Jump to content


Photo
- - - - -

คำทำนายของหลวงตามหาบัว


  • Please log in to reply
240 ความเห็นในกระทู้นี้

#151 beta

beta

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 460 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 02:28

พวกท่านแน่ใจแล้วหรือครับ ว่าจะถกเถียงให้ชนะกันในเรื่องของธรรมะ...

ปล. ไม่มีอะไรนะครับ มันเยอะ ผมอ่านไม่ทัน

#152 Baboonga

Baboonga

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 05:53

ปริยัติ... เรียน
ปฏิบัติ... ทำ
ปฏิเวธ... ย้อนดู

การอ้างสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่าไม่มี ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงอ้างได้
การอ้างสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่ามี ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงอ้างได้

วันนี้เราอยู่กับปัจจุบัน น้อมนำเข้าหาการปฏิบัติหรือยัง หรือหยุดอยู่แค่ ปริยัติ

ข้อสังเกต.... หากเราเชื่อว่าพระไตรปิฎกที่ยึดถือล้วนสังคยานาโดยพระอรหันต์ทั้งสิ้น... แล้วเหตุใดปัจจุบันจึงเชื่อว่าไม่มีพระอรหันต์...

#153 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 09:55

พวกท่านแน่ใจแล้วหรือครับ ว่าจะถกเถียงให้ชนะกันในเรื่องของธรรมะ...

ปล. ไม่มีอะไรนะครับ มันเยอะ ผมอ่านไม่ทัน

- ผมว่าลองอ่านแล้วพิจารณาเอาก็ได้ครับ
ผมยังมองว่าต่างฝ่ายต่างก็หวังดี ผมหวังดีอยากให้ผู้อื่นได้ไปพบพระอรหันต์เพราะโอกาสที่จะเกิดมาเจอพระอรหันต์นั้นหาได้ยาก ส่วนอีกฝ่ายก็หวังดีกลัวผมถูกหลอกเพราะเชื่อว่าพระอรหันต์ไม่มีจริง ต่างฝ่ายต่างแสดงเหตุผลมา แม้สุดท้ายอาจเห็นไม่ตรงกัน แต่ก็เป็นการเปิดมุมมอง แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันไป ก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่เหรอครับ

Edited by ไร้สีไร้กลิ่น, 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 10:07.


#154 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 12:42

ขอกลับไปพูดถึงเรื่องบทความในพระไตรปิฎกเรื่องที่บอกว่ายุคนี้จะมีแต่พระอนาคามี (ขออภิปรายตามความเข้าใจของผมก่อน ไว้มีโอกาสถามผู้รู้ค่อยมาเพิ่มเติมให้)
จากเวบ
http://th.m.wikipedi...ง_25_พุทธศตวรรษ
ความเชื่อว่าพระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ 5000 ปี แล้วจักเสื่อมสลาย มีที่มาจากคัมภีร์จตุตถสมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัย จุลลวรรค ว่าด้วยภิกขุนิกขันธกวรรณนา[10] ซึ่งคัมภีร์นี้แต่งโดยพระเถระชาวชมพูทวีปในสมัยหลังพุทธกาล เพื่ออธิบายความในพระวินัยปิฎก ซึ่งเป็นอัตตโนมติสำหรับการศึกษาเพิ่มเติมจากพระไตรปิฎกเท่านั้น อย่างไรก็ดี ในพระบาลีพุทธพจน์ พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสไว้ว่าศาสนาพุทธจะมีอายุ 5000 ปี หรือกำหนดปีแห่งการสิ้นสุดของศาสนาพุทธหรือพระธรรมวินัยไว้ แม้ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 7 พระวินัยปิฎก เล่มที่ 7 จุลวรรค ภาค 2 ตอนว่าด้วยครุธรรม 8 ประการของภิกษุณี[11] ที่ผู้แต่งคัมภีร์จตุตถสมันตปาสาทิกานำมาอธิบายความ ก็ไม่ได้มีเนื้อความที่ทรงกำหนดปีสิ้นสุดของพระพุทธศาสนาไว้แต่ประการใด ดังนั้นคำว่ากึ่งพุทธกาล หรือความเชื่อว่าศาสนาพุทธจักสิ้นใน 5000 ปีหลังพุทธปรินิพพาน จึงเป็นความเชื่อที่มีมาแต่โบราณที่ยึดเอามติของผู้เขียนคัมภีร์สมัยหลังพระบาลีที่เป็นคัมภีร์อื่นนอกเหนือจากพระไตรปิฎกเป็นสำคัญ ซึ่งในทางวิชาการพุทธศาสนาเถรวาทถือว่าโต้แย้งได้

ผมลอง search พระไตรปิฎกฉบับต่างๆ พอจะจับใจความได้ว่า พระพุทธเจ้าบอกแก่พระอานนท์ถึงเหตุผลในการที่ต้องบัญญัติคุรุธรรม 8 ก่อนจะยอมให้ภิกษุณีบวชได้ โดยเปรียบเหมือนการที่รู้ว่าน้ำจะไหลท่วมก็ต้องทำเขื่อนกั้นไว้ ถ้าไม่มีคุรุธรรม 8 ก็จะทำให้พระสัทธรรมคำสอนอยู่ได้เพียง 500 ปี (ผมเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้แค่นี้แล้วมีการมาอธิบายเพิ่มเติม เรียกว่า เชิงอรรถ โดยพระบาลีว่า ถ้าบัญญัติไว้ก่อนก็จะทำให้พระสัทธรรมอยู่ได้ 1000 ปีด้วยพระปฏิสัมภิทาญาณ แล้วจะอยู่ได้อีก 1000 ปีด้วยพระสุขวิปัสสโก.....)

แต่ตอนนี้ก็เห็นอยู่ว่าคำสอนของพระองค์ก็ยังอยู่เกิน 1000 ปี
จึงเกิดเป็นสมมติฐานคือ
1. พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องนี้ในบริบทที่ไม่มีพระไตรปิฎก
หรือ 2. พระบาลีที่เป็นผู้อธิบายเชิงอรรถนี้เข้าใจคลาดเคลื่อน
หรือ 3.เพราะอนาคตนั้นเปลี่ยนแปลงได้

??

#155 อิสระในกรอบ

อิสระในกรอบ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 660 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 13:14

ปริยัติ... เรียน
ปฏิบัติ... ทำ
ปฏิเวธ... ย้อนดู

การอ้างสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่าไม่มี ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงอ้างได้
การอ้างสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่ามี ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงอ้างได้

วันนี้เราอยู่กับปัจจุบัน น้อมนำเข้าหาการปฏิบัติหรือยัง หรือหยุดอยู่แค่ ปริยัติ

ข้อสังเกต.... หากเราเชื่อว่าพระไตรปิฎกที่ยึดถือล้วนสังคยานาโดยพระอรหันต์ทั้งสิ้น... แล้วเหตุใดปัจจุบันจึงเชื่อว่าไม่มีพระอรหันต์...


ไม่ได้เชื่อและไม่ได้ไม่เชื่อ เชื่อเปลี่ยนเป็นไม่เชื่อก็ได้ ไม่เชื่อเปลี่ยนเป็นเชื่อก็ได้ จริงย่อมจริง ไม่จริงย่อมไม่จริง ปัญญาของผมอาจไม่เพียงพอที่จะตัดสินเรื่องนี้ แต่พอที่จะรู้ว่าธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นของดีจริง เป็นทางลัดจริง ไม่ควรไปลองผิดลองถูกเอง

Edited by อิสระในกรอบ, 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 13:15.


#156 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 13:44

พระวินัยปิฎก จุลวรรค ทุติยภาค ภิกขุนิกขันธกวรรณนา (เริ่มที่หน้า 498)
ว่าด้วยครุธรรม 8 ประการ มีข้อความแสดงว่า การบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลจะมีได้ภายในห้าพันปี คือ
ในพันปีแรกสามารถมีพระอรหันต์ที่มีคุณวิเศษประกอบด้วยปฏิสัมภิทา พร้อมด้วยฤทธิ์
พันปีที่สอง สามารถมีพระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ (ไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิต่างๆได้)
พันปีที่สาม สามารถมีพระอนาคามี
พันปีที่สี่ สามารถมีพระสกทาคามี
พันปีที่ห้า สามารถมีพระโสดาบัน

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#157 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 13:59

ศาสนาไม่ไช่ ปรัชญา
ที่มาเล่นกับจินตนาการ แล้วใช้ตรรกะ มาตีความ
เพราะผู้ที่ ไม่เชื่อ พระไตรปิฎก ก็สามารถ นำ กามาลสูตร มาแย้งได้ว่า
ว่าอย่าเชื่อ เพราะเป็น ตำรา
เอา ตัวเอง มาแย้งตัวเอง ยังได้เลย
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น คืนนี้ท่านนอนไม่หลับแน่ เพราะพรุ่งนี้ดวงอาทิตย์อาจขึ้นทางทิศตะวันออกก็เป็นไปได้

พระพุทธเจ้าจึงสอนเรื่อง อจิณไตย
และให้อยู่กับปัจจุบัน

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#158 Baboonga

Baboonga

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 14:48

ประเด็นผมไม่มีอะไรมาก

วันนี้คุณปฏิบัติหรือยัง หรือได้แค่ปริยัติ

หากคุณมองว่าปริยัติเป็นเรื่องยาก แล้วจะไปปฏิบัติได้อย่างไร ถ้าใช้ความคิดตามนี้ พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในบ้านเมืองเราก็ถือเป็นโมฆะเลยหนะสิครับ

กลับกัน หากท่านคิดว่าพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แม้ไม่เป็นพระอรหันต์ แต่ท่านยังปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ก็ถือได้ว่าท่านมีการกระทำเพื่อหลุดพ้น เหตุใดเล่าที่เราจะยึดถือว่าท่านเป็นพระอรหันต์หรือไม่ แม้จะเป็นพระอนาคามี สกทาคามี หรือพระโสดาบัน พระท่านเหล่านั้นก็ถือว่ามีภูมิธรรมที่สูงกว่า หากเราต้องการหลุดพ้น เราก็ควรน้อมนำตัวเองไปเป็นศิษย์ หรือคาราวะพระดีทั้งหลาย เพื่อขอแนวทางปฏิบัติใช่หรือไม่

หรือจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งว่าปริยัติยังไม่จบกระบวนความแล้วจะปฏิบัติได้อย่างไร อันนี้ผมถือว่าเกิดมาเป็นโมฆะบุรุษมากนะ

Edited by Baboonga, 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 14:48.


#159 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:03

สุตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการฟัง
จินตามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการคิด พิจารณา
ภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากรู้ความเป็นจริงของสภาพธรรม

สุตมยปัญญญาา ปัญญาที่เกิดจากการฟัง
ฟังอะไรก็คือการฟังพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
หากไม่ฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ก็ไม่สามารถเข้าใจและนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องได้
เพราะเราเป็นสาวก สาวกหมายถึงผู้ฟัง

ผู้ที่ไม่ต้องฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุได้นั้นคือ พระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธ
ดังนั้นปัญญาจึงต้องเริ่มจากสุตมยปัญญา จึงจะนำไปสู่จินตามยปัญญาและภาวนามยปัญญา(ปฏิบัติ)ได้

พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงธรรมไว้แล้วว่า พระสัทธรรมมี 3 คือต้องเริ่มจาก
1. ปริยัติ
2. ปฏิบีติ
3. ปฏิเวธ

เรื่อง การอบรมเจริญปัญญาขาดปริยัติไม่ได้

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 881

แม้ผู้มีปัญญาทราม ก็จะนั่งในท่ามกลางแห่งอุปัฏฐากทั้งหลาย กล่าวอยู่ว่า
เราย่อมสละปริยัติ ดังนี้เป็นต้น ด้วยคำว่า เมื่อเราตรวจดูหมวดสามแห่งธรรมอันยังสัตว์ให้เนิ่นช้า
ในมัชฌิมนิกายอยู่ มรรคนั่นแหละมาแล้วพร้อมด้วยฤทธิ์ ชื่อว่าปริยัติ
ไม่เป็นสิ่งที่กระทำได้โดยยากสำหรับพวกเรา การสนใจในปริยัติ ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์
ดังนี้ ย่อมแสดงซึ่งความที่ตนเป็นคนมีปัญญามาก.
ก็เมื่อภิกษุนั้นกล่าวอยู่อย่างนี้ ชื่อว่า ย่อมทำลายพระศาสนา.ชื่อว่า มหาโจรเช่นกับบุคคลนี้ ย่อมไม่มี
เพราะว่า บุคคลผู้ทรงพระปริยัติ ชื่อว่า ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ หามีไม่.

หรือจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งว่าปริยัติยังไม่จบกระบวนความแล้วจะปฏิบัติได้อย่างไร
อันนี้ผมถือว่าเกิดมาเป็นโมฆะบุรุษมากนะ???

ความหมายผมเป็นอย่างที่ถูกตั้งข้อสังเกตุหรือไม่

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#160 Baboonga

Baboonga

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:28

ผมว่าเป็นประเด็นที่ผิดเพี้ยนนะครับ ปริยัติไม่ได้หมายถึงการศึกษาพระไตรปิฏกอย่างเดียวมั้งครับ

อ่านหนังสือเมื่อไม่เข้าใจเรายังถามอาจารย์ แต่หากคิดว่าพระไตรปิฎกท่านอ่านแล้วไม่เข้าใจท่านจะถามใคร อีกนัยหนึ่งการปริยัติเอง ถ้าผู้ไม่เคยปฏิบัติก็ไม่เข้าใจหรอกครับว่า ปริยัตินั่นหมายถึงน้อมนำการเรียนรู้ในตัวเองได้

เหตุนั้นถึงต้องมีปริยัติกับพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ

แม้การจะบูชาพระพุทธเจ้าท่านยังสรรเสริญผู้ปฏิบัติบูชามากกว่า (ไม่มีสรรเสริญผู้ปริยัติบูชานะผมว่า)

แล้วจากข้อความข้างต้น สามอย่างนั้นต้องเป็นไปด้วยกันนะครับ แน่นอนว่าปริยัติมากก็ต้องมี แต่ปฏิบัติมากก็ต้องมี หากไม่เกิดมรรค จะเกิดผลได้อย่างไร

วันนี้เราจะมาตีความ อัตตา อนัตตา นิพพาน ไม่ใช่เรื่องเลย ผมว่าไม่ว่าจะสมัยใด สมัยใด หากเรายังไม่กระทำ แล้วเราจะไปเข้าใจได้อย่างไรว่า อัตตา อนัตตา และนิพพานเป็นอย่างไร

#161 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:31

ผมถึงได้พูดเรื่องนี้ตั้งแต่ rep#157 แล้ว
หรือคุณไม่ได้อ่าน

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#162 Baboonga

Baboonga

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:34

ผมอ่านครับ แต่ผมไม่เข้าใจจุดประสงค์ว่าสื่ออะไร เพราะไม่เห็นพูดชัดตรงประเด็นนะครับ จับจุดไม่ได้

#163 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:37

ผมต้องขอโทษที่ทำให้คุณไม่เข้าใจสิ่งที่ผมกำลังสื่อใน rep#157

ผมมีปัญญาเพียงเท่านี้ครับ

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#164 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:43

ไหนๆ ก็คุยกันเรื่องศาสนา

รบกวนนิดหนึ่ง ใครพอจะมีแผนที่ไปวัดป่าห้วยกุ่ม จ.ชัยภูมิบ้างค่ะ

ลองค้นเอง ดูไม่เข้าใจค่ะ พอดีเจ้านายให้หาแผนที่ก่อนสิ้นเดือนนี้

แบบอยากได้เลขหลักกิโล กับ เลขทางหลวงอ่ะค่ะ


คุณกุ้ง จะไปหรือครับ วัดป่าห้วยกุ้ม จะเข้าไปทางเขือน จุฬาภรณ์ ครับ ก่อนถึงเขื่อนประมาณ 10 กิโล ทางเข้าอยู่เส้น 12 มั้ง ครับ ที่ผ่านดอนสาร เกษตรสมบูรณ์ ใก้ลๆ กลับ อำเภอชุมแพ ถ้าคุณกุ้งมีแผนที่เส้นทางมันจะแยกจากเส้น ภูเขียว-ชุมแพ มันเกือบจะถึงชุมแพ อีกประมาณ 10 กว่ากิโล
ทางเข้าอยู่ที่ ประมาณ เหลือ 25 กิโลถึงดอนสารนะครับ
บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#165 ศรอรชุน

ศรอรชุน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,103 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:57

ผมคิดมิผิดจริงๆ ตั้งแต่อ่าน rep แรกๆ ว่า กระทู้นี้คงได้คุยแลกเปลี่ยนกันยาวแน่ๆ ผมยังไม่อ่านทั้งหมดนะครับ แต่คงจะไล่อ่านไปเรื่อยๆทั้งหมดแน่เพื่อเปิดสมองตัวเอง ตามแต่เวลาจะอำนวย แต่เห็นทุกท่านแสดงความเห็นกัน ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของพระอาจารย์ ที่ผมเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง ท่านหนึ่ง ท่านสอนไว้ เกี่ยวกับพุทธคุณ ดังนี้ ครับ

"รูปพระ..คุณพระ..เป็นรูปและคุณอันประเสริฐเป็นอัศจรรย์..หากน้อมใจเชื่อโดยความจริงและบริสุทธิ์ใจ พระจะให้ที่พึ่งอันประเสริฐแก่เราจริง อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย...แต่เป็น "ปัจจัตตัง" รู้เฉพาะตน...ท่านต้องรู้และเข้าถึงด้วยตัวท่านเอง" ....คติธรรม จาก พระอาจารย์นำ ชินวโร

"ควาย" ในความหมายของผม คือ คนที่มีความคิด เล่นเน็ตเป็น แต่แยกแยะ ดี ชั่ว ถูก ผิด ไม่ได้  

              มิได้หมายถึง ชาวรากหญ้า ที่เป็นเหยื่อในสงครามทางความคิดครั้งนี้

 

"คนชั่ว" จะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา... อยากให้ถึงวรรคท้ายของคำทำนาย ไวๆ ว่ะ...


#166 Baboonga

Baboonga

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 16:09

"รูปพระ..คุณพระ..เป็นรูปและคุณอันประเสริฐเป็นอัศจรรย์..หากน้อมใจเชื่อโดยความจริงและบริสุทธิ์ใจ พระจะให้ที่พึ่งอันประเสริฐแก่เราจริง อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย...แต่เป็น "ปัจจัตตัง" รู้เฉพาะตน...ท่านต้องรู้และเข้าถึงด้วยตัวท่านเอง" ....คติธรรม จาก พระอาจารย์นำ ชินวโร


จากเนื้อความเป็นไปในแนวทางเดียวกับที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเคยสั่งสอนไว้นะครับ

เดี๋ยวจะมีคนมาหาว่าผมหลงใหลพระอรหันต์ จึงขอออกตัวไว้ก่อนว่า ผมได้มีโอกาศศึกษาธรรมจากหลวงพ่อผ่านหนังสือ และฟังบันทึกของหลวงพ่อหลังจากที่ท่านมรณะภาพไปแล้ว ซึ่งผมไม่ติดใจว่าท่านจะเป็นพระอรหันต์หรือไม่ แต่ผมศึกษาเพราะแนวทางปฏิบัติของท่านน่าสนใจ ธรรมที่ท่านให้ไว้ก็ล้วนแต่ฟังแล้วน่าน้อมนำไปปฏิบัติ หากท่านจะใช่หรือไม่ใช่พระอรหันต์ ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ผมจะต้องทิ้งคำสอนของหลวงพ่อ

#167 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 16:42

แปลกนะครับ ทางก็มีอยู่ ผู้เดินทางก็มีอยู่ แต่กลับมีคนไม่เชื่อว่า มีคนถึงจุดหมายอยู่เลย

ผมจำคำที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพราหณ์ สุภัททะ ได้

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "อย่าเลย สุภัททะ เราจักแสดงธรรมแก่ท่าน ท่านจงตั้งใจฟัง แล้วทำไว้ในใจให้สำเร็จประโยชน์เถิด แล้วพระผู้มีพระภาคได้ตรัสอริยมรรค ๘ ประการ ว่าเป็นมรรคาประเสริฐมีอยู่ในธรรมวินัยใดแล้ว สมณะ คือท่านผู้สงบระงับดับกิเลสได้จริง ย่อมมีธรรมวินัยนั้น อนึ่ง อริยมรรคทั้ง ๘ นั้น ก็มีอยู่เฉพาะในธรรมวินัยนี้เท่านั้น แม้สมณะดังกล่าวแล้ว ก็มีอยู่แต่ในธรรมวินัยนี้แห่งเดียว สุภัททะ หากภิกษุทั้งหลาย จะพึงปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในธรรมนี้แล้วไซร้ โลกนี้ก็จักไม่พึงว่างเปล่าจากพระอรหันต์" อริยมรรคมีองค์ 8 หายไป แล้วหรือถึงจะไม่มีพระอรหันต์ 2000ปี
อริยมรรค สิ้นไป แล้วเราทำ อะไรกันอยู่ ศึกษาอะไร ผมว่าคุณ chackrapbong ปฏิบัติ ดูบ้างดีกว่านะครับ จะได้รู้จริงเห็นจริง เราเรียนหนังสือ มากันทุกคน แต่ทำไมออกมาทำงานจึงต้องมาศึกษาใหม่แปลกใจไหม บ้างอย่างไม่มีในตำรา เจอได้ด้วยการทำจริง พระไตรปิฏก บอกถึงสภาวะจิตไม่ติดกับกายหรือเปล่าเอ่ย อย่าคิดว่าตำราถูกต้องทุกสิ่งให้ปฏิบัติ แล้วนำไปสอบกับตำรา ไม่ใช่เอาตำรามาอ้างโดยไม่ปฏิบัติ ส่วนคุณไร้สีไร้กลิ่น ผมชอบสนทนา ธรรมด้วยจริงๆเลย เพราะจากที่สนทนาด้วย รู้สึกว่าคุณไร้สีเป็นนักปฏิบัติ ท่านหนึ่ง
บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#168 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 16:51

ผมก็ปฎิบัติอยู่แล้ว
ทุกสิ่งในชีวิตประจำวันก็เป็นธรรมะอยู่แล้ว
เพียงแต่วิธีปฎิบัติธรรมของผม
อาจไม่ตรงกับจริตกับใครอีกหลายคน

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#169 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:02

ปฎิบัติเพื่อละ ไม่ไช่ปฎิบัติเพื่อได้

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#170 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:24

ผมก็ปฎิบัติอยู่แล้ว
ทุกสิ่งในชีวิตประจำวันก็เป็นธรรมะอยู่แล้ว
เพียงแต่วิธีปฎิบัติธรรมของผม
อาจไม่ตรงกับจริตกับใครอีกหลายคน


งั้นผมแนะนำให้ลองฟังเทศน์ ของหลวง พ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาละวัน ชื่อ สมาธิในชีวิตประจำวัน จะเป็นประโยชน์มากครับ
เพราะการปฏิบัติธรรมมันมีทั้งขั้นสูงกลาง ต่ำ ปฏิบัติธรรมขั้นต่ำในที่นี้หลายคนก็ทำ ส่วนขั้นกลางขั้นสูง นะ น้อย ผมยังไม่ตลอดเลย
ถ้าชอบในทางชีวิตประจำวัน ก็นี้เลยดีที่สุด (ไม่มีในพระไตรปิฏกนะ) ผมไม่ชอบเพราะจิตมันไว ยิ่งกว่าแสง ถ้าไม่จับมันในนิ่งๆ แล้วจะไม่เห็นมันรอบ จะไม่รู้จักมันโดยละเอียด

Edited by ter162525, 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:25.

บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#171 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:37

การเข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎถูกต้องตามความเป็นจริง
ไม่ใช่เข้าใจชื่อ ไม่ใช่เข้าใจเรื่อง แต่เข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎถูกต้อง
ยกตัวอย่างทางตา เวลานี้มีสิ่งที่กำลังปรากฎ ฟังแล้วแล้วก็เข้าใจด้วยในขั้นการฟัง
แต่ว่าลักษณะจริงๆของธาตุที่กำลังเห็น กำลังรู้ สิ่งที่กำลังปรากฎทางตาเป็นแต่เพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่ง
เข้าใจลักษณะนี้ที่กำลังเห็น แล้วก็เข้าใจสิ่งที่ปรากฎทางตาจริงๆ เป็นสภาพธรรมที่เพียงปรากฎให้เห็น

" ปฏิบัติ " หมายถึง การถึงเฉพาะ ที่ไหน เมื่อไหร่ ทวารไหนก็ได้ อยู่ที่ความเข้าใจ
โดยปรมัตถธรรมขณะที่มหากุศลญาณสัมปยุตจิตเกิดขึ้น สติและสัมปชัญญะทำกิจ
เรียกว่า ปฏิบัติธรรม คือ ขณะที่สติระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เรียกว่า ปฏิบัติธรรม
ไม่ใช่เราไป ทำปฏิบัติ และสิ่งสำคัญที่เป็นคุณธรรมพื้นฐานที่ไม่ควรละเลยคือ
การเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นญาติที่ดีของญาติ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นประชาชน
ที่ดีของประเทศและโลก เป็นพุทธบริษัทที่ดี และเป็นผู้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ
อย่างนี้เรียกว่า
เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#172 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:46

ผมว่าเราพักเครื่องสักครู่นะครับ
เพื่อผู้ติดตามอ่านจะได้อ่านทัน

เดี๋ยวค่อยต่อกัน

ยินดีอย่างยิ่งที่การแลกเปลี่ยนความเห็น เป็นไปเพื่อความเห็นถูก
และก่อให้เกิดกุศลจิต

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#173 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 10:27

การเข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎถูกต้องตามความเป็นจริง
ไม่ใช่เข้าใจชื่อ ไม่ใช่เข้าใจเรื่อง แต่เข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎถูกต้อง
ยกตัวอย่างทางตา เวลานี้มีสิ่งที่กำลังปรากฎ ฟังแล้วแล้วก็เข้าใจด้วยในขั้นการฟัง
แต่ว่าลักษณะจริงๆของธาตุที่กำลังเห็น กำลังรู้ สิ่งที่กำลังปรากฎทางตาเป็นแต่เพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่ง
เข้าใจลักษณะนี้ที่กำลังเห็น แล้วก็เข้าใจสิ่งที่ปรากฎทางตาจริงๆ เป็นสภาพธรรมที่เพียงปรากฎให้เห็น

" ปฏิบัติ " หมายถึง การถึงเฉพาะ ที่ไหน เมื่อไหร่ ทวารไหนก็ได้ อยู่ที่ความเข้าใจ
โดยปรมัตถธรรมขณะที่มหากุศลญาณสัมปยุตจิตเกิดขึ้น สติและสัมปชัญญะทำกิจ
เรียกว่า ปฏิบัติธรรม คือ ขณะที่สติระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เรียกว่า ปฏิบัติธรรม
ไม่ใช่เราไป ทำปฏิบัติ และสิ่งสำคัญที่เป็นคุณธรรมพื้นฐานที่ไม่ควรละเลยคือ
การเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นญาติที่ดีของญาติ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นประชาชน
ที่ดีของประเทศและโลก เป็นพุทธบริษัทที่ดี และเป็นผู้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ
อย่างนี้เรียกว่า
เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม


งั้นเราก็คงพูดถึงธรรมคนละขั้นกัน เพราะธรรม มีขั้นสูง กลาง ต่ำ ธรรมของคฤหัส ผู้ครองเรือน ก็เหมาะสมกับผู้ครองเรือน ธรรมของ ผู้ปราถนาหลุดพ้นก็มีธรรมของผู้ปราถนาหลุดพ้น ผมไม่แปลกใจแล้วที่คุณเชื่อว่าไม่มีพระอรหันต์แล้ว อรหันต์มรรค อรหันต์ผล ไม่มี ที่ผมแนะนำ ก็เป็นธรรมที่ถูกจริตคุณซึ่งมันยิ่งขึ้นไปกว่าที่คุณทำอยู่ เป็นอยู่ ซึ่งผมถือว่าเป็นขั้นกลางที่สามารถส่งไปธรรมขั้นสูงได้ คุณลองไปหาฟังดูแล้วกันครับ ไม่ต้องกลัวว่าผมเป็นนายหน้าหรืออะไรหรอกเพราะผู้ที่เทศนาท่านมรณะภาพไปแล้ว คุณน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าผมเพราะมันน่าจะถูกจริตของคุณ
บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#174 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 13:28

………………………รูปเป็นสภาพธรรมที่เล็กละเอียดมากเกิดขึ้นและดับไปอย่าง
รวดเร็วอยู่ตลอดเวลารูปกลาปหนึ่งที่เกิดขึ้นจะดับไปเมื่อจิตเกิดดับ๑๗ขณะซึ่งเป็น
ไปอย่างรวดเร็วมากเพราะจิตที่เห็นและจิตที่ได้ยินขณะนี้ซึ่งปรากฏเสมือนว่าพร้อมกันนั้น
ก็เกิดดับห่างไกลกันเกินกว่า๑๗ขณะจิตฉะนั้นรูปที่เกิดพร้อมกับจิตที่เห็นก็ดับไปก่อนที่
จิตได้ยินจะเกิดขึ้น …………………..
(พระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดง มีความวิจิตร พิศดารเกินกว่าเราจะรู้อีกมากมาย)

อ่านแล้วได้อะไร????
นอกจากบอกว่าไม่รู้(เป็นส่วนใหญ่)
ชึ่งก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะผู้ตรัส คือ ปัญญาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็เป็นเช่นเดียวกับชีวิตประจำวัน ถ้าหากเราไม่รู้ว่า หลอดฟูออเรสเซนต์ที่เราเห็นนั้นความจริง
คือ ติด- ดับ เราก็คิดว่ามันสว่างอยู่ตลอดเวลา ก็แสดงให้เห็นว่า ธรรมะอยู่กับเราตลอดเวลา

นี้แหละครับเป็นประเด็นสำคัญว่า ทำไมเราต้อง ฟังธรรม ให้เข้าใจก่อนไปปฎิบัติ

มีผู้รู้ให้คำแนะนำผมมาว่า:

ปฏิบัติธรรม ถามดูว่าใครปฏิบัติต้องมีความเข้าใจตรงนี้ก่อนครับ
เราปฏิบัติหรือเปล่าหรือว่าเป็นธรรมปฏิบัติ
มีความเข้าใจเบ้องต้นก่อนครับว่า ทุกอย่างเป็นธรรม
มรรคมีองค์ 8 เป็นธรรมหรือเป็นเรา ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นธรรมหรือเป็นเรา
เป็นธรรมทั้งหมด
ในเมื่อเป็นธรรม ธรรมทั้งหลายเป็นอัตตาหรืออนัตตาบังคับได้หรือบังคับไม่ได้
ถ้าบังคับไม่ได้ เป็นอนัตต า จะมีตัวตนที่จะพยายามปฏิบัติตามมรรคมีองค์
หรือมีตัวเราไปปฏิบัติหรือไม่ในเมื่อทุกอย่างเป็นธรรม เป็นอนัตตาครับ
ปฏิบัติธรรม คือ ธรรมปฏิบัติ ไม่ใช่ตัวเราไปพยายามปฏิบัติ สติและปัญญาปฏิบัติ
สติและปัญญาบังคับให้เกิดตามใจชอบได้ไหมแล้วให้สติและปัญญาไปเกิดตรงสถานที่นั้น
สถานที่นี้ได้ไหม
ดังนั้นต้องเริ่มจากฟังพระธรรมให้เข้าใจก่อน แล้วก็ไม่ใช่ว่าพอเข้าใจว่า เข้าใจแล้ว
ก็มีตัวตนที่จะไปปฏิบัติเราก็ลืมคำว่าอนัตตาและทุกอย่างเป็นธรรมเริ่มจากฟังพระธรรม
ให้เข้าใจว่าธรรมคืออะไร เมื่อเข้าใจธรรมปฏิบัติหน้าที่เองครับ

ส่วนใครจะศรัทธาใคร ผมเก็ไม่ขัดศรัทธาใคร เพราะ ในสังสารวัฎฎ์ หาเบื้องต้น
บั้นปลายไม่ได้ เราทุกคนต่างสะสมมาไม่เหมือนและไม่เท่ากัน

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#175 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 14:17

………………………รูปเป็นสภาพธรรมที่เล็กละเอียดมากเกิดขึ้นและดับไปอย่าง
รวดเร็วอยู่ตลอดเวลารูปกลาปหนึ่งที่เกิดขึ้นจะดับไปเมื่อจิตเกิดดับ๑๗ขณะซึ่งเป็น
ไปอย่างรวดเร็วมากเพราะจิตที่เห็นและจิตที่ได้ยินขณะนี้ซึ่งปรากฏเสมือนว่าพร้อมกันนั้น
ก็เกิดดับห่างไกลกันเกินกว่า๑๗ขณะจิตฉะนั้นรูปที่เกิดพร้อมกับจิตที่เห็นก็ดับไปก่อนที่
จิตได้ยินจะเกิดขึ้น …………………..
(พระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดง มีความวิจิตร พิศดารเกินกว่าเราจะรู้อีกมากมาย)

อ่านแล้วได้อะไร????
นอกจากบอกว่าไม่รู้(เป็นส่วนใหญ่)
ชึ่งก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะผู้ตรัส คือ ปัญญาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็เป็นเช่นเดียวกับชีวิตประจำวัน ถ้าหากเราไม่รู้ว่า หลอดฟูออเรสเซนต์ที่เราเห็นนั้นความจริง
คือ ติด- ดับ เราก็คิดว่ามันสว่างอยู่ตลอดเวลา ก็แสดงให้เห็นว่า ธรรมะอยู่กับเราตลอดเวลา

นี้แหละครับเป็นประเด็นสำคัญว่า ทำไมเราต้อง ฟังธรรม ให้เข้าใจก่อนไปปฎิบัติ

มีผู้รู้ให้คำแนะนำผมมาว่า:

ปฏิบัติธรรม ถามดูว่าใครปฏิบัติต้องมีความเข้าใจตรงนี้ก่อนครับ
เราปฏิบัติหรือเปล่าหรือว่าเป็นธรรมปฏิบัติ
มีความเข้าใจเบ้องต้นก่อนครับว่า ทุกอย่างเป็นธรรม
มรรคมีองค์ 8 เป็นธรรมหรือเป็นเรา ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นธรรมหรือเป็นเรา
เป็นธรรมทั้งหมด
ในเมื่อเป็นธรรม ธรรมทั้งหลายเป็นอัตตาหรืออนัตตาบังคับได้หรือบังคับไม่ได้
ถ้าบังคับไม่ได้ เป็นอนัตต า จะมีตัวตนที่จะพยายามปฏิบัติตามมรรคมีองค์
หรือมีตัวเราไปปฏิบัติหรือไม่ในเมื่อทุกอย่างเป็นธรรม เป็นอนัตตาครับ
ปฏิบัติธรรม คือ ธรรมปฏิบัติ ไม่ใช่ตัวเราไปพยายามปฏิบัติ สติและปัญญาปฏิบัติ
สติและปัญญาบังคับให้เกิดตามใจชอบได้ไหมแล้วให้สติและปัญญาไปเกิดตรงสถานที่นั้น
สถานที่นี้ได้ไหม
ดังนั้นต้องเริ่มจากฟังพระธรรมให้เข้าใจก่อน แล้วก็ไม่ใช่ว่าพอเข้าใจว่า เข้าใจแล้ว
ก็มีตัวตนที่จะไปปฏิบัติเราก็ลืมคำว่าอนัตตาและทุกอย่างเป็นธรรมเริ่มจากฟังพระธรรม
ให้เข้าใจว่าธรรมคืออะไร เมื่อเข้าใจธรรมปฏิบัติหน้าที่เองครับ

ส่วนใครจะศรัทธาใคร ผมเก็ไม่ขัดศรัทธาใคร เพราะ ในสังสารวัฎฎ์ หาเบื้องต้น
บั้นปลายไม่ได้ เราทุกคนต่างสะสมมาไม่เหมือนและไม่เท่ากัน



อย่างนั้น ก็คงเห็นต่างกันแล้วล่ะ เพราะ ธรรมบ้างอย่างเราฟังไม่มีวันเข้าใจ ถ้าเราไม่ลงมือทำก่อน

เช่น ที่คุณยกมา รูปเป็นสภาพธรรมที่เล็กละเอียดมากเกิดขึ้นและดับไปอย่าง
รวดเร็วอยู่ตลอดเวลารูปกลาปหนึ่งที่เกิดขึ้นจะดับไปเมื่อจิตเกิดดับ๑๗ขณะซึ่งเป็น
ไปอย่างรวดเร็วมากเพราะจิตที่เห็นและจิตที่ได้ยินขณะนี้ซึ่งปรากฏเสมือนว่าพร้อมกันนั้น
ก็เกิดดับห่างไกลกันเกินกว่า๑๗ขณะจิตฉะนั้นรูปที่เกิดพร้อมกับจิตที่เห็นก็ดับไปก่อนที่
จิตได้ยินจะเกิดขึ้น …………………..

กับที่ผมบอก ผมไม่ชอบเพราะจิตมันไว ยิ่งกว่าแสง ถ้าไม่จับมันในนิ่งๆ แล้วจะไม่เห็นมันรอบ จะไม่รู้จักมันโดยละเอียด
นั้นเพราะผมปฏิบัติมาแล้ว ผมถึงเข้าใจ จิตมันเกิดขึ้นหลายดวง แค่มองภาพ ภาพเดียวก็ 4 ดวงขึ้นไปแล้ว มันเร็ว จิตรับรู้จริงๆมีแค่ดวงเดียวแต่มันเกิดขึ้นแล้วดับไปไล่กันผมถึงบอกว่ามันไวยิ่งกว่าแสง นั้นไม่รวมเสียงกลิ่นรสอีก คุณฟังแล้วบอกไม่เข้าใจ แต่ผมฟังแล้วไขให้คุณได้เพราะผมรู้มาแล้ว
ถึงจะไม่ละเอียด ถึงใจ แต่ก็เต็มภูมิ ผมแล้ว พระนักปฏิบัติหลายท่านจะไม่ พูดให้ลูกศิษย์ ฟังก่อนหรอกว่า จิตเป็นยังไงๆ ไปต่อยังไง ต้องพิจราณาอะไรยังไงต่อไป เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะมันจะกลายไปเป็นสัญญา ความคาดหมาย ไป แล้วสังขาร มันจะเกิดขึ้น ที่คุณพูดมาก็ผิดแล้ว ครับ
สติ สามารถ บังคับให้เกิดได้ครับ สติคือความระลึกได้ สามารถบังคับและปฏิบัติให้เกิดได้ครับ ส่วนปัญญาได้จากการทำในมาก พิจราณาให้ละเอียดเรื่อยๆมันจะเกิดครับ ผมยกตัวอย่าง วิชาป้องกันตัวก็ได้เวลาเขาฝึกเขาจะให้ทำท่านั้น ซ้ำๆ เป็น 100เป็นพันครั้งครับ เพราะอะไร เพราะเวลาที่คุณให้จริงมันจะเป็นได้โดยอัตโนมัติว่ามาแบบนี้จะทำอะไรอย่างไรก่อน แต่คุณบอกคุณแค่ดูแล้ว อืมเข้าใจๆ ไม่ฝึก คิดว่ามันบังคับไม่ได้ คุณก็ได้แค่นั้นแหละครับ เจอจริงก็ทำไรไม่ถูก เพราะคิดว่าบังคับไม่ได้ปฏิบัติเพื่อได้มาไม่ได้ ธรรมะ นะครับ คณจะไม่มีวันเข้าใจได้ลึกซึ้งหรอกถ้าคุณไม่ได้ปฏิบัติ จริงๆ จะหวังว่าเข้าใจแล้วค่อยปฏิบัติ ยากครับ ยิ่งเรียนยิ่งสงสัย ยิ่งจะทำความเข้าใจมันจะยิ่งไม่เข้าใจ แต่ถ้าคุณทำจริงมาเจอ คุณจะเข้าใจมันมากขึ้น และลึกขึ้น
  • Gop likes this
บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#176 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 14:35

ปฏิเวธจะมีไม่ได้ถ้าไม่มีการปฏิบัติอย่างถูกต้อง และการปฏิบัติอย่างถูกต้องจะมี
ไม่ได้ถ้าไม่มีการศึกษาพระธรรมคำสอนอย่างถูกต้อง
ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ และ ปฏิเวธ ต้องเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาจนสามารถแทงตลอดสัจจะ คือ อริยสัจ 4
ได้ถึงความเป็นพระอริยบุคคล ผู้นั้นย่อมแสดงหนทางปฏิบัติได้
ซึ่งหนทางปฏิบัติถูกย่อมมาจากปริยัติที่ถูกต้อง โดยรอบรู้ในสิ่ง
ที่มีจริงที่กำลังปรากฏจนปัญญาคมกล้า เป็นปัจจัยให้สติระลึกถูก
ต้องตรงลักษณะสภาพธรรม ตามที่ได้ฟังได้ศึกษามา

เพราะฉะนั้นผู้ใดได้กล่าวว่าตนได้ปฏิบัติจนแทงตลอดสัจจะแล้วนั้น
ผู้นั้นย่อมสามารถแสดงหนทางให้รู้ ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏได้
ไม่เช่นนั้นก็ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#177 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:03

ที่แสดงมาทั้งหมด ผมเรียกว่า ประสบการณ์ธรรมมากกว่า
เป็นความเชื่อ ที่แต่ละคน เชื่อในสิ่งที่ตนประสบมา
ส่วนจะตรงกับ สัจจธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัส หรือไม่
ไม่มีใครรู้แทนใคร

แต่มีข้อสังเกตุว่า ธรรมเป็น อนัตตา ไม่อยู่ในบังคัญชา
จะเกิดได้ต้งองอาศัยเหตุ ปัจจัย พร้อม
เมื่อเหตุ ปัจจัยพร้อม ไม่ต้องการไม่ให้เกิด ก็ไม่ได้ เช่น
(ท่านพระสารีบุตร ได้ฟังธรรมสั้น ๆ คาถาเดียว จากท่านพระอัสสชิ ท่านก็ได้บรรลุเป็น
พระโสาดาบัน เพราะท่านได้สะสมบุญบารมี และ เหตุปัจจัยมาแล้ว )

เมื่อเหตุ ปัจจัย ไม่พร้อม ถึงต้องการให้เกิด ก็เกิดขึ้นไม่ได้
เพราะฉนั้นการปฎิบัติธรรมที่ว่ามาทั้งหมด จะเกิดผลที่เราหวังไว้หรือไม่
ไม่มีใครทราบได้

หากการปฎิบัตินั้น เพื่อหวังว่า
เพื่อ........อะไรก็แล้วแต่
การปฎิบัตินั้น ผิด ตั้งแต่เริ่มมีความหวัง เพราะเป็นการ ปฎิบัติ เพื่อได้ ไม่ไช่ปฎิบัติ เพื่อละ
และนั้นก็จะเป็นการยืดเวลาในสังสารวัฎฎ์ให้ยิ่งยาวไกลออกไปอีก

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#178 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:13

เมื่อใด

บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า

ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

เมื่อนั้น

ย่อมหน่ายในทุกข์

ความหน่ายในทุกข์

นั่นเป็น

ทางแห่งความหมดจด.


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#179 ศรอรชุน

ศรอรชุน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,103 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:30

Posted Image

ปริยัติ... เรียน
ปฏิบัติ... ทำ
ปฏิเวธ... ย้อนดู

การอ้างสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่าไม่มี ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงอ้างได้
การอ้างสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่ามี ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงอ้างได้


วันนี้เราอยู่กับปัจจุบัน น้อมนำเข้าหาการปฏิบัติหรือยัง หรือหยุดอยู่แค่ ปริยัติ


ขออนุญาติคั่นเวลาพักสายตา พักสมองกันซักครู่นะครับ
ผมประทับใจกับ rep นี้มากครับ ถึงแม้ผมจะสนใจจริง ศึกษาบ้าง ปฏิบัติบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ทุ่มเทสุดกำลัง ยังเป็นไปแต่เพียงวิถีสามัญ ที่ผู้นับถือศาสนาพุทธทั่วไปพึงกระทำ แต่พระพุทธศาสนาผ่านมาแล้ว สองพันห้าร้อยกว่าปี ยังมีสิ่งที่ลึกมาก ลึกซะจนกระทั่ง ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยอ้างอิงจากหลักการ หลักการทางวิทยาศาสตร์ หรือหลักใดๆในโลกที่มี ได้ ดังนั้น
"การอ้างสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่าไม่มี ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงอ้างได้
การอ้างสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่ามี ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงอ้างได้"

จึงเป็นสิ่งที่ควรรับฟัง

......และนี่ก็อาจเป็นตัวอย่างหนึ่ง
โดนจ่อยิงกับปืนขนาด .38 ระยะเผาขน แต่ไม่เข้า เป็นแต่เพียงรอยบวมและช้ำ ทั้งเนื้อตัวมีเพียงเหรียญของพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ราคาไม่กี่ร้อยบาท แต่มีชื่อเสียงทางด้านปฏิบัติ ผมถ่ายรูปเอง และได้คุยกับทั้งผู้ยิง ,ผู้ถูกยิง ตำรวจผู้ทำคดี และ พระอาจารย์รูปนั้น ครับ

ปล. เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและชม

"ควาย" ในความหมายของผม คือ คนที่มีความคิด เล่นเน็ตเป็น แต่แยกแยะ ดี ชั่ว ถูก ผิด ไม่ได้  

              มิได้หมายถึง ชาวรากหญ้า ที่เป็นเหยื่อในสงครามทางความคิดครั้งนี้

 

"คนชั่ว" จะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา... อยากให้ถึงวรรคท้ายของคำทำนาย ไวๆ ว่ะ...


#180 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:21

ผมขอประเด็นเรื่องนี้อีกนิดเดียว เท่านั้น
(และรอผู้อื่นแสดงความเห็น เพื่อ จะไปหาข้อสรุปตามหัว กระทู้ ที่ว่า คำทำนายของหลวงตามหาบัว)

เป็นไปได้หรือไม่ ที่ท่านจะไป เชียงใหม่ โดยไม่รู้ว่า เชียงใหม่ อยู่ส่วนใหนของประเทศ(ไม่ฟังธรรม)
ท่านจะขับรถ ไปทางใหน (ปฎิบัติธรรม)
หากท่านบอกว่า ขับไปเรื่อยๆ เดี๋ยว ก็ถึงเชียงใหม่

แต่ถ้าท่านรู้ ว่า เชียงใหม่ อยู่ส่วนใหน ของประเทศ (ฟังธรรม)
ท่านก็ขับ ไปทางทิศที่ท่านรู้ (ปฎิบัติธรรม)
ท่านควรจะถึงเชียงใหม่ ได้อย่าง แน่นอน และปลอดภัย

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#181 Baboonga

Baboonga

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:27

ผมขอประเด็นเรื่องนี้อีกนิดเดียว เท่านั้น
(และรอผู้อื่นแสดงความเห็น เพื่อ จะไปหาข้อสรุปตามหัว กระทู้ ที่ว่า คำทำนายของหลวงตามหาบัว)

เป็นไปได้หรือไม่ ที่ท่านจะไป เชียงใหม่ โดยไม่รู้ว่า เชียงใหม่ อยู่ส่วนใหนของประเทศ(ไม่ฟังธรรม)
ท่านจะขับรถ ไปทางใหน (ปฎิบัติธรรม)
หากท่านบอกว่า ขับไปเรื่อยๆ เดี๋ยว ก็ถึงเชียงใหม่

แต่ถ้าท่านรู้ ว่า เชียงใหม่ อยู่ส่วนใหน ของประเทศ (ฟังธรรม)
ท่านก็ขับ ไปทางทิศที่ท่านรู้ (ปฎิบัติธรรม)
ท่านควรจะถึงเชียงใหม่ ได้อย่าง แน่นอน และปลอดภัย


หากเปรียบกับการขับรถ

เราไม่จำเป็นต้องรู้เส้นทางทั้งหมดไปยังเชียงใหม่ แต่เพียงรู้บ้าง มีคนแนะนำบ้าง ถามคนข้างทางบ้าง เราก็ถึงเชียงใหม่ได้

ฉันใดก็ฉันนั้น การบรรลุธรรมไม่ใช่จำเป็นต้องรู้ทุกสิ่ง แต่รู้เฉพาะที่เราติด ที่เราตันก็เพียงพอ ไม่เช่นนั้น ชฎิลสามพี่น้องจะบรรลุพระอรหันต์ด้วยพระธรรมไม่กี่บท พระอัญญาโกณฑัญญะ จะบรรลุได้เพียงธรรมจักรเท่านั้นหรือ

แต่อีกนัยนึงที่อยากให้คิดว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า แผนที่เชียงใหม่นั้นเป็นของจริง ไม่ได้เจออุปาทาน ตัณหาเข้าครอบงำ ?

#182 chaidan

chaidan

    กา... กา... กา...

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,999 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:32

ถ้าผมอยากไปเชียงใหม่....
แต่ผมไม่มีแผนที่...

ผมไม่มีทางไปเชียงใหม่ได้ใช่ไหมครับ ?....

ปล. ผมเชื่อว่ามีคนไปได้โดยไม่มีแผนที่นะครับ... เท่าที่รู้อย่างน้อยก็ 1 :)

Edited by chaidan, 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:34.

ใครที่บอกว่า "กาขาว" เป็นฝรั่ง....ผมว่าไม่ใช่......

#183 ไร้สีไร้กลิ่น

ไร้สีไร้กลิ่น

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,501 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:34

- ที่อ่านเรื่องไตรลักษณ์ไม่เข้าใจเพราะปัญญาไม่พอ การจะมีปัญญาพอไม่ใช่มาอ่านแล้วนึกคิดเอา(ผมก็ชอบนึกชอบคิดนะนี่แหละครับภาวนามือใหม่ก็ยังฟุ้งซ่านเป็นธรรมดา เผลอๆคิดไปคิดมาจนเป็นนิวรณ์ไปด้วย)

- อย่างที่เคยบอกว่า ปัญญาทางธรรมเกิดจากจิตรับรู้สภาพความเป็นจริงของธรรมชาติ เพื่อจะได้หลุดพ้นจากอวิชชา ซึ่งต้องอาศัยสมาธิเป็นพื้นฐานด้วย ดังมรรคมีองค์ 8 กล่าวถึงสัมมาสติ สัมมาสมาธิ นั่นก็คือต้องรู้จักภาวนาให้มีสติที่ดีพอ เกิดสมาธิที่ดีพอ ได้รู้เองเห็นเองถึงสภาวะธรรมต่างๆ ก็ย่อมจะเกิดปัญญานำไปสู่การหลุดพ้น

- ปัญญาของพระพุทธเจ้านั้นเป็นเลิศ สามารถตรัสรู้ได้เอง ท่านไม่ได้ไปอ่านตำรับตำรา แต่ท่านอาศัยการปฏิบัติภาวนาจนรู้แจ้งในอริยสัจสี่ ส่วนคนธรรมดาอย่างเราก็อาศัยปฏิบัติตามที่ท่านสั่งสอน สุดท้ายก็จะรู้เห็นธรรมหรือสภาพความเป็นจริงแบบเดียวกับท่าน คือ ธรรมอันเดียวกัน ไม่ได้แปลว่าพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะเข้าใจธรรมนั้น ผู้ที่ปัญญาไม่เท่าพระพุทธเจ้าไม่มีวันเข้าใจ

- ก็ในเมื่อคุณ chackrapbong บอกว่าผลจะเกิดได้ก็มาจากเหตุ ก็แล้วไม่ปฏิบัติมันจะไปเกิดผลได้ยังไง
ในเมื่อเหตุคือภาวนา ผลคือสมาธิ ปัญญา
แต่ถ้าคุณมองว่าเหตุคือการอ่านเท่านั้นแล้วจะเกิดผลเอง ก็ไม่รู้พระพุทธเจ้าท่านจะสอนเรื่องสมาธิวิปัสสนากรรมฐานไว้เพื่ออะไร

- ที่บอกว่าพระสารีบุตรฟังธรรมไม่กี่ประโยคก็บรรลุ คุณไม่คิดว่ามันขัดกับความเข้าใจของคุณที่บอกว่าต้องศึกษาธรรมให้มากๆก่อนเหรอ
ที่ท่านบรรลุได้ง่ายนั้นเพราะท่านสร้างเหตุมาแล้วตั้งแต่อดีต ท่านปฏิบัติภาวนา สั่งสมบุญบารมีมามากมายหลายชาติ (ประมาณครึ่งหนึ่งของพระพุทธเจ้ามั้งถ้าจำไม่ผิด) จึงบรรลุได้ง่ายเพราะจิตใจผ่านการฝึกมามากเป็นพื้นฐานอันดีอยู่แล้ว(คงไม่ใช่เพราะอ่านปิฎกจบเล่มมาหลายชาติ)

ดังนั้น บางคนพอภาวนาปุ๊บก็เข้าถึงความสงบได้เร็ว บางคนภาวนามาหลายปี ศึกษาธรรมมาหลายปี แต่ไม่เคยเข้าถึงความสงบ นั่นเพราะบุญบารมีต่างกัน

อย่างพระอานนท์ ท่านติดตามพระพุทธเจ้า อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า เป็นเลิศทั้งด้านความจำ ด้านพหูสูตร จำคำสอนของพระพุทธเจ้าได้หมด แต่ท่านไม่บรรลุ พอพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ท่านก็มาเร่งปฏิบัติ 3 เดือนจนบรรลุได้

- พระท่านเคยกล่าวว่า บุญทำให้เกิดสมาธิ บุญทำให้เกิดปัญญา ดังนั้นถ้าไม่มีบุญจะมาภาวนาก็เกิดสมาธิได้ยาก จึงต้องรู้จักเมตตา ทำบุญ และถือศีลประกอบไปด้วย การภาวนาจึงจะก้าวหน้าได้ง่าย

ปล.
1. ไม่ได้บอกว่าให้เลือกปฏิบัติหรือปริยัติอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ทั้ง 2 อย่างสำคัญ สามารถทำไปด้วยกันได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน พระพุทธเจ้าแสดงธรรมก็แสดงต่างกันสำหรับแต่ละคน และก็ไม่จำเป็นต้องแสดงทั้ง 84000 พระธรรมขันธ์ แต่คงไม่ใช่อ่านไปเรื่อยๆ อยู่ไปเรื่อยๆเดี๋ยวสมาธิปัญญามาเอง (แค่เข้าใจวิธีการแนวทางมากขึ้น ส่วนปฏิบัติจะง่ายหรือยากนั่นก็อีกเรื่อง เพราะถ้าอ่านมากกลายเป็นมิจฉาทิฐิหรือยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้อาจทำให้เข้าถึงสมาธิได้ยาก)
2. เพิ่งเห้นโพสต์ rep บน เปรียบกับการขับรถก็เข้าใจง่ายดีนะ

Edited by ไร้สีไร้กลิ่น, 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:51.


#184 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 18:36

ความเห็นคุณ baboonga
ผมไม่เห็นว่าจะไปขัดกับความเห็นผมตรงใหน ในที่สุดก็เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
ไม่ว่าใครจะแนะนำ

ความเห็นคุณ chaidan
ไปได้ครับ จนกว่าคุณจะเป็น พระพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้า

ความเห็นคุณ ไร้กลิ่น
ผมไม่เคยปฎิเสธการปฎิบัตินะครับ
แต่ผมเน้นจุดนี้คือการปฎิบัติต้องเข้าใจด้วย ลองอ่านrep ก่อนหน้านี้ของผมนะ
ก็ไม่ต่างกับความเห็นผม และคุณเองก็ยอมรับว่า การบรรลุต้องอาศัย การสะสมมา
ประเด็นคือ การสะสมมาในอดีตชาติ เมื่อ เหตุและปัจจัยพร้อมก็ให้ผลทันที

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#185 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 19:10

ผมรู้สึกอบอุ่นนะครับ ที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อน สรท
ด้วยจิตที่เป็นกุศล เช่น

คุณ chaidan อัธยาศัยดีมาก

คุณ ไร้สีฯ มีความเชื่อและศรัทธาคล้ายผม แต่ต่างกันตรงรายละเอียดปลีกย่อย
ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำความเข้าใจกัน

เชิญต่อครับ เพื่อจะได้สรุปกันในท้ายสุด ตามหัวกระทู้ คำทำนายของหลวงตา
แสดงความเห็นเพิ่ม เพือจะได้รับมาตรวจสอบตัวเองเช่นกัน

เพราะการเกื้อกูลทางธรรม เป็น ทานที่ชนะทานทั้งปวง

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#186 ปังตอ

ปังตอ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,229 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 21:35

Baboonga...น่าจะครูบาอาจารย์เดียวกันกับผม...((ผมทันหลวงพ่อครับ)

ผมขอประเด็นเรื่องนี้อีกนิดเดียว เท่านั้น
(และรอผู้อื่นแสดงความเห็น เพื่อ จะไปหาข้อสรุปตามหัว กระทู้ ที่ว่า คำทำนายของหลวงตามหาบัว)

เป็นไปได้หรือไม่ ที่ท่านจะไป เชียงใหม่ โดยไม่รู้ว่า เชียงใหม่ อยู่ส่วนใหนของประเทศ(ไม่ฟังธรรม)
ท่านจะขับรถ ไปทางใหน (ปฎิบัติธรรม)
หากท่านบอกว่า ขับไปเรื่อยๆ เดี๋ยว ก็ถึงเชียงใหม่

แต่ถ้าท่านรู้ ว่า เชียงใหม่ อยู่ส่วนใหน ของประเทศ (ฟังธรรม)
ท่านก็ขับ ไปทางทิศที่ท่านรู้ (ปฎิบัติธรรม)
ท่านควรจะถึงเชียงใหม่ ได้อย่าง แน่นอน และปลอดภัย


มีหลวงปู่อยู่องค์หนึ่งท่านบวชโดยที่ตอนที่ยังไม่ได้บวชท่านอ่านหนังสือไม่ออกเลย แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะบวช
ทำให้ท่านมีความพยายามจนสามารถท่องขานนาคได้ บวชสำเร็จ
หลังจากบวชแล้วปัญหาก้อคือความไม่รู้หนังสือของท่านอีกนั่นแหล่ะ ทำให้ท่านอ่านอะไรไม่ค่อยได้

แต่มีครูบาอาจารย์ได้สอนให้ท่านภาวนาแล้วก้อภาวนา....รับคำสอนมาจากครูบาอาจารย์มาบ้างเล็กน้อย
แต่ท่านให้เน้นปฏิบัติ ท่านก้อรับมาทำแล้วก้อทำๆๆๆๆๆ.........

จนวันนึงท่านภาวนาอยู่ ความสว่างของปัญญาก้อเกิดขึ้น จากที่ไม่รู้หนังสือเลย ท่านสามารถอ่านได้หมด
ตีความได้ทุกตัวอักษร สามารถเข้าในอภิธรรมได้ทุกหมวด พระธรรมวินัยทุกข้อสามารถแจกแจงได้ครบถ้วน
ไม่มีตกบกพร่องเลย
หลังจากนั้นท่านได้นั่งทบทวนจิตของท่าน....อยู่ต่ออีกสามวัน (เหตุการณ์จะไม่เล่าละเอียด)

ท่านได้กลับไปพบครูบาอาจารย์ พอได้เจอหน้าท่านทักว่า จบแล้วถึงแล้วดีใจด้วย

หลังจากที่ผมศึกษาประวัติทำให้ผมทราบว่าจะไปเชียงใหม่ไม่ต้องศึกษาให้ละเอียดก้อได้
อยู่ที่ว่าเมื่อคุณรู้แล้วว่าจะไปเชียงใหม่คุณหารถเตรียมของเดินทาง......แล้วออกเดินทางหรือยัง
ไม่ใช่ว่าจะไปเชียงใหม่แต่คุณไม่ลงมือที่จะเดินทาง คุณจะไปถึงเชียงใหม่หรือเปล่า
เส้นทางน่ะเราเวลาที่เราเดินทาง...เราคิดว่าเราจะหลงทาง เราถามชาวบ้านเค้าที่รู้เส้นทางเอาก้อได้ครับ
ไม่ใช่ว่าหลงแล้วยังโง่ที่จะไม่ถามเส้น กลับยังมีทิฏฐิว่าเรามาถูกแล้ว เราไม่ต้องถามใครเพราะเราเก่ง อย่างนี้เรียกว่าโง่..ครับ
(เมื่อก่อนจะสอนพระนวกะและสามเณรเรื่องการเดินทางแบบนี้นี่แหล่ะ)

อย่าหาว่าผมอย่างโน้นอย่างนี้เลย ตามอ่านมานานแล้วมองออกว่าปัญญาและความรู้ของแต่ล่ะคนเป็นยังไง
เอาแค่ฌาน 4 ให้มันได้ก่อนดีไหม
ปัญญาที่คุณยกมาผมอ่านแล้ว ผมเรียนเรื่องปัญญา 3 ข้อที่คุณยกมาตั้งแต่เรียนนักธรรมตรีแล้ว
แต่...ผมดูยังไงก้อคิดว่าคุณก้อยังไม่เข้าใจเรื่องปัญญาอย่างที่คุณยกมาอยู่ดี

งืม..ขอขมาโทษน่ะครับไม่ได้หลบหลุ่อะไรน่ะครับ แต่อยากจะติบ้างเล็กน้อย เพราะสิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดผมเจอมาบ้างแล้ว
และมิได้จะยกตัวเองว่าเก่งหรอกครับ แต่อยากให้ฟังคนอื่นบ้าง (อยากให้ไปหาอ่านเรื่องเถรใบลานเปล่า...จัง)

พอดีกว่าเยอะแหล่ะ....5555+
((นี่ถ้าคุณยังคิดได้แค่นี้ เจอครูบาอาจารย์ผม คุณคงโดนด่ากระเจิง))

ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ “ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม”

 


#187 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 21:47

"อย่าหาว่าผมอย่างโน้นอย่างนี้เลย ตามอ่านมานานแล้วมองออกว่าปัญญาและความรู้ของแต่ล่ะคนเป็นยังไง
เอาแค่ฌาน 4 ให้มันได้ก่อนดีไหม
ปัญญาที่คุณยกมาผมอ่านแล้ว ผมเรียนเรื่องปัญญา 3 ข้อที่คุณยกมาตั้งแต่เรียนนักธรรมตรีแล้ว
แต่...ผมดูยังไงก้อคิดว่าคุณก้อยังไม่เข้าใจเรื่องปัญญาอย่างที่คุณยกมาอยู่ดี"

เพราะเหตุนี้ครับ
ผมถึงบอกว่ารอผู้รู้มาแสดงให้เห็น
ก็ถือว่าโชคดีที่ท่านจะแสดงให้เห็นต่อไป

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#188 ความตาย ของผม

ความตาย ของผม

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,083 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 21:48

ข้อ สาม ก็เป็น โรค...........................ไงครับ
ในที่สุด แมนตู ของยู ก็ตกรอบ UPA ทำไมมันเป็นงี้

#189 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:11

ผมรอ คุณปังตอ นักธรรมตรี

ช่วยส่องทางให้ผมด้วยครับ

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#190 นักเรียนตลอดชีพ

นักเรียนตลอดชีพ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,024 posts

ตอบ 21 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:51

ก่อนไปประเด็นอื่นที่ยังไม่ได้อ่าน นะครับ ... ขอเอาประเด็นเรื่อง " อรหันต์ ยังมีจริงไหมในทุกวันนี้ " ...

พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ หน้าที่ 554


ก็คำว่า วสฺสสหสฺส นี้ ตรัสโดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้บรรลุ
ปฏิสัมภิทาเท่านั้น แต่เมื่อกล่าวให้ยิ่งไปกว่านั้น ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่ง
ถึงพระขีณาสพผู้สุกขวิปัสสก ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระอนาคามี
๑,๐๐๐ โดยมุ่งถึงพระสกทาคามี ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระโสดาบัน
ปฏิเวธสัทธรรมถูกดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปี โดยอาการดังกล่าวมานี้
แม้พระปริยัติธรรมก็ดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปีนั้นเหมือนกัน. เพราะ
เมื่อปริยัติธรรมไม่มี ปฏิเวธธรรมก็มีไม่ได้ แม้เมื่อปริยัติธรรม
ไม่มี ปฏิเวธธรรมไม่มี ก็เมื่อปริยัติธรรมแม้อันตรธานไปแล้ว
เพศ (แห่งบรรพชิต) ก็จักแปรเป็นอย่างอื่นไปแล.

จบ อรรถกถาโคตมีสูตรที่ ๑

ที่มา ... http://www.dhammahom...how.php?id=2680


ตีความเอา นะครับ ..... แต่เชื่อผมเถอะ เราๆท่านๆ ก็บรรลุอรหันต์ได้ ในชาตินี้ ถ้าจะทำ .....

.. เห็นได้ชัด ประชาธิปไตย เสียงส่วนใหญ่ ไม่ได้ทำให้ได้มา ซึ่งผู้นำที่เก่ง และ ฉลาด ..

ที่นำความอยู่ดี กินดี มาให้ประชาชนได้ แล้วคุณยังจะอ้างประชาธิปไตยเสียงส่วนใหญ่ทำไม


#191 นักเรียนตลอดชีพ

นักเรียนตลอดชีพ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,024 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 00:22

ส่วนตัวเคยคุยกับ รุ่นพี่คนหนึ่ง เขามีทฤษฎี ที่น่าเชื่อได้ นะครับ ... ผมก็ถามเขาว่า ยุคนี้ยังมีพระอรหันต์อยู่ไหม อรหันต์เป็นอย่างไร ..

ทฤษฎีของเขาว่า สภาวะธรรม(สภาวะ นิพพาน คือสภาวะที่จิตมี สติ สมาธิ ปัญญา อยู่ตลอดเวลา) อย่างเราๆ ท่านๆ เวลาคิดอะไรยากๆไร้ซึ่งข้อผิดพลาดได้เมื่อเรามีสติเป็นสมาธิ นั่นคือช่วงเวลาที่ เราอยู่ในสภาวะนิพพานชั่วขณะ แต่ของพระอรหันต์ สภาวะจิตดังกล่าง จะมีแม้ยามหลับ หรือ ตื่น คือมีสภาวะธรรมอยู่ตลอดเวลา นั่นเอง ... ท่านทั้งหลาย ลองมองดูดีๆ ครับ แม้ในสังคมไทย เราเห็นบุคคลท่านใด มีสภาวะเช่นนั้นหรือไม่ (ส่วนตัวเห็นว่า มีอยู่ ครับ)....

อีกเรื่องคือ พุทธองค์ไม่ทรงตอบเรื่องชาติหน้า เพราะพุทธองค์มีความประสงค์ อยากให้พุทธบริษัท สำเร็จมรรคผล ในภพชาตินี้ (ถ้ามีภพชาติ คนจะหวังรอแต่ภพชาติหน้า) .... ดังนั้น พุทธบริษัท ทั้งหลาย ควรพยายามมุ่งสู่ นิพพานในชาตินี้ตามคำสอน ถึงจะถูก ...

การที่ หลายๆท่าน บอกว่า ไม่มีอรหันต์แล้ว หมายความว่า พุทธวจนะ ไม่เป็นความจริงแล้วเช่นนั้นหรือ ส่วนตัวตัดสินใจว่า

ตราบเท่าที่พุทธบริษัท ยัง ยึดมั่นในในคำสอน พุทธองค์ นิพพาน มีในชาตินี้ อรหันต์ ก็ยังมีอยู่ ครับ ....

.. เห็นได้ชัด ประชาธิปไตย เสียงส่วนใหญ่ ไม่ได้ทำให้ได้มา ซึ่งผู้นำที่เก่ง และ ฉลาด ..

ที่นำความอยู่ดี กินดี มาให้ประชาชนได้ แล้วคุณยังจะอ้างประชาธิปไตยเสียงส่วนใหญ่ทำไม


#192 อานุง อัน รามา

อานุง อัน รามา

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 777 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 00:44

พุทธพยากรณ์เรื่องพระอริยเจ้าในพระศาสนาของพระองค์ปัจจุบันฯ
ในพุทธวจนะตอนหนึ่ง พระบรมศาสดาตรัสว่า "ตราบใดที่ยังมีผู้ศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของท่านอยู่ตราบนั้น โลกก็จะไม่ว่างเว้นพระอรหันต์"
ในอรรถคาถา ฑีฆนิกาย แสดงว่า
พันปีที่ 1 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอรหันต์ผู้ได้ ปฏิสัมภิทา 4
พันปีที่ 2 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอรหันต์ผู้ได้ อภิญญา 6
พันปีที่ 3 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอรหันต์ผู้ได้ วิชชา 3
พันปีที่ 4 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอรหันต์ผู้เป็น สุกขวิปัสสโก
พันปีที่ 5 คงเหลือแต่เพียง หมู่พระภิกษุสมมุติสงฆ์ผู้ประพฤติปฏิบัติตาม พระปาฏิโมกข์ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ เท่านั้น


ในอรรถคาถา อังคุตรนิกาย แสดงว่า
พันปีที่ 1 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอรหันต์ผู้ได้ ปฏิสัมภิทา 4
พันปีที่ 2 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอรหันต์ผู้ได้ อภิญญา 6
พันปีที่ 3 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอรหันต์ผู้ได้ วิชชา 3
พันปีที่ 4 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอรหันต์ผู้เป็น สุกขวิปัสสโก
พันปีที่ 5 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอนาคามี พระสกทาคามี และ พระโสดาบัน ตามลำดับ จนถึงกาลสมัยที่ไม่มีบุคคลใดจักบรรลุเป็พระโสดาบันเลย
ในอรรถคาถา สังยุตตนิกาย แสดงไว้เหมือนใน อรรถคาถา อังคุตรนิกาย


ส่วนในอรรถกถา ภิกขุนีขันธกะ แสดงว่า ภายหลังพุทธปรินินพาน
พันปีที่ 1 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอรหันต์ผู้เป็น ฌานลาภี
พันปีที่ 2 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอรหันต์ผู้เป็น สุกขวิปัสสโก
พันปีที่ 3 บรรลุได้สูงสุดคือ พระอนาคามี
พันปีที่ 4 บรรลุได้สูงสุดคือ พระสกทาคามี
พันปีที่ 5 บรรลุได้สูงสุดคือ พระโสดาบัน


หมายเหตุ หลวงพ่อฯท่านได้เล่าให้ฟังว่า พันปีที่ ๑ จะมากไปด้วยพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ พันปีที่ ๒ จะมากไปด้วยพระอรหันต์ ฉฬภิญโญ พันปีที่ ๓ จะมากไปด้วยพระอรหันต์ เตวิชโช พันปีที่ ๔ จะมากไปด้วยพระอรหันต์ สุขวิปัสสโก และพันปีที่ ๕ จะมากไปด้วยพระอนาคามี แสดงว่าในทุกขณะมีพระอรหันต์ครบทุกประเภทนะครับ มากน้อยตามกาล ในช่วงพันปีที่ ๓ ในกึ่งพุทธกาล จะเข้าสู่ยุคอภิญญาใหญ่ เพราะพระศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองคล้ายสมัยพระพุทธเจ้าท่านยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ครับ
ปล.ในส่วนที่ไม่ตรงกันในอรรถกถา ภิกขุนีขันธกะ เข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องของพระภิกษุณีโดยเฉพาะนะครับ ไม่ได้ขัดกัน และแสดงให้เห็นว่าในปัจจุบันนี้ยังมีสตรีผู้บรรลุธรรมอยู่ด้วยครับ ซึ่งเข้าใจว่า อาจจะเป็นพระภิกษุณีที่ยังดำรงขันธ์อยู่ และอุบาสิกาหรือฆราวาสที่เป็นสตรีครับ และท้ายสุดนี้ก็แสดงว่าในปัจจุบันนี้พุทธบริษัทสี่ก็ยังอยู่ครบด้วยนะครับ





พระวินัยปิฎก จุลวรรค ทุติยภาค ภิกขุนิกขันธกวรรณนา (เริ่มที่หน้า 498)
ว่าด้วยครุธรรม 8 ประการ มีข้อความแสดงว่า การบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลจะมีได้ภายในห้าพันปี คือ
ในพันปีแรกสามารถมีพระอรหันต์ที่มีคุณวิเศษประกอบด้วยปฏิสัมภิทา พร้อมด้วยฤทธิ์
พันปีที่สอง สามารถมีพระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ (ไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิต่างๆได้)
พันปีที่สาม สามารถมีพระอนาคามี
พันปีที่สี่ สามารถมีพระสกทาคามี
พันปีที่ห้า สามารถมีพระโสดาบัน


ที่คุณ chackrapbong อ้างมาน่าจะเป็นของภิกขุณีนะครับ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ

Edited by อานุง อัน รามา, 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 01:20.

ราชาแห่งไหน ที่มีในนิทาน ที่เด็กเด็กเคยอ่าน อยู่สุขสันต์สวยงามราชาแห่งนี้ ท่านทรงงานและงาน หลายสิบปีพ้นผ่าน ยังทรงสร้างทำเศรษฐกิจพอเพียงhttp://www.sufficiencyeconomy.org/

#193 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 06:09

-ผมฝากคำถามคุณ อานุง อัน รามา คือ ช่วยบอกที่มาให้ชัดกว่านี้ได้ไหม เช่น ชื่อ- เล่ม- ภาค หน้า
ผมจะได้ตรวจสอบกับผู้รู้ได้ความแล้วจะมาเล่าสู่กันฟังเพราะนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว
ยังไม่เคยเห็นปราชญ์ท่านใด พูดถึงความขัดแย้งในเรื่องนี้(พระไตรปิฎกจะต้องสอดคล้องกัน
ทั้งสามปิฎก ตั้งแต่ต้นจนจบ)

แต่ถ้าเป็นการตีความไปเองด้วยความเชื่อเอง ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องตรวจสอบ

-ค้นคว้ามาเพิ่มเติม

ในอรรถกถา โคตมีสูตรที่ ๑ กับ ภิกขุนิกขันธก วรรณนา

วสฺสสหสฺสนฺติ เจตํ ปฏิสมฺภิทปฺปเภทปตฺตขีณาสววเสเนว วุตฺตํ ฯ
แต่คำว่า พันปี นั้น พระองค์ตรัสด้วยอำนาจพระขีณาสพผู้ถึงความแตกฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น.

ตโต ปน อุตฺตรึปิ สุกฺขวิปสฺสกขีณาสววเสน วสฺสสหสฺสํ
แต่เมื่อจะตั้งอยู่ยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ,

อนาคามิวเสน วสฺสสหสฺสํ
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระอนาคามี,

สกทาคามิวเสน วสฺสสหสฺสํ
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี,

โสตาปนฺนวเสน วสฺสสหสฺสนฺติ
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจพระโสดาบัน,

เอวํ ปญฺจ วสฺสสหสฺสานิ ปฏิเวธสทฺธมฺโม ฐสฺสติ ฯ
รวมความว่า พระปฏิเวธสัทธรรม จักตั้งอยู่ตลอดห้าพันปี ด้วยประการฉะนี้.

องฺคุตฺตรนิกายฏฺฐกถา (มโนรถปูรณี ๓) - หน้าที่ 388
วินยฏฺฐกถา (สมนฺตปาสาทิกา ๓) - หน้าที่ 498

พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ 499
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 554


[อรรถกถา สัมปสาทนียสูตร] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 250
ศาสนาดำรงอยู่ได้ตลอดพันปีด้วยภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทา
ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยภิกษุผู้ทรงอภิญญา ๖
ดำรงอยู่ได้พันปี ด้วยภิกษุผู้ทรงวิชชา ๓
ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยภิกษุผู้เป็นสุกขวิปัสสกะ
ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยเหล่าภิกษุผู้ทรงปาฏิโมกข์

อรรถกถา อตฺถ ( เนื้อความ , ความหมาย ) + กถา ( คำพูด )
คำพูดขยายเนื้อความ หมายถึง คัมภีร์ที่อรรถกถาจารย์แต่งขยายความบาลีพุทธพจน์( พระไตรปิฏก ) พุทธศาสนิกชนในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เข้าใจพระธรรมของพระผู้มีพระภาคได้มากขึ้น เพราะได้ศึกษาคัมภีร์ที่ท่านพระพุทธโฆษาจารย์รจนาประกอบ คัมภีร์ที่นิยมศึกษากันในปัจจุบัน ได้แก่ อรรถกถา พระไตรปิฏก เช่น สุมังคลวิลาสินี มโนรถปูรณี สมันตปาสาทิกา อัฏฐสาลินี อสัมโมหวิโมทนี และคัมภีร์วิสุทธิมรรค


-ส่วนผู้ที่เชื่อว่ายังมีพระอรหันต์อยู่ในปัจจุบัน ก็มีจำนวนไม่น้อยเนื่องจากประโยคนี้
"สุภัททะ ถ้าภิกษุทั้งหลายเป็นอยู่โดยชอบ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์"
ผมก็รอฟังอยู่ จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยน ความเห็น และ ถามข้อสงสัยบ้าง

เชิญท่านสนใจแลกเปลี่ยความเห็นเลยครับ ผมจะจิบกาแฟอ่านบ้าง

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#194 chaidan

chaidan

    กา... กา... กา...

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,999 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 06:38

ได้เห็นเหล่าผู้สนใจในธรรม ต่างร่วมกัน "ปุจฉาวิสัชนา"...
ด้วยจิตอันเป็นกุศล... มุ่งหวังเพื่อให้เกิดปัญญาแก่กันและกัน....
ต่างมุ่งหวังทำความจริงให้กระจ่าง.....
ช่างหน้ายิ่งดียิ่งนัก.... ดีแล้วหนอ.... ชอบแล้วหนอ..... :D
ปล. หรือเราจะเรียกว่ากระบวนการถามทางไปเชียงใหม่กันดีครับ..... :)

ปุจฉาวิสัชนา แปลว่า ถามตอบกัน หมายถึงการถามและตอบกันไปมา เป็นการหาความรู้ความเข้าใจจากอีกฝ่ายหนึ่ง
ปุจฉาวิสัชนาเป็นคำเรียกการเทศน์ที่มีการถามตอบกันเช่นนั้นว่า เทศน์ปุจฉาวิสัชนา คือพระรูปหนึ่งเป็นผู้ถาม อีกรูปหนึ่งเป็นผู้ตอบ โดยถามกันในเรื่องธรรมบ้าง เรื่องอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังบ้าง
ปุจฉาวิสัชนา เป็นวิธีสอนอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า โดยทรงเปิดโอกาสให้พระสงฆ์หรือ ผู้เข้าเฝ้าถามปัญหาได้ และพระองค์ทรงตอบเอง เป็นทางเกิดปัญญาอย่างหนึ่ง เป็นการเปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้ซักไซ้ไล่เลียงถามจนกระทั่งได้คำตอบที่พอใจ เป็นวิธีการให้ความรู้ตรงแก่ผู้สงสัยในเรื่องนั้นๆ และเป็นการสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองในการเรียนการสอน หรือการสนทนา
http://th.wikipedia....%B8%99%E0%B8%B2

Edited by chaidan, 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 06:54.

ใครที่บอกว่า "กาขาว" เป็นฝรั่ง....ผมว่าไม่ใช่......

#195 chaidan

chaidan

    กา... กา... กา...

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,999 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 07:44

ผมพยายามสืบค้นดูได้ผลดังนี้ครับ....
เป็น อรรถกถา ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค นะครับ

ติปิฏกอนฺตรธานกถา
จริงอยู่ อันตรธานมี ๓ อย่าง คือ ปริยัตติอันตรธาน ๑ ปฏิเวธอันตรธาน ๑ ปฏิปัตติอันตรธาน ๑.
ในอันตรธานเหล่านั้น พระไตรปิฎกชื่อว่า ปริยัติ. การแทงตลอดสัจจะชื่อว่าปฏิเวธ. ข้อปฏิบัติชื่อว่าปฏิบัติ.
ใน ๓ อย่างนั้น ปฏิเวธและปฏิบัติ ย่อมมีบ้าง ย่อมไม่มีบ้าง.
ก็ในกาลหนึ่ง หมู่ภิกษุผู้ทรงปฏิเวธมีมาก. ภิกษุนั้นพึงถูกชี้นิ้วแสดงว่า ภิกษุรูปนี้เป็นปุถุชน. ในทวีปเดียวเท่านั้น ขึ้นชื่อว่าภิกษุผู้เป็นปุถุชน คราวเดียวกันหามีไม่. เหล่าภิกษุแม้ผู้บำเพ็ญข้อปฏิบัติในกาลบางครั้งมีมาก ในกาลบางครั้งมีน้อย. ปฏิเวธและการปฏิบัติย่อมมีบ้าง ย่อมไม่มีบ้างด้วยประการฉะนี้.
แต่ว่า ปริยัติย่อมเป็นประมาณของการดำรงอยู่ได้ของพระศาสนา. เพราะบัณฑิตทั้งหลายได้ฟังพระไตรปิฎกแล้วย่อมบำเพ็ญได้ทั้งปฏิบัติและปฏิเวธทั้งสอง.
พระโพธิสัตว์ของเราทั้งหลายให้อภิญญา ๕ และสมาบัติ ๗ บังเกิดขึ้นในสำนักของอาฬารดาบสแล้ว ตรัสถามบริกรรมของเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ อาฬารดาบสทูลว่า ข้าพระองค์ไม่ทราบ ดังนี้. ต่อแต่นั้น พระโพธิสัตว์นั้นจึงเสด็จไปสู่สำนักของอุทกดาบส แล้วทรงเทียบเคียงคุณวิเศษที่พระองค์บรรลุแล้ว ตรัสถามการบริกรรมของเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ อุทกดาบสนั้นก็ทูลแจ้งให้ทรงทราบ พระมหาสัตว์ก็ทรงให้ฌานนั้นเกิดขึ้นในลำดับแห่งถ้อยคำของอุทกดาบสนั้นฉันใด
ภิกษุผู้มีปัญญาก็ฉันนั้นเหมือนกัน ได้ฟังปริยัติธรรมแล้วก็ย่อมบำเพ็ญทั้งปฏิบัติและปฏิเวธทั้งสองได้.
เพราะฉะนั้น เมื่อพระปริยัติดำรงอยู่ได้ ศาสนาก็เป็นอันตั้งอยู่ได้.
แต่ในกาลใด ปริยัตินั้นอันตรธานไป ในกาลนั้น อภิธรรมปิฎกย่อมเสื่อมไปก่อน. ในอภิธรรมนั้น พระปัฏฐานย่อมอันตรธานไปก่อนกว่าอย่างอื่นทั้งหมด. ธรรมสังคหะย่อมเสื่อมในภายหลังตามลำดับ. เมื่ออภิธรรมปิฎกนั้นเสื่อมไป แม้เมื่อปิฎกทั้งสองนอกนี้ ยังดำรงอยู่ ศาสนาก็ย่อมเป็นอันตั้งอยู่ได้แท้.
ในปิฎกเหล่านั้นเมื่อพระสุตตันตปิฎกอันตรธาน อังคุตตรนิกายย่อมเสื่อมไปก่อน ตั้ง
แต่หมวดที่ ๑๑ จนถึงหมวด ๑. ในลำดับนั้น สังยุตตนิกายก็เสื่อมไป เริ่มแต่จักกเปยยาลจนถึงโอฆตรณสูตร. ในลำดับนั้น มัชฌิมนิกายก็อันตรธานเริ่มตั้งแต่อินทรียภาวนาจนถึงมูลปริยายสูตร. ในลำดับนั้น ทีฆนิกายก็อันตรธานเริ่มแต่ทสุตตรสูตรจนถึงพรหมชาลสูตร.
คำถามของคาถาหนึ่งก็ดี สองคาถาก็ดี ย่อมอยู่ไปนาน ย่อมไม่สามารถดำรงศาสนาไว้ได้ เช่น สภิยปุจฉาและอาฬวกปุจฉา. ได้ยินว่า ระหว่างกาลของพระกัสสปะพุทธเจ้า หนึ่งไม่สามารถจะดำรงศาสนาไว้ได้.
ก็เมื่อปิฎกทั้งสองถึงจะอันตรธานไป เมื่อวินัยปิฎกดำรงอยู่ ศาสนาก็ดำรงอยู่ได้. เมื่อบริวารขันธกะอันตรธานไป เมื่ออุภโตวิภังค์ยังดำรงอยู่ ศาสนาก็เป็นอันตั้งอยู่ ได้แท้. เมื่ออุภโตวิภังค์อันตรธานไป แม้เมื่อมาติกายังดำรงอยู่ ศาสนาก็เป็นอันตั้งอยู่ได้แท้.
เมื่อมาติกาอันตรธานไป เมื่อปาฏิโมกข์ บรรพชา และอุปสมบท ยังดำรงอยู่ศาสนาก็ย่อมดำรงอยู่ได้. เพศยังเป็นไปอยู่ได้นาน.
แต่วงศ์ของสมณะผู้นุ่งผ้าขาว ไม่สามารถจะดำรงศาสนาไว้ได้ ตั้งแต่กาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ.
ศาสนาดำรงอยู่ได้ตลอดพันปีด้วยภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทา. ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยภิกษุผู้ทรงอภิญญา ๖. ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยภิกษุผู้ทรงวิชชา ๓. ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยภิกษุผู้เป็นสุกขวิปัสสกะ. ดำรงอยู่ได้พันปีด้วยเหล่าภิกษุผู้ทรงปาฏิโมกข์.
ก็ศาสนาย่อมมีอันทรุดลงตั้งแต่การแทงตลอดสัจจะของภิกษุรูปหลังๆ และแต่การทำลายศีลของภิกษุรูปหลังๆ. จำเดิมแต่นั้นไป การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ท่านมิได้ห้ามไว้

http://www.84000.org...p?b=11&i=73&p=2

จะเห็นว่ามีการกล่าวถึงการดำรงอยู่ของพุทธศาสนาห้าช่วง ช่วงละพันปีครับ....
ส่วนเป็นพระอรหันต์หรือเปล่าในแต่ละช่วง....
คิดว่าต้องเข้าใจความหมายของคำเหล่านี้ซะก่อนครับ....
ปฏิสัมภิทา, อภิญญา ๖, วิชชา ๓, สุกขวิปัสสกะ, ปาฏิโมกข์
ใครที่บอกว่า "กาขาว" เป็นฝรั่ง....ผมว่าไม่ใช่......

#196 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 11:32

พระไตรปิฏกผมไม่ชอบอ่านครับเพราะมีการอธิบายตามอรรถ ซึ่งเป็นตามที่ผู้เข้าใจเข้าใจเท่านั้น มันเหมือนเล่นกระชิบข่าวนั้นล่ะครับ อ่านแต่ พุทธะวจนะ แต่อ่านแล้ว เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่พอลองปฏิบัติบ้างอย่างที่ไม่เข้าใจก็เริ่มเข้าใจ ทีคุณ chackrapbong บอกไปเชียงใหม่ไม่ศึกษาแผนที่ก็ไปไม่ถึง แต่ผมว่าถามจากผู้รู้ทาง แล้วก็ได้
ครับ เพราะคนที่อ่านหนังสือไม่ได้ ก็สามารถบรรลุธรรม เพียงเพราะมีผู้ชี้แนะ ที่รู้จริง ถ้าคุณคิดว่าไม่มีผู้ถึงจริงแล้วเพราะแผนที่บอกว่าไปไม่ถึงหรอก คุณจะเชื่อแผนที่นั้นไหม
บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#197 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 12:48

ผมก็ชอบนึกชอบคิดนะนี่แหละครับภาวนามือใหม่ก็ยังฟุ้งซ่านเป็นธรรมดา เผลอๆคิดไปคิดมาจนเป็นนิวรณ์ไปด้วย



หลวงตามหาบัวเคยพูดไว้ ถ้าคิดมากจิตฟุ้งซ่านก็ภาวนา เร็วไม่ต้องสนการหายใจ แต่ผมไม่เคยทำเพราะผมใช้ ยุบหนอ-พองหนอ ต้องตามอาการที่ท้อง ถ้าจิตฟุ้งซ่านยังไง ก็ฟุ้งซ่านหนอ 3 ครั้งแล้วมันจะสงบเองคือเราออกไปรับรู้แล้วปล่อยมัน มันเป็นทุกคนแหละครับถ้าทำมากมันก็สงบได้เร็ว แต่อย่าไปหมายเด็ดขาด
บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#198 chaidan

chaidan

    กา... กา... กา...

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,999 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 13:52

ผมพยายามสืบค้น keyword "สุกขวิปัสสกะ"...
เพราะ "ตั้งสมมุติฐาน/เดา"เอาว่าน่าจะเป็นจุดแบ่งระหว่าง "พระอรหันต์" กับ "พระอนาคามี"....
พยามค้นหาหลายรูปแบบ หาความสัมพันธ์ระหว่าง "สุกขวิปัสสกะ/สุกขวิปัสสโก" กับ "พระอนาคามี"......
พบน้อยมากครับ... แต่ที่พบมากกว่ามากคือ "พระอรหันต์" กับ "สุกขวิปัสสกะ/สุกขวิปัสสโก"....
มีพระอรหันต์แบบ "สุกขวิปัสสก" ด้วยนะครับ....

พระอรหันต์ 4 คือ

  • พระสุกขวิปัสสก (ไม่มีญาณวิเศษใดๆ นอกจากรู้การทำอาสวะให้สิ้นไป (อาสวักขยญาณ) อย่างเดียว) อานิสงค์จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนาเพียงอย่างเดียว
  • พระเตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา 3 คือบุพเพนิวาสานุสสติญาณ (รู้ระลึกชาติได้) จุตูปปาตญาณ (รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย)อันเป็นที่เกิดจากการเข้าใจในกฎแห่ง กรรมอย่างแท้จริงจึงรู้เหตุการณ์ที่จะเป็นไปได้ทั้งสิ้น อาสวักขยญาณ (รู้ทำอาสวะให้สิ้น) อานิสงค์จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนา และถือวัตรธุดงค์
  • พระฉฬภิญญะ (ผู้ได้อภิญญา 6 คือทิพฺพจักขุ ตาทิพย์ (คือฤทธิที่สามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ใกล้ไกลได้ มีพระอนุรุทธะ เป็นเอกทัคคะ เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านการมีตาทิพย์ คือสามารถมองเห็นโลกใบนี้ ราวกับ มองเม็ดมะขามป้อมบนฝ่ามือ) ทิพยโสต หูทิพย์อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้ (โดยเฉพาะมโนมยิทธิการ แยกร่างและจิต เป็นฤทธิที่แสดงได้เฉพาะพระอรหันต์ประเภทฉฬภิญโญเท่านั้น ) เจโตปริยญาณ (ทายใจผู้อื่นได้) บุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ระลึกชาติได้ ) และอาสวักขยะญาณ (ญานที่ทำให้อาสวะสิ้นไป) อานิสงค์จากการปฏิบัติวิปัสสนาและเจริญสมาธิจนได้ฌานสมาปัตติ
  • พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4) คือแตกฉานในความรู้อันยิ่ง 4 ประการ ได้แก่ อัตถปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในอรรถ ธัมมะปฏิสัมภิทาความแตกฉานในธรรม นิรุตติปฏิสัมภิทาความแตกฉานในภาษา ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในปฏิภาณไหวพริบ

ตาม link เลยครับ....

http://th.wikipedia....wiki/พระอรหันต์
ใครที่บอกว่า "กาขาว" เป็นฝรั่ง....ผมว่าไม่ใช่......

#199 ปังตอ

ปังตอ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,229 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 16:47

:huh: ....แสดงว่ายังไง คุณ chackrapbong ก้อจะนอนกอดตำราอยู่ใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่คงต้องอธิบายอะไรต่อน่ะครับ

เพราะเวลาที่ผมศึกษาทั้งในพระไตรปิฎก ทั้งจากครูบาอาจารย์ แล้วผมจะน้อมเอาไปปฏิบัติทันทีครับ
ผมจะไม่นั่งคิดเอาเองว่าอันนั้นถูกอันนี้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้

อย่างเช่นครูบาอาจารย์บอกว่า...พวกคุณไปปฏิบัติน่ะ เวลาอารมณ์สมาธิมันเกิดขึ้นอย่างนี้ๆๆมันเป็นแบบนี้ๆๆเรียกว่าอย่างนี้ๆๆน่ะ

ผมก้อสงสัยว่าเอ๋..จะจริงหรือเปล่า ผมก้อน้อมไปปฏิบัติ
อย่างเช่น อารมณ์ ฌาน 4 มันมีอะไรบ้าง
เริ่มตั้งแต่ฌาน 1 ไล่เรื่อยไปจนถึงฌาน 4 เวลาที่เราปฏิบัติไปเราก้อจะเจอครับ อย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกทุกอย่าง
เราก้ออ๋อ...มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
เอาแค่อารมณ์ปีติของสมาธิ...คุณอธิบายถูกไหม เวลาที่คุณไปอ่านเจอในหนังสือในตำรา เค้าจะบอกว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

แต่เวลาที่น้อมนำมาปฏิบัติแล้วมันมาก มากกว่าที่เค้าอธิบายอีกครับ ฉะนั้นครูบาอาจารย์ท่านถึงบอกว่าปัญญาที่เกิดจากเวลาปกติ
กับปัญญาที่เกิดจากสมาธิ มันต่างกันมาก มากจนคุณคาดไม่ถึงเลยครับ ยิ่งอารมณ์สมาธิละเอียดมากเท่าไหร่ ปัญญาก้อจะเฉียบคม
มากยิ่งขึ้น

อันนี้คือสิ่งที่ผมทำอยู่ตลอดเวลาครับ
น่ะครับ ผมไม่ถนัดเรื่องการท่องจำจากพระไตรปิฎกหรอก ส่วนมากถ้าผมไม่รู้อันไหนผมก้อจะค้นคว้าจากตำรา
หรือไม่ก้อถามผู้รู้...จากนั้นก้อเอามาทำเลย

กัมมัฎฐาน 40...ศึกษาให้ละเอียดครับ
จริตต่างๆ...ก้อควรจะดูด้วย อย่าเก่งแต่ในตำราครับ ถ้าไปเจอผู้รู้จริงๆเราจะกลายเป็นคนโง่ในสายตาเค้าทันที
เพราะ...จะกลายเป็นเถรใบลานเปล่า....ทันทีครับ
เออ..ขอโทษน่ะครับที่ต้องยกเอาตัวเองมาอธิบายทุกทีเลย...คุณลองไปศึกษาประวัติหลวงตามหาบัวน่ะครับ
หรือไม่ก้อหลวงปู่หลวงตา ครูบาอาจารย์ต่างๆ หลายๆองค์จะพบว่าท่านเอาชีวิตเข้าแลกครับท่านถึงได้คุณธรรมอันยิ่งนั้นมา
บางองค์ถึงกับเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดด้วยซ้ำไป
ผมยังไม่เจอองค์นั่งอ่านตำรา เกาะตำราแล้วแล้วบรรลุสักองค์เลย แหะๆ...หรืออาจจะมีก้อไม่รู้เนอะ
(ถ้าจะเอาตำรามาคุยกัน...ผมขอยอมแพ้ครับ)

ออ...ผมจบนักธรรมเอกครับ...ส่วน ปธ. ผมไม่ขอบอกน่ะครับ... :lol:
ขอขมาโทษทุกท่านน่ะครับ หากว่าเยอะไป..... :)

ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ “ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม”

 


#200 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2555 - 17:57

ผมไม่ได้จบนักธรรม ชั้นใดทั้งสิ้น ผมไม่ได้เปรียญธรรมชั้นใหน ทั้งหมด
ผมจบ ม ปลาสายวิทย์ ปริญาตรี ทางด้านเศรษฐศาสตร์ จาก ม.ช.
เพราะเหตุนี้ ผมไม่สามารถเทียบกับคุณ ปังตอ ด้วยประการทั้งปวง

เอาเข้าประเด็นเลยดีกว่า
“พระพุทธพจน์ที่ว่า "สุภัททะ ถ้าภิกษุทั้งหลายเป็นอยู่โดยชอบ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์"

แสดงความเห็นเลยครับเพราะ
ธรรมทานชนะทานทั้งปวง

Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy





ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน