Jump to content


Photo
- - - - -

สภาเสียงข้างมากผ่านม.1,2ก.ม.กู้2ล้านล้าน


  • Please log in to reply
63 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 paang_sasita

paang_sasita

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 287 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:38

สภาเสียงข้างมากผ่านม.1,2ก.ม.กู้2ล้านล้าน
 
news_img_531038_1.jpg
 
 
 
ที่ประชุมสภาผู้ แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมาก 288 เสียง ต่อ 122 เสียง ผ่านมาตรา 1 แห่งพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้น ฐานด้านคมนาคมขนส่งขอประเทศ (พ.ร.บ.กู้เงินฯ) วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ตามชื่อ ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ เดิม
 
จากนั้น เวลา 15.20 น. ที่ประชุมได้พิจารณา ในมาตรา 2 ว่าด้วยช่วงระยะเวลาที่ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน จะมีผลบังคับใช้ ทั้งนี้กรรมาธิการฯ ไม่ได้มีการแก้ไข และกำหนดให้มีผลบังคับใช้วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้มีผู้ที่สงวนคำแปรญัตติ จำนวน 7 คน และใช้เวลาอภิปราย 40 นาที ก่อนที่ที่ประชุมสภาฯ จะมีการลงมติเสียงข้างมาก 292 เสียง ต่อ 111 เสียง ยืนยันตามถ้อยคำในมาตรา 2 ตามร่างพ.ร.บ.กู้เงิน ที่ผ่านชั้นรับหลักการ
 
 
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com



#2 winwin191

winwin191

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,520 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:42

รวดเร็วทันใจ
คนเก่งเป็นง่าย คนดีเป็นยาก

#3 ดอน

ดอน

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 2,872 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:44

ปชป.  มี  161 เสียง  แล้วที่เหลือหายไปไหนหว่า


Edited by ดอนยอ, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:59.

จงกล้าที่จะใช้ปัญญาญาณของตนเอง  โดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น(คานท์)


#4 notcomeng

notcomeng

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,963 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:49

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:



#5 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:53

ดีใจจะได้เป็นหนี้ 50 ปี -_-


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#6 ดอน

ดอน

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 2,872 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:09

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg


จงกล้าที่จะใช้ปัญญาญาณของตนเอง  โดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น(คานท์)


#7 HiddenMan

HiddenMan

    Long Live The King

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,023 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:12

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

 

กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ค่าก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงตก กิโลเมตรละเท่าไหร่ครับ?


Edited by HiddenMan, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:13.

“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.”  - Mahatma Gandhi

 

สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด

https://www.facebook...denman.serithai


#8 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:13

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

 

รถไฟความเร็วสูงระยะ 2  เป็นโครงการชาติหน้าป่าวดอน...

 

ขนาดยังไม่มี ยังจะผลาญ 2.2 ล้าน ใช้หนี้อีก 50 ปีเลย

 

โดย ชัชชาติ โดนตาโย่ง ปชป. จับได้ ทำโครงการสั้นจุ๊ดจู๋..

 

ทำเป็นเอาโครงการ 2 มาโชว์..

 

:lol: :lol:  :lol:  

 

:lol: 



#9 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:15

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

อธิบายแผนนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ เค้าจะยังไงกัน


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#10 ดอน

ดอน

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 2,872 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:17

 

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

 

กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ค่าก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงตก กิโลเมตรละเท่าไหร่ครับ?

 

จำไม่ได้แล้วครับ   อย่างไรก็แล้วแต่นั่นมันคือประมาณการ


จงกล้าที่จะใช้ปัญญาญาณของตนเอง  โดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น(คานท์)


#11 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:19

http://www.mcot.net/...03#.UjrdAlT-LIU

 


 

“กรณ์” ระบุจีนประเดิมลงทุนรถไฟความเร็วสูงกับไทย 2 เส้นทาง

 

By TNA | 30 ส.ค. 2553 18:50 | 523 views | View Comment

 

 

กรุงเทพ ฯ 30 ส.ค. - นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจมีมติอนุมัติแผนการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลไทยกับจีนในโครงการรถไฟความเร็วสูง หรือ ไฮ สปีด เทรน ในเส้นทางหนองคาย-กรุงเทพฯ และ กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง รัฐบาลจีนมีความสนใจที่จะเข้าร่วมทุนเช่นกัน โดยเชื่อว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปจีนในวันที่ 4 กันยายนนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น
 
สำหรับลักษณะการร่วมทุนกับจีน เบื้องต้นจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาบริหารร่วมกัน โดยเส้นทางหนองคาย-กรุงเทพฯ คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุน 100,000 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 300,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการปรับการเดินรถในบางจุดจากรางคู่เป็นรางเดี่ยว ช่วยให้ประหยัดต้นทุนมากขึ้น ขณะที่เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศ เข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบ  พีพีพี โดยจะเปิดให้มีการศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุนโดยเร็ว และจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันที่ 30 กันยายนนี้

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า การร่วมทุนกับเอกชนในครั้งนี้รัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดราคาตั๋วโดยสารเอง เพื่อแก้ไขปัญหาราคาตั๋วโดยสารแพงที่เกิดขึ้นในอดีต ขณะที่เอกชนจะทำหน้าที่บริหารจัดการเดินรถ ซึ่งรัฐบาลจะคัดเลือกเอกชนที่เสนออัตราผลตอบแทนต่ำที่สุด.- สำนักข่าวไทย 

 

 

ครม.มาร์ค อนุมัติแผนไปแล้ว ไม่เห็นจะเป็นจะตาย กับ เงินกู้ชั่วโคต-ร

 

:lol: 



#12 ดอน

ดอน

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 2,872 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:20

 

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

อธิบายแผนนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ เค้าจะยังไงกัน

 

เดี๋ยวจะให้  ชัชชาติ  อธิบายให้ฟัง :D

https://www.facebook...adchartofficial


จงกล้าที่จะใช้ปัญญาญาณของตนเอง  โดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น(คานท์)


#13 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:20

เอกสารสวยๆ หรูๆ ที่พ.ท.เอามาโชว์ยังไม่ได้แนบกับกฏหมายเงินกู้เลย แสดงว่าเอกสารเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ่ แม้แต่ตอนที่พ.ท.กลายเป็นฝ่ายค้านไปแล้ว ก็ยังเปลี่ยนเอกสารได้อีก หากไม่ได้มีการแนบเอกนั้นกับกฏหมายอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ในอนาคตอาจกลายเป็นรถไฟฟ้าสายกรุงเทพฯ - กาญจนบุรีก็ได้


Edited by Stargate-1, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:28.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#14 HiddenMan

HiddenMan

    Long Live The King

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,023 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:21

 

 

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

 

กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ค่าก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงตก กิโลเมตรละเท่าไหร่ครับ?

