aunaun

เกลียดทักษิณ ขึ้นเวทีพันธมิตร สงสารเสื้อแดงที่เป็นเหยื่อ

รักสถาบันกษัตริย์ แต่สถาบันต้องถูกวิจารณ์ได้ เพื่อให้สถาบันปรับตัวเข้ากับยุคสมัย

ผมถามข้อมูลหน่อยครับ

ทหารใน 3 จว ที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ

เขาได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐไหมครับ

มีหลักการในการจ่ายเป็นรูปธรรมไหมครับ

แล้วผู้เสียชีวิตไม่ว่าจะเป็นพุทธหรือมุสลิมได้อะไรไหม

 

คือผมกำลังสงสัยว่า

รัฐบาลจ่าย 7.75 ล้าน ให้ตากใบ

4 ล้านให้กรือเซะ 

ด้วยเหตุผลว่าถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐ

แล้วคนที่ได้ผลกระทบจากฝ่ายก่อการร้าย เขาได้อะไรไหม

ผมว่าจัดฉาก และคนที่จัดฉากน่าจะเป็น BRN หรือ RKK เพื่อกดดันรัฐบาลน้องสาว

ทำไมมาตั้งกระทู้เรื่องสารหนูล่ะครับ

ผมจำได้ว่ามีคนโพสต์เรื่องอเมริกาสั่งกักข้าวไทยเพราะสารตะกั่วนะครับ

1. เอาเรื่องอิสลามก่อนนะครับ

ศาสนาอิสลามมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญก่อนที่จะเข้าสู่ยุคก่อการร้าย นั่นคือ

การปฏิวัติอิสลามที่อิหร่านในทศวรรษ 1970

คือเป็นการใช้ศาสนาอิสลามต่อสู้กับระบบชาห์ หรือก็คือสมบูรณาญาสิทธิราขย์

ผลคือฝ่ายศาสนาของประชาชนเป็นฝ่ายชนะ เมื่อโคไมนีขึ้นสู่อำนาจ

ก็เริ่มปฏิรูปศาสนาให้กลับไปสู่อิสลามแบบบริสุทธิ์ คือยึดตามคัมภีร์

และขณะเดียวกันก็ต่อต้านสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นฝ่ายหนุนหลังระบบชาห์

 

การแผ่ขยายอำนาจของสหรัฐอเมริกาเข้ามาในภูมิภาคตะวันออกกลางและอื่นๆ

ทำให้เกิดแนวร่วมในกลุ่มประเทศอิสลาม เกิดการปฏิรูปศาสนากันทั่วโลก

ในภูมิภาคของเราเองก็มีมาเลเซียและอินโดนีเซีย

และต่อมาอิทธิพลนี้ก็เริ่มขยายเข้ามาสู่สามจังหวัดชายแดนใต้

ถ้าใครอาศัยอยู่แถวนั้นและอายุสี่สิบปีขึ้นไป

น่าจะพอจำได้ว่า ก่อนนั้นคนมุสลิมในพื้นที่ รวมไปถึงมุสลิมมาเลเซีย

ไม่ได้แต่งตัวอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คือเป็นชุดขาวล้วน

แต่สมัยนั้นที่ยังไม่มีการปฏิรูป คนส่วนใหญ่นุ่งผ้าลายห่มผ้าสีสันต่างๆได้ตามใจชอบ

 

ทีนี้ปัญหาของอิสลามแบบ fundamentalist ก็คือมันมาพร้อมกับความรุนแรงกับผู้ต่อต้านการปฏิวัติ

ใครที่ขัดขวางการปฏิวัติ ก็คือคนที่ทำลายอิสลาม

การกำจัดคนที่ทำลายอิสลาม ก็คือจิฮาด

 

2. ไม่ได้มีแต่อิสลามที่ก่อการร้าย

เหตุการณ์ที่ชาวพุทธในพม่าฆ่าคนมุสลิม โดยมีพระเป็นคน propaganda ผมถือเป็นก่อการร้ายเหมือนกัน

ข้อสรุปของผมคือ การก่อการร้ายทางศาสนามักมาพร้อมกับกลุ่ม fundamentalist

พูดตรงๆนะครับ มอญเขามีประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างเศร้า

คือเป็นมหาอำนาจทางวัฒนธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทุกประเทศบนแผ่นดินใหญ่ปัจจุบันใช้วัฒนธรรมที่มีรากมาจากมอญเหมือนกันหมด

