Jagger

เฟอร์บี้ทั้งหมดตอนนี้โดนขังอยู่ใช่ปะ น่าสงสารจัง ใครไปช่วยประกันตัวให้ด่วน

ฮากระทู้นี้ เอาข่าวปลอมในเน็ทมาจุดกระแส Foreign Policy ไม่เคยจัดอันดับอภิสิทธิ์ว่าเป็นผู้นำที่ดีที่สุดครับ คนที่ปล่อยข่าวนี้มันจัดอันดับเอง แล้วเอามามั่วรวมกับข่าวจริงที่FPเคยจัด Bad Exes ทำเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ คนปล่อยข่าวนี้มันเก่งนะ ดักควายไปปล่อยข่าวต่อได้เยอะดี  แต่ความจริงForeign Policy จัดอันดับอภิสิทธิ์ติดหนึ่งในห้าผู้นำที่พาชาติล่มจม   

The List: Five Governments That Deserve to Fail

 

A number of leaders around the world are on the ropes right now. That's not necessarily a bad thing.

 

The leader: Prime Minister Abhisit Vejjajiva



 

Why he's got to go: Politicking when he should be governing. Aiding the poor through the downturn should be a bigger priority than scrapping with rivals.



 

The story: Thailand has been in a state of political turmoil since 2006, when a military coup ousted then Prime Minister Thaksin Shinawatra. Ever since, Thaksin, a wealthy businessman with strongly populist tendencies, has continued to broadcast potent political messages to his supporters in the country.

For the past month or so, up to 100,000 "red shirt" protesters who support Thaksin have rallied against Abhisit and periodically forced Bangkok to shut down. This month, protesters forced the government to call off a summit of leaders from the ASEAN trade bloc -- a tremendous embarrassment for Abhisit -- and provoked a military response that left two dead.

In all likelihood, Thaksin's Keynesian economic policies would benefit Thailand more than Abhisit's. But regardless of which man seizes power, one thing is certain: Their perpetual infighting has severely harmed the country. An Asian Development Bank economist said political turmoil may cause the economy to contract 5 percent this year, revising his estimate from 2 percent. If neither of the two men can gain control and provide peace, at least they should find a way to protect the Thai economy instead of driving away foreign investment, tourism, and assistance.

 

http://www.foreignpo...deserve_to_fail

         ช่วยเด็กยากไร้รันทด "บ้านครูน้อย" สถานช่วยเหลือเด็กยากไร้เป็นหนี้นอกระบบ 8 ล้าน "ครูน้อย ทิมกุล" ร่ำไห้โฮร้อง "พงศพัศ พงษ์เจริญ" โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่รุดไปสอบถาม เผยสารภาพนำเงินที่ผู้บริจาคไปจ่ายดอกวันละ 5 หมื่น สาเหตุจากยอดบริจาคลดฮวบ แต่ต้องใช้จ่ายตกเดือนละกว่า 2 แสน ด้านผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมประสานให้เจ้าหนี้มาไกล่เกลี่ย จะมาพบหรือให้ไปพบเพื่อเจรจาก็พร้อม

          เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 ก.พ. พล.ต.ท. พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.ดุสิต สมศักดิ์ ผกก.สน. ราษฎร์บูรณะ พร้อมเจ้าหน้าที่ สน.ราษฎร์บูรณะ ได้เดินทางมาพบครูน้อย หรือ นางนวลน้อย ทิมกุล อายุ 67 ปี ที่สถานรับเลี้ยงเด็กยากจน บ้านครูน้อย เลขที่ 319 หมู่ 1 ซอยราษฎร์บูรณะ 26 แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กทม. หลังได้รับการร้องเรียนเรื่องเงินกู้นอกระบบ ที่กู้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กยากไร้ ซึ่งรับมาเลี้ยงภายในบ้านดังกล่าว

