เหอ เหอ เหอ มันเป็นเรื่องการเมืองอย่างที่ว่ากันนั่นแหละครับ แต่ถ้าเราแยกให้ชัดว่า
เป็นเรื่องการเมืองระว่างใครกับใครบ้าง ก็อาจมองภาพที่ผู้เกี่ยวข้องในเรื่องเขาคิดได้บ้าง
ว่าที่เขาพูด หรือเขาทำไปนั้น เพราะเขาคิดอย่างไร
การเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชา อันนี้แน่นอน เพราะเรามีปัญหาพิพาทเรื่องเขตแดนกันมา
นานแล้ว ก่อนมี MOU43 อีก และปัญหามันมาหนักขึ้นในยุคอภิสิทธิ์ เพราะคนในประเทศ
เราเองสองกลุ่ม คือ
กลุ่มของทักษิณ ที่ฮุนเซ็นตั้งให้เป็นที่ปรึกษา จนรัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องแขวน MOU 44 ที่
ทักษิณไปทำข้อตกลงเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางทะเลไว้ ซึ่งแน่นอนว่า ฮุนเซ็นและทักษิณ
ย่อมไม่พอใจแน่
อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มสนธิกับไชยวัฒน์ที่ออกมาประท้วงเรื่อง MOU 43 นี่แหละ เรื่องนี้ฮุนเซ็น
ก็ไม่พอใจอภิสิทธิ์ เพราะมองว่าอภิสิทธิ์คือผู้สนับสนุนให้สนธิออกมาประท้วงเรื่องเขาพระวิหาร
เหมือนไม่มีความจริงใจที่จะเจรจา
เจอเข้าไปสองเรื่องนี่ ฮุนเซ็น ถึงกับแสดงออกแบบไร้มารยาทระหว่างประเทศต่อไทยหลายครั้ง
เช่นมาประชุมในประเทศไทย ก็มาต่อว่าอภิสิทธิ์ฉอด ๆ อยู่ในประเทศตนเองก็กล่าวหาอภิสิทธิ์
ในทางลบหลายครั้ง แต่มันน่าแปลกที่ กลุ่มสนธิและไชยวัฒน์ ยังบอกว่าอภิสิทธิ์และฮุนเซ็นมี
ผลประโยชน์ร่วมกัน อภิสิทธิ์ยกแผ่นดินให้เขมร ไม่รู้คิดได้ยังไง
การเมืองในประเทศเขมรเอง ตรงนี้เราต้องมองเหมือนกัน อย่าไปมองเหมือนเขมรเป็นบ้านป่า
เมืองเถื่อน คนในเขมรเขาก็จับตาดูฮุนเซ็นเหมือนกัน ว่าจะทำอย่างไรไม่ว่ากรณีเขตแดน และ
กรณีคนไทยที่ถูกจับ 7 คน เพราะฉะนั้น ฮุนเซ็นเอง ก็ไม่ใช่จะทำอะไรได้ตามใจชอบ การจับ
การปล่อยมันก็ต้องมีการอ้างอิงกฎหมาย ไม่ใช่เอาตัวเองเป็นใหญ่ได้ เพราะฉะนั้น การเจรจาแล้ว
ปล่อยเลย คนกัมพูชาจะคิดอย่างไร โดยเฉพาะการเมืองซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับฮุนเซ็น การเจรจา
แล้วขึ้นขึ้นศาลจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะอ้างการปล่อยตัวตามคำสั่งศาลที่ให้รอลงอาญา
ส่วนการที่ถูกรอลงอาญาเพียง 5 คนนั้น ก็เพราะแนวทางการต่อสู้และการถูกตั้งข้อหามันต่างกัน วีระ
ราตรีนั้น โดนตั้งข้อหาหนักกว่า 5 คน และแนวทางการต่อสู้คดีก็เน้นไปในเรื่องว่าพื้นที่ที่ถูกจับเป็น
ดินแดนไทย เขมรไม่มีสิทธิมาจับ แล้วมันจะไปเหลือเหรอ เขมรมันจะยอมรับเหรอ มันควรต้องเอาตัว
ให้รอดออกมาก่อน 5 คนที่ถูกปล่อยตัว ผมเดาว่า เขาอาจต่อสู้ในลักษณะที่ว่าไม่รู้ว่าเป็นพื้นที่ใคร
มากกว่า แต่ไม่ใช่เป็นการยอมรับว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของกัมพูชา และก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะบอกว่า
พนิชถูกปล่อยตัวเพราะไปยอมรับว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของกัมพูชา เพราะขึ้นศาลพร้อมกัน แล้วอีก 4 คน
ออกมาได้ยังไงล่ะ ถ้ายอมรับมันก็ต้องยอมรับเหมือนกันหมด คนที่กล่าวหาทำไมไม่ไปถามอีก 4 คน
ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับตนเองล่ะ
การเมืองในประเทศไทยเอง อันนี้น่าจะเห็นชัดเจน ทั้งพรรคการเมืองทั้งกลุ่มการเมืองต่างหยิบประเด็น
เขาพระวิหาร และเรื่อง 7 คนไทย มาโจมตีรัฐบาลยุคนั้นตลอดจนถึงปัจจุบัน และหลาย ๆ เรื่อง เราก็เห็น ๆ
กันอยู่ว่าเป็นการบิดเบือนเพื่อใส่ร้ายป้ายสี อย่างที่น้า ผึ้ง ยกมาเป็นคำถามนั่นแหละ แถมในส่วนของพรรค
การเมืองที่เป็นรัฐบาลปัจจุบันก็ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรขอให้ได้พูดแบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นไว้ก่อน
เท่านั้น เช่น กรณีไปทำตัวเป็นโฆษกให้ฮุนเซ็น กรณีพยายามพูดว่าถ้าคดีเขาพระวิหารแพ้ต้องยอมรับ และ
ให้ไปถาม ปชป ว่าไปทำอะไรไว้ให้กัมพูชาไปฟ้องศาลโลก
ล่าสุด ผมเห็นหมอเหวง ไปเสนอให้รัฐบาลคุยกับกัมพูชาขอให้ถอนคดีเขาพระวิหาร โดยบอกว่าตอนนี้
รัฐบาลมีความสัมพันธ์อันดีกับกัมพูชา ไม่ได้ดำเนินนโยบายก้าวร้าว แบบ ปชป ฟังแล้วมันตลก เพราะขณะที่
หมอเหวงพูดว่า ปชป ดำเนินนโยบายก้าวร้าว แต่กลุ่มของสนธิและไชยวัฒน์ กลับบอกว่า ปชป ขี้ขลาดกลัวเขมร
ผมว่าถ้าเรามองให้มันกว้างมากขึ้นอาจเห็นได้บ้างว่า พรรคไหน กลุ่มไหน เขาต้องการอะไร หรือโกหก
บิดเบือนในเรื่องเหล่านี้ มันเป็นการทำเพื่อชาติ หรือเพื่อตัวเองกันแน่