ผมก็เข้ามาโพสแสดงความเห็นให้เห็นว่าตราบใดที่เรายังมีโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูยังไม่ครบชั้นเลย อย่าว่าแต่ครบทุกวิชาเลย การตั้งเป้าแบบนั้นมันเป็นเพียงความฝันครับ

 

จู่ๆ Bookmarks ก็เข้ามาด่านายกยิ่งลักษณ์

 

คุณคิดว่าใครที่เป็นคนเข้ามาขี้เยี่ยวเรี่ยราดกันแน่ครับ?  :D

คุณไปดูถูกโรงเรียนที่มี ครู 2 คน นักเรียน 20 คนมาก่อน ผมอ้างยิ่งลักษณ์ มันก็เกี่ยวกับการศึกษาของไทยไม่ใช่หรือ ในเมื่อ ยิ่งลักษณ์เรียนโรงเรียนดี แต่ความรู้มันห่วย ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ คุณเดาที่ผมสื่อไม่ออกเอง เพราะคุณมันโง่ไง ถึงได้มาแขวะผม ใครกันแน่ที่ขี้เยี่ยวเรี่ยราด 



#57 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 21:37

ผมเองก็อ่อนภาษาอังกฤษ อีกทั้งไม่มีบุญวาสนา ได้ไปเรียนที่มหาวิทยาห้องแถว อเมริกา

เรื่องบุญวาสนา แข่งกันไม่ได้จริงจริงครับ แต่การขวนขวาย กลายเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า

รวมทั้งวิธีการเรียนรู้สำคัญที่สุด ตรงนี้ผมไม่ทราบหรอกครับ ว่าคนที่โอ้อวดว่าจบจาก U

ห้องแถวอเมริกา ภาษาอังกฤษ จะดีหรือ ด้อยกว่าผม

 

ถ้าเอาเฉพาะ บุญวาสนา ผมแข่งไม่ได้แน่ครับ เค้าถึงบอกว่า แข่งเรือแข่งพายแข่งได้

แข่งบุญวาสนา แข่งไม่ได้ อีกทั้ง ผมก็เลือกเกิดไม่ได้อีกต่างหาก ผมถึงไม่เกิดในตระกูลไพร่

เพราะผมมีสายเลือดอมาตย์ทุกหยด

 

แต่คำว่าไพร่ของผมไม่ได้หมายถึงคนยากจน คนด้อยโอกาส แต่ผมหมายถึงพวกที่ไม่ได้

ถูกอบรมจากบุพการี ทั้ง กริยา มารยาท ความยโส โอ้อวด รวมถึง ยกตนข่มท่าน

 

ที่น่าสงสารที่สุด ก็คือ ไพร่บางคน พยายามทำตัวเป็นอมาตย์ แต่ไม่อาจปิดบังความไพร่

ของตนเอง ให้รอดสายตาไปจากเพื่อนเพื่อนได้

 

ตั้งใจเรียนเถอะครับ ไม่ว่าจะยากดีมีจน เพราะความรู้อาจเรียนทันกันหมด

 

ที่เขียนมายาว เพื่อจะสรุปเพียงสั้นสั้นว่า เห็นด้วยกับความเห็น ในrep 54

 

ส่วนไพร่ในคราบอมาตย์ ไม่ต้องquote ความเห็นผมนะครับ เพราะสายเลือดผม

ไม่ยอมให้ไพร่ที่ใหน มากร้ำกราย แม้ปลายเล็บ


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#58 ริวมะคุง

ริวมะคุง

    ห้ามให้อาหารสัตว์

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,577 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 22:25

เงินเดือน15,000สำหรับปตรี ทำหลายบริษัทบาดเจ็บมาแล้ว

 

ตอนนี้ ปวช ปวส กำลังมาแรง หุหุ


Posted Image

#59 ก๊องส์ไข่กวน

ก๊องส์ไข่กวน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,012 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 22:30




เราว่าเด็กไทยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ไม่ใช่ความผิดมหาวิทยาลัย  มันน่าจะพูดกันได้คล่องกันหมดเเล้วก่อนจบม.6มากกว่า   ส่วนเรื่องของการตกงาน ส่วนหนึ่งไม่ได้เป็นเพราะเด็กมันไม่มีคุณภาพ เเต่มันมีให้เลือกใช้มากเกินไปต่างหาก    พูดไปก็กระทบเจ้าใหญ่นายโตอีก ปล่อยปะละเลย เปิดคณะเปิดสาขากันเยอะ ทั้งภาคเช้าภาคพิเศษ  พอเด็กออกมาไม่ได้งาน ก็ลงไปโทษเด็กว่าไม่มีมาตรฐาน   ให้มันสอบเอาใบกว  มันก็ไปสอบกัน  ถ้าเด็กมันสอบผ่านเเล้วยังบอกไม่ได้มาตรฐาน เเล้วอะไรคือมาตรฐาน

เห็นด้วยครับ
มหาวิทยาลัย เป็นการฝึกฝนเพื่อเตรียมออกไปทำงานตามสายวิชาที่เรียน
ภาษาเพื่อการสื่อสารทั้งอ่านและเขียน ต้องฝึกตั้งแต่เด็ก
ไปฝากไว้แค่4ปี ไม่ทันครับ


 
 
ถูกครับ ดังนั้นเราจึงควรบังคับโรงเรียนที่มีครู 2 คน นักเรียน 20 คน ให้สอนนักเรียนให้ใช้ภาษาอังกฤษให้ได้
ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีอะไรก็แล้วแต่

แต่ห้ามยุบเขาไปเรียนโรงเรียนใหญ่ที่มีครูสอนวิชาภาษาอังกฤษแยกต่างหากโดยเด็ดขาด


ดูอีปู เป็นตัวอย่าง ว่าเรียนจากทีไ่หนมา มีครูแค่ 2 คนหรือเปล่า ทั้งภาษาไทย ทั้งภาษาอังกฤษ ห่วยชิบ....


Bookmarks
เอ๋ย

มีการเลียอิโง่ แล้ว

ว่าสุดยอด

#60 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 22:56

 

บอกมาซิว่าประโยคไหนที่ผมด่ารร.

 

"เนื่องจากการเรียนการสอนภาษาอังกฤษล้าหลังมาก "

 

ผมถามว่า หากคุณเรียนหนองกระโทก คุณคิดว่าตอน 16 คุณจะมีความรู้มากพอที่จะอ่านหนังสืออังกฤษออกเหมือนที่คุณมีความรู้จากโรงเรียนที่คุณว่า "การเรียนการสอนภาษาอังกฤษล้าหลังมาก" หรือเปล่า?

 

 

ผึ้ง

คุณอย่าลืมมาตอบคำถามนี้นะ

 

 

 

ดีมาก กระสันต์ให้ผมตอบผมก็จะตอบ

 

ถ้าลี "ตัดสินพิพากษา" ประโยคที่ว่า "เนื่องจากการเรียนการสอนภาษาอังกฤษล้าหลังมาก " 

คือการด่ารร.  มิใช่การติชมโดยสุจริต ตามความเป็นจริง

ผมก็เห็นว่าการที่ครอบครัวของคุณกัดฟันส่งคุณเข้ารร.คริสต์ชื่อดังของจังหวัด เพื่อให้ได้รับการศึกษานั้น ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย

เป็นการสูญเปล่าทั้งหยาดเหงื่อแรงกาย เงินทอง เวลา และการศึกษาเล่าเรียน

เพราะครอบครัวของคุณต่อสู้เพื่อให้คุณมีการศึกษาที่ดี แต่กลับมิได้ทุ่มเทอบรมให้คุณมี "ความเป็นคน" มากพอ

คุณจึงเติบโตขึ้นกลายเป็น "คนนิสัยอันธพาล" เกะกะระราน ทำให้สังคมรังเกียจชิงชัง ดังเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

 

ขอบคุณ ที่คุณลีอุทิศตนเป็นกรณีศึกษาที่ดีมาก ที่ช่วยเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า การศึกษาสูงแต่นิสัยต่ำ ก็ย่ำแย่ได้

และ การศึกษาสูงแค่ไหน โรงเรียนจะดีเพียงใด ไม่ได้ช่วยขัดเกลา "สัน-ดาน" คนๆนั้นให้เป็น "คนดี" ได้

 

ขอบคุณครับ

 

 

 

 

 

ปล. ลืมตอบเรื่องรร.หนองกระโทกที่ "อัพพบุคคล" (เปิดศัพท์พุทธศาสนาเอานะ) ตอกย้ำซ้ำซากเป็นแผ่นเสียงตกร่องทั้งที่ไม่มีใครเอาด้วย

ผมก็เขียนระบุชัดเจนแล้วว่า ถึงผมเรียนรร.ระดับท้อปที่ดีมากๆ แต่ผมได้ความรู้จนสอบพาสชั้นได้เพราะเป็นหนี้บุญคุณนสพ.เก่า และบทเพลงต่างๆ

ซึ่งเด็กรร.วัดหนองบัวกระโทกที่คุณว่าก็สามารถทำแบบผมได้

 

เหมือนเด็กรร.บ้านนอกยากจนแบบท่านชวนและท่านสุรินทร์ พิศสุวรรณ ก็ทำได้มาแล้ว 

 

อย่าให้ต้องพูดซ้ำ ตอบซ้ำ เหมือนลีเป็นเด็กรีทาร์ดแบบที่เพื่อนๆว่าเลย  มันน่าอาย


Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:02.

gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#61 hinotori

hinotori

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,899 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 22:56

การศึกษาไทยมุ่งสร้างบัณฑิตออกมาเป็น "ผู้ใต้บังคับบัญชา" มากกว่าผู้ที่ "ริเริ่ม"

 

บัณฑิตจบใหม่จึงได้แต่มุ่งหน้าหาทางที่จะไปเป็นลูกน้องในบริษัทใหญ่ๆมากว่าที่จะสร้างกิจการของตัวเอง

 

บริษัทใหญ่จึงมีตัวเลือกเยอะ คัดเอาแต่พวกเก่งๆเข้าไป พวกเก่งๆที่มีหัวคิดดีๆ แทนที่จะได้ "ก่องานใหม่"

 

ก็กลายเป็นกำลังผลักดันให้บริษัทใหญ่เจริญขึ้นไปอีก

 

พวกบัณฑิตระดับกลางๆที่ไม่อาจสู้คนเก่งๆได้ ก็เลยไม่กล้าที่จะทำอะไรเอง รังแต่จะดันทุรังไสตัวเองไปเป็นลูกน้องคนอื่นอยู่นั่น

 

ถึงตอนนี้จะตกงานเป็นแสนก็ไม่แปลก



#62 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:07

ไม่รู้นะครับ  นี่พอผมตอบคห.บนไปแล้วผมก็เพิ่งเอะใจว่า.....

 

หรือที่ลีพยายามตอกย้ำซ้ำซากเรื่องเด็กรร.วัดไกลปืนเที่ยง มันไม่อาจสู้กับเด็กรร.ดีๆได้

ก็เพราะเขาตั้งใจจะอวดหรือเปล่า ว่าเขาน่ะ จบสถาบันดีๆนะ  เขาเหนือกว่าพวกเรานะ

เขาพูดภาษาอังกฤษเก่งกว่าท่านบุญมากนะ  เขามีความสามารถมากกว่าท่านซอร์โรว์นะ.... บลาบลาบลา

 

 

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ใช่แค่เพื่อเลียขาเกาะชายกระโปรงปูอย่างเดียว

แต่เพื่อยกตัวเองว่าโปรไฟล์เขาแน่ให้เราได้รับรู้ด้วย

 

 

เอ๊ะ หรือผมคิดมากไปเอง?งงๆ.gif


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#63 หงส์แดง

หงส์แดง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,755 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:23

 

 

ผึ้งเอ๊ย 

หากคุณเรียนหนองกระโทก นักเรียน 18 ครู 2 คนตั้งแต่เด็กๆ นะ

ตอนคุณอายุ 16 หน่ะ คุณอ่าน A ถีง Z ได้แล้วยังยังไม่รู้เลย

 

ยังไปด่าโรงเรียนเก่าที่เขาสอนคุณมาอีก

 

บอกมาซิว่าประโยคไหนที่ผมด่ารร.

 

 

 

"เนื่องจากการเรียนการสอนภาษาอังกฤษล้าหลังมาก "

 

ผมถามว่า หากคุณเรียนหนองกระโทก คุณคิดว่าตอน 16 คุณจะมีความรู้มากพอที่จะอ่านหนังสืออังกฤษออกเหมือนที่คุณมีความรู้จากโรงเรียนที่คุณว่า "การเรียนการสอนภาษาอังกฤษล้าหลังมาก" หรือเปล่า?

 

 

ผึ้ง

คุณอย่าลืมมาตอบคำถามนี้นะ

โรงเรียนไทยส่วนมากล้าหลังจริงๆกับภาษาอังกฤษ คุณต้องยอมรับ ที่เขาเล่ามาก็เพื่อจะบอกให้พัฒนาด้านภาษาอังกฤษให้กับโรงเรียนต่างๆมากขึ้น นโยบายดีๆหัดคิดออกมาเพื่อคุณภาพการศึกษาบ้าง ไม่ใช่มีแต่นโยบายไว้ผมทรงใหม่ ยุบโรงเรียน แจกแทบเลต ทุจริตสอบครู ถามจริงๆนโยบายไหนของกระทรวงที่คิดมาแล้วที่ทำให้คุณภาพการศึกษาเราดีขึ้นยกมาให้ดูหน่อย -_-


Edited by หงส์แดง, 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:38.

ถ้าแยกเสียงส่วนใหญ่ กับความถูกต้องไม่ออก ก็อย่ามาอ้างว่ามาจากประชาธิปไตยเลย


#64 Lucy Van Pelt

Lucy Van Pelt

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 525 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:29

จากประสบการณ์ของผมที่สัมภาษณ์เด็กเข้างานมาน่ะครับ ถ้าเป็นพวกจบใหม่ๆ ภาษาไทยที่พอสื่อสารได้ก็ประมาณห้าในสิบ คือพูดจารู้เรื่อง รู้ว่าถามอะไร ตอบแล้วฟังเข้าใจ ส่วนภาษาอังกฤษนี่ สองสามคนในสิบคน ที่พูด/ฟังรู้เรื่อง

 

ถ้าเป็นพวกที่มีประสบการณ์ประมาณ 4-5 ปี ส่วนมากจะพูดภาษาไทยรู้เรื่อง ส่วนภาษาอังกฤษก็ห้าในสิบที่พูด/ฟังรู้เรื่อง 

 

ผมคิดว่าภาษามาเลย์อาจได้เป็นภาษาที่สองของอาเซี่ยน เพราะคนอินโดนีเซียก็ใช้ภาษาเดียวกัน จำนวนคนสองประเทศนี้รวมกันเยอะกว่าประเทศไทยมาก อีกอย่างนึงคือเค้าใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ และโครงสร้างของภาษาก็คล้ายๆกับภาษาอื่นๆในภูมิภาคนี้ด้วย 

 

ส่วนตัวผมแพ้ทางอินเดียครับ  :P ถ้าเวลาเถียงกับพวกอินเดีย ถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองถูกจริงๆจะไม่ค่อยต่อล้อต่อเถียงเท่าไหร่ เพราะเวลาเถียงกันนี่คนอินเดียพุดบรื๋อๆ ฟังไม่ทัน  :(


Edited by Lucy Van Pelt, 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:31.


#65 sorrow

sorrow

    REFORM BEFORE ELECTION

  • Members
  • PipPipPip
  • 717 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:32

ไม่รู้นะครับ  นี่พอผมตอบคห.บนไปแล้วผมก็เพิ่งเอะใจว่า.....

 

หรือที่ลีพยายามตอกย้ำซ้ำซากเรื่องเด็กรร.วัดไกลปืนเที่ยง มันไม่อาจสู้กับเด็กรร.ดีๆได้

ก็เพราะเขาตั้งใจจะอวดหรือเปล่า ว่าเขาน่ะ จบสถาบันดีๆนะ  เขาเหนือกว่าพวกเรานะ

เขาพูดภาษาอังกฤษเก่งกว่าท่านบุญมากนะ  เขามีความสามารถมากกว่าท่านซอร์โรว์นะ.... บลาบลาบลา

 

 

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ใช่แค่เพื่อเลียขาเกาะชายกระโปรงปูอย่างเดียว

แต่เพื่อยกตัวเองว่าโปรไฟล์เขาแน่ให้เราได้รับรู้ด้วย

 

 

เอ๊ะ หรือผมคิดมากไปเอง?

 

การจะอ้างอะไรในเว็บบอร์ดนั้น อ้างได้ทุกอย่างแหละครับ

 

แต่คนอื่นจะเชื่อหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวเราเอง

 

ถ้าเรารู้จักเคารพคนอื่น และเคารพตัวเอง เราก็จะไม่โกหก คนเขาก็ดูออกได้เอง

 

ไม่จำเป็นต้องไปยกตัวเองให้เมื่อย (อย่าผมนี่คงเมื่อยน่าดู เพราะขาดอีกไม่เท่าไรก็ร้อยโลแล้ว)

 

คนที่ชอบยกตัวเองเพื่อข่มคนอื่นนั้น พอยกมากๆ เข้าแต่ไม่ได้ผลดังใจ ก็อาจเลยเถิดไปถึงโกหก

 

การโกหกที่น่ากลัวที่สุดนั้น คือเจ้าตัวเชื่อว่าเรื่องที่กำลังโกหกอยู่นั้นเป็นจริง

 

ถ้าใครไปถึงระดับนั้น ก็เข้าใกล้ไอ้แม้วเล่อร์ละครับ 555


ร่วมกันทำลายล้างระบอบทักษิณ-เผด็จการชินวัตรให้หมดไปจากแผ่นดินไทย

 

โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่      เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ      ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย


#66 bonnerr

bonnerr

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,158 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:35

  • น่าอิจฉาระบบสวัสดิการสังคมของประเทศอุตสาหกรรม นักศึกษาจบใหม่ หากยังหางานทำไม่ได้ มีสิทธิยื่นเรื่อง ขอรับเงินตกงาน
  • และทางกรมแรงงานจะจ่ายเงินตกงานให้ หากยังอยู่กับพ่อแม่ ก็ได้รับน้อยหน่อย หากย้ายไปอยู่ข้างนอก ก็ได้รับเงินตกงานมากขึ้น
  • เพราะต้องจ่ายค่าเช่าที่พัก


#67 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:41

ย้อนกลับมาคุยเรื่องปริญญาตรี

 

ผมสังเกตจากที่สัมภาษณ์งานนศ.จบใหม่มา  สถาบันระดับไอวี่ลีกของประเทศ ทำงานเก่งสู้เด็กจบสถาบันเอกชนไม่ได้

และเด็กเกรดดีมากๆ ทำงานเก่ง ปรับตัวง่าย สู้งาน สู้เด็กที่เกรดไม่ดีแต่ทำกิจกรรมเยอะไม่ได้

 

ผมจึงคิดว่ามหาวิทยาลัยของเราต้องสนับสนุนให้นศ.ช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด ทำงานให้เยอะที่สุด ฝึกแก้ปัญหาให้มากที่สุด

 

ปัจจุบันนี้ หลายสถาบันเอกชนเปิดวิชา Life Skill ขึ้นเป็นพิเศษให้เด็กๆเรียนและเก็บคะแนนด้วย

แต่มีชื่อเรียกภาษาไทยที่ต่างกันไปตามสถาบัน

อจ.บอกผมว่าเนื่องจากเด็กรุ่นก่อนหน้านี้รู้แต่วิชา ไม่รู้จักชีวิต

ทำให้หลายบริษัทที่รับเด็กจากสถาบันเหล่านั้นเข้าทำงาน บ่นเป็นเสียงสะท้อนให้ฟังว่า...

