Jump to content


Shariff

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 19 ตุลาคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2557 11:41
*****

#146201 มาดูความตอแหลของนังปู

โดย V for vendettaขี่er6nไปราช on 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 23:58

ถ้าไม่ทำ พท รับน้ำ น้ำก็ท่วมสะเปะสะปะทำคนส่วนมากเดือดร้อนหนัก
ไม่ทำอะไรเลยพอท่วม รบ. ก็โดนด่าอีก

ก็เหมือนตอน รบ มาร์คแหละไม่ได้สนใจเตรียมการอะไรเลย(โง่) แล้วบอกตัวเองจบอ๊อกฟอร์ด
ปล้นอำนาจมา โดยคนส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกมาเป็น
ดีแต่พูด ทำภาพว่าตัวเองเก่ง เอาแต่ยืนเกาะโพเดียมอบรมคนอื่น



กรูรู้ว่ามรึงเจ็บ...5555
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:


#141176 ระเบิดกลางกรุงสนั่นเมืองขนาดนี้ ไอ้เอ๋อต้องรับผิดชอบอะไรบ้างมั๊ยครับ?

โดย Somebody on 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 04:57

"คนโง่" ในทางโลก แยกได้สองประเภท คือ

1.โง่ ในทุกเรื่อง
คนโง่ในทุกเรื่องในความหมาย คือคนที่ขี้เกียจไม่เอาการเอางานและความรู้ ไม่พัฒนาตนเองให้ดีขึ้นตามวัยตามฐานะ
แล้วโทษผู้อื่นหรือตนเองเกินควรเป็นนิสัย ทั้งกระทำและพูดขาดความยั้งคิด ก่อความเสียหายกับตนเองและผู้อื่นอยู่เนื่องๆ

2.โง่ ในบางเรื่องบางโอกาส
คนโง่ในบางเรื่อง ในความหมาย คือ ไม่เข้าใจหรือทำไม่ถูกต้องในบางเรื่อง อาจจะเป็นเรื่องการเรื่องงาน หรือไม่ถูกกาละเทสะ
ดังนั้นทุกคนก็มีโอกาสที่จะพลาดได้ถ้าขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบ

3. โง่เพราะรัก
คนโง่เพราะรัก ในความหมายคือ มีความเชื่่อที่ว่า คนที่ตนรัก คนที่ตนชอบ ไม่เคยทำอะไรผิดในสายตาเลย
แต่กลับโทษบุคคลอื่นที่ตนไม่ได้รู้สึกรักหรือชอบ คนโง่ประเภทนี้ มักแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือเหตุและอะไรคือผล


แต่คนโง่บางคนแถวนี้ โง่ทั้ง 3 ข้อ แถมโง่แล้วโง่อีก

หน้าแหกมาแล้วทีนึง ก็ยังหน้าด้านออกมาโชว์โง่ให้คนอื่นเขาสมเพชตัวเอง
คนประเภทนี้ จิตอาจจะไม่ปกติ หรือมีวิญญาณร้ายซ่อนอยู่ ดังนั้นจึงต้องรีบเชิญ คุณริว จิตสัมผัส มาด่วน -_-


#126803 === กระทู้สลิปเงินเดือน

โดย tonythebest on 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 12:05

พญาราชสีห์ ไม่จำเป็นต้องโต้ตอบกับพวกแมงหวี่หรอกครับ




อย่างน้อย พะยาราดชะสี (แดง) ตัวนี้ ก็ไม่ขี้ขลาด ก็ไม่ใจเท่า....มด
ตั้งกระทู้แล้วหาย ปั่นกระทู้แล้วจร โดนแบนแล้วคอยเปลี่ยนล็อคอินครับ
อยากให้สมาชิกแดงเก่าแก่บางตนพึงสดัป

อย่ามีอยู่เพียงเพื่อให้รู้ว่าเป็นแดงต้องกระจอกเท่านั้น
อย่ามีอยู่ เพื่อคอยสร้างความรำคาญ
อย่าโชว์อุดมการณ์พร่ำเพรื่อ ทั้งที่เมื่อไปไม่เป็น ก็แถดแถออกไปทุกครั้ง
อย่างน้อย ก็หัดทำตัวเป็นคนสู้เพื่อความคิดของตัวเอง
อย่างคุณพะยาราดชะสี (แดง) ไจดี ก็ยังดี

ผมขอชื่นชมคุณใจดีครับ
ด้วยใจจริง

และขอถ่มถุยกากแดงเก่าแก่บางตนในบอร์ดครับ


#122831 === กระทู้สลิปเงินเดือน

โดย joecth2003 on 31 มกราคม พ.ศ. 2555 - 12:14

ใจดี ทำไมทำแบบนี้ หมดศรัทธา เลยนะท่าน

Posted Image

Posted Image

นี่ Save มาดูใน Win7 เท่านั้นเองนะ


แต่งเรื่องแต่งราวเป็นตุเป็นตะ หลอกให้ผมนึกว่าเป็นคนจริงที่ไหนได้

ถ่ายรูปแต่เมื่อวานแล้ว แต่มาบอก HR เรียกไปรับซอง รับ สลิป


#77046 ...amplrpoor ที่รัก ช่วยอ่านและวิจารณ์นี่หน่อย หนักกว่าผมนะ...

โดย amplepoor on 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554 - 10:26

ผมยืนยันว่าผมจะมาเสรีไทยบ่อยๆ !
มาคราวหน้า อย่าลืมเอาแหล่งอ้างอิงเรื่องควักลูกตามาด้วยนะ เด็กโง่

คุณไม่ได้อะไรจากที่นี่ แต่ที่นี่ได้ความขบขันจากคุณจนหัวเราะไปได้ 200 ปี
ขอบคุณ ขอบคุณนะ ขอบคุณ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ


ทีนี้ผมจะสรุปให้คนโง่ๆ หน้าหนาๆ จิตใจต่ำๆ อย่างคุณฟัง ว่าได้โชว์อะไรไปบ้าง
อ้อ ถ้าคุณจะเอาไปใช้ในหนังสืองานศพของคุณ ผมก็ไม่รังเกียจนะ
มันเป็นประวัติศาสตร์ส่วนบุคคลที่น่าสนใจอย่างยิ่งทีเดียว

1 ชั่ว
คุณเอาความเท็จเรื่องโคเปอร์นิคุสถูกควักลูกตา มาแปะที่นี่
เพียงเพราะจะอวดเท่ เอาเรื่องวิชาการสูงๆ มาหลอกด่าสมาชิก...นี่คือเจตนาอันชั่วช้า

2 ตอแแหล
ที่นี่ช่วยกันค้นคว้าจนสรุปได้ว่า คุณตอแหลแต่งเรื่องนี้ขึ้นเอง
ที่จริง คุณก็แค่เอาข้อความต้นทางมาลงไว้ก็จบ
คนเราหลงผิดกันได้ คุณยังหลงทักสินหลงอีปูได้เลย
แต่คุณไม่กล้าเอาแหล่งอ้างอิงเรื่องนี้มาแสดง นี่สะท้อนว่าคุณเป็นคนเชื่อไม่ได้

3 ตะแบง
คุณอ้างว่าประวัติศาสตร์นั้น ต่างคนต่างเล่า อาจจะไม่ตรงกัน
ข้อนี้ถูกต้อง แต่เรื่องนี้คุณเกิดไม่ทัน คุณก็ต้องเอาเอกสารอ้างอิงมาแสดง
นี่เป็นระเบียบวิธีธรรมดา แม้แต่เกมส์โชว์ เขายังมีการค้นคว้า อ้างอิงเลย

4 แถ
คุณบอกว่า ที่อื่นเล่าเรื่องนี้ไว้โหดกว่าที่คุณเล่าอีก ให้ผมไปวิจารณ์ด้วย
เรื่องจริงคือ ที่อื่นบอกว่าแขวนคอ คุณบอกว่าควักลูกตา.....ใครโหดกว่ากัน
แล้วทำไมผมจะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผมล่ะ

5 เสี้ยม
คุณอยากให้พวกเรา มีเรื่องกับพี่น้องมุสลิม
พยายามเสี้ยมด้วยการยกข้อมูลในนั้นมาให้พวกเราวิจารณ์
สมาชิกฝ่ายอิสลามของเรา รู้ทัน....เลยวิจารณ์ให้อย่างเหมาะสม

6 สติไม่ดี
คุณถามหาเจ้าของกระทู้ ในกระทู้ที่คุณเองนั่นแหละเป็นคนตั้ง....ฮา
มุกนี้เอาไปเลย 10 กระดองปู
อ้อ แถมอีกสองหัวนมดำผกา เอาไปดูดให้ฉลาด
นมแม่มีประโยชน์นะจ๊ะ

7 เลอะ
คุณสติเลอะเลือน จนแยกไม่ออกว่า
ผมกำลังวิจารณ์ข้อความที่ผิดพลาดในเว็บ ม. สงขลา หรือวิจารณ์คุณ

8 เพี้ยน
คุณยังแสดงความเพี้ยนว่า โคเปอรนิคุสถูกควักลูกตาเพราะเสนอทฤษฎีโลกกลม
ที่จริงแล้วเขาเสนอทฤษฎี โลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล
ในยุโรปช่วงเวลานั้น เรื่องโลกกลมหรือโลกแบน ไมเป็นประเด็นอีกแล้ว

9 เด็กประถมยังฉลาดกว่า
คุณโง่จนบวกเลขง่ายๆ ผิด บอกว่าเรื่องลงโทษโคเปอรนิคุส เกิดเมื่อ 200 ปีก่อน
ถ้ามีจริงต้องเป็น 400 ปี

10 รู้ไม่จริง
คุณไม่รู้ว่าโคเปอร์นิคุส ไม่ได้ถูกทรมานเลย แก่ตายตามปกติ


โอย....เหนื่อย นี่ขนาดสรุปอย่างย่อนะ ยังมีอีกแยะมาก
นับเป็นเรื่องชวนหัวที่เศร้าที่สุด
เก็บไว้เล่าให้ลูกหลานฟัง หายาก คนที่ไม่รู้แต่อวดรู้
มีแต่โวหารไม่มีสาระ มีแต่ความเพ้อไม่มีหลักฐาน
สมกับเป็นเทพแห่งบอดแดงจริงๆ





คือบอดแบบเทพๆ งัย


#76006 ...amplrpoor ที่รัก ช่วยอ่านและวิจารณ์นี่หน่อย หนักกว่าผมนะ...

โดย amplepoor on 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554 - 10:32

ที่ผมบอกโคเปอร์นิคัสถูกควักลูกตา แต่เวปนี้บอกถูกแขวนคอ

คุณโง่ เขาโง่....ผมต้องรับผิดขอบด้วยหรือ

เรียกผมว่าคุณพ่อสิ
บางทีผมจะแก้ให้


#49126 ...ที่ดินรัชดา ประสาชาวบ้าน...

โดย bird on 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 10:43

จากประเด็นปัญหา..เรื่องคำพิพากษา ประสาชาวบ้าน
มาจบลงที่ ประเด็นปัญหา มติขององค์คณะผู้พิพากษา...

เท่าที่อ่านมาพอจับใจความได้ว่า จขกท โต้แย้งการลงมติขององค์คณะผู้พิพากษาตามมาตรา 184
ไม่ว่าจะเป็น ประธาน หรือ เจ้าของสำนวน ลงคะแนนเป็นคนสุดท้าย และ ข้อความสุดท้ายของ
มาตรา 184 ที่ว่า
ถ้าปัญหาใด มีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้าย
แก่จำเลยมากกว่า ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า

ขออธิบายอย่างนี้ค่ะ

เริ่มจากการแต่งตั้งองค์คณะผู้พิพากษา ในการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
รัฐธรรมนูญ 2550 ระบุไว้ในมาตรา 219 (วรรค 4) ความว่า
ให้มีแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา โดยองค์คณะผู้พิพากษา
ประกอบด้วย ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาหรือ
ผู้พิพากษาอาวุโสซึ่งเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวนเก้าคน ซึ่งได้รับ
เลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา โดยวิธีลงคะแนนลับ และให้เลือกเป็นรายคดี

และถ้าจะโต้แย้งว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เชื่อถือไม่ได้ ในรัฐธรรมนูญ 2540 ได้บัญญัติไว้ในหมวด
ที่ 8 (ศาล) ส่วนที่ 3 ว่าด้วยศาลยุติธรรม ในมาตรา 272 ความว่า

มาตรา ๒๗๒ ศาลยุติธรรมมีสามชั้น คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา เว้นแต่ที่มีบัญญัติ
ไว้เป็นอย่างอื่นในรัฐธรรมนูญนี้หรือตามกฎหมายอื่นให้มีแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง
การเมืองในศาลฎีกา โดยองค์คณะผู้พิพากษาประกอบด้วยผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่ง
ไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา จำนวนเก้าคน ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยวิธีลง
คะแนนลับ และให้เลือกเป็นรายคดีอำนาจหน้าที่ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง
ทางการเมืองและวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้
ในรัฐธรรมนูญนี้และในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง
ทางการเมือง

ดังนั้น ประเด็นที่ว่า ทำไมต้องมีองค์คณะผู้พิพากษา 9 คงตกไป ไม่น่านำมาเป็นประเด็นโต้แย้ง

หลังจากแต่งตั้งองค์คณะผู้พิพากษาตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว องค์คณะผู้
พิพากษาทั้ง 9 ท่านจะเลือกประธานองค์คณะผู้พิพากษา จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณา
คดี โดยยึดหลักระบบการไต่สวน ภายใต้ พรบ. วิธีพิจารณาคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ประเด็นก็ไม่น่าจะมีปัญหาให้ต้องชีแจงมากกว่านี้

ที่นี้ในประเด็น การพิพากษาและคำวินิจฉัย รัฐธรรมนูญ 2550 ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 278 (วรรคแรก)
ความว่า

การพิพากษาคดีให้ถือเสียงข้างมาก โดยผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนต้องทำความเห็น
ในการวินิจฉัยเป็นหนังสือพร้อมทั้งต้องแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมก่อนการลงมติ

แล้วก็ใน รัฐธรรมนูญ 2540 ก็ได้บัญญัติในประเด็นการพิพากษาไว้ใน มาตรา 311 ความว่า

“การพิพากษาคดีให้ถือเสียงข้างมาก โดยผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนต้องทำ
ความเห็นในการวินิจฉัยคดีเป็นหนังสือพร้อมทั้งต้องแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมก่อนการลงมติ


แปลความว่า ทั้ง 2540 และ 2550 บัญญัติไว้เหมือนกันคือ องค์คณะทั้ง 9 ท่านต้องมีความเห็น
ก่อนการประชุมลงมติ (ประธานองค์คณะ คือ 1 ในองค์คณะผู้พิพากษาเช่นเดียวกัน)

ที่นี้ก็มาถึงประเด็นการลงมติ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 184 ที่ว่า

ในการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ อธิบดีผู้พิพากษา ข้าหลวงยุติธรรม หัวหน้า
ผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออก
ความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็น สุดท้าย

การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก

ถ้าในปัญหาใดมีความ เห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายหรือเกินกว่าสองฝ่ายขึ้นไปจะหาเสียงข้างมากมิได้
ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอม เห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็น
ผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า

คือ การแถลงคำวินิจฉัยส่วนตัวขององค์คณะผู้พิพากษาตามมาตรา 278 ของรัฐธรรมนูญ 2550 หรือ ตาม
มาตรา 311 ของรัฐธรรมนูญ 2540 ไม่ใช่มาลงมติกันสด ๆ วันนั้นเดียวนั้น

แต่เป็นการมาสรุปว่าแต่ละท่านมีคำพิพากษาส่วนตัวว่าแต่ละประเด็นในคำฟ้องผิดหรือไม่ผิด..
ในประโยคที่ว่า

" หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน
ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็น สุดท้าย "

หมายความว่า ในการประชุมเพื่อลงมติ ให้ผู้พิพากษาแต่ละท่านแถลงคำวินิจฉัยที่ละท่าน โดยประเพณี
ส่วนใหญ่จะเริ่มจากผู้พิพากษาทีมีอาวุโสน้อยที่สุด เรียงตามลำดับ ประธานที่ประชุม ถือเป็นตำแหน่ง
ใหญ่ที่สุดในที่ประชุม จึงสมควรแถลงคำวินิจฉัยเป็นท่านสุดท้าย

ตัวอย่างเช่น...ในที่ประชุมของบริษัท ส่วนใหญ่ บรรดาหัวหน้าแผนก ก็จะแสดงความเห็นต่าง ๆ ตาม
ความคิดเห็นของแต่ละคน สุดท้ายเจ้าของบริษัทถึงจะแถลงความเห็น เพราะอะไรรู้มั้ย

เพื่อจะได้ตัดปัญหา ข้อครหาว่า ลงมติเอาใจเจ้านาย ไง ในประเด็นนี้ก็คล้ายกัน ประธานแถลงคำวินิจฉัย
เป็นท่านสุดท้ายเพื่อจะได้ไม่มีข้อกล่าวหาว่า วินิจฉัยเอาใจประธาน รัฐธรรมนูญถึงกำหนดว่าแต่ละท่าน
ต้องมีคำวินิจฉัยเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนการลงมติ เพื่อเป็นหลักฐานการวินิจฉัย ไม่ใช่มาวินิจฉัยในวัน
ประชุมลงมติ

ส่วนที่ว่า หากหาเสียงข้างมากมิได้ ตามหลักจริยธรรมคือ ใช้หลักให้คุณต่อจำเลย ส่วนใหญ่ปัญหาจะ
เกิดในกรณีมีผู้พิพากษาในองค์คณะฯ ลาออก หรือ ถอนตัว ระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งโดยปกติจะไม่มี
การแต่งตั้งใหม่ ก็จะทำให้มีจำนวนองค์คณะเป็นเลขคู่ ที่อาจจะมีคำวินิจฉัยส่วนตัวออกมาเท่า ๆ กัน
ประเด็นนี้ให้ใช้หลักกฎหมายที่เป็นคุณต่อจำเลย...คือ

ถ้าวินิจฉัยว่า...ยกฟ้อง...เท่ากับ มีความผิด....ให้ถือว่ายกฟ้อง แต่ผู้พิพากษาที่มีความเห็นแย้งอาจนำ
สำนวนคำพิพากษารวบเข้าไว้ในสำนวนได้

ถ้าวินิจฉัยว่า...มีความผิด ด้วยเสียงข้างมาก และกำหนดบทลงโทษไว้แตกต่างกัน เช่น

ให้ลงโทษสูงสุด 10 ปี 4 ท่าน และให้ลงโทษ 2 ปี 4 ท่าน ก็จะถือว่า มีความผิดและให้ลงโทษ 2 ปี

ที่นี้ในประเด็นของ ที่ดินพิพาท พิพากษาว่าผิดด้วยเสียงข้างมาก ประเด็นเดียวเท่านั้น คือ มีความผิด
ตาม พรบ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พศ. 2542 มาตรา 100 และ
มีบทกำหนดโทษ ตาม พรบ. มาตรา 122

ถ้ายังไงลองไปหาคำวินิจฉัยส่วนตัวของทั้ง 9 ท่านมาอ่านและวิเคราะห์ดู

หวังว่าข้อมูลข้างต้น จะให้ความกระจ่างได้บ้าง