Jump to content


Photo
- - - - -

คำทำนายของหลวงตามหาบัว


  • Please log in to reply
240 replies to this topic

#51 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 12:43

ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับคุณ eAT (ส่วนใครจะมีความเห็นอย่างไร ขึ้นกับปัญญาและการสะสมมา)
น่าจะเป็นอย่างน้อย 3 ประเด็นที่กำลังถกเถียงกันอยู่

1 เรื่องพระอรหันต์มีอยู่หรือไม่ในปัจจุบัน และจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระอรหันต์
- ในปัจจุบัน ไม่มีพระอรหันต์

พระวินัยปิฎก จุลวรรค ทุติยภาค ภิกขุนิกขันธกวรรณนา (เริ่มที่หน้า 498)
ว่าด้วยครุธรรม 8 ประการ มีข้อความแสดงว่า การบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลจะมีได้ภายในห้าพันปี คือ
ในพันปีแรกสามารถมีพระอรหันต์ที่มีคุณวิเศษประกอบด้วยปฏิสัมภิทา พร้อมด้วยฤทธิ์
พันปีที่สอง สามารถมีพระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ (ไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิต่างๆได้)
พันปีที่สาม สามารถมีพระอนาคามี
พันปีที่สี่ สามารถมีพระสกทาคามี
พันปีที่ห้า สามารถมีพระโสดาบัน
ดังนั้นในปัจจุบันจึงไม่มีผู้บรรลุคุณธรรม ถึงขั้นพระอรหันต์

- พระอรหันต์ด้วยกันเท่านั้นถึงจะรู้กันได้
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 161
ข้อความบางตอนจาก อรรถกถาปฐมโกกาลิกสูตร
ด้วยคำว่า โกธ วิทฺวา วิกปฺปเยความว่า ใครผู้มีปัญญา ผู้มีเมธาในโลกนี้พึง
กำหนด ท่านแสดงว่า พระขีณาสพ(พระอรหันต์)เท่านั้น พึงกำหนดนับพระ
ขีณาสพ. บทว่า นิธุตนฺต มญฺเ ความว่าก็ผู้ใดเป็นปุถุชน ปรารภจะวัดพระ
ขีณาสพนั้น เรากล่าวผู้นั้นว่า ไม่มีธุตธรรมคือมีปัญญาต่ำทราม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 231
ข้อความบางตอนจาก อรรถกถา สัมปสาทนียสูตร
ในบรรดาชนเหล่านั้นปุถุชนผู้ได้เจโตปริยญาณ ย่อมรู้จิตของปุถุชนเท่านั้น
หารู้จิตของพระอริยทั้งหลายได้ไม่. แม้ในพระอริยทั้งหลาย พระอริยบุคคลผู้
ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องต่ำ ย่อมไม่รู้จิตของพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องสูงได้
ส่วนพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องสูง ย่อมรู้จิตของพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องต่ำได้.

2 เครื่องกั้นมิให้บรรลุธรรม
ธรรมที่เป็นอันตรายแก่สวรรค์และมรรคผล (อันตรายิกธรรม) มีทั้งหมด ๕ ประการ คือ
การกระทำกรรมหนักคืออนันตริยกรรม ๑
ผู้ที่มีความเห็นผิดที่ร้ายแรงแก้ไขไม่ได้ (นิยตมิจฉาทิฏฐิ) ๑
การปฏิสนธิด้วยอเหตุกะ ๑
การด่าว่าร้ายพระอริยะ(อริยุปวาท) ๑
การต้องอาบัติ คือมีศีลที่ไม่บริสุทธิ์ของพระภิกษุ(อาณาวีติกกมะ) ๑
ใน ๕ ประการนั้น บางข้อแก้ไขแล้วไม่ปิดกั้นบางข้อกั้นการบรรลุธรรมแต่ไม่กั้นสวรรค์ คือการปฏิสนธิเป็นอเหตุกะหรือทวิเหตุกะ ฯ

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 299
........... ชื่อว่าอันตรายิกธรรม เพราะทำอันตรายต่อสวรรค์
และนิพพาน. อันตรายิกธรรมเหล่านั้นมี ๕ อย่าง คือ กรรม กิเลส วิบาก
อริยุปวาท และอาณาวีตกกมะ. ในอันตรายิกธรรมเหล่านั้น อนันตริยกรรม
๕ ชื่อว่า กัมมันตรายิกธรรม. ภิกษุณีทูสกกรรมก็เหมือนกัน. แต่ภิกษุณีทูสก-
กรรมนั่นกระทำอันตรายต่อพระนิพพานอย่างเดียว หากระทำอันตรายต่อสวรรค์ไม่.
ธรรมคือนิยตมิจฉาทิฏฐิ ชื่อว่าอันตรายิกธรรมคือกิเลส.
ปฏิสนธิธรรมของบัณเฑาะก์ สัตว์เดรัจฉานและอุภโตพยัญชนกชื่อว่าอันตรายิกธรรม
คือวิบากธรรม คือการเข้าไปว่าร้ายพระอริยเจ้าชื่อว่า อันตรายิกรรม คืออุปวาทะ
แต่อุปวาทันตรายิกธรรมเหล่านั้นย่อมกระทำอันตรายตลอดเวลาที่ยังไม่ให้พระอริยเจ้าทั้งหลายอดโทษ
เบื้องหน้าแต่นั้นให้พระอริยเจ้าอดโทษแล้ว หากระทำอันตรายไม่.
อาบัติ ๗ กองที่ภิกษุจงใจล่วงละเมิดแล้ว ชื่อว่าอันตรายิกธรรมคือ
อาณาวีติกกมะ. แม้อาณาวีติกกมันตรายิกธรรมเหล่านั้น ย่อมกระทำอันตราย
ตลอดเวลาที่ภิกษุต้องอาบัติแล้วยังปฏิญญาตนว่าเป็นภิกษุอยู่ก็ดี ไม่อยู่ปริวาสกรรมก็ดี
ไม่แสดงอาบัติก็ดีเบื้องหน้าแต่นั้น หากระทำอันตรายไม่.

3.พระบรมสารีริกธาตุ
ประโยชน์ที่สำคัญไมได้อยู่ที่ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริงหรือไม่จริง แต่ประโยชน์คือ
สำคัญอยู่ที่จิตของผู้นั้นว่าเป็นอย่างไร เมื่อได้เห็นสิ่งที่สมมติว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุ
เพราะการเห็นเป็นเพียงวิบากที่เป็นผลของกรรม เห็นสิ่งเดียวกัน แต่ใจของแต่ละ
คนก็ต่างกันไป ตามการสะสม แม้จะเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริง แต่จิตไม่เลื่อมใส
ไม่เกิดกุศล แต่เป็นอกุศลแทนก็ได้ ขณะที่เห็นพระบรมสารีริกธาตุแล้วเกิดความสงสัย
ว่าจริงหรือไม่จริง ขณะที่สงสัยก็เป็นอกุศลแล้วในขณะนั้น แต่ขณะใดเห็นพระบรม
สารีริกธาตุจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม เกิดจิตเลื่อมใส ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า
อันเกิดจากปัญญาที่ได้จากการศึกษาพระธรรมมา ก็เกิดกุศลจิตในขณะนั้น แม้จะไม่ใช่
ของจริง หรือจริง แต่เกิดกุศลแล้วในขณะนั้น ดังนั้น สำคัญที่จิตของเรา ไม่ใช่ว่าจะจริง
หรือไม่จริง และ แม้แต่พระพุทธรูป ที่เป็นหิน ดินมาปั้น ก็ไม่ใช่พระพุทธเจ้าจริงๆแน่นอน
แต่ก็มีกราบไหว้ ทำไมกราบไหว้ ก็เพราะมีการเคารพ ระลึกถึงพระคุณว่าเป็นตัวแทนพระ
พุทธเจ้า ทั้งๆที่เป็นเพียงหิน ดินเท่านั้น ไม่ใช่พระพุทธเจ้าจริงๆ จึงแสดงให้เห็นถึงความ
สำคัญของจิตผู้นั้นเองเป็นสำคัญ ว่าจะเป็นกุศล หรือ อกุศลในสิ่งที่ได้เห็น ความเข้าใจพระธรรม
จึงทำให้เกิดกุศลจิตได้แม้จะเห็นสิ่งใดก็ตามปัญญา คุณธรรมต่างหาก เป็นตัวตัดสิน ว่าผู้ใดมี
คุณธรรมหรือไม่มีคุณธรรม ไม่ใช่เพียงลักษณะภายนอก หรือ ที่เห็นได้ด้้วยตาเนื้อที่เห็นเพียงสี
สิ่งที่ปรากฎทางตาเท่านั้น ไมได้เห็นถึงคุณธรรมภายในที่เห็นได้ด้วยปัญญา พระพุทธศาสนา
เป็นเรื่องของปัญญา ปัญญาสามารถเห็นได้ทางตาหรือไม่ ไม่แน่นอนครับ เพราะเป็นเรื่องของปัญญา
พระพุทธองค์มิได้มุ่งหมายให้พวกเธอทั้งหลายจงพิสูจน์เถอะว่า พระบรมสารีริกธาตุของเราจริงหรือไม่
แต่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมอันมีปาฏิหารย์คืออนุสาสนีปาฏิหารย์ที่สามารถทำให้สัตว์โลก
เข้าใจได้และเกิดปัญญาเพื่อดับกิเลสนี่คือจุดประสงค์ของพระพุทธองค์ครับ เมื่อพิสูจน์ได้จริง
แล้วใครจะเชื่อว่าจริงก็ย่อมมีข้อสงสัย มีข้อเคลือบแคลงแล้วประโยชน์ที่ได้คืออะไร ถ้าไม่เข้า
ใจธรรมก็เหมือนการไหว้ในสิ่งที่ไม่เข้าใจเพราะการเห็นพระองค์การเข้าใจใกล้พระองค์จริงๆคือ
การเข้าใจพระธรรม


พระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว...

และทรงให้ผู้อื่นตรัสรู้ตามด้วย

พระองค์ทรงพ้นแล้ว...

และทรงยังผู้อื่นให้พ้นด้วย

พระองค์ทรงข้ามแล้ว...

และทรงยังผู้อื่นให้ข้ามด้วย


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#52 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 12:44

2 เครื่องกั้นมิให้บรรลุธรรม
ธรรมที่เป็นอันตรายแก่สวรรค์และมรรคผล (อันตรายิกธรรม) มีทั้งหมด ๕ ประการ คือ
การกระทำกรรมหนักคืออนันตริยกรรม ๑
ผู้ที่มีความเห็นผิดที่ร้ายแรงแก้ไขไม่ได้ (นิยตมิจฉาทิฏฐิ) ๑
การปฏิสนธิด้วยอเหตุกะ ๑
การด่าว่าร้ายพระอริยะ(อริยุปวาท) ๑
การต้องอาบัติ คือมีศีลที่ไม่บริสุทธิ์ของพระภิกษุ(อาณาวีติกกมะ) ๑
ใน ๕ ประการนั้น บางข้อแก้ไขแล้วไม่ปิดกั้นบางข้อกั้นการบรรลุธรรมแต่ไม่กั้นสวรรค์ คือการปฏิสนธิเป็นอเหตุกะหรือทวิเหตุกะ ฯ
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 299
........... ชื่อว่าอันตรายิกธรรม เพราะทำอันตรายต่อสวรรค์

และนิพพาน. อันตรายิกธรรมเหล่านั้นมี ๕ อย่าง คือ กรรม กิเลส วิบาก

อริยุปวาท และอาณาวีตกกมะ. ในอันตรายิกธรรมเหล่านั้น อนันตริยกรรม

๕ ชื่อว่า กัมมันตรายิกธรรม. ภิกษุณีทูสกกรรมก็เหมือนกัน. แต่ภิกษุณีทูสก-

กรรมนั่นกระทำอันตรายต่อพระนิพพานอย่างเดียว หากระทำอันตรายต่อสวรรค์ไม่.
ธรรมคือนิยตมิจฉาทิฏฐิ ชื่อว่าอันตรายิกธรรมคือกิเลส.

ปฏิสนธิธรรมของบัณเฑาะก์ สัตว์เดรัจฉานและอุภโตพยัญชนกชื่อว่าอันตรายิกธรรม
คือวิบากธรรม คือการเข้าไปว่าร้ายพระอริยเจ้าชื่อว่า อันตรายิกรรม คืออุปวาทะ
แต่อุปวาทันตรายิกธรรมเหล่านั้นย่อมกระทำอันตรายตลอดเวลาที่ยังไม่ให้พระอริยเจ้าทั้งหลายอดโทษ
เบื้องหน้าแต่นั้นให้พระอริยเจ้าอดโทษแล้ว หากระทำอันตรายไม่.
อาบัติ ๗ กองที่ภิกษุจงใจล่วงละเมิดแล้ว ชื่อว่าอันตรายิกธรรมคือ
อาณาวีติกกมะ. แม้อาณาวีติกกมันตรายิกธรรมเหล่านั้น ย่อมกระทำอันตราย
ตลอดเวลาที่ภิกษุต้องอาบัติแล้วยังปฏิญญาตนว่าเป็นภิกษุอยู่ก็ดี ไม่อยู่ปริวาสกรรมก็ดี
ไม่แสดงอาบัติก็ดีเบื้องหน้าแต่นั้น หากระทำอันตรายไม่.

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#53 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

Posted 17 April 2012 - 13:34

- สำหรับผู้ที่บอกว่ายุคนี้ไม่มีพระอรหันต์ นั่นเพราะคุณยังไม่พบ หรือไม่คิดจะแสวงหา
ผมเข้าใจพวกท่านดี แต่ก่อนผมก็เป็นแบบท่าน มองว่าศาสนาพุทธสอนแค่เรื่องหลุดพ้น ละกิเลส เรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏหาริย์ก็ไม่มีจริง สวรรค์นรกเป็นเรื่องการเปรียบเทียบหรืออุบายให้คนกลัวบาป การทำงานของจิตใจเกิดจากสมอง จิตวิญญาณไม่มี ความคิดเป็นวิทยาศาสตร์จ๋า ไม่เชื่อเรื่องที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้

ผมเพิ่งจะเข้าใจและเปิดใจยอมรับธรรมะเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อนนี่เอง แม้จะยังไม่ก้าวหน้าทางภาวนา ไม่เคยเห้นจิตเห้นวิญญาณ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีจริง ผู้ที่เห็นที่รู้ก็มี ถ้าศาสนาพุทธเป็นเพียงคำสอนธรรมดา เทวดาอินทร์พรหมจะมากราบไหว้ทำไม จะเอาอะไรไปสู้กับลัทธิอื่นที่เค้าเล่นฌาณเล่นไสยศาสตร์ และจะเอาชนะกิเลสที่อยู่คู่กับพวกเรามานับชาติไม่ถ้วนได้ยังไง ก็ไม่เพราะอำนาจฌาณสมาธิขั้นสูงเหรอที่ทำให้พระพุทธเจ้าค้นพบธรรม เข้าใจกฎแห่งกรรมอย่างถ่องแท้ มองเห็นได้ทั่วทั้ง 3 แดนโลกธาตุ จริงๆวิทยาศาสตรืพิสูจน์ไม่ได้ แต่ตัวเราเองพิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติภาวนา สำหรับพวกที่ปฏิเสธว่าไม่มีจริง ท่านมีทาน ศีล ภาวนาสมบูรณืหรือยังที่จะกล่าวว่าสิ่งต่างๆไม่มี ท่านเคยนั่งสมาธิได้ทั้งวันทั้งคืนอย่างผู้ที่เค้าได้รูได้เห็นจริงหรือไม่ ท่านสามารถละวางกิเลสได้อย่างพระสุปฏิปันโนหรือไม่ บางอย่างอย่าใช้แค่ความรู้ความคิดของเราตัดสิน ศาสนาไม่ได้อยู่ได้เพราะโกหกหรือสักแต่ให้เชื่อ แต่เพราะธรรมมะเป็นของจริง พิสูจน์ได้จริงมากว่าสองพันปี พระไตรปิฎกก็มาจากการสังคายนาโดยพระอรหันต์แล้วท่านจะมาโกหกเราเพื่ออะไร

- เอาเป็นว่าลองเริ่มจากการได้พบพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก่อนก็ได้ อย่างเช่น หลวงปู่จามที่มุกดาหาร หลวงปู่แบนที่สกลนคร หลวงปู่เมืองที่มหาสารคาม ... เป็นต้น ลองไปดูปฏิปทาพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ท่านยึดธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดว่าเป็นอย่างไร ฝากไว้พิจารณาละกัน

ปล. ผมไม่ได้ตำหนิที่ใครจะไม่เชื่อ เพราะผมเข้าใจว่าก็คงไม่รู้เหมือนผมสมัยก่อน ถ้ารู้ว่าเป็นอรหันต์คงไม่คิดไปปรามาสหรอก (ถ้ายังเป็นชาวพุทธอยู่) ก็อวิชชาหรือความไม่รู้นี่แหละที่ทำให้เราต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่แบบนี้ ส่วนถ้าถามว่าใครเป็นไม่เป็นดูยังไง บางทีก็ต้องไปสัมผัสเอง และก็ขึ้นอยู่กับบุญบารมีแต่ละคนว่าจะได้พบหรือไม่ด้วย เวลาทำบุญก็อธิษฐานให้ได้พบก็ได้ครับ เชื่อว่าสักวันต้องได้พบแน่นอน แต่ถ้าเริ่มจากคิดว่าไม่มี ก็ย่อมไม่แสวงหา แล้วก็ไม่ได้พบ หรือพบแต่ไม่รูว่าอรหันต์ก็ได้ ยังไงก็หวังว่าจะเข้าใจในความหวังดีของผมนะครับ

Edited by ไร้สีไร้กลิ่น, 17 April 2012 - 13:46.


#54 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 14:00

ขออณุญาต เรียบเรียงใหม่ เพราะ 2 rep ไม่ต่อเนื่อง
น่าจะเป็นอย่างน้อย 3 ประเด็นที่กำลังถกเถียงกันอยู่

1 เรื่องพระอรหันต์มีอยู่หรือไม่ในปัจจุบัน และจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระอรหันต์
- ในปัจจุบัน ไม่มีพระอรหันต์

พระวินัยปิฎก จุลวรรค ทุติยภาค ภิกขุนิกขันธกวรรณนา (เริ่มที่หน้า 498)
ว่าด้วยครุธรรม 8 ประการ มีข้อความแสดงว่า การบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลจะมีได้ภายในห้าพันปี คือ
ในพันปีแรกสามารถมีพระอรหันต์ที่มีคุณวิเศษประกอบด้วยปฏิสัมภิทา พร้อมด้วยฤทธิ์
พันปีที่สอง สามารถมีพระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ (ไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิต่างๆได้)
พันปีที่สาม สามารถมีพระอนาคามี
พันปีที่สี่ สามารถมีพระสกทาคามี
พันปีที่ห้า สามารถมีพระโสดาบัน
ดังนั้นในปัจจุบันจึงไม่มีผู้บรรลุคุณธรรม ถึงขั้นพระอรหันต์

- พระอรหันต์ด้วยกันเท่านั้นถึงจะรู้กันได้

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 161
ข้อความบางตอนจาก อรรถกถาปฐมโกกาลิกสูตร

ด้วยคำว่า โกธ วิทฺวา วิกปฺปเยความว่า ใครผู้มีปัญญา ผู้มีเมธาในโลกนี้พึง
กำหนด ท่านแสดงว่า พระขีณาสพ(พระอรหันต์)เท่านั้น พึงกำหนดนับพระ
ขีณาสพ. บทว่า นิธุตนฺต มญฺเ ความว่าก็ผู้ใดเป็นปุถุชน ปรารภจะวัดพระ
ขีณาสพนั้น เรากล่าวผู้นั้นว่า ไม่มีธุตธรรมคือมีปัญญาต่ำทราม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 231
ข้อความบางตอนจาก อรรถกถา สัมปสาทนียสูตร ในบรรดาชนเหล่านั้น
ปุถุชนผู้ได้เจโตปริยญาณ ย่อมรู้จิตของปุถุชนเท่านั้น หารู้จิตของพระอริยทั้งหลายได้ไม่.
แม้ในพระอริยทั้งหลาย พระอริยบุคคลผู้ ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องต่ำ ย่อมไม่รู้จิตของพระอริย
บุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องสูงได้ส่วนพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องสูง ย่อมรู้จิตขอ
งพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องต่ำได้.

2 เครื่องกั้นมิให้บรรลุธรรม

ธรรมที่เป็นอันตรายแก่สวรรค์และมรรคผล (อันตรายิกธรรม) มีทั้งหมด ๕ ประการ คือ
การกระทำกรรมหนักคืออนันตริยกรรม ๑
ผู้ที่มีความเห็นผิดที่ร้ายแรงแก้ไขไม่ได้ (นิยตมิจฉาทิฏฐิ) ๑
การปฏิสนธิด้วยอเหตุกะ ๑
การด่าว่าร้ายพระอริยะ(อริยุปวาท) ๑
การต้องอาบัติ คือมีศีลที่ไม่บริสุทธิ์ของพระภิกษุ(อาณาวีติกกมะ) ๑
ใน ๕ ประการนั้น บางข้อแก้ไขแล้วไม่ปิดกั้นบางข้อกั้นการบรรลุธรรมแต่ไม่กั้นสวรรค์
คือการปฏิสนธิเป็นอเหตุกะหรือทวิเหตุกะ ฯ

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 299

........... ชื่อว่าอันตรายิกธรรม เพราะทำอันตรายต่อสวรรค์และนิพพาน.
อันตรายิกธรรมเหล่านั้นมี ๕ อย่าง คือ กรรม กิเลส วิบากอริยุปวาทและอาณาวีตกกมะ.
ในอันตรายิกธรรมเหล่านั้น อนันตริยกรรม๕ ชื่อว่า กัมมันตรายิกธรรม. ภิกษุณีทูสกกรรมก็
เหมือนกัน. แต่ภิกษุณีทูสกกรรมนั่นกระทำอันตรายต่อพระนิพพานอย่างเดียว หากระทำอัน
ตรายต่อสวรรค์ไม่.ธรรมคือนิยตมิจฉาทิฏฐิ ชื่อว่าอันตรายิกธรรมคือกิเลส.
ปฏิสนธิธรรมของบัณเฑาะก์ สัตว์เดรัจฉานและอุภโตพยัญชนกชื่อว่าอันตรายิกธรรม
คือวิบากธรรม คือการเข้าไปว่าร้ายพระอริยเจ้าชื่อว่า อันตรายิกรรม คืออุปวาทะ
แต่อุปวาทันตรายิกธรรมเหล่านั้นย่อมกระทำอันตรายตลอดเวลาที่ยังไม่ให้พระอริยเจ้า
ทั้งหลายอดโทษ เบื้องหน้าแต่นั้นให้พระอริยเจ้าอดโทษแล้ว หากระทำอันตรายไม่.
อาบัติ ๗ กองที่ภิกษุจงใจล่วงละเมิดแล้ว ชื่อว่าอันตรายิกธรรมคือ
อาณาวีติกกมะ. แม้อาณาวีติกกมันตรายิกธรรมเหล่านั้น ย่อมกระทำอันตราย
ตลอดเวลาที่ภิกษุต้องอาบัติแล้วยังปฏิญญาตนว่าเป็นภิกษุอยู่ก็ดี ไม่อยู่ปริวาสกรรมก็ดี
ไม่แสดงอาบัติก็ดีเบื้องหน้าแต่นั้น หากระทำอันตรายไม่.

3.พระบรมสารีริกธาตุ

ประโยชน์ที่สำคัญไมได้อยู่ที่ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริงหรือไม่จริง แต่ประโยชน์คือ
สำคัญอยู่ที่จิตของผู้นั้นว่าเป็นอย่างไร เมื่อได้เห็นสิ่งที่สมมติว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุ
เพราะการเห็นเป็นเพียงวิบากที่เป็นผลของกรรม เห็นสิ่งเดียวกัน แต่ใจของแต่ละ
คนก็ต่างกันไป ตามการสะสม แม้จะเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริง แต่จิตไม่เลื่อมใส
ไม่เกิดกุศล แต่เป็นอกุศลแทนก็ได้ ขณะที่เห็นพระบรมสารีริกธาตุแล้วเกิดความสงสัย
ว่าจริงหรือไม่จริง ขณะที่สงสัยก็เป็นอกุศลแล้วในขณะนั้น แต่ขณะใดเห็นพระบรม
สารีริกธาตุจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม เกิดจิตเลื่อมใส ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า
อันเกิดจากปัญญาที่ได้จากการศึกษาพระธรรมมา ก็เกิดกุศลจิตในขณะนั้น แม้จะไม่ใช่
ของจริง หรือจริง แต่เกิดกุศลแล้วในขณะนั้น ดังนั้น สำคัญที่จิตของเรา ไม่ใช่ว่าจะจริง
หรือไม่จริง และ แม้แต่พระพุทธรูป ที่เป็นหิน ดินมาปั้น ก็ไม่ใช่พระพุทธเจ้าจริงๆแน่นอน
แต่ก็มีกราบไหว้ ทำไมกราบไหว้ ก็เพราะมีการเคารพ ระลึกถึงพระคุณว่าเป็นตัวแทนพระ
พุทธเจ้า ทั้งๆที่เป็นเพียงหิน ดินเท่านั้น ไม่ใช่พระพุทธเจ้าจริงๆ จึงแสดงให้เห็นถึงความ
สำคัญของจิตผู้นั้นเองเป็นสำคัญ ว่าจะเป็นกุศล หรือ อกุศลในสิ่งที่ได้เห็น ความเข้าใจ
พระธรรม จึงทำให้เกิดกุศลจิตได้แม้จะเห็นสิ่งใดก็ตามปัญญา คุณธรรมต่างหากเป็นตัวตัดสิน
ว่าผู้ใดมีคุณธรรมหรือไม่มีคุณธรรม ไม่ใช่เพียงลักษณะภายนอก หรือ ที่เห็นได้ด้้วยตาเนื้อ
ที่เห็นเพียง สี สิ่งที่ปรากฎทางตาเท่านั้น ไมได้เห็นถึงคุณธรรมภายในที่เห็นได้ด้วยปัญญา
พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญา ปัญญาสามารถเห็นได้ทางตาหรือไม่ ไม่แน่นอนครับ
เพราะเป็นเรื่องของปัญญา พระพุทธองค์มิได้มุ่งหมายให้พวกเธอทั้งหลายจงพิสูจน์เถอะว่า
พระบรมสารีริกธาตุของเราจริงหรือไม่ แต่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมอันมีปาฏิหารย์คือ
อนุสาสนีปาฏิหารย์ที่สามารถทำให้สัตว์โลก เข้าใจได้และเกิดปัญญาเพื่อดับกิเลสนี่คือจุด
ประสงค์ของพระพุทธองค์ครับ เมื่อพิสูจน์ได้จริง แล้วใครจะเชื่อว่าจริงก็ย่อมมีข้อสงสัย มีข้อ
เคลือบแคลงแล้วประโยชน์ที่ได้คืออะไร ถ้าไม่เข้าใจธรรมก็เหมือนการไหว้ในสิ่งที่ไม่เข้าใจ
เพราะการเห็นพระองค์การเข้าใจใกล้พระองค์จริงๆคือการเข้าใจพระธรรม

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#55 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 14:04

ขอโทษครับ ผมพยายามแล้วแต่มีข้อขัดข้องทาง internet
ทำให้ rep ผม ไม่ต่อเนื่องเหมือนเดิม

ขอแทรกแล้วกัน
พระวินัยปิฎก จุลวรรค ทุติยภาค ภิกขุนิกขันธกวรรณนา (เริ่มที่หน้า 498)
ว่าด้วยครุธรรม 8 ประการ มีข้อความแสดงว่า การบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลจะมีได้ภายในห้าพันปี คือ
ในพันปีแรกสามารถมีพระอรหันต์ที่มีคุณวิเศษประกอบด้วยปฏิสัมภิทา พร้อมด้วยฤทธิ์
พันปีที่สอง สามารถมีพระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ (ไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิต่างๆได้)
พันปีที่สาม สามารถมีพระอนาคามี
พันปีที่สี่ สามารถมีพระสกทาคามี
พันปีที่ห้า สามารถมีพระโสดาบัน
ดังนั้นในปัจจุบันจึงไม่มีผู้บรรลุคุณธรรม ถึงขั้นพระอรหันต์

- พระอรหันต์ด้วยกันเท่านั้นถึงจะรู้กันได้
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 161
ข้อความบางตอนจาก อรรถกถาปฐมโกกาลิกสูตร
ด้วยคำว่า โกธ วิทฺวา วิกปฺปเยความว่า ใครผู้มีปัญญา ผู้มีเมธาในโลกนี้พึง
กำหนด ท่านแสดงว่า พระขีณาสพ(พระอรหันต์)เท่านั้น พึงกำหนดนับพระ
ขีณาสพ. บทว่า นิธุตนฺต มญฺเ ความว่าก็ผู้ใดเป็นปุถุชน ปรารภจะวัดพระ
ขีณาสพนั้น เรากล่าวผู้นั้นว่า ไม่มีธุตธรรมคือมีปัญญาต่ำทราม

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 231
ข้อความบางตอนจาก อรรถกถา สัมปสาทนียสูตร ในบรรดาชนเหล่านั้นปุถุชนผู้ได้เจโตปริยญาณ ย่อมรู้จิตของปุถุชนเท่านั้น หารู้จิตของพระอริยทั้งหลายได้ไม่. แม้ในพระอริยทั้งหลาย พระอริยบุคคลผู้ ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องต่ำ ย่อมไม่รู้จิตของพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องสูงได้ส่วนพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องสูง ย่อมรู้จิตของพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องต่ำได้.

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#56 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 14:06

ผมขอเริ่มด้วยการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นก่อน

ถ้าหากเราไม่ยึดถือ พระไตรปิฎกแล้วจะยึดถือสิ่งใดแทนครับ

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#57 annykun

annykun

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,567 posts

Posted 17 April 2012 - 14:08

พระอรหันต์ สำหรับผมแล้ว คือพระผู้ซึ่งตัดขาดจากกิเลศทั้งปวง รวมไปถึงความอยากทั้งหมด ละแล้วซึ่่งความรู้สึกรัก และห่วงใย ในสิ่งต่างๆ
หากคิดตามเกณฑ์นี้ ในปัจจุบันพระอรหันต์คงมีอยู้น้อยคนมากหรืออาจไม่มีเลย จะพบอยู่มากก็แค่พระที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ มีความแตกฉาน
ในพระธรรม ในระดับที่ใกล้เคียงกับพระอรหันต์เท่านั้น แต่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ ดังนั้นทั้งหลวงตามหาบัว หรือแม้แต่พระพุทธทาส ผมก็ไม่ถือ
ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ เพราะดูแล้ว ท่านทั้ง 2 ยังมีความรู้สึกรักและห่วงใยในสิ่งต่างๆ อยู่ ยังไม่อาจตัดหรือปล่อยวางมันลงได้ทั้งหมด
แต่ยอมรับจากใจว่า ในประเทศไทยหากกล่าวถึงพระที่ใกล้เคียงกับพระอรหันต์แล้ว ทั้ง 2 ท่านน่าจะเป็นผู้ที่ใกล้เคียงที่สุด
หรืออาจมีพระท่านอื่นๆแต่ผมไม่รู้จักอยู่อีกก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมยกให้ท่านพุทธทาสเหนือกว่าอยู่ซักหน่อย เพราะหลวงตามหาบัวท่านแสดงออก อย่างชัดเจนว่ายังไม่อาจตัดขาดจากความห่วงใยในประเทศชาติได้ จากกรณีผ้าป่าช่วยชาติ รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นที่ออกจะ เข้ามายุ่งเกี่ยว กับทางโลกอยู่หลายครั้ง บางครั้งก็ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหน่อยๆด้วย

Edited by annykun, 17 April 2012 - 14:08.

คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม  คือ   ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง

คุณธรรมที่พร้ำสอน  ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา   ส่วน  ประชาธิปไตยน่ะรึ  เอาเข้าจริงๆ  สำคัญอันใด?? 

 


#58 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 14:09

ประเด็นคือ ขณะนี้มีพระอรหันต์อยู่อีกหรือไม่ครับ

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#59 chaidan

chaidan

    กา... กา... กา...

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,999 posts

Posted 17 April 2012 - 14:27

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

“หากภิกษุทั้งหลายจะพึงปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในธรรมนี้แล้วไซร้ โลกนี้จักไม่พึงว่างเปล่าจากพระอรหันต์”

http://www.crs.mahid...buddhist100.htm
ใครที่บอกว่า "กาขาว" เป็นฝรั่ง....ผมว่าไม่ใช่......

#60 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 14:31

โลก หาเบื้องต้น และสิ้นสุดไม่ได้
เพราะฉนั้น โลกนี้ย่อมไม่ว่างเปล่าจากพระอรหันต์อย่างแน่นอน

คำถามว่า ขณะนี้มีพระอรหันต์อยู่หรือไม่

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#61 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

Posted 17 April 2012 - 14:34

ผมถึงได้บอกว่าอย่าไปคิดเอาตามความไม่รู้ของเรา
พระพุทธเจ้าท่านบรรลุอรหันต์ก่อนจะเผยแพร่ธรรมะไม่ใช่หรือ
ถ้าบอกว่าบรรลุอรหันต์ต้องอยู่เฉยๆจะมาห่วงใยคนอื่นทำไม แล้วพระพุทธเจ้าท่านจะมาสั่งสอนคนอื่นทำไม จะเผยแพร่ธรรมมะทำไม

พระอรหันต์ก็มีอารมณ์มีประสาทสัมผัสแบบคนทั่วไป ความรู้สึกเหมือนคนธรรมดาแต่ท่านไม่ทุกข์กับมัน (หัวเราะได้ ปิติจนน้ำตาไหลได้ แต่ไม่มีทุกข์ เหมือนหยดน้ำที่อยู่บนใบบัว น้ำสัมผัสกับใบบัวแล้วร่วงหล่นไปไม่เหลือคราบน้ำอยู่) อย่างในพระไตรปิฏก พระพุทธเจ้าเห็นเปรตตนหนึ่งก็แย้มพระสรวลจนพระอานนนท์ทักว่าเกิดอะไร หรือยังกระหายน้ำได้ เป็นต้น

จริงๆไม่อยากพูดอะไรมากนักหรอกเพราะผมก็พวกมือใหม่ ไม่ได้รู้ธรรมอะไรนัก ยิ่งพูดเดี๋ยวยิ่งผิด แต่สิ่งที่มั่นใจคือประเทศเรายังมีพระอรหันต์ มีมากด้วย ถึงได้ย้ำว่าต้องไปพบเจอเอง และอย่าให้เสียชาติเกิดที่ได้เกิดมาในประเทศไทย ได้นับถือพุทธศาสนา หาโอกาสไปพบพระอรหันต์สักครั้งเถิด ไปถามท่านเถิด
ศาสนาเราคงอยู่ไปอีกจนครบ 5 พันปี ในช่วงเวลานี้มีอรหันต์เกิดขึ้นตลอด จนกว่าจะสิ้นศาสนา ไม่ใช่มีแต่พระธรรมที่คงอยู่อย่างเดียว เมื่อสิ้นศาสนาแล้วต้องรอไปอีกล้านห้าแสนปีพระพุทธเจ้าจึงจะอุบัติขึ้นอีก ระหว่างนั้นอาจมีพระปัจเจกพุทธเจ้า แต่จะไม่มีสาวกคือพระอรหันต์

Edited by ไร้สีไร้กลิ่น, 17 April 2012 - 14:40.


#62 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

Posted 17 April 2012 - 14:39

ผมค่อนข้างจะขี้เกียจพิมพ์ ขอตะที่จะตอบโต้ไว้ก่อน
ขอประเด็นเดียว


"คำทำนาย" หลายๆ คนเข้าใจว่าถ้ามีอิทธฤทธิ์มาก คำนายย่อมถูกต้อง
ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิด ทำนาย มิใช่เห็นอนาคต ถ้าหากใครก็ตาม (รวมทั้งพระพุทธเจ้า)
สามารถเห็นอนาคตได้ แสดงว่า "อนาคตเปลี่ยนแปลงไม่ได้" คราวนี้โลกทัศน์
จะมีปัญหา คือ "โลกนี้เป็นไปตามพรหมลิขิตเปลี่ยนแปลงไม่ได้" หรือว่า
"โลกนี้มีจิตอิสระ (Free Will) ที่สามารถลิขิตเปลี่ยนแปลงชีึวิตได้"
คุณว่า "พุทธ" เป็นแบบไหนกัน?

ถ้าคุณได้ศึกษาคำของพระศาสดา (ไม่ใช่คำปลิ้นปล้อนของสาวกเทียมบางรูป)
จะเห็นว่า พระองค์ทำนายไว้โดยมีเงื่อนไขเสมอๆ เช่น

แล้วพระผู้มีพระภาคได้ตรัสอริยมรรค ๘ ประการ ว่าเป็นมรรคาประเสริฐมีอยู่ในธรรมวินัยใดแล้ว
สมณะ คือ ท่านผู้สงบระงับดับกิเลสได้จริง ย่อมมีอยู่ในธรรมวินัยนั้น อนึ่ง อริยมรรคทั้ง ๘ นั้น
ก็มีอยู่เฉพาะในธรรมวินัยนี้เท่านั้น แม้สมณะดังกล่าวแล้ว ก็มีอยู่แต่ในธรรมวินัยนี้แห่งเดียว

“สุภัททะ หากภิกษุทั้งหลายจะพึงปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในธรรมนี้แล้วไซร้ โลกนี้จักไม่พึงว่างเปล่าจากพระอรหันต์


ดังนั้นโลกนี้มีพระอรหันต์หรือเปล่า
ก็ต้องถามว่า "มรรคมีองค์ ๘" ยังมีอยู่หรือเปล่า
แล้วยังมี "ภิกษุปฏิบัติตาม" อยู่หรือไม่
ก็จะได้คำตอบแล้วว่า "พระอรหันต์" ยังมีอยู่หรือเปล่า

#63 chaidan

chaidan

    กา... กา... กา...

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,999 posts

Posted 17 April 2012 - 14:41

แม้แต่พระพุทธศาสนาเอง....
ก็ยังเป็นไปตามกฎ ไตรลักษณ์....
:)
http://th.wikipedia..../wiki/ไตรลักษณ์
ใครที่บอกว่า "กาขาว" เป็นฝรั่ง....ผมว่าไม่ใช่......

#64 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 14:42

ก็เป็นคำถามตอกย้ำกลับไปว่า
อย่าไปคิดตามความไม่รู้ของเรา

ผมไม่ได้คิดเองว่าขณะนี้ไม่มีพระอรหันต์
และไม่ได้คิดเองว่าขณะมีพระอรหันต์

แต่ความเชื่อก็ต้องมีหลักอ้างอิง ตรวจสอบได้

ถ้าไม่ตรวจสอบจากพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วจะเอาอะไรมาตรวจสอบครับ

ในเมื่อมีการตรวจสอบแล้วว่า ตาม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 161
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 231

แล้วเราจะเชื่ออย่างใหน

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#65 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

Posted 17 April 2012 - 14:52

2 เครื่องกั้นมิให้บรรลุธรรม
ธรรมที่เป็นอันตรายแก่สวรรค์และมรรคผล (อันตรายิกธรรม) มีทั้งหมด ๕ ประการ คือ
การกระทำกรรมหนักคืออนันตริยกรรม ๑
ผู้ที่มีความเห็นผิดที่ร้ายแรงแก้ไขไม่ได้ (นิยตมิจฉาทิฏฐิ) ๑
การปฏิสนธิด้วยอเหตุกะ ๑
การด่าว่าร้ายพระอริยะ(อริยุปวาท) ๑
การต้องอาบัติ คือมีศีลที่ไม่บริสุทธิ์ของพระภิกษุ(อาณาวีติกกมะ) ๑
ใน ๕ ประการนั้น บางข้อแก้ไขแล้วไม่ปิดกั้นบางข้อกั้นการบรรลุธรรมแต่ไม่กั้นสวรรค์ คือการปฏิสนธิเป็นอเหตุกะหรือทวิเหตุกะ ฯ
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 299


ขอบคุณมากครับ ที่ค้นมาให้ เจอแล้วครับ
ที่แท้เป็น อรรถกถา มิน่าไม่เคยผ่านตามา
อรรถกถาอลคัททูปมสูตร

คำของสาวก ปะไว้ก่อน ไว้ศึกษาพุทธวจนะ
แตกฉานแล้วค่อยมาตามดู

#66 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

Posted 17 April 2012 - 15:04

- ผมเข้าใจครับว่าปุถุชนอย่างเราคงไม่สามารถรับรู้ได้ว่าใครเป็นอรหันต์หรือไม่ ต้องเป็นผู้มีภูมิธรรมระดับเดียวกันหรือสูงกว่าถึงจะรับรองกันได้
- แต่ก็สามารถรับทราบได้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่น อาศัยดูจากพระธาตุ เมื่อท่านละสังขารแล้วกลายเป็นพระธาตุแสดงว่าท่านเป็นอรหันต์ ก็ย้อนกลับไปดูว่าช่วงท่านมีชีวิตรับรองใครไว้บ้าง หรือบางครั้งผู้ที่ใกล้ชิดก็จะรับรู้ได้เอง อย่างที่บอกถ้าคิดว่ามีจริงไม่ยากหรอกที่จะพบเจอ ถึงได้อยากให้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองจะได้ไม่ต้องมานึกคิดเอาเอง
ปล. ในเมื่อไม่รู้ รับรองไม่ได้ แล้วบอกได้ยังไงว่าไม่มี ก็ในเมื่อคนที่เค้ารับรู้ เค้ารับรองได้ บอกว่ามี (ไม่ได้อยากจะกวนนะ)

Edited by ไร้สีไร้กลิ่น, 17 April 2012 - 15:07.


#67 GuoJia

GuoJia

    Siam

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,463 posts

Posted 17 April 2012 - 15:07

"หลวงตาบัว” ให้สติ อย่าเห็นแก่เงินเกินกว่าชาติ-ศาสน์-กษัตริย์"
http://www.doisaengd...etail.php?id=16


อย่างที่เขาอวดตนอวดโตอยู่เวลานี้ จะเป็นรัฐบาลไหน รัฐบาลปัจจุบันนี้ มั่งมีศรีสุขกอบโกยที่สุด ไม่มีใครเกินรัฐบาลปัจจุบันนี้ นี้ตามเรื่องที่ประชาชนทั้งแผ่นดินมาเล่าให้เราฟัง เราก็เป็นหูคน เขาก็เป็นปากคนมาเล่าให้ฟัง เขาจะไม่เอาเรื่องโกหกมายามาหลอกลวงเราละ เล่าตามความจริง เขาว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลยักษ์ใหญ่ ว่าอย่างนั้นนะ กินไปหมดกลืนไปหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย กินไม่อิ่มกินไม่พอ นี้เราก็ยอมรับว่าเราผิด เราดูคนผิด เราก็ยอมรับว่าผิด คือเราดูแต่ฐานะการเงินการทองของเขา ไม่ได้ดูจิตใจของเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง

เรา เลยเอาสมบัติเงินทองฐานะของเขาออกมาเป็นเครื่องประกาศ และเป็นเครื่องไว้ใจว่า เมื่อออกไปช่วยชาติแล้วคนที่มีเมื่อสมบูรณ์แล้วจะไม่ยุ่งเกี่ยวข้องกับการ กินการกลืนการรีดการไถประชาชน เขาจะช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราก็อุ้ม พูดชัดๆ อย่างนี้ละ เรายอมรับว่าเราผิด อุ้มขึ้น ให้ขึ้นให้ได้ จนกระทั่งขึ้นได้ ขึ้นมาเป็นนายกฯแล้วเป็นอย่างไร เป็นหัวหน้ารัฐบาลแล้วเป็นอย่างไร เวลานี้เดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน เป็นอย่างไร ทั้งๆที่เป็นคนมั่งมีดีเด่นในประเทศไทยเรา แต่ทำไมมันถึงหิวโหยเอามากยิ่งกว่าคนทั่วประเทศอีกละ ตาสีตาเขาไม่ได้หิวได้โหย ไม่ได้ดีดได้ดิ้นทะเยอทะยานเหมือนที่ว่าเศรษฐีใหญ่ เศรษฐีใหญ่กินไม่อิ่มกินไม่พอ คนทั่วประเทศจะจมกันไปหมด เพราะกินไม่พอ อำนาจของตัณหาเป็นอย่างนี้ละ

จึง ว่าดูคนผิด นี้เราก็ยอมรับว่าดูผิด ดูฐานะกับดูจิตใจมันต่างกัน นี้เราไม่ได้ดูจิตใจ เราดูฐานะการเงินการทองทุกสิ่งทุกอย่างสมบูรณ์พูนผล เป็นผู้สามารถที่จะช่วยชาติบ้านเมืองได้ให้มีความสงบร่มเย็นเป็นอย่างน้อย มากกว่านั้นจะค่อยสมบูรณ์พูนผล ที่ไหนได้กลับมาเป็นยักษ์เป็นผีใหญ่โต กินบ้านกินเมือง กินไปหมด กินไม่เลือก นี่ทราบว่าจะยุบสภา ตั้งรัฐบาลใหม่ รัฐบาลยักษ์นั่นละ มันหาอุบายเสือกนั้นเสือกนี้ เอาเงินไปหว่านล้อมประชาชนราษฎร เอาเงินไปโปรย คนเรามันมักเห็นแก่เงินยิ่งกว่าชาติบ้านเมือง ยิ่งกว่าส่วนรวมนะ เห็นเขาเอาเงินไปโปรยลงก็เป็นเศษตก ของเศษตก ไปก็กลืนเอาๆ สุดท้ายก็มาเป็นบ๋อยของเขาตามเดิม

ฟังให้ดีนะถ้าไม่ อยากเป็นหมาอย่าเห็นแก่เงินแก่ทอง ยิ่งกว่าชาติ-ศาสนา พระมหากษัตริย์นะ ดูให้ดี เขาก็คนเราก็คน เขามาแง่ไหนเราก็เป็นคนเหมือนกัน เรามีแง่ที่จะสอดจะรับกัน มันเป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้ พูดอย่างนี้ไม่มีใครพูด เราพูด เพราะประชาชน-พวกลูกศิษย์ลูกหาใครมาพูดให้เราฟังเขาไม่โกหก เราก็นำเรื่องราวนี้ออกมาพูด ผิดถูกประการใดก็ฟังเอาก็แล้วกัน เราไม่ได้บวชมาโกหกใคร โกหกตัวเองก็ไม่เคยมี ถ้าโกหกตัวเอง เช่นอย่างทำความเพียรว่าจะเอาอย่างนี้ฟัดกันอีก แก้กัน เคยเป็นมาแล้วนะนี่นะ ทำความเพียรว่าอย่างนี้มันไม่ได้อย่างใจหวัง ถูกกิเลสต้มเอา เดือดร้อน นอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นแก้กัน เป็นแล้วนะในหัวใจเรา ซัดจนกระทั่งกิเลสหมอบ มันหมอบเป็นคราวๆ นะ ไม่ใช่หมอบตลอดนะ เมื่อมันยังไม่สิ้นซากมันต้องหมอบเป็นคราวๆ ตะคลุบเราเป็นคราวๆเหมือนกัน นี่ก็ได้ซัดกันอย่างนี้ละ

นี้ ก็ได้ยินบ้านเมืองเขามาพูดทั่วดินแดนเลย เป็นอย่างไรคนไทยเราไมใช่หมาเป็นคนทั้งนั้น ทำไมจะพูดตามเรื่องเหล่านี้ผิดไป ไม่ผิด ผู้กินกิน ผู้โกงโกง ได้ไม่พอ ได้ไม่พอ เขาก็ต้องว่าซิ เงินตามท้องตลาดเวลานี้มีที่ไหน ไปที่ไหนไม่ค่อยมีเงินมีทอง คนจึงอดอยากขาดแคลน เรียกว่าเศรษฐกิจตกต่ำคือการจับจ่ายใช้สอยมันไม่สะดวก การเงินการทองไม่มีเสียอย่างเดียว วิ่งกันเป็นบ้ามันก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร เพราะเงินไม่ได้เดินหน้าเป็นสื่อทางในการทำมาหากิน มันก็ไม่สะดวก

เวลา นี้เมืองไทยเรามีแต่ประชาชนเต็มบ้านเต็มเมือง เงินหาที่จะออกตลาดช่วยไม้ช่วยมือสนับสนุนกันในการซื้อขายการไปการมาให้ สะดวกมันไม่มีเวลานี้ มันไปไหนหมด เขาก็บอกว่าออกไปที่ไหนอีกกี่หมื่นล้านๆ แล้วจะมาโปรยจ้างประชาชนเข้าไปอีก จะมาเป็นใหญ่เป็นโต ยักษ์ใหญ่กินบ้านกินเมืองต่อไป ท่านทั้งหลายฟังให้ดีนะ นี่ธรรมเป็นธรรมสอนโลก เราไม่ได้เข้าข้างนั้นออกข้างนี้ เราเอาธรรมมาสอนโลก ดีเราบอกว่าดี ผิดเราบอกว่าผิด

ดัง ที่ว่าเราดูคนผิดเราก็ยอมรับว่าเราผิด เพราะเราดูฐานะการเงินการทอง เราไม่ได้ดูจิตใจคน ฐานะนั่นเลยทับเรื่องธรรมไปเสีย เราไม่ได้ดู พลาดตรงนี้ เราก็ยอมรับว่าพลาด มันก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ ให้พิจารณานะท่านทั้งหลาย เจ็บแล้วให้เข็ดให้หลาบ อย่าเจ็บแล้วตายทิ้งเปล่าๆ เกิดมาตายอีกก็ไม่เข็ดอีก มันเกินไปนะมนุษย์เรา อย่าเห็นแก่เงินแก่ทองยิ่งกว่าชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากที่สุด เลย เงินนี่ใครหาที่ไหนก็ได้ อย่าเอาเงินหลอกลวงต้มตุ๋นซึ่งเป็นพิษเป็นภัยมาเผาเจ้าของก็แล้วกัน เผาเจ้าของยังไม่แล้ว เผาชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ นี้เป็นของสำคัญ เพราะเห็นแก่เงิน เห็นแก่เงิน เก็บตกๆ เขามาหว่านที่ไหนเก็บเอาๆ แล้วก็มาเผาชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ให้จมลงได้ เพราะเงินเก็บตก เท่านี้ละพอ ต่อไปนี้จะไปเลี้ยงปลา


....

“ ...คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา ,

ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ “


#68 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 15:12

ก็ในเมื่อ เราไม่ทราบมารถรู้ได้ว่า ท่านใดเป็นอรหันต์หรือไม่
แล้วยังมีวิธีอื่นที่จะรู้ได้อีก เช่น อาศัยดูพระธาตุ
อย่างนี้ไม่ขัดแย้งในตัวเองหรือ

คำถามคงเหมือนเดิมว่า
ขณะนี้มีพระอรหันต์หรือไม่

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#69 ปังตอ

ปังตอ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,229 posts

Posted 17 April 2012 - 16:09

<_< ........เหอๆๆ

ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ “ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม”

 


#70 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

Posted 17 April 2012 - 16:14

แล้วมันขัดแย้งยังไง
พระไตรปิฏกกล่าวว่าเราไม่สามารถไปหยั่งรู้ได้ว่าท่านบรรลุหรือยังถ้าเราไม่มีธรรมมะมากพอ เหมือนเด็กป.1 ไปคุยแคลคูลัสกับเด็กมัธยมจะรู้ได้ยังไงว่าเค้าบอกผิดหรือถูก
แต่สามารถรู้ได้โดยวิธีอื่น เช่น ดูคะแนนสอบเขา ดูว่าคนที่มีความรู้บอกว่าเค้าตอบถูกหรือไม่ เป็นต้น

บางครั้งแม้เราจะไม่รู้ แต่ผู้ที่ใกล้ชิดก็ย่อมสัมผัสได้ว่าครูบาอาจารย์ท่านมีภูมิธรรมไม่ธรรมดา บางทีอาจเก็บชานหมาก อาจเก็บเส้นผมท่านไว้ แล้วก็กลายเป้นพระธาตุทั้งที่ท่านยังไม่เสียชีวิตก็มี บางทีท่านก็รู้จิตรู้ใจแก้ไขข้อขัดข้องในใจให้เราได้ พระอรหันต์ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ธรรมะเป้นสิ่งประเสริฐ แม้ไม่บอกไม่แสดงก็สามารถสัมผัสได้ ยังไงซะทองแท้ก็คือทอง ส่วนทองปลอม สักวันก้ต้องรู้ว่าปลอม
อย่างในหลวงท่านเป็นผู้มีคุณธรรม เราสัมผัสได้หรือไม่ ท่านเป็นผู้มีบารมีเราสัมผัสได้หรือไม่ แล้วพระอรหันต์ได้ธรรมเราจะสัมผัสไม่ได้เชียวหรือ ลองเปิดใจดู อย่าใช้แต่ความนึกคิดตามกิเลสเราอย่างเดียว

ส่วนคำตอบผมตอบแล้วว่ามีและบอกด้วยว่าไม่ใช่แค่องค์สององค์(แค่ที่หลวงตาบัวรับรองก็มีมากมายแล้ว) ถ้าอยากพิสูจน์ก็ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองได้ครับ ก็อยู่ในประเทศไทยไม่ได้ไกลอะไร คิดซะว่าต่อให้ไม่ใช่ก็ยังได้ไปทำบุญกับพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อย่าปล่อยให้ความไม่รู้มาตัดโอกาสเรา อยากเจอทองก็ต้องเชื่อก่อนว่ามีทองอยู่จริง

ปล. ว่าแต่จะพิสูจน์อย่างไรล่ะว่าไม่มี

Edited by ไร้สีไร้กลิ่น, 17 April 2012 - 16:23.


#71 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 16:18

สรุปว่า คุณไม่ตอบว่า ขณะนี้มีพระอรหันต์หรือไม่
ให้พิสูจน์ด้วยตัวเอง

ผมก็จนปัญญาแล้วครับ

ถาม 3 ครั้ง ไม่ตอบสักครั้ง

แล้วเราจะมาเสนอความเห็นกันทำไม

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#72 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

Posted 17 April 2012 - 16:29

เวรกรรม
ผมตอบว่า มี มากกว่า 3 ครั้ง (จะต้องให้ quote มาแปะมั้ย) และบอกว่าถ้าไม่เชื่อให้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง
คุณกลับไม่เห็น - -"

คนที่มีความขัดแย้งคือคุณเเองรึเปล่า เชื่อพระไตรปิฎก แต่ไม่เชื่อว่ามีพระอรหันต์อยู่
ก็ในเมื่อพระไตรปิฏกก็มาจากการสังคายนาโดยการประชุมของพระอรหันต์ การสังคายนาก็มีมาหลายครั้ง แล้วเค้ารู็กันได้ยังไงว่าใครเป้นอรหันต์ เค้าไปหาพระอรหันต์มาจากไหนกัน ถ้าพระอรหันต์ไม่มีอยู่จริง

Edited by ไร้สีไร้กลิ่น, 17 April 2012 - 16:30.


#73 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 16:38

ที่เชื่อว่ามี พระอรหันต์อยู่ตอนนี้

คุณใช้อะไรเป็น หลักคิดครับ

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#74 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

Posted 17 April 2012 - 17:41

โดยส่วนมาก คนเรา มักได้คำตอบ หลังจากการ เพียรลงมือกระทำ
หาใช่โดยการ เพียรถาม ไม่

พระอรหันต์ กำเนิดโดยการปฏิบัติ หาใช่จากการอนุมัติ หรือแต่งตั้งจากใคร

พิจารณาเองนะครับ ว่า เพียรถามหา แล้วได้คำตอบ จะมีการปฏิบัติฝึกฝนกันไปทำไมให้เมื่อย
แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#75 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 17:47

ไม่เกี่ยวกับการเพียรถามหรอกครับ

ในเมื่อคำตอบไม่ตรงกับศาสนาพุทธ
ผมก็ท้วงติงเป็นธรรมดา

ไม่ไช่ใครจะเชื่ออะไรก็เชื่อไปโดยไม่ตรวจสอบความเชื่อ

ถ้าเป็นเช่นนั้น ใครจะไปว่าวัดจานบินได้ละครับ
สอนผิดๆ มีการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
มีการเดินธุดงธ์ ผิดหลักศาสนา

เราจะไปว่าเต้าได้อย่างไร
ถ้าไม่มีคำถามว่า ปฦิบัติได้ถูกตามศาสนาพุทธแล้วหรือ

หนักเข้า วัดจานบินถึงกับร้องขอให้มีการแก้พระไตรปิฎกเพื่อให้เข้ากับคำสอนของตัวเอง

อย่างนี้จะไม่ให้ร้องถามได้อย่างไร

เราต้องตรงต่อตัวเองและผู้อื่น ในขณะเดียวกัน
หรือไม่ไช่
  • HWD likes this

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#76 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

Posted 17 April 2012 - 18:20

ฉากหลบออกจากทู้ไปอย่างเงียบงัน...
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#77 ธงไชยคนเขียนโพย

ธงไชยคนเขียนโพย

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,288 posts

Posted 17 April 2012 - 18:21

ไม่ว่าหลวงตามหาบัวจะเป็นพระอรหันต์หรือไม่ ผมก็ไม่สนใจหรอกฮะ
ผมสนใจแต่ว่า คนเชี่ย ๆ อย่างทักษิณ ต้องรับกรรมหนักที่มันทำไว้กับประเทศชาติแน่
ตอนนี้มันก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นอยู่แล้ว แต่ก็ยังหาสำนึกไม่ เรื่องแก้กรรมช่วยไม่ได้หรอกฮะ

ใครอยู่เบื้องหลังการอุ้มฆ่าเอกยุทธ์ อัญชัญบุตร


#78 yeddamon

yeddamon

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 141 posts

Posted 17 April 2012 - 18:40

ความรู้เท่าหางอึ่งอย่างกระผม คงไม่กล้าไปเสวนา้ด้วย

และไม่ว่าหลวงตามหาบัวจะเป็นอรหันต์หรือไม่ ท่านเป็นอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติีดีปฏิบัติชอบ แน่นอน

การจะหาพระอรหันต์ ส่วนตัวคิดว่านะจะมีวิธีหา ที่เป็นวิทยาศาสตร์ซักหน่อยครับ

ถ้าแนะนำแบบนามธรรม ชาตินี้คงเถียงกันตาย เพราะพิสูจน์บ่ได้ครับท่าน
ฟังธรรมมะไม่หดหู่ แต่ถ้าฟังโซคูลจะเหลือแต่ซากอ้อย BY พระมหาสมปอง

#79 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 19:17

ประเด็นผมไม่ได้คาดคั้นว่าใครจะเป็นอะไร
หลวงตาบัวท่านก็มีศีลธรรมมากกว่าผมอย่างไม่ต้องสงสัย

ผมไม่ต้องการถกประเด็นเกี่ยวกับหลวงตาบัว

ประเด็นผมคือความเชื่อต้องไม่งมงาย
ตรวจสอบได้

ไม่อย่างนั้นจะเป็นพุทธชึ่งหมายถึง ผู้รู้ ผุ้ตื่น ได้อย่างไร

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#80 koong

koong

    ใช้ชีวิตกลางดงแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,147 posts

Posted 17 April 2012 - 20:16

ฉากหลบออกจากทู้ไปอย่างเงียบงัน...

ย่องๆ ตามผึ้งน้อยไปด้วยคน

#81 ธงไชยคนเขียนโพย

ธงไชยคนเขียนโพย

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,288 posts

Posted 17 April 2012 - 20:53

ประเด็นผมไม่ได้คาดคั้นว่าใครจะเป็นอะไร
หลวงตาบัวท่านก็มีศีลธรรมมากกว่าผมอย่างไม่ต้องสงสัย

ผมไม่ต้องการถกประเด็นเกี่ยวกับหลวงตาบัว

ประเด็นผมคือความเชื่อต้องไม่งมงาย
ตรวจสอบได้

ไม่อย่างนั้นจะเป็นพุทธชึ่งหมายถึง ผู้รู้ ผุ้ตื่น ได้อย่างไร


งั้นช่วยแนะนำหน่อยสิฮะ ว่าตรวจสอบยังไง ผมจะได้ฝึกสังเกตเอาไว้

ใครอยู่เบื้องหลังการอุ้มฆ่าเอกยุทธ์ อัญชัญบุตร


#82 nhum

nhum

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,056 posts

Posted 17 April 2012 - 21:03

รอข้อ 3 บ้านเมืองได้สงบซักที

Edited by nhum, 17 April 2012 - 21:04.


#83 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 21:15

ตอบแล้วในกระทู้ rep#51

ส่วนคนที่เชื่อว่ามี ไม่เห็นตอบ ถามอย่างเดียว

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#84 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

Posted 17 April 2012 - 22:14

- แล้วการพิจารณาว่าเป็นอรหันต์หรือไม่จากพระธาตุผิดจากหลักคำสอนอย่างไร(ข้อความที่คุณยกมาผมไม่เห็นข้อขัดแย้ง เลยอยากทราบว่าคุณมีความเห็นอย่างไร ขัดแย้งอย่างไรสรุปมาตามความเข้าใจละกัน) การพิจารณาว่าเป็นอรหันต์หรือไม่โดยทราบจากผู้มีศีลเคร่งครัดไม่โกหกผิดจากหลักคำสอนอย่างไร
-ถ้าเราไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นอรหันต์ ใครเป็นพระพุทธเจ้า จะมีศาสนามาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง
- หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานเค้าทราบได้ยังไงว่าใครเป็นพระอรหันต์ที่จะมาร่วมสังคายนา แม้แต่พระอานนท์ก็บรรลุธรรม 3 เดือนหลังพระพุทธเจ้าปรินิพานแล้วเข้าร่วมเค้ารู้กันได้ยังไง
- คำสอนของท่านที่ช่วยไขข้อข้องใจทางธรรมให้แก่ลูกศิษย์ลูกหามากมาย มีอุบายนำพาให้ผู้อื่นบรรลุธรรม เจดีย์ชองลูกศิษย์ท่านที่เป็นอรหันต์จารึกถึงพระคุณของท่านก็มีอยู่ การประพฤติของท่านก็เป็นไปตามพระวินัยและเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ใช่พูดอย่างทำอย่าง หนังสือชีวประวัติก็มีให้ศึกษา ความบากบั่นพากเพียรในการปฏิบัติก้เป็นที่ประจักษ์ แม้แต่ในหลวง พระราชินี ก็ยังทรงเห็นความสำคัญถวายพระราชทรัพย์สร้างเจดีย์ (พระอรหันต์บางองค์ ในหลวงท่านก็ทรงออกแบบเจดีย์ให้ด้วยพระองค์เอง) แม้แต่พระสังฆราชองค์ปัจจุบันผมก็ได้ยินมาว่าท่านบรรลุธรรม แล้วที่คุณบอกว่าไม่มีคุณทราบได้อย่างไร ถ้าคิดว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นไม่ใช่หลักฐานยืนยัน แล้วต้องการหลักฐานอะไรล่ะครับ
แล้วผมบอกที่ไหนว่าเชื่อไปหมดใช้ศรัทธานำ เรื่องวัดจานบินนั่นเราต่างก็รู้ว่าไม่ใช่ของแท้ ผิดทาง ก็ในเมื่อรู้ว่าของไม่แท้เป้นอย่างไรก็ต้องมีทางรู้ว่าของแท้เป็นอย่างไรสิ คุณเองต่างหากที่ดันไม่เชื่อไปซะหมด นั่นแสดงว่าคุณไม่สามารถแยกแยะได้
ผมไม่แปลกใจหากคุณไม่เชื่อผม เพราะแต่ก่อนแม่ผมพูดผมก็ไม่เชื่อ แต่ผมแนะนำให้ไปค้นหาความจริงด้วยตัวเองซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไร เหมือนผมไปเจอทอง บอกคุณว่าที่ไหนมีทอง คุณก็ไปดูให้เห็นกับตา ไปพิสูจน์เองได้ว่าทองจริงหรือไม่ มาบอกว่าไม่เชื่อผมแล้วจบ แล้วก้มาสรุปว่าคนที่เห็นทองโกหก รู้ไม่จริง งมงายแบบนั้นเป็นการสรุปที่ถูกต้องแล้วหรือ (ถ้าบอกว่าทองอยู่นอกจักรวาล แบบนั้นพิสูจน์ไม่ได้ นั่นต่างหากที่สักแต่ใช้ความเชื่อ แต่นี่อยู่ประเทศไทยเรานี่เองไม่ได้ไปหายากอะไรเลย)

สรุป - คำถามที่ว่ายุคนี้มีพระอรหันต์หรือไม่ - ผมตอบว่ามี เหตุผลพิจารณาจากอะไรก็คือข้างต้นที่กล่าวมา
ถ้าคุณไม่เชื่อหลักการนี้ก็โปรดบอกด้วยว่าผิดอย่างไร และคุณใช้หลักการพิจารณาอย่างไรว่าไม่มี

ปล. คุณเองก็เพียรถามผมซ้ำไปซ้ำมาเพราะคุณไม่เห็นคำตอบผม หรือเพียงเพราะคำตอบผมไม่ตรงใจคุณ ถ้าถามหาการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แค่พิสูจน์เรื่องวิญญาณก็ยังยากเลย ส่วนเรื่องพระธาตุมีใครนำไปพิสูจน์หรือยังก็ไม่ทราบ ก็ในเมื่อวิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึงจะมัวมารอคำตอบแล้วเสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ หรือควรจะพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยตนเองไปเลย ฝึกภาวนาให้จิตสงบเห็นจิตเห็นวิญญาณ หรือแม้แต่ถามผู้รู้ที่ท่านปฏิบัติมาแล้วอย่างที่แนะนำให้ไปพบปะพูดคุยด้วยตัวเองเลย หรือต้องรอให้มีเครื่องมือพิสูจน์ความเป็นอรหันต์ได้ก่อนเหรอครับ

#85 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 22:27

คำถามที่คุณตอบไม่ชัดเจน

ผมเริ่มจากปัจจุบันไม่มีพระอรหันต์แล้ว
คุณตอบมาว่ามีอยู่

ผมตอบว่าเราไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นอรหันต์
คุณตอบว่าเราไม่สามารถรู้ได้ แต่รู้ได้จากพระธาตุ

ผมก็เข้าใจได้ว่าคุณตอบว่าปัจจุบันมีอรหันต์อยู่ รู้ได้จากพระธาตุ
ถ้าอย่างนั้น ก็ขัดแย้งในตัว

ในที่สุดคุณก็ไม่ตอบว่ามีพระอรหันต์อยู่ในปัจจุบัน
และเราไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นอรหันต์

แล้วคุณก็บอกกลับไปว่าแล้วเราจะรู้ว่าใครเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร
ถ้าไม่รู้ แล้วจะมีศาสนามาได้อย่างไร

ทบทวนตัวเองให้ดีก่อนครับ

ผมไม่เคยปฏิเสธว่ามีพระธาตุ มีพระพุทธเจ้า
แต่นั้นเป็นเรื่อง เกือบสองพันปี

ผมถึงได้ถามย้ำถึง 3 ครั้ง ว่าปัจจุบันมีพระอรหันต์หรือไม่
คำถามผมเป็นปัจจุบัน
และเหตุที่ผมไม่เชื่อว่าปัจจุบัน มีพระอรหันต์ ผมตอบมาตั้งแต่ rep 51แล้ว

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#86 วิท

วิท

    ขาแพง

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,333 posts

Posted 17 April 2012 - 22:29

วิธีที่จะตรวจสอบง่ายๆเลยนะ คือปฎิบัติจนเป็นพระอรหันต์ แล้วไปพิสูจน์เอาเองว่าหลวงตาเป็นพระอรหันต์หรือเปล่า



แต่ถ้ายังเป็นพระอรหันต์ไม่ได้ ก็ต้องใช้ศรัทธานำหน้าละครับ

ส่วนพระรูปใดมีวัตรปฏิบัติที่ถูกต้อง มีคำสอนที่ตรงกับพุทธพจน์ ก็กราบท่านไปก่อนอย่างน้อยก็ได้บุญ

#87 ตะนิ่นตาญี

ตะนิ่นตาญี

    La vie en rose

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,174 posts

Posted 17 April 2012 - 22:30

บุรุษผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่า กามนิต เขาหวังจะได้เข้าพบสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อที่จะได้ขจัดความทุกข์ต่าง ๆ

ที่ตนได้เผชิญมา และได้พบกับความสุขอันเป็นนิรันดร์ ในระหว่างการเดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้านั้น

กามนิต ได้เข้าขอพักที่บ้านของช่างปั้นหม้อท่านหนึ่งเป็นการชั่วคราว และในวันเดียวกันนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ก็ได้เสด็จมาขอพักอาศัยที่บ้านหลังนั้นด้วยพอดี กามนิต จึงได้มีโอกาสเล่าเรื่องของตนเองและสนทนาธรรมกับ พระพุทธเจ้า

โดยที่ไม่รู้เลยว่า สมณะที่สนทนาอยู่นั้นคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเอง…

น่าเสียดาย น่าเสียดายแทน กามนิต ที่เพียรหาแต่เปลือก แต่ละเลยซึ่งแก่นแท้ แห่ง พระธรรม

ถามหา อรหันต์ โดยละเลย ที่จะถามหา แก่นแท้ แห่ง ธรรม...เสียดาย เสียดาย เสียดาย...เสียดาย จริงจริงครับ

ตะนิ่นตาญี
"จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา"

#88 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

Posted 17 April 2012 - 22:35

เพื่อยืนยันว่าได้อ่าน rep 51 แล้ว ผมจะชี้แจงให้คุณเห้นว่าคุณตอบตรงคำถามที่คุณถามหรือไม่

ตกลงที่คุณบอกว่าไม่มี เพราะคุณอ้างว่า พระอรหันต์เท่านั้นที่จะบอกว่าใครเป็นอรหันต์ ถ้าคุณยึดเพียงแค่หลักการนี้แปลว่าถ้าไม่มีพระอรหันต์มาบอก วันดีคืนดีเกิดมีพระอรหันต์เราก็จะไม่มีทางทราบได้เลยใช่หรือไม่ จนกว่าจะมีพระอรหันต์อีกองค์มาบอก ซึ่งเราก็จะไม่มีทางรู้ได้เพราะแม้แต่พระอรหันต์องค์นั้นเราก็ไม่รู้ว่าท่านอรหันต์ ถ้ายึดทฤษฎีนี้คำตอบก็คือไม่รู้ ไม่ใช่ไม่มี ถูกต้องหรือไม่
แต่ผมไม่ได้ตีความแบบท่านหรอก ผมตีความว่าผู้ที่ไม่บรรลุธรรมจะไปบอกว่าใครบรรลุธรรมไม่ได้ เพราะย่อมไม่มีความรู้พอ ถ้ากล่าวมั่วก็ถือว่าผิดศีล แต่ไม่ได้บอกว่าไม่มีทางอื่นที่จะรู้ได้ อย่างที่ผมเปรียบเทียบว่าเด็กป.1จะไปบอกว่าเด็กมัธยมคนไหนจบม.6 ด้วยการไปถามความรู้เค้าแล้วพิจารณาเอาไม่ได้เพราะเด็กป.1ไม่มีความรู้ของเด็กม.6 แต่สามารถพิสูจน์โดยด้วยหลักฐานอื่น เช่น ใบแสดงวุฒิการศึกษา คะแนนสอบผ่านหรือไม่ เพื่อนหรือครูของเด็กม.6 นั้นยืนยัน เป็นต้น
ซึ่งถ้าคิดว่าหลักฐานที่กล่าวมาไม่เพียงพอจะสรุปว่าเด็กคนนั้นจบม.6 ก็ช่วยบอกหน่อยว่าหลักฐานเหล่านั้นไม่ดีพอเพราะอะไร แล้วมีหลักฐานอะไรที่ดีกว่า

#89 metaleka

metaleka

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,655 posts

Posted 17 April 2012 - 22:40


ฉากหลบออกจากทู้ไปอย่างเงียบงัน...

ย่องๆ ตามผึ้งน้อยไปด้วยคน

't
ตามไปด้วย

#90 dec9h

dec9h

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 239 posts

Posted 17 April 2012 - 22:41

ผมจำได้รู้สึกตอนนั้น ยังไม่มีการปฏิวัติ หลังจากทักษิณ ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ นึกถึงคำที่หลวงตา พูดเลย

#91 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 22:42

ที่บอกว่าไม่มีเพราะปัจจุบันจะไม่มีพระอรหันต์
ดังนั้นไม่ว่ากรณีใหน ก็จะไม่มีพระอรหันต์อีกท่านมาบอกได้
เพราะไม่มีพระอรหันต์ทุกกรณี จึงไม่มีทางที่จะเกิดเหตุการณ์ที่คุณสมมติมา
คำตอบคือรู้ว่าไม่มี
ไม่ไช่ไม่รู้แล้วสรุปว่าไม่มี

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#92 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

Posted 17 April 2012 - 22:46

หลักฐานที่ผมชี้แจงต่างหาก)

ในที่สุดคุณก็ไม่ตอบว่ามีพระอรหันต์อยู่ในปัจจุบัน
และเราไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นอรหันต์
(ผมก็ยังยืนยันว่ามีพระอรหันต์ ส่วนคุณต่างหากที่ไม่สามารถหาทางพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นอรหันต์)

แล้วคุณก็บอกกลับไปว่าแล้วเราจะรู้ว่าใครเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร
ถ้าไม่รู้ แล้วจะมีศาสนามาได้อย่างไร
(แล้วถ้าใช้ทฤษฎีคุณ คุณจะไปบอกได้ยังไงว่าใครเป็นพระพุทธเจ้า ในเมื่อมีพระองค์เดียว)

ทบทวนตัวเองให้ดีก่อนครับ
(ครับ ทบทวนแล้ว และทบทวนให้คุณด้วย)

ผมไม่เคยปฏิเสธว่ามีพระธาตุ มีพระพุทธเจ้า
แต่นั้นเป็นเรื่อง เกือบสองพันปี
(ครับผมเห็นอยู่ว่าคุณไม่เชื่อว่ายุคนี้ก็มี)

ผมถึงได้ถามย้ำถึง 3 ครั้ง ว่าปัจจุบันมีพระอรหันต์หรือไม่
คำถามผมเป็นปัจจุบัน
และเหตุที่ผมไม่เชื่อว่าปัจจุบัน มีพระอรหันต์ ผมตอบมาตั้งแต่ rep 51แล้ว
(ครับ หวังว่าตอนนี้น่าจะเข้าใจกันมากขึ้น)

สรุป
- ผมหาหลักฐานมาแต่คุณไม่เชื่อหลักฐาน ซึ่งคุณต้องการสิ่งที่จับต้องได้ ผมบอกได้เลยว่าวิทยาศาสตร์ตามไม่ทันหรอก แต่ก็ยังยืนยันความหวังดีว่าให้คุณได้ไปพบพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเหล่านั้น (ละเรื่องอรหันต์ไว้ละกัน) ผมเชื่อว่าถ้าคุณได้ทำบุญกับท่านเหล่านั้นจะเกิดอานิสงฆ์อย่างมาก สักวันก็ย่อมมีความเจริญทางธรรม ถึงตอนนั้นก้น่าจะเข้าใจอะไรต่างๆดีขึ้น อย่าปล่อยให้เสียโกาสไปวันๆเพียงเพราะคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มี พิสูจน์ไม่ได้ นี่คือความตั้งใจแต่แรกที่อยากเตือน

Edited by ไร้สีไร้กลิ่น, 17 April 2012 - 22:47.


#93 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 22:49

พระพุทธ ศาสนา คือ พระ ธรรมคำสอน ของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
มี ๓ ขั้น
. ขั้น ปริยัติ ศึกษา พระธรรมวินัย
. ขั้น ปฏิบัติ เจริญธรรม เพื่อ บรรลุธรรม ที่ ดับ กิเลส ดับ ทุกข์
. ขั้น ปฏิเวธ รู้แจ้ง ธรรม ที่ ดับ กิเลส ดับ ทุกข์

พระพุทธ ดำรัส ว่า ผู้ ใด เห็นธรรม ผู้นั้น ชื่อว่า ย่อมเห็นตถาคต
หมาย ถึง การเห็น ธรรม รู้แจ้ง ธรรม ที่พระผู้ มี พระภาคตรัสรู้
คือโลกุตตร ธรรม ๙ ขั้นปฏิเวธ

การเห็นธรรมขั้นปฏิเวธเป็นผลของการ เจริญ ธรรมขั้นปฏิบัติ
การเจริญธรรม ขั้นปฏิบัติ ต้องอาศัยปริยัติ ด้วย เหตุ นี้ ปริยัติคือ
การ ศึกษาพระธรรม วินัยจึงเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งเป็นทางนำไปสู่
พระพุทธ ศาสนาขั้น ปฏิบัติและขั้นปฏิเวธ เป็นลำดับ ไป

แม้ ผู้ ใดเ ห็นพระวรกายของพระองค์ ได้สดับพระ ธรรมเทศนา
จากพระโอษฐ์ หรือแม้ได้ จับชาย สังฆาฏิ ติดตาม พระองค์ ไป
แต่ไม่รู้ธรรม ไม่เห็นธรรม ผู้ นั้นก็หาได้ เห็นพระองค์ไม่

ผู้ ใดเห็นธรรมผู้นั้นได้ชื่อว่า ย่อมเห็นตถาคต

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#94 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

Posted 17 April 2012 - 22:49

ที่บอกว่าไม่มีเพราะปัจจุบันจะไม่มีพระอรหันต์
ดังนั้นไม่ว่ากรณีใหน ก็จะไม่มีพระอรหันต์อีกท่านมาบอกได้
เพราะไม่มีพระอรหันต์ทุกกรณี จึงไม่มีทางที่จะเกิดเหตุการณ์ที่คุณสมมติมา
คำตอบคือรู้ว่าไม่มี
ไม่ไช่ไม่รู้แล้วสรุปว่าไม่มี

ผมอธิบายไปแล้วว่าการอธิบายของคุณจะตอบได้เพียงไม่รู้ว่ามีหรือไม่ แต่ไม่ใช่ตอบว่าไม่มี หรือถ้าท่านอื่นเห็นอย่างไรก้แนะนำด้วย

ส่วนที่อธิบายเพิ่มเติมใน rep บน ก็ต้องถามกลับว่า ในเมื่อไม่มีคนบรรลุธรรม และคนที่บรรลุธรรมเราก็ไม่รู้ นั่นคือ เราไม่มีทางรู้และไม่มีทางเห็นว่าใครเป็นพระพุทธเจ้า --> ก็ยังสรุปได้แค่ไม่รู้ ไม่ใช่ไม่มี

Edited by ไร้สีไร้กลิ่น, 17 April 2012 - 22:52.


#95 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 22:53

ถ้าหากการแลกเปลี่ยนความเห็นจะก่อให้เกิด อกุศล
ผมจะขอยุติ

ขอให้ทุกคนอ่านความเห็นตั้งแต่ rep 51 เป็นต้นมา(ในกรณีของผม)
แล้วพิจารณาตามการสะสมของแต่ละคนมา

ใช้ปัญญาของตัวเองนั้นแหละครับพิจารณา
เพราะในที่สุด เราก็ต้องใช้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ครับ

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#96 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

Posted 17 April 2012 - 22:56

ครับ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยน ขออภัยหากรุกหนักจนทำให้เกิดความไม่สบายใจแก่ฝ่ายใด ถ้ายังไงก็อโหสิกรรมแก่กัน แม้จะเห็นต่างกันแต่ก็อย่าถือเป็นความขัดแย้งเลย มีโอกาสคงได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันอีกนะครับ

#97 chaidan

chaidan

    กา... กา... กา...

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,999 posts

Posted 17 April 2012 - 23:08

ผมว่าไม่ อกุศล นะครับ ดีซะอีกได้ความรู้ดี...
ดีเสียอีกจะได้ทำเรื่องที่เข้าใจผิด ให้แจ่มแจ้ง...
ผมข้ออนุญาติสงสัยนะครับ...

จากข้อ 1 ของคุณใน rep 51
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 161
- ข้อนี้ผมอ่านยังไงก็ไม่เห็นบอกว่าตอนนี้ไม่มีพระอรหันต์นะครับ เท่าที่ผมอ่านเข้าใจคือ
คนธรรมดา ไม่สามารถตัดสินว่าใครเป็นพระอรหันต์ได้
หรือผมอ่านแล้วเข้าใจผิด ? ช่วยชี้แนะผู้เบาปัญญาอย่างผมด้วยครับ....

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 299
- ข้อนี้ผมอ่านยังไงก็ไม่เห็นบอกว่าตอนนี้ไม่มีพระอรหันต์นะครับ เท่าที่ผมอ่านเข้าใจคือ
บอกแค่ว่าทำกรรมอะไรบ้างถึงจะ ห้ามนิพาน ห้ามสวรรค์ นะครับ
หรือผมอ่านแล้วเข้าใจผิด ? ช่วยชี้แนะผู้เบาปัญญาอย่างผมด้วยครับ....

1 เรื่องพระอรหันต์มีอยู่หรือไม่ในปัจจุบัน และจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระอรหันต์
- ในปัจจุบัน ไม่มีพระอรหันต์

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 161
ข้อความบางตอนจาก อรรถกถาปฐมโกกาลิกสูตร
ด้วยคำว่า โกธ วิทฺวา วิกปฺปเยความว่า ใครผู้มีปัญญา ผู้มีเมธาในโลกนี้พึง
กำหนด ท่านแสดงว่า พระขีณาสพ(พระอรหันต์)เท่านั้น พึงกำหนดนับพระ
ขีณาสพ. บทว่า นิธุตนฺต มญฺเ ความว่าก็ผู้ใดเป็นปุถุชน ปรารภจะวัดพระ
ขีณาสพนั้น เรากล่าวผู้นั้นว่า ไม่มีธุตธรรมคือมีปัญญาต่ำทราม
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 299
........... ชื่อว่าอันตรายิกธรรม เพราะทำอันตรายต่อสวรรค์
และนิพพาน. อันตรายิกธรรมเหล่านั้นมี ๕ อย่าง คือ กรรม กิเลส วิบาก
อริยุปวาท และอาณาวีตกกมะ. ในอันตรายิกธรรมเหล่านั้น อนันตริยกรรม
๕ ชื่อว่า กัมมันตรายิกธรรม. ภิกษุณีทูสกกรรมก็เหมือนกัน. แต่ภิกษุณีทูสก-
กรรมนั่นกระทำอันตรายต่อพระนิพพานอย่างเดียว หากระทำอันตรายต่อสวรรค์ไม่.
ธรรมคือนิยตมิจฉาทิฏฐิ ชื่อว่าอันตรายิกธรรมคือกิเลส.
ปฏิสนธิธรรมของบัณเฑาะก์ สัตว์เดรัจฉานและอุภโตพยัญชนกชื่อว่าอันตรายิกธรรม
คือวิบากธรรม คือการเข้าไปว่าร้ายพระอริยเจ้าชื่อว่า อันตรายิกรรม คืออุปวาทะ
แต่อุปวาทันตรายิกธรรมเหล่านั้นย่อมกระทำอันตรายตลอดเวลาที่ยังไม่ให้พระอริยเจ้าทั้งหลายอดโทษ
เบื้องหน้าแต่นั้นให้พระอริยเจ้าอดโทษแล้ว หากระทำอันตรายไม่.
อาบัติ ๗ กองที่ภิกษุจงใจล่วงละเมิดแล้ว ชื่อว่าอันตรายิกธรรมคือ
อาณาวีติกกมะ. แม้อาณาวีติกกมันตรายิกธรรมเหล่านั้น ย่อมกระทำอันตราย
ตลอดเวลาที่ภิกษุต้องอาบัติแล้วยังปฏิญญาตนว่าเป็นภิกษุอยู่ก็ดี ไม่อยู่ปริวาสกรรมก็ดี
ไม่แสดงอาบัติก็ดีเบื้องหน้าแต่นั้น หากระทำอันตรายไม่.


Edited by chaidan, 17 April 2012 - 23:09.

ใครที่บอกว่า "กาขาว" เป็นฝรั่ง....ผมว่าไม่ใช่......

#98 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 23:09

ผมไม่ติดใจครับ
และไม่เกี่ยวกับรุกหนักรุกเบา

เพียงแต่เห็นว่าไม่น่าจะเหมาะที่จะก่อให้เกิดอกุศลจิต
เพราะจะไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใด โดยเฉพาะหัวข้อเกี่ยวกับธรรมะ
ทั้งที่มีรายละเอียดอีกมากที่จะต้องทำความเข้าใจ

ผมไม่ถือว่าเป็นความขัดแยังเลยครับ
เป็นการสะสมมาไม่เหมือนกันเท่านั้น

ขอบคุณครับ

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#99 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 23:14

ขออภัยครับคุณ chaidan

บังเอิญข้อความไม่ต่อเนื่องผมขอเอาลงใหม่ครับ
น่าจะเกิดปัญหาทางเทคนิค
1 เรื่องพระอรหันต์มีอยู่หรือไม่ในปัจจุบัน และจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระอรหันต์
- ในปัจจุบัน ไม่มีพระอรหันต์
พระวินัยปิฎก จุลวรรค ทุติยภาค ภิกขุนิกขันธกวรรณนา (เริ่มที่หน้า 498)
ว่าด้วยครุธรรม 8 ประการ มีข้อความแสดงว่า การบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลจะมีได้ภายในห้าพันปี คือ
ในพันปีแรกสามารถมีพระอรหันต์ที่มีคุณวิเศษประกอบด้วยปฏิสัมภิทา พร้อมด้วยฤทธิ์
พันปีที่สอง สามารถมีพระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ (ไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิต่างๆได้)
พันปีที่สาม สามารถมีพระอนาคามี
พันปีที่สี่ สามารถมีพระสกทาคามี
พันปีที่ห้า สามารถมีพระโสดาบัน
ดังนั้นในปัจจุบันจึงไม่มีผู้บรรลุคุณธรรม ถึงขั้นพระอรหันต์
- พระอรหันต์ด้วยกันเท่านั้นถึงจะรู้กันได้
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 161
ข้อความบางตอนจาก อรรถกถาปฐมโกกาลิกสูตร
ด้วยคำว่า โกธ วิทฺวา วิกปฺปเยความว่า ใครผู้มีปัญญา ผู้มีเมธาในโลกนี้พึง
กำหนด ท่านแสดงว่า พระขีณาสพ(พระอรหันต์)เท่านั้น พึงกำหนดนับพระ
ขีณาสพ. บทว่า นิธุตนฺต มญฺเ ความว่าก็ผู้ใดเป็นปุถุชน ปรารภจะวัดพระ
ขีณาสพนั้น เรากล่าวผู้นั้นว่า ไม่มีธุตธรรมคือมีปัญญาต่ำทราม

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#100 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 17 April 2012 - 23:15

พระวินัยปิฎก จุลวรรค ทุติยภาค ภิกขุนิกขันธกวรรณนา (เริ่มที่หน้า 498)
ว่าด้วยครุธรรม 8 ประการ มีข้อความแสดงว่า การบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลจะมีได้ภายในห้าพันปี คือ
ในพันปีแรกสามารถมีพระอรหันต์ที่มีคุณวิเศษประกอบด้วยปฏิสัมภิทา พร้อมด้วยฤทธิ์
พันปีที่สอง สามารถมีพระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ (ไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิต่างๆได้)
พันปีที่สาม สามารถมีพระอนาคามี
พันปีที่สี่ สามารถมีพระสกทาคามี
พันปีที่ห้า สามารถมีพระโสดาบัน

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy





0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users