นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์
-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา
-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง
-เสาธงแสนแพง
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ
“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท)
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท