บังทอง

จากการสำรวจดู.....แมงสาป.....
ยังตามไม่ทัน...โมเดลเรียกคะแนน.....
จากประชาชน....ในครั้งนี้...ของพรรคเพื่อไทย......
สงสัยได้เป็น...ฝ่ายค้าน...ไปยันยุคน้องหอกเลย...............

ยอมรับว่า มันเป็นโมเดลเรียกคะแนนจริงๆครับ แต่เป็นแบบหลอกลวงมากกว่า คือ นอกจากจะไม่ได้ 300 แล้ว ยังจะตกงานอีก?

เห็นไหมครับ ท่าน สมาชิก พี่ไต๋ผมสุดยอดแค่ไหน "เจ้าของกิจการมีหน้าที่ หาทางทำกำไร"...

ต้นทุนทุกอย่างขึ้นหมด แต่ค่าสินค้าขึ้นไม่ได้ คู่แข่งเยอะ แถมพวกที่ตกงาน ก็หันมาทำกิจการคล้ายๆกัน

ผมจะเอาสติปัญญาท่ีไหนมาคิดวิธีทำกำไรเพิ่มเล่าครับ แค่คิดว่าทำไง วันนี้จะไม่ขาดทุนก็เครียดจะแย่แล้ว

ทำกิจการมันต้องหวังกำไร อยู่แล้ว ไม่ทำการกุศลนะพี่ กำไรหลือวันละ 500 ผมจะเอาอะไรไปต่อทุนครับ

จะเพิ่มจะขยายกิจการมันต้องใช้เงินทุนครับพี่...เดี๋ยวพี่ก็บอกกู้ยืมสิ...มันก็จริงครับ แต่ วงันละ 500 แบ่งกัน

2 คน ค่าน้ำมันวิ่งไปขอกู้ ก็หมดแล้ว....

 

แต่ผมยังยืนยันนะครับว่า พี่ไต๋เป็นไอ้จ้อน เอ๊ย ไแดอล ของผมเสมอ

ให้เค้าไปเถอะ  พี่โฉฯ   หมดตัวก็

 

ปิดกิจการ ( ขอลูกกิน )  สบายดี...

 

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

 

 

คิดง่ายๆ...  จ่ายเพิ่มต่อคน ต่อเดือน 1050 บาท...   ปีนึงก็ ..  2.8 ล้าน...  ถ้าเกลี่ยดีๆ...  อาจใช้ไม่ถึง..  เพราะ พวกที่เกินไปเยอะก็ไม่ต้องให้ถึง 1050 ก็ได้...

ถามว่า บริษัทท่าน ปีที่ฝ่านมามีได้กำไรถึง 3 ล้านหรือป่าว...    ถ้าเกิน...  ก็แค่ กำไรลด แบ่งให้พนักงานอยู่รอดได้...  

 

ปัญหานี้ ผู้ประกอบการที่จ้างด้วยค่าแรงขั้นต่ำเจอทั้งสิ้น...  ไม่ใช่ท่านเจอคนเดียว...  คู่แข่งท่านในธุรกิจเดียวกันก็ด้วย...    

คนที่จะเข้ามาใหม่ก็เต้องเจอเหมือนกัน....  

 

ถ้ามองเป็น อุปสรรคก็ใช่... มองเป็นโอกาสก็ได้...    

 

 

พี่ไต๋ สุดยอดเลยครับ...พูดเหมือนพี่ชายพ่อที่เป็นเสื้อแดงเป๊ะเลย...

กิจการเสริมผมถึงได้เจ๊ง ไงครับ ลุงผมท่านบอกว่า เมริง ก้อเอากำไรน้อยลงสิ กำไรเมริงวันละพัน

เหลือวันละ 500 เมริงก็ยังกำไรอยู่...(สาดแล้ววันที่กรูขาดทุนละคร๊าบ กรูควักลงไปอีกเท่าไหร่)

แล้วตอนนี้ผมปิดร้านแล้ว...ลูกจ้างผม จะไปไหนก็ช่าง สงสารแต่คนที่เค้าเป็รแรงงานที่มีฝีมือแต่อายุมากแล้ว

เจอพวกเกรียน ขอ 300 เซย์กู๊ดบายแล้วครับ

 

พี่ไต๋เป็นสุดยอดคนกลางจริงๆครับ

คิดง่ายๆ...  จ่ายเพิ่มต่อคน ต่อเดือน 1050 บาท...   ปีนึงก็ ..  2.8 ล้าน...  ถ้าเกลี่ยดีๆ...  อาจใช้ไม่ถึง..  เพราะ พวกที่เกินไปเยอะก็ไม่ต้องให้ถึง 1050 ก็ได้...