แต่ตัวมอญเองกลับไม่มีประเทศจะอยู่ 

ทีนี้เพราะเขาเป็นมหาอำนาจทางวัฒนธรรม เขาจึงมีเรื่องเล่าเยอะ

มีทั้งจริงไม่จริงเอามาปะติดปะต่อกัน

เรื่องหนึ่งที่ผมเคยได้ยินเอง คือเขาบอกว่า รัชกาลที่ 1 มีเชื้อมอญอยู่ครึ่งหนึ่ง

อันนี้ก็ไม่มีหลักฐาน เรารู้แต่ว่า รัชกาลที่ 4 เป็นลูกเสี้ยวมอญ

 

และเพื่อความเป็นธรรม พม่าเองก็ลอกพงศาวดารมอญเหมือนกัน

เรื่องที่พระภิกษุมอญอัญเชิญพระเกศาของพระพุทธเจ้ากลับมาเมืองมอญ

และประดิษฐานในเจดีย์ต่างๆ

พอพม่ายึดมอญได้ ก็เปลี่ยนเนื้อเรื่องเป็นพระพม่าเฉยเลย

กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปในปัจจุบัน

 

เสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง

 

ฉะนั้น 70 คนก็เสียงส่วนใหญ่

 

 

(แต่จริง ๆ ตอนนี้มันทะลุไปร้อยกว่าแร้วนะ)

 

 

กะไอ้คนได้แค่ 1,128 จากคนเป็นล้าน

 

 

หุบปากไปซะ !

 

 

 

 

 

ยังเพ้อเจ้อไม่หายนะครับ

70 คนเขาเรียกกฎหมู่ หรือหมาหมู่

ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ที่ไม่มาลงมติส่งเดชครับผม

 

 

มีผู้สิทธิ์ออกเสียงหมื่นคน

มีการเปิดให้ใช้สิทธิ์โดยเสรี

มีผู้มาใช้สิทธิ์ 100 คน

เสียงส่วนใหญ่ของผู้มาใช้สิทธิ์เห็นด้วยที่จะ....

 

เป็นหมาหมู่ยังไงเหรอ

 

 

เสียงที่บันทึกได้ ต้องอ้างจากจุดที่คนบันทึกทำการบันทึก

ปืนจะมีกี่กระบอกก็ตาม เสียงมันต้องวิ่งไปหาคนบันทึกคนเดียวกัน (กรณีนี้มีสองคน)

ไม่เกี่ยวอะไรกับคนตาย 2 คน ห่างกัน 2 เมตร

 

แล้วผมก็ไม่ได้ "จะให้เป็นกระบอกเดียวกัน"

เพราะผมคิดว่ากระสุนทั้งสองนัดไม่น่าจะมาจากกระบอกเดียวกัน อันนี้เป็นความเห็น

ผมยังคงเห็นว่า peak ที่ใช้กันมี error สูงมากจากเครื่องบันทึกเสียงคุณภาพต่ำ

ไม่สมควรนำมาคำนวนในระดับ millisecond

 

ถาม เล่น ถ้ามี คนยิง 3 คน

 

คนที่1  ห่างจาก กล้องA  ....เมคร  ห่างจากกล้องฺB....เมคร -------- และ คนที่ 1 อยู่ หน้า  หรือ หลัง กล้องA

คนที่2  ห่างจาก กล้องA  ....เมคร  ห่างจากกล้องB....เมคร -------- และ คนที่ 2 อยู่ หน้า  หรือ หลัง กล้องA

คนที่3  ห่างจาก กล้องA  ....เมคร  ห่างจากกล้องB....เมคร -------- และ คนที่ 3 อยู่ หน้า  หรือ หลัง กล้องA

 

 

 

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ADC ที่เราวัด  ซี่งสัญญาณ ที่วัดก็ลักษณะ กระโดด-ไป-มา- อย่างนี้เหมือนกัน ซึ่งเป็นปกติของการวัด

 

.

 

.

 

 

.

.

