หน้าไม่อาย คิดไปเองว่ามีผลงาน!
สภาผู้แทนราษฎรได้ประชุมพิจารณารายงานผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ปีที่หนึ่ง (วันที่ 23 ส.ค.54-23 ส.ค. 55)
กินเงินเดือน และเอาเงินหลวงไปใช้แล้ว 2 ปี แต่เพิ่งจะมารายงานผลงานปีแรก
ปรากฏว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้อ้างว่าตนมีผลงานหลายเรื่อง แต่ละเรื่อง เมื่อได้รับฟังแล้วคิดตาม ก็นึกสงสัยว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่รู้สึกกระดากใจตัวเองบ้างเลยหรือ?
ไม่อายเลยหรือ?
ยกตัวอย่าง
1) รัฐบาลอ้างว่า “ในระยะต้นของการบริหารประเทศได้เกิดสถานการณ์มหาอุทกภัยซึ่งมีความรุนแรงและยากลำบากในการจัดการ เนื่องจากการบริหารจัดการน้ำที่ผ่านมาไม่มีระบบที่ชัดเจนและไม่มีประสิทธิภาพ อุทกภัยจึงได้สร้างความเสียหายอย่างมากในวงกว้าง สถานการณ์มหาอุทกภัยไม่เพียงแต่ฉุดรั้งเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น หากแต่ยังทำให้การเดินหน้านโยบายเร่งด่วน และนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลต้องชะงักงันไปด้วย เนื่องจากรัฐบาลจะต้องระดมทรัพยากรทั้งงบประมาณ บุคลากร และเวลา ไปใช้ในการแก้ปัญหาและฟื้นฟูประเทศ จึงกล่าวได้ว่าการทำงานในช่วง 4 เดือนแรกของรัฐบาลหมดไปกับการแก้ไขปัญหาอุทกภัย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสามารถนำพาประเทศผ่านพ้นปัญหาและพลิกฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว”
ความจริงในวิกฤติน้ำท่วม 2554 คือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์คือตัวการบริหารจัดการน้ำล้มเหลว เอาการเมืองเข้าไปแทรกแซงการบริหารจัดการน้ำ ผันน้ำผิดทิศผิดทาง ผิดเวลา ผิดสถานที่ ผิดหลักวิชาการ ข้อมูลห่วยแตก ประชาชนเชื่อถือไม่ได้เลย พึ่งพาไม่ได้เลย ถึงขนาดทำให้น้ำท่วมสนามบินดอนเมือง ประเทศชาติเสียหายมากกว่าที่ควรจะเป็น
กว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะตั้งต้นแก้ปัญหาก็ล่าช้า มัวเดินทางไปกัมพูชา ต่อสายสัมพันธ์ทางการเมือง เชื่อมผลประโยชน์ของทักษิณและแกนนำเสื้อแดงที่หนีคดีไปอยู่ที่นั่น
หลังน้ำท่วม ชาวบ้านได้รับการเยียวยาล่าช้า ต้องมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับรัฐบาล ปิดถนนประท้วงก็ถูกรัฐบาลเล่นงานเด็ดขาด ไม่มีเมตตาธรรม ทั้งๆ ที่ มีการผลาญเงินแผ่นดินมหาศาล อาศัยความเดือดร้อนของชาวบังหน้า
การเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดปทุมธานีก็ดี เขตดอนเมืองก็ดี ซึ่งได้รับผลกระทบจากการบริหารจัดการน้ำที่ล้มเหลวของรัฐบาล ชาวบ้านเขาถึงกับสั่งสอนด้วยการเลือกพรรคฝ่ายค้านเข้ามาเป็น ส.ส.แทนคนของพรรคเพื่อไทย
2) รัฐบาลอ้างว่า “ดำเนินนโยบายต่างๆ ตามที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วนที่มีกำหนดดำเนินการในปีแรกได้อย่างครบถ้วน” อาทิ
แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในด้านสินค้าและบริการ รัฐบาลได้กำหนดสินค้าและบริการที่เฝ้าติดตามดูแล 225 รายการ จำหน่ายสินค้าธงฟ้า ดำเนินโครงการโชห่วยช่วยชาติ "ร้านถูกใจ" ในด้านพลังงานได้ชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ยกระดับราคาสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุน รัฐบาลมีการดำเนินการที่สำคัญ ได้แก่ รับจำนำข้าว โดยวันที่ 22 ส.ค. 2555 รับจำนำข้าวนาปีรวม 6.95 ล้านตัน มีเกษตรกรเข้าร่วม 1.14 ล้านราย เป็นเงิน 118,562 ล้านบาท รับจำนำข้าวนาปรัง 10.03 ล้านต้น มีเกษตรกรเข้าร่วม 9.5 แสนราย เป็นเงิน 148,878 ล้านบาท ราคาปรับตัวสูงขึ้นจากปี 2554 ประมาณ 2 แสนล้านบาท เป็นต้น
อันที่จริง พรรคเพื่อไทยประกาศไว้ว่าจะยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ มิใช่ชะลอการเก็บเงิน
บอกว่า จะกระชากค่าครองชีพลงมา มิใช่กระชากขึ้นไปรัดคอประชาชนอย่างที่เกิดขึ้นจริงๆ
ปรากฏว่า ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา สิ่งที่เกิดขึ้นสวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นผลงานของตนเองทั้งสิ้น
การจัดงานขายสินค้าราคาถูก ก็เป็นแค่การจัดกิจกรรมเฉพาะกิจ คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับประโยชน์จากการเอาเงินแผ่นดินไปซื้อของแพงมาขายถูกเฉพาะจุด
ยิ่งโครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยบอกว่าจะไม่ขาดทุน คุยโวว่าจะมีกำไรด้วยซ้ำ แต่ผลปรากฏว่ามีการขาดทุนมหาศาล มากกว่า 130,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ชาวนาได้รับประโยชน์จากการขายข้าวเข้าโครงการในราคาแพงกว่าตลาดทั่วไปมูลค่าเพียง 80,000 ล้านบาทต่อปี
ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยผลการศึกษา พบว่า นโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล 3 ฤดูกาล ประกอบด้วย ข้าวนาปี 2554/55 นาปรัง 2556 และ นาปี 2555/56 หากรัฐบาลสามารถระบายข้าวได้หมดภายใน 4 ปี ในช่วงวาระการบริหารงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คาดว่าจะมีการขาดทุน 404,184 ล้านบาท!
ทั้งนี้ โครงการรับจำนำข้าวในช่วง 3 ฤดูกาล ใช้เงิน 723,235 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ 565,574 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ย 59,528 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินการ 98,133 ล้านบาท โดยคาดว่ารัฐบาลน่าจะขายข้าวได้ในราคารวมประมาณ 319,051 ล้านบาท
“การขาดทุน 404,184 ล้านบาทนั้น เป็นการประเมินราคาในเดือน พ.ค. 2556 แต่หากมีการประเมินราคาในอนาคตมาเฉลี่ยบวกกับค่าเสื่อมสภาพข้าว จนทำให้ขายได้ในราคาที่ลดลงอีกประมาณ 5-10% ก็จะทำให้ตัวเลขการขาดทุนของรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าวเพิ่มขึ้นอีก 10,000-30,000 ล้านบาท”
ไม่ต้องเอ่ยถึงระดับราคาสินค้าเกษตรหลักๆ เช่น ยางพารา ที่ไทยส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก, มันสำปะหลัง, อ้อย ฯลฯ ล้วนแต่ยกระดับราคาสินค้าลงกันเป็นแถบๆ ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนหนัก รายได้ลด แต่ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม
3) รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังอุตส่าห์สรุปไว้ในรายงานแบบไม่กระดากอายเลยแม้แต่น้อยว่า “รัฐบาลตระหนักว่าความสำเร็จในการดำเนินนโยบายในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั้น เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมแรงจากทุกภาคส่วน ผ่านการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล ซึ่งนับเป็นการวางพื้นฐานการพัฒนาที่สำคัญให้แก่ประเทศ”
ทั้งๆ ที่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังทำในสิ่งตรงกันข้าม คือ ทำลายพื้นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สร้างหนี้ให้กับประเทศชาติ เพิ่มหนี้ครัวเรือนให้กับประชาชน ทำลายวินัยการเงินการคลังของประเทศ ทำลายการออม ทำลายการส่งออกและการผลิตข้าวไทยทั้งระบบ บริหารราชการแผ่นดินอย่างไม่โปร่งใส ทำลายระบบคุณธรรม หลักนิติรัฐ นิติธรรม ฯลฯ เอาประเทศชาติไปเป็นเครื่องรับใช้นักโทษหนีคดีทุจริตโกงกินแผ่นดิน
คิดเอาเองว่ามีผลงาน
โมเมเอาเองว่าตนประสบความสำเร็จ
ยกหางตัวเองว่าบริหารอย่างที่มีประสิทธิภาพ
หน้าไม่อาย!
สารส้ม
http://www.naewna.co.../columnist/8797
เปิดดูหาในไทยรัฐว่ามีเขียนอะไรบ้าง ผมหาไม่เจอแฮะ
เลยไปเปิดแนวหน้า อ่านแล้วถูกใจ เอามาปะให้สาวกเสื้อแดง
ได้ชื่นชมฮับ