ลองฟังดูนะครับ
และวิพากษ์ตามกระทู้ อย่านอกเรื่องนะครับ
เชิญ click นะครับ
http://www.youtube.c...h?v=J9_dd8XzT_M
ปล. เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยตรงไหน คุยให้ตรงกระทู้ สมาชิกบางท่านอย่าใช้นิสัยพาลนะครับ อย่าลืม motto ของบอร์ดนี้เขียนไว้ว่า "เสรีภาพทางความคิด. . . . " นะครับ
ผมอาจตอบช้า เพราะ MOD ต้องตรวจดูคำพูดของผมก่อน (ฮา) ไม่รู้จะเป็นเผด็จการไปถึงไหน แค่ผมพูดก็กลัว ต้อง censor ก่อน . . . อย่าลืม Motto ของบอร์ดนี้นะครับ "ต้านวิกฤติเผด็จการ" . . . อย่าเป็นเผด็จการทางความคิดเสียเองนะครับผม ขอบคุณครับผม
ดอกเตอร์อ่านบทความนี้ดีกว่า......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ความเจ้าเล่ห์ทางวิชาการ กรณี"2 เอา 2 ไม่เอา" โดย ผศ.ดร.สมบัติ กุสุมาวลี 13 มกราคม 2557 17:13 น.
ผศ.ดร.สมบัติ กุสุมาวลี
คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นิด้า
เมื่อ วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา เราได้เห็นปรากฏการณ์ของคนกลุ่มหนึ่งที่มารวมตัวกันแล้วตั้งชื่อแปลกๆ ว่า กลุ่ม“เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” (ซึ่งคงไม่ไปเกี่ยวอะไรกับคำพูดของใครบางคนที่เคยพูดตอนวิกฤตน้ำท่วมว่า “เอาอยู่”) ออกแถลงการณ์จนเป็นที่ฮือฮาทั้งในคำแถลงการณ์และรายชื่อ หน้าตาของสมาชิกกลุ่มที่หลายคนเป็นที่รู้จักแพร่หลายในแวดวงนักวิชาการ นักกิจรรมและในทางสังคมวงกว้าง
ต้องยอมรับว่า บางท่านเป็นอาจารย์ของผมเอง บางท่านเป็น Idol ในยามวัยรุ่นของผม และผมก็ยังเคารพในความคิดของท่านเหล่านั้น จวบจนปัจจุบัน รวมทั้ง มีบางคนในนั้น ผมไม่เคยให้เครดิตทางความคิดของพวกเขาเลย
ผม ลองกลับมานั่งอ่าน “แถลงการณ์เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” โดยทำใจให้สงบ และรู้สึกชื่นชมกับบทนำของแถลงการณ์ของกลุ่มนี้ที่เริ่มต้นเกริ่นนำว่า...
“แถลงการณ์ เครือข่าย2เอา2ไม่เอาคัดค้านรัฐประหาร ความรุนแรงทุกรูปแบบ เคารพการใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปบนวิถีทางประชาธิปไตย ท่ามกลางภาวะวิกฤตการเมืองที่มีแนวโน้มนำไปสู่ความรุนแรงระหว่างกลุ่มต่างๆ และการรัฐประหารรวมทั้งทำลายโอกาสในการปฏิรูปประเทศ บนวิถีทางประชาธิปไตย พวกเรา "เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา" ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มองค์กรและบุคคลต่างๆ วิตกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ จึงมีจุดยืนและข้อคิดเห็นต่อประชาชนทุกฝ่ายดังนี้…”
ผมรู้สึกชื่นชม มีความหวังกับบทเกริ่นนำนี้ หลังจากนั้น ผมจึงตั้งคำถามง่ายๆว่า
ข้อคิดเห็นของแถลงการณ์นี้จะช่วยหาทางออกให้กับสังคมได้จริงหรือไม่?
ผม พบว่าแถลงการณ์นี้ มีหลักการที่สวยงามมาก 4 ข้อ และเป็นหลักการที่หากใครก็ตามปฏิเสธแม้เพียงข้อเดียว ก็สมควรที่จะได้รับการประณามอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
เป็น หลักการที่หากแถลงกันในภาวะสังคมที่มีความเป็นปกติสุข แถลงการณ์นี้สามารถยึดเป็นหลักที่ต้องตอกประดับประทับลงในแท่งศิลาอัน ศักดิ์สิทธิ์วางไว้ใจกลางเมืองกันเลยทีเดียว
แต่เมื่อ แถลงการณ์นี้ถูกนำออกมานำเสนอในสภาพสังคมไทยยามที่ “ไม่ปกติ” เช่นนี้ ในยามที่ “กลุ่ม คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่ สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” (กปปส.) ประกาศเชิญชวน “มวลมหาประชาชน” เข้าร่วมดำเนินกิจกรรม Bangkok Shutdown ในวันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2557 ผมกลับพบว่าแถลงการณ์ฉบับนี้อุดมไปด้วยความมีอคติ แฝงความเจ้าเล่ห์ ซ่อนเร้นสมมติฐานที่มุ่งโจมตีอีกฝ่ายหนึ่ง และเป็นการหลอกเอาผู้บริสุทธิ์ทางวิชาการบางท่านถูกดึงเข้าไปเป็นพรรคพวก สนับสนุนแถลงการณ์ของกลุ่มนี้ได้อย่างน่าเวทนา
ลองดูข้อเสนอของพวกเขานะครับ
- ความเจ้าเล่ห์ทางวิชาการ (1) -
"1. คัดค้านการรัฐประหาร พวก เราคัดค้านความพยายามแก้ไขวิกฤตการเมืองด้วยวิถีทางนอกระบบ การรัฐประหาร ไม่สามารถยุติความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มการเมืองและประชาชนฝ่าย ต่างๆได้ และจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรง ระหว่างผู้ก่อการรัฐประหารกับประชาชน และระหว่างประชาชนด้วยกันเองจนนำไปสู่สงครามกลางเมืองและโศกนาฏกรรมที่มิอาจ เยียวยา"
ข้อสังเกตของผม: ผมขอถามว่าใครเห็นด้วยกับรัฐประหารบ้าง?
ผมคิดว่าคงไม่มีใครเห็นด้วยอย่างแน่นอน
แต่ทำไม กลุ่ม “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” จึงเล่นประเด็น “รัฐประหาร” นี้?
ใช่ หรือไม่ ยอมรับหรือไม่ ว่า กลุ่ม “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” กำลังพยายามชี้นำ/ยัดเยียดให้สังคมคิดไปว่า พวก กปปส. และมวลมหาประชาชนคือกลุ่มที่เรียกร้องต้องการการรัฐประหาร?
ทั้งๆ ที่ ผมเองไม่เคยเห็นแกนนำ กปปส. หรือ มวลมหาประชาชนคนใดจะออกมาเรียกร้องให้ทหารทำรัฐประหาร มีแต่พวกเขาออกมาประกาศว่าจะทำการ “ปฏิวัติโดยประชาชน”
ผมได้ยินแต่สิ่งที่พวกเขาพยายามเรียกร้องให้ "ข้าราชการ" และ "กองทัพ" ทำตัวเป็นกลาง ยืนอยู่เคียงข้างประชาชน
แต่ กลุ่ม “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” พยายามบิดเบือนประเด็นแบบเนียนๆ แสร้งแปลงความหมายของ “การปฏิวัติประชาชน” ไปเป็น “การรัฐประหาร”
สมาชิก บางคนในกลุ่มคงรู้สึกไม่สบายใจ ครั้นเนื้อครั้นตัวที่ตัวเองไม่ได้รับเชิญให้เข้ามามีส่วนร่วม หรือเป็น “แกนนำ” ในการดำเนินการ “ปฏิวัติประชาชน” ครั้งนี้ ใช่หรือไม่?
แต่ การที่ กลุ่ม “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” ทำเช่นนี้ ถือเป็นการฉวยกาส “ตีกิน” ทำตัวเป็น ฮีโร่ และชี้นำให้เกิดการตีความเข้าใจกลุ่มมวลมหาประชาชนอย่างผิดๆ โดยพยายามติดป้ายตีตราอย่างเนียนๆว่า พวก กปปสและมวลมหาประชาชนกำลังเรียกร้องหรือเปิดทางให้กองทัพออกมาทำรัฐประหาร
การ ออกมาแถลงเช่นนี้ แทนที่จะสร้างสรรค์ กลับกลายเป็นการปั่นหัวผู้คนต่างกลุ่มให้เกิดความเข้าใจผิด และยังเป็นการเปิดช่องชี้นำให้เกิดความรุนแรงมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
ถามว่า การออกมา แถลง “คัดค้านการรัฐประหาร” นี้ ช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายหรือไม่?
ผมไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น นอกจากคนออกมาแถลงได้ “ดูดีขึ้น” เท่านั้นเอง
- ความเจ้าเล่ห์ทางวิชาการ (2) -
“2. คัดค้านการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ พวกเราคัดค้านการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะมาจากประชาชนกลุ่มใดกลุ่ม หนึ่งหรือฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ เราขอยืนยันว่าสิทธิในการแสดงความคิดเห็นและการจัดกิจกรรมทางการเมืองโดย สันติเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน ที่ไม่ควรถูกคุกคามด้วยความรุนแรง และบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว นอกจากนี้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อรักษากฎหมายและความสงบสุข ของสังคม จะต้องเป็นไปตามหลักสากลไม่กระทำเกินกว่าเหตุ และระมัดระวังอย่างถึงที่สุดไม่เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชน”
ข้อสังเกตของผม: ผมขอถามว่า ใครเห็นด้วยกับ “ความรุนแรง” บ้าง? แน่นอน ย่อมไม่มีใครต้องการความรุนแรง
แล้ว กลุ่ม “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” จะมาออกแถลงการณ์สั่งสอนประชาชนไปทำไม?
ผม ไม่อยากคิดไปว่า กลุ่ม “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” กำลังพยายามสอดใส่ชี้นำความคิดของผู้คนไปทางที่ว่า พวก กปปส. และมวลมหาประชาชน นี่แหละที่มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรง ใช่หรือไม่?
ที่ ไม่อยากคิดหนักไปกว่านั้นก็คือ กลุ่ม “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” กำลังพยายาม “โยนขี้” ให้สังคมคิดไปว่า ความรุนแรงที่ผ่านมาคือสิ่งที่พวก กปปส. และมวลมหาประชาชนก่อให้เกิดขึ้น ใช่หรือไม่?
ทั้ง 2 ข้อข้างต้นคือสิ่งที่ผมไม่อยากคิดเลย
แต่ต่อไปนี้คือสิ่งที่ผมคิดและอยากตั้งคำถาม กับพวกกลุ่ม “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” นั่นคือ...
- เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองที่เกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2553 นั้น ท่านคิดว่า เป็น “ความรุนแรง” หรือไม่?
- การไล่ทุบตีรถยนต์นายก/รองนายก เมื่อปี พ.ศ. 2553 นั้น ท่านคิดว่า เป็น “ความรุนแรง” หรือไม่?
- การใช้กำลังมวลชนเข้าล้มการประชุมอาเซียน นั้น ท่านคิดว่า เป็น “ความรุนแรง” หรือไม่?
- การยกพวกไปกรีดเลือด แล้วเอาเลือดไปทาหน้าบ้านของคนอื่น นั้น ท่านคิดว่า เป็น “ความรุนแรง” หรือไม่?
- การล้อมปราบนักศึกษา ที่ ม.รามคำแหง นั้น ท่านคิดว่า เป็น “ความรุนแรง” หรือไม่?
- การที่คนที่เรียกตัวเองว่า นปช. เสื้อแดง เที่ยวไปไล่ทุบไล่ตีประชาชนกลุ่มอื่นที่มีความเห็นไม่ตรงกับตน ทั้งที่ เชียงใหม่ อุดรธานี ปทุมธานี ฯลฯ นั้น ท่านคิดว่า เป็น “ความรุนแรง” หรือไม่?
- ฯลฯ
ทั้งหมดข้างต้นนั้น กลุ่ม “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” ท่านคิดว่า เป็น “ความรุนแรง” หรือไม่?
ถ้าท่านบอกว่า “ไม่ใช่ความรุนแรง” ก็ถือว่าจบ (แล้วไม่ต้องมีหน้ามาสอนเรื่องคัดค้านการใช้ความรุนแรงอีกนะ)
แต่ถ้าท่านบอกว่า “ใช่ มันคือความรุนแรง”
ผม ก็ขอถามท่านคำเดียวว่า “แล้วตอนนั้น พวกท่านไปมุดหัว ปิดปากอยู่ที่ไหน แล้วทำไมเพิ่งมาเสนอหน้าออกแถลงการณ์ตอนที่ กปปส. กำลังจะจัดชุมนุมใหญ่
ท่านมี วาระซ่อนเร้นอะไรหรือ?”
- ความเจ้าเล่ห์ทางวิชาการ (3) -
“3. เคารพการใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งเป็นสิทธิทางการเมืองของประชาชนทุกคนที่ไม่มีใครหรือกลุ่มใด สามารถละเมิดได้ และต้องดำเนินไปตามกรอบรัฐธรรมนูญและวิถีทางประชาธิปไตย ทั้งนี้ควรทำให้การเลือกตั้งเป็นกระบวนการการแก้ความขัดแย้งอย่างสันติ”
ข้อสังเกตของผม: ใครไม่เห็นด้วยกับการ “เคารพการใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ”?
ข้อ นี้ผมถือว่าเป็นข้อที่ชัดเจนมากว่า ท่านกำลังใช้ประเด็นเรื่อง “การเลือกตั้ง” มามุ่งเล่นงานและทำลายความน่าเชื่อถือ ความชอบธรรมของกลุ่ม กปปส. และมวลมหาประชาชน ที่กำลังมุ่งขัดขวางการเลือกตั้ง 2 ก.พ. และผมก็ไม่มีอะไรจะไปขัดแย้งกับคำแถลงการณ์ข้อนี้ของท่าน เพราะเท่าที่ผมติดตามมาความเคลื่อนไหวมาก็พบว่า กลุ่ม กปปส. และมวลมหาประชาชน กำลังมุ่งขัดขวางการเลือกตั้ง 2 ก.พ. จริง!
แต่ ท่านไม่ลอง (หรือไม่พยายามจะ) คิดดูสักนิดหรือครับว่า “ทำไมกลุ่ม กปปส. และมวลมหาประชาชน จึงมุ่งขัดขวางการเลือกตั้ง 2 ก.พ.?”
ถามว่า กลุ่ม กปปส. และมวลมหาประชาชน นับล้านคนเหล่านี้ เขาไม่อยาก/ไม่ต้องการการเลือกตั้งหรือ? ก็คงจะไม่ใช่
แล้วทำไม เขาจึงไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง 2 ก.พ.นี้?
คนมีระดับสติปัญญาเหนือมนุษย์ดุจเทพเช่นพวกท่าน น่าจะบรรลุคำตอบได้เพียงไม่กี่แค่เศษเสี้ยววินาที
อย่างไรก็ตาม ผมอยากตั้งคำถามเน้นไปที่ ประโยคสุดท้ายของแถลงการณ์ของท่านที่ว่า “ทั้งนี้ควรทำให้การเลือกตั้งเป็นกระบวนการการแก้ความขัดแย้งอย่างสันติ”
ผม อยากเรียนถามท่านว่า “แล้วหากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 ก.พ.นี้ หาได้ช่วยแก้ความขัดแย้งอย่างสันติ ทว่ารังแต่จะนำพาความขัดแย้งอย่างรุนแรงมาสู่สังคมไทย ดังเช่น ที่เกิดขึ้นแล้วที่บังคลาเทศ ท่านยังอยากยืนยันเสนอให้มีการจัดเลือกตั้ง 2 ก.พ. นี้หรือไม่?”
ถ้าพวกท่านตอบว่า “ใช่ ขอยืนยันให้จัดการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. แม้มีแนวโน้มจะเกิดความรุนแรงก็ตาม”
ผมขอให้ท่าน กลับไปอ่าน ข้อเสนอข้อที่ 2 ของท่าน และช่วยตอบผมด้วยว่าท่านยังเชื่อในหลักการข้อที่ 2 ของท่านหรือไม่?
- ความเจ้าเล่ห์ทางวิชาการ (4) -
“4. สนับสนุนการปฏิรูปบนวิถีประชาธิปไตย ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปที่ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง การปฏิรูปโดยมอบอำนาจเบ็ดเสร็จให้กับคนบางกลุ่มไม่สามารถเป็นหลักประกันว่า จะทำให้ระบบการเมืองตอบสนองต่อประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ และแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นได้อย่างแท้จริง การปฏิรูปจึงต้องอยู่บนวิถีทางประชาธิปไตย เช่น ผ่านกระบวนการทางรัฐสภา การทำประชามติ รวมถึงการติดตามตรวจสอบกดดันรัฐบาลจากการเลือกตั้งโดยภาคประชาสังคมเป็นต้น
พวก เราเห็นว่าพรรคการเมืองทุกพรรคต้องแสดงเจตจำนงและให้สัญญาประชาคม ที่จะผลักดันให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริงโดยไม่กีดกั้นคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เคารพในความแตกต่างหลากหลาย สร้างกลไกที่ประชาชนมีส่วนร่วม มีกลไกตรวจสอบติดตามเพื่อสร้างความไว้วางใจระหว่างฝ่ายการเมืองกับประชาชน และลดเงื่อนไขที่จะนำสังคมไปสู่ภาวะเผด็จการเสียงข้างมาก และ เผด็จการเสียงข้างน้อย ทั้งนี้ เครือข่ายจะดำเนินการจัดเวทีพลเมืองปฏิรูปประเทศไทย (Civic Reform Forum) เพื่อสร้างบทสนทนาเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ประชาชนมีส่วนร่วมต่อไป”
ข้อสังเกตของผม: ใครไม่เห็นด้วยกับการ “สนับสนุนการปฏิรูปบนวิถีประชาธิปไตย”?
ข้อ นี้ถือเป็นอีกข้อที่ชัดเจนมากว่า ท่านกำลังมุ่งเล่นงานกลุ่ม กปปส. และมวลมหาประชาชน โดยเฉพาะข้อความที่ว่า “การปฏิรูปโดยมอบอำนาจเบ็ดเสร็จให้กับคนบางกลุ่มไม่ สามารถเป็นหลักประกันว่าจะทำให้ระบบการเมืองตอบสนองต่อประชาชน” ถือได้ว่าเป็นข้อความที่เป็นการมุ่งโจมตีแนวคิด “สภาประชาชน” ของกลุ่ม กปปส. อย่างมีนัยสำคัญ
เสร็จแล้วท่านก็ทำการ มอบอำนาจ ให้กับ “รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง” เสร็จสรรพเลย
ผม เองคิดว่า ท่านนักวิชาการรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ ฯลฯ ในกลุ่ม “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” ก็ไม่ใช่พวกอ่อนเยาว์ไร้ประสบการณ์ เขี้ยวเล็บของท่านล้วนโง้งยาวและแหลมคม แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเกิด อะไรขึ้น ท่านจึงเกิดอาการหน่อมแน้ม ไร้เดียงสา โลกสวยงามขึ้นมาในบัดดล เห็น บรรดานักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นพวกใสซื่อบ้องแบ้ วร่วมใจพร้อมกันสัญญาที่จะเข้ามาทำการปฏิรูปประเทศไทยมิให้เกิดการเหลื่อม ล้ำ ไร้การทุจริตคอรัปชั่น บริการฉับไว รับใช้ประชาชน อยู่ภายใต้การตรวจสอบของประชาสังคมอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
หลายปีที่ผ่านมา ท่านไม่รู้จัก ไม่รับรู้ ไม่เห็นฤทธิเดชเล่ห์เหลี่ยม วิชามารขั้นเทพใดๆของพวกนี้เลยหรือ?
หลักการ และข้อเสนอของท่านในข้อนี้นั้น มันช่างสวยงามศิวิไลซ์ จนคนบ้านๆอย่างผมคงไม่กล้าหาญชาญชัยไปต่อล้อต่อกรกับปัญญาชน “หัวก้าวหน้า” อย่างท่านได้
แต่ ที่ผมเห็นว่าแถลงการณ์ของท่านในข้อนี้นั้น น่าสนุกตื่นตาตื่นใจเอามากๆ ก็คือ การพยายามรักษาหล่อเลี้ยงบทบาทและอำนาจของกลุ่ม “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” นี้ไว้ได้อย่างเนียนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความที่ว่า “ทั้งนี้ เครือข่ายจะดำเนินการจัดเวทีพลเมืองปฏิรูปประเทศไทย (Civic Reform Forum) เพื่อสร้างบทสนทนาเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ประชาชนมีส่วนร่วมต่อไป”
พูดง่ายๆ คือ
“กปปส. จงถอยออกไป เรา ‘กลุ่มเครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา”’ มาแล้ว จงให้ “เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” ทำเรื่องปฏิรูปเอง”
“เรา ‘กลุ่มเครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา’ คือผู้เชี่ยวชาญ (เจ้าพ่อ) แห่งการปฏิรูปที่ประชาชนมีส่วนร่วมตัวจริงเสียงจริง ส่วนพวก กปปส. ที่เคลื่อนไหวกันอยู่ตอนนี้ มันคือ ปฏิรูปเทียม”
แถมด้วยการประดิษฐ์คำเท่ๆ ที่กลุ่มนี้ถนัดเหลือเกิน นั่นคือ
“การจัดเวทีพลเมืองปฏิรูปประเทศไทย (Civic Reform Forum) เพื่อสร้างบทสนทนาเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ประชาชนมีส่วนร่วม”
