Jump to content


Can Thai

Member Since 3 January 12
Offline Last Active 3 March 13 07:19
-----

#589011 ผู้รับเหมาก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ ออกมาแสดงความรับผิดชอบแล้ว

Posted by Can Thai on 5 February 2013 - 07:09

แทนที่มันจะไปตามเงินจำนำข้าว ดันมาทำเรื่องใส่ร้ายชาวบ้าน


#588970 เอแบคโพลจะหนาไปได้อีกซักเท่าไหร่ ผลงานเก่าของคนทำโพลมันตบหน้าตัวเอง

Posted by Can Thai on 5 February 2013 - 02:51

579832_127223044119142_1498394116_n.jpg

ไม่อายเหรอ ผลโพลให้หม่อมปลื้มได้ที่ 2 แต่ผลออกมาแซมทิ้งห่างหม่อมปลื้มเป็นลี้

ไปเอาตัวเลขพวกนี้มาจากไหน

http://chaoprayanews.../#comment-66348


#588969 เอแบคโพลจะหนาไปได้อีกซักเท่าไหร่ ผลงานเก่าของคนทำโพลมันตบหน้าตัวเอง

Posted by Can Thai on 5 February 2013 - 02:45

เอแบคโพลยังแถ…โพลผมแม่น แต่ผลงานเก่ามันฟ้องว่าโหลยโท่ยจะให้คนเชื่อได้ยังไง?

โพล โพล โพล สารพัดโพลเลือกตั้งที่กำลังทำออกมาชนิดถี่ยิบ จากอย่างน้อย 3 สำนัก

ก็ต้องยอมรับว่ามีการนำโพลไปขยายผลในทางชักจูงใจประชาชนในสื่อต่างๆ ตามแต่ว่าเลือกข้างไหน

จนกระทั่งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.รายเล็กรายน้อยเข้าร้องเรียนต่อ กกต.ให้สั่งห้ามทำโพลในทันที แต่กกต.ก็ตอบว่า ตามกฎหมายเลือกตั้งห้ามทำโพลหรือประกาศผลโพลในสัปดาห์สุดท้ายเท่านั้น ก่อนสัปดาห์สุดท้ายไม่มีกฎหมายห้าม การทำโพลนั้นต้องมีหลักฐานอ้างอิงตามหลักวิชา หากทำโพลที่ไม่มีหลักวิชาอ้างอิง กกต.อาจพิจารณาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้เหมือนกัน จึงได้แค่ตัดเตือนผู้ทำโพลผ่านสื่อเท่านั้น…

หลังจากโดนวิพากาษ์วิจารณ์ในทางเสียหาย ล่าสุด คนทำเอแบคโพลได้ออกบทความชี้แจง ตอบโต้ และให้เหตุผลถึงการทำโพล แต่ก็ไม่วายโดนสื่อขี้ข้าพลิกลิ้น พาดหัวข่าวเชิงเยาะเย้ย อ่านแล้วเข้าใจได้ว่า…โพลเค้าแม่นนะ.. เช่น…

คำสารภาพ”คนทำโพล” อย่าเชื่อ (ครับ) แต่ขอโทษคำทำนาย ไม่ค่อยพลาด !!! ( คลิก)

พอเข้าไปอ่านบทสรุปของคนทำเอแบคโพลก็บอกว่า อย่าไปยึดมั่นถือมั่นในโพล ให้ใช้วิจารณญาณในการเลือกตั้ง

เอ…รู้แบบนี้ น่าจะเขียนคำเตือนคนอ่านโพลไว้ที่สลากโฆษณามั๊ยว่า….โพลไม่ใช่เรื่องจริง เป็นแค่การสุ่มตัวอย่าง อย่าเชื่อโพล หากโพลผิด ผู้ทำโพลไม่ขอรับผิดชอบ

บอกกันไปตรงๆ เลยดีมั๊ยจะได้ไม่เหมือน “หมอดูคอมพิวพิวเตอร์” ดังที่สำนักวิจัยของทางราชการเคยได้รับฉายา

บอกไปเลยผลโพลไม่ใช่หวยล็อค ไบ้หวยให้คิดเล่น ๆ หวยไม่ออกไม่ขอรับผิดชอบ…

สำนักโพลทั้งหลายคงไม่เคยสำรวจตลาดเลยกระมังว่า ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ล้วนมี “การพนัน” มาเกี่ยวข้อง วงการต่อรองก็ล้วนมาจากผลโพลทั้งหลายเหล่านี้…

ไม่ลองสำรวจดูละครับว่า มีการใช้โพลไปเป็นข้อมูลต่อรองหรือไม่?

แต่ก็นั่นแหละ ในขณะที่เสียงก้องสะท้อนไปถึงคนทำโพลหนักเข้า สวนดุสิตโพลได้ทำผลสำรวจความเชื่อของประชาชนต่อโพลเลือกตั้ง ออกมาเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2556 ( สัปดาห์ที่ผ่านมา ) ก่อนหน้าที่เอแบคโพลจะแก้ตัวด้วยบทความวันนี้ ผลโพลของสวนดุสิตที่เป็นลักษณะตรวจสอบส่งกระจกตัวเองปรากฎว่า “คนไม่เชื่อโพล” ดังนี้

ประชาชนร้อยละ 35.89 เชื่อว่าไม่มีผล เพราะผลที่ออกมาไม่น่าเชื่อถือ

สวนดุสิตโพล เปิดเผยประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 39 รู้สึกเฉย ๆ กับโพลสำนักต่าง ๆ ที่เผยแพร่ผลการสำรวจการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา โดยร้อยละ 47 เห็นว่าพอเชื่อบ้าง และร้อยละ 35 คิดว่าไม่มีผลต่อการตัดสินใจ

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในหัวข้อ คนกรุงเทพฯ คิดอย่างไร กับโพล โดยในส่วนของคนกรุงเทพฯ คิดอย่างไร กรณีที่โพลสำนักต่าง ๆ เผยแพร่ผลการสำรวจ “การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม” ณ ตอนนี้ พบว่า…

ประชาชน ร้อยละ 39.51 รู้สึกเฉย ๆ และมองเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีการเลือกตั้งจะมีผลโพลของสำนักต่าง ๆ ออกมาเสมอ
ประชาชนร้อยละ 22.13 มองว่าควรมีวิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลต่างๆ อย่าให้โพลมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ และ
ประชาชนร้อยละ 13.88 รู้สึกสงสัย แปลกใจกับผลโพลที่ออกมาไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และไม่เหมือนกัน

ส่วนข้อถามที่ว่า ท่านเชื่อ “ผลโพล” หรือไม่ นั้น
ประชาชนร้อยละ 47.86 มองว่าพอเชื่อบ้าง เพราะดูจากความน่าเชื่อถือของแต่ละสถาบัน โพลเป็นที่รู้จักในสังคมมากขึ้น นำมาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้บ้าง
ประชาชนร้อยละ 20.40 ประชาชนไม่ค่อยเชื่อ เพราะบ่อยครั้งผลที่ออกมาไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ค้านกับความรู้สึก เป็นเพียงกระแสช่วงหนึ่ง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ และ ประชาชนร้อยละ 18.52 ไม่เชื่อ เพราะผลที่ออกมาไม่แม่นยำ ผิดพลาดบ่อย เป็นการชี้นำ เป็นโพลรับจ้าง

สำหรับผลสำรวจที่ว่า “ผลโพล” มีผลต่อการตัดสินใจเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มากน้อยเพียงใด พบว่า
ประชาชนร้อยละ 35.89 เชื่อว่าไม่มีผล เพราะผลที่ออกมาไม่น่าเชื่อถือ ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะเลือกใคร เชื่อความรู้สึกของตัวเองมากกว่าผลโพล
ประชาชนร้อยละ 29.60 มองว่าค่อนข้างมีผล เพราะบ่อยครั้งที่ผลโพลถูกหยิบยกขึ้นมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และ
ประชาชนร้อยละ 24.69 ไม่ค่อยมีผล เพราะไม่ค่อยได้ติดตามผลโพล การตัดสินใจเลือกผู้สมัครจะดูที่นโยบาย คุณสมบัติ และผลงานมากกว่า ……