 

แล้วมันเชื่อถือได้เหรอ

คุณบอกได้เหรอว่าปืนมีกี่กระบอก อยู่ห่างจากเครื่องบันทึกแต่ละอันเท่าไหร่

คุณบอกได้เหรอว่าเครื่องบันทึกเสียงมีค่าความน่าเชื่อถือเท่าไหร่

ขนาดเขาทำการทดลองเขายังต้องทำให้ระบบปิด ไม่ให้มีเสียงรบกวน

นี่คุณเอาคลิปมือถือ (ผมเดาเอานะ) มาคำนวนเป็น millisecond เนี่ยนะ

 

 

ใช้คลิป ที่ไม่มีการปรับแต่ง 9 นัด คิดได้ 2 แบบ
----------------------------------------------------------------------------------------
1. เอาแบบ อ้างอิง ระยะห่าง ของคลิป
-ไม่ใช้-  การบอก ว่า ยิงที่ละ 1 นัด  ยิงที่ละ 2 นัด ยิงที่ละ 3 นัด มาจำแนก

แบบหยาบ จาก 9 นัด ได้เป็น 2 กลุ่ม( 2 กระบอก)

1 กลุ่มที่ อยู่ช่วง 100 mS
2.กลุ่มที่ อยู่ช่วง 150-200 mS --จงใจฆ่า--
---------------------------------------------------------------------------------------

2. เอาแบบ อ้างอิง ระยะห่าง ของคลิป
-ใช้-  การบอก ว่า ยิงที่ละ 1 นัด  ยิงที่ละ 2 นัด ยิงที่ละ 3 นัด มาจำแนก

จะได้ จาก 9 นัด ได้เป็น 4 กลุ่ม(4 กระบอก)

1 กลุ่ม อยู่ช่วง 100 mS  ยิงที่ละ 1 นัด
2.กลุ่ม อยู่ช่วง 150-200 mS  ยิงที่ละ 3 นัด
3.กลุ่ม อยู่ช่วง 150-200 mS  ยิงที่ละ 2 นัด
4.กลุ่ม อยู่ช่วง 150-200 mS  ยิงที่ละ 1 นัด
---------------------------------------------------------------------------------------

 

.

 

ขนาดเขาทำการทดลองเขายังต้องทำให้ระบบปิด ไม่ให้มีเสียงรบกวน

 

แต่ งาน(ทดสอบ) ของเรา ต้องมี สิ่งรบกวน สัญญาณมากที่สุด ที่ระบบจะรับได้

และกำจัด(กรอง)สัญญาณรบกวน (ให้เหลือน้อยที่สุด) นั้นอย่างไร

 

 

.

 

สั้นๆครับ เพ้อเจ้อ จินตนาการล้วนๆ

เสียงที่บันทึกได้ ต้องอ้างจากจุดที่คนบันทึกทำการบันทึก

ปืนจะมีกี่กระบอกก็ตาม เสียงมันต้องวิ่งไปหาคนบันทึกคนเดียวกัน (กรณีนี้มีสองคน)

ไม่เกี่ยวอะไรกับคนตาย 2 คน ห่างกัน 2 เมตร

 

แล้วผมก็ไม่ได้ "จะให้เป็นกระบอกเดียวกัน"

เพราะผมคิดว่ากระสุนทั้งสองนัดไม่น่าจะมาจากกระบอกเดียวกัน อันนี้เป็นความเห็น

ผมยังคงเห็นว่า peak ที่ใช้กันมี error สูงมากจากเครื่องบันทึกเสียงคุณภาพต่ำ

ไม่สมควรนำมาคำนวนในระดับ millisecond

 

ถาม เล่น ถ้ามี คนยิง 3 คน

 

คนที่1  ห่างจาก กล้องA  ....เมคร  ห่างจากกล้องฺB....เมคร -------- และ คนที่ 1 อยู่ หน้า  หรือ หลัง กล้องA

คนที่2  ห่างจาก กล้องA  ....เมคร  ห่างจากกล้องB....เมคร -------- และ คนที่ 2 อยู่ หน้า  หรือ หลัง กล้องA

คนที่3  ห่างจาก กล้องA  ....เมคร  ห่างจากกล้องB....เมคร -------- และ คนที่ 3 อยู่ หน้า  หรือ หลัง กล้องA

 

 

 

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ADC ที่เราวัด  ซี่งสัญญาณ ที่วัดก็ลักษณะ กระโดด-ไป-มา- อย่างนี้เหมือนกัน ซึ่งเป็นปกติของการวัด

 

.

 

.

 

 

.

.

 

แล้วมันเชื่อถือได้เหรอ

คุณบอกได้เหรอว่าปืนมีกี่กระบอก อยู่ห่างจากเครื่องบันทึกแต่ละอันเท่าไหร่

คุณบอกได้เหรอว่าเครื่องบันทึกเสียงมีค่าความน่าเชื่อถือเท่าไหร่

ขนาดเขาทำการทดลองเขายังต้องทำให้ระบบปิด ไม่ให้มีเสียงรบกวน

นี่คุณเอาคลิปมือถือ (ผมเดาเอานะ) มาคำนวนเป็น millisecond เนี่ยนะ

อันนี้ผมอ่านแล้วโมโหนะ รับผิดชอบกับคำพูดของตัวเองด้วย

 

เบื่อจัง

คนระบุกระสุนสองนัดก็คือคุณ
จู่ๆจะมาให้ผมตอบ
แล้วบอกว่าผมจินตนาการ
ก็แหงสิ ถึงได้ตัดออกไง!!!!!!
ตลกดี ยัดคำพูดใส่คนอื่น แล้วมาว่าอื่น
แต่ตัวเอง ไม่ระบุอะไรที่มีนัยยะสำคัญ

 

 

 

 

ถ้ามีเสียงดังครั้งเดียว
ผมคิดว่ามีสองคนยิงครับ

อีกอย่าง ถ้าใครระบุ "ตัว" คนยิงได้ เชิญเสนอครับ ตามแนวทางคุณเลย เชิญ

ลืมอีกนิด ผมถามคุณเคนยังไม่ตอบผมเลย ว่าคิดอย่างไรกับการที่สาคูตัดกระสุนที่ขาซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการวิเคราะห์ออก ทั้งๆที่รู้อยู่แก้ใจว่าคุณวสันต์ถูกยิง 2 นัด โดยให้เหตุผลแค่เพราะไม่ใช่นัดที่ทำให้เสียชีวิต

ทำไมถึง ignore คำถามผมล่ะครับ ผมอยากรู้ความคิดเห็นของคนเสื้อแดงกับกรณีนี้น่ะครับ ผมจะได้รู้ว่าผมควรจะอธิบายให้คนเสื้อแดงเข้าใจหรือไม่?

ผมยังไม่ให้ความสำคัญ ถ้าคุณยังบอกไม่ได้ว่่า มันสำคัญอย่างไร
การตั้งสมมุติฐานชั้นแรก คือดูจุดทำให้เสียชีวิต
ถามว่า จุดที่ไม่ได้ทำให้เสียชีวิตนั้นมีนัยยะแค่ไหนที่จะพลิกข้อสรุปได้?
คุณบอกว่าเห็นเขาก้มลง เหมือนโดนยิงขาก่อน
แล้วไงต่อ?

ขอโทษนะฮะ บางทีก็เจอพวกโง่ๆโควทอะไรยาวๆ แล้ว มองในมือถือจะพลาดไป ผมใช้หน้าจอ 5 นิ้วเอง ^^
ช่วยรณรงค์ คนไม่ประสีประสา งดเข้ามาโควทกันหน่อยก็ดีนะครับ
ถ้าไร้ความคิดอย่างอารยะชน ก็อยู่นิ่งๆกันดีกว่า
ถ้าจะให้ตอบจริงๆ ขอชื่อตัวใหญ่ๆ ฮะ

ทำไมกระสุนที่ขาถึงสำคัญ???
เพราะมันมีกระสุนนั้นอยู่จริง มีคนยิงกระสุนนั้นจริงๆ
และยิงถูกร่างกายของเหยื่อพร้อมๆหรือหลังจากเหยื่อถูกยิงจนสิ้้นสติ
กระสุนนั้นจึงมีที่มา อาจมาจากแหล่งเดียวกันกับอีกนัดหรือไม่ก็ได้
แต่มันย่อมช่วยทำให้เราสามารถหาความกระจ่างของอีกนัดได้ดีขึ้น

ตอนกระทู้กมลเกด สิงห็กับ mmmmm ก็พยายามตัดกระสุนที่ไม่สามารถอธิบายได้ทิ้งไป
เพื่อให้ตรงกับสมมติฐานของตัวเอง ทั้งๆที่กระสุนทั้งหมดนั้นก็อยู่ในตัวเหยื่อในช่วงเวลาพร้อมๆกัน

หลักใหญ่ใจความของกระทู้อยู่ตรงนี้แหละครับ
เห็นบางคนบอกว่า น่าจะเป็นพระโพธิสัตว์มากกว่า 
 
มีพระสงฆ์อยู่รูปนึง สอนธรรมะแบบฮาร์ดคอร์พอสมควร อยู่วัดป่าสามแยก หรือสำนักสงฆ์ป่าสามแยก จะสอนว่าห้ามกราบไหว้พระพุทธรูป จนเป็นข่าวครึกโครมมาแล้ว เพราะพระพุทธรูปไม่ใช่ตัวแทนของพระพุทธเจ้า เป็นเพียงแค่ทองเหลือง โลหะที่ปั้นแต่งขึ้นมาเท่านั้น  สิ่งที่ควรยึดถือคือพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

ตรงนี้ผมขอแย้งเพราะอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย
 
อย่าไปยึดติดว่าพระพุทธรูปเป็นวัตถุ โลหะ ดิน ฯลฯ พระพุทธรูปก็เปรียบเสมือนเครื่องมือในการกระทำความนอบน้อม ไม่มีก็ไม่ถือว่าขาด แต่ถ้ามีก็ถือว่าดีที่จะได้มีเครื่องช่วยในการทำความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย เหมือนกรรมฐานซึ่งมีทั้งใช้น้ำ ดิน วัตถุ สี ฯลฯ เป็นเครื่องมือช่วยในการบริกรรม ตามจริตแต่ละบุคคล

ในตอนเริ่มแรกของพุทธศาสนา ไม่เคยมีใครสร้างพระพุทธรูป
เข้าใจว่าคนสมัยนั้นคงคิดว่ารูปกายของมนุษย์ไม่สามารถแสดงตนของพระพุทธเจ้าได้ (อันนี้คล้ายๆอิสลาม)
จริงๆแล้วพระพุทธรูปเริ่มมีขึ้นประมาณ 400-500 ปี หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน
ก่อนหน้านั้นเขาใช้ภาพต้นโพธิ์เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า
ต่อมาจึงใช้ภาพสถูปแทนพระพุทธเจ้า และธรรมจักรแทนพระธรรม (ทั้งสามอย่างนี้หาดูได้ที่สถูปสาญจี (Sanchi))
นักวิชาการฝรั่งเขาเรียกช่วงที่มีการเริ่มสร้างพระพุทธรูปว่า ลัทธิคลั่งพระพุทธรูป

BABY BUDDHA เป็นพระพุทธรูปที่นิยมสร้างในเนปาล เพราะเชื่อมโยงกับที่ประสูติของพระพุทธเจ้า
แต่ไม่แน่ใจว่าการกำเนิดของปางนี้ เกิดขึ้นมาพร้อมๆกับความเฟื่องฟูของการท่องเที่ยว 4 สังเวชนียสถานหรือเปล่า แต่มีมานานแล้ว
แต่ก็อีกที พุทธศาสนาแถบนั้นไปจนถึงทิเบต เป็นพุทธมหายาน
คือกำเนิดมาจากการประนีประนอมกับฮินดู โดยรับเอาระบบเทพเจ้าเข้าไปผสมรวมกับความเชื่อท้องถิ่นอีกที
จะมาบังคับให้เขาเชื่อแบบเราที่เป็นเถรวาท คงจะลำบาก

(ครั้งหนึ่งสุลักษณ์เคยพูดเรื่องที่ทิเบตใช้ดนตรีประกอบการสวดมนต์ว่าไทยควรจะเอาอย่าง
สงสัยสุลักษณ์จะไม่รู้ว่า การเล่นดนตรีประกอบการสวดมนต์ของพุทธทิเบต
มีกำเนิดมาจากการใช้ดนตรีรักษาโรคและบูชาผีฟ้าแบบดั้งเดิม)

เพราะพ่อแม้วไม่มีข้ออ้างอื่น มาแก้ต่างในคดีที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้
ก็เลยใช้สถาบันมาเป็นข้ออ้างว่าเป็นคนอยู่เบื้องหลัง
ปลุกระดมมวลชน เพื่อนำไปสู่การลบล้างความผิด

ผมคุยกับแดงที่สนิทด้วยสองคน. ได้คำตอบมาไม่เหมือนกัน

1. แดงคนแรก ทำงานขายประกัน
เขาเชื่อว่า Q อยู่เบื้องหลัง พธม. และ การยึดอำนาจ
พอผมขอหลักฐาน กลับเอาคลิปที่ท่าน เสด็จไปงานศพของทหารรายนึงมาให้ดู
ผมถามว่า เกี่ยวอะไร ตรงไหน เขาบอกว่า เพราะงานศพทหารที่เป็นแดง ท่านไม่ได้ไป ท่านเสด็จไปแต่ทหารที่เป็นเหลือง .....

2. แดงคนที่สอง เป็นนักธุรกิจ เขาชื่นชอบทักษิณมาก
พูดจาดีนะ ไม่ใช้อารมณ์ แต่ใช้ความเชื่่อล้วนๆ
เขาเชื่อว่า k อยู่เบื้องหลังและเป็นคนที่สั่งยึดอำนาจ
เอารูปมาให้ผมดู แล้วบอกว่าพระองค์ท่านเรียกทหารเข้าพบ เพื่อบอกให้ปฎิวัติ .......

ทั้งสองคนนี้ คือ คนที่ผมสนิท คุยเรื่องการเมืองได้ เขาก็เลยกล้าพูด
แต่ผมไม่ได้ถามอะไรลึกๆมาก ทนฟังไม่ไหว กลัวตัวเองจะคุมอารมณ์ไม่อยู่

ยังไม่นับแดงออนไลน์ที่เคยคุยด้วยอีกจำนวนนึง
มีเอาเรื่องเพชรซาอุ เรื่องราชวงค์ เรื่องผลประโยชน์. มาโยงมั่วไปหมด
แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่ชัดเจนเลยซักเรื่อง ไม่รู้ว่าพวกเชี่ยนี้เอาแนวคิดนี้มาจากใคร
 
 


ถ้าผู้ดูแลเห็นว่าไม่เหมาะสม ลบได้เลยนะครับ

ผมตอบตรงๆนะครับ
ข้อแรกเกือบจริง เพราะสนธิบอกเองว่าได้ผ้าพันคอสีฟ้ามาจากคนสนิท Q
ข้อสองไม่จริง รูปที่ชอบเอามาอ้างกัน เป็นรูปที่เปรมพาคณะรัฐประหารเข้าเฝ้าหลังทำรัฐประหารแล้ว

ส่วนกรณีน้องฆ่าพี่ ผมฟังมาหลายทางแล้วก็ยังคงมีข้อสงสัยอยู่
และข้อสงสัยที่สำคัญที่สุดของผมคือว่า หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐสภาเป็นผู้กำหนดตัวกษัตริย์
ปรีดีเองเป็นคนเลือกสายสกุลนี้ด้วยซ้ำ คำถามคือถ้าปรีดีรู้ว่า น้องฆ่าพี่
ทำไมปรีดีซึ่งมีอำนาจมากที่สุดหลังสงครามโลก จึงยังเลือกน้อง ในเมื่อยังมีสายอื่นๆให้เลือกอีกมาก

คำถามนี้ผมอยากถามสมศักดิ์ เจียม นะครับ
เพราะทฤษฎีที่สมศักดิ์พยายามตั้งขึ้นมา มันตอบคำถามนี้ไม่ได้เลย
และข้อสงสัยทั้งหมดมันจะกลับไปที่ตัวปรีดีเอง

มาสรุปให้คำผกาฟัง เผื่อจะเข้าใจ unconsciousness ของตัวเองว่า
จริงๆแล้วคำผกากำลังพูดถึงประเด็นศีลธรรม
เพื่อเปรียบเทียบว่าโสเภณียังมีศีลธรรมกว่าฆาตกร
แต่ว่าตัวคำผกาเองเคยกระแนะกระแหนไปจนถึงด่าหยาบๆเกี่ยวกับศีลธรรมมามากแล้ว
อยู่ๆจะมาอ้างถึงก็กระดากปาก กลัวขี้กลากขึ้น เลยดัดจริตใช้คำว่าศักดิ์ศรี
พอผมอ่าน quote นี้ จึงเกิดความเอ็นดูในความไร้เดียงสา
ของคนที่ไม่มีความรู้อะไรเลย แต่เขียนบทความเป็นวรรคเป็นเวรราวกับรู้ทุกอย่าง