Jump to content


Photo
- - - - -

สภาเสียงข้างมากผ่านม.1,2ก.ม.กู้2ล้านล้าน


  • Please log in to reply
63 ความเห็นในกระทู้นี้

#51 อมพระมาพูด

อมพระมาพูด

    ไอ้มดแดง V 5 สู้ว้อย

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,701 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:56


อ่านข้อมูลของชัชชาติ แล้วทุกสิ่งอย่างของคนไทยต้องฝากอนาคตไว้กับรถไฟความเร็วสูง เหรอ ไอ่รถไฟนี้มันจะสร้างคุณูปการให้กับชาติไทย สร้างรายได้ให้กับคนไทย ลืมตาอ้าปากเพราะรถไฟ ?!! ถ้าผิดจากนี้ ใตรจะรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ ไม่ใช่คนไทยทุกคนเหรอ ? แม ร่งสร้างสะตอรี่ซ้า รถไฟไทยยังกะฮีโร่

ถ้าเปลี่ยนรัฐบาล
รมต คมนาคม ก้ได้โสภณ ซาเล้ง มานั่งบริหาร ไม่ชิบหายเหรอ

จะรีบเปลี่บนรัดถะบานไปไหน ให้ อิโง่และคณะอยู่เช็ดขรี้ เช็ดเ ยี่ยว ก่อนดิ๊
The wise man doubts often, and his views are changeable.The fool is constant in his opinions, and doubts nothing,because he knows everything, except his own ignorance (Pharaoh Akhenaton, c.1250BCE)

#52 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 20:02

 

  เอาอย่างนี้  เรามาดูกันว่า  รบ.แถลง  นโยบายไว้อย่างไร  แล้วมาดูกันกันว่า  รบ. ได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง(คิดว่าคงดูเองได้)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น  ความสำเร็จจากการทำนโยบาย   มันอาจจะประสบความสำเร็จบ้างหรือล้มเหลวบ้าง

มันเป็นมุมมองของแต่ละคน  และความยากง่ายของโครงการ บางอย่างผมมองว่าดีแล้วแต่คุณบอกว่ามันไม่ดี  มันก็สรุปไม่ได้   มันอยู่ที่มุมมอง

      ผมไม่รู้ว่าคุณติดตามการเมืองมานานแค่ไหนนะ    แต่คุณน่าจะรู้ว่า  พรรคการเมืองพรรคแรกที่สามารถนำนโยบาย

ที่หาเสียงกับประชาชน  มาบริหารให้เิกิดประโยชน์แก่ประชาชน  ทำงานตามนโยบาย ที่เป็นรูปธรรมที่สุด  จนประชาชนยอมรับ  คือพรรค  ไทยรักไทย

หรือเพื่อไทย ในวันนี้   ส่วนพรรคอื่นๆ ก่อนนั้นที่ว่าตั้งมานาน  เป็นหลายสิบปี   ไม่เคยทำได้    ได้แต่พ่นสร้างความหวังให้ประชาชนแค่ตอนหาเสียง

หรือความหมายอีกอย่างคือ  มันพูดอย่างเดียว  นั่นมันยิ่งกว่ากากอีกนะครับ

 

 

อันนี้ตลกมากค่ะดอนยอ  ความสำเร็จมันไม่ใช่มุมมองนะคะ แต่เป็นความจริงที่ควรจะจับต้องได้ ควรจะแถลงต่อชาวบ้านชาวช่องเขาได้ว่านโยบายที่วางไว้นั้นได้ทำสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  ไม่ใช่ให้คุณมานั่งจินตนาการเอาเอง จะบ้าหรือคะ

 

แล้วที่เอาคำแถลงมาให้อ่านน่ะ คุณจะเหยียบย่ำซ้ำเติมความห่วยแตกของรัฐบาลอิโง่ไปถึงไหนคะ  มีข้อไหนมั่งที่แถลงแล้วทำแล้วอวดชาวบ้านได้ ถ้าอวดได้มันคงแถลงผลงานไปตั้งแต่ปีก่อนโน้นแล้วค่ะ ไม่ทำผิดกฏหมายมาป่านนี้หรอก

 