ที่จริงเอแบคโพลน่าจะนำผลโพลของสวนดุสิตที่สอบถามความเห็นประชาชนเกี่ยวกับการทำโพลไปอ่านบ้างนะครับ
จะได้ไม่ยึดติดหลักวิชากูเป็นใหญ่แต่ถ่ายเดียว เพราะไม่มีใครสามารถตรวจสอบวิธีวิจัยของคนทำโพลได้ ด้วยความไม่ค่อยนับถือโพล…
โดยเฉพาะโพลการเมืองไทย…จริงๆ นะ

แคน ไทเมือง

http://chaoprayanews.../#comment-66348


#584494 พระเอกลิเกมาร์คยังแอ็ค ทำท่าเกี้ยเซี้ยคางคก เก็บฉากได้แล้ว ลิเกเลิก

Posted by Can Thai on 31 January 2013 - 13:07

กรณีรังสิมา รอดรัสมี ไม่เคยให้บทเรียนพรรคการเมืองนี้แม้แต่น้อย


#584429 พระเอกลิเกมาร์คยังแอ็ค ทำท่าเกี้ยเซี้ยคางคก เก็บฉากได้แล้ว ลิเกเลิก

Posted by Can Thai on 31 January 2013 - 12:24

ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีในวันนั้น จะโดนกล่าวหา ใส่ความมั๊ยครับ

คิดผิดก็คิดใหม่ซะ ยังมีเวลาได้เสียงคนสนับสนุนไปถึงผู้ว่าฯ

ถ้ายังกั๊กๆ ก็คงได้ลงไปอยู่ในอุโมงค์ยักษ์พร้อมผู้ว่าฯกทม.


#584383 พระเอกลิเกมาร์คยังแอ็ค ทำท่าเกี้ยเซี้ยคางคก เก็บฉากได้แล้ว ลิเกเลิก

Posted by Can Thai on 31 January 2013 - 11:42

ค่าตัวไอ้ตู่กับไอ้เต้น คนละ 300 ล้านบาท

ก็บอกแล้วงานนี้ไม่ใช่หมิ่นประยอมความกันได้

แต่การหมิ่นประมาทนี้ ทำให้นายกรัฐมนตรีถูกเกลียดชัง จนถึงขนาดมีคนจะฆ่านายกรัฐมนตรี

เรื่องแบบนี้ต้องดูให้ดีๆ มันคาบเกี่ยวทั้งเรื่องส่วนตัวและนายกรัฐมนตรี

ถ้าหากนายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้นจะโดนหมิ่นประมาทเพื่อยุยงให้คนโค่นล้มรัฐบาลหรือไม่?

ความเสียหายนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติโดยแท้

ถ้ามองเรื่องน้เป็นเรื่องส่วนตัว ก็ไม่ควรมาบริหารประเทศที่ต้องรักษาความสงบในบ้านเมือง

ไปสอนหนังสือเถอะ เลิกเล่นการเมืองไปเลย


#584364 พระเอกลิเกมาร์คยังแอ็ค ทำท่าเกี้ยเซี้ยคางคก เก็บฉากได้แล้ว ลิเกเลิก

Posted by Can Thai on 31 January 2013 - 11:27

หมิ่นขนาดปลุกปั่นคนให้ไปฆ่านายกรัฐมนตรี...ถ้ายอมความก็หมา ขี้ขลาดตาขาว

หมิ่นว่าเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือด หวังให้คนเกลียดชังโค่นล้มรัฐบาลไม่ยอมเลิกม้อบ