เด็กไม่มีทักษะในการคิดหรือแก้ปัญหาเลย  ไม่มี EQ หรือวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่จะทำงานได้ดี

 

ผมไม่แน่ใจว่าวิธีเปิดวิชาใหม่แบบนี้จะได้ผลหรือไม่  เพราะยังไม่เคยเห็นผลสรุปครับ


Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:42.

gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#68 voodoo

voodoo

    ไม่เป็นกลาง

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,202 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:49

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง


ฉันจึงมาหาความหมาย


ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย


สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว
 

 

บทกวีจากวิทยากร เชียงกูล

 

ไม่เคยล้าสมัย

ผมคิดตรงข้ามเลยครับ

การศึกษา 4 ปี ไม่ทำให้ค้นพบคำตอบอะไรเลยหรือ ไม่มีความรู้ติดหัวมาเลยหรือ

ผมว่า เพราะไม่รู้ว่าตัวเองอยากเรียนอะไร แค่เรียนตามๆกันไป เพื่อจบมาเป็นลูกจ้าง ตามค่านิยมเก่าๆ

อย่างน้อย การเรียน 4 ปีก็ทำให้รู้จักคนมากขึ้น รู้จักสังคมมากขึ้น รู้จักเพื่อนมากขึ้น

และจะดีไม่น้อยถ้าจะเอาสิ่งที่เรียนมาประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง

นอกจากพวกที่เอาแต่ทำคะแนน ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจสังคม พวกนี้แหละที่ได้กระดาษเพียงแผ่นเดียว


" สลิ่มที่ไม่กล้่าเปิดตัวต่อสาธารณชนเท่าไรนัก เนื่องจากไม่ได้ทำประกันอัคคีภัย "

#69 sorrow

sorrow

    REFORM BEFORE ELECTION

  • Members
  • PipPipPip
  • 717 posts

ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:59

จากประสบการณ์ของผมที่สัมภาษณ์เด็กเข้างานมาน่ะครับ ถ้าเป็นพวกจบใหม่ๆ ภาษาไทยที่พอสื่อสารได้ก็ประมาณห้าในสิบ คือพูดจารู้เรื่อง รู้ว่าถามอะไร ตอบแล้วฟังเข้าใจ ส่วนภาษาอังกฤษนี่ สองสามคนในสิบคน ที่พูด/ฟังรู้เรื่อง

 

ถ้าเป็นพวกที่มีประสบการณ์ประมาณ 4-5 ปี ส่วนมากจะพูดภาษาไทยรู้เรื่อง ส่วนภาษาอังกฤษก็ห้าในสิบที่พูด/ฟังรู้เรื่อง 

 

ผมคิดว่าภาษามาเลย์อาจได้เป็นภาษาที่สองของอาเซี่ยน เพราะคนอินโดนีเซียก็ใช้ภาษาเดียวกัน จำนวนคนสองประเทศนี้รวมกันเยอะกว่าประเทศไทยมาก อีกอย่างนึงคือเค้าใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ และโครงสร้างของภาษาก็คล้ายๆกับภาษาอื่นๆในภูมิภาคนี้ด้วย 

 

ส่วนตัวผมแพ้ทางอินเดียครับ  :P ถ้าเวลาเถียงกับพวกอินเดีย ถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองถูกจริงๆจะไม่ค่อยต่อล้อต่อเถียงเท่าไหร่ เพราะเวลาเถียงกันนี่คนอินเดียพุดบรื๋อๆ ฟังไม่ทัน  :(

 

ผมเคยสัมภาษณ์เด็กเข้าทำงานที่ต้องสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ ปัญหาใหญ่ก็คือจะหาคนที่มีความสามารถทั้ง Engineering, Craftsmanship & English Communication ในคนเดียวกันได้ยากมากๆ ตอนหลังเลยต้องเอาสองอย่างแรกก่อน ส่วนภาษาอังกฤษใช้ดูเอาตอนสัมภาษณ์นี่แหละว่าพอมีแววไหม ถ้ามีก็รับไว้แล้วค่อยส่งไปเรียนภาษาอังกฤษทีหลัง

 

เรื่องภาษามาเลย์/อินโดฯ นี่ผมว่าถ้ารู้ไว้ก็เป็นกำไรนะครับ ผมมีเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนมาเลย์/สิงคโปร์/อินโดฯ เชื้อสายจีน พวกนี้พูดได้สามภาษาคือ มาเลย์/อินโดฯ (สองอันนี้ใกล้เคียงกัน ไม่เหมือนเป๊ะ แต่สื่อสารกันได้) อังกฤษ กับจีนกลาง แถมบางคนยังพูดแต้จิ๋วได้อีก เวลาอยู่หน้างานกับคนงาน เพื่อนๆ พวกนี้สั่งงานหรืออธิบายอะไรก็สะดวกเพราะคนงานพูดได้แต่ภาษามาเลย์/อินโดฯ ถ้าเป็นเราก็ต้องมีคนแปลให้คนงานเข้าใจอีกที

 

ส่วนอินเดียนี่ต้องระวังให้มากครับ เขาอ่านเอกสารกันทุกตัวอักษร แถมยังรู้ด้วยว่าเราไม่อยากคุยด้วยเพราะฟังยาก เขาเลยชอบรวบรัดให้ตกลงกันตอนคุยเลย วิธีแก้คือต้องเขียนเป็นบันทึกให้เซ็นกันเลยว่าตกลงกันตามนี้ ไม่งั้นไม่จบ


ร่วมกันทำลายล้างระบอบทักษิณ-เผด็จการชินวัตรให้หมดไปจากแผ่นดินไทย

 

โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่      เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ      ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย


#70 Satan for Vendetta

Satan for Vendetta

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,087 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 00:10

เข้ามาตอบ ลี เพิ่ม

 

 

ถูกครับ ดังนั้นเราจึงควรบังคับโรงเรียนที่มีครู 2 คน นักเรียน 20 คน ให้สอนนักเรียนให้ใช้ภาษาอังกฤษให้ได้

ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีอะไรก็แล้วแต่

 

จะบอกว่า ตอนอยู่รร.เก่า  พวกกลุ่มผมคือเด็กขบถที่เอา "เพลงฝรั่ง" จากวงดังๆมาทำรายงาน "แปลภาษาอังกฤษ"

พวกผมท่องศัพท์จาก "บทสัมภาษณ์นักฟุตบอลอังกฤษ" จากนสพ.เดอะซัน ซึ่งเป็นนสพ.เก่า เราขอจากร้านกาแฟนักท่องเที่ยวมา

 

ทุกอย่างเหล่านี้ หล่อหลอมให้ผมสอบผ่าน pass ชั้นรร.ใหม่  ข้ามปี 1 ไปเรียนปี 2 ได้เลย เพื่อทุ่นเงินค่าเทอมให้พ่อแม่

 

ทั้งหมดผมเป็นหนี้บุญคุณนิตยสารฝรั่งแนวขวัญใจวัยรุ่น และนสพ..มือสองเก่าๆ ทั้งสิ้น

ครูของผมคือบทเพลงของวง Manic Street Preacher (ที่กำลังดังในขณะนั้น) Madonna+U2+Savage Gardenฯลฯ

 

ไม่เกี่ยวกับรร.จะเด่น ดี ดัง รวย มุ่งอังกฤษล้วนแบบที่ลีว่า

 

เพราะรร.เก่าผมก็เด่น ดี ดัง รวยจริง  แต่ไม่ได้ช่วยให้ผมบรรลุความฝันได้

 

เห็นด้วยค่ะ

ดิฉันสอบภาษาอังกฤษผ่านสบายบรื๋อออออออ...ตั้งแต่ประถมจนจบมหาวิทยาลัย เพราะชอบเพลงสากล เวลาสอบก็ร้องเพลงไปเรื่อง ไวยากรณ์ สำนวน ฯลฯ อยู่ในนั้นทั้งหมด


"คนที่เลวกว่าน.ช.ทักษิณ ก็คือ คนที่ช่วยให้น.ช.ทักษิณ ยังมีชีวิต พูดพล่าม และ ทำเลวต่อไป" 


#71 อู๋ ฮานามิ

อู๋ ฮานามิ

    สมาชิกหน้าเก่า

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,018 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 00:14

การศึกษาไทยมุ่งสร้างบัณฑิตออกมาเป็น "ผู้ใต้บังคับบัญชา" มากกว่าผู้ที่ "ริเริ่ม"

 

บัณฑิตจบใหม่จึงได้แต่มุ่งหน้าหาทางที่จะไปเป็นลูกน้องในบริษัทใหญ่ๆมากว่าที่จะสร้างกิจการของตัวเอง

 

บริษัทใหญ่จึงมีตัวเลือกเยอะ คัดเอาแต่พวกเก่งๆเข้าไป พวกเก่งๆที่มีหัวคิดดีๆ แทนที่จะได้ "ก่องานใหม่"

 

ก็กลายเป็นกำลังผลักดันให้บริษัทใหญ่เจริญขึ้นไปอีก

 

พวกบัณฑิตระดับกลางๆที่ไม่อาจสู้คนเก่งๆได้ ก็เลยไม่กล้าที่จะทำอะไรเอง รังแต่จะดันทุรังไสตัวเองไปเป็นลูกน้องคนอื่นอยู่นั่น

 

ถึงตอนนี้จะตกงานเป็นแสนก็ไม่แปลก

 

บริษัทบางแห่งกลายเป็นสถานที่หาประสบการณ์ เกิดเหตุสมองไหล คนเก่งๆ ย้ายไปทำงานกับต้นสังกัดใหม่ที่ดีกว่า ก็มี


ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด

 

เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ


#72 Lucy Van Pelt

Lucy Van Pelt

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 525 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 00:42

หรือมันอาจจะเป็นลักษณะเฉพาะของคนไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ ในสมัยก่อนที่ใครๆก็อยากให้ลูกหลานเรียนสูง ได้ทำงานเป็นข้าราชการเพราะจะได้เป็นเจ้าคนนายคน สมัยนี้ก็เปลี่ยนเป็นบรษัทใหญ่ๆแทน

 