 

จำไม่ได้แล้วครับ   อย่างไรก็แล้วแต่นั่นมันคือประมาณการ

 

 

http://www.prachacha...wsid=1367865367

 

เท่านี้หรือเปล่าครับ?

 

และแนวที่ 5 เป็นแนวเส้นทางที่ 1 และ 2 มาผสมผสานกัน โดยช่วงบางซื่อ-พิษณุโลกใช้แบบเดียวกับแนวที่ 1 คือขนานไปกับแนวรถไฟเดิม ช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ใช้แนวเดียวกันทางเลือกที่ 2 เมื่อผ่าน จ.พิษณุโลกแล้ว จะตัดแนวใหม่ไปทางทิศตะวันตก มุ่งไป อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย บรรจบกับแนวรถไฟเดิมที่ ต.กล้วยแพะ อ.เมือง จ.ลำปาง ผ่าน จ.ลำพูน และสิ้นสุดที่ จ.เชียงใหม่ ระยะทางรวม 669 กม.

มี 12 สถานี ได้แก่ บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย ศรีสัชนาลัย ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ มีพื้นที่เวนคืน 2,700 แปลง 7,724 ไร่ เงินลงทุน 431,393 ล้านบาท แยกเป็นค่าเวนคืน 10,814 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 420,579 ล้านบาท

 

 

ตกกิโลเมตรละประมาณ 640 ล้านบาท


“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.”  - Mahatma Gandhi

 

สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด

https://www.facebook...denman.serithai


#15 ดอน

ดอน

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 2,872 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:21

1238861_565374183523438_755206353_n.jpg

 

996824_565326536861536_1389223976_n.jpg


จงกล้าที่จะใช้ปัญญาญาณของตนเอง  โดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น(คานท์)


#16 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:22

 

 

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

อธิบายแผนนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ เค้าจะยังไงกัน

 

เดี๋ยวจะให้  ชัชชาติ  อธิบายให้ฟัง :D

https://www.facebook...adchartofficial

 

 

อุ๊ยตาย !! เวรกรรมไม่รู้เรื่องยังอวย แบบนี้ก็แย่สิคะดอนยอ ใครจูงเข้าพงลงเหวที่ไหนก็ไปกับเขา ระวังเขาจะเอาไปฆ่านะคะ :D


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#17 Strangerman

Strangerman

    คนแปลกหน้า

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,674 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:25

ควายแดงมันเพ้อเจ้อแบบนี้ทุกตัวรึเปล่าหว่า :D :D :D

 

เรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าค่าครองชีพเพิ่ม  ขึ้นภาษี แต่รายได้เท่าเดิม

 

ควายแดง หรือ เราๆ ท่านๆ จะตายก่อนกัน หุหุ

 

แน่นอนว่าแรกๆ อาจจะยังไม่รู้สึก ต่อไปก็อย่าร้องล่ะกันนะไอ้เหล่าควายแดงทั้งหลาย ^_^


• เอือมระอากับบรรดาพี่น้องที่หลงทางจริงๆ เห็นต่างกันยังรับได้ครับ แต่เห็นผิดเป็นชอบแบบนี้มันบัดซบจริงๆ •
• หายนะของประเทศไทย ก็คือการที่   "ควายเลือกควาย"   เข้ามาทำลายประเทศ •


#18 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:27

1238861_565374183523438_755206353_n.jpg

 

996824_565326536861536_1389223976_n.jpg

 

คำพูดหรูมันก็สร้างฝันให้สวยดี เอาเข้าจริงเจ้าของคำพูดนั้นอาจกำลังง้างเท้าจะถีบคุณจากความฝันไปพบความจริงสุดโหดในท้ายที่สุดก็เป็นได้  โบราณถึงได้มีคำสอนว่า ฟังหูไว้หู ไงคะ  รู้จักหาความรู้ซะบ้างเผื่อจะหลบลูกถีบเขาทันนะเออ :D


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#19 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:32

1238861_565374183523438_755206353_n.jpg

 

996824_565326536861536_1389223976_n.jpg

กลัวจนหนีดีเบตเลย  :lol:



#20 ดอน

ดอน

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 2,872 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:32

 

 

 

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

อธิบายแผนนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ เค้าจะยังไงกัน

 

เดี๋ยวจะให้  ชัชชาติ  อธิบายให้ฟัง :D

https://www.facebook...adchartofficial

 

 

อุ๊ยตาย !! เวรกรรมไม่รู้เรื่องยังอวย แบบนี้ก็แย่สิคะดอนยอ ใครจูงเข้าพงลงเหวที่ไหนก็ไปกับเขา ระวังเขาจะเอาไปฆ่านะคะ :D

 

อ่านหรือยังล่ะนั่น    สิ่งที่ดีๆมีเหตุมีผลไม่ค่อยอ่าน   

กับสิ่งเลื่อนลอยของ  สายตรงภาคสนาม  ชอบอ่านกันจริง :D


จงกล้าที่จะใช้ปัญญาญาณของตนเอง  โดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น(คานท์)


#21 JSN

JSN

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,004 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:35

อ่านแล้ว แต่ไม่เชื่อน้ำยารัฐ

#22 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:42

 

 

 

 

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

อธิบายแผนนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ เค้าจะยังไงกัน

 

เดี๋ยวจะให้  ชัชชาติ  อธิบายให้ฟัง :D

https://www.facebook...adchartofficial

 

 

อุ๊ยตาย !! เวรกรรมไม่รู้เรื่องยังอวย แบบนี้ก็แย่สิคะดอนยอ ใครจูงเข้าพงลงเหวที่ไหนก็ไปกับเขา ระวังเขาจะเอาไปฆ่านะคะ :D

 

อ่านหรือยังล่ะนั่น    สิ่งที่ดีๆมีเหตุมีผลไม่ค่อยอ่าน   

กับสิ่งเลื่อนลอยของ  สายตรงภาคสนาม  ชอบอ่านกันจริง :D

 

 

อ่านมาก่อนที่จะเอามาแปะอีกค่ะ ดอนยอ ไม่เคยสงสัยเลยหรือว่าวิธีการจะได้มาซึ่งอะไรดีๆสวยๆที่ชัชชาติว่ามานั่นน่ะ มันต้องมีโครงสร้างซึ่งมากกว่าแค่การกู้เงินจำนวนมโหฬาร  และมีบางคนเขาเคาะไว้ว่าไม่จำเป็นต้องกู้ขนาดนี้ก็ได้นะคะ :lol:  


