..........ผู้ที่เคยอ่านหรืิอเคยเห็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือสำนวนของศาลชั้นต้น จะเห็นมีข้อความบรรทัดบนสุดมุมด้านขวาว่า คดีหมายเลขดำที่.............../...............บรรทัดถัดลงมามีข้อความว่า คดีหมายเลขแดงที่.............../...............
.....คำว่าคดีหมายเลขดำหมายความว่า เป็นจำนวนคดีที่มีผู้นำคดีมาฟ้องต่อศาลในแต่ละปีเริ่มตั้งแต่คดีแรกในวันที่ 2 มกราคม เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1เรื่อยไปจนถึงวันสุดท้ายของปีนั้นว่า มีจำนวนกี่คดี ขึ้นอยู่ว่าศาลนั้นมีผู้นำคดีมาฟ้องมากน้อยแค่ไหน อาจมีจำนวน 2,000 หรือ 30,000 คดี เป็นต้น
.....ส่วนตัวเลขหลังเครื่องหมาย / นั้นเป็นตัวเลขที่หมายถึงปี พ.ศ. เช่น ...../2554 , ...../2555 , ...../2556 ก็หมายความปี 2554 ปี 2555 และ ปี 2556 ตามลำดับ
.....ตัวอย่าง คดีหมายเลขดำที่ 20/2554 , 150/2555 , 2328/2556 ก็หมายความว่า เป็นคดีที่ฟ้องลำดับที่ 20 ของปี 2554 คดีที่ฟ้องลำดับที่ 150 ของปี 2555 และคดีฟ้องลำดับเลขที่ 2328 ของปี 2556 ตามลำดับ
.....ส่วนคดีหมายเลขแดงก็คือคดีที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วในแต่ละปีซึ่งก็เริ่มนับตั้งแต่คดีที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นคดีแรกในแต่ละปีคดีหมายเลขแดงที่ 1เรื่อยไปจนถึงวันสุดท้ายของปีนั้นว่ามีจำนวนกี่คดี ส่วนตัวเลขหลังเครื่องหมาย / ก็เป็นตัวเลขที่หมายถึงปี เช่นเดียวกับคดีหมายเลขดำ
.....เมื่ิอคืนวันที่ 23 สิงหาคม 2556 พันธมิตรเพื่ิอประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประกาศคำแถลงการณ์ต่อสาธารณชน มีข้อความตอนหนึ่งว่า
.....ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4/2556 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะยังไม่นำมวลชนเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ สืบเนื่องจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ปราศรัย พิธีกร ศิลปิน และประชาชน ได้ถูกกลั่นแกล้งโดยยัดเยียดข้อหาร้ายแรงอันเป็นเท็จ และเพิ่มผู้ต้องหาจำนวนถึง 96 คน อย่างอยุติธรรมในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ต้องการสร้างพันธนาการให้กับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แม้ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อรักษาหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่ศาลอาญาก็ได้มีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ อ.973/2556 ให้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไขตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2556 ว่า
.....“ห้ามมิให้จำเลยกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดภัยอันตรายต่อความเสียหายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล”
.....ขอบอกกันอีกสักครั้งว่า เคยชื่นชมกลุ่นพัธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ได้ต่อสู้กับทักษิณ ชินวัตร และบริวารของทักษิณ เคยร่วมด้วยช่วยกันมาตลอด แต่ที่ต้องถอยออกมาก็เพราะไม่อาจยอมรับกับพฤติกรรมของแกนนำบางคนได้
.....ที่นำเรื่องนี้มาพูดในวันนี้อีกครั้งก็เพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่กล่าวในคำแถลงการณ์บางตอนนั้นเป็นความจริงหรือความเท็จ เพื่อผู้ที่ยังหลงเชื่ิอในเรื่องข้อเท็จจริงจะได้รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร
.....คดีืที่กลุ่มพันธมิตรถูกฟ้องคือ คดีหมายเลขดำที่ อ. 973/2556 ก็หมายความว่า เป็นคดีอาญาที่โจทก์คือพนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลในปี 2556 เป็นลำดับคดีที่ 973 ซึ่งถ้าดูตามที่กล่าวว่า ศาลอาญามีคำสั่งให้ประกันตัวเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2556 ก็น่าเชื่อว่าคงฟ้องเมื่ิอวันที่ 2 เมษายน 2556
.....ถ้าความจำยังไม่เลอะเลือนสิ่งเกิดขึ้นคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรและมีให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2554 หลังการเลือกตั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับการเลือกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554