ผมคงได้แค่เทียบกับสิ่งที่เห็น คือในอเมริกาที่สมัยก่อน เด็กจบ ม.6 ก็ต้องช่วยตัวเองว่าจะเรียนต่อหรือทำงาน หรือทำงานไปเรียนไป ช่วงนี้ถือว่าเป็นการสร้างตัวของเขาเลย SME จะเกิดก็ช่วงนี้แหละ จากที่เห็นนะครับ ผมได้อ่าน electronics magazine ในยุค 50's 60's มีโฆษณาของ IBM รับคนเข้าทำงาน เค้าเขียนเลยว่าจบม.6 คุณก็มาทำงานกับ IBM ได้ มีความก้าวหน้าได้ หรือการเข้า course ซ่อมทีวี วิทยุ เพื่อเอาไปทำธุรกิจส่วนตัวต่อ ซึ่งมันสะท้อนสังคมในยุคนั้นได้ แต่สมัยนี้ที่อเมริกาจบม.6 คงทำอะไรไม่ได้มาก ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยต่อ

 

ส่วนญี่ปุ่นนี่อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นยังไง เพราะมันตรงข้ามกับอเมริกา แต่เศรษฐกิจเติบโตมากเหมือนกัน ใครรู้ว่าเป็นยังไงเล่าให้ฟังบ้างสิครับ



#73 sorrow

sorrow

    REFORM BEFORE ELECTION

  • Members
  • PipPipPip
  • 717 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 00:47

ย้อนกลับมาคุยเรื่องปริญญาตรี

 

ผมสังเกตจากที่สัมภาษณ์งานนศ.จบใหม่มา  สถาบันระดับไอวี่ลีกของประเทศ ทำงานเก่งสู้เด็กจบสถาบันเอกชนไม่ได้

และเด็กเกรดดีมากๆ ทำงานเก่ง ปรับตัวง่าย สู้งาน สู้เด็กที่เกรดไม่ดีแต่ทำกิจกรรมเยอะไม่ได้

 

ผมจึงคิดว่ามหาวิทยาลัยของเราต้องสนับสนุนให้นศ.ช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด ทำงานให้เยอะที่สุด ฝึกแก้ปัญหาให้มากที่สุด

 

ปัจจุบันนี้ หลายสถาบันเอกชนเปิดวิชา Life Skill ขึ้นเป็นพิเศษให้เด็กๆเรียนและเก็บคะแนนด้วย

แต่มีชื่อเรียกภาษาไทยที่ต่างกันไปตามสถาบัน

อจ.บอกผมว่าเนื่องจากเด็กรุ่นก่อนหน้านี้รู้แต่วิชา ไม่รู้จักชีวิต

ทำให้หลายบริษัทที่รับเด็กจากสถาบันเหล่านั้นเข้าทำงาน บ่นเป็นเสียงสะท้อนให้ฟังว่า...

เด็กไม่มีทักษะในการคิดหรือแก้ปัญหาเลย  ไม่มี EQ หรือวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่จะทำงานได้ดี

 

ผมไม่แน่ใจว่าวิธีเปิดวิชาใหม่แบบนี้จะได้ผลหรือไม่  เพราะยังไม่เคยเห็นผลสรุปครับ

 

ผมว่าครอบครัวก็มีส่วนในเรื่องนี้ หลายบ้านเน้นให้ลูกเรียนเป็นหลัก เรียนให้ได้คะแนนดีเข้าไว้ วันธรรมดาเรียนที่โรงเรียน ตอนเย็นอาจมีเรียนพิเศษ เสาร์อาทิตย์ก็เรียนพิเศษ อาจจะเป็นเพราะกลัวว่าเวลาไปสอบแข่งกันจะสู้คนอื่นไม่ได้ แต่ที่ได้แน่ๆ ก็คือเด็กรู้จักโลกแต่แคบๆ ที่มีแต่บทเรียน

 

เด็กที่เรียนแบบนี้แล้วได้คะแนนดี ก็มักจะสอบเข้าเรียนคณะอันดับต้นๆ ได้ แต่จะหวังให้ 4 ปีในมหาวิทยาลัย เปลี่ยนเด็กกลุ่มนี้ให้รู้จักโลก รู้จักชีวิต ก็คงไม่ได้ ยิ่งถ้ายังเรียนกันแบบเน้นทำคะแนนเหมือนเดิม เราก็จะได้บัณฑิตที่รู้เฉพาะที่เรียนมานั่นละครับ


Edited by sorrow, 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 00:52.

ร่วมกันทำลายล้างระบอบทักษิณ-เผด็จการชินวัตรให้หมดไปจากแผ่นดินไทย

 

โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่      เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ      ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย


#74 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 01:05

ส่วนญี่ปุ่นนี่อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นยังไง เพราะมันตรงข้ามกับอเมริกา แต่เศรษฐกิจเติบโตมากเหมือนกัน ใครรู้ว่าเป็นยังไงเล่าให้ฟังบ้างสิครับ

 

จากที่ผมเข้าเว็บเกี่ยวกับซีรีส์ญี่ปุ่น หรือวัฒนธรรมญี่ปุ่น

เขาเล่าว่าปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ครับ

คือเด็กญี่ปุ่นจำนวนมากยังเรียนมัธยมไปทำงานพิเศษไป และไม่มุ่งเรียนมหาวิทยาลัย แต่จบมัธยมปลายแล้วทำงานเลย

เนื่องจากงานที่เขาทำไม่ต้องใช้วุฒิปริญญาตรีก็ได้ ไม่สำคัญอะไร  ที่นั่นเขาเน้นทักษะการทำงานและทักษะชีวิตมากกว่าปริญญาครับ

 

เพื่อนเสรีไทย ท่าน Yoฯ (ขอโทษ ชื่อยาวผมจำเป๊ะๆไม่ได้) น่าจะตอบได้แม่นยำกว่านะครับ เพราะผมอ่านมาอีกที


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#75 Lucy Van Pelt

Lucy Van Pelt

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 525 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 01:07

ผมกลับเข้าใจว่ามีช่วงนึงที่ความฝันของคนญี่ปุ่นคือทำงานกับบริษัทใหญ่ๆแฮะ แต่อาจเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของเค้าก็ได้  ;)



#76 Et tu Brute?

Et tu Brute?

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,529 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 01:32

สำหรับขี้ข้าแดง ทุกปัญหาด้านการศึกษาแก้ได้ด้วยการยุบโรงเรียน

แล้วเอาเงินมาถลุงแจก ผลาญบริโภคกันไปด้วยเรื่องกิเลส

เอาเงินงบประมาณไปทุ่มได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องการศึกษา

 

ถ้าไอ้ลีทาร์ดได้ครูดีๆ ป่านนี้มันคงรู้จักคิด รู้จักประมาณตนมากกว่านี้  -_- 


It's us against the world


#77 Tatiana

Tatiana

    แทนคุณแผ่นดินเกิด

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,063 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 01:59

ประชาชนที่ต้องการศึกษาหาความรู้มีเป็นจำนวนมาก

จะให้มหาวิทยาลัยจำกัดการรับ แล้วประชาชนที่เหลือจะให้เขาไปทำอะไร

มหาวิทยาลัยมีหน้าที่สอนให้ความรู้แก่คนทุกคนที่ต้องการความรู้

แต่เรื่องการมีงานทำหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของรัฐในการสร้างงานให้คน

มหาวิทยาลัยไม่ได้มีหน้าที่ในการหางานให้ทำ

ต้องขออนุญาตค้านหน่อยค่ะ มหาลัยถึงแม้จะไม่มีหน้าที่โดยตรงในการหางานให้นักศึกษาทำก็จริง แต่มหาลัยก็เป็นแหล่งที่นักศึกษาเข้ามาร่ำเรียนด้วยจุดประสงค์ที่จะมีงานทำเลี้ยงชีพ ฉะนั้นมหาลัยนี่แหละค่ะที่จะต้องจัดหลักสูตรที่ตลาดงานต้องการมากน้อยเป็นลำดับไป

 

ขอยกตัวอย่างในต่างประเทศ แต่ละมหาลัยจะมีการประสานเป็นเครือข่ายกับบริษัท หน่วยงานและธุรกิจต่างๆซึ่งเป็นตลาดงาน มีการเชิญนักธุรกิจแต่ละสาขามาเป็นอาจารย์พิเศษในปีท้ายๆก่อนจบการศึกษา จัดให้มีการฝึกงานในปีที่ 3-4 เป็นระยะเวลาพอสมควร เช่น 3-6เดือน เมื่อจบการศึกษานักศึกษาสามารถปฏิบัติงานได้ทันที ส่วนใหญ่ก็ได้ทำงานในบริษัทที่ฝึกงานปีสุดท้าย บริษัทก็ไม่ต้องเสียเวลารับคนใหม่มาเรียนรู้งาน นักศึกษาก็ไม่ต้องหางานใหม่ หรือถ้าบริษัทนี้ไม่รับแต่อย่างน้อยนักศึกษาก็มีใบรับรองการฝึกงาน การหางานใหม่ก็น่าจะง่ายขึ้น

 

สถานศึกษาควรจัดให้มีการประเมินและติดตามผลนักศึกษาที่จบในแต่ละภาควิชา แต่ละรุ่นเพื่อจัดทำสถิติว่าหลังจากจบแล้วสามารถหางานทำได้ภายในระยะเวลาเท่าไร เงินเดือนเฉลี่ยเท่าไร ตกงานกี่เปอร์เซนต์ เพื่อปรับจำนวนการรับนักศึกษารุ่นต่อๆไปในแต่ละภาควิชา และถ้าสถาบันใดมีสถิติการหางานได้รวดเร็ว รายได้ดี ก็เท่ากับเป็นการโฆษณาไปในตัว ห่วงแต่ว่าพวกสถาบันเอกชนจะไม่ซื่อสัตย์ต่อผลที่ประเมินเพราะต้องการทำธุรกิจหากำไร 

 

หน่วยงานรัฐมีหน้าที่รวบรวมและตรวจสอบผลจากทุกสถาบันและนำเผยแพร่เพื่อเป็นการแนะแนวทางการเลือกสถานศึกษาและภาควิชาที่เป็นที่ต้องการของตลาดงาน เข้าใจว่าหน่วยงานรัฐน่าจะมีการทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน และได้เผยแพร่อย่างกว้างขวางหรือไม่สำหรับเด็ก ม.3 เพื่อให้เขาตัดสินใจว่าจะไปทางสายอาชีพ หรือจะเรียนต่อ ม.ปลาย และสำหรับเด็ก ม.ปลายเพื่อให้เด็กได้ดูเป็นแนวทางว่าควรจะเลือกเรียนอะไรเปรียบเทียบกับความต้องการของตลาดงาน