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#23 notcomeng

notcomeng

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,963 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:55

ขนาดที่หาเสียงไว้ยังทำไม่ได้เลย ยังจะมีคนเชื่อคำพูดเพื่อแดรกเงินประเทศอีก  :lol:  :lol:  :lol:



#24 ดอน

ดอน

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 2,872 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:56

 

 

 

 

 

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

อธิบายแผนนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ เค้าจะยังไงกัน

 

เดี๋ยวจะให้  ชัชชาติ  อธิบายให้ฟัง :D

https://www.facebook...adchartofficial

 

 

อุ๊ยตาย !! เวรกรรมไม่รู้เรื่องยังอวย แบบนี้ก็แย่สิคะดอนยอ ใครจูงเข้าพงลงเหวที่ไหนก็ไปกับเขา ระวังเขาจะเอาไปฆ่านะคะ :D

 

อ่านหรือยังล่ะนั่น    สิ่งที่ดีๆมีเหตุมีผลไม่ค่อยอ่าน   

กับสิ่งเลื่อนลอยของ  สายตรงภาคสนาม  ชอบอ่านกันจริง :D

 

 

อ่านมาก่อนที่จะเอามาแปะอีกค่ะ ดอนยอ ไม่เคยสงสัยเลยหรือว่าวิธีการจะได้มาซึ่งอะไรดีๆสวยๆที่ชัชชาติว่ามานั่นน่ะ มันต้องมีโครงสร้างซึ่งมากกว่าแค่การกู้เงินจำนวนมโหฬาร  และมีบางคนเขาเคาะไว้ว่าไม่จำเป็นต้องกู้ขนาดนี้ก็ได้นะคะ :lol:  

 

คนที่เคาะว่าไม่ต้องกู้ก็ได้  เขาบอกหรือเปล่าครับว่า  ถ้าทำแบบนั้นมันจะใช้งานได้ชาติไหน

(ขอย้ำภาพนี้อีกทีนะ  ผมชอบ) :D

 

996824_565326536861536_1389223976_n.jpg


จงกล้าที่จะใช้ปัญญาญาณของตนเอง  โดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น(คานท์)


#25 Ballbk

Ballbk

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,783 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:56

ระวังพวกมันได้ 2 ล้านล้าน แล้วแม่.งจะยุบสภาหนี


"ความดี กับ ความเลว

ความจริง กับ คำโกหก

ความถูกต้อง กับ การทำผิดกฎหมาย"

ถ้าเกิดเป็น คน ไม่ได้เกิดเป็น ควาย มันไม่ต้องให้ทายหรอก ว่าจะเลือกอย่างไหน

 


#26 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:01

 

 

 

 

 

 

สร้างอนาคตประเทศไทย

 

1379517316-1266846564-o.jpg

 

อธิบายแผนนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ เค้าจะยังไงกัน

 

เดี๋ยวจะให้  ชัชชาติ  อธิบายให้ฟัง :D

https://www.facebook...adchartofficial

 

 

อุ๊ยตาย !! เวรกรรมไม่รู้เรื่องยังอวย แบบนี้ก็แย่สิคะดอนยอ ใครจูงเข้าพงลงเหวที่ไหนก็ไปกับเขา ระวังเขาจะเอาไปฆ่านะคะ :D

 

อ่านหรือยังล่ะนั่น    สิ่งที่ดีๆมีเหตุมีผลไม่ค่อยอ่าน   

กับสิ่งเลื่อนลอยของ  สายตรงภาคสนาม  ชอบอ่านกันจริง :D

 

 

อ่านมาก่อนที่จะเอามาแปะอีกค่ะ ดอนยอ ไม่เคยสงสัยเลยหรือว่าวิธีการจะได้มาซึ่งอะไรดีๆสวยๆที่ชัชชาติว่ามานั่นน่ะ มันต้องมีโครงสร้างซึ่งมากกว่าแค่การกู้เงินจำนวนมโหฬาร  และมีบางคนเขาเคาะไว้ว่าไม่จำเป็นต้องกู้ขนาดนี้ก็ได้นะคะ :lol:  

 

คนที่เคาะว่าไม่ต้องกู้ก็ได้  เขาบอกหรือเปล่าครับว่า  ถ้าทำแบบนั้นมันจะใช้งานได้ชาติไหน

(ขอย้ำภาพนี้อีกทีนะ  ผมชอบ) :D

 

996824_565326536861536_1389223976_n.jpg

 

 

อ้าว แล้วฝันที่ไม่มีโครงสร้างอะไรเลยเนี่ยคุณมั่นใจได้หรือคะว่ามันจะไม่ออกมารูปเดียวกับนโยบายล้านเจ็ดที่พังไปหมดแล้วของรัฐบาลนี้  ถ้าคุณจะเถียงต่อให้คุณยกตัวอย่างนโยบายที่ประสบความสำเร็จแล้วของรัฐบาลนี้มาให้ดูอย่างน้อยไม่ต้องมาก สามตัวอย่างก็พอ  เอาที่เขาแถลงว่าได้ผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้นะคะ  ไม่ใช่เอาภาษีไปละลายทิ้งแล้วบอกว่าทำแล้ว  แบบนั้นมันกากค่ะ


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#27 พะอาจารย์ไม้หน้า5

พะอาจารย์ไม้หน้า5

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 246 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:12

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

Edited by Tawee gibb, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:12.


#28 notcomeng

notcomeng

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,963 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:19

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:



#29 พะอาจารย์ไม้หน้า5

พะอาจารย์ไม้หน้า5

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 246 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:21

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

หลั่งเร็วอีกแล้ว 4ซ่อม 4ปีสร้าง 4ปีเจริญ 4ปีหมดหนี้ ไม่มีใครสร้างชาติด้วยแค่พลิกฝ่ามือ

 

ได้อย่างนี้ อย่าค้าน ค้านมากป่วนมาก ไม่เป็นดั่งแผน อย่ามาโทษ ให้โทษฝ่ายค้าน  อย่าทำตัวหนักแผ่นดิน


Edited by Tawee gibb, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:21.