          ภายใน บ้านเป็นบ้านไม้ มีอาคารอยู่ด้วยกันหลายอาคาร เป็นที่พักอาศัยของเด็กผู้ยากไร้ มีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เจ้าหน้าที่พบเด็กที่ครูน้อยรับเลี้ยงไว้ทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง รวมแล้ว 72 คน ยืนให้การต้อนรับ พร้อมทั้งทักทายกล่าวสวัสดี พล.ต.ท.พงศพัศ และผู้ที่เข้ามาเยี่ยมเยือนอย่างน่าเอ็นดู ระหว่างนั้นมีผู้มีจิตเมตตานำอาหารและขนมมาเลี้ยงเด็กด้วย

          หลังจากนั้น พล.ต.ท.พงศพัศ จึงได้เข้าพูดคุยถึงปัญหาที่ครูน้อยกำลังประสบอยู่อย่างเป็นกันเอง

 ครูน้อย กล่าวเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า เปิด บ้านเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กด้อยโอกาสมาตั้งแต่ปี 2523 เนื่องจากเกิดความสงสารที่เห็นเด็กไร้ที่พึ่ง ไม่ได้เรียนหนังสือและไร้ที่พักพิง จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ระหว่างนั้นมีเด็กด้อยโอกาสเข้ามาอยู่ที่บ้านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม แม้จะมีเงินบริจาคจากมูลนิธิต่าง ๆ รวมถึงเงินบริจาคจากผู้ที่มีจิตเมตตาเข้ามาเป็นจำนวนมาก และรายได้จากการขายของที่ระลึก แต่ด้วยความมีคนอยู่มาก ค่าใช้จ่ายจึงต้องเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว จากนั้นตนจึงหันไปกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่ายภายในบ้าน เริ่มกู้ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2547 บางครั้งก็ต้องกู้มาจ่ายดอกของเจ้าหนี้อีกคน บางรายก็จ่ายจนครบทั้งต้นทั้งดอกไปหมดแล้ว แต่บางรายยังเหลือเงินต้นอยู่เป็นจำนวนมาก จนถึงวันนี้ตนมีเจ้าหนี้ อยู่ประมาณ 20 ราย และติดหนี้อยู่รวมแล้วประมาณ 8 ล้านบาท

          ครู น้อย กล่าวต่อว่า ในแต่ละวันตนต้องนำเงินไปจ่ายดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ทั้ง 20 ราย รวมแล้วประมาณ 5 หมื่นบาทต่อวัน ตนก็รู้ว่าเงินนอกระบบมีการคิดดอกที่แพงกว่าปกติ แต่ก็ต้องกู้เพื่อที่นำเงินมาใช้จ่ายเลี้ยงดูเด็กในบ้าน ที่ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 72 คน เป็นเด็กช่วงอายุ 3-14 ปี จำนวน 60 คน และอายุ 14 ปีขึ้นไปจำนวน 12 คน ทั้งส่งเสียให้เรียนตั้งแต่อนุบาลจนจบปริญญาตรี ทุกวันตนต้องจ่ายเงินค่าเรียนหนังสือให้เด็กในบ้านไปเรียนเป็นเงินกว่า 4 พันบาททุกวัน และแต่ละคนจะได้รับเงินไล่เลี่ยกันไป ที่เรียนสูง เช่น ระดับปริญญาตรี ก็ได้เงินมากหน่อย ที่ยังเรียนประถมศึกษาหรือมัธยมศึกษาก็ได้ลดน้อยลงมา รวมค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร และอื่น ๆ จิปาถะ ประมาณ 2.2 แสนบาท

          ครู น้อย กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหนี้บางคนก็เห็นใจตน บางครั้งก็ประนอมหนี้ให้ แต่ก็ต้องจ่ายให้ครบและมีกำหนดเวลาอยู่ดี แต่เจ้าหนี้บางคนก็มีข่มขู่บ้าง แต่ไม่ได้ข่มขู่ตนโดยตรง เพียงพูดจาฝากชาวบ้าน หรือบอกผ่านคนใกล้ชิดประมาณว่ารู้จักกับตำรวจบ้าง มีปืนบ้าง หรือพูดจาในเชิงที่ว่า ใครที่ติดหนี้ไม่จ่ายมีสิทธิ์ตายได้ทุกคน ตนก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องกู้เงินอีกรายมาจ่ายดอกให้อีกราย เพื่อบรรเทาปัญหาไป ในส่วนของเจ้าหนี้ทั้งหมดมีอยู่ 3 ราย ที่หนักกว่าเจ้าอื่น ก็มีรายแรกประมาณ 1.3 ล้านบาท อีก 2 ราย รายละ 5 แสนบาท ทั้ง 3 รายนั้น ตนได้กู้ตั้งแต่ปี 2547 และส่งดอกทุกเดือน บางเดือนก็ส่งทั้งต้นและดอก แต่ทุกวันนี้เงินต้นก็ยังไม่ลดลง

          "เรื่องนี้ไม่เคยบอกให้ใครทราบมาก่อน เพราะขณะนั้นยังสามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้อยู่ แต่ทุกวันนี้ไม่รู้จะนำเงินจากไหนไปจ่ายแล้ว เพราะฐานะที่บ้านก็ยากไร้ เงินสนับสนุนจากมูลนิธิต่าง ๆ และเงินบริจาคก็เริ่มร่อยหรอ ทุกวันนี้เวลาอยู่กับเด็ก ๆ ก็มีความสุข แต่เวลาอยู่คนเดียวก็ต้องคิดเรื่องดังกล่าวจนเครียด ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงต้องให้ตำรวจเข้าช่วยเหลือ และอยากให้เจ้าหนี้เห็นใจบ้าง เพราะทำงานรับใช้สังคมมาตลอด และเป็นคนซื่อตรงไม่เคยคิดเบี้ยวเจ้าหนี้ซักราย หาเงินจ่ายดอกให้ครบทุกเดือน แต่เงินต้นของบางรายไม่ยอมลดลงเลย" ครูน้อยกล่าว

          ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสอันดี ที่ครูน้อยได้สารภาพว่ารู้สึกผิดในการที่นำเงินของผู้ที่บริจาคให้กับเด็กไป จ่ายดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ การเปิดเผยข้อมูลในวันนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เกี่ยวกับ ภาระหนี้สินดังกล่าว ตนจะเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ กับเจ้าหนี้ที่มีจำนวนวงเงินกู้สูง ประมาณ 3 ราย มาพบปะหารือกันเกี่ยวกับการชำระหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ครูน้อยจะต้องจ่ายรายวัน จะต้องดำเนินการในเบื้องต้น กำหนดไว้ภายใน 3 วัน เพื่อปลดภาระหนี้สินให้ครูน้อยได้มีโอกาสนำเงินที่ได้รับบริจาคจากประชาชน ไปใช้สำหรับในการเลี้ยงดูเด็กต่อไป ซึ่งหากขณะนี้เจ้าหนี้รายใดได้รับทราบข่าวแล้ว จะเดินทางมาพบตนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือจะให้ตนไปพบที่ใดก็กรุณาแจ้งให้ทราบด้วย เพื่อให้เรื่องดังกล่าวจบสิ้นโดยเร็ว

          พล.ต.ท. พงศพัศกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องความปลอดภัยของครูน้อย ที่นำเรื่องดังกล่าวเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้วครูน้อยจะไม่ได้รับความปลอดภัย นั้น ในส่วนนี้ตนจะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ให้เข้ามาดูแลและช่วยเหลือ และหากพี่น้องประชาชนที่ประสงค์จะให้การช่วยเหลือสนับสนุนภาระของครูน้อย จะเดินทางมาพบปะครูน้อยด้วยตนเอง หรือ หากประสงค์จะบริจาค สามารถติดต่อได้โดยตรงที่บ้านครูน้อย เลขที่ 319 หมู่ 1 ซอยราษฎร์บูรณะ 26 แขวงราษฎร์ บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กทม. หรือที่โทรศัพท์หมายเลข 0-2871-3083 ได้ทุกวัน

http://hilight.kapook.com/view/46118

 