 

ดิฉันมีประสพการณ์ด้วยตัวเองกับการเรียนของลูก ส่วนใหญ่เด็กจะจบ ม.6อยู่แล้วแต่เค้ายังไม่รู้ว่าอยากเรียนอะไร อนาคตอยากเป็นอะไร ก็ได้อาศัยดูพวกเอกสาร นิตยสารแนะแนวพวกนี้ แล้วก็คุยกับลูกว่าอาชีพนี้น่าสนใจนะเปอร์เซนต์การตกงานน้อยมาก หรืออาชีพนี้คนเรียนเยอะ จบมาแล้วไม่มีงานทำ แล้วก็จะได้ข้อสรุปที่แคบลง ก็จะพาลูกไปดูตามมหาลัยต่างๆที่เปิดสอนสาขาวิชานั้น คุยกับเจ้าหน้าที่ ได้รับเอกสารและข้อมูลเพิ่มเติม (ทีนี่ช่วงที่เด็กเรียน ม.6 จะมีสถานศึกษาเปิดให้ข้อมูลมากมาย) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเหมาะกับเด็กด้วย ไม่ใช่อยากให้ลูกเป็นหมอเพราะไม่ตกงานและรายได้ดี แต่ถ้าลูกหัวไม่ค่อยดีหรือลูกไม่ชอบอาชีพนี้จริงๆก็เป็นไปไม่ได้ที่จะผลักดันเขา ดิฉันจำได้ว่าช่วงนั้นซื้อหนังสืออ่านมาก ท่องเว็ปไซต์สถาบ้นต่างๆจนตาแฉะ แต่ก็คุ้ม เพราะตอนนั้นจับทางได้ว่าอาชีพที่ตกงานน้อยที่สุด คือเกี่ยวกับสุขภาพ และคอมพิวเตอร์ ลูกเรียนวิทย์ฯแต่ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย หมอคงไม่ไหว ก็เลยเรียนทางคอมพิวเตอร์ ปีนี้จะจบแล้วอยู่ระหว่างฝึกงาน 6 เดือนสุดท้าย ในขณะที่ยุโรปมีวิกฤติเศรษฐกิจมายาวนานหลายปีและก็ยังไม่รู้จะจบเมื่อไร คนตกงานเป็นล้าน(ประมาณ10%ของคนวัยทำงาน) แต่ช่วงที่ลูกหาที่ฝึกงานเขาถูกเรียกสัมภาษณ์มากกว่า 10 บริษัท 95% ขึ้นไปพร้อมรับทำงานต่อหลังจากฝึกงานทันที (ถ้าเราทำงานได้ และไม่มีปัญหาความประพฤติ หรือวิกฤติไม่เลวร้ายลามไปมากกว่านี้)

 

อธิบายมาซะยาว ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าทั้งมหาลัยและรัฐต้องมีส่วนร่วมในการให้เด็กเข้าสู่ตลาดงานได้ 


Edited by Tatiana, 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 02:01.

กราบหัวใจพี่น้องที่เสียสละออกมาทวงอำนาจคืนจากระบอบทักษิณ


#78 วันศุกร์

วันศุกร์

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 518 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 02:33

เข้ามาตอบ ลี เพิ่ม

 

 

ถูกครับ ดังนั้นเราจึงควรบังคับโรงเรียนที่มีครู 2 คน นักเรียน 20 คน ให้สอนนักเรียนให้ใช้ภาษาอังกฤษให้ได้

ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีอะไรก็แล้วแต่

 

จะบอกว่า ตอนอยู่รร.เก่า  พวกกลุ่มผมคือเด็กขบถที่เอา "เพลงฝรั่ง" จากวงดังๆมาทำรายงาน "แปลภาษาอังกฤษ"

พวกผมท่องศัพท์จาก "บทสัมภาษณ์นักฟุตบอลอังกฤษ" จากนสพ.เดอะซัน ซึ่งเป็นนสพ.เก่า เราขอจากร้านกาแฟนักท่องเที่ยวมา

 

ทุกอย่างเหล่านี้ หล่อหลอมให้ผมสอบผ่าน pass ชั้นรร.ใหม่  ข้ามปี 1 ไปเรียนปี 2 ได้เลย เพื่อทุ่นเงินค่าเทอมให้พ่อแม่

 

ทั้งหมดผมเป็นหนี้บุญคุณนิตยสารฝรั่งแนวขวัญใจวัยรุ่น และนสพ..มือสองเก่าๆ ทั้งสิ้น

ครูของผมคือบทเพลงของวง Manic Street Preacher (ที่กำลังดังในขณะนั้น) Madonna+U2+Savage Gardenฯลฯ

 

ไม่เกี่ยวกับรร.จะเด่น ดี ดัง รวย มุ่งอังกฤษล้วนแบบที่ลีว่า

 

เพราะรร.เก่าผมก็เด่น ดี ดัง รวยจริง  แต่ไม่ได้ช่วยให้ผมบรรลุความฝันได้

 

เห็นด้วยค่ะ

ดิฉันสอบภาษาอังกฤษผ่านสบายบรื๋อออออออ...ตั้งแต่ประถมจนจบมหาวิทยาลัย เพราะชอบเพลงสากล เวลาสอบก็ร้องเพลงไปเรื่อง ไวยากรณ์ สำนวน ฯลฯ อยู่ในนั้นทั้งหมด

โห เราอายคะ เก่งแต่พูดกับอ่าน เขียนดี แต่แกรมม่าไม่เป๊ะคะ เลยสอบไม่ค่อยจะดีด้านนี้ ถามทฤษฏีเทนส์ใหนใช้อะไรแทบจะเควี้ยงปากกาท้ิง หลับตาสุ่มเอาทุกที (จริงๆใช้อ่านเอา ถ้าดูเข้าท่าก็อันนั้นแหละ) แต่ได้เต็มส่วนอื่นเลยช่วยไว้ อิอิ

 

เหมืนคนอื่นๆแหละคะที่ขวนขวายหาวิธีเรียนที่ตัวเองถนัด เรียนจากสิ่งรอบกาย หนังฝรั่งไม่พากไทย เพลง (โตมาจากไมเคิล แจ๊คสันเค้าละ) หนังสืออ่านเล่น (โดดเรียนไปอ่านหนังสืออ่านนิยายภาษาอังกฤษในห้องสมุดคะ) สิ่งเหล่านี้ไมจำเป็นต้องเป็นโรงเรียนท๊อปเลยก็มีได้ถ้าคนอย่ากเป็นอยากเพิ่มทักษะตัวเอง


You can't fix stupid - Ron White

 

You can have your own opinion, but not your own facts - Daniel Patrick Moynihan

 

"A society is judged by how it treats its animals and elderly"


#79 Lucy Van Pelt

Lucy Van Pelt

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 525 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 03:10

ภาษาอังกฤษนี่ต้องใจรักจ้าาา ผมเรียนมาสายวิทยาศาสตร์ แต่เผอิญชอบภาษาอังกฤษ เลยโชคดีหน่อย  :) ช่วงจบมาแรกๆอ่านกับเขียนทำได้ไม่ลำบากเท่าไหร่ ฟังพอไหว พูดได้บ้างไม่ได้บ้าง จนกระทั่งมาทำงานต่างประเทศ แรกๆก็แย่เหมือนกัน อาศัยดูทีวีที่มี close caption ซึ่งช่วยได้เยอะ เพราะได้ฟังและอ่านในเวลาเดียวกัน รู้ตัวอีกทีว่าฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องก็ตอนขับรถแล้วเปิดเพลงฟัง ฟังไปเรื่อยๆมาพบว่า เอ๊ะ เรารู้เรื่องสิ่งที่เพลงมันร้องออกมาหมดเลยนี่หว่า ตอนนั้นดีใจมาก  :lol:



#80 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 03:49

อย่างลืมนะครับว่า นโยบาย ป ตรี 15000 ก็มีส่วนทำให้คนจ้างเด็ก ปตรี น้อยลง ตำแหน่งงานมันเปิดน้อยลง คนก็ตกงานมากขึ้นเป็นธรรมดา ส่วนเรื่องคุณภาพของเด็กที่จบก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง 



#81 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 06:26

ตั้งแต่ต้นปีมานี้งดรับ ป.ตรี แล้วหันมารับ ปวช. ปวส. แทนทั้งหมด

พบว่าไม่แตกต่างกัน เพราะก็ต้องมาเรียนรู้ใหม่ทั้งหมดอยู่ดี
ยังไงก็ต้องทดลองงาน 4 เดือน ไม่ได้เรื่องก็จบกันไป

ที่ออฟฟิตไม่ต้องการความสามารถทางภาษา
ทำให้ง่ายในการหาคน

แต่สิ่งที่พบแล้วถือว่าเป็นประเด็นในการจ้างงานคือ

> มีความอดทนต่ำ
> หวังดังข้ามคืน (เพราะมีตัวอย่างให้เห็นเยอะ)
> ไม่รอบรู้เท่าที่ควร
> ไม่ดิ้นรนขวนขวาย ทุกอย่างถือเป็นหน้าที่ของบริษัทที่ต้องซัพพอร์ต
> อ่านหนังสือน้อยมาก (มากจริงๆนะ)

Posted Image


#82 นายตัวเกร็ง

นายตัวเกร็ง

    Monkey Godfather Lv.3

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,901 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 07:02

การเรียนการสอนบ้านเราเรียนเยอะไปหรือเปล่า?

เยอะในที่นี้ไม่ใช่เรื่องปริมาณของเนื้อหา

แต่เยอะด้วยวิชาที่เยอะแยะมากกินไป

เรียนในวิชาที่ไม่จำเป็นต่อวิชาชีพ

เรียนแบบไม่เจาะจงตามความถนัดของนักศึกษา

 

ยกตัวอย่าง น้องชายผมที่ไปเรียนที่อินเดียไปเรียนเน็ตเวิร์ค

ปีแรกเรียนกว้างมากแต่กว้างในวิชาเน็ตเวิร์ค

ปีที่สองเป็นการเลือกสายว่าจะเรียนสาย Windows หรือสาย Unix

เลือกไปแล้วต้องเรียนเฉพาะสายที่ตัวเองเลือกเท่านั้นจะไม่มีข้องแวะอีกเลย

ปีที่ ๓ ปีที่ ๔ ก็เจาะจนเก่งไปเลย~

 

บ้านเราเรียนอะไรไม่รู้มาก เยอะแยะ ซึ่งไม่จำเป็นต่อวิชาชีพซะส่วนใหญ่


เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<


#83 คนไทย916

คนไทย916

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,396 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 07:24

ส่วนญี่ปุ่นนี่อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นยังไง เพราะมันตรงข้ามกับอเมริกา แต่เศรษฐกิจเติบโตมากเหมือนกัน ใครรู้ว่าเป็นยังไงเล่าให้ฟังบ้างสิครับ

 

จากที่ผมเข้าเว็บเกี่ยวกับซีรีส์ญี่ปุ่น หรือวัฒนธรรมญี่ปุ่น

เขาเล่าว่าปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ครับ

คือเด็กญี่ปุ่นจำนวนมากยังเรียนมัธยมไปทำงานพิเศษไป และไม่มุ่งเรียนมหาวิทยาลัย แต่จบมัธยมปลายแล้วทำงานเลย

เนื่องจากงานที่เขาทำไม่ต้องใช้วุฒิปริญญาตรีก็ได้ ไม่สำคัญอะไร  ที่นั่นเขาเน้นทักษะการทำงานและทักษะชีวิตมากกว่าปริญญาครับ

 

เพื่อนเสรีไทย ท่าน Yoฯ (ขอโทษ ชื่อยาวผมจำเป๊ะๆไม่ได้) น่าจะตอบได้แม่นยำกว่านะครับ เพราะผมอ่านมาอีกที

ถ้าเลือกแต่ ปริญญา คนเก่าคนแก่ ที่ เกษียณ ที่ไม่จบปริญญา บริษัท คงไม่จ้างต่อแน่ 

แต่บริษัทที่ผมอยู่ยังจ้างต่อเกือบทุกคน เกือบทุกแผนก แล้วแต่ใคร จะทำต่อ  ถึงแม้งานเขาจะไม่เยอะเหมือนก่อนแต่เงินได้เพิ่มขึ้น เพราะเขาต้องการประสบการณ์ ที่ได้ ทำมานานนั้นล่ะครับ


เราตระกูลชินจัง ขอยก ฐานะ เสื้อแดง จาก ไพร่ เป็น ควายแดง ณ.บัดนี้  

    ถึงแม้ พ่อแม่ เองจะให้ฐานะความเป็น คน มาแต่กำเนิดก็ตาม 


#84 CanisLupus

CanisLupus

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 770 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 09:18

ปล. ลืมตอบเรื่องรร.หนองกระโทกที่ "อัพพบุคคล" (เปิดศัพท์พุทธศาสนาเอานะ) ตอกย้ำซ้ำซากเป็นแผ่นเสียงตกร่องทั้งที่ไม่มีใครเอาด้วย

ผมก็เขียนระบุชัดเจนแล้วว่า ถึงผมเรียนรร.ระดับท้อปที่ดีมากๆ แต่ผมได้ความรู้จนสอบพาสชั้นได้เพราะเป็นหนี้บุญคุณนสพ.เก่า และบทเพลงต่างๆ

ซึ่งเด็กรร.วัดหนองบัวกระโทกที่คุณว่าก็สามารถทำแบบผมได้

 

เหมือนเด็กรร.บ้านนอกยากจนแบบท่านชวนและท่านสุรินทร์ พิศสุวรรณ ก็ทำได้มาแล้ว 

 

อย่าให้ต้องพูดซ้ำ ตอบซ้ำ เหมือนลีเป็นเด็กรีทาร์ดแบบที่เพื่อนๆว่าเลย  มันน่าอาย

 

 

 

ผึ้ง คุณมั่วแล้ว
ทั้ง ดร สุรินทร์กับคุณชวนไม่ได้เรียนโรงเรียนอนาถา ครู 2 คน นักเรียน 18 คนนะครับ
อย่างคุณชวนผมรู้จักดี ตอนเล็กๆ แกเรียนโรงเรียนวัดควนวิเศษ อยู่กลางใจเมือง นักเรียนเป็นพันคนนะครับ
โตขึ้นมาหน่อยแกก็เรียนโรงเรียนตรังวิทยา โรงเรียนประจำจังหวัดขนาดใหญ่นะครับ หลังจากนั้นแกก็เขามาเรียนกรุงเทพ
ทั้ง 2 คนไม่มีใครเรียนโรงเรียนอนาถา ครู 2 คน นักเรียน 18 คนอย่างที่คุณว่าเลยนะครับ
 
แล้วนั่นมัน 50-60 ปีที่แล้วนะผึ้ง ตอนนั้นเด็กต่างจังหวัดได้เรียนจนจบ ป 6 ก็เรียกว่าเก่งแล้ว
 
คุณเอามาเทียบกับโรงเรียนหนองกระโทก ครู 2 คน นักเรียน 18 คน ในปี 2556 ซึ่งขนาดนักเรียนต่างจังหวัดระดับลูกแม่ค้าในตลาดอย่างคุณชวนเขายังไม่ไปเรียนเลย
 
มันคนละเรื่องกันผึ้ง
อยู่ในโลกแห่งความจริงหน่อย
นักเรียนโรงเรียนหนองกระโทก ครู 2 คน นักเรียน 18 คน  ณ ปี 2556 ไม่มีทางได้โงหัวหรอกครับ
อ่านภาษาไทยออกก็เก่งแล้ว ไม่ต้องนึกถึงภาษาอังกฤษหรอกครับ

Edited by CanisLupus, 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 10:23.


#85 CanisLupus

CanisLupus

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 770 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 09:22

ดีมาก กระสันต์ให้ผมตอบผมก็จะตอบ

 

ถ้าลี "ตัดสินพิพากษา" ประโยคที่ว่า "เนื่องจากการเรียนการสอนภาษาอังกฤษล้าหลังมาก " 

คือการด่ารร.  มิใช่การติชมโดยสุจริต ตามความเป็นจริง

ผมก็เห็นว่าการที่ครอบครัวของคุณกัดฟันส่งคุณเข้ารร.คริสต์ชื่อดังของจังหวัด เพื่อให้ได้รับการศึกษานั้น ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย

เป็นการสูญเปล่าทั้งหยาดเหงื่อแรงกาย เงินทอง เวลา และการศึกษาเล่าเรียน

เพราะครอบครัวของคุณต่อสู้เพื่อให้คุณมีการศึกษาที่ดี แต่กลับมิได้ทุ่มเทอบรมให้คุณมี "ความเป็นคน" มากพอ

คุณจึงเติบโตขึ้นกลายเป็น "คนนิสัยอันธพาล" เกะกะระราน ทำให้สังคมรังเกียจชิงชัง ดังเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

 

ขอบคุณ ที่คุณลีอุทิศตนเป็นกรณีศึกษาที่ดีมาก ที่ช่วยเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า การศึกษาสูงแต่นิสัยต่ำ ก็ย่ำแย่ได้

และ การศึกษาสูงแค่ไหน โรงเรียนจะดีเพียงใด ไม่ได้ช่วยขัดเกลา "สัน-ดาน" คนๆนั้นให้เป็น "คนดี" ได้

 

ขอบคุณครับ

 

 

ส่วนอันนี้หากผึ้งบอกว่าไม่ใช่การด่าหรือดูถูกโรงเรียนตัวเิองซึ่งสอนให้คุณมีความรู้ขนาดอ่านหนังสือภาษาอังกฤษออกได้

ผมก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วครับ

ผมเชื่อว่ามีนักเรียนที่จบจากโรงเรียนเก่าคุณที่ภาษาอังกฤษเขาดีกว่าคุณแน่

หรือคุณว่าไม่มี?



#86 ริวมะคุง

ริวมะคุง

    ห้ามให้อาหารสัตว์

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,577 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 09:23

การศึกษาไทยมุ่งสร้างบัณฑิตออกมาเป็น "ผู้ใต้บังคับบัญชา" มากกว่าผู้ที่ "ริเริ่ม"

 

บัณฑิตจบใหม่จึงได้แต่มุ่งหน้าหาทางที่จะไปเป็นลูกน้องในบริษัทใหญ่ๆมากว่าที่จะสร้างกิจการของตัวเอง

 

บริษัทใหญ่จึงมีตัวเลือกเยอะ คัดเอาแต่พวกเก่งๆเข้าไป พวกเก่งๆที่มีหัวคิดดีๆ แทนที่จะได้ "ก่องานใหม่"

 

ก็กลายเป็นกำลังผลักดันให้บริษัทใหญ่เจริญขึ้นไปอีก

 

พวกบัณฑิตระดับกลางๆที่ไม่อาจสู้คนเก่งๆได้ ก็เลยไม่กล้าที่จะทำอะไรเอง รังแต่จะดันทุรังไสตัวเองไปเป็นลูกน้องคนอื่นอยู่นั่น

 

ถึงตอนนี้จะตกงานเป็นแสนก็ไม่แปลก

 

เฉกเช่นตอนนี้ที่CPกำลังสร้างอณาจักรของเค้า


Posted Image

#87 Satan for Vendetta

Satan for Vendetta

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,087 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 11:53

สำหรับคนที่ต้องการ improve  ทักษะภาษาต่างประเทศ วิธีที่ดีที่สุด คือ สร้างสภาพแวดล้อมให้เป็นภาษานั้น ตั้งแต่ตื่นนอน จนเข้านอน
ป.ล. จริงๆแล้ว วิธีที่ดีที่สุด กว่านี้ คือ long-hair dictionary :P

 

ดูรายการทีวีเป็นภาษาอังกฤษหมด (ไม่มี sub-title ได้ ยิ่งดี) ทั้งรายการข่าว สารคดี บันเทิง ซีรี่ย์ กีฬา ถ้าอยู่บ้านจะเปิดกรอกหูทั้งวัน

ถ้าขับรถ เลือกคลื่นที่ดีเจเป็นฝรั่ง ฟังเพลงสากล

 

ดิฉันทำอย่างนี้ประมาณ 6 เดือน มีวันนึง กำลังแต่งตัว หันหลังให้ทีวี มีข่าว เครื่องบินชนภูเขา

 

ดิฉันร้อง "เฮ้ย ทำไมชั้นรู้เรื่องหมดเลย" อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ  แต่เก็บประเด็นหลักได้หมดแหล่ะ ไม่ว่า who, what, when, where, why, & how

 

ทักษะอีกอย่างที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือ  สำเนียง  แล้วไวยากรณ์ และภาษาเขียนจะดีขึ้นตามมาเอง

 

ขอคุยว่า แม้จบแค่ domestic university แต่ลูกค้าและเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนอังกฤษ อเมริกัน ชมทุกคนว่า ภาษาอังกฤษดีมาก :)  :) :)  อิอิ
 


Edited by DancingSatan, 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 16:02.