#30 notcomeng

notcomeng

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,963 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:24

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

หลั่งเร็วอีกแล้ว 4ซ่อม 4ปีสร้าง 4ปีเจริญ 4ปีหมดหนี้ ไม่มีใครสร้างชาติด้วยแค่พลิกฝ่ามือ

 

ได้อย่างนี้ อย่าค้าน ค้านมากป่วนมาก ไม่เป็นดั่งแผน อย่ามาโทษ ให้โทษฝ่ายค้าน  อย่าทำตัวหนักแผ่นดิน

 

ด่าไอ้พวกที่ถือป้ายใช่มั้ยหมูน้อย กร้ากกกกกกกกกกส์%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%



#31 notcomeng

notcomeng

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,963 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:27

post-2730-0-35545300-1379583408.png

 

:lol:  :lol:  :lol:



#32 คนไทย916

คนไทย916

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,396 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:27

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D


เราตระกูลชินจัง ขอยก ฐานะ เสื้อแดง จาก ไพร่ เป็น ควายแดง ณ.บัดนี้  

    ถึงแม้ พ่อแม่ เองจะให้ฐานะความเป็น คน มาแต่กำเนิดก็ตาม 


#33 พะอาจารย์ไม้หน้า5

พะอาจารย์ไม้หน้า5

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 246 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:31

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 



#34 notcomeng

notcomeng

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,963 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:31

2ehp2.png
wnz83.png

 

:lol:  :lol:  :lol:



#35 notcomeng

notcomeng

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,963 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:33

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

กร้ากกกกกกกกกกกส์  :lol:  :lol:  :lol:

 

537016_448893518509091_425396890_n.jpg



#36 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:34

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

 

การลงทุน 2 ล้านล้านจะสร้างรายได้ให้ประชาชนยังไงหรา  ลองอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมตามความเข้าใจของคุณหน่อย อย่าไปลากคำพูดหรูๆของคนอื่นมาแปะนะ ขอคำตอบตามที่คุณเข้าใจอ่ะนะ เอ้า จะรอ


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#37 พะอาจารย์ไม้หน้า5

พะอาจารย์ไม้หน้า5

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 246 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:36

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

กร้ากกกกกกกกกกกส์  :lol:  :lol:  :lol:

 

537016_448893518509091_425396890_n.jpg

 

กู้จากคนไทยด้วยกัน ตังไปอยู่ใหนก็อยู่ในประเทศไทย

 

ถามหน่อยคนชูภาพ มันจนตรงไหน เค้าเอาเงินมันมาใช้หนี้เหรอ แบบพวกทวงหนี้นอกระบบไหม 



#38 พะอาจารย์ไม้หน้า5

พะอาจารย์ไม้หน้า5

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 246 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:38

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

 

การลงทุน 2 ล้านล้านจะสร้างรายได้ให้ประชาชนยังไงหรา  ลองอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมตามความเข้าใจของคุณหน่อย อย่าไปลากคำพูดหรูๆของคนอื่นมาแปะนะ ขอคำตอบตามที่คุณเข้าใจอ่ะนะ เอ้า จะรอ

 

เขาเอามาทำอะไร เอามาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน มีการจ้างงานมากมาย ระบบทางคมนาคมมีการเชื่อมต่อมากขึ้น เงินกระจายไปทั่วตามสิ่งที่สร้าง

 

ไม่เหมือนไทยเข้มแข็ง เอามาซื้อเสาธง ตู้หยอดน้ำแสงอาทิตย์ สร้างรายได้ จ้างงานตรงไหน นี่เหรออนาคตประเทศไทยแหวะ



#39 notcomeng

notcomeng

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,963 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:38

 

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

 

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

กร้ากกกกกกกกกกกส์  

 

537016_448893518509091_425396890_n.jpg

 

กู้จากคนไทยด้วยกัน ตังไปอยู่ใหนก็อยู่ในประเทศไทย

 

ถามหน่อยคนชูภาพ มันจนตรงไหน เค้าเอาเงินมันมาใช้หนี้เหรอ แบบพวกทวงหนี้นอกระบบไหม 

 

ไม่รู้เหรอว่าในภาพนี้เมื่อไหร่ แล้วคนในภาพเป็นพวกไหน

กร้ากกกกกกกกกส์ ฮาดีว่ะหมูน้อย เอาอีกๆๆ  :lol:  :lol:  :lol:



#40 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:40

post-2730-0-35545300-1379583408.png

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

อันนี้ฮามว้ากก  แต่เสื้อแดงคงอาไม่ออก  อันที่จริงมันคงมองไม่เห็น   :D


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#41 พะอาจารย์ไม้หน้า5

พะอาจารย์ไม้หน้า5

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 246 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:40

 

 

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

 

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

กร้ากกกกกกกกกกกส์  

 

537016_448893518509091_425396890_n.jpg

 

กู้จากคนไทยด้วยกัน ตังไปอยู่ใหนก็อยู่ในประเทศไทย

 

ถามหน่อยคนชูภาพ มันจนตรงไหน เค้าเอาเงินมันมาใช้หนี้เหรอ แบบพวกทวงหนี้นอกระบบไหม 

 

ไม่รู้เหรอว่าในภาพนี้เมื่อไหร่ แล้วคนในภาพเป็นพวกไหน

กร้ากกกกกกกกกส์ ฮาดีว่ะหมูน้อย เอาอีกๆๆ  :lol:  :lol:  :lol:

 

ก็คุณลงโลโกคนอีสานไม่เอาเพื่อไทย ก็นึกว่าฝ่ายตรงข้ามสิ ไม่ใช่ผู้วิเศษ ไปรู้นี่



#42 notcomeng

notcomeng

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,963 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:41

 

 

 

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

 

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

กร้ากกกกกกกกกกกส์  

 

537016_448893518509091_425396890_n.jpg

 

กู้จากคนไทยด้วยกัน ตังไปอยู่ใหนก็อยู่ในประเทศไทย

 

ถามหน่อยคนชูภาพ มันจนตรงไหน เค้าเอาเงินมันมาใช้หนี้เหรอ แบบพวกทวงหนี้นอกระบบไหม 

 

ไม่รู้เหรอว่าในภาพนี้เมื่อไหร่ แล้วคนในภาพเป็นพวกไหน

กร้ากกกกกกกกกส์ ฮาดีว่ะหมูน้อย เอาอีกๆๆ  :lol:  :lol:  :lol:

 

ก็คุณลงโลโกคนอีสานไม่เอาเพื่อไทย ก็นึกว่าฝ่ายตรงข้ามสิ ไม่ใช่ผู้วิเศษ ไปรู้นี่

 

ด่าไม่ดูตาม้าตาเรือนี่หว่าน้อง  :D



#43 คนไทย916

คนไทย916

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,396 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:42

 

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

กร้ากกกกกกกกกกกส์  :lol:  :lol:  :lol:

 

537016_448893518509091_425396890_n.jpg

 

กู้จากคนไทยด้วยกัน ตังไปอยู่ใหนก็อยู่ในประเทศไทย

 

ถามหน่อยคนชูภาพ มันจนตรงไหน เค้าเอาเงินมันมาใช้หนี้เหรอ แบบพวกทวงหนี้นอกระบบไหม 

 

จริงง่ะ งั้น กู้คุณสัก2ล้านได้ ไหมจะไปลงทุนซื้อรถจักรยานยนต์ ให้นักเรียนเช่าขี่ไปโรงเรียนหน่อยผ่อนจ่าย 50 ปี  กล้าให้กู้ไหมจ็ะ ผมคนไทยอยากกู้กับคนไทย เงินไม่ไปไหน

ไม่กล้าให้กู้ ก็เป็น....................................แล้วกัน


เราตระกูลชินจัง ขอยก ฐานะ เสื้อแดง จาก ไพร่ เป็น ควายแดง ณ.บัดนี้  

    ถึงแม้ พ่อแม่ เองจะให้ฐานะความเป็น คน มาแต่กำเนิดก็ตาม 


#44 อมพระมาพูด

อมพระมาพูด

    ไอ้มดแดง V 5 สู้ว้อย

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,701 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:44

อ่านข้อมูลของชัชชาติ แล้วทุกสิ่งอย่างของคนไทยต้องฝากอนาคตไว้กับรถไฟความเร็วสูง เหรอ ไอ่รถไฟนี้มันจะสร้างคุณูปการให้กับชาติไทย สร้างรายได้ให้กับคนไทย ลืมตาอ้าปากเพราะรถไฟ ?!! ถ้าผิดจากนี้ ใตรจะรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ ไม่ใช่คนไทยทุกคนเหรอ ? แม ร่งสร้างสะตอรี่ซ้า รถไฟไทยยังกะฮีโร่
The wise man doubts often, and his views are changeable.The fool is constant in his opinions, and doubts nothing,because he knows everything, except his own ignorance (Pharaoh Akhenaton, c.1250BCE)

#45 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:45

 

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

 

การลงทุน 2 ล้านล้านจะสร้างรายได้ให้ประชาชนยังไงหรา  ลองอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมตามความเข้าใจของคุณหน่อย อย่าไปลากคำพูดหรูๆของคนอื่นมาแปะนะ ขอคำตอบตามที่คุณเข้าใจอ่ะนะ เอ้า จะรอ

 

เขาเอามาทำอะไร เอามาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน มีการจ้างงานมากมาย ระบบทางคมนาคมมีการเชื่อมต่อมากขึ้น เงินกระจายไปทั่วตามสิ่งที่สร้าง

 

ไม่เหมือนไทยเข้มแข็ง เอามาซื้อเสาธง ตู้หยอดน้ำแสงอาทิตย์ สร้างรายได้ จ้างงานตรงไหน นี่เหรออนาคตประเทศไทยแหวะ

 

 

เค้าบอกจะเอามาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน  เค้าจะสร้างยังไงเหรอคะ  วิธีการที่จะใช้เงินให้มันกระจายออกไปเป็นรายได้นี่น่ะ ทำยังไงมีแพลนไว้รึยัง มีการศึกษาวิจัย หรือจะต้องเวนคืนตรงไหนบ้างแล้วจะเกิดปัญหามั้ย  ขอดูหน่อย 


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#46 พะอาจารย์ไม้หน้า5

พะอาจารย์ไม้หน้า5

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 246 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:47

อ่านข้อมูลของชัชชาติ แล้วทุกสิ่งอย่างของคนไทยต้องฝากอนาคตไว้กับรถไฟความเร็วสูง เหรอ ไอ่รถไฟนี้มันจะสร้างคุณูปการให้กับชาติไทย สร้างรายได้ให้กับคนไทย ลืมตาอ้าปากเพราะรถไฟ ?!! ถ้าผิดจากนี้ ใตรจะรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ ไม่ใช่คนไทยทุกคนเหรอ ? แม ร่งสร้างสะตอรี่ซ้า รถไฟไทยยังกะฮีโร่

ถ้าเปลี่ยนรัฐบาล

รมต คมนาคม ก้ได้โสภณ ซาเล้ง มานั่งบริหาร ไม่ชิบหายเหรอ 



#47 พะอาจารย์ไม้หน้า5

พะอาจารย์ไม้หน้า5

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 246 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:47

 

 

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

 

การลงทุน 2 ล้านล้านจะสร้างรายได้ให้ประชาชนยังไงหรา  ลองอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมตามความเข้าใจของคุณหน่อย อย่าไปลากคำพูดหรูๆของคนอื่นมาแปะนะ ขอคำตอบตามที่คุณเข้าใจอ่ะนะ เอ้า จะรอ

 

เขาเอามาทำอะไร เอามาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน มีการจ้างงานมากมาย ระบบทางคมนาคมมีการเชื่อมต่อมากขึ้น เงินกระจายไปทั่วตามสิ่งที่สร้าง

 

ไม่เหมือนไทยเข้มแข็ง เอามาซื้อเสาธง ตู้หยอดน้ำแสงอาทิตย์ สร้างรายได้ จ้างงานตรงไหน นี่เหรออนาคตประเทศไทยแหวะ

 

 

เค้าบอกจะเอามาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน  เค้าจะสร้างยังไงเหรอคะ  วิธีการที่จะใช้เงินให้มันกระจายออกไปเป็นรายได้นี่น่ะ ทำยังไงมีแพลนไว้รึยัง มีการศึกษาวิจัย หรือจะต้องเวนคืนตรงไหนบ้างแล้วจะเกิดปัญหามั้ย  ขอดูหน่อย 

 

เปิด tpbs ดูสิ อย่าดีแต่ถาม



#48 ดอน

ดอน

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 2,872 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:47

 

 

 

 

 

 

 

 

อ้าว แล้วฝันที่ไม่มีโครงสร้างอะไรเลยเนี่ยคุณมั่นใจได้หรือคะว่ามันจะไม่ออกมารูปเดียวกับนโยบายล้านเจ็ดที่พังไปหมดแล้วของรัฐบาลนี้  ถ้าคุณจะเถียงต่อให้คุณยกตัวอย่างนโยบายที่ประสบความสำเร็จแล้วของรัฐบาลนี้มาให้ดูอย่างน้อยไม่ต้องมาก สามตัวอย่างก็พอ  เอาที่เขาแถลงว่าได้ผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้นะคะ  ไม่ใช่เอาภาษีไปละลายทิ้งแล้วบอกว่าทำแล้ว  แบบนั้นมันกากค่ะ

 

  เอาอย่างนี้  เรามาดูกันว่า  รบ.แถลง  นโยบายไว้อย่างไร  แล้วมาดูกันกันว่า  รบ. ได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง(คิดว่าคงดูเองได้)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น  ความสำเร็จจากการทำนโยบาย   มันอาจจะประสบความสำเร็จบ้างหรือล้มเหลวบ้าง

มันเป็นมุมมองของแต่ละคน  และความยากง่ายของโครงการ บางอย่างผมมองว่าดีแล้วแต่คุณบอกว่ามันไม่ดี  มันก็สรุปไม่ได้   มันอยู่ที่มุมมอง

      ผมไม่รู้ว่าคุณติดตามการเมืองมานานแค่ไหนนะ    แต่คุณน่าจะรู้ว่า  พรรคการเมืองพรรคแรกที่สามารถนำนโยบาย

ที่หาเสียงกับประชาชน  มาบริหารให้เิกิดประโยชน์แก่ประชาชน  ทำงานตามนโยบาย ที่เป็นรูปธรรมที่สุด  จนประชาชนยอมรับ  คือพรรค  ไทยรักไทย

หรือเพื่อไทย ในวันนี้   ส่วนพรรคอื่นๆ ก่อนนั้นที่ว่าตั้งมานาน  เป็นหลายสิบปี   ไม่เคยทำได้    ได้แต่พ่นสร้างความหวังให้ประชาชนแค่ตอนหาเสียง

หรือความหมายอีกอย่างคือ  มันพูดอย่างเดียว  นั่นมันยิ่งกว่ากากอีกนะครับ

 

 

รบ.เขาแถลงนโยบายไว้แบบนี้ครับ(บางส่วน)

ท่านประธานรัฐสภาที่เคารพ

เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินสามารถบรรลุถึงภารกิจและดำเนินไปด้วย แนวทางที่กล่าวมา รัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินไว้โดยแบ่ง การดำเนินการเป็น ๒ ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก และระยะการบริหารราชการ ๔ ปีของรัฐบาล เพื่อให้มีการพัฒนาอย่างมีคุณภาพ สมดุล ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดังต่อไปนี้

 

๑. นโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก

 

๑.๑ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย

๑.๑.๑ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย โดยการเสริมสร้างความเข้าใจร่วมกันของประชาชนในชาติให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

๑.๑.๒ เยียวยาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องแก่บุคคลทุกฝ่ายเช่น ประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ประกอบการภาคเอกชน ซึ่งได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากความเห็นที่แตกต่าง และความรุนแรงที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายของการใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐

๑.๑.๓ สนับสนุนให้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ดำเนินการอย่างเป็นอิสระและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบและค้นหาความจริงจากกรณีความรุนแรงทางการเมือง การละเมิดสิทธิมนุษยชน การสูญเสียชีวิต บาดเจ็บทางร่างกายและจิตใจรวมทั้งความเสียหายทางทรัพย์สิน

 

๑.๒ กำหนดให้การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” โดยยึดหลักนิติธรรมในการปราบปร๑.๑๔ามลงโทษผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้มีอิทธิพล และผู้ประพฤติมิชอบ โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ยึดหลักผู้เสพคือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัดรักษาให้กลับมาเป็นคนดีของสังคม พร้อมทั้งมีกลไกติดตามช่วยเหลืออย่างเป็นระบบดำเนินการอย่างจริงจังในการป้องกันปัญหาด้วยการแสวงหาความร่วมมือเชิงรุกกับต่างประเทศในการควบคุมและสกัดกั้นยาเสพติด สารเคมี และสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดที่ลักลอบเข้าสู่ประเทศภายใต้การบริหารจัดการอย่างบูรณาการและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งดำเนินการป้องกันกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไปไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วยการรวมพลังทุกภาคส่วนเป็นพลังแผ่นดินในการต่อสู้กับยาเสพติด

๑.๓ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง โดยยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลที่เป็นสากลเพื่อให้การใช้ทรัพยากรเพื่อการพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวมอย่างแท้จริง ปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ขยายการบังคับใช้บทบัญญัติเรื่องการห้ามการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ให้ครอบคลุมผู้ใช้อำนาจรัฐในตำแหน่งสำคัญและตำแหน่งระดับสูงอย่างทั่วถึง เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ เสริมสร้างมาตรฐานด้านคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลของบุคลากรภาครัฐ ตลอดจนปลูกฝังจิตสำนึกและค่านิยมของสังคมให้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตและถูกต้องชอบธรรม

๑.๔ ส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและเร่งรัดขยายเขตพื้นที่ชลประทาน โดยเร่งให้มีการบริหารจัดการน้ำในระดับประเทศอย่างมีประสิทธิภาพให้สามารถป้องกันปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งได้ รวมทั้งสนับสนุนภาคการเกษตรด้วยการก่อสร้างระบบชลประทานขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ฟื้นฟูการขุดลอกคูคลอง และแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีอยู่เดิม ขยายเขตการสูบน้ำด้วยไฟฟ้า จัดสร้างคลองส่งน้ำขนาดเล็กเข้าสู่ไร่นา และขยายเขตการจัดรูปที่ดิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและการผลิตส่งเสริมการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเหมาะสมกับชนิดพืช และจัดหาแหล่งน้ำในระดับไร่นาและชุมชนอย่างทั่วถึง

๑.๕ เร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ควบคู่ไปกับการขจัดความยากจนยาเสพติด และอิทธิพลอำนาจมืด โดยน้อมนำกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว“เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เป็นหลักปฏิบัติในแนวทางสันติวิธี โดยเน้นการส่งเสริมความร่วมมือในทุกภาคส่วนกับประชาชนในพื้นที่ อำ นวยความยุติธรรมอย่างทั่วถึง เพิ่มโอกาสทางการศึกษาและคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสและความเสมอภาค พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ เคารพอัตลักษณ์ ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริมการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบที่สอดคล้องกับลักษณะพื้นที่โดยไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญทั้งนี้ จะมีการบูรณาการการบริหารจัดการทุกภาคส่วนให้มีเอกภาพทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ รวมทั้งปรับปรุง พัฒนากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้อง ทันสมัยกับสภาพความเป็นจริงของปัญหาที่เกิดขึ้น ตลอดจนเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบอย่างเป็นธรรม

๑.๖ เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคร่วมกัน โดยเฉพาะการเร่งแก้ไขปัญหากระทบกระทั่งตามแนวพรมแดน ผ่านกระบวนการทางการทูตบนพื้นฐานของสนธิสัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเร่งดำเนินการตามข้อผูกพันในการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงตลอดจนการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งภายในและภายนอกภูมิภาค

 

๑.๗ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง

๑.๗.๑ ชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงบางประเภทชั่วคราวเพื่อให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงทันที และปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบให้มุ่งสู่การสะท้อนราคาต้นทุนพลังงาน

๑.๗.๒ จัดให้มีบัตรเครดิตพลังงานสำหรับผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะในวงเงินที่เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้จริงต่อเดือน

๑.๗.๓ ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต

๑.๗.๔ แก้ไขปัญหาค่าครองชีพโดยการดูแลราคาสินค้าและการมีรายได้เพื่อเพิ่มกำลังซื้อสุทธิของประชาชนโดยป้องกันและแก้ไขการผูกขาดทั้งทางตรงและทางอ้อม

 

๑.๘ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ สร้างสมดุลและความเข้มแข็งอย่างมีคุณภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจมหภาค

๑.๘.๑ พักหนี้ครัวเรือนของเกษตรกรรายย่อยและผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้ต่ำกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท อย่างน้อย ๓ ปี และปรับโครงสร้างหนี้สำหรับผู้ที่มีหนี้เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งจัดทำแผนฟื้นฟูอาชีพและแผนการปรับโครงสร้างการผลิตอย่างครบวงจร เพื่อสร้างโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการมีรายได้ที่มั่นคงและสามารถใช้หนี้คืน

๑.๘.๒ ดำเนินการให้แรงงานมีรายได้เป็นวันละไม่น้อยกว่า๓๐๐ บาท และผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมีรายได้เดือนละไม่น้อยกว่า ๑๕,๐๐๐ บาทอย่างสอดคล้องกับผลิตภาพและประสิทธิภาพของบุคลากร รวมทั้งมีมาตรการเพื่อลดภาระแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้แรงงานและบุคลากรสามารถดำรงชีพได้อย่างมีศักดิ์ศรีและคุณภาพชีวิตที่ดี

๑.๘.๓ จัดให้มีเบี้ยยังชีพรายเดือนแบบขั้นบันไดสำหรับผู้สูงอายุ โดยผู้ที่มีอายุ ๖๐-๖๙ ปี จะได้รับ ๖๐๐ บาท อายุ ๗๐-๗๙ ปี จะได้รับ ๗๐๐ บาทอายุ ๘๐-๘๙ ปี จะได้รับ ๘๐๐ บาท และอายุ ๙๐ ปีขึ้นไป จะได้รับ ๑,๐๐๐ บาท

๑.๘.๔ ให้มีมาตรการภาษีเพื่อลดภาระการลงทุนสำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิตของประชาชนทั่วไป ได้แก่ บ้านหลังแรกและรถยนต์คันแรก

 

๑.๙ ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้เหลือร้อยละ ๒๓ ในปีพ.ศ. ๒๕๕๕ และลดลงเหลือร้อยละ ๒๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน ขยายฐานภาษี และรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘

 

๑.๑๐ ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน สนับสนุนสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย รวมถึงเพิ่มสวัสดิการของรัฐเพื่อเป็นการดูแลสังคมในชุมชน จัดหาแหล่งเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชน โดย

๑.๑๐.๑ เพิ่มเงินทุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอีกแห่งละ ๑ ล้านบาท

๑.๑๐.๒ จัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โดยมีวงเงินเฉลี่ยจังหวัดละ ๑๐๐ ล้านบาท

๑.๑๐.๓ จัดตั้งกองทุนตั้งตัวได้ในวงเงินประมาณ ๑,๐๐๐ ล้านบาท ต่อสถาบันอุดมศึกษาที่ร่วมโครงการ สนับสนุนการสร้างผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อให้สามารถกู้ยืมเพื่อการสร้างอาชีพ ผนวกกับกลไกของ “หน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ”ในสถานศึกษาโดยมุ่งให้เกิดวิสาหกิจนวัตกรรมใหม่ที่จะเป็นกลไกใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

๑.๑๐.๔ จัดสรรงบประมาณเข้ากองทุนพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นจำนวนเงิน ๓๐๐,๐๐๐๔๐๐,๐๐๐ และ ๕๐๐,๐๐๐ บาทตามลำดับขนาดของหมู่บ้าน เพื่อให้หมู่บ้านบริหารจัดการกองทุนเพื่อการพัฒนาชุมชนด้วยตนเอง

 

๑.๑๑ ยกระดับราคาสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยดูแลราคาสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพที่เหมาะสม คำนึงถึงกลไกราคาตลาดโลก โดยใช้วิธีบริหารจัดการทางการตลาดและกลไกตลาดซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งผลักดันให้เกษตรกรสามารถขายสินค้าเกษตรได้ในราคาสูงเพียงพอเมื่อเทียบกับต้นทุน และนำระบบรับจำนำสินค้าเกษตรมาใช้ในการสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้แก่เกษตรกร เริ่มต้นจากการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้นไม่เกินร้อยละ ๑๕ ที่ราคาเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท และ ๒๐,๐๐๐ บาทตามลำดับ พร้อมทั้งจัดให้มีการเยียวยาความเสียหายของพืชผลจากภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกร การจัดทำระบบทะเบียนครัวเรือนเกษตรกรให้สมบูรณ์ และการออกบัตรเครดิตสำหรับเกษตรกร

๑.๑๒ เร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศโดยประกาศให้ปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ เป็นปี “มหัศจรรย์ไทยแลนด์” (“Miracle Thailand” Year)และประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมเฉลิมฉลองในพระราชพิธีมหามงคลที่จะมีขึ้นในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕

 

๑.๑๓ สนับสนุนการพัฒนางานศิลปหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อการสร้างเอกลักษณ์และการผลิตสินค้าในท้องถิ่น

๑.๑๓.๑ สนับสนุนภารกิจของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในการผลิตงานศิลปหัตถกรรมอันทรงคุณค่า เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพแก่ราษฎรผู้ยากไร้ให้สามารถพัฒนาเป็นช่างฝีมือด้านศิลปะที่มีความสามารถสูงและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ

๑.๑๓.๒ บริหารจัดการโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ให้มีศักยภาพ ด้วยการสนับสนุนให้ชุมชน วิสาหกิจชุมชนใช้ทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นผนวกกับองค์ความรู้สมัยใหม่เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการ การเข้าถึงแหล่งทุนและการตลาดเชิงรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยส่งเสริมให้มีศูนย์กระจายและแสดงสินค้าถาวรในภูมิภาคและเมืองท่องเที่ยวหลักที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและการส่งออก


จงกล้าที่จะใช้ปัญญาญาณของตนเอง  โดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น(คานท์)


#49 คนไทย916

คนไทย916

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,396 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:50

 

 

 

 

 

 

 

นี่เหรอ!! อนาคตของลูกหลาน ฝากไว้กับโครงการไทยหัมแข็ง ของอภิสิทธิ์

 

-โครงการสร้างแฟลตตำรวจ 3,100 ล้านบาท มีแต่เสา

-ฉาว! โกงสร้างถนน 4 โครงการไทยเข้มแข็ง

-เสาธงแสนแพง

 

 
ปชป.สไตล์ กินง่ายไทยเข้มแข็ง..แยกรับประทาน กระจายโครงการ-งบฯ-ความเสี่ยง เลี่ยงตรวจสอบ

 

“แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน “8 แสนล้านบาท”(แปดแสนล้านบาท) 
แต่ไม่กี่เดือนที่เริ่มโครงการ “วิทยา แก้วภราดรัย” รมว.สาธารณสุข และ “มานิตย์ นพอมรบดี” รมช.สาธารณสุข ก็กลายเป็น 2 รัฐมนตรีแรกๆ ที่ถูก “คณะกรรมการสอบสวนโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข” 86,000 ล้านบาท (แปดหมื่นหกพันล้านบาท) ชี้ว่า “เจตนาไม่สุจริต” จนต้องออกจากตำแหน่ง 
ในช่วงใกล้เคียงกันกับที่ “กอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ” รองนายกรัฐมนตรี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็คืออีกคนหนึ่งที่ต้องตกเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” จาก “โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” หรือ “ชุมชนพอเพียง” ที่มีงบประมาณสูงถึง 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ภายหลังจากข้อมูลการทุจริตพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก !!!
ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จะพบว่า “กระทรวง”ภายใต้การกำกับดูแลของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” จะได้รับการจัดสรรสูงสุดอย่างน่าประหลาด
แล้วงบประมาณส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ ผ่องถ่ายไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” อื่น อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่อิ่มหมีพลีมันเป็นอันดับต่อมา
โดย “พรรคประชาธิปัตย์” หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก “1.167 แสนล้านบาท” ในงบประมาณปี 2552
ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท อาทิ “โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ” ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท
โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท
โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน
โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
 
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์นั้น ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก ได้รับงบประมาณไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสำคัญได้แก่
โครงการจัดสร้างทางในหมู่บ้านของกรมทางหลวงชนบท 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบ 12,552 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างหลักประกันรายได้ 9,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 500 บาท
โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ได้รับงบ 552ล้านบาทให้กับโรงเรียนในกำกับของอปท. 1,036 แห่ง
โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และประชาชนในท้องถิ่น 3,000 ล้านบาท และกรมการค้าภายในได้รับจัดสรร 1,000 ล้านบาททำกิจกรรมธงฟ้า
เมื่อมาถึง โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2553-2555) โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8 แสนล้าน จำนวน 692,244 ล้านบาทและรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
ปรากฏว่าตลอดยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับถูกครหาเรื่องการทุจริตมากมาย ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น
เพราะโครงการต่างๆ ตาม “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นั้นมีรูปแบบเฉพาะ คือโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นโครงการ “ขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” แล้ว “กระจายตัว” เป็น “โครงการยิบย่อย” ลงไปในแต่ละที่ ซึ่งทำให้ “ยากต่อการติดตามตรวจสอบ”
แต่กลับปรากฏว่า “โครงการยิบย่อย” ที่กระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย ไปในพื้นที่ต่างๆเหล่านั้น กลับถูกตรวจสอบโดยประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างมาก จนพบว่าทั้งในวงเสวนาของประชาชนและนักวิชาการ ในช่วงนั้นกลับมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีตัวเลขทุจริตสูงถึง 20-30% ของงบประมาณ 
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดเล็กในพื้นที่ต่างๆ กลับยิ่งพบว่า สามารถทุจริตได้มากถึง 50-100% เนื่องจากในบางโครงการ เช่นโครงการขุดลอกคลอง ที่มีการตั้งงบประมาณเอาไว้ระดับ 5 แสน – 1 ล้านบาท บางโครงการกลับไม่พบว่ามีการขุดลอกคลองจริงตามที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในการเสนอโครงการ
ซึ่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ เคยประเมินเอาไว้ว่า การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง 230 โครงการ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 199,960 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการทั้งหมดนั้น อาจจะมีการทุจริตสสูงถึง 49,990 ล้านบาท 
โดยถ้าทุจริต 20 % จะทำให้เกิดความเสียหาย 39,999 ล้านบาท และถ้าทุจริต 25% จะมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 49,990 ล้านบาท

 

1743c8a0.jpg

 

:lol:  :lol:  :lol:

 

ชอบป้ายหลอกควายนี้จัง :D  :D  :D

 

ล้างหนี้ประเทศ หนี้จากไหน ก็จากรัฐบาลใหนทำเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

สร้างรายได้ประชาชนก็ลงทุน2ล้านล้านไงละ

 

อ้าวยังไงต่อจะให้สุภาพสตรี ตามเช็ดก้นคนพรรคนี้นานแค่ไหน เอาป้ายมาประจานหัวหน้าตัวเองแท้ๆ 

 

กร้ากกกกกกกกกกกส์  :lol:  :lol:  :lol:

 

537016_448893518509091_425396890_n.jpg

 

กู้จากคนไทยด้วยกัน ตังไปอยู่ใหนก็อยู่ในประเทศไทย

 

ถามหน่อยคนชูภาพ มันจนตรงไหน เค้าเอาเงินมันมาใช้หนี้เหรอ แบบพวกทวงหนี้นอกระบบไหม 

 

จริงง่ะ งั้น กู้คุณสัก2ล้านได้ ไหมจะไปลงทุนซื้อรถจักรยานยนต์ ให้นักเรียนเช่าขี่ไปโรงเรียนหน่อยผ่อนจ่าย 50 ปี  กล้าให้กู้ไหมจ็ะ ผมคนไทยอยากกู้กับคนไทย เงินไม่ไปไหน

ไม่กล้าให้กู้ ก็เป็น....................................แล้วกัน

 

สรูปกล้าใหผมกู้หรือไม่ 


เราตระกูลชินจัง ขอยก ฐานะ เสื้อแดง จาก ไพร่ เป็น ควายแดง ณ.บัดนี้  

    ถึงแม้ พ่อแม่ เองจะให้ฐานะความเป็น คน มาแต่กำเนิดก็ตาม 


#50 HiddenMan

HiddenMan

    Long Live The King

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,023 posts

ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:50

:D ดอนยอไม่สงสัยหน่อยหรอว่าทำไมมันแพงขึ้นเยอะ... จากเมื่อก่อน


“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.”  - Mahatma Gandhi

 

สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด

https://www.facebook...denman.serithai





ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน