ทางสองแพร่งที่ต้องเลือก ปิดบัญชี วิฤกตการเมือง ?!
![323.jpg](http://news.mthai.com/wp-content/uploads/2014/02/323.jpg)
ดิ้นสุดฤทธ์ กระเสือกกระสนสุดแรง…
อาการนี้นับว่าไม่ต่างจากอาการของรัฐบาลรักษาการ ทั้งยังไม่ต่างจากอาการของนายกฯรักษาการ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้อย่างยิ่ง
แม้ที่ผ่านมาจะเป็นเพราะโชคช่วย บุญคล้ำ ให้รอดพ้นบ่วงนายพราน รอดพ้นแท่นประหาร มาหลายครั้ง หลายครา ทว่า…สภาพก็ “สะบักสะบอม” เกินบรรยาย
และวันนี้ยิ่ง “สะบักสะบอม” มากกว่าที่ผ่านมา หลัง ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ละเลยการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
สภาพเช่นนี้ไม่ต้องถึงมือเซียนการเมืองก็ “ฟันธง” ได้ว่า “รอดยาก” …ทั้งยังต้องเว้นวรรคการเมือง 5 ปี เป็นของแถมกลับบ้านอีกด้วย
แต่เพราะเป็นเกมการเมือง ฝ่ายที่ตกเป็นรองจึงต้องหาวิธีแก้ด้วยการเมือง…
ฉะนั้น หมากตัวใหม่ในตอนนี้จึงต้องข้ามช็อต “ยิ่งลักษณ์” ไปแล้ว เนื่องเพราะ “ยิ่งลักษณ์” กำลังถูกรุกฆาต กำลังถูกลงดาบ “ชะตาขาด” ในเดือนหน้านี้
แม้ “ยิ่งลักษณ์” จะเป็นหมากตัวสำคัญ แต่ก็ยังมีหมากตัวสำคัญกว่าดำรงอยู่
ดังจะเห็นจากการเดินหน้าเร่งให้มีการเลือกตั้งใน 8 จังหวัดภาคใต้ เนื่องจาก รัฐธรรมนูญ มาตรา 127 ระบุไว้ชัดเจนว่าภายใน 30 วันนับแต่วันเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ต้องเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรก
ฉะนั้นการเลือกตั้งในพื้นที่ที่เป็นปัญหาต้องเดินหน้าให้แล้วเสร็จตามกรอมเวลาที่กำหนด เพราะหากเวลาล่วงเลยไป ปัญหาจะตามมาอย่างที่ “สดศรี สัตยธรรม” อดีต กกต. กล่าวไว้ว่า
หากปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปถึง 2 เดือน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 127 และมาตรา 172 อาจส่งผลกระทบทำให้คณะรัฐมนตรีรักษาการต้องสิ้นสุดลง สิ่งนี้เป็นประเด็นสำคัญมาก หากครบ 2 เดือนจากนี้อาจมีคนไปยื่นร้องให้ตีความประเด็นตรงนี้ก็ได้
ท้ายที่สุดอาจเปิดช่องว่างเพื่อนำไปสู่นายกฯและรัฐบาลคนกลาง ตามมาตรา 7 ได้
ดังนั้น ยิ่งลักษณ์ จะอยู่หรือไป ย่อมไม่สำคัญเท่ากับ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ย่อมมีขึ้นได้ไม่ยากเย็น
เหล่านี้จึงเป็นที่มาของแถลงการณ์ 4 พรรคร่วมรัฐบาล เรียกร้องให้ กกต.จัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ทันการเปิดประชุมสภาฯ ภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง 2 ก.พ.ตามมาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญ และตามมาตรา 8 ของรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง
ดังนั้นข้อเสนอ กกต.จะจัดการเลือกตั้งทดแทนการเลือกตั้งล่วงหน้าและการเลือกตั้งทั่วไปในเขต ที่ไม่สามารถลงคะแนนได้ในวันที่ 20 และ 27 เม.ย.นั้น ถือเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 127 โดยชัดแจ้ง และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นใหม่เพื่อดำเนินการเลือกตั้งในเขตดังกล่าว
แต่ขอบอก…ยี่ห้อ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” ไม่สะดุ้งกับคำขู่เช่นนั้น เพราะล่าสุดก็ออกโต้ ว่าปัญหาที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้เพราะมีข้อจำกัดด้านการทำงาน ไม่ได้เกิดจาก กกต. ที่ผ่านมา กกต. ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการใช้กลไกต่างๆ จัดการเลือกตั้งให้สำเร็จ
แต่ปัจจัยที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยภายนอก ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง การคัดค้านรัฐบาล รวมถึงการคัดค้าน ขัดขว้างการเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งไม่ประสบความสำเร็จ
กล่าวสั้นๆคือ ความขัดแย้งทางการเมือง คือ ปัญหาการจัดเลือกตั้ง ว่างั้นเถอะ
เมื่อทางออกกลายเป็นทางตัน วันเลือกตั้งใน 8 จังหวัดภาคใต้ที่มีปัญหาก็ไม่ชัด
แม้กองทัพจะย้ำแล้วแล้วย้ำอีกว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง แต่ กำนันเทพ กลับแย้งว่า การเมืองแก้ด้วยการเมืองไม่ได้แล้ว เพราะขณะนี้สถานการณ์ไม่ปกติ จึงต้องใช้วิธีพิเศษเข้าแทรก
วิธีพิเศษ ที่ว่าจะมาก่อน วันเลือกตั้ง 8 จังหวังภาคใต้ หรือไม่ ก็สุดจะคาดเดา
แต่เท่าที่รู้วิกฤตการเมืองครั้งนี้ น่าจะลากยาวไปถึง เมษา ถึงจะปิดบัญชี หนะโยม…
“แมนเมือง”