วันที่ 18 ก.พ. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 9 พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงตลาดสดทุ่งครุพลาซ่า 61 ถ.ประชาอุทิศ 61 โดยก่อนหาเสียงมีนางนวลน้อย ทิมกุลหรือครูน้อย พร้อมทั้งเด็กๆ ในการดูแล ประมาณ 10 คนเดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมชูป้าย "รักพงศพัศเพราะไม่ทิ้งคนจน"

โดยครูน้อย กล่าวว่า พล.ต.อ.พงศพัศชนะแน่นอน จากนั้นได้แวะใส่บาตรก่อนจะเดินทักทายบรรดาพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาด ขณะที่ พล.ต.อ.พงศพัศยังคงได้รับความสนใจเช่นเคย มีกลุ่มผู้ค้าต่างขอถ่ายรูปและจับมือ นอกจากนี้ยังมีแม่ค้าได้มอบขนมตาลและห่อหมกให้ชิม พร้อมทั้งใสห่อให้อย่างละ 9 ชิ้นมอบให้ พล.ต.อ.พงศพัศด้วย จากนั้นแวะดื่มชา กาแฟกับกลุ่มผู้สนับสนุน ก่อนขึ้นรถแห่หาเสียงไปตาม ถ.ประชาอุทิศ จากนั้นแวะใส่บาตรที่วัดทุ่งครุ นมัสการรูปหล่อพระครูพิพิธพัฒโนดม อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งครุ จากนั้นจึงเข้านมัสการพระครูสุนทรจารุวรรณ เจ้าอาวาสวัดทุ่งครุ ทั้งนี้ มีชาวบ้านชุมชนหลังวัดทุ่งครุ ร้องเรียนว่าสะพานข้ามชุมชนมีขนาดเล็ก ขอให้ช่วยแก้ไข ซึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศรับข้อร้องเรียนเอาไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.ต.อ.พงศพัศขึ้นรถแห่หาเสียง และแวะทักทายประชาชนรวมทั้งวินรถจักรยานยนต์ที่ ม.วิเศษสุขนคร ซ.ประชาอุทิศ 79 แวะลวกเส้นหมี่น้ำใสใส่ลูกชิ้นเนื้อวัว 9 ลูกที่ร้านมูฮำหมัดรสดี จากนั้นขบวนแวะหาเสียงต่อที่ชุมชน ซ.วัดสน เขตราษฎร์บูรณะ จากนั้นมุ่งหน้าหาเสียงต่อที่เคหะสุขสวัสดิ์ ซ.สุขสวัสดิ์ 38 มีประชาชนรอต้อนรับจำนวนมาก โดยได้มอบดอกกุหลาบและพวงมาลัยดอกดาวเรืองให้เป็นกำลังใจ พร้อมตะโกนเชียร์เบอร์ 9 ตลอดเส้นทาง

จากนั้นเวลา 12.30 น. พล.ต.อ.พงศพัศเดินทางหาเสียงต่อที่ บ.ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ซ.ประดู่ ย่านพระราม 3 มีบรรดาพนักงานบริษัทจำนวนมาก ต่างวิ่งกรูกันเข้ามามอบดอกกุหลาบเพื่อให้กำลังใจ โดย พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวย้ำถึงนโยบายที่จะเข้ามาแก้ไข เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งตนขออาสาเข้ามาเปลี่ยนแปลง กทม.ให้ดีขึ้น ขอให้เชื่อมั่นและมั่นใจในศักยภาพของนายกฯ และทุกกระทรวงที่จะเข้ามาดูแลปัญหาให้คน กทม. จากนั้น พล.ต.อ.พงศพัศพร้อมคณะ แวะรับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารภายในโรงงาน

 

http://www.khaosod.c...9PQ==&subcatid=

ผู้ว่าของคนจน จากคนจน และเพื่อคนจน 

เพราะผลโพลออกมาไม่ถูกใจครับ เลยจ้องมาดิสเครดิตโพล 

แอ๊ด คาราบาว 

ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ขอร้องฝ่ายที่แพ้ว่าอย่าดูถูกคนกทม.ก็แล้วกัน 

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสด เรื่อง ความคืบหน้าในการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ของนางอัญชลี วานิช เทพบุตร ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดยถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่ ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เห็นชอบโครงการต่างๆ ในการประชุม ครม.สัญจรอย่างไร อีกทั้งนายกฯประชุม ครม.สัญจรเป็นพรีเซ็นเตอร์สร้างภาพโฆษณาให้เกิดความหวัง โดยล่าสุด ครม.สัญจรเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีได้เห็นชอบงบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท แต่อนุมัติงบจริงเพียง 517 ล้านบาทใน 4 จังหวัดภาคใต้ อีกทั้งเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ครม.ได้มีมติยกเลิกโครงการสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยตั้งงบไทยเข้มแข็งไว้ในวงเงินงบ 2.6 พันล้านบาท การยกเลิกโครงการดังกล่าวตนขอทวงถามว่ามีเหตุอะไรในการยกเลิก


นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทนนายกฯว่า ขั้นตอนพิจารณางบ ที่ ครม.ตรวจราชการ หรือสัญจร ไม่ว่ากลุ่มใดทุกจังหวัดจะต้องได้งบไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านบาท สมมุติมี 5 จังหวัดก็จะได้งบประมาณจังหวัดละไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็ไม่เคยจัดสรรงบ ส่วนโครงการศูนย์ประชุมนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ที่บอกว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ยกเลิกโครงการนี้ได้มีมติ ครม. 20 ตุลาคม 2552 อนุมัติจัดสรรให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อก่อสร้างศูนย์ประชุมนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต เนื้อที่ 150 ไร่ วงเงิน 2.6 พันล้านบาท นอกจากนี้ จากการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมพบว่า หาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต มีการวางไข่เต่าทะเล การออกแบบก่อสร้างมีผลกระทบต่อทรัพยากรชีวภาพรบกวนการวางไข่ และเป็นพื้นที่ป่าค่อนข้างสมบูรณ์เป็นพื้นที่สุดท้ายของภูเก็ตและโปรดรักษาไว้ จากนั้นศึกษาความเหมาะสมโครงการในเรื่องพื้นที่ดังกล่าวเสี่ยงอันตรายไม่ เหมาะสมที่จะใช้ทำกิจกรรมสันทนาการคาบเกี่ยวผลกระทบชุมนุม ดังนั้น ครม.จึงไม่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ดำเนินการไม่แล้วเสร็จเองซึ่งถือเป็นความล้มเหลวของรัฐบาลที่ผ่านมา แต่รัฐบาลชุดนี้ยืนยันจะพัฒนา จ.ภูเก็ต และสร้างเศรษฐกิจให้คนไทยทั้งประเทศ

http://www.matichon....pid=03&catid=03

เกิดอะไรขึ้นครับ ถึงกร่างบนเวทีได้ถึงขนาดนี้ มีใครเล่าให้ฟังที

มันอยู่ที่ประชาชนครับ ว่าจะให้ใครบริหารกทม. 

