ดูดี..แต่ไม่ดีกว่า

คำรณวิทย์ ออกรายการหน้าทีั่พลเมือง ของ tpbs เวลา 11.30 ตอบได้ทุกคำถาม แมนมากๆ ได้ใจคนดูทั่งประเทศไปเยอะ

คุณธรรมความดีต่างๆ ที่คำรณวิทย์ทำให้พี่น้องประชาชน มีมากมาย กว่าที่พรรคปชป มีในรอบ60ปี

ถ้าแมนจริง วันนั้นคงไม่ให้ลูกน้องไปยื่นแทนหรอก

วันนั้นรู้สึก จะมีเรื่อง ม๊อบคนดอนเมือง ปิดถนนวิภาวดี ไม่พอใจสำนักเขตดอนเมือง และผู้ว่ากทม เลยต้องเรียบไปเคลียร์

ส่วนม๊อบตำรวจที่ไป ทางตำรวจบอกพี่ผมจะไปด้วย มีแต่คนตะโกนจะไป คำรณวิทย์เลยตัดบท ใครจะไปก็ไป

มาอ่านเฟซบุ๊กของ คุณหญิงสุดารัตน์ กันอีกนิดเพื่อให้จบความ

“ฝนตก น้ำท่วมถนน ทำให้รถติดเป็นอัมพาตทั้ง กทม. สงสารเด็กนักเรียนต้องทนนั่งอยู่ในรถ 2-3 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน ทำไม กทม.จึงระบายน้ำออกจากถนนสายสำคัญ ได้ ช้ามาก จนทำให้น้ำท่วมถนนหลายสาย คิดว่าปัญหาน่

กระแดะจัง ...

ลมเปลี่ยนทิศ ไทยรัฐ เป็นคนเขียน

อ้าว ... เฟซบุ๊คของลมเปลี่ยนทิศเหรอนี่

หมายถึงบทความทั้งหมด ที่เขียน คือคุณลม แล้วคุณลม ก็ไปเอา facebook สุดารัต มาลงด้วย

มาอ่านเฟซบุ๊กของ คุณหญิงสุดารัตน์ กันอีกนิดเพื่อให้จบความ

“ฝนตก น้ำท่วมถนน ทำให้รถติดเป็นอัมพาตทั้ง กทม. สงสารเด็กนักเรียนต้องทนนั่งอยู่ในรถ 2-3 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน ทำไม กทม.จึงระบายน้ำออกจากถนนสายสำคัญ ได้ ช้ามาก จนทำให้น้ำท่วมถนนหลายสาย คิดว่าปัญหาน่

กระแดะจัง ...

ลมเปลี่ยนทิศ ไทยรัฐ เป็นคนเขียน

ม.หอการค้า เผย ผลสำรวจ พบ ชาวนาพอใจโครงการรับจำนำข้าวมากกว่า ประกันรายได้

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจเปรียบเทียบทัศนะของเกษตรกรต่อนโยบายจำนำข้าวและประกันราคา และแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกร ระหว่างวันที่ 10-16 กันยายนที่ผ่านมา จำนวน 1,200 คนทั่วประเทศ พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่พอใจโครงการรับจำนำข้าวมากกว่าโครงการประกันรายได้ เพราะได้เงินเร็วกว่า และเมื่อได้เงินแล้วจะนำไปจับจ่ายซื้อสินค้าจากเงินที่ได้รับเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่มีประมาณ 3.7 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 19 ล้านคน มีผลผลิตรวม 32-35 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งข้าวในรอบการเพาะปลูกปี 2554/2555 มีการรับจำนำเข้ามาจำนวน 18 ล้านตันข้าวเปลือก ใช้งบประมาณ 280,000 ล้านบาท ซึ่งภายใต้สมมติฐานที่ไม่มีการรั่วไหลจากการทุจริต คาดว่าชาวนาได้รับเงินเพิ่ม 5,000-7,000 บาทต่อตัน จากข้าวในรอบการเพาะปลูกปี 2554/2555 จำนวน 18 ล้านตันข้าวเปลือก คาดว่าจะมีวงเงินเพิ่มขึ้น 90,000-126,000 ล้านบาท

ส่วนชาวนาที่ไม่ได้ร่วมโครงการ อีก 14 -17 ล้านตันที่ขายข้าวได้ในกลไกตลาด ราคาข้าวปรับสูงขึ้นตันละ 1,000-3,000 บาทต่อตัน รวมได้รับเงินเพิ่มขึ้นประมาณ 14,000-51,000 ล้านบาท รวมแล้วมีเม็ดเงิน 100,000-180,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบประมาณ 2 เท่า หรือประมาณ 200,000-300,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย

อย่างไรก็ตาม มีเกษตรกรถึง 1 ใน 3 ของโพล หรือร้อยละ 32 พบว่ายังเสพติดการรับจำนำ โดยเห็นว่าไม่ควรยกเลิก แต่ในส่วนที่เห็นว่าหากต้องยกเลิก รัฐบาลจะต้องช่วยเหลือในการลดต้นทุนการผลิต และสิ่งที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจนคือ เรื่องความคุ้มค่าของโครงการที่ลงทุนไป 400,000 ล้านบาท จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศทั้งระบบจริงหรือไม่ ขณะที่ชาวนายังต้องประสบกับความยากจนอย่างต่อเนื่อง และจะสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมข้าวทั้งกระบวนการหรือไม่ ดังนั้น รัฐบาลควรมอบหมายให้หน่วยงานกลางเข้ามาศึกษาวิจัยทั้งระบบอุตสาหกรรมข้าว ว่าได้รับประโยชน์อย่างยั่งยืนหรือไม่

ส่วนจากการสำรวจภาระหนี้เกษตรกรพบว่า เกษตรกรมีหนี้สินโดยรวมเพิ่มขึ้น 114,378 บาทต่อครัวเรือน หรือร้อยละ 11 จากปี 2554 มีหนี้จำนวน 103,047 บาทครัวเรือน เป็นหนี้ในระบบร้อยละ 59.1 และหนี้นอกระบบ ร้อยละ 41.9 ซึ่งหนี้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นหนี้นอกระบบ และเกษตรกรเชื่อว่าโครงการรับจำนำข้าวต่อเนื่องไปอีก 3 ปี จะทำให้หนี้สามารถหมดได้ภายใต้เงื่อนไขการมีวินัยทางการเงิน

วิกฤติ กทม.ฝนตก น้ำท่วม ของท่าน ชื่อจีนว่า

== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==

ผมไปดูงานที่ยุโรปหลายวัน กลับมาถึงกรุงเทพฯก็ได้ยินแต่เสียงก่นโคตรเรื่อง “ฝนตก–น้ำท่วม–รถติด” วันนี้ “ฝนตก น้ำท่วม รถติด” ได้กลายเป็น “ทุกข์ประจำวัน” ของคนกรุงเทพฯไปแล้ว แต่กลับไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยาจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. อย่างจริงจังและทุ่มเท นอกจากแก้ตัวโทษโน่นโทษนี่โทษฝนไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่ต้องโทษความสามารถของตัวเองและทีมงาน

แล้วก็เห็นข่าว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตัวเก็ง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย เขียนลงเฟซบุ๊ก ประจาน การทำงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ คงเห็นใจเพื่อนๆที่ส่งไลน์รำพันถึงความทุกข์ที่ต้องนั่งทุกข์อยู่ในรถนานถึง 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน

เรื่อง ฝนตก น้ำท่วม รถติด ใน กทม. รู้สึกว่าจะหนักข้อขึ้นทุกปี ทำให้ “ทุกชีวิตใน กทม.” ที่อยู่ในการดูแลของ ผู้ว่าฯ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จมทุกข์เดือดร้อนสาหัสเท่าเทียมกัน ผมจึงไม่แปลกใจที่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเกิดอาการลังเลให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.สมัย 2 ผลงานอย่างนี้ เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็มีหวังแพ้ และจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เหลือที่ยืนใน กทม.น้อยลงด้วย

ก็เป็นการเมืองภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่ คุณอภิสิทธิ์ จะต้องไปตัดสินใจเองจะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือจะเลือก คุณกรณ์ จาติกวณิช ตัวเต็งอีกคน ที่เก่งกว่า สดกว่า และมีภาษีดีกว่าหลายขุม

มาอ่านเฟซบุ๊กของ คุณหญิงสุดารัตน์ กันอีกนิดเพื่อให้จบความ

“ฝนตก น้ำท่วมถนน ทำให้รถติดเป็นอัมพาตทั้ง กทม. สงสารเด็กนักเรียนต้องทนนั่งอยู่ในรถ 2-3 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน ทำไม กทม.จึงระบายน้ำออกจากถนนสายสำคัญ ได้ ช้ามาก จนทำให้น้ำท่วมถนนหลายสาย คิดว่าปัญหาน่