สรุปว่าคุณเองก็หมดปัญญาจะหานโยบายที่ประสบความสำเร็จของรัฐบาลนี้มาให้ขิงดูสินะ  ถึงอ้างโน่นนี่นั่นแล้วไปลากคำแถลงนโยบายสวยหรูแต่ทำไม่ได้จริงมาให้อ่านแบบนี้  

 

ขิงไม่ได้ว่าอะไรคุณ ขิงถามให้คุณตอบเพื่อที่คุณจะได้ฉุกคิดว่า คุณจะดีใจแน่หรือกับหนี้ 50 ปีที่คุณไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ไปยันรุ่นเหลนก้อนนี้กับความฝันลมๆแล้งๆที่ไม่มีอะไรมารับประกันเลยว่ามันจะประสบความสำเร็จท่ามกลางความล้มเหลวตลอดสองปีกว่าที่ผ่านมา  ซึ่งแม้แต่คนเชียร์สุดลิ่มทิ่มประตูยังควานหาผลงานมาเชิดชูพรรคของคุณไม่ได้ต้องไปอ้าง ทรท มันถูกยุบไปแล้วค่ะ


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#53 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 20:09

 

 

 

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

 

การลงทุน 2 ล้านล้านจะสร้างรายได้ให้ประชาชนยังไงหรา  ลองอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมตามความเข้าใจของคุณหน่อย อย่าไปลากคำพูดหรูๆของคนอื่นมาแปะนะ ขอคำตอบตามที่คุณเข้าใจอ่ะนะ เอ้า จะรอ

 

เขาเอามาทำอะไร เอามาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน มีการจ้างงานมากมาย ระบบทางคมนาคมมีการเชื่อมต่อมากขึ้น เงินกระจายไปทั่วตามสิ่งที่สร้าง

 

ไม่เหมือนไทยเข้มแข็ง เอามาซื้อเสาธง ตู้หยอดน้ำแสงอาทิตย์ สร้างรายได้ จ้างงานตรงไหน นี่เหรออนาคตประเทศไทยแหวะ

 

 

เค้าบอกจะเอามาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน  เค้าจะสร้างยังไงเหรอคะ  วิธีการที่จะใช้เงินให้มันกระจายออกไปเป็นรายได้นี่น่ะ ทำยังไงมีแพลนไว้รึยัง มีการศึกษาวิจัย หรือจะต้องเวนคืนตรงไหนบ้างแล้วจะเกิดปัญหามั้ย  ขอดูหน่อย 

 

เปิด tpbs ดูสิ อย่าดีแต่ถาม

 

 

เอาตามความเข้าใจของคุณ บอกแล้วนี่ว่าอย่าไปเก็บขี้ปากคนอื่นมาพูด คุณเข้าใจแบบไหนคุณว่ามา เราเองก็จะว่าไปตามความเข้าใจของเราเหมือนกัน  มีสมองต้องคิดเอง วิเคราะห์ แยกแยะเองให้เป็นค่ะไม่ใช่วิ่งไปฟังคนโน้นคนนี้  ปัญญาชนเขาไม่ทำกันหรอกค่ะแบบนั้น :D  :lol:


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#54 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 20:14

 

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

กร้ากกกกกกกกกกกส์  :lol:  :lol:  :lol:

 

537016_448893518509091_425396890_n.jpg

 

กู้จากคนไทยด้วยกัน ตังไปอยู่ใหนก็อยู่ในประเทศไทย

 

ถามหน่อยคนชูภาพ มันจนตรงไหน เค้าเอาเงินมันมาใช้หนี้เหรอ แบบพวกทวงหนี้นอกระบบไหม 

 

 

 

ถ้าขืนกู้จากคนไทยอย่างเดียว ก็ชิบหายแล้ว

 

ไม่ต้องมีเงินหมุนเวียนไว้ซื้อก๋วยเตี๋ยว กินส้มตำกัน พอดี

 

:lol:  



#55 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 20:20

 

 

เองทำประกันสังคมตามม.40 หรือยัง

 

 

ผ่านมาหลายวันจนคนอื่นๆ เขายอมรับกันหมดแล้ว  ยังพยายามจะแถแบบหน้าด้านๆ ต่อ ไม่อายเหรอครับ  :D 

ไม่อายเลย เปลี่ยนจาก เงินกู้ไทยเช็มแช็ง เป็นเงินกู้ + เงินคงคลัง   ต่อมาจะเป็นอะไรอีก

 

attachicon.gifประชาธิปด.JPG

 

attachicon.gifงบประมาณ 2552.JPG

 

สามล้อ แม่ค้าข้าวมันไก่ ไม่ได้เช็คช่วยชาติ :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

 

ผู้ประกันตนนอกระบบ(ม.40)

 

หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
 
 ที่มา
การขยายประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบโดยผลักดันร่าง พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ฉบับแก้ไข เพื่อรัฐร่วมจ่ายในมาตรา 40 และแก้ไขพระราชกฤษฎีกา เพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์ของมาตรา 40 ให้เป็นที่จูงใจ โดยเป็นระบบสมัครใจ
 
 
 ความหมาย
ผู้ประกันตนมาตรา 40 หมายถึง บุคคลที่มิใช่ลูกจ้างตามมาตรา 33 หรือเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจ มาตรา 39 เรียกว่า ผู้ประกันตนโดยอิสระ
   
  
 คุณสมบัติในการสมัคร
ต้องเป็นผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ ณ วันสมัครไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (ไม่เป็นลูกจ้างในสถานประกอบการ) หรือผู้ประกันตนโดยสมัครใจ มาตรา 39 สมัครโดยลงลายมือชื่อในใบสมัครด้วยตนเองพร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และจ่ายเงินสมทบงวดแรกได้ที่สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศเลือกทางเลือกใน การจ่ายเงินสมทบได้ 2 ทางเลือก คือ

ชุดสิทธิประโยชน์ 1 จ่าย 100 บาท/เดือน (จ่ายเอง 70 บาท รัฐสนับสนุน 30 บาท)

ชุดสิทธิประโยชน์ 2 จ่าย 150 บาท/เดือน (จ่ายเอง 100 บาท รัฐสนับสนุน 50 บาท) ความเป็นผู้ประกันตนจะเริ่มตั้งแต่วันที่จ่ายเงินสมทบงวดแรก

หมายเหตุ รัฐสนับสนุนในระยะแรกทั้งนี้ จนกว่าสำนักงานประกันสังคมจะประกาศเป็นอย่างอื่น
  
 การแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูล
เมื่อเป็นผู้ ประกันตนแล้วหากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล เช่น เปลี่ยนคำนำหน้านาม ชื่อ - สกุล ที่อยู่ที่ติดต่อขอเปลี่ยนทางเลือกจ่ายเงินสมทบ หรือแจ้งความไม่ประสงค์เป็นผู้ประกันตนต่อไป (ลาออก) เป็นต้น ให้แจ้งต่อสำนักงานประกันสังคม
กรณีขอเปลี่ยนทางเลือกจ่ายเงินสมทบจะทำได้ปีละ 1 ครั้ง ก่อนวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี และจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของปีถัดไป
 
 ประโยชน์ทางภาษี
    -  เงินสมทบในแต่ละปี ใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยใช้ใบเสร็จรับเงินที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเป็นหลักฐาน
 
 สิทธิประโยชน์พื้นฐาน
   
1.  เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย  เมื่อนอนโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยในตั้งแต่ 2 วันขึ้นไป จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้จำนวน 200 บาทต่อวัน ไม่เกิน 20 วันต่อปี เงื่อนไขจ่ายเงินสมทบครบ 3 เดือน ภายในระยะเวลา 4 เดือน (การรักษาพยาบาลใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง) จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ)
   
2.  เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อทุพพลภาพ  รับเงินทดแทนการขาดรายได้จำนวน 500 - 1,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลานานถึง 15 ปี เงื่อนไข เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อทุพพลภาพขึ้นอยู่กับระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบ 6 เดือนขึ้นไป (ต้องเป็นผู้ทุพพลภาพหรือทุพพลภาพเพิ่มขึ้นตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการ แพทย์)
   
3.  ค่าทำศพ (เสียชีวิต) จะได้รับค่าทำศพจำนวน 20,000 บาทต่อราย  เงื่อนไข จ่ายเงินสมทบครบ 6 เดือน ภายในระยะเวลา 12 เดือน
   
4.  เงินบำเหน็จชราภาพผู้ประกันตนสามารถรับเงินก้อนเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ เงื่อนไข มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์
 
 ทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคุณ
     เพื่อสิทธิประโยชน์ดังกล่าวสำนักงานประกันสังคมขอเสนอทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคุณด้วยชุดสิทธิประโยชน์ ดังนี้
 
 ชุดสิทธิประโยชน์ 1 (จ่ายเงินสมทบ 100 บาท/เดือน)

สิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 3 กรณี คือ เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย  เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อทุพพลภาพ  เงินค่าทำศพ
 
 เงินสมทบที่จ่าย
ผู้ประกันตนนำส่งเงินสมทบเดือนละ 100 บาทต่อเดือน หรือวันละประมาณ 3 บาท *ในระยะแรกรัฐบาลมีนโยบายอุดหนุนให้ 30 บาท และผู้ประกันตนจ่าย 70 บาท
 
 ชุดสิทธิประโยชน์ 2 (จ่ายเงินสมทบ 150 บาท/เดือน)

สิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 4 กรณี คือ เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย  เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อทุพพลภาพ  เงินค่าทำศพ  เงินบำเหน็จชราภาพ (เงินออมกรณีชราภาพ)
 
 จ่ายเงินสมทบ
ผู้ประกันตนนำส่งเงินสมทบเดือนละ 150 บาทต่อเดือน หรือวันละประมาณ 5 บาท *ในระยะแรกรัฐบาลมีนโยบายอุดหนุนให้ 50 บาท และ ผู้ประกันตนจ่าย 100 บาท

***ทั้งนี้ผู้ประกันตนที่ประสงค์รับเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้นสามารถจ่ายเงินสมทบเพิ่มเติมได้ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาทต่อเดือน
 
หมายเหตุ ทั้งนี้ ในการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 จ่ายเป็นรายเดือน ๆ ละ 1 ครั้ง และจ่ายเงินสมทบล่วงหน้าได้ครั้งละไม่เกิน 12 เดือน แต่ไม่สามารถจ่ายเงินสมทบย้อนหลังได้
 
วิธีการนำส่งเงินสมทบ

    1.  ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 สามารถนำส่งเงินสมทบได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ที่ท่านสะดวก
    2.  ชำระได้ที่เคาน์เตอร์วิสทุกแห่ง
    3.  หักผ่านบัญชี ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน โดยผู้ประกันตนต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมเอง ซึ่งมีค่าธรรมเนียม 5 บาทต่อครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2554 เป็นต้นไป

หมายเหตุ การชำระเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสจะเสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 10 บาท ในส่วนการชำระผ่านธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จะมีค่าธรรมเนียม 5 บาทต่อครั้ง โดยจะได้รับใบเสร็จรับเงินทันที  แต่ผู้ประกันตนต้องนำใบเสร็จรับเงินที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสที่ออกให้พร้อม สมุดนำส่งเงินสมทบมาตรา 40 ไปติดต่อที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการประทับตราในสมุดนำส่งเงินสมทบ  เนื่องจากต้องใช้ประกอบการยื่นเรื่องเมื่อมีการรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
 
 เอกสารประกอบการสมัคร

   1.   แบบการขึ้นทะเบียนการเป็นผู้ประกันตน มาตรา 40 (สปส.1-40)
   2.  บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้พร้อมสำเนา
    
 สถานที่ในการขึ้นทะเบียน

    1.  สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา
    2.  หน่วยบริการเคลื่อนที่
    3.  สมัครผ่านตัวแทน (เจ้าหน้าที่ประกันสังคม)
    
หมายเหตุ ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ได้มีการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่สนใจสมัคร มาตรา 40 โดยสามารถกรอกแบบฟอร์มสมัครผ่านเจ้าหน้าที่/ตัวแทน แต่ยังไม่มีการเก็บเงินสมทบ ทั้งนี้ในการเก็บเงินสมทบจะเริ่มเก็บในเดือน พฤษภาคม 2554 หรือสามารถติดต่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนได้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา    

 

 

แฟนคลับจ่า, on 04 Sept 2013 - 09:09, said:snapback.png

 

ประชาธิปด, on 03 Sept 2013 - 09:08, said:snapback.png

(ขอย่อนิดนิดเอาเฉพาะเนื้อๆ นะครับ)
 
ไอ้ที่เกี่ยวคือข้อแย้งของเขาที่บอกว่า 3 ล้อไม่ได้รับเช็คเพราะไม่ได้เป็นผู้ประกันตน จึงไม่ได้รับเงินคืนจากกองทุน และ 3 ล้อไม่ได้จ่ายภาษีเหมือนผู้รับเช็ค จึงไม่มีสิทธิ และดังนั้น จึงไม่สามารถเอามาเทียบเคียงกับเรื่องชาวนาได้ประโยชน์จากการจำนำแต่ชาวสวนยางไม่ได้รับ

 
หากยึดตามเหตุผลทั้ง 2 ข้อของผู้โต้แย้งแล้ว ผู้รับเช็คตอนนั้น ไม่ได้มีสิทธิอะไรเหนือกว่าคนขับ 3 ล้ออย่างที่เขาเคลมเลย
 
นั่นคือประเด็นหลักของข้อโต้แย้งครับ

 

ตกลงประเด็นหลักของเรื่องโต้แย้งเรื่องเช็ค 2,000 บาท ไม่ใช่คำถามที่ว่า ทำไมคนขับ 3 ล้อไม่ได้ไม่ใช่หรือครับ เพราะถ้าคำถามนี้ผมตอบไปแล้วนะว่าทำไมคนที่ประกันตนได้  แต่คนขับสามล้อไม่ได้  

 

1. สามล้อเครื่องไม่ได้จ่ายประกันสังคม  ผู้รับเช็ค 2,000 บาทจ่ายประกันสังคม

  แต่เช็ค 2,000 บาท เป็นเงินจากการกู้ + ภาษี  ไม่ได้มาจากประกันสังคม

 

2. สามล้อเครื่องไม่ได้จ่ายภาษี   ผู้รับเช็ค 2,000 บาท รายได้ต่อเดือน < 15,000 ก็ไม่ได้จ่ายภาษีเหมือนกัน

 

เพราะอะไรสามล้อเครื่องถึงไม่ได้หล่ะครับ?  :D  

แม่ค้าข้าวมันไก่ สามล้อ ก็มีประกันสังคมได้ เองได้รับเช็คหรือยัง

 

กรณีผู้ประกันตนโดยสมัครใจ (มาตรา ๓๙) และผู้ประกันตนที่ประกันตนเอง (มาตรา ๔๐)

- บุคคลซึ่งออกจากงานแล้วแต่ยังส่งเงินประกันสังคมอยู่ตามมาตรา ๓๙,๔๐ ให้ยื่นเรื่องด้วยตนเองต่อประกันสังคม เขตพื้นที่หรือจังหวัดที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนโดยตรง

- บุคคลที่ออกจากงานแล้วและไม่ได้ส่งเงินประกันสังคมต่อตามมาตรา ๓๙ หรือ ๔๐ แต่ยังอยู่ในระหว่าง ๖ เดือนที่ได้รับการคุ้มครองก็สามารถขอขึ้นทะเบียนได้โดยตรงที่สำนักงานประกันสังคมยื่นแบบคำขอฯ ด้วยตนเองที่สำนักงานประกันสังคมที่ขึ้นทะเบียน

- หากย้ายสถานที่จ่ายเงินสมทบไปยังสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด/สาขาอื่นให้ยื่นแบบคำขอฯที่สำนักงานประกันสังคมที่จ่ายเงินสมทบ  (สำนักงานประกันสังคมที่รับผิดชอบปัจจุบัน)  ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันจันทร์ที่  ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๒

หมายเหตุ

  • สำหรับผู้ประกันตนโดยสมัครใจ (มาตรา ๓๙) และผู้ประกันตนที่ประกันตนเอง (มาตรา ๔๐) สำนักงานประกันสังคมได้จัดส่งแบบคำขอรับเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐในส่วนของผู้ประกันตน (สปส.รบ.๒๐๐๐) ให้กับผู้ประกันตนโดยตรง

 

 


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#56 ฟังทั้งสองฝ่าย

ฟังทั้งสองฝ่าย

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,261 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:00

ฝ่ายค้าน บอกแค่สี่แสน ฝ่ายรัฐบาลทำได้ไหมครับ ถ้าไม่ได้ ก็ ให้ฝ่ายค้านทำซะ 
หลักแสน กับ หลักล้าน ภาระหนี้สิ้นลดลงอย่างมาก อย่างนี้ซิ ถึงจะเรียกว่าทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และ ประชาชน 
 



#57 CockRoachKiller

CockRoachKiller

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 442 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:12

This bill will make cockroach virtually extinct.  