ยันรัฐบาลรับไหวภาระหนัก เล็งต่ออายุรถไฟ-เมล์ฟรี

"มาร์ค" ไม่สนรัฐรับภาระหนัก ต่ออายุมาตรการรถเมล์ รถไฟ และไฟฟ้าไปจนถึงสิ้นปี 2553 เล็ง จัด "รถไฟ-รถเมล์" ฟรี เข้าไปสู่ระบบบริการสาธารณ (พีเอส โอ) ...

http://www.thairath....ntent/pol/92728

เอาข่าวเก่าปี 53 สมัยที่อภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลมาให้ดูนะครับ ว่านายอภิสิทธิ์เองก็คิดโครงการนี้เหมือนกัน 
 

"ในหลวง"โปรดเกล้าฯ"พล.อ.เปรม"เป็นประธานพิธีน้ำหลวงอาบศพ "ชุมพล" ขณะที่"บรรหาร"หลั่งน้ำตาอำลา ขอให้ไปสบาย ขณะที่"ทักษิณ"ส่งพวงหรีดร่วมไว้อาลัย

หลังจากที่ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ถึงแก่อสัญกรรม ด้วยโรคหัวใจ เมื่อช่วงสายของวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมาหลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยโรคหัวใจเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ฐานะพี่ชายของนายชุมพล พร้อมญาติผู้ใกล้ชิด ได้นำร่างที่ไร้วิญญาณประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดเทพศิรินทราวาส ศาลา1 โดยเมื่อเวลา 14.00 น. ได้มีพิธีรดน้ำศพ ซึ่งมีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและในสังกัด, นักการเมืองสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา, พรรคร่วมรัฐบาล, พรรคฝ่ายค้าน มาร่วมงานอย่างล้นหลาม อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ทำทีม คณะรัฐมนตรี อาทิ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่ากาากระทรวงยุติธรรม, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาฯ นายกฯ มาร่วมรดน้ำศพและร่วมไว้อาลัย, นายเสนาะ เทียนทอง แกนนำพรรคเพื่อไทย,นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎรธานี พรรคประชาธิปัตย์, นายวรรณรัตน์ ชาญวีรกุล อดีตหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา

จากนั้นในเวลา 16.50 น. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุุรุษ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ทั้งนี้นายชุมพล ถือว่าถึงแก่อสัญกรรมระหว่างปฎิบัติหน้าที่และดำรงตำแหน่งจึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานโกษไม้12 และเครื่องประดับ พร้อมพวงมาลาพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมศพและรับศพไว้ในพระราชานุเคราะห์เป็นเวลา7 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 - 28 ม.ค.ด้วย

สำหรับบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างเศร้าหมอง ระหว่างพิธีรดน้ำศพ ผู้ที่มาร่วมบางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ และหลังจากที่ผู้ที่มาร่วมงานได้รดน้ำศพจนหมด นายบรรหาร ได้เข้าไปรดน้ำศพเป็นคนสุดท้าย โดยระหว่างรดน้ำศพนั้น นายบรรหาร ซึ่งอยู่ในความเสียใจถึงกลับร้องไห้ออกมา โดยนายบรรหาร ได้กล่าวกับร่างที่ไร้วิญญาณของนายชุมพลว่า "ขอให้ไปดี ไปสบาย นะน้องพี่" แล้วก้มตัวนำมือไปตบที่บ่าข้างขวาของนายชุมพลก่อนที่จะเดินออกไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ส่งพวงหรีดดอกไม้สดสีชมพู มาร่วมไว้อาลัยนายชุมพล เช่นเดียวกับนายกฯ, รัฐมนตรี, นักการเมืองพรรคการเมืองฝ่ายค้าน, ภาคเอกชน และ ข้าราชการ

http://www.bangkokbi...อาบศพชุมพล.html

ขอร่วมไว้อาลัยครับ 

อีจอบดันทำแมงสาบตายยกรังอีกแล้ว  

ความสุขประชาชนหายไปเพราะมีคนสั่งทหารมายิงประชาชนในกทม.ครับ ผู้ว่ากทม.สมัยนั้นหายไปไหน ทำไมไม่ออกมาห้ามรัฐบาลเพื่อความสงบสุขของคนกทม.?