ถามว่า บริษัทท่าน ปีที่ฝ่านมามีได้กำไรถึง 3 ล้านหรือป่าว...    ถ้าเกิน...  ก็แค่ กำไรลด แบ่งให้พนักงานอยู่รอดได้...  

 

ปัญหานี้ ผู้ประกอบการที่จ้างด้วยค่าแรงขั้นต่ำเจอทั้งสิ้น...  ไม่ใช่ท่านเจอคนเดียว...  คู่แข่งท่านในธุรกิจเดียวกันก็ด้วย...    

คนที่จะเข้ามาใหม่ก็เต้องเจอเหมือนกัน....  

 

ถ้ามองเป็น อุปสรรคก็ใช่... มองเป็นโอกาสก็ได้...    

 

ขออนุญาต เห็นแย้ง กับคุณ hentai นิดหน่อยนะครับ

 

เนื่องจาก สมัยก่อน ตอนผมเข้างาน ใหม่ ๆ เคยได้ยิน เพื่อนร่วมงานนินทาเจ้านายกันมากว่า

 

เป็นคนขี้เหนียว และ ไม่ค่อยขึ้นเงินเดือนให้ใคร ทีแรก ที่ได้ยิน ผมเห็นคล้อย เพราะเห็นว่า เจ้านายค่อนข้างมีเงินมาก

 

แต่มีวันหนึ่ง ผมไปได้ยิน ลูกเจ้านายพูดคำหนึ่ง ซึ่งผมยอมรับ ว่าเป็นเรื่องจริง

 

เขาพูดว่า

 

พนักงาน น่ะถ้าบริษัทมีปัญหา สามารถออกเมื่อไร ก็ได้ แต่นายจ้างสิ ถ้าเกิดขาดทุน เป็นหนี้ ทุกอย่างต้อง เคลียร์เองทั้งหมด

 

แถมยังคุณ hentai อาจจะทราบแล้วว่า หนี้ เงินชดเชย พนักงาน เป็น บุริมสิทธิ (ไม่รู้ใช้คำถูกไหม) คือต้องจ่ายก่อน ตอนชำระบัญชี

 

เจ้าหนี้การค้า ยังมาทีหลัง และหลังสุดคือ ส่วนแบ่งให้ เจ้านายนั่นล่ะครับ

 

ถ้าประสบภาวะนั้นจริง เจ้านาย น่ะน่า เห็นใจที่สุด เพราะไปไหนได้ล่ะครับ ต้องยืนรับสถานการณ์แต่ผู้เดียว

 

แล้วจะไม่ให้เขา เขี้ยวกับเราก่อนได้ยังไงครับ

 

บริษัทจะอยู่ได้หรือไม่ เรามีส่วน แต่บริษัทจะรอด หรือไม่ เราก็มีส่วน ถ้าเรารู้จักเห็นใจเจ้านาย

 

ดั่งคำที่ว่า น้ำเข้าเรือ ต้องช่วยกันวิด นั่นล่ะครับ หากปล่อยเจ้านายวิดคนเดียว มีหวังเรือจม 

 

 

 

เอา "ทักษิณกลับบ้าน" ครับ  

ปัญหาทุกอย่างจะสลายไปดังปาฏิหาริย์  เงินทองจะผุดขึ้นในอากาศมากมายให้อำมาตย์สลิ่มหยิบใช้

หนี้สินประเทศชาติจะหายไปเหมือนไม่เคยมีการกู้มาก่อนเลย

ข้าวดองในโกดังจะลดลงเหมือนผีเสกให้ขายได้เป็นเทน้ำเทท่า

ประชาถ้วนหน้าจะมีงานทำทุกคนแบบตัวเลขว่างงานเป็น 0 (เหนือกว่ามาร์คที่เคยทำตัวเลขว่างงานเป็น 0.75 ด้วย)

รถราที่ติดบรรลัยวายป่วงทุกวันนี้ จะหายติดเองได้ภายใน 6 เดือน

ข้อพิพาทกับเขมรจะตกลงได้ทันทีแบบแบ่งพื้นที่วินๆทั้ง 2 ประเทศ

 

แค่เอาทักษิณกลับบ้าน  ทำไมสลิ่มคิดไม่ได้  ชิส์

ผมคิดไม่ตกมาตั้งแต่เดือน 11 ปีที่แล้ว

 

ว่าถ้ารัฐบาลเอาจริงๆผมจะต้องปรับขึ้นอย่างไร มีผลกระทบไปหมด

 

บริษัทของผมองค์กรเล็กๆ ลูกน้องทั้งหมด 226 คน ตามที่ดูเอกสาร

 

ที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลส่งมาให้พิจารณา เป็นองค์กรที่ไม่มีกำไรมากมายนัก

 

มีพนักงานจำนวนหนึ่งที่ได้ค่าแรงขั้นต่ำ 275 หรือ เดือนละ 7950

 

ตามที่รัฐบาลประกาศครั้งก่อน ครั้งนี้ถ้าปรับให้ 300 หรือ เดือนละ 9000

 

ผมก็มีผลกระทบเป็นโดมิโน เพราะต้องไปปรับให้พนักงานที่เขาเกิน

 

300 หรือ 9000 เพื่อให้ฐานเงินเดือนขยับหนีคนที่มาใหม่

 

รายที่เกิน 300 เพราะเขาอยู่กับผมมานาน การไม่ปรับคนที่เกิน 300 ให้ฐานหนี

 

คนที่มาไล่หลัง จนใกล้กันมาก มันก็ดูใจดำไปอีก

 

ทั้งหมดทั้งสิ้นก็มีรายจ่ายเพิ่ม ยังไม่นับว่านโยบาย 15000 มาเมื่อไร

 

ผมมีปัญหาซ้ำอีกแน่ เพราะที่ผ่านมาผมดูคนที่ความสามารถไม่ดูที่วุฒิการศึกษา

 

ดังนั้นคนจบ ม.3 เขาก็ทำงานออฟฟิศให้ผมได้ ผมก็ให้งานกับเขา

 

แต่ถ้าคนที่จบปริญญามาทำงานในตำแหน่งเดียวกัน แต่เงินเดือนไม่เท่ากัน

 

ผมก็กังวลอีกจะมีความเลื่อมล้ำ ปัญหาหลากหลายมิติ

 

ทำงานกับคนย่อมมีปัญหา สิ่งที่ผมยึดถือ และ ให้กำลังใจคนที่มาร่วมงาน

 

เสมอคือ "ทำดีได้ดี ทำดีมีรางวัล" แต่ระบบการทำงานผมอาจโดน

 

300 หรือ 15000 พ่นพิษใส่เสียแล้ว

 

 

- อยู่ต่างจังหวัด -
งานไอทีครบวงจร

หลายปีก่อน
ลูกน้องที่เป็นเสมียน ขายของหน้าร้าน รับเคลมของ ธุรการ ทำบัญชีทำเอกสาร ทำงาน 10.00-18.00 รับ 150 บาท +อาหารกลางวัน 50 บาท ประกันสังคมในส่วนของลูกน้อง ลูกพี่จ่ายให้
ลูกน้องที่เป็นช่าง ทำงาน 10.00-19.00 รับ 200+อาหารกลางวัน 50 ประกันสังคมในส่วนของลูกน้อง ลูกพี่จ่ายให้
ลูกน้องที่เป็นหัวหน้าช่าง ทำงาน 10.00-19.00 รับ 350+อาหารกลางวัน 50 ประกันสังคมในส่วนของลูกน้อง ลูกพี่จ่ายให้
สรุปสิ้นเดือน อยู่กันแบบร่วมทุกข์ร่วมสุข มีก็กินด้วยกัน ทุกคนพออยู่ได้ มีความสุข ลูกพี่พอมีเงินเหลือผ่อนรถกระบะส่งของ

ปีก่อน
มีแนวโน้มไม่ดี Modern Trade เริ่มยึดหัวหาด งานขายปลีก เริ่มถูกขายของตัดราคา อาศัยว่าลูกค้าบ้านๆ ยังชอบร้านแบบเดิมๆ อยู่
ส่วนลูกน้องขอค่าแรงเพิ่ม (300 บาทยังไม่ประกาศใช้) บอกว่าข้าวของแพง (แมร่งแพงขึ้นจริง ข้าวตามสั่งใกล้ร้านจาก 30 เป็น 35, น้ำมันก็แพงขึ้น ต้องเติมน้ำมันมอเตอร์ไซค์มาทำงานวันๆ แพงขึ้น) เงินไม่ค่อยพอใช้ ยื้อมาได้พักใหญ่ๆ 2-3 เดือน ชักเข้าเนื้อ เลยบอกศาลา ใครมีที่ดีกว่าก็ให้ไปที่ชอบๆ
เสมียนจาก 3 คน เหลือ 1 คน
ช่าง 5 คน ทยอยออกจนเหลือ 1 คน
หัวหน้าช่างยังอยู่

ปีกลาย
ต้นไตรมาสสุดท้าย ปิดร้าน ตัวใครตัวมัน
ลูกพี่ไม่มีหน้าร้าน ใช้บ้านเป็นสำนักงาน ขายปลีกไม่สนใจเพราะกำไรน้อย โดนห้างใหญ่ทุบราคา
ผลักดันหัวหน้าช่างออกไปตั้งทีมรับงานเอง
แล้วก็ใช้บริการจ้างเหมางานจากลูกน้องเก่า
ภาษีก็เสียน้อยลง อันไหนลูกค้าใช้บิลก็ออกบิล อันไหนไม่ใช้ก็ไม่ออก (ตั้งใจ เพราะแมร่งเอาภาษีไปละเลงเรื่องไร้สาระหลายเรื่อง) ประกันสังคมก็ไม่ต้องจ่าย เงินเหลือมากขึ้น ไม่ต้องแบ่งหุ้นส่วน

ความเห็นส่วนตัว:
ปี 56 เอาให้รอดเถอะไอ้นโยบาย 300 บาท อย่าลืมว่าของมันขึ้นราคาไปรอล่วงหน้าก่อนปรับ 300 บาทชุดแรกแล้ว
ส่วนปี 57 ถ้าจะขึ้นให้ถึง 500 หรือ 1,000 ก็ตามใจ เต็มที่ ถือว่าไม่เดือดร้อนล่ะ

หรือจะถึงให้ 2558 ปีที่เปิดประชาคมอาเซียน รับรองตัวเลือกที่สมเหตุสมผลเพียบ

ผู้บริหาร เทสโก้ โลตัส หนุนการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันพร้อมยันไม่ขึ้นราคาขายปลีกข้าวถุง

 

 

 

 

มันจะใชได้กับระบบทุนขนาดใหญ่เท่านั้นแหละ แล้วรายย่อย รวมถึง รากหญ้าล่ะ อยู่ยังไง?

 

 

 

สินค้าไหนขายดี โลตัส ก็จะสั่งทำ House brand ของตนเอง ขึ้นมาขายด้วย โดบบีบต้นทุนลงมาด้วย ไม่งั้นก็จะ งด เอาสินค้าดังกล่าวมาวางขาย

คนกลางไม่ต้องรีบมากก็ได้

 

เพิ่งจะ 9.17 น. 

เสรีไทย....ไม่มีเหลิมไทย...ก็ตั้งที่นี่แหละ...

มอดอยากย้าย...ไปไหน....ก็ย้าย...............

 

http://www.pantip.co.../A13107456.html

 

 

 

 

จาก การร้องเรียนของสมาชิก ผมแก้ปัญหาโดย ย้ายกระทู้สลิปเงินเดือนเข้าห้องสมุด เพราะนึกไม่ออกว่าจะเก็บไว้ที่ไหนดีที่กว่านี้ และขอล็คกระทู้ไว้ตามเดิม
http://webboard.seri.../page__st__3050

จุด ประสงค์ เพื่อให้สมาชิกยังคงมองเห็นได้ แต่ประเด็นโต้แย้งก็ควรจบเสียที เพราะได้แสดงความเห็นกันมากมายแล้ว สมควรแก่เหตุที่จะล็อคกระทู้เพื่อไม่เป็นภาระบอร์ดเพิ่มขึ้น

ปล.ผมแก้ปัญหาชั่วคราว หาก 1 ktip เห็นเป็นอย่างอื่นก็ตามสะดวก

 เหอๆๆ...นึกว่าจะว่า ว่าเธอชอบหอบ...ไปเยอะๆอยู่บ่อยๆ...