อ่านถึงตรงนี้แล้ว มีความรู้สึกในใจว่า
“แหม หมกเม็ดได้อย่างร้ายกาจจริงๆนะเธอ”
- จบ -
“สุดท้าย "เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา" เชื่อมั่นว่าสังคมไทยสามารถก้าวข้าม และออกจากวิกฤตครั้งนี้ได้โดยไม่ต้องนองเลือดหากประชาชนและกลุ่มการเมืองทุก ฝ่าย เคารพและยอมรับกติกาพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย ตระหนักว่าเราต้องอยู่ร่วมกัน ท่ามกลางความเห็นต่าง เพราะทุกคนมีความเสมอภาคกันในฐานะเจ้าของประเทศ และมีสิทธิที่เท่าเทียมในการร่วมกันปฏิรูปสังคมไทย”
ข้อสังเกต ของผม: ถือเป็นการปิดแถลงการณ์ได้อย่างสวยสดงดงาม แบบ “ฟินาเล่” (Finale) สมศักดิ์ศรีของนักคิดทฤษฎีเจ้าแห่งหลักการระดับตำนาน
เรียก ได้ว่า หากใครไม่ได้อ่านความซ่อนเร้นเจ้าเล่ห์ระหว่างบรรทัดในข้อเสนอของพวกเขา ก็คงอินน้ำหูน้ำตาไหล ชื่นชมยกย่องต้องเสนอชื่อให้ไปแข่งขันชิงรางวัลโนเบลสันติภาพกันเลยทีเดียว แล้วก็หามานั่งด่าพวก กปปส.และมวลมหาประชาชนกันหูดับตับไหม้
สำหรับผมแล้ว มีความรู้สึกเดียวคือ รู้สึกเหม็นขี้ฟันพวกท่านเต็มทีแล้ว (ว่ะ)
ผมไม่เห็นว่าแถลงการณ์และข้อเสนอของท่านจะได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์อะไร แถมยังเป็นการเติมไฟและเชื้อเพลิงราดซ้ำลงไปอีก
ผมเห็นใจกันแต่คนบริสุทธิ์บางท่านที่ไปถูกหลอกล่อให้ไปเสนอหน้าลงชื่อในวันนั้น จะเสียเกียรติประวัติไปอีกยาวนาน
ทำไมผมคิดเช่นนั้นหรือ?
ก็เพราะประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากทิ้งไว้ในที่นี้ก็คือ ขอให้ท่านดู “โปสเตอร์เชิญชวน” ของกลุ่มนี้ข้างล่างนี้ แล้วตั้งคำถามว่า
“อะไรคือประเด็นสำคัญที่กลุ่มนี้ชูและให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด?”
ใน 4 ประเด็นที่กลุ่มนี้เสนอ ผมเห็นเขาชูประเด็นหลักๆ อยู่เรื่องเดียวมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด
“อย่าให้ใครแย่งสิทธิของเราไป 2 กุมภาต้องมีเลือกตั้ง”
หากมองเผินๆ ผมคิดว่าหลายคนคงคิดว่า…
“นี่คือ ประกาศโฆษณาของรัฐบาลรักษาการณ์ปัจจุบัน”
หรือว่า... กลุ่มเครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา แท้จริงแล้วคือ
“โฆษกรัฐบาลสายวิชาการ”
ผมไม่อยากคิดและเชื่อเช่นนั้น จริงๆ
จบปะ
http://www.manager.c...D=9570000004536
นายเสกสรร นายเกษียร นายนิธิ นายสมเกียรติ นายชัยวัฒน์ พระไพศาล นางอังคณา .....ฯลฯ
สำหรับผมแล้ว มีความรู้สึกเดียวคือ รู้สึกเหม็นขี้ฟันพวกท่านเต็มทีแล้ววะ.....
ผมรู้สึกอับอายที่ถูกหลอกลวงมานานแล้วด้วย.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า...
“คงต้องให้เวลาผ่านไปจนกว่าประเทศชาติจะเจ๊งลงไปในมือนักการเมือง วันนั้นประชาชนจะรู้ว่าที่เจ๊งจริงๆ แล้ว เป็นเพราะตัวเราเอง”