โรคแพ้ไม่เป็น
รู้ไหมว่าทำไมโลกเราทุกวันนี้ สังคมถึงได้วุ่นวาย สับสนกันมากขึ้น
อย่าได้คิดโทษใครเลยที่เป็นอย่างนี้
พุทธศาสนาสอนว่าการจะดับทุกข์ได้ต้องรู้เหตุแห่งทุกข์เสียก่อน
เคยไหมตอนเราเป็นเด็ก ผู้ใหญ่สอนเราว่าให้ตั้งใจเรียน เพื่อจะได้สอบเข้าไปเรียน
โรงเรียนดีๆ
ส่งไปเรียนพิเศษบ้าง จ้างครูมาสอนเสริมบ้าง หวังให้เราเรียนเก่งกว่าคนอื่นและมีอนาคตดีกว่าเด็กคนอื่นๆ
หนังสือที่อ่านก็เป็นพวก ทำอย่างไรจึงจะชนะคนอื่น จึงจะสำเร็จ อย่ายอมแพ้ ล้วนมุ่งแต่เป้าหมายเป็นสำคัญ
เดี๋ยวนี้การต่อสู้เริ่มตั้งแต่ชั้นอนุบาลกันแล้ว ตัวเด็กเองยังไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ในสนามการต่อสู้นั้นแล้ว
และเมื่อเด็กทำสำเร็จจะมีแต่ผู้ที่ให้กำลังใจ ชมเชย รางวัลมากมาย
ไม่ต้องพูดถึงคนที่แพ้ว่าจะเป็นอย่างไร
ผู้ใหญ่ปลูกฝังให้เขาเป็นผู้ชนะโดยไม่รู้ตัว
เด็กบางคนไม่เคยแพ้ และแพ้ไม่ได้
เคยได้ยินไหมครับว่าเด็กดีๆ บางคนสอบเรียนต่อไม่ได้อย่างที่หวัง ถึงกับฆ่าตัวตาย
ผู้ใหญ่ที่โตแล้วก็เถอะ ผิดหวังเรื่องความรัก ผิดหวังเรื่องงาน ถึงกับฆ่าตัวตายก็มี
คนเหล่านี้แพ้ไม่เป็น เคยแต่เป็นผู้ชนะ เราเรียกคนเหล่านี้ว่าเป็นโรคชนิดหนึ่ง
“โรคแพ้ไม่เป็น”
เชื่อไหมครับว่าโรคแพ้ไม่เป็นนี้จะเพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้นกับผู้ที่มีความรู้ การศึกษาที่สูงกว่า มีตำแหน่งที่สูงกว่า
ตอนเป็นเด็กเราวิ่งเข้าเส้นชัยช้ากว่าเพื่อน เราแพ้ เสียใจ แค่นั้น
พอ เป็นผู้ใหญ่เราแพ้เหมือนกัน แต่นอกจากเสียใจ เรายังมีเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี ยิ่งถ้าเราเคยเป็นผู้ชนะ หรือมีตำแหน่งเป็นแชมป์อยู่ละก็ ศักดิ์ศรีที่เสียก็จะมากขึ้นทวีคูณ
ผู้ที่เป็นโรคแพ้ไม่เป็น พอแพ้ขึ้นมาก็จะไม่ยอมแพ้ จะสู้ หาทางเอาชนะให้ได้
ยิ่งหากมีการศึกษาสูง ศักดินาใหญ่โตขึ้น ย่อมทะเยอทะยานสูงทวีคูณ ยิ่งหาทางเอาชนะ เอาชนะ และทนไม่ได้ สุดท้ายหาทางออกที่รุนแรง
ชีวิตมันย่อมมีสองด้านเสมอ เหมือนเหรียญที่ก็มีหัวกับก้อย
สุขกับทุกข์ อิ่มกับหิว ชนะกับแพ้
หัดรู้จักอีกด้านหนึ่งเถิดเพราะบางครั้งเราก็ต้องเจอกับมันเข้าสักที
เมื่อทุกข์ก็ต้องอยู่กับทุกข์ให้ได้และหาทางดับทุกข์นั้นเสีย
เมื่อแพ้ก็รู้จักยอมแพ้ซะบ้าง มิใช่ดันทุรังแต่จะเอาชนะอย่างเดียว
การยอมแพ้ไม่ใช่จะเสียไปซะทุกอย่าง บางครั้งสิ่งที่ได้รับกลับมา
อาจมีคุณค่ามากกว่าที่เราจะชนะซะอีก
การยอมแพ้บางครั้งทำให้เราได้เพื่อนกลับมา ทำให้เราไม่เสียคนรัก ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน ฯ
เห็นไหมครับว่าการยอมแพ้ซะบ้างไม่เห็นจะแย่ตรงไหนเลย
จะดีตรงไหนถ้าชนะแล้วต้องเสียเพื่อน เสียงาน เสียเจ้านาย หรือเสียคนรักไป
บางคนเป็นโรคแพ้ไม่เป็นในที่ทำงานยังไม่พอ ยังไปเป็นที่บ้านที่ครอบครัวอีก
คิดเอาซิครับว่า ถ้าในบ้านมีแต่คนแพ้ไม่เป็น ต่างเอาแต่ชนะกัน จะวุ่นวายแค่ไหน
ยิ่งรู้มาก ยิ่งเก่งมาก ยิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งจะเอาแต่ชนะมาก ยิ่งไม่ยอมแพ้
จงแพ้เถอะ ถ้าการแพ้นั้นเพื่อให้คนอื่นๆ หรือส่วนรวมได้ชนะบ้าง
หัดรู้จักแพ้กันไว้บ้าง อย่าให้ตัวเองได้ชื่อว่าเป็น “โรคแพ้ไม่เป็น”
บทความโดย อาณัติ วงศ์จำปา
http://variety.teene...rain/32498.html