ทางสองแพร่งที่ต้องเลือก ปิดบัญชี วิฤกตการเมือง ?!
ดิ้นสุดฤทธ์ กระเสือกกระสนสุดแรง…
อาการนี้นับว่าไม่ต่างจากอาการของรัฐบาลรักษาการ ทั้งยังไม่ต่างจากอาการของนายกฯรักษาการ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้อย่างยิ่ง
แม้ที่ผ่านมาจะเป็นเพราะโชคช่วย บุญคล้ำ ให้รอดพ้นบ่วงนายพราน รอดพ้นแท่นประหาร มาหลายครั้ง หลายครา ทว่า…สภาพก็ “สะบักสะบอม” เกินบรรยาย
และวันนี้ยิ่ง “สะบักสะบอม” มากกว่าที่ผ่านมา หลัง ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ละเลยการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
สภาพเช่นนี้ไม่ต้องถึงมือเซียนการเมืองก็ “ฟันธง” ได้ว่า “รอดยาก” …ทั้งยังต้องเว้นวรรคการเมือง 5 ปี เป็นของแถมกลับบ้านอีกด้วย
แต่เพราะเป็นเกมการเมือง ฝ่ายที่ตกเป็นรองจึงต้องหาวิธีแก้ด้วยการเมือง…
ฉะนั้น หมากตัวใหม่ในตอนนี้จึงต้องข้ามช็อต “ยิ่งลักษณ์” ไปแล้ว เนื่องเพราะ “ยิ่งลักษณ์” กำลังถูกรุกฆาต กำลังถูกลงดาบ “ชะตาขาด” ในเดือนหน้านี้
แม้ “ยิ่งลักษณ์” จะเป็นหมากตัวสำคัญ แต่ก็ยังมีหมากตัวสำคัญกว่าดำรงอยู่
ดังจะเห็นจากการเดินหน้าเร่งให้มีการเลือกตั้งใน 8 จังหวัดภาคใต้ เนื่องจาก รัฐธรรมนูญ มาตรา 127 ระบุไว้ชัดเจนว่าภายใน 30 วันนับแต่วันเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ต้องเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรก
ฉะนั้นการเลือกตั้งในพื้นที่ที่เป็นปัญหาต้องเดินหน้าให้แล้วเสร็จตามกรอมเวลาที่กำหนด เพราะหากเวลาล่วงเลยไป ปัญหาจะตามมาอย่างที่ “สดศรี สัตยธรรม” อดีต กกต. กล่าวไว้ว่า
หากปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปถึง 2 เดือน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 127 และมาตรา 172 อาจส่งผลกระทบทำให้คณะรัฐมนตรีรักษาการต้องสิ้นสุดลง สิ่งนี้เป็นประเด็นสำคัญมาก หากครบ 2 เดือนจากนี้อาจมีคนไปยื่นร้องให้ตีความประเด็นตรงนี้ก็ได้
ท้ายที่สุดอาจเปิดช่องว่างเพื่อนำไปสู่นายกฯและรัฐบาลคนกลาง ตามมาตรา 7 ได้
ดังนั้น ยิ่งลักษณ์ จะอยู่หรือไป ย่อมไม่สำคัญเท่ากับ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ย่อมมีขึ้นได้ไม่ยากเย็น
เหล่านี้จึงเป็นที่มาของแถลงการณ์ 4 พรรคร่วมรัฐบาล เรียกร้องให้ กกต.จัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ทันการเปิดประชุมสภาฯ ภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง 2 ก.พ.ตามมาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญ และตามมาตรา 8 ของรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง
ดังนั้นข้อเสนอ กกต.จะจัดการเลือกตั้งทดแทนการเลือกตั้งล่วงหน้าและการเลือกตั้งทั่วไปในเขต ที่ไม่สามารถลงคะแนนได้ในวันที่ 20 และ 27 เม.ย.นั้น ถือเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 127 โดยชัดแจ้ง และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นใหม่เพื่อดำเนินการเลือกตั้งในเขตดังกล่าว
แต่ขอบอก…ยี่ห้อ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” ไม่สะดุ้งกับคำขู่เช่นนั้น เพราะล่าสุดก็ออกโต้ ว่าปัญหาที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้เพราะมีข้อจำกัดด้านการทำงาน ไม่ได้เกิดจาก กกต. ที่ผ่านมา กกต. ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการใช้กลไกต่างๆ จัดการเลือกตั้งให้สำเร็จ
แต่ปัจจัยที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยภายนอก ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง การคัดค้านรัฐบาล รวมถึงการคัดค้าน ขัดขว้างการเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งไม่ประสบความสำเร็จ
กล่าวสั้นๆคือ ความขัดแย้งทางการเมือง คือ ปัญหาการจัดเลือกตั้ง ว่างั้นเถอะ
เมื่อทางออกกลายเป็นทางตัน วันเลือกตั้งใน 8 จังหวัดภาคใต้ที่มีปัญหาก็ไม่ชัด
แม้กองทัพจะย้ำแล้วแล้วย้ำอีกว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง แต่ กำนันเทพ กลับแย้งว่า การเมืองแก้ด้วยการเมืองไม่ได้แล้ว เพราะขณะนี้สถานการณ์ไม่ปกติ จึงต้องใช้วิธีพิเศษเข้าแทรก
วิธีพิเศษ ที่ว่าจะมาก่อน วันเลือกตั้ง 8 จังหวังภาคใต้ หรือไม่ ก็สุดจะคาดเดา
แต่เท่าที่รู้วิกฤตการเมืองครั้งนี้ น่าจะลากยาวไปถึง เมษา ถึงจะปิดบัญชี หนะโยม…
“แมนเมือง”