 

no-vision21.jpg


Please know your place by do not comment my post that you can not comprehend.

#58 กากจริงไรจริง

กากจริงไรจริง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,172 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:20

กระแดะ

กระแดะ

กระแดะ

กระแดะ

กระแดะ

กระแดะ

กระแดะ

กระแดะ



#59 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:21

CPI-น้ำมันดิบ-ยาง.JPG


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#60 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:22

เห็นเพื่อไทยกินอิ่ม เสื้อแดงก็อิ่มตามไปด้วย

ทั้งๆ ที่บาทเดียวก็ไม่ได้แตกเลือด

 

ฮาๆๆๆ


แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#61 หงส์แดง

หงส์แดง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,755 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:33

"ผมไม่ชอบกู้ครับ... กู้น้อยๆผมไม่ชอบ

 

อย่างผมนี่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การกู้ครับ..."

 

ทักษิณกล่าวอย่างมีอารมณ์ขัน :lol:


ถ้าแยกเสียงส่วนใหญ่ กับความถูกต้องไม่ออก ก็อย่ามาอ้างว่ามาจากประชาธิปไตยเลย


#62 น้องจุบุจุบุ

น้องจุบุจุบุ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,006 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:35

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

ผมดูไม่ผิดใช่ปะครับ สีแดงๆคือรถไฟความเร็วสูง รอบ1

เหนือไปเชียงใหม่ ว้าวไฮโซ แต่สถานีอยู่ตรงใหน ?? คือสนามบินเชียงใหม่มันไม่ไกลจากตัวเมืองคือมั่นใจนะว่าตั๋วจะถูกกว่านกแอร์หรือแอร์เอเซีย

ตะวันออกเฉียงเหนือ เห็นสุดที่โคราช ? สร้างทำซากอะไรครับ โคราชขับนานสุดก็ไม่เกิน 3ชั่วโมง

ตะวันออกไประยอง ? คนทำงานนิคมเขาจะจ่าย 1500 ออกจากกรุงเทพไปทำงานหรือ 150 บาทนั้งรถตู้ไปดีกว่าครับ?

ใต้นี่เพรชบุรี ?? อ่อแวะซื้อหม้อแกงใช่ะครับ แถวๆหัวหินหรือปรานบุรีใช่ปะแถวนี้

อืมรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ aec จริงๆ เชียงใหม่ โคราช เพชรบุรี ^_^

 

แล้วรถไฟความเร็วสูง สีส้มอ่อนๆที่บอกเป็นระยะที่สอง สุดไฮโซกระจายทั่วประเทศแต่ทำไมมันไปซ้ำๆกับรถไฟกันจังไม่เบี่ยงเหรอ บ้างจริงๆเอารถไฟที่ไปเพรชบุรีไปวิ่งตรงอุบล จะดีกว่ารถไฟไปเพรชบุรีเพ้อเจ้ออะ มันจะมีคนขึ้นใหมละเนี่ยขับรถแบบหลงทางยังไปสัก 2แล้วทำไมมันต้องแบ่งเป็นสองรอบ ทั้งที่รอบ 1 ไร้สาระมากๆ เส้นทางที่ไม่จำเป็นเอาออกไปก่อนแล้วทำเส้นไปหนองคายหรืออุบลเลยทีเดียวไม่ต้องไปทำหลายรอบแล้วตรงที่ไปเชียงใหม่หรือลงใต้เอาไว้หลังสุดเลยเพราะมันมีสนามบินที่ค่อนข้างดีมากอยู่เพราะตั๋วรถไฟคุณชาติบอก 1500+ แพงกว่าเครื่องบินไปสงขลาหรือขึ้นเชียงใหม่อีกอะ

 

คือคุณชาติชอบไปแต่เวทีที่พูดคนเดียวคนถามไม่ได้ คนอยากจะถามก็ไม่รู้จะถามยังไงในfacebookก็ไม่ยอมตอบสักเท่าไร


Edited by น้องจุบุจุบุ, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:38.