"คนที่เลวกว่าน.ช.ทักษิณ ก็คือ คนที่ช่วยให้น.ช.ทักษิณ ยังมีชีวิต พูดพล่าม และ ทำเลวต่อไป" 


#88 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 12:13

ถ้าไม่เลือกงาน เลือกเงิน ผมว่า มีงานทำนะ เพียงแต่ไปโดนปั่นหัว สะกดจิตว่าต้องได้ 15000 บาท มันก็เลยตกงานกันเป็นแถว เพราะจบมาใหม่ๆ ความรู้ในการทำงานยังไม่มีเลย บางคนจบบัญชีแต่พิมพ์ดีดไม่เก่ง ถามบัญชีตอบไม่ได้ เพราะตอนเรียนลืมไปแล้ว ต้องมาสอนกันใหม่ แต่จะเอา 15000 บาท ก็ตกงานตามระเบียบ 



#89 Satan for Vendetta

Satan for Vendetta

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,087 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 12:15

การเรียนการสอนบ้านเราเรียนเยอะไปหรือเปล่า?

เยอะในที่นี้ไม่ใช่เรื่องปริมาณของเนื้อหา

แต่เยอะด้วยวิชาที่เยอะแยะมากกินไป

เรียนในวิชาที่ไม่จำเป็นต่อวิชาชีพ

เรียนแบบไม่เจาะจงตามความถนัดของนักศึกษา

 

ยกตัวอย่าง น้องชายผมที่ไปเรียนที่อินเดียไปเรียนเน็ตเวิร์ค

ปีแรกเรียนกว้างมากแต่กว้างในวิชาเน็ตเวิร์ค

ปีที่สองเป็นการเลือกสายว่าจะเรียนสาย Windows หรือสาย Unix

เลือกไปแล้วต้องเรียนเฉพาะสายที่ตัวเองเลือกเท่านั้นจะไม่มีข้องแวะอีกเลย

ปีที่ ๓ ปีที่ ๔ ก็เจาะจนเก่งไปเลย~

 

บ้านเราเรียนอะไรไม่รู้มาก เยอะแยะ ซึ่งไม่จำเป็นต่อวิชาชีพซะส่วนใหญ่

 

เรื่องสอนในสิ่งจำเป็นสำหรับอาชีพ (ในอนาคต) ดิฉันว่า พูดยากค่ะ เราไม่รู้อนาคตเราเองหรอก คนเรียนหมอ มาลงเอยธุรกิจก่อสร้างมีเยอะแยะ

 

สิ่งที่เป็นจุดบอดสำหรับการศึกษาบ้านเรา (รวมถึงวัฒนธรรมการดำรงชีิวิต) คือ

เราไม่สอน หรือหัดให้คนใช้สมอง คิดแตกต่างบนรากฐานของตรรกะ  และเหตุผล (legitimate thinking) แต่กลับสอนให้ท่อง และจำอย่างเดียว

 

ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ ข้อสอบแบบปรนัย

เมื่อการเรียนการสอนเป็นแบบนี้ตั้งแต่ประถม จนอุดมศึกษา เราจะคาดหวังอะไรให้เด็กมีความคิด

 

เวลาดิฉันสัมภาษณ์คน ดิฉันไม่ดูเลยว่าจบเกรดเท่าไหร่ ดิฉันจะดูว่า  เรียนวิชาอะไรบ้าง และถามในสิ่งที่แสดง common sense มากกว่า
สำหรับดิฉัน common sense & legitimate thinking สำคัญที่สุด


"คนที่เลวกว่าน.ช.ทักษิณ ก็คือ คนที่ช่วยให้น.ช.ทักษิณ ยังมีชีวิต พูดพล่าม และ ทำเลวต่อไป" 


#90 Satan for Vendetta

Satan for Vendetta

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,087 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 12:18

ถ้าไม่เลือกงาน เลือกเงิน ผมว่า มีงานทำนะ เพียงแต่ไปโดนปั่นหัว สะกดจิตว่าต้องได้ 15000 บาท มันก็เลยตกงานกันเป็นแถว เพราะจบมาใหม่ๆ ความรู้ในการทำงานยังไม่มีเลย บางคนจบบัญชีแต่พิมพ์ดีดไม่เก่ง ถามบัญชีตอบไม่ได้ เพราะตอนเรียนลืมไปแล้ว ต้องมาสอนกันใหม่ แต่จะเอา 15000 บาท ก็ตกงานตามระเบียบ 

 

หลานจบรับปริญญาปีนี้ เพิ่งได้งานที่รพ. ช่วงทดลองงาน (4 เดือน) ได้ 12,500 ไม่รวมสวัสดิการอื่นๆ ถือว่านายจ้างทำผิดกม.ที่บอกว่าปริญญาตรีต้องได้ 15,000 ไหมคะ  ถามจริงๆ ไม่ได้ประชด  :(


Edited by DancingSatan, 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:54.

"คนที่เลวกว่าน.ช.ทักษิณ ก็คือ คนที่ช่วยให้น.ช.ทักษิณ ยังมีชีวิต พูดพล่าม และ ทำเลวต่อไป" 


#91 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 12:19

สำหรับขี้ข้าแดง ทุกปัญหาด้านการศึกษาแก้ได้ด้วยการยุบโรงเรียน

แล้วเอาเงินมาถลุงแจก ผลาญบริโภคกันไปด้วยเรื่องกิเลส

เอาเงินงบประมาณไปทุ่มได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องการศึกษา

 

ถ้าไอ้ลีทาร์ดได้ครูดีๆ ป่านนี้มันคงรู้จักคิด รู้จักประมาณตนมากกว่านี้  -_- 

ครูก็มีส่วนทำให้นักเรียนมีเหตุและผลที่ดี แต่มันมองไปได้ถึงครอบครัวของนักเรียนด้วยครับ ว่าสอนกันมาแบบไหน คนๆ หนึ่งจะยอมเป็นขี้ข้าไอ้แม้วได้นี่่ ทั้งๆ ที่มีความรู้ มันต้องมีขาดจริยธรรมอย่างหนักเลยนะครับ  :lol:



#92 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 12:21

ถ้าไม่เลือกงาน เลือกเงิน ผมว่า มีงานทำนะ เพียงแต่ไปโดนปั่นหัว สะกดจิตว่าต้องได้ 15000 บาท มันก็เลยตกงานกันเป็นแถว เพราะจบมาใหม่ๆ ความรู้ในการทำงานยังไม่มีเลย บางคนจบบัญชีแต่พิมพ์ดีดไม่เก่ง ถามบัญชีตอบไม่ได้ เพราะตอนเรียนลืมไปแล้ว ต้องมาสอนกันใหม่ แต่จะเอา 15000 บาท ก็ตกงานตามระเบียบ 

 

หลานจบรับปริญญาปีนี้ เพิ่งได้งานที่รพ. ช่วงทดลองงาน (4 เดือน) ได้ 12,500 ไม่รวมสวัสดการอื่นๆ ถือว่านายจ้างทำผิดกม.ที่บอกว่าปริญญาตรีต้องได้ 15,000 ไหมคะ  ถามจริงๆ ไม่ได้ประชด  :(

ยังไม่มีกฎหมายกำหนดว่า เด็ก ป. ตรี ต้องได้ 15000 บาท ครับ ทาง ร.พ.ไม่ผิดหรอกครับ  :)



#93 sigree

sigree

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,883 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 12:22

ถ้าไม่เลือกงาน เลือกเงิน ผมว่า มีงานทำนะ เพียงแต่ไปโดนปั่นหัว สะกดจิตว่าต้องได้ 15000 บาท มันก็เลยตกงานกันเป็นแถว เพราะจบมาใหม่ๆ ความรู้ในการทำงานยังไม่มีเลย บางคนจบบัญชีแต่พิมพ์ดีดไม่เก่ง ถามบัญชีตอบไม่ได้ เพราะตอนเรียนลืมไปแล้ว ต้องมาสอนกันใหม่ แต่จะเอา 15000 บาท ก็ตกงานตามระเบียบ 

 

หลานจบรับปริญญาปีนี้ เพิ่งได้งานที่รพ. ช่วงทดลองงาน (4 เดือน) ได้ 12,500 ไม่รวมสวัสดการอื่นๆ ถือว่านายจ้างทำผิดกม.ที่บอกว่าปริญญาตรีต้องได้ 15,000 ไหมคะ  ถามจริงๆ ไม่ได้ประชด  :(

เอาจริงๆนะ

 

ทดลองงานก็ต้องได้ 15000



#94 Satan for Vendetta

Satan for Vendetta

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,087 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 12:25

 

ถ้าไม่เลือกงาน เลือกเงิน ผมว่า มีงานทำนะ เพียงแต่ไปโดนปั่นหัว สะกดจิตว่าต้องได้ 15000 บาท มันก็เลยตกงานกันเป็นแถว เพราะจบมาใหม่ๆ ความรู้ในการทำงานยังไม่มีเลย บางคนจบบัญชีแต่พิมพ์ดีดไม่เก่ง ถามบัญชีตอบไม่ได้ เพราะตอนเรียนลืมไปแล้ว ต้องมาสอนกันใหม่ แต่จะเอา 15000 บาท ก็ตกงานตามระเบียบ 

 

หลานจบรับปริญญาปีนี้ เพิ่งได้งานที่รพ. ช่วงทดลองงาน (4 เดือน) ได้ 12,500 ไม่รวมสวัสดการอื่นๆ ถือว่านายจ้างทำผิดกม.ที่บอกว่าปริญญาตรีต้องได้ 15,000 ไหมคะ  ถามจริงๆ ไม่ได้ประชด  :(

ยังไม่มีกฎหมายกำหนดว่า เด็ก ป. ตรี ต้องได้ 15000 บาท ครับ ทาง ร.พ.ไม่ผิดหรอกครับ  :)

 

ขอบคุณค่ะ


"คนที่เลวกว่าน.ช.ทักษิณ ก็คือ คนที่ช่วยให้น.ช.ทักษิณ ยังมีชีวิต พูดพล่าม และ ทำเลวต่อไป" 


#95 Satan for Vendetta

Satan for Vendetta

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,087 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 12:27

 

ถ้าไม่เลือกงาน เลือกเงิน ผมว่า มีงานทำนะ เพียงแต่ไปโดนปั่นหัว สะกดจิตว่าต้องได้ 15000 บาท มันก็เลยตกงานกันเป็นแถว เพราะจบมาใหม่ๆ ความรู้ในการทำงานยังไม่มีเลย บางคนจบบัญชีแต่พิมพ์ดีดไม่เก่ง ถามบัญชีตอบไม่ได้ เพราะตอนเรียนลืมไปแล้ว ต้องมาสอนกันใหม่ แต่จะเอา 15000 บาท ก็ตกงานตามระเบียบ 

 

หลานจบรับปริญญาปีนี้ เพิ่งได้งานที่รพ. ช่วงทดลองงาน (4 เดือน) ได้ 12,500 ไม่รวมสวัสดการอื่นๆ ถือว่านายจ้างทำผิดกม.ที่บอกว่าปริญญาตรีต้องได้ 15,000 ไหมคะ  ถามจริงๆ ไม่ได้ประชด  :(

เอาจริงๆนะ

 

ทดลองงานก็ต้องได้ 15000

 

ขอบคุณค่ะ  บอกหลานไปว่า ทำไปก่อนเถอะ เอาประสพการณ์ โชคดีที่ที่ได้งานใกล้บ้าน นั่งรถเมล์ทอดเดียวถึง


"คนที่เลวกว่าน.ช.ทักษิณ ก็คือ คนที่ช่วยให้น.ช.ทักษิณ ยังมีชีวิต พูดพล่าม และ ทำเลวต่อไป" 


#96 Maruay

Maruay

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 286 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 13:03

ต้องบอกว่าบ้านเรานั้นเป็น "สังคมอุดมปริญญา" มากกว่าจะเป็น "สังคมอุดมปัญญา" จริง ๆ

จากประสบการณ์ส่วนตัว สิ่งที่การศึกษาไทย (ทั้งระดับพื้นฐานและอุดมศึกษา) ล้มเหลวคือ การสร้างแนวคิดในการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Long-life learning)

ทำให้ความสามารถในการปรับตัว ขวนขวายหาความรู้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางบ้านและนิสัยส่วนตัวของเด็กมากกว่าการถูกปลูกฝังจากสถาบันการศึกษา 

คงมีเพียงสถาบันการศึกษาไม่กี่แห่งที่สร้างสิ่งเหล่านี้ได้

 

จากประสบการณ์ที่เคยได้รับเชิญให้ไปบรรยายให้มหาวิทยาลัย พบว่า ไม่ถึงครึ่งนึงของนักศึกษาที่ใฝ่เรียนรู้หรือพยายามค้นหาความรู้ด้วยตนเอง

สิ่งที่ผู้สอนทำได้คือ การมอบหมายงานเพื่อเพิ่มทักษะ ในตอนนั้นผมขอร้องกลุ่มธุรกิจที่เป็นลูกค้า ให้ความร่วมมือในการให้นักศึกษาเข้าร่วมปฏิบัติงานเพื่อฝึกทักษะจริง มากกว่าฟังบรรยายในห้องเรียน แต่สิ่งที่ได้พบว่ามีนักศึกษาไม่ถึง 20% ที่พยายามศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติม นอกเหนือจากคำชี้แนะของผู้สอน

 

ในขณะที่ผมเคยทำงานร่วมกับมูลนิธินานาชาติแห่งหนึ่ง มีทั้งคนมาเลย์ สิงคโปร์ กลับพบว่า คนกลุ่มนี้สามารถศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง จนบางครั้งแค่บอกสิ่งที่ต้องการและมอบนโยบาย เค้าก็สามารถทำได้ตามที่เราต้องการ แถมภาษาอังกฤษของเค้าถือว่าดีทีเดียว

 

มองย้อนมาที่ทรัพยากรบุคคลบ้านเรา และระบบการสร้างคนของเราแล้ว ยอมรับครับ ว่ายุคต่อจากนี้คงเหนื่อยจริง ๆ...


"To every man upon this earth, Death cometh soon or lateAnd how can man die better Than facing fearful odds."มนุษย์ทุกคนบนโลก ล้วนต้องพบกับความตายไม่ว่าช้าหรือเร็วจะมีอะไรดีไปกว่าการตายที่ห้าวหาญ

#97 so what?

so what?

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,807 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 13:28

ไปคาดหวังอะไรมากกะคุณภาพเด็กเพิ่งจบปริญญาตรีไม่ไ้ด้หรอกครับ อีปลวกมันจบโทเมืองนอก มีตำแหน่งใหญ่โตเป้นผู้นำประเทศ คุณภาพมันเป็นยังไงก็เห็นๆกันอยู่

#98 Emolution

Emolution

    โคตรพ่อโคตรแม่ควายแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,029 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 13:55

น้องแถวบ้านเพิ่งจบ ตอนนี้ยังเตะฝุ่นอยู่เลย



#99 annykun

annykun

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,567 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 14:38

รัฐบาลของประชาชนส่วนใหญ่  หวังดีอยากให้ นักเรียนเข้าถึงการศึกษามากขึ้น  เลยปรับระบบการสอบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษาใหม่

ยังไงไม่รู้  สถาบันอุดมศึกษาเลยได้นักศึกษาคุณภาพต่ำกว่าปกติเข้ามาศึกษาเป็นจำนวนมาก  บางคนสกิลไม่พอ  แค่ดันเข้ามหาลัย

ได้  บางคนก็ไม่ได้สนใจในสาขาวิชานั้นจริง  แต่เข้ามาได้และมาทู่ซี้เรียนให้จบๆ  เพื่อเอาใบปริญญา  จบไปกลวงๆ ทั้งที่สกิลยังไม่ค่อยพอ

หลายๆ คณะในมหาลัยต่างๆ  เลยเลี่ยงไปใช้วิธีสอบตรงแทนการสอบกลางระดับประเทศ  เพื่อให้ได้เด็กที่มีความสามารถจริงๆ  เข้ามาศึกษา


คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม  คือ   ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง

คุณธรรมที่พร้ำสอน  ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา   ส่วน  ประชาธิปไตยน่ะรึ  เอาเข้าจริงๆ  สำคัญอันใด?? 

 


#100 Tatiana

Tatiana

    แทนคุณแผ่นดินเกิด

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,063 posts

ตอบ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 15:45

การเรียนการสอนบ้านเราเรียนเยอะไปหรือเปล่า?

เยอะในที่นี้ไม่ใช่เรื่องปริมาณของเนื้อหา

แต่เยอะด้วยวิชาที่เยอะแยะมากกินไป

เรียนในวิชาที่ไม่จำเป็นต่อวิชาชีพ

เรียนแบบไม่เจาะจงตามความถนัดของนักศึกษา

 

เห็นด้วยค่ะ ยิ่งในระดับมหาลัยที่ทุกคนอยากจบออกมาเพื่อทำงาน ยิ่งต้องเน้นภาคปฏิบัติ เพื่อให้พร้อมเข้าสู่ตลาดงานได้

 

ยกตัวอย่าง น้องชายผมที่ไปเรียนที่อินเดียไปเรียนเน็ตเวิร์ค

ปีแรกเรียนกว้างมากแต่กว้างในวิชาเน็ตเวิร์ค

ปีที่สองเป็นการเลือกสายว่าจะเรียนสาย Windows หรือสาย Unix

เลือกไปแล้วต้องเรียนเฉพาะสายที่ตัวเองเลือกเท่านั้นจะไม่มีข้องแวะอีกเลย

ปีที่ ๓ ปีที่ ๔ ก็เจาะจนเก่งไปเลย~

 

ลูกชายเรียนที่ฝรั่งเศส วิศวคอมพิวเตอร์ ปีที่ 1-2-3 เรียนรวมกันหมดทุกคน แต่พอเทอม 2 ของปีที่ 3 ต้องดูความถนัดความชอบของตัวเองเพื่อเลือก Major (เช่น เครือข่ายโทรคมนาคม, โปรแกรมเมอร์, วิเคราะห์ระบบฯ และในแต่ละ Majorยังแยกย่อยไปอีก) เพื่อเรียนในปีที่ 4-5 (ที่ฝรั่งเศสปริญญาตรี 3 ปี ต่อปริญญาโทอีก 2 ปี ปริญญาเอกอีก 3 ปี) แต่วิศวกรต้องเรียน 5 ปี คือปริญญาโท และถูกบังคับฐานความรู้ภาษาอังกฤษด้วยการสอบ TOEIC(Test Of English In Communication) ด้วยคะแนนไม่ต่ำกว่า 750/990 มีบางคนจบแล้วแต่ไม่ผ่าน ก็ยังไม่ได้ปริญญาจนกว่าจะผ่าน

 

บ้านเราเรียนอะไม่รู้มาก เยอะแยะ ซึ่งไม่จำเป็นต่อวิชาชีพซะส่วนใหญ่

 

เน้นเรียนเพื่อสอบ ไม่ใช่เรียนเพื่อพร้อมปฏิบัติงาน โรงเรียนกวดวิชาก็มีมากทำกันเป็นธุรกิจ แทนที่จะเน้นคุณภาพครูอาจารย์ในโรงเรียนและมหาลัย


กราบหัวใจพี่น้องที่เสียสละออกมาทวงอำนาจคืนจากระบอบทักษิณ





ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน