มีผู้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจารึกศรีวิชัยไว้ที่เว็บพลังจิต
ผมคิดว่า จะคุยเรื่องนี้ ก็ต้องใช้ข้อมูลพวกนี้ จึงขอนำมาลงไว้นะครับ
---------------
25-04-2007, 10:51 AM
nataraja สมาชิก
ศิลาจารึกโบราณอาณาจักรศรีวิชัย ‘’’’’’’’’’’’ นายทหารอังกฤษชื่อ พันเอก เจมส์ โลว์ พบแผ่นอิฐจารึกที่เมืองสวินเสเลย์ รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ตอนกลางแผ่นจารึกมีรูปเจดีย์ทรงบาตรคว่ำ มียอดเจ็ดชั้น จารึกตัวอักษรเป็นภาษาสันกฤต มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10-11 มีข้อความว่า
“มหานาวิกะนามพุทธคุปต์ ผู้มีภูมิลำเนาอยู่ที่ภูมิรัตตะมฤตติกา ขอให้การเดินทางประสพความสำเร็จ" ‘’’’’’’’’’’’ นับเป็นจารึกภาษาสันกฤตที่เกิดขึ้นในช่วงสมัยเดียวกับการเดินทางมาของภิกษุ อี้จิง ที่เดินทาง มาแวะรอเรือเพื่อไปอินเดียที่เมืองท่าชีชา เมื่อ พ.ศ.1214 และขากลับจากอินเดีย เมื่อ พ.ศ.1228 ก่อนที่ภิกษุอี้จิง จะมารอเรือที่เมืองท่าชีชา ท่านได้แวะมาเรียนไวยากรณ์ภาษาสันสกฤตที่ประเทศชิลิโฟชิ 6 เดือน จากนั้นได้เดินทางไปแวะพักที่ประเทศโมโลยู้เป็นเวลา 2 เดือน โมโลยู้ในขณะนั้ไม่ได้เป็นศรีวิชัย
‘’’’’’’’’’’’ แต่เมื่อภิกษุอี้จิงเดินทางกลับจากอินเดีย เมื่อ พ.ศ.1228 ประเทศโมโลยู้ได้กลายเป็นศรีวิชัยแล้ว จากจารึกนี้แสดงให้เห็นว่า คาบสมุทรมาเลย์ได้รับศิลปวัฒนธรรมจากอินเดีย มีทั้งศาสนาพุทธ ศาสนาพราหมณ์ และยอมรับเอาภาษาสันสกฤตมาใช้ในการสื่อสารบันทึกเหตุการณ์เรียงราว ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนั้น
จารึกเกตุกัน บูกิต ‘’’’’’’’’’’’ ประเทศโมโลยู้ที่ภิกษุอี้จิง มาแวะพักทั้งขาไปและขากลับจากประเทศอินเดียราษฎรนับถือศาสนาพุทธมหายานเพียง ส่วนน้อย แสดงเมืองนี้ราษฎร์ส่วนใหญ่ไม่ได้นับถือพุทธศาสนา เพราะประเทศทั้งสิบแห่งทะเลใต้ ราษฎรนับถือศาสนาพุทธนิกายหินยาน คำว่าโมโลยู้ ปรากฏอยู่ในจารึกเกตุกัน บูกิต พ.ศ.1225 พบที่หมู่บ้านเชิงเขา บูกิต เชกุนตัง เมืองปาเลมบัง เมื่อ พ.ศ.2463 ภายหลังที่ศาสตร์จารย์เซเดล์ เขียนหนังสือเรื่องอาณาจักรศรีวิชัย 2 ปี มีข้อความดังนี้.-
‘’’’’’’’’’’’ "ความ เจริญ โชคลาภ ในศก 604 (มหาศักราชตรงกับ พ.ศ.1225) ที่ล่วงไปแล้ว วันที่ 11 แห่งปักษ์อันสว่างของเดือนไวสาขะ (วันที่ 23 เมษายน พ.ศ.1225) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์สมมติเทพของเรา) เสด็จทางเรือ เพื่อการยกทัพอันสำเร็จผลในวันที่ 7 แห่งปักษ์อันสว่างแห่งเดือนเจษฐ (วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.1225) ‘’’’’’’’’’’’ พระองค์เสด็จจากมินานตัมวัน ทรงนำทัพ (ชายฉกรรจ์) 20,000 ผู้ตามเสด็จ...นับจำนวนได้ 200 ไปโดยเรือและผู้ติดตามทางบกนับจำนวนได้ 1,312 มาถึงมาลายูด้วยใจปิติ วันที่ 5 แห่งปักษ์อันสว่างของเดือนอาษาฒ (วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.1225) ...การสิทธิยาตร เพื่อชัยชนะ ของศรีวิชัย ได้บรรลุความรุ่งโรจน์ ความปิติ และยังประเทศ....ให้เจริญ" ‘’’’’’’’’’’’ (
นิรมล ศรีกิจการ แห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถอดคำและแปลตามต้นฉบับภาษาอังกฤษของ เค เอ.นิลกัณฐ์ ศาสตรี ซึ่งแปลมาจากภาคภาษาฝรั่งเศสของเซเดส์)
‘’’’’’’’’’’’ ศาสตราจารย์ ดี จี.อี.ฮอลล์ ยืนยันว่าประเทศทั้งสิบแห่งทะเลใต้ซึ่งรวมอยู่ในอาณาจักรศรีวิชัย นับถือศาสนาพุทธนิกายหินยาน มีแต่โมโลยู้ประเทศเดียวที่ไม่รวมอยู่ในศรีวิชัยนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน เพียงส่วนน้อย จากหลักฐานที่ปรากฏในจารึก ประเทศโมโลยู้จึงถูกผนวกเข้ามาอยู่ในอาณาจักรศรีวิชัย เมื่อ พ.ศ.1225 และศรีวิชัยจะต้องผนวกเมืองปาเลมบังเข้าด้วยกัน ในปี พ.ศ.1225 นั่นเอง
‘’’’’’’’’’’’ วอน รองเกล ชาวฮอลันดา และโบคารี เป็นผู้แปลว่า "ปาเลมบังถูกพวกศรีวิชัยจากคาบสมุทรมาเลย์โจมตีและถูกยึดครอง" แต่ศาสตราจารย์เซเดส์ ผู้สถาปนา เมืองปาเลมบังเป็นนครหลวงศรีวิชัยไม่ยอมรับการแปลของบุคคลทั้งสอง มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า พวกศรีวิชัยโจมตีเกาะสุมาตราทำไม สาเหตุหนึ่ง คือ การเข้าควบคุมเศรษฐกิจการค้า การควบคุมช่องแคบซุนดา การขยายดินแดน และอีกประการหนึ่งการเผยแพร่พุทธศาสนา ไปสู่ดินแดนหมู่เกาะ
จารึกตาลัง ตูโว ‘’’’’’’’’’’’ จาก พ.ศ. 1225 กองทัพศรีวิชัย เข้าครอบครองดินแดนปาเลมบังแล้ว ได้กล่าวถึงการสร้างสวนเกษตร เป็นอ่างเก็บน้ำ หรือสร้างที่พักของคนเดินทาง สามารถหาอาหารและเครื่องดื่มได้ จารึกไว้ในจารึก พ.ศ.1227 เรียกว่าจารึกตาลัง ตูโว จารึกหลักนี้ได้เผยแพร่พระรัตนตรัย มายังดินแดนแห่งนี้ด้วย มีข้อความดังนี้
‘’’’’’’’’’’’ "ความ เจริญ โชคลาภ ในศก 606 (มหาศักราชตรงกับ พ.ศ.1227) ของปักษ์อันส่องสว่างของเดือนไวตระ สวนศรีเกษตรถูกสร้างภายใต้พระพรมราชโองการในพระราชา ศรีชยนาศะ และต่อไปนี้คือ คำอุทิศของพระองค์ท่าน ‘’’’’’’’’’’’ สิ่ง ที่พระองค์ทรงปลูกลงที่นี้ คือ มะพร้าว หมาก ตาล สาคูและต้นไม้อื่นอีกหลายชนิดที่มีผลรับประทานได้ รวมทั้งต้นไผ่ ฮาอูร์ วุลูห์และปัตตุม ฯลฯ รวมทั้งสวนแห่งอื่นพร้อมด้วยทำนบ อ่างเก็บน้ำและงานที่มีประโยชน์ทั้งปวง ที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้วเพื่อยังประโยชน์แก่สรรพสัตว์ ทั้งสิ่งที่เคลื่อนที่ได้และเคลื่อนที่ไม่ได้ เพื่อเป็นหนทางอันดีที่สุดแก่พวกเขา ในอันที่จะได้ความสมบูรณ์พูนสุข หากเมืองใด พวกเขาหิวในขณะหยุดพักหรือระหว่างทางก็สามารถจะหาอาหารและน้ำดื่มได้ สวนที่ซึ่งหักร้างถางพงของพวกเขาก็จงเต็มไปด้วยพืชผล สัตว์เลี้ยงทุกชนิด รวมทั้งทาสในครอบครัวของพวกเขาจงเจริญพันธ์ พวกเขาจงไม่เป็นทุกข์เนื่องจากความหายนะใดๆ และไม่ทนทรมานด้วยหลับไม่ลง ‘’’’’’’’’’’’ ขอ ทุกอย่างที่พวกเขาให้กำเนิด จงมีดาวพระเคราะห์ กลุ่มดาวฤกษ์อันเป็นคุณแก่พวกเขา และพวกเขาจงเว้นจากความเจ็บป่วยและความชรา ระหว่างที่กำลังก่อเกิดผลอยู่นั้น ยิ่งกว่านั้นข้าทั้งหมดของพวกเขาจงซื่อสัตย์และอุทิศตนเพื่อพวกเขาและเช่น กันที่มิตรสหายของพวกเขาจงไม่ทรยศ และผู้หญิงของพวกเขาจงเป็นคู่ครองที่จงรักภักดี และเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ประเทศใดอันพวกเขาตั้งอยู่ จงปราศจากขโมยตนสารเลว ฆาตกรและคนผิดประเวณี ยิ่งกว่านั้นพวกเขาจงมีมิตรให้คำปรึกษาที่ดี ‘’’’’’’’’’’’ ขอ คติแห่งโพธิและกรุณาธิคุณแห่งพระรัตนตรัย จงบังเกิดในหมู่พวกเขาและพวกเขาจงไม่พรากจากพระรัตนตรัย อีกทั้ง (สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติ) อย่างสม่ำเสมอ คือความโอบอ้อมอารี การรักษาศีลและขันติ ขอให้พลังการใช้สติปัญญา และความรู้ในสิ่งนานา จงเจริญขึ้นในหมู่พวกเขา และพวกเขาจงมีจิตที่เป็นสมาธิเข้าถึงวิชชาสติปัญญายิ่งกว่านั้นพวกเขาจงมี ความมั่นคงในทิฐิของตน มีกายเพชรแห่งพระมหาสัตว์ มีอำนาจอันไม่อาจเทียบเทียมได้ มีชัยชนะและรำลึกถึงอดีตชาติได้ มีสติอันไม่บกพร่องอันบริบูรณ์ มีโชคดี มีใบหน้าแช่มชื่น มีเป็นผู้มีความเป็นอยู่เอง(สวยัมภู) พวกเขาจงเป็นผู้รับแก้วจินดามณีเป็นนายของชาติกรรม กิเลส และพวกเขาจงบรรลุถึงความสว่างที่สูงสุด" (นิรมล ศรีกิจการ แปล พิมพ์ลงในหนังสืออาณาจักรศรีวิชัย ที่ไชยา ม.จ.จันทร์จิรายุ รัชนี 25539.70-71
จารึกตาลังตูโว เป็นจารึกที่ประกาศศาสนาพุทธลงเกาะสุมาตรา)
‘’’’’’’’’’’’ อย่างไรก็ตามแม้จะมีการประกาศเผยแพร่ศาสนาพุทธในดินแดนเกาะสุมาตราราษฎร์ก็ ไม่อาจเปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนความคิดให้มานับถือศาสนาพุทธ ตามพวกศรีวิชัยได้ จึงทำจารึกสาปแช่งพวกที่ไม่นับถือศาสนาพุทธ และไม่ชื่อตรงและจงรักภักดี ต่อศรีวิชัยไว้ มีจำนวนถึง 4 หลักข้อความตรงกันคำต่อคำ ได้แก่
จารึ กโกตากาปูร์ที่เกาะ บังกา จารึกการังบราหิ ที่เมืองจัมบิ จารึกปาลาส ปาเซมา ที่ลำพุงใต้และจารึกเตลา บาตู แต่จารึกนี้มีรายละเอียดมากกว่าและมีคำสาปร้ายแรงกว่าอีก 3 หลัก ‘’’’’’’’’’’’ จารึกที่เมืองการับบราหิ เมืองจัมบิ ที่ลงความเห็นกันว่าเป็นเมืองโมโลยู้ซึ่งภิกษุอี้จิงมาแวะพัก ที่เมืองนี้นับถือศาสนามหายานเพียงส่วนน้อย ราษฎรน่าจะไม่ให้ความร่วมมือเปลี่ยนแปลงทางความเชื่อ ยอมรับนับถือพระรัตนตรัยมากนัก เพราะพวกศรีวิชัยต้องทำจารึกสาปแช่งไว้ โดยให้ตันตระเข้ามาช่วยราษฎรให้เปลี่ยนความเชื่อมานับถือพุทธตันตระด้วย
‘’’’’’’’’’’’ จารึกคำสาปแช่งนี้ ต้องปักไว้ในดินแดนที่ถูกครอบครองทั้งนั้น ดังเช่น
จารึกหลักที่ 24 เมื่อ พระเจ้าจันทรภาณุ ขึ้นครองราชย์ ที่กรุงตามพรลิงค์ จึงเปลี่ยนวงศ์จากราชวงศ์ไศเลนทร เป็นวงศ์ปทุม เมืองไชยาน่าจะถูกครอบครองเป็นเมืองขึ้นแล้วจึงถูกจารึก
จันทร์ภาณุแห่งนครศรีธรรมราช สาป แช่งไว้เช่นกัน หากปาเลมบังเป็นนครหลวงแห่งศรีวิชัย จารึกหลักที่มีคำสาปแช่งนี้ต้องไปปักไว้ที่ไชยา หรือนครศรีธรรมราช โดยเปลี่ยนจากภาษาสันสกฤต เป็นภาษายาวีโบราณ
คำแปลจารึกพระเจ้าจันทรภาณุ ดังนี้ ‘’’’’’’’’’’’ สวัสดี พระผู้เป็นอิศวรในกรุงตามพรลิงค์(นครศรีธรรมราช) ทรงประพฤติเกื้อกูลแก่พระพุทธศาสนา เสมือนพระอินทร์ ทรงพระราชสมภพมา ในปทุมวงศ์ เพื่อยังประชาชนที่ถูกชนชาติต่ำช้า กดขี่ ปกครองมาช้านานแล้ว ให้สว่างรุ่งเรือง มีรูปงามเหมือนพระกามะอันมีรูปงามราวกับพระจันทร์ ทรงพระปรีชาในราชนิติ เทียบเท่ากับพระเจ้าธรรมาโศกเป็นอธิบดีแห่ง ปัญจาณวงศ์ ‘’’’’’’’’’’’ ศรี สวัสดี พระองค์ผู้เข้มแข็ง ผู้เป็นอิศวรในกรุงตามพรลิงค์ ทรงอุปถัมภ์ ปทุมวงศ์ ได้รับขนานนามว่า ภืมเสน เสด็จมา เป็นบุญตัวของมนุษย์ที่ได้มีพระราชาองค์นี้ เสด็จมาปกครอง พระองค์ ทรงไว้ซึ่งพระเกียรติแผ่ไปทั่วโลก เพียงดั่ง อานุภาพของพระอินทร์พระอาทิตย์ทรงพระนามว่า จันทรภาณุ ศรีธรรมราช ขออำนวยพร อันเป็นอมตะ ด้วยความภักดี ซึ่งเสมือนดังสลักไว้ในแผ่นหิน เมื่อปีกลียุคล่วงแล้วได้ 4332 ‘’’’’’’’’’’’ กองทัพศรีวิชัย เข้ายึดครองเกาะสุมาตรา ตั้งแต่ พ.ศ.1225 จนถึง พ.ศ.1229 ในจารึกโกตา การ์ปูร์ ตอนท้าย มีข้อความว่า
“ศก 608 มหาศักราช ตรงกับ พ.ศ.1229 วันแรกแห่งปักษ์อันส่องสว่างของเดือนไวศาข เป็นเวลาที่คำสาปแช่งได้ประกาศและได้จารึกลงไว้ ขณะ เมื่อกองทัพศรีวิชัย กำลังเริ่มต้นออกเดินทางไปตีดินแดนชวา ซึ่งยังไม่ยอมจำนนต่อศรีวิชัย (นิรมล ศรีกิจการ แปล อ้างแล้ว เรื่องเดิม 72-73)
‘’’’’’’’’’’’ จารึกหลักนี้แสดงว่ากองทัพศรีวิชัย เมื่อเข้ายึดครองเกาะสุมาตราแล้วก็เคลื่อนขบวนทัพเข้ายึดชวาด้วย ที่เกาะชวากลาง มีจารึกหลักหนึ่ง คือ จารึกปรามบานัน ที่ 1 กล่าวถึงกษัตริย์ ภาณุ ราชวงศ์ไศเลนทร ปกครองชวา แต่จารึกชำรุดมากอ่านไม่ได้ใจความ นอกจากมีคำว่า"บำรุงพุทธศาสนา" การเข้ายึดครองชวานี้
ดี จี อี ฮอลล์ ผู้เขียน ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เล่ม 1 หน้า 56 ว่า พระเจ้าศรีชัยนาศ ผู้พิชิต รัฐมลายู (ในจารึกสิทธิยาตรา) และอาจจะพิชิตรัฐทาลุมาด้วย พระองค์เป็นผู้ริเริ่มนโยบายทำให้อาณาจักรศรีวิชัย เป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิ์หมู่เกาะที่เรืองอำนาจอยู่จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ สิบสาม
‘’’’’’’’’’’’ ที่เกาะชวามีจารึกหลักหนึ่งเรียกว่า
จารึกพระเจ้าสัญชัย พ.ศ.1275 มีใจความว่า...
‘’’’’’’’’’’’ “พระ ศิวะผู้เป็นเจ้านั้น (พระองค์) มีดวงจันทร์เป็นปิ่นปักษ์ไว้ที่มวยผม ซึ่งย้อมด้วยคลื่นอันสูงแห่งแม่น้ำคงคา มีพระวรกายปรากฏเป็นครองรัศมี งามสง่าด้วยพวงมาลัยพระยานาคอันรุ่งเรือง มีเทพยดาประนมกรอัญชลีสรรเสริญ ของพระองค์ซึ่งเป็นดั่งดวงอาทิตย์ จงได้ประทานความประเสริฐอันไม่เคยมี ให้แก่ท่านทั้งหลาย ‘’’’’’’’’’’’ ดอก บัวทั้งคู่อันหาที่ติไม่ได้ คือพระบาทของพระตรีเนตรซึ่งจอมปราชญ์บูชาแล้ว ด้วยความภักดีและคำสรรเสริญ มีกลีบสีแดงคือนิ้วพระบาท มีเกสรอันบานกระจาย มีละอองอันส่องแสงติดที่ปลายคือเล็บ มีแมลงผึ้ง คือ เทพยดาและองค์อินทร์ เป็นต้น น้อมมกุฎลงจุมพิต (พระบาท) เป็นเนืองนิตย์ เพราะต้องการสวรรค์และนิพพาน ขอ (ดอกบัวทั้งคู่) จงประทานความสุขความเจริญให้แก่ท่านทั้งหลายชั่วนิรันดร ‘’’’’’’’’’’’ พระ ตรีเนตร ผู้เป็นใหญ่กว่าสิ่งทั้งปวง มีมวยผมประดับด้วยดวงจันทร์ ซึ่งเป็นที่เก็บความแปลกประหลาดอันยิ่งใหญ่ เพราะเป็นแดนเกิดของปวงความประเสริฐเลิศแห่งอำนาจสูงสุดทรงยินดีในการบริจาค ถ่ายเดียว แผ่ไปสู่ความพิศวงของโยคีทั้งหลาย เนืองนิตย์ ทรงบำรุงเลี้ยงโลกด้วยพระกายแปดประการ เนื่องจากความกรุณาไม่ใช่ด้วยความเห็นแก่ตัว ขอจงได้ทรงอภิบาลรักษาทั้งหลาย ‘’’’’’’’’’’’ พระ สยมภู (พระพรหม) ผู้เป็นครูที่เคารพของโลก มีเทพอำนาจควรแก่การนับถือ มีพระกายเป็นสีทองคำ มีมวยผมอันโชติช่วงประหนึ่งว่า เปลวเพลิงแผดเผาโทษของตนเองมีศาสนาของโลก อันพระองค์ผูกติดแนบแน่นกับเสา คือ พระเวท เป็นแดนเกิดแห่งธรรมศาสตร์ อรรถศาสตร์ และกามศาสตร์ทั้งหลายมีคู่แห่งดอกบัวคือ พระบาท อันเทพยดาทั้งหลายกราบไว้เป็นเจ้าแห่งโยคะของหมู่โยคีทั้งหลาย ขอจงประทานความสำเร็จที่มุ่งหวัง ให้แก่ท่านทั้งหลาย ‘’’’’’’’’’’’ พระ ศรีบดี (พระนารายณ์) ซึ่งมีพระเนตรเหมือนกลีบอุบล แดงก่ำด้วยโยคะทรงไสยาสน์บนแท่นบรรทมคือน้ำ มีเทพยดาสดุดีสรรเสริญ เพื่อประสงค์ได้ทรงคุ้งครองป้องกัน มีพระลักษมีมองดูมาจากที่ไกล (พระลักษมี) ซึ่งมีพระขนงขมวดและพระเนตรอันจ้องแพ่งด้วยความโกรธ เพราะเห็นพระฉายาของพระนางเองอันทรงโฉมติดอยู่ที่ผนังแก้ว คือ ที่พังพานของพระยานาค ขอจงประทานความมั่งคั่งสมบูรณ์ให้แก่ท่านทั้งหลาย ‘’’’’’’’’’’’ มี ทวีปอันประเสริฐ หาที่เปรียบไม่ได้ทวีปหนึ่ง ชื่อยวาทวีป อุดมด้วยพืชมีข้าวเป็นต้น สมบูรณ์ด้วยเหมือนทองคำ (จารึกชำรุดท่อนบรรทัด) .. เป็นแหล่งค้าประจำวันของสินค้าเนื่องด้วยพืชและเหมืองนั้น มิรู้วาย เป็นที่ตั้งสถานที่แห่งสิ่งสูงสุด คือ พระผู้เป็นเจ้า (พระศิวะ) แวดล้อมด้วยแม่คงคา และสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สระสนานอันเป็นทิพย์อย่างยิ่ง เพื่อนรชนมีความสุข ความเจริญ อันตั้งอยู่กุญชรประเทศซึ่งมั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยช้างรูปงาม ‘’’’’’’’’’’’ บน ทวีปอันมีชื่อว่า ยวา อันเป็นทีมีโชคใหญ่ของคนที่มีชื่อเสียง พระราชาทรงพระนามว่าสันนา มีกำเนิดอันเลิศในตระกูลสูง มีพระยศยิ่งใหญ่ไพศาล ทรงปกครองประชาชนทั้งปวงโดยชอบ ด้วยพระวาจาอ่อนโยน และด้วยทรงให้ท่านแก่ประชาชน ตั้งแต่ประชาชนแรกเกิดมาประหนึ่งบิดาปกครองบุตร ตั้งแต่บุตรแรกเกิดมา ทรงเป็นผู้อ่อนโยน ทรงปกครองแผ่นดินโดยชอบธรรมเป็นเวลานาน เหมือนกับพระมนู ‘’’’’’’’’’’’ เมื่อ ได้ครองราชย์สมบัติอันมีโชคลาภโดยยุติธรรมเป็นเวลานานแล้ว พระราชาผู้ทรงพระนามสันนาก็เสด็จไปรับผลอันเป็นความสุขในสวรรค์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงสะสมได้ โลกเหมือนหนึ่งถูกทำลายเสียแล้ว โลกหมุนไปสู่ความอนาถา เพราะอำนาจแห่งความโศก ‘’’’’’’’’’’’ ต่อ มา มีพระราชาองค์หนึ่งทรงอุบัติขึ้น พระองค์ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติเหมือนภูเขาพระสุเมรุ พระองค์มีพระฉวีวรรณบริสุทธิ์ เหมือนทองคำละลายคว้างอยู่ในไฟอันรุ่งโรจน์ พระพาหา และพระโสณี (ตะโพก) ใหญ่ มีจอมนูนขึ้น คือ กระหม่อมสูง มีพระบาทสูงเหนือภูเขา อันตั้งอยู่บนผืนแผ่นดิน คือ ราชตระกูล พระราชาองค์นี้ ทรงพระนามว่า ศรีสัญชัย เป็นโอรสของพระสัสสุระ (พ่อตา) ของพระเจ้าสันนา ทรงครองราชย์สมบัติด้วยระเบียบแบบแผน ทรงมีชื่อเสียงปวงปราชญ์สรรเสริญพระองค์ ทรงรอบรู้อรรถอันสุขุมในศาสตร์ทั้งหลาย ทรงประกอบด้วยคุณสมบัติมีความกล้าหาญ เป็นต้น ทรงมีอำนาจชนะสามันตราช ดั่งพระเจ้าราฆุ มีพระยศรุ่งเรือง ‘’’’’’’’’’’’ พระองค์ ปกครองแผ่นดิน ซึ่งมีทะเลอันมีละลอกล้อมเหมือนเข็มขัด มีภูเขาเหมือนนม (ทรวงอกนูน) ประชาชนนอนหลับในท้องถนนหลวง ได้โดยปราศจากโจรภัย และภัยอื่นใด ประชาชนที่มีชื่อเสียง ล้วนสร้างสมธรรมะ อรรถะ และกามะอย่างมั่นคง ทำเอาเจ้าแม่กาลีถึงกับได้แต่ร้องให้หนัก เพราะไม่ได้รับเครื่องเซ่นสังเวย (แปลโดย ร.ต.ท.แสง มนวิทูร หัวหน้าแผนกหอวชิรญาณ กองวรรณคดี และประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร)
‘’’’’’’’’’’’ พระเจ้าสัญชัยในจารึกนี้ เป็นต้นวงศ์สัญชัย พระองค์นับถือศาสนาฮินดูลัทธิไศวเวท พระองค์เป็นน้องมเหสีของพระเจ้าสันนา (เป็นโอรสของพระสัสสุระ-แปลว่า เป็นพ่อตาของพระเจ้าสันนา) พระเจ้าสัญชัยเป็นแม่ทัพเรือฝีมือเก่งกล้าในการรบมากตำนานชวา กล่าวขวัญถึงว่า พระองค์เป็นผู้พิชิต บาหลี สุมาตรา จึงได้รับบำเหน็จความชอบให้ครองเมืองเกดะห์ เพื่อควบคุมช่องแคบมะละกา
‘’’’’’’’’’’’ จารึกพระเจ้าสัญชัย พบที่ตำบลซังคัล บนภูเขากุวีร์ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเจดีย์บรมพุทโธ ตามตำนานยกย่องว่า พระองค์ทรงเป็นแม่ทัพเรือศรีวิชัย นำทัพเข้ารบพุ่งกับกองทัพเขมรอย่างกล้าหาญ จนได้รับชัยชนะ ต่อมาพระองค์ได้รับการแต่งตั้งจากศรีวิชัยให้ไปปกครองมะตะราม ดินแดนทางทิศตะวันออกของชวากลางแต่พระองค์นับถือศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย ดังปรากฏหลักฐานการสร้างเทวาลัย ซังคับ ประดิษฐานศิวลึงค์ ที่ตำบลซังคัล
‘’’’’’’’’’’’ ดี จี อี ฮอลล์ เขียนไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หน้า 63 ว่า กษัตริย์วงศ์สัญชัย อยู่ใต้อำนาจของราชวงศ์ไศเลนทร์ จนถึง พ.ศ. 1375 พระเจ้าวิษณุ ทรงมอบการปกครองให้พระเจ้าสัญชัย เป็นอิสระจากศรีวิชัย
‘’’’’’’’’’’’ หม่อมเจ้า จันทร์จิรายุ รัชนี ชี้ว่า เมืองเซโพของจีนก็คือ เมืองไชยา หรือเมืองชวาโบราณ ตรงกับชวากะ หรือซาบากในบันทึกของอาหรับ ดังนั้น คำว่ายวาทวีปในจารึก ก็คือที่ตั้งเมืองชวา เมืองหลวงศรีวิชัย นั่นเอง เจ้าชายชวากะ ก็คือ เจ้าชายชวา ในคัมภีร์จุลวงศ์ของลังกา บันทึกไว้ว่า ในปีที่ 11 ของรัชกาลของพระเจ้าปรากรมพาหุ ที่ 2 (พ.ศ.1779) ขวกราชา พระนาม จันทรภาณ์ ยกกองทัพมาขึ้นบกที่กัก ขลา
__________________