Jump to content


Ozymandias

Member Since 1 November 11
Offline Last Active 25 November 11 17:28
-----

#49060 ...ที่ดินรัชดา ประสาชาวบ้าน...

Posted by RiDKuN_user on 19 November 2011 - 09:32

”เรียนท่านผู้ดูแลเวป

ท่านลองอธิบาย คำว่า "หาเสียงข้างมากมิได้" คืออะไร ? คือไม่มีเสียงข้างมากใช่หรือไม่ ?

อธิบายคำว่า "ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่า ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า" หมายความว่าอย่างไร ?

พูดกันง่ายๆ แบบชาวบ้านๆ

หลักกฎหมายไทย

ถ้าสิ่งใดยังเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยในคดี
ศาลจะยกประโยชน์ให้จำเลย เพราะผู้พิพากษาท่านก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ท่านดูตามหลักฐานเอกสาร

ถ้าท่านอ่าน มาตรานี้ให้จบ
กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ถ้ามีเสียงเท่ากัน ก็ถือว่าเป็นเหตุแห่งความสงสัย ไม่เป็นเอกฉันท์

ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน (ประธาน) ต้องยอมเห็นคล้อยไปกับผู้พิพากษาที่มีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า..

เพราะยังเป็นข้อสงสัย ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย

ผมมีความเห็นดังนี้ ท่านว่าอย่างไร ?

ปล.ผมไม่ใช่คนรักทักษิณ แต่ผมเห็นใจทักษิณ


ต้องยอมรับว่า ท่านมั่วกฎหมายได้เก่งจริงๆ

หาเสียงข้างมากมิได้ ก็คือ ได้เท่ากันนั่นแหละ
แต่นั่นมันต้องพิจารณาจากเสียงขององค์คณะทั้งหมดหลังจากลงมติแล้ว
ไม่ใช่ไปหักเสียงของเจ้าของสำนวนทิ้งแล้วบอกว่าได้เท่ากัน

คุณพยายามจะแถว่าได้ 4-4 เลยต้องใช้วรรค 2 มาช่วย
ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะเจ้าของสำนวนยังไม่ลงมติ ไอ้ 4-4 นั่นก็ไม่ใช่ผลการลงมติ
ผลการลงมติคือ 5-4

และหลักสำคัญคือ ผู้พิพากษาทุกคน ต้องมีความเห็นของตัวเองนะครับ
ไม่ใช่ประธานไปดูคำตอบของ 8 คน แล้วค่อยกลับบ้านไปเขียนคำวินิจฉัยของตัวเอง
อันนั้นมั่วครับ

การยอมตาม โดยปกติ ผู้พิพากษาส่วนน้อย ก็ยอมตามเสียงส่วนมากอยู่แล้ว
คือก็มีความเห็น มีคำวินิจฉัยส่วนตนเหมือนกัน แต่ว่าก็ยอมตามเสียงส่วนใหญ่
ถึงแม้จะขัดกับคำวินิจฉัยของตัวเองก็ตาม

และการยอมตามในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่า ยอมมีคำวินิจฉัยไปในทางอื่นนะครับ
คำวินิจฉัยส่วนตนยังคงอยู่ทุกคน แต่ว่ายอมให้ทำตามมติของเสียงส่วนใหญ่

แต่ถ้าเท่ากันจริงๆ จึงจะใช้วรรค 2 คือให้ดำเนินการไปในทางที่มีผลเสียน้อยกว่า
และต้องย้ำว่า เท่ากัน จะต้องพิจารณาจากองค์คณะทั้งหมด

ไม่ใช่ลงมติยังไม่เสร็จ ก็ทะลุกลางปล้องอ้างวรรค 2 ขั้นมา ทำไม่ได้ครับ
(ดีนะท่านไม่บอกว่าตอนที่ 1-1 ก็ต้องใช้วรรค 2 แล้ว :D)

และหลักใหญ่คือทุกคนจะเขียนคำวินิจฉัยมาเอง แล้วมาสรุปกันในที่ประชุมครับ
ไม่มีการมาดูของคนอื่นแล้วค่อยไปเขียนของตัวเอง

ส่วนเรื่องเหตุแห่งความสงสัย นั่นเป็นเรื่องของการพิจารณาคดีครับ
ไม่เกี่ยวกับการประชุมเลย :D

และผมอยากขอร้องครับ กฎหมายเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ
การใช้กฎหมายมั่วๆ ไปปลุกปั่นยุงยงคนที่ไม่รู้เรื่อง มันคือการบ่อนทำลายประเทศโดยทางอ้อม
คุณจะด่าใครชั่วช้าเลวทราม หรือไปชุมนุมกี่แสนกี่ล้านคน ถ้าไม่มีใครเดือดร้อนก็ทำไปเถอะผมเฉยๆ
แต่กฎหมายมันเขียนไว้ชัดก็ขอร้องว่าอย่าไปบิดเบือนให้มันเสียไป
โดยอาศัยว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ชัดว่ากฎหมายบัญญัติไว้อย่างไร


#48849 ...ที่ดินรัชดา ประสาชาวบ้าน...

Posted by Ixora on 19 November 2011 - 01:08




อย่างที่คุณ Ixora เขียนมา นั่นแปลตามเนื้อหา ไม่ต้องย้อนหลังมาหน้า ตัด เปลี่ยนข้อความให้เข้าข้างตัวเลยสักนิด

ถามว่า ที่ปลายอ้อฯ เอามาว่า ประธานต้องตัดสินตามเสียงข้างให้ประโยชน์จำเลย เอามาจากไหน? คิดเอาเอง หรือใส่เอาตามใจ?

ภาษานี้ เป็นภาษาเก่า

สมัยก่อน เขาไม่เรียกกันว่า " ประธาน" อย่างที่เรียกๆกันในสมัยนี้

คำว่า "ให้ผู้พิพากษา" ตาม ม.184 ในสมัยนั้น หมายถึงประธาน (เจ้าของสำนวน).ในสมัยนี้
ที่จะออกเสียงเป็นคนสุดท้าย ..พระเจ้า !


"หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน
ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย
ให้ประธานออกความเห็นสุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก"


ก็มาตรา 184 ก็เขียนไว้ตามนี้นี่ครับ


ด้วยความเคารพ

แล้วถ้าไม่มีเสียงข้างมาก ในการวินิจฉัยอรรถคดีนั้น ในเมื่อเสียงเสมอกันอยู่

ประธาน ต้องทำอย่างไร ?


คุณอ่าน แล้วคิด และทำตามลำดับสิครับ เขาเขียนว่า
ให้ออกเสียงทีละคน โดยให้ประธานออกเสียงเป็นคนสุดท้าย (แปลว่าประธานห้ามออกเสียงก่อน)
แล้วจากนั้นจึงให้นับ แล้วยึดเอาเสียงข้างมากที่ได้จากการนับ หลังจากประธานได้ร่วมออกเสียงแล้ว

หรือคุณเข้าใจว่า ให้ประธานออกเสียงเป็นคนสุดท้าย โดยประธานต้องยึดตามเสียงข้างมากเท่านั้น

เขาไม่ได้เขียนว่า
"ให้ประธานออกความเห็นสุดท้าย การวินิจฉัย (ของประธาน) ให้ถือตามเสียงข้างมาก" นะครับ

เขาเขียนว่า
"ให้ประธานออกเสียงเป็นคนสุดท้าย (เสร็จแล้วจึงสรุป) การวินิจฉัย (โดย) ให้ถือตามเสียงข้างมาก"


คุณถามผมว่าถ้าไม่มีเสียงข้างมากในการวินิจฉัย ประธานต้องทำอย่างไร

ผมก็จะตอบคุณว่า ตาม ม.184 หลังจากประธานได้ร่วมออกเสียง (เป็นคนสุดท้าย) แล้ว

หากยังไม่มีเสียงข้างมาก ประธานก็ต้องสรุปมติ แล้วยกประโยชน์ให้จำเลยไงครับ

แต่ย้ำว่า "หลังจากประธานได้ร่วมออกเสียงแล้ว" นะครับ


#46491 ...ที่ดินรัชดา ประสาชาวบ้าน...

Posted by bird on 17 November 2011 - 18:33

ง่าย ๆ สำหรับคำถามที่ว่า...

คืนเงินแล้ว คืนที่แล้ว ทำไมยังมีความผิด...

เพราะความผิดเกิดขึ้นแล้ว...ตั้งแต่วันที่เซ็นต์ยินยอมให้ภรรยาซื้อที่ดิน
ผลที่ตามมา คือสัญญาเป็นโมฆะ ตามคำพิพากษา คู่กรณีจึงต้องคืนเงิน คืนที่

แต่ไม่ได้ส่งผลว่า..การทำนิติกรรมไม่ได้เกิดขึ้น...จึงมีความผิด
คนที่อ้างแบบนี้ เค้าเรียกว่า ไม่มีอะไรจะแถ..

อย่างเช่น...

โจรปล้นเงินธนาคาร...จับได้ คืนเงินทั้งหมด...ยังติดคุก เพราะ ปล้นไปแล้ว แต่ไปไม่รอด

สั้น ๆ ง่าย ๆ...กรรมเกิดขึ้นแล้ว..โทษจึงมี


#46481 ...ที่ดินรัชดา ประสาชาวบ้าน...

Posted by halfmoon on 17 November 2011 - 18:26

ส่วนเรื่อง คืนที่ คินตังค์ กันไปแล้ว ทำไมยังต้องรับผิด อันนี้รอผู้รู้กฏหมายมาตอบละกันคับ ผมไม่แม่นจำแต่ละมาตราไม่ได้ครับ

ส่วนตัว ผมก็เป็นชาวบ้านคนหนึ่ง ที่ไม่รู้เรื่องกฏหมายเท่าไหร่ แต่ถ้าอยากรู้อะไร อย่างในคดีนี้ ผมจะศึกษากฏหมายที่เกี่ยวกับคดี และหาเหตุผลประกอบครับ ไม่ได้คิดเองเออเองว่า คงไม่ผิด อย่างในคดีนี้ การคืนที่ คืนเงิน เกิดจากการตัดสินไปแล้วว่า ผิดจริง ไม่ได้เหมือนคดีที่โจทย์ยอมความนี่ครับ


เหมือนขโมยไก่ชาวบ้าน พอเขาจับได้ เขาก็ต้องเอาไก่เขาคืน และให้ไก่เขาคืนแล้วใช่ว่าตัวเองจะพ้นผิด ความผิดมันอยู่ที่พฤติกรรมการลักขโมยไก่ มันไม่ได้อยู่ที่การครอบครองไก่อย่างเดียว ขณะนี้แม้ว่าหัวขโมยจะขอร้องให้ผู้ใหญ่บ้านยกโทษให้ คือขอให้ตนเองพ้นโทษ แม้ผู้ใหญ่บ้านจะยกโทษให้และให้ชาวบ้านยอมรับการยกโทษให้ครั้งนี้ หัวขโมยก็เป็นเพียงผู้พ้นโทษ แต่ก็ไม่ใช่ผู้พ้นผิด คือความผิดยังติดตัวอยู่ เพราะไปลักขโมยไก่เขามาจริงๆ


#46405 ...ที่ดินรัชดา ประสาชาวบ้าน...

Posted by bird on 17 November 2011 - 17:49

ถามแบบชาวบ้าน...ก็ขอตอบแบบชาวบ้าน

ทุก ๆ วิชาชีพต้องมีจรรยาบรรณ ถูกต้องมั้ย หมอก็ต้องมีจรรยาบรรณของหมอ วิศวกรก็ต้องมีจรรยาบรรณของวิศวกร
จรรยาบรรณก็คือสิ่งที่ควรปฏิบัติ...นอกจากนี้ก็ยังมีข้อบังคับ เปรียบเทียบกับโรงงาน พนักงานทุกคนก็ต้องปฏิบัต
ตามกฎระเบียบข้อบังคับของแต่ละโรงงาน ถูกต้องมั้ย...

ข้าราชการก็มีข้อบังคับ จรรยาบรรณ และกฎหมายเหมือนกัน ในที่นี่ก็คือ กฎหมาย ปปช (มาตราอะไรค่อยว่ากัน)
กล่าวโดยรวมก็คือ ห้ามข้าราชการและคู่สมรสกระทำนิติกรรมกับหน่วยงานของรัฐที่ตนเองเกี่ยวข้องหรืออาจมี
ผลประโยชน์ (ย่อ ๆ ประมาณนี้)

หมายความว่า...ข้าราชการและคู่สมรสจะทำนิติกรรมใด ๆ กับหน่วยงานของรัฐที่อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ได้

ยกตัวอย่างเช่น...สามีอยู่ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้าง ภรรยาจะเป็นผู้ยื่นซองประมูลไม่ได้ ง่าย ๆ ประมาณนี้
ถ้าจะแย้งว่า..นี่เป็นการซื้อที่ดิน แสดงว่า เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจะซื้อที่ดินไม่ได้...อันนี้ไม่ใช่
การทำสัญญาซื้อขายที่ดิน มีประมวลรัษฎากรของกรมสรรพากรรองรับเรื่องจากชำระภาษีอยู่ และการซื้อขายที่ดิน
เป็นการซื้อขายระหว่างบุคคลกับบุคคล หรือ บุคคลกับนิติบุคคล รัฐมีหน้าที่เพียงรับรองการซื้อขายและดูแลเรื่อง
กรรมสิทธิ์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการฟ้องร้องและอ้างสิทธิ์ทับซ้อน

ที่นี่กรณี..ทักษิณ กับ ภรรยา...

ทักษิณ เป็นนายก ถือเป็นข้าราชการ จึงมีหน้าที่ต้องปฎิบัติตามกฎหมาย ห้ามกระทำนิติกรรมใด ๆ
และการทำนิติกรรมครั้งนี้ เป็นการทำสัญญาระหว่างบุคคล คือคุณหญิง กับกองทุนฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ
ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลโดยตรง...ผิดมั้ย..ผิดกฎหมายแน่นอน

อีกประเด็น ง่าย ๆ ประสาชาวบ้าน

ถ้าในหมู่บ้านของคุณ...มีคนหนึ่งประกาศขายที่ดิน แล้วมีผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าสัว พ่อเลื้ยง อาเสีย บอกว่า
" ที่ดิน แปลงนี้ อั้วจะซื้อ เมียอั้วจะซื้อ...ถามว่า จะมีชาวบ้านคนในหาญกล้าไปแข่งบารมีว่า..

ไม่ได้...ผมก็จะซื้อ ผมให้ราคาสูงกว่า..." ร้อยทั้งร้อย ไม่มีเด็ดขาด

ทั้งนั้น..ผลที่ตามมาคือ ราคาที่ผู้ขายจะได้รับ ก็อาจจะไม่ใช่ราคาขายที่ถูกต้องนัก ก็ต้องแล้วแต่ว่า
ผู้ซือจะพอใจที่เท่าไหร่...ที่ไม่น่าเกลียดจนเกินไปนัก

สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า...การซื้อขายครั้งนี้ มันไม่ควรเกิดขึ้น ตั้งแต่ต้น และที่สำคัญ วันที่โอนกรรมสิทธิ์
ก็เป็นวันที่ตามประเพณีคือ วันหยุดราชการ และ เป็นวันสุดท้าย ในกรณีลดหย่อนภาษีโอนกรรมสิทธิ์
อะไร ๆ มันถึงได้ยุ่งเหยิง..มาจนทุกวันนี้

หากวันนั้น..ท่านมีกุนซือที่ฉลาดกว่า..ท่านอาจจะไม่ต้องพบวิบากกรรมเช่นนี้ก็ได้
ช่องโหว่มันมีอยู่ตั้งหลายช่องทาง แต่ท่านเลือกช่องทางที่อันตราย เพราะคิดว่า กุมอำนาจไว้หมดแล้ว

ส่งท้าย...

ถ้าจะว่ากันด้วยภาษากฎหมาย...วันเสาร์ค่อยว่ากัน...วันนี้กะพรุ่งนี้ มีภาระกิจต้องปฏิบัติ


#34795 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 9 November 2011 - 01:13

ป่วย...
(เป็นโรคหัวใจ Posted Image )




Posted Image


#34555 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 8 November 2011 - 21:35

กูไม่ใช่!!
(เจอคู่นี้ที่พันธุ์ทิพย์ประตูน้ำ นึกแล้วขำทุกทีครับ สาวน้อยเธอหัวไวมากกก)

Posted Image

.....................................................

วิธีแก้พิษงูกรีมแมมบ้า...โดยหมอแม่มบ้า
งูกรีนแมมบ้า vs หมอเร้ดแม่มบ้า....ไอ้บ้า


Posted Image

.....................................................

งูจังอีโป้..
พบมากในเขตมีนบุรี หนองจอก ลาด...พร้าว
ทำรังตามเรือ...ดำน้ำ
หรือกอหญ้า...แพรก
ฤดูวางไข่คือเดือนพฤศจิกา...คม
มีพิษทำลายประสาทคนได้ถึง 15.7ล้านคน..ทุกภาคส่วน


Posted Image


#34892 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 9 November 2011 - 03:22

ถุงทุกใบ ของทุกอย่าง ..ต้องแปะชื่อพวกตูก่อนเอาออกไปนะเฟ๊ย!!!




Posted Image