ถ้ายอมก็ไม่ควรเป็นนักการเมืองเพื่อบริหารประเทศ เลิกเล่นลิเกได้แล้วครับ


#584353 พระเอกลิเกมาร์คยังแอ็ค ทำท่าเกี้ยเซี้ยคางคก เก็บฉากได้แล้ว ลิเกเลิก

Posted by Can Thai on 31 January 2013 - 11:19

คดีไอ้ตู่ ไม่ใช่คดีหมิ่นกันธรรมดา

แต่เป้นการหมิ่นประมาทเพื่อโค่นล้มรัฐบาล

ถ้าคิดว่าเป็นการหมิ่นส่วนตัว ก็ควรเลิกเล่นการเมือง


#584325 พระเอกลิเกมาร์คยังแอ็ค ทำท่าเกี้ยเซี้ยคางคก เก็บฉากได้แล้ว ลิเกเลิก

Posted by Can Thai on 31 January 2013 - 10:53

8 มีนาศาลไกล่เกลี่ย ถ้าอภิสิทธิ์ยอมความกับจตุพร ก็จะเห็นตอนจบของพรรคประชาธิปัตย์

http://chaoprayanews...กล่เกลี่ย-ถ้าอ/


#584321 พระเอกลิเกมาร์คยังแอ็ค ทำท่าเกี้ยเซี้ยคางคก เก็บฉากได้แล้ว ลิเกเลิก

Posted by Can Thai on 31 January 2013 - 10:49

กรณีคางคกจะขอถอนคำพูดหลังพูดจาปราศรัยหมิ่นมาร์ค เมื่อเช้าพระเอกมาร์คยังทำเท่ บอกว่าต้องเคารพศาล ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิ์ของตัวเอง

ถ้ายังกั๊กๆ จะเกี้ยเซี้ยคางคก ก็เลิกหนุนได้เลยครับ ประเทศนี้ไม่ต้องการพระเอกใจงาม

แต่ต้องการคนเด็ดขาดมาเป็นนักการเมือง

ไม่สนับสนุนพวกเก่งแต่ปากครับ เลิกเชียร์ได้แล้ว


#584180 ถ้าพี่มาร์ค ยอมความให้ ตุ๊ดตู่ ต่อไปจะไม่เลือก ปชป อีกแล้ว

Posted by Can Thai on 31 January 2013 - 04:42

ประเทศนี้ไม่ต้องการพระเอก


#583829 เสียงจาก "สิงห์สนามหลวง" คุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี กรณีการตัดสินคดีสมยศ

Posted by Can Thai on 30 January 2013 - 19:52

บรรณาธิการคือปืน ข้อเขียนคือกระสุน หากไปยิงคนตาย-เสียหาย ย่อมต้องรับผิดชอบร่วมกัน
http://chaoprayanews...รคือปืน-ข้อเขี/


#581670 เขมรละเมิดเอ็มโอยู43 มีกระต๊อบข้างวัดแก้วฯ กองทัพฉีกหน้า'รบ.ปู' ป้อนข...

Posted by Can Thai on 28 January 2013 - 00:43

อีกที...อ่านไม่เข้าใจตรงไหนบอกมาที

MOU (เอ็มโอยู) คืออะไร

MOU (Memorandum of Understanding - MOU) เป็นบันทึกความเข้าใจ ซึ่งเป็น “agreement to negotiate” (การตกลงว่าจะเจรจากัน) มิใช่ “agreement to agree” (การตกลงว่าจะตกลงกัน) โดยอาจกำหนดพื้นฐานทางกฎหมายที่ผู้ทำบันทึกทั้งสองฝ่ายเข้าใจร่วมกันในการดำเนินความสัมพันธ์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ก่อนเข้าแข่งขันกีฬาจะต้องมีการตกลงกันเสียก่อนว่า กติกาของการแข่งขันคืออะไร ซึ่งเมื่อตกลงกติกากันได้แล้วจะมีการแข่งขันกันจริงหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งกติกาพื้นฐานนี้จะกำหนดขึ้นเพื่อใช้ระหว่างการแข่งขัน หรือสำหรับก่อนและ/หรือหลังการแข่งขันด้วยก็ได้ เช่น กติกาในการเลือกวัน เวลา และสนามแข่ง วิธีการส่ง
ผู้เข้าแข่งขัน อุปกรณ์ที่ใช้แข่งขัน เป็นต้น

สำหรับ MOU ที่เป็นความตกลงระหว่างประเทศนั้น คือ การที่ประเทศสองประเทศตกลงกันในเรื่องความเข้าใจพื้นฐาน หรือกติกาพื้นฐานของการเจรจาหรือการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันให้เข้าใจตรงกัน ก่อนที่จะมีการเข้าเจรจาหรือมีปฏิสัมพันธ์กันจริง ๆ เพื่อให้การเจรจาหรือปฏิสัมพันธ์นั้น ๆ ตั้งอยู่บนพื้นฐานหรือกติกาที่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันแล้ว

กรณี MOU 2543 เป็น บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Kingdom of Cambodia on the Survey and Demarcation of Land Boundary) กำหนดพื้นฐานทางกฎหมายว่า การเจรจาเขตแดนไทย - กัมพูชานั้น จะใช้เอกสารใดในการเจรจา แต่นั่นมิได้หมายความว่า อีกฝ่ายยอมรับว่าเอกสารดังกล่าวผูกพันตนเองแล้ว
แต่อย่างใด

ความเป็นมาของ MOU 2543

ประมาณปี 2537 หลังจากที่ประเทศกัมพูชาสามารถจัดการปัญหาการเมืองภายในและมีการจัดตั้งรัฐบาล รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้เริ่มเจรจาปัญหาเขตแดนอีกครั้ง เหตุผลหลักที่ประเทศไทยต้องการเจรจาปัญหาเขตแดนกับกัมพูชา คือ

1. หลังจากศาลโลกพิพากษาในปี 2505 ประเด็นปัญหาเรื่องเขตแดนไทย - กัมพูชา ถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 30 ปี

2. เหตุการณ์สู้รบระหว่างทหารไทยกับลาว บริเวณบ้านร่มเกล้าชายแดนจังหวัดพิษณุโลก ทำให้รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาเขตแดนและนำไปสู่ความจำเป็นในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน

3. รัฐบาลมีนโยบายไม่ให้เรื่องเขตแดนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของกฎหมายและเรื่องทางเทคนิค

4. รัฐบาลตระหนักถึงความจำเป็นที่จะใช้กฎหมายระหว่างประเทศในการเจรจาเขตแดน

ดังนั้น เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2540 พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและกัมพูชาได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมเพื่อจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมจัดทำหลักเขตแดนสำหรับเขตแดนทางบก (Joint Statement on the Establishment of the Thai - Cambodian Joint Commission on the Demarcation for Land Boundary) ต่อมาในการประชุม คณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ 1 (30 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2542) ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ ขึ้นและเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543 ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ ของทั้งสองฝ่าย คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร รัฐมนตรี
ช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายวาร์ กิม ฮง ที่ปรึกษารัฐบาลผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ได้ลงนามใน MOU 2543 โดย MOU 2543 ข้อ 1 กำหนดว่า

“[ไทยและกัมพูชา] จะร่วมกันดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาให้เป็นไปตามเอกสารต่อไปนี้

(ก) อนุสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทแห่งสนธิสัญญาฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม รัตนโกสินทรศก 112 (ค.ศ.1893) ว่าด้วยดินแดนกับข้อตกลงอื่น ๆ ฉบับลงนาม ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก 122 (ค.ศ. 1904)

(ข) สนธิสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ฉบับลงนาม ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 มีนาคม รัตนโกสินทรศก 125 (ค.ศ. 1907) กับพิธีสารว่าด้วยการปักปันเขตแดน แนบท้ายสนธิสัญญา ฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม รัตนโกสินทรศก 125 (ค.ศ. 1907) และ

(ค) แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีนซึ่งจัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส”

ทั้งนี้ MOU 2543 ไม่ใช่การกำหนดเขตแดนแต่เป็น MOU ที่ 2 ฝ่ายตกลงกันเกี่ยวกับขั้นตอนการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน

การที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 เป็นแผนที่ของคณะกรรมการปักปันฯ การอ้างอิงเอกสารดังกล่าว ก็ไม่ได้แสดงว่า ไทย“ยอมรับ” แผนที่หรือเส้นที่ปรากฏในแผนที่เป็นเส้นเขตแดน หากจะถือว่าไทยยอมรับในลักษณะนี้ ก็ต้องถือว่ากัมพูชายอมรับสันปันน้ำตามที่ระบุในอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ในข้อ 1 (ก) และ (ข) ของ MOU 2543 ด้วย ดังนั้น จะต้องมีการเจรจากันต่อไป จนกว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ข้อยุติร่วมกัน

4.2.1 ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000
ที่มาของ “แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000”

สนธิสัญญากำหนดเขตแดนไทย - กัมพูชา มี 2 ฉบับ ได้แก่ อนุสัญญาสยาม - ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญาสยาม - ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 สนธิสัญญาทั้งสองฉบับระบุให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการผสมสยาม - ฝรั่งเศสเพื่อปักปันเขตแดน เพื่อดำเนินการสำรวจภูมิประเทศจริง และได้มีการจัดทำแผนที่แสดงเส้นเขตแดน โดยมีการจัดทำแผนที่ 2 ชุด ได้แก่ แผนที่ชุด Bernard5 (ตามอนุสัญญาฯ ค.ศ. 1904 มี 11 ระวาง) และแผนที่ชุด Montguers (ตามสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 มี 5 ระวาง) ซึ่งทั้งหมดเป็นแผนที่จัดทำในมาตราส่วน 1 : 200,000 ดังนั้น เมื่อกล่าวถึง “แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000” จึงหมายรวมถึงแผนที่หลายฉบับ (มิได้หมายถึงแผนที่ระวางดงรักฉบับเดียว) ซึ่งครอบคลุมเขตแดนไทย - ลาว และไทย - กัมพูชา ปัจจุบันทั้งหมด

“แผนที่ระวางดงรัก” ซึ่งเป็นแผนที่ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดและแสดงเขตแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเพียง 1 ในแผนที่จำนวน 11 ระวางของแผนที่ชุด Bernard (ปัจจุบันเหลือใช้เพียง 8 ระวาง เนื่องจากเส้นเขตแดน ค.ศ. 1904 ตามแผนที่ชุด Bernard จำนวน 3 ระวาง ถูกยกเลิกโดยเส้นเขตแดนใหม่ตามสนธิสัญญา ค.ศ. 1907)

แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ระวางดงรัก กับคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ปี 2505

ในคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ศาลฯ ระบุว่า จะไม่ตัดสินว่า เส้นเขตแดนไทย - กัมพูชา บริเวณปราสาทพระวิหารเป็นไปตามแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ระวางดงรัก (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “แผนที่ดงรัก”) หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ศาลฯ จำเป็นต้องทราบว่า เส้นเขตแดนไทย -กัมพูชา อยู่ที่ใดในบริเวณปราสาทพระวิหาร เพื่อใช้เป็นเหตุผลที่จะตัดสินว่า ปราสาทพระวิหารอยู่ภายใต้อธิปไตยของประเทศใด6

ลักษณะของคำพิพากษาของศาลฯ แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่

(1) ส่วนเหตุผล (reasoning) ซึ่งในหลักการ ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายและ (2) ส่วนบทปฏิบัติการ (operative paragraph) ซึ่งมีผลผูกพันคู่กรณี

ในส่วนเหตุผล ศาลฯ อ้างเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า ไทยได้ยอมรับแผนที่ดงรัก ดังต่อไปนี้

(1) ฝ่ายไทยได้ดำเนินการเผยแพร่แผนที่ดงรักอย่างกว้างขวางภายหลังที่ได้รับมาจากฝรั่งเศส และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงขอแผนที่เพิ่มเติมด้วย

(2) ไทยไม่เคยคัดค้านเส้นเขตแดนบนแผนที่ดงรักจนถึง ค.ศ.1958 แม้ว่าจะมีโอกาสหลายครั้ง เช่น การทำงานของคณะกรรมการถอดอักษรสยาม - ฝรั่งเศส ค.ศ. 1909 การสำรวจภูมิประเทศของกรมแผนที่ทหาร ค.ศ. 1934 และต่อมาได้ผลิตแผนที่ที่แสดงเส้นเขตแดนไปตามแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 การเจรจาสนธิสัญญาทางไมตรีพาณิชย์ และการเดินเรือ ค.ศ. 1925 และ ค.ศ. 1937 และระหว่างการประชุมหารือของคณะกรรมการประนอมฝรั่งเศส - ไทย ค.ศ. 1947

ในส่วนบทปฏิบัติการ ศาลฯ ระบุว่า ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยกัมพูชา โดยไม่ได้ตัดสินเกี่ยวกับเส้นเขตแดน หรือสถานะของแผนที่ระวางดงรัก

แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 กับแผนที่ L7017/L7018

ประเด็นว่า เมื่อนำแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 มาทาบลงบนแผนที่ L7017/L7018 แล้วจะพบว่า เส้นเขตแดนตามแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ทำให้ไทยเสียดินแดนเป็นจำนวนมากนั้น มีข้ออธิบาย ดังนี้

1) แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 และแผนที่ L7017/L7018 เป็นแผนที่ที่มีวิธีการจัดทำ (Projection) แตกต่างกัน จึงมีลักษณะแตกต่างกัน

2) L7017/L7018 จัดทำโดยใช้พื้นผิวของรูปทรงกระบอก (Mercator Projection) ซึ่งจะแสดงระยะทางที่ถูกต้อง แต่ขนาดของภูมิประเทศจะคลาดเคลื่อน ในขณะที่แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ซึ่งจัดทำโดยใช้ Sinusoidal Projection (ลักษณะคล้ายหัวหอม) จะแสดงขนาดภูมิประเทศถูกต้อง แต่ระยะทางคลาดเคลื่อน

3) เนื่องด้วยคุณสมบัติที่แตกต่างกันของแผนที่ทั้ง 2 ชุด จึงไม่สามารถนำแผนที่มาทาบกันได้ เพราะขนาดและรูปทรงของภูมิประเทศและเส้นเขตแดนจะแตกต่างกันมาก

4.2.2 การละเมิดข้อตกลงของกัมพูชาและการประท้วงของไทย

MOU 2543 ข้อ 5 กำหนดว่า “เพื่ออำนวยความสะดวกให้การสำรวจตลอดแนวเขตแดนทางบกร่วมกัน เป็นไปอย่างประสิทธิผลหน่วยงานของรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเหล่านั้น จะงดเว้นการดำเนินการใด ๆ ที่มีผล เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน เว้นแต่จะเป็นการดำเนินการของคณะอนุกรรมาธิการ
เทคนิคร่วม เพื่อประโยชน์ในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน”

อย่างไรก็ดี นับแต่มีการจัดทำ MOU 2543 ฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดMOU 2543 ข้อ 5 โดยก่อสร้างรุกล้ำเขตแดนไทยในบางพื้นที่ รวมทั้งก่อสร้างวัด ถนน ตลาด และให้มีประชาชนกัมพูชาอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงปราสาทพระวิหาร นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังได้ดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ ในบริเวณพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย ฝ่ายไทยจึงได้ดำเนินการประท้วงต่อเรื่องดังกล่าว

ในทางปฏิบัติของไทย การประท้วงจะเริ่มจากหน่วยงานในท้องถิ่น อาทิ หน่วยงานประสานงานชายแดนประจำพื้นที่ และหากหน่วยบังคับบัญชาเห็นว่าควรมีการประท้วงในระดับรัฐบาลก็จะมีหนังสือแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการต่อไป ในขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศก็ได้รับแจ้งเรื่องจากหน่วยงานระดับท้องถิ่นเพื่อติดตามสถานการณ์ด้วย


#580879 เขมรละเมิดเอ็มโอยู43 มีกระต๊อบข้างวัดแก้วฯ กองทัพฉีกหน้า'รบ.ปู' ป้อนข...

Posted by Can Thai on 27 January 2013 - 04:41

"ประยุทธ์"ตีแสกหน้า "ติ๊งเหล่"ทนายหน้าหอนักโทษชายทักษิณ ยันเอ็มโอยู43 ไม่ได้เป็นการยอมรับเส้นเขตแดนหรือแผนที่ 1:200000

กร้าวทหารพร้อมรบ หากเสียพื้นที่ 4.6ตร.กม. ลั่นแผ่นดินส่วนที่เป็นของไทยต้องรักษาไว้ให้ได้ คาดหวังศาลโลกจะไม่ตัดสินให้ไทยเสียพื้นที่ทับซ้อน

http://thaiinsider.i...21361--mou43-46

กลุ่มที่ตะแบงเรื่อง MOU 43 ว่าไทยจะเสียดินแดน ก็ควรเข้าใจให้ตรงกัน ผบ.ทบ.ยันชัดๆ เรื่อง MOU ไม่ใช่เรื่องยอมรับแผนที่ 1 : 200,000

รู้แนวคิดกองทัพแล้วก็หยุดตะแบงได้แล้วนะครับ

มันน่าเบื่อ


#578906 ช่วยส่งหลักฐานให้หัวล้านโฆษกเขมร เรื่องทักษิณลงทุนน้ำมันในเขมรหน่อยครับ

Posted by Can Thai on 25 January 2013 - 00:04

สายล่อฟ้ารับคำท้าโฆษกเขมร งัดข่าวกรุงเทพธุรกิจ พิชิตทักษิณ-เตียบันทำธุรกิจน้ำมัน
http://www.oknation....3/01/24/entry-3