.....หลังจากวัน เดือน ปี ดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะไปสั่งข้าราชการประจำคนไหนแม้แต่ลูกจ้างอย่างนักการภารโรงในทำเนียบรัฐบาล และตามความเป็นจริงอำนาจในการสั่งราชการหมดไปตั้งวันประกาศยุบสภาฯในเดือนพฤษภาคม 2554 แล้ว
.....ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2554 จนถึงเดือนเมษายน 2556 ที่มีการฟ้องคดีหมายเลขดำที่ อ.973/2556 เป็นเวลาเกือบ 2 ปี โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 จนถึงเดือนเมษายน 2556 พรรคการเมืองใดเป็นรัฐบาล ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ใครเป็นผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใครเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และใครดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ลองทนทวนความจำกันดู
.....ในระยะเวลาเกือบ 2 ปีดังกล่าว วิญญูชนที่พอมีปัญาคิดได้บ้าง ไม่ตกเป็นผู้ป่วยสมองหรือความจำเสื่อม ไม่เป็นคนวิกลจริต หรือป่วยเจ็บจนกลายเป็นคนทุพพลภาพ ก็น่าจะรู้ได้ว่า
......... มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยที่พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนในคดีที่แกนนำพันธมิตรกับพวกถูกฟ้องให้กลั่นแกล้งโดยยัดเยียดข้อหาร้ายแรงอันเป็นเท็จ และเพิ่มผู้ต้องหาจำนวนถึง 96 คน และสั่งให้พนักงานอัยการฟ้องบุคคลดังกล่าวต่อศาล
.....ใครเป็นผู้สั่งให้มีการให้มีการตั้งข้อหาร้ายแรง ใครเป็นคนสั่งให้เพิ่มจำนวนผู้ต้องหา หรืิอสั่งให้มีการฟ้องคดีในข้อหาและตามจำนวนดังกล่าว ถ้าจะสืบสาวราวเรื่องกันจริง ๆ ก็น่าจะสามารถทราบได้
.....นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องการสร้างพันธนาการความเคลื่อนไหวของพันธมิตรเพื่ออะไร ในเมื่อขณะที่มีการฟ้องคดี นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว และจะรู้ได้อย่างไรว่า ศาลอาญาจะกำหนดเงื่อนไขในการประกันตัวหรือไม่อย่างไร
.....ขอให้พิจารณากันอย่างเป็นธรรมอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผลแล้วก็น่าจะคิดได้ว่า
..........ข้อความในแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นความจริงหรือเป็นความเท็จ แค่ไหน เพียงใด
..........มีเจตนาต้องการหาเรื่องด่า ปชป และนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ โดยเอาเรื่องเท็จมาอ้างหรือไม่
..........ต้องการหลอกลวงให้ผู้ที่ยังประกาศตัวเป็นพันธมิตรอยู่เชื่อเพื่อจะได้เกลียด ปชป และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตลอดไปหรือไม่
.....อีกประเด็นหนึ่งที่อ้างว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะนำมวลชนเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ไม่ได้ เพราะศาลอาญามีคำสั่งเป็นเงื่อนไขในการอนุญาตให้ประกันตัวว่า " ห้ามมิให้จำเลยกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดภัยอันตรายต่อความเสียหายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน "
.....เมื่อศาลอาญามีคำสั่งห้ามดังกล่าว ก็ย่อมหมายความว่า เป็นการห้ามตลอดไปจนกว่าศาลอาญาจะมีคำสั่งปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
.....ดังนั้นการที่แกนนำบางคนประกาศโดยมีเงื่อนไขว่า ให้ ส.ส. ปชป ลาออกจากการเป็น ส.ส. ทั้งหมด แล้วจะได้มาเคลื่อนไหวนำมวลชนร่วมกัน ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะข้อห้ามของศาลอาญายังคงมีผลบังคับอยู่
.....เป็นการหลอกให้ ส.ส.ปชป ลาออก เพื่อต้องการให้ประชาชนทั่วประเทศด่า เกลียดชัง หมดความเชื่อถือ และกลายเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนสาปแช่ง ปชป ที่มีอายุเกือบ 70 คงถึงกาลอวสานแน่นอน ใช่หรือไม่
.....ผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือทักษิณ ชินวัตร กับญาติพี่น้อง พรรคพวกและบริวาร เพราะจะไม่มีพรรคการเมืองใดมี ส.ส.มาขัดขวางการโกงกินชาติบ้านเมืองทั้งในและนอกสภาอีกต่อไป ประเทศไทยก็จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลชินวัตร ง่ายขึ้น ใช่หรือไม่
..........ต้องถือว่า เป็นเกมการเมืองที่ลึกซึ้งแยบยลอย่างยิ่ง โชดดีที่ ปชป ไม่ได้โง่อย่างคนวางแผนเรื่องนี้คิด ครับ ! ! !