พูดตามตรงนะครับ ไม่ได้โลกสวยหรือเอาใจใคร ตอนนี้มวลมหาประชาชนกำลังจะแพ้ทางทักษิณครับ เพราะเรากำลังมีจุดอ่อนดังนี้ครับ
1) สถานการณ์ที่ตึงเครียด ถูกผ่อนคลาย โดยที่ประชาชนไม่ได้สิ่งที่เรียกว่าความรับผิดชอบจากรัฐบาลเลย แม้แต่อย่างเดียว ตอนนี้ทำให้ประชาชนบางส่วนเริ่มหันกลับมาทบทวนแนวทางการต่อสู้ของคุณสุเทพว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด และ ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนส่วนใหญ่มากน้อยแค่ไหน
2) การขายไอเดียว่า สภาประชาชน การขอพระราชทานนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 (เอาอีกแล้ว) ซึ่งแนวทางดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเรื่องที่ สนธิ ลิ้มทองกุล และ เหล่าพันธมิตร เคยเรียกร้องมาแล้วช่วงหนึ่้ง และ คุณอภิสิทธิ์ก็เห็นดีเห็นงาม สุดท้ายเมื่อวันที่ 25 เม.ย.2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราโชวาทแก่คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุด ถึงการเลือกตั้ง ส.ส.และการขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี ความบางตอนว่า
"มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งขอยืนยันว่ามาตรา 7 ไม่ได้หมายถึงให้มอบให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจที่จะทำอะไรตามชอบใจ ไม่ใช่ มาตรา 7 นั้นพูดถึงการปกครองแบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่าให้พระมหากษัตริย์ตัดสินได้ ทำได้ทุกอย่าง ถ้าทำเขาก็จะว่าพระมหากษัตริย์ทำเกินหน้าที่ ซึ่งจริงๆ ไม่เคยทำเกินหน้าที่ ถ้าทำเกินหน้าที่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมาก ที่เอะอะอะไรก็ขอพระราชทานนายกฯ พระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ ขอโทษ แบบมั่ว แบบไม่มีเหตุมีผล สำคัญอยู่ที่ท่านที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา มีสมองแจ่มใส สามารถกลับไปคิดวิธีที่จะปฏิบัติ คือ ปกครองต้องมีสภา สภาที่ครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วนก็ว่าไม่ได้ แต่อาจจะต้องหาวิธีที่ตั้งสภาที่ไม่ครบถ้วน แบบตำนานได้ แต่ก็มั่ว ขอโทษอีกทีนะ ใช้คำมั่วไม่ถูก ไม่ทราบใครจะทำมั่ว ปกครองประเทศมั่วไม่ได้ ที่คิดแบบว่าทำปัดๆ ไปให้เสร็จ ถ้าทำไม่ได้ก็โยนให้พระมหากษัตริย์ทำ ซึ่งยิ่งร้ายกว่าทำมั่วอีก เพราะพระมหากษัตริย์ไม่มีหน้าที่ที่จะไป ก็เลยต้องมาขอร้องฝ่ายศาลให้คิดและช่วยกันคิด"
ดังนั้นการขายไอเดียเรื่อง นายกฯ จากมาตรา 7 นั้น ผมคิดว่า คิดสั้นเกินไป และ จริงๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานแนวทางไว้แล้วว่า ถ้าไม่ทำมาตรา 7 นั้น จะต้องทำอย่างไร
สภาประชาชน ไม่จำเป็นต้องเกิดจากมาตรา 7 หรือ ไปรบกวนเบื้องพระยุคบาทก็ได้ แต่ไอเดียของการตั้งสภาประชาชน จะต้องได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากนักวิชาการ นักกฎหมาย และ ศาล ดังนั้น กปปส. ควรจัดให้มีการหาแนวทางการปฏิรูปประเทศไทย โดยมีตัวแทนขององค์กรสำคัญจากทุกภาคส่วนเข้าร่วม โดยเฉพาะ ตัวแทนจากศาล และ นักวิชาการด้านกฎหมาย
แต่ตอนนี้ไอเดีย กปปส. เกิดจากนักวิชาการกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และถูกประกาศออกมาผ่านคุณสุเทพ แล้วก็ให้ประชาชนหน้าเวทีเออออห่อหมกด้วยความเชื่อมั่นในตัวคุณสุเทพ ซึ่งผมคิดว่าวิธีการแบบนี้ไม่ได้ต่างจาก สนธิ ลิ้มทองกุลแต่อย่างใด
และตอนนี้ รัฐบาลกำลังชุบมือเปิป โดยการจัดเวทีการเสวนาเพื่อหาแนวทางการปฏิรูปประเทศไทย แทน กปปส. ซึ่งผมหวังว่า จะไม่มีใครทะลึ่งเข้าไปร่วมกับรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลได้หมดความชอบธรรมแล้ว
ดังนั้นเพื่อให้ไอเดีย ของ สภาประชาชน ได้รับการยอมรับ คุณสุเทพ ต้องเปิดกว้างและจัดให้มีการหาแนวทางที่ได้รับยอมรับ โดยคุณสุเทพจะต้องมีแนวร่วม มีแรงสนับสนุน จากทุกภาคส่วนที่มีความเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป้น นักวิชาการ นักกฎหมาย ศาล นักธุรกิจ
ผมคิดว่าประเด็นนี้ คุณสุเทพ ต้องพิจารณาดีๆ อย่าดื้อ และ อ่านทบทวนพระบรมราโชวาทเพื่อจะได้สติในการจัดทำแนวทางที่ถูกต้องโดยไม่รบกวนเบื้องพระยุคลบาท
3) อย่าพึ่งรีบ เสนอ ว่า สภาประชาชน จะมาได้อย่างไร แต่สิ่งที่ต้องรีบทำก่อนคือ ทำให้รัฐบาลชุดนี้รับผิดชอบต่อการกระทำของตัว โดยเฉพาะต้องบอกให้พวกเขาทั้งหมด ลาออก จากตำแหน่ง แต่สุดท้ายผมเข้าใจว่าเขาจะยุบสภาแน่นอนหากไปไม่รอด
ขอให้่คุณสุเทพ ตั้งสติ อย่าใจร้อน อ่านพระบรมราโชวาท และ จะเข้าใจว่าควรจะทำอย่างไร ผมก็พูดมากไม่ได้ เดี๋ยวเสื้อแดงมาก็จะรู้อีก แต่ผมคิดว่า สิ่งที่คุณสุเทพควรทำนั้น ต้องถอดรหัสจากพระบรมราโชวาทให้ได้ ว่าจะดำเนินการอย่างไร !!
Edited by arch_freeman, 4 December 2013 - 19:38.