#63 คนสับปะหลี้

คนสับปะหลี้

    สูงสุดแดนสยาม

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,262 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:52

ต้องออกตัวก่อนนะครับ ผมไม่ได้เป็นแฟน ปชป. โครงการรถไฟความเร็วสูงของรบ.ชุดนี้มีทั้งข้อดีและข้อสังเกต อีกไม่กี่ปีเราจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)แล้ว ดังนั้นระบบขนส่งมีความจำเป็นในการที่จะทำให้เราสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้ ซึ่งผมก็เห็นด้วยที่จะมีการวางโครงการเพื่อสร้าง แต่ปัญหาที่ผมเห็นคือในเรื่องของการใช้เงินที่จะนำมาสร้าง ทำไมเราไม่ทะยอยกู้หรือว่าทำในส่วนที่จะเกิดประโยชน์หรือสร้างมูลค่าก่อน แล้วค่อยนำเงินส่วนที่เกิดรายได้มาใช้แล้วก็ขยายออกไป ถ้าไม่พอก็ค่อยกู้ ทำไมต้องกู้มาทีเดียว แล้วแผนการทำงานที่วางไว้คิดว่าเสร็จทันแน่หรือ เท่าที่ผมเห็นแค่นายใหญ่ของ พท.(ไทยรักไทยเก่า) เอางบสร้างถนนตอนนั้นจำได้ว่าจะให้ผ่านจากเชียงใหม่เชื่อมไปยังประเทศพม่า โดยผ่านทางอ.เชียงดาว อ.ไชยปราการ อ.ฝาง อ.แม่อาย ทะลุไปยังจ.เชียงราย ตั้งแต่ที่ได้เป็นรัฐบาลทั้งสองสมัย จนป่านนี้ถนนสายที่ว่ายังไม่เสร็จ แถมผุพัง เป็นหลุมเป็นบ่อ ผมยังคิดเล่นๆ ว่าถ้าถนนสายนี้สร้างเสร็จเมื่อไหร่จะเอาไปลงกินเนสบุ๊คว่าเป็นถนนที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลกเลย บอกตรงๆ นะครับ ว่าผมไม่เชื่อในเรื่องของการดำเนินงาน การดูแลเงินที่จะใช้สร้าง รวมถึงเรื่องของการฮั้ว ตลอดจนการคอรัปชั่น และไม่คิดว่าจะสำเร็จจากเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทด้วย แค่การบริหารจัดการบางอย่างของรัฐบาล การใช้เงิน เช่น การซื้อไอแพดแจกสส. การซื้อนาฬิกาติดรัฐสภา ตลอดจนเรื่องของเงินบำนาญสส. หลายเรื่องทำให้ผมคิดในใจว่า "ไม่เชื่อน้ำหน้าของรัฐบาลนางยก ว่าจะทำได้จริงๆ"


"ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ" - หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

"คนเราสามารถเปลี่ยนต้นไม้ประหลาด ให้เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เปลี่ยนคนผิดให้เป็นพระเจ้า เปลี่ยนสีขาวให้เป็นสีดำ เพียงเพราะความเชื่อของตัวเองเพียงเท่านั้น"


#64 HiddenMan

HiddenMan

    Long Live The King

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,023 posts

ตอบ 20 กันยายน พ.ศ. 2556 - 21:03

 

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

กร้ากกกกกกกกกกกส์  :lol:  :lol:  :lol:

 

537016_448893518509091_425396890_n.jpg

 

กู้จากคนไทยด้วยกัน ตังไปอยู่ใหนก็อยู่ในประเทศไทย

 

ถามหน่อยคนชูภาพ มันจนตรงไหน เค้าเอาเงินมันมาใช้หนี้เหรอ แบบพวกทวงหนี้นอกระบบไหม 

 

 

http://www.posttoday...นอกโปะ2ล้านล้าน

 

 

กิตติรัตน์ แพลมวงเงิน 2 ล้านล้าน จะกู้เงินสกุลต่างประเทศ 40%


“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.”  - Mahatma Gandhi

 

สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด

https://www.facebook...denman.serithai





ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน